พื้นที่ปลอดภัยยามเกิดอภิมหันตภัย ในจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย truethailove, 27 พฤศจิกายน 2011.

  1. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    เสาอินทขิลเสาหลักเมืองของนครเชียงใหม่นี้ตั้งอยู่
    ภายในวัดเจดีย์หลวง
    เดิมตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ซึ่ง
    ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่เรียกว่า
    "สายดือเมือง"
    เมื่อพระเจ้ากาวิละย้ายออกจากเวียงป่าซาง
    ซึ่งอยู่นาน
    14 ปี 4 เดือน 20 วันเข้าสู่นครเชียงใหม่
    เมื่อเดือน
    6 ขึ้น 12ค่ำย้ายเข้าวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2339
    เพื่อ "ส้างบ้านแปลงเมือง"
    นำเชียงใหม่ สู่ยุคเก็บผัก
    ใส่ช้าเก็บข้าใส่เมือง ฟื้นอำนาจเชียงใหม่จนประสบชัย
    ใน
    พ.ศ.2343 จึงเรียกชื่อเมืองเชียงใหม่ว่า
    "เมืองรัตตนติงสาภินวปุปรี"
    พร้อมก่อรูปกุมภัณฑ์
    รูปสุเทวฤษไว้ใกล้หออินทขีล ที่วัดโชติอารามวิหาร
    ชาวเชียงใหม่มีความเชื่อว่า เมื่อสักการบูชาเสา
    อินทขิลแล้ว
    บ้านเมืองจะพ้นภัยพิบัติและมีความเจริญ
    รุ่งเรืองขึ้น
    จึงเป็นประเพณีสักการบูชามาตราบกระทั่งทุกวันนี้
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    2. วัดป่าแดงหลวง ( อโศการาม )
    ตั้งอยู่ที่บ้านหลิ่งห้า ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง

    บริเวณวัดตั้งอยู่บนเนินเขาติดกับดอยสุเทพ
    รวมทั้งที่ราบหน้าเนินเขา
    ตามตำนาน มีลัวะ 2 คน
    ยิงกระทิง
    คือวัวเถื่อน เอาเนื้อมาย่างไว้ เขาทั้งคู่จึง
    นำข้าวและเนื้อกระทิงย่างนั้น
    ถวายแก่พระพุทธเจ้า
    พระองค์เสวยแล้วตรัสพยากรณ์ว่า
    ต่อไปภายหน้า
    สถานที่นี้คนทั้งหลายจะมาสร้างอาราม จะปรากฏว่า
    อโศการามตามนิมิตที่ลัวะย่างเนื้อแห้งนั้นแล
    พระอรหันต์และพระเจ้าอโศกราช
    จึงทูลขอ
    พระเกศาธาตุหนึ่งองค์ อัญเชิญบรรจุไว้ในสถานที่นั้น
    และได้ปรากฏชื่อว่า วัดอโศกรามจนถึงกาลบัดนี้

    ตำนานวัดนามมงคลเมืองเชียงใหม่ ตอน วัดป่าแดงหลวง
     
  3. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    3. วัดอูปา หรือวัดบุพพาราม (พระเกศาธาตุ)

    ตั้งอยู่ ๑๔๓ ถนนท่าแพ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง
    วัดนี้ปรากฏชื่อในชินกาลมาลีปกรณ์กล่าวว่า
    ในปี
    พ.ศ. ๒๐๔๐ พระเมืองแก้วโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้น
    พื้นที่ทางด้านทิศตะวันออกของจังหวัดเชียงใหม่

    ตำนานพระเจ้าเลียบโลก กล่าวว่า...พระพุทธเจ้า
    เสด็จไปทาง
    ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทรงประทับนั่งแล้ว
    ทรงพยากรณ์ว่า
    “ในฐานะที่นี้ต่อไปในภายภาคหน้า
    คนทั้งหลายจะมาสร้างอารามขึ้น เป็นอารามใหญ่
    จะได้ชื่อว่า “บุพพาราม” ตามนิมิต
    ที่อยู่ในทิศตะวันออก
    พระอรหันต์ พระเจ้าอโศกราชก็ทูลขอ
    พระเกศาธาตุ
    หนึ่งองค์ ประดิษฐานไว้ที่นั้น เลยได้ชื่อว่า
    “วัดบุพพาราม” จนตราบทุกวันนี้

    [FONT=&quot]http://www.dannipparn.com/thread-163-1-1.html[/FONT]
    http://www.chiangmai-thailand.net/temple/bupparam/bupparam.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • wat-bupha1.jpg
      wat-bupha1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.7 KB
      เปิดดู:
      60
    • wat-bupha2.jpg
      wat-bupha2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      263.5 KB
      เปิดดู:
      49
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 ธันวาคม 2011
  4. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    4. [FONT=&quot]วัดศรีเกิด หรือวัดพืชอาราม ( พระเกศาธาตุ )[/FONT]
    [FONT=&quot]ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.เชียงใหม่[/FONT]

    [FONT=&quot]พระพุทธเจ้าเสด็จจากที่นั้นไปสู่ทิศใต้[FONT=&quot]ทรงประทับ
    นั่งอยู่ที่แห่งหนึ่ง มีลัวะสองคนเอามะม่วง 2 [/FONT][FONT=&quot]ผล
    มาถวายแก่พระพุทธเจ้า ลัวะทั้งหลายก็นำมะปราง
    [/FONT][FONT=&quot]มะขุนและข้าวซ้อมมืออันขาวงาม มาถวายแก่
    พระพุทธเจ้าเมื่อพระพุทธองค์เสวยแล้ว[/FONT][FONT=&quot]พวกเขา
    ก็เอาส้มป่อยและน้ำหอมถวาย[/FONT][FONT=&quot]พร้อมทั้งน้ำสำหรับ
    สรงและน้ำสำหรับล้างพระหัตถ์[/FONT][FONT=&quot]พระพุทธองค์ก็ทรง
    สงน้ำและสระพระเกศา[/FONT][FONT=&quot]ก็ประทับอยู่ทรงแสดงพระธรรม
    เทศนาสั่งสอนพวกลัวะทั้งหลายตลอด ๓ วัน ๓ คืน
    [/FONT][FONT=&quot]แล้วทรงพยากรณ์ว่า "ต่อไปภายหน้าคนทั้งหลาย
    จะมาสร้างอารามขึ้น ณ[/FONT][FONT=&quot]สถานที่นี้เป็นอารามใหญ่
    จักปรากฏชื่อว่า[/FONT][FONT=&quot]พืชอาราม[/FONT][FONT=&quot]แล้วพระเจ้าอโศกราช
    ก็ทูลขอพระเกศาธาตุอัญเชิญบรรุจุไว้ในสถานที่นั้น[/FONT]
    [/FONT]
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     
  5. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]5. วัดป่าหกหรือวัดกู่เต้า (เวฬุวนาราม)
    (พระเกศาธาตุ)
    [/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    ตั้งอยู่ตำบลศรีภูมิ กลางเมืองเชียงใหม่ ด้านรอบนอก
    คูเมืองฝั่งประตูช้างเผือก ติดกับสนามกีฬากลาง
    เทศบาลนครเชียงใหม่


    การเดินทาง
    จุดที่ใกล้ที่สุดคือประตูช้างเผือก วิ่งตรงไปตาม
    ถ.ช้างเผือกประมาณ 100 เมตร เลี้ยวขวาตรง
    ซ.ช้างเผือก 6 อีกประมาณ 100 เมตร จะถึงวัดกู่เต้า


    [FONT=&quot]วัดกู่เต้า หรือวัดเวฬุวนาราม[FONT=&quot] สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. ๑๙๙๓
    และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๑๙๕๕
    [/FONT][FONT=&quot]สาเหตุที่ได้ชื่อว่า [/FONT]‘'[FONT=&quot]เวฬุวันวิหาร[/FONT]” [FONT=&quot]ซึ่งแปลว่า วิหารใน
    ป่าไผ่นั้น[/FONT][FONT=&quot]โดยในอดีตเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๖๐
    วัดนี้อยู่ในป่าไผ่จริงๆ[/FONT][FONT=&quot]แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว สำหรับ
    อีกสาเหตุหนึ่งคือคำว่า [/FONT]‘'[FONT=&quot]กู่[/FONT]” [FONT=&quot]แปลว่า[/FONT][FONT=&quot]บรรจุอัฐิหรือ
    เถ้าถ่านกับคำว่า [/FONT]‘'[FONT=&quot]เต้า[/FONT]” ([FONT=&quot]เสียงครึ่งตรีครึ่งโท)
    ซึ่งหมายถึง[/FONT][FONT=&quot]ผลแตงโม จึงรวมกันได้ว่า [/FONT]‘'[FONT=&quot]สถูปอันมี
    ลักษณะคล้ายผลแตงโม[/FONT]” [FONT=&quot]แต่ทั้งนี้ในการออกเสียง
    ของชาวบ้านนั้น บ้างก็ออกเสียง[/FONT] ‘'[FONT=&quot]กู่เต้า[/FONT]” [FONT=&quot]เป็นเสียงโท
    ซึ่งคำนี้จะหมายถึง ขี้เถ้า ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า[/FONT][FONT=&quot]เป็นที่
    บรรจุพระอังคารธาตุของพระพุทธเจ้า[/FONT]
    [/FONT]

    http://www.dannipparn.com/thread-[FONT=&quot]164-1-1.html[/FONT]

    [FONT=&quot]http://www.edtguide.com/guidemap[/FONT]

    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonfleet&month=14-12-2009&group=113&gblog=120

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 ธันวาคม 2011
  6. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]6. วัดเชียงมั่น หรือวัดสังฆาราม (พระเกศาธาตุ)
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ต.ศรีภูมิ อ.เมือง [/FONT]

    [FONT=&quot]วัดเชียงมั่นที่ปรากฎในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่และ
    พงศาวดารโยนก มีดังนี้คือ
    [FONT=&quot] หลังจากที่พญางำเมือง
    พญาร่วง และพญามังรายทรงสร้างเมืองเชียงใหม่
    สำเร็จในปี พ.ศ.๑๘๓๙ แล้ว ทั้งสามพระองค์ทรงโปรด
    ให้สร้างเจดีย์ขึ้นตรงที่หอนอนบ้านเชียงมั่นซึ่ง
    พญา มังรายทรงสร้างเป็นที่ประทับชั่วคราวในระหว่าง
    ที่ควบคุมการสร้างเมืองใหม่ โดยให้ชื่อที่ประทับ
    แห่งนั้นว่า "เวียงเล็ก" หรือ "เวียงเหล็ก"
    หมายถึง"ความมั่นคงแข็งแรง[/FONT]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]http://th.wikipedia.org/wiki[/FONT]
    http://www.watchiangman.co.nr/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    7. วัดนันทาราม ต.หายยา อ.เมือง ( พระเกศาธาตุ )

    วัดนันทาราม
    ตั้งอยู่นอกประตูเชียงใหม่เดิมเรียกว่า
    “บ้านเขิน”
    แต่เดิมเป็นป่าไม้ไผ่ตามตำนานนั้น
    กล่าวว่า
    พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระเถรเจ้าก็เสด็จไป
    ทางทิศหรดีหรือทิศตะวันตกเฉียงใต้
    ขณะนั้นมี
    นายธะมิระผู้หนึ่งสร้างตูบ
    หรือกระต๊อบหลังหนึ่งอยู่
    รักษาสวนในป่าไผ่นั้น
    พระพุทธองค์และพระเถระเจ้า
    ก็เสด็จไปยังที่แห่งนั้น
    นายธะมิระจึงอาราธนา
    พระพุทธเจ้าและพระเถรเข้าอยู่สำราญในตูบของตน
    คืนหนึ่ง
    พอรุ่งเช้านายธะมิระก็ถวายภัตตาหารแก่
    พระพุทธองค์และพระเถระ
    เมื่อภัตกิจเสร็จแล้ว
    พระพุทธองค์จึงได้ทำนายว่าฐานะที่นี้จะเป็น
    อารามอันหนึ่งในภายภาคหน้าได้ชื่อว่า
    นันทารามหรือนันตาราม”
    แล้วพระพุทธองค์ก็
    ถอนเกศาเส้นหนึ่งไว้แก่นายธะมิระ
    เมื่อนั้นนายธะมิระ
    ก็อาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระเถรเจ้า
    ไปประทับชั่ว
    คราวในสวนของตน แล้วก็ทำมณฑป
    อันใหญ่ประกอบด้วยเครื่องประดับทั้งหลายเป็นต้นว่า
    ดอกไม้นานาชนิดเพื่อเป็นที่สำราญแก่พระพุทธองค์
    บรรจุไว้ในที่ประทับชั่วคราวแห่งนี้ก่อเจดีย์สูงสามศอก
    ที่แห่งนี้ ปัจจุบันคือวัดนันทารามนั้นแล

    http://www.lannatalkkhongdee.com/templeDetail.php?id=Temp0800008
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    8. วัดสวนดอก ( บุปผาราม ) อ.เมือง
    ( พระเกศาธาตุ
    , พระบรมธาตุส่วนกลางกระหม่อม องค์ที่๑ )

    วัดสวนดอกตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่
    เลขที่
    139 ถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง
    จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากประตูสวนดอกไปทาง
    ทิศตะวันตก
    1 กิโลเมตร วัดสวนดอกในอดีตนั้นป็น
    สวนดอกไม้ (ต้นพยอม) ของเจ้านายฝ่ายเหนือใน
    ราชวงศ์เม็งราย โดยในปี พ.ศ. 1914 (ศักราชนี้ถือ
    ตามหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ของพระรัตนปัญญาเกตุ)

    พระเจ้ากือนา
    กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่ง ราชวงศ์เม็งราย
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็น "พระอารามหลวง"
    เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของ "พระมหาเถระสุมน"
    ผู้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ใน
    แผ่นดินล้านนา
    และสร้างองค์พระเจดีย์เพื่อประดิษฐาน
    "พระบรมสารีริกธาตุ"
    1 ใน 2 องค์ ที่"พระมหาเถระสุมน"
    อัญเชิญมาจากสุโขทัย ในปีพ.ศ.
    1912 (องค์หนึ่ง
    ประดิษฐานอยู่ในพระเจดีย์ ใน
    วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร)

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> http://teawchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php?topic=1710.0

    วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    9. วัดพระธาตุดอยสุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง
    ( พระบรมธาตุส่วนกลางกระหม่อมองค์ที่ 2
    ,
    และเป็นที่ประทับยืนตรัสพยากรณ์เมืองเชียงใหม่ด้วย )


    วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
    เป็นพระอารามหลวง
    ชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนยอด
    ดอยสุเทพ
    เป็นหนึ่งในวัดของ
    จังหวัดเชียงใหม่ที่มีความสำคัญ
    มากที่สุด ในวัดมีเจดีย์ทรงเชียงแสน
    ฐานสูงย่อมุม
    ระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก
    2 ชั้น
    ลานเจดีย์เป็นจุดชมทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่
    ทางขึ้น
    เป็นบันไดนาคเจ็ดเศียรก่อปูน

    อยู่ห่างจาก ตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 6 กิโลเมตรและ
    บนเส้นทางขึ้นสู่ยอดดอยประมาณ
    16 กิโลเมตร ก็มี
    สถานที่ท่องเที่ยว ต่างๆ
    ให้เที่ยวชมได้ตลอด
    ดอยสุเทพ เดิมชื่อว่า
    ดอยอ้อยช้างสำหรับ
    ดอยสุเทพที่เรียกกันในปัจจุบันนี้เป็น ชื่อที่ได้มาจาก
    พระฤาษีวาสุเทพ[FONT=&quot]ซึ่งเคยบำเพ็ญตบะอยู่ที่เขาลูกนี้
    เมื่อพันก
    ว่าปีมาแล้ว

    http://www.dhammathai.org/watthai/north/watphrathatdoisuthep.php
    [/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อปี
    พ.ศ. 1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่ง
    อาณาจักรล้านนา ราชวงศ์เม็งราย พระองค์ทรงได้อัญเชิญ
    พระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการะบูชา
    ส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ ด้วยการทรงอธิษฐาน
    เสี่ยงช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคล
    เดินมาถึงยอดดอยสุเทพ มันก็ร้องสามครั้ง พร้อมกับทำ
    ทักษิณาวัตรสาม รอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ
    ให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก หาแท่นหินใหญ่
    6 แท่น มาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม แล้วอัญเชิญ
    พระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน
    แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น ด้วยเหตุนี้จึง
    ห้ามพุทธศาสนิกชนที่ไปนมัสการสวมรองเท้าในบริเวณ
    พระธาตุ และมิให้สตรีเข้าไปบริเวณนั้น

    ในปี
    พ.ศ. 2081
    สมัยพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์
    องค์ที่
    12 ได้ทรงโปรดฯ
    ให้เสริมพระเจดีย์ให้สูง
    กว่าเดิม เป็นกว้าง
    6 วา สูง 11 ศอก
    พร้อมทั้งให้
    ช่างนำทองคำทำเป็นรูปดอกบัวทองใส่บนยอดเจดีย์

    และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสได้ทรงให้ตี
    ทองคำเป็น
    แผ่นติดที่พระบรมธาตุ

    ในปี พ.ศ. 2100 พระมหาญาณมงคลโพธิ์ วัดอโศการาม
    เมืองลำพูนได้สร้างบันไดนาคหลวงทั้ง 2 ข้าง เพื่อ
    ให้
    ประชาชนขึ้นไปสักการะได้สะดวกขึ้น และกระทั่ง
    ถึงสมัย
    ครูบาศรีวิชัย ท่านได้สร้างถนนขึ้นไป
    โดยถนนที่สร้างนี้มี
    ความยาวถึง 11.53 กิโลเมตร

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ที่มา http://www.doisuthep.com/[FONT=&quot][/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 ธันวาคม 2011
  11. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]บนดอยสุเทพ[/FONT]ยังมีสถานที่ท่องเี่ที่ยวสำคัญ เช่น

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
    เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในด้านความสวยงาม และมี
    ความสำคัญยิ่ง คือ เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถและ
    พระบรมวงศานุวงศ์ พระตำหนักแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อ
    ปี พ.ศ. 2503 บริเวณใกล้ดอยบวกห้า ลักษณะเป็น
    แบบสถาปัตยกรรมไทย ภายใน บริเวณพระตำหนัก
    ได้รักษา สภาพธรรมชาติไว้ รวมทั้งมีการปลูกพันธุ์
    ไม้ดอกชนิดต่างๆ ไว้อย่างสวยงาม พระตำหนักนี้
    อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ
    4 กิโลเมตร และเปิดให้ประชาชน เข้าชมได้ทุกวัน
    ไม่เว้นวันหยุดราชการ ทั้งนี้จะต้องเป็นช่วงเวลาที่
    มิได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ซึ่งปกติจะปิด
    ในช่วงเวลา ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนธันวาคม-
    ต้นเดือนมีนาคม

    http://www.teeteawthai.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ยอดดอยปุย อยู่ในเขตบ้านห้วยฮี้ ตำบลห้วยปูลิง
    เป็นยอดเขาที่สูงมากถึง 1,752 เมตร มีลักษณะเป็น
    ลานกว้างลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้น ๆ สวยงามมาก
    อยู่ห่างจากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ประมาณ
    7 กิโลเมตร เส้นทางค่อนข้างแคบ และลาดชัน
    ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง ทางขึ้นเลยสันกู่ไป
    ประมาณ 1 ก.ม. เป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติ
    ดอยสุเทพ-ปุย มีอากาศเย็น สบายตลอดทั้งปี
    บนยอดดอยปกคลุมด้วยป่าสนเขาผืนใหญ่ และเป็น
    แหล่งดูนกที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง ดอยสุเทพ และ
    ดอยปุยเป็นถิ่นอาศัยของนกมากกว่า 300 ชนิด เช่น
    ไก่ฟ้าหลังขาว นกกางเขนน้ำหลังดำ นกศิวะปีกสีฟ้า
    ฯลฯ ในช่วง ฤดูหนาวยังมีนกอพยพบินย้ายถิ่นเข้ามา
    อาศัยอีกเป็นจำนวนมาก หลายชนิดเป็นนกหายาก
    โดยเฉพาะ นกเขน นกจับแมลงสีคราม นกเดินดง
    อกลาย นกปีกแพรสีม่วง ฯลฯ

    ที่มา ยอดดอยปุย
     
  13. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ผู้อ่านหลายคน อย่าพึ่งเบื่อกันก่อนนะค่ะ บางท่านอาจจะ
    ไม่เข้าใจว่าผู้เขียนจะเขียนเรื่องเหล่านี้ทำไม สถานที่แต่ละ
    แห่งที่ผู้เขียนได้เขียนขึ้่นมานั้น ก็สามารถ search หาใน
    internet ได้อยู่แล้ว จริง ๆ แล้วถูกต้องแล้วค่ะ ข้อมูลเหล่านี้
    สามารถค้นหาได้ไม่ยาก แต่ถ้าดูให้ลึก ๆ แล้ว ผู้เขียนแฝง
    นัยสำคัญไว้ เหมือนดังเช่น เขียนเรื่องการเตรียมการรับมือ
    ภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ เมื่อหลายปีก่อนเช่นกัน เพียงแต่
    ไม่ได้บอกไว้โจ่งแจ้ง เพราะอยากให้ผู้อ่านได้ใช้ความคิด
    พิจารณาด้วยตนเอง แต่ก็ผ่านมาหลายเพลาแล้ว หลาย ๆ คน
    ก็ยังไม่เข้าใจว่าจะเริ่มต้นหรือควรทำอย่างไรดี ผู้เขียนจึง
    เห็นว่าควรอธิบายอย่างชัดเจนเลยจะดีกว่า ดังนั้น ผู้เขียน
    จะอธิบายถึงวิธีการทำให้ตัวเรารอดพ้นจากภัยพิบัติ
    ได้อย่างไรบ้าง จริง ๆ แล้ว ตั้งใจว่าจะสรุปจบในตอน
    ท้ายเรื่อง แต่เกรงว่าผู้อ่านจะทนรอกันไม่ไหว จึงคิดว่า
    เอาให้จบตอนจังหวัดเชียงใหม่เสียก่อน จะได้อธิบายถึง
    วิธีการต่าง ๆ ที่จะทำให้เรารอดพ้นจากภัยพิบัติ โดยที่มี
    การเชื่อมโยงในแต่ละสถานที่อย่างไรบ้าง อย่าพึ่งถอดใจ
    เบื่ออ่านกันก่อนนะค่ะ
     
  14. สุนิสาsunisa

    สุนิสาsunisa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +42
    ติดตามอยู่จ้า ขอบคุณที่ให้ข้อมูลนะค่ะ
     
  15. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    ติดตามอ่านกระทู้ของคุณมาโดยตลอด แต่ไม่ได้ตอบ รบกวนอยากจะถามว่า พื้นที่บริเวณ จ.พะเยา โดยเฉพาะเขต อ.เชียงคำ ไปจนถึงเขตจังหวัดเชียงราย บริเวณดังกล่าวนี้ จะได้รับผลกระทบมากน้อยยังไงบ้างครับ และพอจะมีจุดไหนที่พอจะปลอดภัยบ้างครับ
     
  16. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806

    คำตอบไว้รออ่านบทสรุปตอนท้ายเรื่องนะค่ะ
     
  17. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]10. วัดสกิทาคา ( ผาลาด ) ต.สุเทพ อ.เมือง[/FONT]

    วัดสกิทาคา (ผาลาด) ตั้ง อยู่ถนนศรีวิชัย ต.สุเทพ
    ซึ่งครูบาเจ้าศรีวิชัยและสานุศิษย์ ได้ช่วยกันสร้างขึ้น
    ระหว่างสร้างทางเดิน ขึ้นพระบรมธาตุดอยสุเทพ
    ในครั้งนั้นท่านลงมือสร้างวัดขึ้น ๓ แห่ง ระหว่าง
    ทางสู่พระบรมธาตุดอยสุเทพ เริ่มจากวัดศรีโสดา
    อยู่บริเวณเชิงดอย วัดสกิทาคา และวัดอนาคา
    ตามลำดับ ด้วยท่านมีดำริว่า วัดพระธาตุดอยสุเทพ
    นั้นเป็นสัญลักษณ์ของอรหันตาหรืออรหันตผล
    หมายถึงขั้นธรรมที่พระอรหันต์ได้บรรลุสูงสุดตาม
    อุดมคติของชาวพุทธ แต่ในที่สุดมีวัดศรีโสดาเพียง
    วัดเดียวที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และคงอยู่มาจนถึง
    ปัจจุบันนี้ มีการสมมุติการจาริกสู่ยอดดอยสุเทพว่า
    เป็นการแสวงบุญขัดเกลาจิตใจเป็นลำดับขั้น โดยมี
    ที่พักแต่ละช่วงเป็นสัญลักษณ์
    “โลกุตรธรรม”
    แต่ละขั้น ตามที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยสร้างไว้

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]11. [/FONT][FONT=&quot]วัดพระสิงห์ อ.เมือง ( พระเกศาธาตุ )[/FONT]

    [FONT=&quot]วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร[/FONT]
    [FONT=&quot]พระอารามหลวง[/FONT][FONT=&quot]ชั้นเอก
    ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่
    ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์
    [/FONT] [FONT=&quot]อำเภอเมือง[/FONT] [FONT=&quot]จังหวัด[/FONT]
    [FONT=&quot]เชียงใหม่[/FONT]
    [FONT=&quot]วัดพระสิงห์ฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของ
    เมือง
    [/FONT][FONT=&quot]เชียงใหม่[/FONT] [FONT=&quot]เป็นประดิษฐานพระสิงห์ ([/FONT][FONT=&quot]พระพุทธ[/FONT]
    [FONT=&quot]สิหิงค์[/FONT]) [FONT=&quot]พระพุทธรูป[/FONT]
    [FONT=&quot]ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และ
    แผ่นดิน
    [/FONT][FONT=&quot]ล้านนา[/FONT] [FONT=&quot]พระพุทธรูปเป็น[/FONT][FONT=&quot]ศิลปะเชียงแสน[/FONT][FONT=&quot]
    รู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง
    [/FONT]

    [FONT=&quot]ปัจจุบันพระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐานอยู่ ณ[/FONT] [FONT=&quot]พระที่นั่ง[/FONT]
    [FONT=&quot]พุทไธสวรรย์[/FONT] [FONT=&quot]พระราชวังบวรสถานมงคล[/FONT]
    [FONT=&quot]โดยจะมีพิธี
    เชิญออกมาช่วงเทศกาล
    [/FONT][FONT=&quot]สงกรานต์[/FONT][FONT=&quot]ให้ประชาชนไทย
    ได้สักการะและสรงน้ำ ส่วนพระสิงห์ที่ประดิษฐานที่
    วัดแห่งนี้เป็นพระพุทธรูปจำลอง
    [/FONT]

    วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    [FONT=&quot]วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]12. วัดเชียงยืน ต.ศรีภูมิ อ.เมือง

    [/FONT]
    “[FONT=&quot]วัดเชียงยืน” [FONT=&quot]หรือในเอกสารโบราณเช่นพงศาวดาร
    โยนกอาจเรียกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]วัดฑีฆชีวะวัสสาราม[/FONT]” [FONT=&quot]หรือใน
    ตำนานชินกาลมาลีปกรณ์เรียกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]วัดฑีฆายวิสาราม[/FONT]”
    [FONT=&quot]หรือ[/FONT] “[FONT=&quot]ฑีฆาชีวิตสาราม[/FONT]” [FONT=&quot]ซึ่งล้วนแล้วแต่หมายถึงชีวิต
    ที่ยืนยาวทั้งสิ้น[/FONT] [FONT=&quot]เฉกเช่นชื่อวัดที่เรียกกันโดยทั่วไปนั่นเอง
    ทำให้หลาย ๆ[/FONT] [FONT=&quot]คนต่างมุ่งที่จะได้ไปไหว้ไปสาที่วัด
    แห่งนี้ในวันสำคัญ ๆ[/FONT] [FONT=&quot]ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่สากล
    วันปีใหม่ไทย เป็นต้น

    [/FONT]
    [/FONT]​
    [FONT=&quot]สำหรับ [FONT=&quot]พระบรมธาตุเชียงยืนมีปรากฏจารึกในประวัติศาสตร์
    โบราณคดีตำนานชินกาลบาลี[/FONT] [FONT=&quot]ปกรณ์ได้กล่าวถึง
    รัชกาลพระเจ้าปนัดดาธิราชหรือพระเมืองแก้ว
    [/FONT][FONT=&quot]กษัตริย์ล้านนา รัชกาล ที่ ๑๓ แห่งราชวงศ์มังรายว่า
    [/FONT][FONT=&quot]พระองค์พร้อมด้วยพระเทวีราชมารดาทรงทำการ
    อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุบรรจุพระ[/FONT] [FONT=&quot]สถูปเจดีย์ใหญ่
    ณ วัดฑีฆชีววัสสาราม (ฑีฆายวิสาราม)เมื่อวันพุธ
    ขึ้น ๕[/FONT] [FONT=&quot]ค่ำ เดือน ๓ ปีมะโรง จุลศักราช ๘๘๒
    (พ.ศ.๒๐๖๑) และในวันอาทิตย์ ขึ้น ๓ ค่ำ[/FONT] [FONT=&quot]เดือน ๘
    เวลาเที่ยง ได้โปรดให้จัดงานยกฉัตรพระมหาธาตุเจดีย์ขึ้น[/FONT]
    [/FONT]​
    http://www.lannatalkkhongdee.com/templeDetail.php?id=Temp0800007
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]13. [/FONT][FONT=&quot]วัดพระธาตุดอยคำ ต.แม่เหียะ อ.เมือง
    ( พระเกศาธาตุ )
    มีรอยพระบาทด้วยแต่ยังหาไม่พบ

    [/FONT] [FONT=&quot]วัดพระธาตุดอยคำ[/FONT][FONT=&quot]เดิมชื่อ วัดสุวรรณบรรพต แต่ชาวบ้าน
    เรียกว่า "วัดดอยคำ"[/FONT]
    [FONT=&quot]ตั้งอยู่บนยอดเขาดอยคำที่
    ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่[/FONT]
    [FONT=&quot]โดย
    ดอยคำจะตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างดอยเหล็ก ดอยตอง
    และดอยเงิน[/FONT]
    [FONT=&quot]ซึ่งอยู่ทางทิศเหนืออ้อมไปทางทิศตะวันตก
    มีลำธารกั้นกลาง[/FONT]
    [FONT=&quot]ทิศใต้จะเป็นดอยแก้ว[/FONT][FONT=&quot]สำหรับ
    ทิศตะวันออกของดอยคำจะเป็นที่อยู่ของปู่แสะย่าแสะ

    [/FONT]
    [FONT=&quot]การเดินทางไปวัดพระธาตุดอยคำ[/FONT] [FONT=&quot]เราสามารถ
    เดินทางไปวัดพระธาตุดอยคำได้ ๓ ทางคือ[/FONT]

    [FONT=&quot]ทางที่หนึ่ง[/FONT]
    [FONT=&quot]เข้าทางถนนเลียบคลองชลประทาน
    แยกจากถนนเชิงดอยบริเวณตลาดต้นพะยอมไปทาง
    ทิศใต้ประมาณ ๖ กิโลเมตร วัดพระธาตุดอยคำจะอยู่ด้านขวา[/FONT]


    [FONT=&quot]เส้นทางที่ 2 [/FONT]
    [FONT=&quot]คือ ไปตามถนนสาย เชียงใหม่ - ฮอด
    [/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นระยะทางประมาณ ๙ กิโลเมตร จากสี่แยกสนามบิน[/FONT][FONT=&quot]
    และมีทางแยกเลี้ยวขวาสู่ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ ๗
    เข้าไปอีก ๔ กิโลเมตร[/FONT]
    [FONT=&quot]ซึ่งจากเส้นทางนี้บริเวณวัด
    จะอยู่ในเขตของศูนย์ขยายพันธุ์พืช[/FONT]


    [FONT=&quot]เส้นทางที่ 3 [/FONT][FONT=&quot]จากจุดนี้[/FONT][FONT=&quot]เราจะเดินทางตามเส้นทาง
    สี่แยกสะเมิง ถนนเชียงใหม่ - หางดง[/FONT]
    [FONT=&quot]ไปตามเส้นทาง
    เลียบคลองชลประทาน จะมีป้ายบอกข้ามคลองไปทาง
    ตำบลแม่เหี๊ยะ[/FONT]
    [FONT=&quot]ไปทางเดียวกับสวนราชพฤกษ์ หรือ
    เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และศูนย์วิจัยเกษตรฯ

    [/FONT]
    [FONT=&quot]ตำนานวัดพระธาตุดอยคำ [/FONT]http://www.oknation.net/blog/print.php?id=[FONT=&quot]251974[/FONT]
    นมัสการพระธาตุ วัดพระธาตุดอยคำ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ - ข้อมูลพระบรมธาตุ - แดนนิพพาน
    BlogGang.com : : moonfleet : 028.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Wat_DoyKham.JPG
      ขนาดไฟล์:
      0 bytes
      เปิดดู:
      155

แชร์หน้านี้

Loading...