พุทธบารมีฯ เหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ และกิจหลังจากนั้นฯ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย sravnane, 16 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    อันเป็นเหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ (4)

    [​IMG][b-wai] :cool:
    หลังจากนั้นท่านก็พากันเริ่มรวบรวมวัสดุอุปกรณ์ฯ ที่จะทำการหล่อแก้วมณีโชติฯ เพื่อนำมาสร้างพระต่อไป เพลานี้มีคำอธิษฐานและข้อวัตรปฏิบัติหลายอย่างที่เปลี่ยนไป เช่น การพยายามทรงอารมณ์พระอริยเจ้าให้เป็นปกติ บางอย่าง เช่น ทานที่ท่านถวายส่วนใหญ่จะถวายว่า " ขอน้อมถวายปัจจัยเพื่อชำระหนี้สงฆ์ สะเดาะเคราะห์ ถวายสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน ร่วมทำบุญทุกอย่างกับหลวงพ่อ..... ร่วมสร้างวัด...... ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา พร้อมทั้งขอโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนาร่วมกับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ อันมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหมด และทุกๆท่านอันเป็นการบูชาแล้วซึ่งคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงรับซึ่งเครื่องสักการะของข้าพเจ้าทั้งหลายเหล่านี้ เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญฯ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  2. Thanakarn

    Thanakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +106
    ร่วมบุญ

    ถวายสังฆทาน ถวายปัจจัยรวมทำบุญทุกอย่าง ณ จังหวัดชลบุรี(f)

    1 วัดเขาฉลาก
    2 วัดสังฆทาน
    3 วัดเขาพุทธโคดม
    4 สำนักสงฆ์บรมพุทธโธ
    5 วัดอัมพวัน
    6 วัดช่องมะเฟื่อง
    7 วัดวชิรธรมบรรพต
    8 วัดเขาพุวนาราม
    9 วัดวิเวการาม


    (deejai) (deejai) (deejai) (f) (f) (f) (||) (||) (||) (b-deejai) (b-deejai) (b-deejai) ^-^
     
  3. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    อันเป็นเหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ (5)

    [​IMG][b-wai] :cool:
    คำอธิษฐานบางตัวอย่างของคณะท่านฯ ตัดกังวล ตั้งนโมฯขอขมาพระฯ ทรงอารมณ์ฯ อาราธนาพระฯ "ขอบุญบารมีทั้งหลายทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้อาราธนามานี้จงมารวมตัวกัน ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ขอจงดลบันดาลให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป ดลบันดาลให้ข้าพเจ้าและผู้มีจิตเลื่อมใสในคุณพระรัตนตรัยทั้งหลาย มีอิทธิฤทธิ์มากมายสามารถดำรงสังขารนี้ให้อยู่ไปหลายอสงไขยหลายแสนมหากัปล์ตามความปรารถนา ได้ท่องเที่ยวไปในวัฏฏสังสาร ได้ช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญยั้งยืน ได้ช่วยผู้ประพฤติธรรมทั้งหลายให้มีดวงตาเห็นธรรม ได้ช่วยพระโพธิสัตว์ทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญเพียรสำเร็จสมความปรารถนา ได้ช่วยท่านทั้งหลายและสรรพชีวิตทั้งหลายให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บอุปทวอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ให้มีดวงตาเห็นธรรม ให้เป็นสุขยิ่งๆขึ้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
    เมื่อข้าพเจ้าดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานแล้ว ขอให้ธาตุขันธ์นี้แปรสภาพเป็นพระธาตุสมเด็จองค์ปฐมแก้วมณีโชติฯ เท่ากับจำนวนพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ได้ช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญยั่งยืน ได้ช่วยสรรพชีวิตทั้งหลายให้เข้าพระนิพพานจนหมด และได้เข้าพระนิพพานเป็นธาตุสุดท้าย
    ตราบใดความปรารถนาของข้าพเจ้ายังไม่สำเร็จ ขอผลบุญที่ข้าพเจ้าได้บูชาแล้วซึ่งคุณพระพุทธ พระรรม พระสงฆ์ อันไม่มีประมาณนี้ จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าประสพแต่ความสุขสำเร็จสมหวังสมความปรารถนาทุกประการนับแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญฯ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  4. นำธรรม

    นำธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +2,914
    มหาเมตตายอดยิ่งอธิฐานปัญญาบารมีไม่มีประมาณ

    บุญอันไม่มีประมาณแห่งมหาเมตตาบารมี

    ด้วยเป็นเหตุแห่งเวลาในยุคกึ่งกลางพระศาสนา ท่านผู้มีคุณผู้เจริญ
    คณะพระธาตุแก้วมณีโชติ ได้เป็นผู้มีปํญญาอธิฐานบารมีอันเป็นยอด
    แห่งบารมี ได้มีการบำเพ็ญบุญอันอัศจรรย์ เป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อรวมจิตให้ตั้งมั่นในคุณพระ ไม่ปรารถนาการเกิดอีกต่อไป บุญจึงมีความพิศดาลยิ่งขึ้นเป็นกำลังสำคัญแห่งพระศาสนา ในปัจจุบัน และอนาคตกาลอันยาวไกล เป็นบุญแห่งคำอธิฐานบารมีที่เต็มด้วยปํญญา
    กำลังบุญจะอลังการยิ่งใหญ่เพียงใด คงมิอาจกำหนดได้

    พระศาสนาจะมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไปนับจากนี้เป็นอนันต์

    ข้าพระพุทธเจ้า ขอนอบน้อมโมทนาในมหาบุญบารมีทั้งหลายที่ท่านผู้มีคุณ ผู้เจริญทั้งหลาย และคณะพระธาตุแก้วมณีโชติได้มีจิตตั้งมั่นในคุณพระ บารมีทั้งหลาย เป็นกำลังอันสำคัญในการยังกิจแก่พระศาสนาให้มีความรุ่งเรือง ขอนอบน้อมถวายบุญทั้งหลายทั้งหมดแด่
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ อันมีองค์สมเด็จองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระโพธิสัตว์เจ้าทุกพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ คุณแห่งบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ เหล่าเทพ พรหม
    อันไม่มีประมาณ
    ขอให้ข้าพพระพุทธเจ้า และท่านผู้เจริญทั้งหลายจงเป็นผู้รู้แจ้งในธรรมโดยฉับพลัน มีกำลังอภิญญา บารมีทั้งปวงเพื่อพระศาสนาสืบเนื่องนิรันดร์

    นำธรรม อนันตชัย
    (bb-flower (bb-flower (bb-flower
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2006
  5. นำธรรม

    นำธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +2,914
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    "ดูก่อนท่านทั้งหลาย ท่านที่มาประชุมทั้งหมดจะเป็นเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี ขอทุกท่านจงอย่าลืม -ความตาย- นั่นหมายถึงว่าการจุติ ลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไป อย่ามีความสุขเกินไป และมันจะทุกข์ทีหลัง จงดูภาพมนุษย์ว่ามนุษย์เมืองไหนบ้างน่าเกิด ดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงาน เราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์ เมืองมนุษย์มีแต่ความทุกข์ต้องประกอบกิจการงานทุกอย่าง ต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์มีความปรารถนาไม่ค่อยสมหวัง ทุกอย่างต้องใช้แรงงาน
    แต่ว่ามาเป็นเทวดา มาเป็นนางฟ้าทุกอย่างหมดสิ้น นั่นหมายความไม่ต้องทำอะไรทั้งหมด ร่างกายอิ่มเป็นปกติร่างกายเยือกเย็นอบอุ่นไม่ต้องห่มผ้า และมีความปรารถนาสมหวัง ก็หมายความถ้าจะไปทางไหนก็สามารถลอยไปถึงที่นั่นได้ทันทีทันใด ความป่วยไม่มี ความแก่ไม่มี ร่างกายไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความเป็นทิพย์อย่างนี้ท่านทั้งหลายจงอย่ามั่วเมา จงอย่ามีความเข้าใจผิดว่าเราจะอยู่ที่นี่ตลอดกาลตลอดสมัย
    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะอายุเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดีมีอายุจำกัดตามบุญวาสนาบารมี ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็ต้องจุติ คือตาย
    แต่ว่าท่านทั้งหลายจงอย่าลืมว่า เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมทั้งหมดที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมด แม้แต่จะเป็นพระอริยเจ้า ที่ท่านเป้นพระอริยเจ้าก็มาก จงอย่าลืมว่าทุกท่านยังมีบาปติดตัวอยู่ และการสะสมบาปมาเป็นชาติ ๆ ยังมีมากมาย"

    (พอพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้บรรดาท่านทั้งหลาย อาตมาก็ใช้กำลังใจดูร่างกายเทวดานางฟ้ากับพรหม เห็นเงาบาปอยู่ในหนามาก เป็นอันว่าทุกองค์ต่างองค์ต่างมีบาป แต่ก็มาเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ แล้วก็ดูตัวเองเวลานั้นร่างกายตัวเองก็เป็นทิพย์ บาปมันก็ท่วมท้นเหมือนกัน ต่อไปองค์สมเด็จพระภควันต์ทรงตรัสว่า)

    "ภิกขเว....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย (เวลานั้นมีพระมาด้วยหลายองค์) และท่านทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมด จงอย่าลืมว่าทุกท่านมีบาปติดตัวมามากมาย อาศัยบุญเล็กน้อยก่อนจะตายจิตใจนึกถึงบุญก่อน จึงได้มาเกิดบนสวรรค์บ้าง มาเกิดบนพรหมบ้าง ถ้าหากว่าจุติเมื่อไร โน่น...นรก*** (ท่านชี้มือลงเห็นนรกไฟสว่างจ้าแดงฉานไปหมด) ท่านทั้งหลายจะต้องพุ่งหลาวลงนรก เพราะกฎของกรรมคือบาป ชำระหนี้บาป กว่าจะเกิดเป็นคนก็นานหนักหนา และมาเป็นคนแล้วก็ไม่แน่ว่าจะได้กลับมาเป็นเทวดา นางฟ้าหรือพรหมใหม่
    ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าเป็นคนอาจจะทำบาปใหม่ อาจลงนรกไปใหม่ก็ได้ ฉะนั้นเมื่อท่านทั้งหลายมาถึงที่นี่ มาอยู่สวรรค์ก็ดี พรหมโลกก็ดี เป็นทางครึ่งหนึ่งของพระนิพพานระหว่างมนุษย์กับนิพพาน เป็นอันว่าท่านทั้งหลาย ได้ครึ่งทาง การได้ครึ่งทางของท่าน ท่านทั้งหลายจงดูนั่น...นิพพาน"

    (ท่านก็ยกมือชี้ให้ดูพระนิพพาน เวลานั้นเทวดานางฟ้ากับพรหมทั้งหมด อาตมาก็เหมือนกัน เห็นพระนิพพานไสวสว่างจ้า มีวิมานสีเดียวกันคือ สีแก้วแพรวพราวเป็นระยับ เป็นแก้วสีขาว พระอรหันต์ทั้งหลายที่อยู่ที่นั่นมีความสุขขนาดไหน มีความเข้าใจหมดรู้หมดเห็นหมด แล้วองค์สมเด็จพระบรมสุคตก็ทรงกลับมาพูดกับเทวดากับนางฟ้าใหม่ว่า)

    "ท่านทั้งหลายจงหวังตั้งใจคิดว่า ถ้าการจุติคราวนี้ ถ้าบุญวาสนาบารมีของเรานี้สิ้นสุดลง เราจะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์ เราจะไม่เกิดเป็นเทวดา เราจะไม่เกิดเป็นนางฟ้า เราจะไม่ไปเกิดเป็นพรหม เราต้องการไปพระนิพพานจุดเดียว และการไปนิพพานนี่ท่านทั้งหลายต้องยึด ***อารมณ์พระนิพพาน*** เป็นสำคัญ สำหรับพรหมก็ดี เทวดา นางฟ้าเก่า ๆ ก็ดี อาตมาไม่หนักใจทั้งนี้เพราะมีความเข้าใจแล้ว (ก็แสดงว่าพรหม เทวดา นางฟ้าเก่า ๆ เป็นพระอริยเจ้ามาก)

    ท่านมีความเป็นห่วงก็เป็นห่วงเทวดานางฟ้าใหม่ ๆ ที่มาเกิดใหม่ ๆ จะหลงความเป็นทิพย์ นั่นหมายความจะมีความเพลิดเพลินในความทิพย์ ยังมีความรู้สึกว่าเราจะเกิดอยู่ที่นี่ตลอดไป จะไม่มีการจุติจะไม่มีการเคลื่อน อันนี้เป็นความเห็นที่ผิด จงคิดตามนี้เพื่อพระนิพพานนั่นคือ จงมีความรู้สึกว่าเราจะต้องจุติวันนี้ไว้เสมอและอาการของชีวิตนี่เป็นของที่ไม่แน่นอน เราจะตายเมื่อไรก็ได้ ความตายเป็นของเที่ยง ความเป็นอยู่เป็นของไม่เที่ยง

    เมื่อคิดอย่างนี้แล้วทุกท่านจงอย่าประมาท จงใช้ปัญญาพิจารณาความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ว่าท่านทั้งหลายควรจะเคารพไหม ถ้าจิตใจของท่านมีศรัทธามีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ ก็เป็นอาการขั้นที่สองที่ท่านจะไปนิพพานได้

    หลังจากนั้น ขอท่านทั้งหลาย จงทรงศีลให้บริสุทธิ์*** จะเป็น ศีล 5 ก็ตาม ศีล 8 ก็ตาม กรรรมบถ 10 ก็ตาม ศีล10 ก็ตาม ศีล227 ก็ตาม" (พอท่านพูดถึงศีล 227 ก็คิดในใจว่าเทวดาจะไปบวชที่ไหน องค์สมเด็จพระจอมไตรก็หันหน้ามาตรัสว่า)

    "ฤาษี...เทวดาเขาไม่ต้องบวช อย่างเทวดาชั้นมายาก็ดี ชั้นดุสิตก็ดี อย่างนี้เขามีศีลครบถ้วนบริบูรณ์ทั้ง 227 เหมือนกับความเป็นพระ พรหมก็ตามเช่นเดียวกัน ทุกท่านอยู่ด้วยธรรมปิติทุกท่านอยู่ด้วยความสุข เขาไม่อาบัติ สิ่งที่จะเป็นอาบัติไม่มี สิ่งที่จะเป็นบาปไม่มี" (แล้วท่านก็กลับหันหน้าไปหาเทวดานางฟ้ากับพรหมว่า)

    "ขอทุกท่านจงอย่าลืมคิดว่า เราจะเป็นผู้มีศีล ให้ตั้งเฉพาะศีล 5ก็ดี ศีล 8 ก็ได้ ศีล 10 ก็ได้ กรรมบถ 10 ก็ได้ ศีล 227ก็ได้ ตั้งใจไว้ว่าเราจะไม่ละเมิดศีล หลังจากนั้นจึงมีจิตใช้ปัญญาคิดว่าการเกิดเป็นเทวดาก็ดี เป็นนางฟ้าก็ดี เป็นพรหมก็ดี มีสภาพไม่เที่ยง จะต้องมีการจุติเป็นวาระสุดท้าย ในเมื่อการจุติจะเกิดขึ้นอารมณ์จะทุกข์ จงคิดไว้เสมอว่าเราจะต้องจุติ ในเมื่อเราจะต้องจุติเราจะไม่ยอมลงอบายภูมิ เราจะไม่เกิดเป็นมนุษย์
    ท่านทั้งหลาย จงดูภาพของมนุษย์ (แล้วพระองค์ก็ชี้มาที่เมืองมนุษย์) มนุษย์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มนุษย์เต็มไปด้วยความโสโครก มนุษย์เต็มไปด้วยความทุกข์ มนุษย์เต็มไปด้วยการงานต่าง ๆ มนุษย์มีความหิวมีความกระหาย มีความอยาก มีความต้องการไม่สิ้นสุด สิ่งทั้งหลายที่ก่อสร้างขึ้นมาแล้ว จะเป็นทรัพย์สินยังไงก็ตาม ในเมื่อเราตายจากความเป็นมนุษย์เราก็หมดสิทธิ อย่างบางท่านเป็นพระมหากษัตริย์ อยู่ในพระราชฐานดี ๆ สร้างไว้เป็นที่หวงแหน คนภายนอกเข้าไม่ได้เข้าได้แต่คนภายใน
    แต่ว่าท่านทั้งหลายเมื่อตายมาแล้วกลับไปเกิดเป็นคน หากว่าท่านไม่ได้เกิดในตระกูลกษัตริย์ตามเดิม ท่านเป็นประชาชนคนภายนอก ท่านจะไม่มีสิทธิเข้าเขตนั้นเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นของที่ท่านสร้างเอาไว้ ท่านทำเอาไว้ทุกอย่าง แล้วท่านจะไม่มีสิทธิ นี่ความไม่แน่นอนของความเป็นมนุษย์มันเป็นทุกข์อย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นคนก็ต้องหยุด ต้องเดินไปเดินมาทำกิจการงานทั้งวัน เพื่อผลประโยชน์เดียวคือเงิน ถ้าไม่มีเงินก็ไม่สามารถจะมีชิวิตทรงตัวอยู่ได้ เพราะมีความจำเป็นต้องหาเงิน (ในเมื่อท่านตรัสอย่างนี้แล้วก็บอกว่า)
    จงอย่าคิดเป็นมนุษย์ต่อไป ตัดความเป็นมนุษย์เสีย เลิกความหมายความเป็นมนุษย์ เห็นว่าโลกมนุษย์เป็นทุกข์ มนุษย์มีสภาพไม่เที่ยง ไม่มีความทรงตัว มีความเกิดขี้นและมีความเปลี่ยนแปลง มีความแก่ มีความป่วย ในการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ มีความตายในที่สุด และจงอย่าอยากเป็นเทวดา อยากเป็นนางฟ้า พรหมต่อไป เพราะเทวดา นางฟ้า พรหมมีสภาพไม่เที่ยงเหมือนกัน
    เมื่อมีความเกิดในเบื้องต้น ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปธรรมดา ก็มีความจุติไปในที่สุด ทุกคนหวังนิพพานเป็นที่ไป ตั้งใจไว้เสมอว่าเราจะเป็นผู้มีศีล เราจะนับถือพระไตรสรณคมน์คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ แล้วก็เราจะต้องจุติในวันหน้า
    ตถาคตมีความรู้สึกว่าท่านทั้งหลายที่เป็นเทวดานางฟ้าพรหมเก่า ๆ
    มีความเข้าใจดีแล้ว (คำว่า "เข้าใจ" บรรดาท่านพุทธบริษัทหมายถึงปฏิบัติได้ นี้คือ ***อารมณ์พระโสดาบันกับอารมณ์พระอรหันต์)
    สำหรับเทวดานางฟ้าและพรหมใหม่ ๆ จงตั้งใจไว้เสมอว่า
    จงลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไป อย่ามีความสุขเกินไป และมันจะทุกข์ทีหลัง ตั้งใจคิดว่าความสุขที่ได้มานี่ เราได้มาจากบุญเล็กน้อยเท่านั้นและบาปใหญ่ที่ขังอยู่ที่ตัวของเรายังมีอยู่ ถ้าเราเผลอไม่สร้างความดี ในเมื่อจุติความเป็นเทวดาหรือหรหมในภพนี้แล้ว ทุกคนจะต้องลงอบายภูมิ

    จงดูภาพนรกว่ามีขุมไหนบ้างที่น่าอยู่น่ารัก มันไม่น่าอยู่ไม่น่าเกิด ดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงาน เราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์ และก็ดูเทวดานางฟ้ากับพรหม มนุษย์ที่เดินเกลื่อนกล่นทุกคนอยู่ในเมืองมนุษย์ เคยเป็นเทวดาเคยเป็นนางฟ้า เคยเป็นพรหมมาแล้ว แต่ว่าท่านทั้งหลาย จงตั้งใจไว้เฉพาะนิพพาน จงดูภาพพระนิพพานให้ชัดเจนแจ่มใสว่าดินแดนพระนิพพานไม่มีที่สิ้นสุด..."
    (เมื่อพระองค์ตรัสเพียงเท่านี้พระองค์ก็จบ)

    (หลวงพ่อได้สรุปใจความสั้น ๆ ตามที่ท่านเทศน์ไว้ดังนี้)
    "ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของไม่ยาก
    1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอ ๆ
    2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยใจจริง)
    3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
    4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพานแล้ว ตั้งใจไปพระนิพพานโดยเฉพาะ เท่านี้ทุกท่านจะหนีอบายภูมิพ้น และไปพระนิพพานได้ในที่สุด"

    ***หมายเหตุ*** เทศน์ที่ "เทวสภา" วันที่ 8 สิงหาคม 2535 เวลา 8.00 น พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน เมตตาเล่าให้ลูกหลานฟัง เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2535 เวลา 21.00 น.


    ขออานุภาพแห่งผลบุญบารมีที่ข้าพระพุทธเจ้าได้นำธรรมอัน ประเสริฐแห่งองค์สมเด็จองค์ปฐมมาเป็นธรรมทานนี้
    ขอผลบุญบารมีที่ข้าพระพุทธเจ้าได้บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตชาตินับเอนกอนันตชาติ ในปัจจุบันชาติ ปัจจุบันเวลา จงมารวมตัวกันเป็นตบะ เป็นเดชะ เป็นบารมี เป็นอิทธิฤทธิ และบุญฤทธิ ขอจงดลบันดาลให้พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองสืบไป ขอให้มารดาของข้าพพระพุทธเจ้าพ้นทุกข์หนี้สินทั้งปวง ขอให้คำว่าไม่มีอย่าได้บังเกิดนับจากนี้ไปจนถึงนิพพาน ขอให้ท่านผู้มีคุณจงหายจากโรคภัยทั้งปวง มีกำลังกายใจบำเพ็ญบารมียิ่งขี้นไป ขอให้มนุษย์โลกและสรรพสัตว์ทั้งหลายปราสจากภัยทั้งปวง ขอให้พระมหากษัตริย์ทั้งปวงทรงมีพระชนมายุยิ่งยื่นนานเป็นร่มโพธิของปวงชนตลอดไป
    ขอให้ข้าพระพุทธเจ้า ได้สร้างพุทธสถานแดนธรรมวังน้ำเขียว เพื่อถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา บูชาคุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ บูชาคุณพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้า และเพื่อถวายพระราชกุศลแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 แห่งราชวงค์จักรี
    ขอให้ข้าพพระพุทธเจ้าสร้างสำเร็จในปัจจุบันชาตินี้เทอญ
    ขอให้ข้าพพระพุทธเจ้าและท่านทั้งหลายที่มีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัยจงเป็นผู้เจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ธนสานส์สมบัติ
    เจริญด้วย ลาภ ยศ เงินทอง สรรเสริญ เจริญด้วยสติ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้ตัดกิเลสเป็นสมุทเฉจประหาร ให้เข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันี้ด้วยเทอญ....



    นำธรรม อนันตชัย(bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower




    (bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2006
  6. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมทอดกฐิน ณวัดโกมุตฯ จ.ชลบุรี วัดปากน้ำ กรุงเทพ ถวายเป็นพุทธบูชา และเพื่อพระนิพพาน
     
  7. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    โมทนาบุญทั้งหมดถวายเป็นพุทธบูชาฯครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2006
  8. tumromeo

    tumromeo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +1,077
    โมทนาบุญ นะครับ

    ข้าพเจ้าขอโมทนาบุญ ทั้งหมดด้วยนะครับ
    [​IMG]
     
  9. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    (i) ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมสร้างพระบรมธาตุ พระอรหันต์ 80 องค์ เพื่อประดิษฐานใต้พระเจดีย์ ณ วัดสระเกษ ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา

    (i) ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมทอดกฐิน ถวายภัตตาหาร ณ วัดนาป่าพง คลอง10 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

    (i) ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ นำไฟฟ้าเข้าวัด ณ วัดบ้านแดง ต.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ

    (i) ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ สร้างมณฑปครอบรอยพระบาทซ้าย-ขวา และรอยวางบาตร ฉัตรทองคำพร้อมประดับเพรช สร้างป้ายหินอ่อนปิดทองคำแท้ ถวายร่มทองแด่พระพุทธเจ้า 2 คัน และโต๊ะหมู่บูชา ถวายประทีป1000 ดวง ณ วัดถ้ำธารลอดใหญ่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี


    (i) ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ สร้างพระบรมธาตุ ฐานกว้าง 60 เมตร พระแม่กวนอิมพันมือ 15 เมตร ณ อาศรมพรหมธาดา บ้านใหม่แม่เตี้ยะ ม.6 ต.ดอนแก้ว อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
    (verygood) ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่อพระนิพพาน..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2006
  10. จิตว่าง

    จิตว่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +3,098
    ขอร่วมโมทนายบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่างนะค่ะ ขอบารมีพระทุกพระองค์จงดลบันดาลให้พระศาสนาเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นตลอดไปค่ะ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)
     
  11. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ประชุมพงศาวดารฉบับราษฏร์พระอนาคตวงศ์(๖)

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา​
    ขอน้อมจิตกราบแทบพระพุทธบาทองค์สมเด็จพระชินวรเจ้า น้อมขอขมาฯและอารธนาบารมีพระพุทธองค์ท่านได้มาปกคลุมกายและจิตของข้าพเจ้าและทุกท่านให้ยั่งจิตอยู่ในพุทธานุสติกรรมฐาน ได้รับทราบเรื่องราวการบำเพ็ญเพียรอันน่าศรัทธาและเคารพยิ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะมาตรัสในอนาคตกาลข้างหน้า ๑๐ พระองค์ ข้าพเจ้าขอน้อมขออนุญาตินำเรื่องราวอันประเสริฐยิ่งเหล่านี้มาเล่าให้กับทุกท่านผู้เจริญทั้งหลาย ได้สดับตรับฟังและโมทนาบุญกุศลของพระมหาโพธิสัตว์เจ้าผู้เจริญทั้งหลาย ณ กาลบัดนี้เถิด

    อุเทศที่ ๖ : พระรังสีมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า

    [​IMG]
    (f) ลำดับนั้น โสณพราหมณ์จะได้บังเกิดเป็นพระพุทธเจ้าสืบต่อไปในอนาคตกาลทรงพระนามชื่อว่าพระรังสีมุนีนาถศาสดาจารย์เจ้านั้น พระองค์มีพระวรกายสูงได้ ๖๐ ศอก มีพระชนมายุยืนได้ ๕ พันปีเป็นกำหนด คัมภีร์หนึ่งว่าไม้เลียบ คัมภีร์หนึ่งว่าไม้ดีปลีเป็นพระโพธิ ประกอบไปด้วยพระพุทธรัศมีดุจสีทองรุ่งเรืองทั้งกลางวันกลางคืนเป็นอันงาม ในศาสนาพระพุทธรังสีมุนีนั้น มนุษย์ทั้งปวงกระทำการงานเลี้ยงชีวิตของอาตมา เหมือนมนุษย์ทุกวันนี้ ผิวพรรณของมนุษย์ทั้งหลายงามเหมือนกับสีทองในกาลนั้นมหาชนจะใช้เส้นด้ายจุดไฟในเวลางอกขึ้นของผลฝ้าย ผลฝ้ายจะไม่เป็นไปตามธรรมดาฯ ในศาสนาของพระพุทธองค์ มหาชนจะสวมเครื่องประดับต่าง ๆ พระพุทธเจ้าอันทรงพระนามว่ารังสีมุนีนั้น ได้สร้างพระบารมีทั้ง ๑๐ ประการ มาเป็นอาทิ คือทานและศีล แต่กองพระบารมีครั้งหนึ่ง เป็นปรมัตถบารมี ปรากษอัศจรรย์หวั่นไหว จึงได้พระพุทธสมบัติทั้งปวง พระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงนำมาซึ่งอดีตนิทานของพระรังสีมุนีว่า

    [​IMG]
    (f) อตีเต กาเล ในอดีตกาลล่วงลับไปแล้วช้านาน ในเมื่อศาสนาพระกกุสนธสัมมาสัมพุทธ เจ้าได้ตรัสในโลก ครั้งนั้นโสณพราหณ์บรมโพธิสัตว์บังเกิดเป็นมาณพผู้หนึ่ง มีนามชื่อว่ามาฆมาณพ เป็นมหาวาณิชพ่อค้าสำเภามีความปราถนามักมาก ไปค้าสำเภาเป็นปฐมนั้น ราคาสินค้าอันหนึ่งขายได้กำไร ๑๐ เท่า แล้วประมวลทรัพย์กลับสำเภาแล่นมานาวนจมลงในน้ำ แต่ตัวนั้นรอดมาได้ มาฆมาณพจัดแจงสำเภาไปใหม่เป็นคำรบ ๒ สินค้าอันเดียวขายได้กำไร ๑๐ เท่า ได้ทรัพย์แล้วกลับสู่บ้านเรือนได้ ๗ วัน เกิดเพลิงไหม้เรือนสิ้นเข้าของทั้งหลายเป็นอันมาก จึงจึดแจงสำเภาไปค้าขายอีกเป็นคำรบ ๓ ก็ขายของสิ่งเดียวได้กำไรอีก ๑๐ เท่าได้ทรัพย์แล้วกลับมายังบ้านเรือน มีโจรทั้งหลายเข้าสะกดหลับเก็บเอาทรัพย์สิ่งของทองเงินทั้งปวงไปสิ้น ในขณะนั้นมาฆมาณพจัดแจงแต่งสินค้าไปขาย ในวารเป็นคำรบ ๔ ก็ได้ราคาขายของสิ่งเดียว บังเกิดผลถึง ๑๐ เท่าได้ทรัพย์แล้วกลับมาถึงบ้านเรือน ในวันนั้นพระมหากษัตริย์ให้ราชบุรุษทั้งหลายไปเก็บเอาทรัพย์สิ่งของแห่งมาฆมาณพนั้นมาเข้าท้องพระคลังจนหมดสิ้น

    [​IMG]
    (f) ตกว่ามาฆมาณพผู้เป็นมหาวาณิชนั้น ได้ถึงซึ่งความพินาศฉิบหาย ๔ ครั้ง มาฆมาณพกับภรรยาสองคนผัวเมียก็เกิดความทุกข์ยากวิวาทกันกับภรรยาเมื่อคราวจนแล้ว ส่วนตัวได้ผ้าแดงผืนหนึ่ง กับทองแสนหนึ่ง หย่ากันกับภรรยาเสียแล้วก็ลงจากเรือนไปเที่ยวค้าขาย คิดว่าครั้งนี้เราจะไปกระทำวาณิชกรรมในที่ดังรือ ก็เที่ยวไปในประเทศจนถึงเมืองโกสัมพี ในกาลนั้นเป็นวันปัณณรสีอุโบสถ มาณพนั้นก็รักษาศีลสำรวมจิตต์ปกติ ฝ่ายว่าชาวเมืองโกสัมพี แลชาวนิคมชนบททั้งหลายก็ชวนกันเดินไปมาในท่ามกลางพระนครตามความปราถนา

    [​IMG]
    (f) ในกาลนั้น พระสาวกองค์หนึ่งแห่งพระกกุสันธสัพพัญญูพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น เข้าสู่ผลสมาบัติ ครั้นว่าออกจากสมาบัติแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจินตนาว่า ใครผู้ใดหนอมีความทุกข์เบียดเบียนเป็นอันมาก เล็งแลดูด้วยทิพย์จักษุญาณ ก็เห็นแจ้งว่า มาณพผู้เป็นบรมโพธิสัตว์นั้น ประกอบไปด้วยมหัตทุกข์มากนัก ควรอาตมาจะยังมาณพผู้นี้ให้บังเกิดผลเห็น เป็นทิฏฐธรรมเวทนีย์ให้ได้เสวยผลในอัตตภาพชาตินี้ พระผู้เป็นเจ้าคิดแล้ว ก็จับบาตรและจีวรประดับกายพร้อมแล้ว เหาะมาโดยอากาศลงในท่านกลางเมืองโกสัมพี ยืนอยู่ในที่ใกล้มรรคาหนทาง มหาชนแลเห็นท่านแล้ว จึงเรียนถามว่า ข้าแก่พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระคุณเจ้ายืนอยู่ที่นี้ทำไมฯ พระสาวกตอบว่า ดูก่อนอุบาสกผู้เจริญทั้งหลาย อาตมายืนอยู่นี้ เพื่อคอยดูมาณพฯ มหาชนกล่าวว่าข้าแด่พระคุณเจ้าผู้เจริญ เราทั้งหลายจักถวายทาน แด่พระคุณเจ้าฯ พระสาวกนั้นไม่ยอมรับทาน ก็คงยืนอยู่ในที่นั้นเอง มหาชนทั้งหลาย จึงพากันไปสู่หนทางไปสนามกีฬา เพื่อการเล่นสนุก พอมาณพเดินมาตามมรรคาเห็นพระสาวก แล้วก็เข้าไปกราบไหว้ถามว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าจะปรารถนาสิ่งดังรือ ดูก่อนมาณพ อาตมาภาพมยืนอยู่เพื่อจะรับทานของท่านมาณพได้ฟังดังนั้นก็จิตต์เลื่อมใสศรัทธา ประกอบไปด้วยความโสมนัสส์เปรียบเหมือนบุรุษยากไร้เข็ญใจ ได้ซึ่งถุงทรัพย์พันตำลึง อันท่านมาวางลงในมือแห่งตนจึงกล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เจริญศีลาธิคุณ ตัวของข้าพเจ้าเป็นปุถุชนวาณิชเที่ยวค้าขายได้กำไรถึง ๔ หน ก็บังเกิดมหันตทุกข์เป็นอันมาก บัดนี้ข้าพเจ้าขอกระทำพระนิพพาน เป็นวาณิชกรรมแห่งข้าพเจ้าแล้ว จะยังจิตต์ให้เที่ยวไปค้าขายในเมืองแก้ว กับผ้าแดงผืนหนึ่งถวายแก่พระสาวก ด้วยจิตต์โสมนัสส์ศรัทธาเลื่อมใส เป็นอันดี แล้วก็กระทำความปราถนาว่า เดชะผลทานในกาลบัดนี้ จงเป็นปัจจัยให้สำเร็จแก่พระสัพพัญญูตญาณเถิด พระสาวกเจ้าก็รับเอาไทยทานแล้วอนุโมทนาว่า ดูก่อนอุบาสกผู้รู้พระไตรสรณาคุณแก้วสามประการอันว่าความปรารถนาของท่านมีประการใด ขิปฺปํ สมิชฺฌตุ จงสำเร็จเป็นอันเร็วแก่ท่านดังความปราถนานั้นเถิด พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอนุโมทนา ในที่ถวายทานแห่งมาณพนั้นบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ขึ้นมาต้นหนึ่ง ฝ่ายมาณพก็ขึ้นอาศัยไม้กัลปพฤกษ์นั้น เปรียบเหมือนเทพบุตรผู้มีฤทธิ์ ไปนั่งอยู่บนยอดเขายุคนธรบรรพต

    [​IMG]
    (f) ครั้งนั้น พระเจ้าโกสัมพีเสด็จแวดล้อมมาด้วยมหาชนเป็นบริวาร ออกมาถึงสถานที่นั้น ทอดพระเนตรเห็นมาณพนั่งอยู่ในต้นกัลปพฤกษ์นั้น ประดุจดังทิพยพิมาน จึงเสด็จเข้าไปใกล้ต้นกัลปพฤกษ์ ฝ่ายว่าเทพารักษ์ ที่รักษาต้นไม้กัลปพฤกษ์นั้น ก็จับเอาพระศอพระยาโกสัมพีเสือกไสออกมาจึงทรงพระพิโรธสั่งให้ราชบุรุษทั้งหลาย เอาไฟมาเผาไม้ทิพยพิมานนั้นเสีย ในที่นั่นบังเกิดเป็นดอกประทุมชาติผุดขึ้นมารับรองเอามาณพนั้นไว้ ให้นั่งอยู่บนดอกบัวเป็นอันงาม ฝ่ายพระยาโกสัมพีทรงเห็นเป็นอัศจรรย์ จึงสั่งให้จับตัวมาณพบรมโพธิสัตว์ให้เอาไปถ่วงน้ำเสีย เมื่อมหาชนเอามาณพไปถ่วงน้ำ ครั้งนั้นดอกบัวใหญ่ก็ผุดขั้นมารับเอามาณพไว้ มิได้เป็นอันตราย ครั้นพระยาโกสัมพีเห็นอัศจรรย์ดังนั้น จึงถามมาณพว่า ไม้กัลปพฤกษ์ต้นนี้ บุคคลดังรือให้แก่ท่าน มาณพจึงทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ไม้วิมานทิพย์นี้พระสาวกให้แก่ข้าพระบาท จึงตรัสว่า ท่านจงไปหาพระสาวกให้มายังสำนักแห่งเรา จึงจะเชื่อถ้อยคำของท่าน ครั้งนั้นมาฆมาณพจึงตั้งจิตต์อธิษฐานจงอนุเคราะห์แก่ข้าพเจ้า กลับมายังสำนักข้าพเจ้าก่อนเถิด พอขาดคำอธิษฐานลงองค์พระสาวกผู้ประเสริฐ ก็เล็งแลด้วยทิพยจักษุญาณรู้แจ้งแล้ว ก็เหาะลอยลงมายืนประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใกล้แห่งมาณพนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงบอกแก่กรุงกษัตริย์โกสัมพีว่า ดูก่อนพระองค์ ผู้เป็นสมมติเทวราช ถ้าแลพระองค์ขืนกระทำประทุษร้ายแก่มาณพหน่อพุทธางกูรนี้ ในพระนครของพระองค์ก็จะทรุดจมลงไปในแผ่นปฐพีหมดสิ้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้นแล้ว ก็กลับเหาะไปในอากาศเวหา ลงยังสำนักของพระผู้เป็นเจ้า พระยาโกสัมพีได้ฟังพระมหาเถระกล่าวดังนั้น ก็ตกใจสะดุ้งกลัวแต่ภัยยิ่งนัก จึงตรัสว่า ดูก่อนมาณพผู้เจริญ เราขออภัยโทษแก่ท่านเสียเถิด ตั้งแต่วันนี้ไปท่านจงเป็นอนุชาธิราชของเรา พระยาโกสัมพีก็ตั้งมาฆมาณพพบบรมโพธิสัตว์ไว้ในที่เป็นอนุชาธิราชของพระองค์ฯ

    [​IMG]
    (f) ดูก่อนธรรมเสนาสารีบุตร อันว่ามาณพนั้นได้ซึ่งมหาสมบัติทั้งปวง เป็นอันมาก เมื่อได้ตรัสเป็นพระสัพพัญญูเจ้าทรงพระนามชื่อว่าพระรังสีมุนี จึงมีพระพุทธรัศมี และได้ซึ่งสมบัติบริบูรณ์อันประเสริฐยิ่งนัก พระโพธิสัตว์นั้นให้มหาทานต่อเนื่องกัน ในศาสนาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ๙ พระองค์เหล่านี้ คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า พระโคตมพุทธเจ้า พระเมตไตรยพุทธเจ้า พระรามพุทธเจ้า พระธรรมราชาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมสามีพุทธเจ้า และพระนารทพระพุทธเจ้า จักเป็นผู้มียศใหญ่ฯ

    [​IMG]
    (f) ดูก่อนสารีบุตร ผู้มีธรรมเป็นพระราชา ผู้เจริญ เมื่อเป็นเช่นนี้ สัตว์ทั้งปวง ถ้าไม่ได้บรรลุธรรมอันเลิศในศาสนาของพระพุทธเจ้า ๖ พระองค์ คือ ของเรา และของพระอริยเมตไตรย พระราม พระธรรมราชา พระธรรมสามีและพระนารทสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตกาล โสณพราหมณ์จักเป็นพระพุทธเจ้านามว่ารังสีมุนี ท่านทั้งหลาย จงปราถนาธรรมอันเลิศ ในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นเถิด

    [​IMG]
    (f) แสดงมาด้วยเรื่องราวโสณพราหมณ์บรมโพธิสัตว์คำรบ ๖ ก็ยุตติแต่เพียงนี้ฯ

    อุเทศของโสณพราหมณ์ ผู้จะเป็นรังสีมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า
    อุเทศที่ ๖ จบแล้ว
     
  12. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    โมทนาบุญคุณ jaggrit เป็นอย่างสูง ที่ให้ทุกคนได้โมนาบุญพระฯในอนาคตทั้ง10 พระองค์ด้วยกัน
    ขอบคุณครับ สาธุ ๆ ๆ
     
  13. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ประชุมพงศาวดารฉบับราษฏร์พระอนาคตวงศ์ (๗)

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา​
    ขอน้อมกราบขอขมาพระรัตนตรัยอันประเสริฐยิ่ง ขอกราบอาราธนาบารมีพระแก้วรัตนโชติ ขอพระบรมพุทธานุญาตินำเรื่องราวของการบำเพ็ญของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตกาล ๑๐ พระองค์ เพื่อเผยแผ่แด่ท่านสาธุชนผู้เจิรญทั้งหลายให้ได้รับทราบและได้โมทนาบุญกุศลอันไม่มีประมาณนั้นของบรมมหาโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย

    อุเทศที่ ๗ : พระเทวเทพสัมมาสัมพุทธเจ้า

    [​IMG]
    (f) ในกาลเมื่อสิ้นศาสนาพระรังสีมุนีแล้ว มัณฑกัปป์ทรงพระพุทธเจ้าสองพระองค์นั้นก็ล่วงลับดับศูนย์ไป เกิดแผ่นดินขึ้นมาใหม่ ก็ชื่อว่ามัณฑกัปป์ทรงพระพุทธเจ้าสองพระองค์เหมือนกัน คือสุภพราหมณ์บุตรแห่งโตไทยพราหมณ์นั้นคนหนึ่ง เป็นบรมโพธิสัตว์ จะได้ตรัสเป็นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระนามชื่อว่า พระเทวาเทพสัพพัญญูฯ กับโตไทยพราหมณ์นั้นคนหนึ่ง เป็นบรมโพธิสัตว์จะได้ตรัสเป็นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าทรงพระนามชื่อว่า นรสีหสัพพัญญู ในมัณฑกัปป์อันเดียวกันฯ

    [​IMG]

    (f) สุภพราหมณ์บรมโพธิสัตว์ จะได้ตรัสเป็นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าก่อนนั้น ทรงพระนามชื่อว่าเทวเทพ มีพระสรีรกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีพระชนมายุยืนได้ ๘ หมื่นปี ไม้จัมปาเป็นพระมหาโพธิ ประกอบด้วยพระพุทธรัศมี ยังโลกธาตุทั้งปวงให้สว่างรุ่งเรืองอยู่เป็นนิจจกาล ปราศจากฤดูเย็นและร้อนอันว่าฉัพพรรณรังสีที่ ๖ ประการ มีสัณฐานงามเปรียบเหมือนช่อฝักบัวเมื่อยังอ่อน ๆ อยู่นั้น ด้วยเดชะพุทธานุภาพพื้นแผ่นดินปฐพีบังเกิดเข้าสาลีมีกลิ่นโอชารสหอมวิเศษ และต้นไม้กัลปพฤกษ์ ประกอบไปด้วยสรรพสิ่งต่าง ๆ มนุษย์ทั้งหลายได้อาศัยบริโภคข้าวสาลี และประดับประดาสรีรกาย มิได้กระทำการถากไร่ไถนาค้าขาย ผิวพรรณแห่งมนุษย์ทั้งหลายนั้น ก็งามผุดผ่องเป็นสีทองโดยปกติ ถึงไม่แต่งตัว ก็งามอยู่เองเป็นอัตราด้วยสรีรกายนั้นเหลือง เป็นสีทองเนื้อละเอียดเป็นอันดีงามฯ

    [​IMG]
    (f) ดูก่อนสำแดงสารีบุตร พระเทวเทพสัพพัญญูเจ้า ครั้งเมื่อเป็นบรมโพธิสัตว์ได้สร้างพระบารมี ๑๐ ประการบริบูรณ์ด้วยทานและศีล แต่กองพระบารมีครั้งหนึ่ง เป็นยอดพระบารมีปรากฏเป็นปรมัตถบารมีมกุฏทาน เหตุดังนั้น พระองค์จึงได้ซึ่งพระพุทธสมบัติเป็นอันมาก ตรัสดังนั้นแล้ว จึงนำซึ่งอดีตนิทานมาตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า

    [​IMG]
    (f) อตีเต กาเล ในอดีตกาลล่วงไปแล้วช้านาน สุภพราหมณ์นี้ เมื่อครั้งศาสนาสมเด็จพระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บังเกิดเป็นพระยาฉัททันต์ตัวประเสริฐอาศัยอยู่แทบฝั่งฉัททันต์สระที่ป่าพระหิมพานต์ ครั้งหนึ่งพระอัญญาโกณฑัญญเถรเจ้า ผู้เป็นพระสาวกแห่งสมเด็จพระโกนาคมนเจ้า มีพระชนมายุสังขารจวนจะสิ้นแล้ว เข้าสู่พระนิพพานแทบฝั่งฉัททันต์สระ ในกาลครั้งนั้น อันว่าพระยาช้างศรีเศวตมงคลขาวสะอาดดังไกลาสเงินยวงเป็นอันงาม ก็มีความปราถนาซึ่งพระสัพพัญญูตญาณ พระบรมฉัททันตชาติคชสารตัวประเสริฐ บังเกิดเป็นโพธิสัตว์ เสพอาศัยอยู่ในขอบฝั่งสระนั้น ครั้นเที่ยวไปได้ทัศฯนานุตตริยาคุณเห็นกองบุญ บังเกิดความยินดีโสมนัสส์ ที่ได้พบเห็นพระสรีรกายแห่งองค์พระขีณาสพ พระอัญญาโกฑัญญเถระ พระยาช้างเผือกผู้โพธิสัตว์จึงตั้งจิตต์อธิษฐานลงว่า เราจะกรทำการปลงพระสรีรกายพระมหาสาวกนั้น ในประเทศนี้ แล้วก็ร้องประกาศแก่ฝูงเทพดาทั้งหลายว่าเชิญท่านมาช่วยด้วย อันว่ากองกุศลอันใดเราได้กระทำไว้แต่ชาติปางก่อนแม้นมีอยู่แล้ว ขอจงมาอุปภัมภกยกเอาเลื่อยทิพย์อันหนึ่ง มาให้ในสำนักแห่งเรา ด้วยเดชะกองกุศลของพระยาช้างตั้งจิตต์อธิษฐานดังนั้น อันว่าเลื่อยทิพย์ก็บันดาลลอยมาตกลงตรงหน้าแห่งพระยาช้าง ๆ ก็ตัดงาทั้งสองให้ขาดแล้วก็เอางาของตัวข้างหนึ่งกระทำเป็นกระทำเป็นโกศ อีกข้างหนึ่งกระทำเป็นรูปนกยูงทองประดับเป็นอันงามจะกระทำฌาปนกิจเผาสรีรกายพระขีณาสพนั้นๆ

    [​IMG]
    (f) จึงมีคำพระอาจารย์กล่าวโจทย์ว่า พระยาช้างฉัททันต์เป้นชาติเดียรัจฉานเหตุดังรือ จึงเอางาของอาตมามากระทำเป็นโกศ มีรูปนกยูงทองประดับประดาเป็นอันงามพึงให้นักปราชญ์ผู้มีปัญญากล่าววิสัชชนาแก้ด้วยประการดังนี้ว่า พระยาช้างฉัททันต์นั้น เป็นสัตว์เดียรัจฉานก็จริงแล แต่ว่าเป็นบรมโพธิสัตว์ก่อสร้างพระบารมีมามากแล้ว เดชะพระบารมีทั้งหลายของพระยาช้าง ก็ร้อนขึ้นไปถึงอาศน์แห่งสมเด็จอมรินทราธิราช จึงมีเทวบัญชาสั่งพระวิษณุกรรมเทพบุตรให้ลงมานิรมิตสรรพการเครื่องฌาปนกิจทั้งปวงสำเร็จแล้ว ครั้งนั้นพระยาช้างแก้วก็ถอนเอาผมในศรีษะของอาตมากระทำเป็นไส้ประทีป ตามถวายเป็นเครื่องสักการบูชา ฝ่ายว่าช้างบริวารทั้งหลาย ก็มาประชุมแวดล้อมพร้อมกันทั้ง ๘ หมื่น ๔ พัน กระทำสมโภชรื่นเริงบรรเทิงใจเล่นเป็นโกลาหล ด้วยพวกพลช้างทั้งหลายนั้นถ้วยถึง ๗ วัน แล้วก็เชิญอสุภกัมมัฏฐาน คือพระกเฬวรสรีรกายพระขีณาสพเจ้าออกจากโกศยกขึ้นวางในรูปนกยูงทอง จึงเอาแก่นจันทร์แดงมีกลิ่นอันหอมลงรองเรียบไว้เป็นอันดี แล้วก็ตั้งลงซึ่งพระอสุภกัมมัฏฐานแห่งองค์พระขีณาสพเจ้า จึงเชิญขึ้นวางไว้บนเศียรเกล้าของอาตมา แล้วก็เอาเพลิงจุดเผาพระศพสรีระ ณ เบื้องบนศรษะแห่งตนนั้น ครั้นเตโชธาตุเผาผลาญสังหารพระสรีรศพย่อยยับลงแล้ว รูปนกยูงทองที่เป็นเชิงตะกอน ซึ่งตั้งอยู่บนศรีษะพระยาช้างนั้น ประดุจดังว่ามีจิตต์วิญญาณก็บินไปบนอากาศหายไปสิ้น มิได้มีเศษแต่พระสรีรธาตุทั้งหลายนั้นตกลงเรี่ยรายอยู่บนแผ่นดินในที่นั้นฝูงเทพยดาทั้งหลาย ตกแต่งพระเจดีย์บรรจุพระสรีรธาตุไว้

    [​IMG]
    (f) ในกาลนั้น พระยาช้างชาติฉัททันต์ จึงกระทำปริธานความปราถนาว่าเดชะข้าพเจ้าได้เลื่อยงาทั้ง ๒ ของข้าพเจ้า กระทำเป็นเครื่องสักการบูชาพระอสุภกัมมัฏฐานของพระสาวกเจ้านี้ ขอให้เป็จปัจจัยได้สำเร็จแก่พระสร้อยสรรเพชญุดาญาณในอนาคตกาลเถิดฯ ครั้นพระยาช้างสิ้นชีวิต ก็ได้ขึ้นไปบังเกิดในดุสิตเทวโลกเป็นเทพบุตร เสวยทิพยสมบัติในวิมานอันเกษมนิราศภัยฯ

    [​IMG]
    (f) ดูก่อนสำแดงสารีบุตรผู้เจริญ อันว่าสุภพราหมณ์นี้ แต่ครั้งศาสนาพระโกนาคมเจ้าได้ก่อสร้างพระบารมีดังนี้ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งทรงพระนามชื่อว่าพระเทวเทพสัพพัญญูผู้ประเสริฐในอนาคตกาลโน้น ดูก่อนสารีบุตรผู้มีธรรมราชา ผู้เจริญ สัตว์ทั้งหลายไม้ได้บรรลุธรรมอันเลิศในศาสนาของพระเจ้าทั้งหลายเหล่านี้ คือ ของเรา ของพระเมตไตรย ของพระราม ของพระธรรมราชา ของพระธรรมสามี ของพระนารท ของพระรังสีมุนี สุภพราหมณ์จักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า เทวเทพ ในอนาคตกาล พวกท่านจงปราถนาพบศาสนาของพระเจ้าองค์นั้นเถิด

    [​IMG]
    (f) แสดงมาด้วยเรื่อวราวพระสุภพราหณ์ บรมโพธิสัตว์คำรบ ๗ ก็ยุตติแต่เพียงนี้ฯ

    อุเทศของสุภพราหมณ์ผู้จะเป็นพระพุทธเจ้านามว่าเทวเทพสัมมาสัมพุทธเจ้า
    อุเทศที่ ๗ จบแล้ว
     
  14. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    (i) :cool: (i) ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน สร้างพระอุโบสถ พระประธาน พระสาวก ยกช่อฟ้าสร้างวิหารคต ถวายภัตตาหารเพล ณ วัดตะเคยนงามลักคณานุกูล ม.10 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

    (i) :cool: (i) ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมทอดผ้าป่าสร้างฐานพระแม่กวนอิม ถวายภัตตาหารเพล ณ สำนักสงฆ์พรหมสุนทร ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี

    (i) (i) น้อมถวายพระเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่อพระนิพพานในชาตินี้...(verygood) (verygood) (verygood)
     
  15. Vipinda

    Vipinda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +5,066
    คนลิงเทวดา

    1ทำบุญวัดไตรมิตร 2วัดมังกร 3วัดพระบรมราชนวาช
    4วัดพระแก้ว 5วัดมหาธาตุ
    ค่าน้ำค่าไฟ,ค่าบำรุงวัด,บริจาคเงิน,หล่อพระประทาน3องค์,ถวายสังฆทาน,ดอกไม้ธูปเทียนบูชาพระ,ปิดทองพระพุทธรูป ฯลฯ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)
    (verygood) (verygood) (verygood)
     
  16. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ทอดกฐินสร้างซุ้มประตู ถวายภัตตาหารพระ ณ วัดท่านาง ต.ล้อมแรด อ.เถิน จ.ลำปาง

    ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ทอดกฐินบูรณะศาลาการเปรียญห้องอาบน้ำพร้อมสุขา ณ วัดบรรไดทอง ต.วังยาง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี

    ถวายปัจจัย แผ่นทอง ร่วมหล่อพระประธาน 3 องค์ หลวงปู่โต 1 องค์ ศิษย์พระแม่กวนอิมเล่งนึ้งและกุมารฯ อย่างละ 1องค์ ณ โรงหล่อพระพนัส

    น้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาและเพื่อพระนิพพานในชาตินี้
     
  17. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    (i) ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ทอดกฐินสร้างซุ้มประตู ถวายภัตตาหารพระ ณ วัดท่านาง ต.ล้อมแรด อ.เถิน จ.ลำปาง


    (i) ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ทอดกฐินบูรณะศาลาการเปรียญห้องอาบน้ำพร้อมสุขา ณ วัดบรรไดทอง ต.วังยาง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี


    (i) ถวายปัจจัย แผ่นทอง ร่วมหล่อพระประธาน 3 องค์ หลวงปู่โต 1 องค์ ศิษย์พระแม่กวนอิมเล่งนึ้งและกุมารฯ อย่างละ 1องค์ ณ โรงหล่อพระพนัส

    (f) น้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาและเพื่อพระนิพพานในชาตินี้(verygood) (verygood) (verygood)
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)
     
  18. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    อานิสงส์แห่งการบูชาต้นพระศรีมหาโพธิ์ ตอนจบ

    (i) พระสีหาสนพิชิยเถระ(i)
    (f) ในอดีตชาติ ท่านได้ไหว้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ของพระพุทธเจ้า พระนามว่า "ติสสะ" และได้ถวายงานพัดพระแท่นสีหาสน์ในที่นั้นด้วย และด้วยอานิสงส์นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย ในชาติสุดท้ายนี้ได้บรรลุพระอรหันต์พร้อมด้วยคุณวิเศษ

    (i) พระติณุกกธาริยเถระ(i)
    (f) ในอดีตชาติ ท่านได้จุบคบเพลิงบูชาต้นพระศรีมหาโพธิ์ ของพระพุทธเจ้าพระนามว่า " ปทุมุตตระ " ด้วยอานิสงส์นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย ในชาติสุดท้ายนี้ได้บรรลุวิชชา 3 พร้อมด้วยคุณวิเศษ

    (i) พระสุมนวีชนิยเถระ(i)
    (f) ในอดีตชาติ ท่านใช้พัดวีชนีพัดต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าพระนามว่า "วิปัสสี" ด้วยอานิสงส์นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย ในชาติสุดท้ายนี้ได้บรรลุวิชชา 3 พร้อมด้วยคุณวิเศษ

    (i) พระโพธิสัมมัชชกเถระ(i)
    (f) ในอดีตชาติ ท่านได้ถวาดใบพระศรีมหาโพธิ์ ออกจากลานพระเจดีย์ของพระพุทธเจ้าพระนามว่า "ติสสะ" ด้วยอานิสงส์นั้น ท่านเวียนว่ายตายเกิดอยู่แต่ในภพของเทวดาและมนุษย์เท่านั้น ไม่รู้จักทุคติเลย ในชาติสุดท้ายนี้ได้บรรลุวิชชา 3 พร้อมด้วยคุณวิเศษ

    (i) พระปัญจทีปิกาเถรี และพระปัญจทีปทายิกาเถรี(i)
    (f) ในอดีตชาติ พระเถรีทั้ง 2 รูป เคยได้ถวายประที 5 ดวง บูชาต้นพระศรีมหาโพธิ์ แล้วน้อมรำลึกถึงพระพุทธเจ้าในอดีต ด้วยอานิสงส์นั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย เวียนว่ายตายเกิดอยู่เฉพาะแต่เทวดาและมนุษย์เท่านั้น ในชาติสุดท้ายนี้ได้บรรลุวิชชา 3 พร้อมด้วยคุณวิเศษ

    :cool: จะเห็นได้ว่าอานิสงส์หรือผลบุญที่กระทำหรือบูชาต้นศรีมหาโพธิ์ อันเป็นสถานที่ประทับตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั้น แม้จะเป็นการกระทำเพียงเล็กน้อย แต่มีจิตเลือมใสในคุณพระรัตนตรัยด้วยจิตมั่น ด้วยอานิสงส์นั้นจึงส่งผลให้พระเถระและพระเถรีทั้งหมดที่กล่าวมา พ้นจากทุกข์ในสังสารวัฎนี้ได้
    อานิสงส์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงบำเพ็ญบารมีมาอย่างเต็มเปี่ยมบริบูรณ์แล้ว(ใครที่มีจิตเลือมใสหรือได้ทำบุญในพระศาสนาของท่านนิดเดียวย่อมได้บุญมหาศาล..)
    พุทโธอัปนาโน คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้

    (i) ข้าพเจ้าขอโมทนาบุญทั้งหมดนี้น้อมถวายพระเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ขอพระศาสนาเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปและขอคำอธิฐานที่ผมได้ทำตั้งใจถวายพระฯ และนิพพานในชาตินี้ จงเป็นผลสำเร็จเทอญ...
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2006
  19. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ประชุมพงศาวดารฉบับราษฏร์พระอนาคตวงศ์ (๘)

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา​

    ข้าพพระพุทธเจ้าขอนอบน้อมกราบขอขมาต่อพระรัตนตรัยอันประเสริฐยิ่ง ขอน้อมกราบอารธนาบารมีคุณพระแก้วรัตนโชติมาคลุมกายและจิตของข้าพเจ้าและทุกท่านให้ยั่งจิตอยู่พุทธานุสติกรรมฐาน และขอพระพุทธานุญาตินำเรื่องราวของการบำเพ็ญเพียรของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๑๐ พระองค์ที่จะมาตรัสรู้ในกาลข้างหน้า เพื่อนำถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา ณ กาลบัดนี้เถิด

    อุเทศที่ ๘ : นรสีหสัมมาสัมพุทธเจ้า

    [​IMG]
    (f) ในเมื่อศาสนาแห่งพระเทวเทพสัพพัญญูเจ้านั้นเสื่อมศูนย์สิ้นแล้ว ในมัณฑกัปป์นั้น โตเทยยพราหมณ์ผู้เป็นบรมโพธิสัตว์จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าสืบต่อไป ทรงพระนามชื่อว่า พระนรสีหสัพพัญญู สมเด็จพระเจ้านรสีหะนั้นมีพระกายสูงได้ ๖๐ ศอก ประกอบไปด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่างเป็นอันงาม ประดุจดังดวงแก้วมณีโชติแห่งสมเด็จบรมจักร พระองค์มีพระชนมายุประมาณ ๘๐ ปี เป็นกำหนดอายุขัย มีไม้แคฝอยเป็นพระมหาโพธิ ด้วยเดชานุภาพของพระองค์ แผ่นดินบังเกิดมีข้าวสาลีอันหอม ประกอบไปด้วยโอชารสเป็นปกติ มนุษย์ทั้งหลายได้อาศัยบริโภคข้าวสาลีเลี้ยงชีวิต แล้วเกิดมีในไม้กัลปพฤกษ์นั้น มนุษย์ทั้งหลาย มีรูปก็งามมีพรรณเหลืองดังสีทอง ถึงมิได้ตกแต่งสรีรกายด้วยเครื่องประดับ ก็งามอยู่เองเป็นปรกติ มนุษย์ทั้งหลายมีความสุขเป็นอันมาก

    [​IMG]
    (f) สมเด็จพระนรสีหะนั้น แม้เสด็จอยู่ในที่ใดแล้ว เศวตฉัตรแก้วก็บังเกิดขึ้นมากางกั้นพระองค์อยู่เป็นนิจกาล จะได้เปล่าจากเศวตฉัตรแก้วนั้น หามิได้ด้วยพระบารมีคุณของพระองค์ทรงพระอุตสาหะ ก่อสร้างมาพร้อมทั้ง ๑๐ ประการ แต่กองพระบารมีครั้งหนึ่งปรากฏเป็นมหัศจรรย์ยกขึ้นเป็นยอดมิ่งมงกุฏ พระบารมีเป็นปรมัตถคุณ ควรนักปราชญ์ทั้งหลายจะกล่าวสรรเสริญ เหตุดังนั้น พระนรสีหสัพพัญญู จึงได้พระพุทธสมบัติเห็นปานดังนี้ฯ

    [​IMG]
    (f) ดูก่อนสารีบุตร ผู้เป็นพระยาธรรมของพระตถาคต ในเมื่อว่างพระศาสนาแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์ คือพระกัสสปสัพพัญญู และศาสนาพระตถาคตต่อกันนั้น เป็นกาลควรพระพุทธเจ้าจวนจะมาตรัสอยู่แล้ว ในท่ามกลางระหว่างศาสนานั้น โตไทยพราหมณ์ผู้นี้เกิดเป็นวาณิชผู้หนึ่ง มีนามชื่อว่านันทมาณพไปเที่ยวค้าขายในประเทศต่าง ๆ

    [​IMG]
    (f) ครั้งหนึ่งยังมีพระปัจเจกโพธิเจ้าพระองค์หนึ่ง เสด็จไปเที่ยวโคจรบิณฑบาตนันทมาณพเห็นองค์พระปัจเจกโพธิเจ้า ก็บังเกิดมีความเลื่อมใสศรัทธา ยกเอาผ้ากัมพลสีแดงผืนหนึ่ง กับทองแสนตำลึง กระทำเป็นเครื่อง ไทยธรรมถวายแก่พระปัจเจกโพธิเจ้า เป็นมหาบริจาค แล้วจึงตั้งปณิธานความปราถนาว่า ข้าแต่พระปัจเจกโพธิผู้ตรัสรู้ธรรมวิเศษต่าง ๆ พระคุณเจริญมากหาที่สุดมิได้ข้าพเจ้าถวายทานบัดนี้ ขอจงเป็นปัจจัยแก่พระสัพพัญญูตญาณในเบื้องหน้าด้วยเดชะผลทานนี้ พระปัจเจกโพธิเจ้ารับเอาผ้ากัมพลผืนนั้นมาคลุมพระองค์ลงผ้ากัมพลนั้นปิดปกพระองค์โดยรอบคอบ ยังเหลือแต่พระหัตถ์และพระบาทในเบื้องบนนั้น มีประมาณศอกหนึ่ง นันทมาณพเห็นดังนั้น จึงตั้งความปราถนาเป็นสองประการอีกเล่าว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้เจริญ นานไปในอนาคตเบื้องหน้าโน้น ขอให้ข้าพระพุทธเจ้ามีเดชานุภาพแผ่ทั่วไปในภายใต้แผ่นพื้นปฐพีนั้นโยชน์หนึ่ง ด้วยเดชะผลทานในครั้งนี้ ครั้นนันทมาณพตั้งความปรารถนาแล้วพระปัจเจกโพธิเจ้า จึงอนุโมทนาทานของนันทมาณพ แล้วคมนาการไปจากที่นั้นไปถึงกลางมรรคา

    [​IMG]
    (f) ยังมีนางกุมารีสาวน้อยผู้หนึ่ง เห็นพระปัจเจกโพธิจ้าห่มผ้าแดงเดินมานางจึงถามว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้เจริญ พระเจ้าข้า ผ้าผืนนี้ที่พระผู้เป็นเจ้าห่มมีสีแดงงาม บุคคลผู้ในถวายแก่พระผู้เป็นเจ้า พระปัจเจกโพธิจึงบอกว่าดูก่อนสีกา ผ้าแดงผืนนี้ พาณิชนันทมาณพถวายแก่อาตมา พระเจ้าข้าพระผู้เป็นเจ้า เขาถวายผ้ากัมพลแล้ว เขากระทำความปราถนาดังรือ พระปัจเจกโพธิบอกว่า ดูก่อนสีกา มาณพนั้นถวายผ้าแล้ว กระทำความปรารถนาสองประการ คือ ปรารถนาพระสัพพัญญูประการหนึ่ง ปรารถนาศิริราชสมบัติประการหนึ่ง

    [​IMG]
    (f) นางกุมารีได้สดับดังนั้น จึงยกเอาผ้าของอาตมามาถวายแก่พระปัจเจกโพธิเจ้าแล้วก็ตั้งความปราถนาว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระคุณอันยิ่ง ถ้าแม้ว่ามาณพพาณิชนั้นได้เสวยศิริราชสมบัติเป็นบรมกษัตริย์แล้ว ข้าพระเจ้าขอปรารถนาเป็นนางพระยาราชมเหสีแห่งพาณิชผู้นั้นด้วยเดชะนางกุมารีพลอยกระทำบุญตามพาณิชนั้น คนทั้ง ๒ นั้นก็ได้สมัคคสังวาสอยู่กิน เป็นภรรยาสามีกัน ในปัจจุบันชาตินั้นมาแล้ว ก็คิดอ่านการกุศลสร้างศาลาหลังหนึ่งไว้ในที่นั่น ยังนายช่างให้สลักเป็นรูปพระปัจเจกโพธิเจ้า ประดิษฐานตั้งไว้ในศาลาฝ่ายว่านางกุมารีจึงโกนซึ่งเกษเอาเกษามาชุบน้ำมันหอม กระทำสักการบูชาพระปัจเจกโพธิเจ้า กระทำผมของต่างไส้ประทีปตามถวาย

    [​IMG]
    (f) ในกาลครั้งนั้น คนทั้งสองได้กระทำกุศลด้วยประการดังนี้ ครั้นกระทำกาลกิริยาายก็ได้ไปบังเกิดในดาวดึงสพิภพเทวโลกเสวยทิพยสมบัติอยู่ช้านานจะประมาณนับด้วยปีในมนุษย์นี้ได้ ๓ โกฏิ ๖๐ แสนปี เป็นกำหนด ครั้นสิ้นอายุแล้ว จุติลงมาบังเกิดเป็นบรมกษัตริย์ทรงทศพิธราชธรรมทั้ง ๑๐ ประการเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงทวารวดีมหานคร ส่วนว่านางฟ้ากุมารีนั้น ก็จุติลงมาบังเกิดในสกุลมหาเศรษฐี อันประกอบไปด้วยสมบัติมาก ในกรุงทวารวดีครั้นนางกุมารธิดาจำเริญชันษาได้ ๑๖ ปี ก็ได้มาเป็นพระราชอรรถมเหสีแห่งบรมกษัตริย์นั้น นางทรงพระนามชื่อว่าพระมงคลราชเทวี มีแสนสาวสุรางค์แวดล้อมเป็นยศศักดิ์บริวารประมาณ ๑๐ แสน วันหนึ่ง สมเด็จพระเจ้ากรุงทวารวดีเสด็จแวดล้อมพร้อมด้วยพระสนมข้างในประมาณ ๑๖ แสนประสงค์พระทัยจะทดลองบุญแห่งพระมงคลราชมเหสีนั้น ให้ปรากฏแก่หมู่สาวสนมทั้งหลาย จึงมีพระราชโองการตรัสสั่งแก่หมู่นางทั้งหลาย ให้จัดแจงแต่งสำรับเข้าคนละสำรับให้ถ้วนทุกตัวนาง แล้วพระองค์ให้นั่งบริโภคอยู่ตรงหน้าพระที่นั่ง เหล่านางทั้งหลายก็บริโภคโภชนาหารเป็นปกติ จะได้เห็นประหลาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งหามิได้ แต่องค์พระมงคลราชมเหสีนั้น นางนั่งอยู่ในที่สุวรรณภาชน์ ล้างพระหัตถ์ลงในที่สุวรรณภาชน์นั้นแล้วก็รับเอาอาหาร กระทำเป็นคำขึ้นเข้าไปในพระโอษฐ์ อันว่านิ้วพระหัตถ์ของนางที่จับเอาคำข้าวไว้นั้นก็กลายเป็นทองทุกนิ้วพระหัตถ์ ทุกคำเสวยในที่นั้น ด้วยเดชุผลทานที่พระนางได้ตกแต่งเป็นการกุศลอันประณีตบรรจง แต่บุพพชาติหนหลัง เหล่านางสนมทั้งหลายได้เห็นนิ้วพระหัตถ์พระมงคลราชมเหสีเป็นทองปรากฏแก่อาตมาก็รู้แจ้งว่า นางพระยาเจ้ามีบุญ หาควรที่เราท่านทั้งหลายจะเกิดความคิดฤษยาหึงหวงไม่ ตั้งแต่วันนั้นมา ก็ยำเกรงพระราชมเหสีเป็นอันมาก ฯ

    [​IMG]
    (f) สมเด็จพระเจ้ากรุงทวารวดีนั้นมีความเสน่หาในพระมงคลราชมเหสีเสด็จบรรทมเหนือแท่นอันเดียวกัน ก็ได้ทรงตั้งพระนางนั้นไว้ในที่เป็นเอกอรรคราชเทวี ผู้มีบุญหานางจะเปรียบเสมอสองมิได้ ด้วยเดชะผลทานของพระนางและของพระองค์ได้กระทำมาเสมอกันแต่บุพพชาติ จึงได้เสวยศิริราชสมบัติดังนั้น ฯ สมเด็จพระสัพพัญญูเจ้าของเรา ตรัสพระสัทธรรมเทศนาแก่พระสารีบุตรว่า โตไทยพราหมณ์ได้กระทำบุญมาแต่ก่อน จึงได้เสวยสมบัติในสวรรค์และมนุษย์ บัดนี้จึงได้บังเกิดเป็นพราหมณ์ในศาสนาของตถาคต นานไปเบื้องหน้าโน้น โตไทยพราหมณ์จักได้เกิดเป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่านรสีหะ ด้วยเดชะผลทานอันเป็นปรมัตถบารมี ปรากฏดุจกล่าวมาฉะนี้

    [​IMG]
    (f) ดูก่อนสารีบุตร ผู้มีธรรมเป็นราชา ผู้เจริญ เมื่อเป็นอย่างนี้ สัตว์ทั้งปวง ถ้าไม่ได้บรรลุธรรมอันวิเลิศในศาสนาของพระพุทธเจ้า ๘ พระองค์เหล่านี้ คือ เรา พระอริยเมตไตรย พระราม พระธรรมราชา พระธรรมสามี พระนารท พระรังสีมุนี และพระเทวเทพ ในอนาคตโตเทยยพราหมณ์จักเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า นรสีหะ ท่านทั้งหลายจงปรารถนาธรรมอันเลิศในศาสนาของพระนรสีหุทธเจ้านั้นเถิด แสดงมาด้วยเรื่องราวโตไทยพราหมณ์บรมโพธิสัตว์คำรบ ๘ ก็ยุตติแต่เพียงนี้ฯ เอวํ ก็มี ด้วยประการฉะนี้

    อุเทศของโตเทยยพราหมณ์ผู้จะเป็นพระนรสีหสัมมาสัมพุทธเจ้า
    อุเทศที่ ๘ ก็จบแล้ว
     
  20. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    อันเป็นเหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ (6)

    [​IMG][b-wai] :cool:
    คณะพระธาตุแก้วมณีโชติฯส่วนใหญ่จะมาจากพุทธภูมิ ซึ่งทุกท่านหลังจากลาพุทธภูมิก็ยังปฏิบัติกิจของพุทธภูมิอยู่เหมือนเดิม และดูเหมือนว่าจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ด้วยทุกท่านเร่งที่จะจบกิจของตนในชาตินี้ หลังจากที่ท่านเข้านิพพานกันแล้ว ท่านได้พากันอธิษฐานพระธาตุเป็นรูปต่างๆตามบุญวาสนาบารมี เช่น เป็นพระ,ดอกบัว,ลูกแก้ว,ดอกไม้,หยดน้ำ ฯลฯ เพื่อให้พระธาตุนั้นคงอยู่ปกปักรักษาจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญยั่งยืนตลอดไปตามคำอธิษฐานฯ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ เป็นครั้งสุดท้าย
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2006

แชร์หน้านี้

Loading...