พลังเอกภพยูเรอัส

เดินเที่ยวชม ในหมู่บ้าน ชนเผ่า



ไปเที่ยวน้ำตกผาส้วม กันต่อ




สะพาน ข้ามลำน้ำ เป็นสะพานไม้ไผ่ เดินแล้ว โยก เยก โคลงไป โคลงมา
ได้ อารมภ์ ดี........55
แต่ สะพานเค้าก็ สร้าง อย่างแข็งแรง ... นะ
ไม่ต้องกลัว มันพัง
หรือ ตกลงไป ในน้ำ หลอก........55





จะถ่ายภาพนี้ได้ ต้อง ยืนบนสะพาน ไม้ไผ่ ที่ว่านี้แหละ

น้ำตก ผาส้วม นี้ เป็น น้ำตก ไม่ใหญ่โต นัก เป็นลำน้ำ ที่ ตกลงสู่หน้าผา
กลาย เป็นน้ำตก นี่แหละ



ทางเดิน ไปสุดสะพาน จะมี จุดชมวิว
แถม ยังมี ร้านอาหาร
บรรยากาศ ดี ........ อาหาร รสชาด ถูกปาก.......
มารู้ เอา ตอนหลัง ว่า เจ้าของร้านอาหาร นี้ เป็น คนไทย......มิน่าเล่า
จึงได้ ทำอะไร ก็ ถูกใจ เรา ไป หมด...........55



ตอน ขากลับ จากน้ำตก เดินขึ้นมา เจอ ช้าง อยู่ฝูงหนึ่ง
เป็นช้าง พ่อ แม่ ลูก อีก 3 ตัว
เค้าทำได้ เหมือน จริง.....




มาประทับใจ ตรง ป้าย ค่าปรับ นี้ แหละ
ลอง อ่าน ดู นะ..............................


ห้ามขึ้นขี่ช้าง
ผู้ใดทำให้เกิดความเสียหาย จะถูกปับ ตามมูนค่าช้าง
ช้างตัวใหญ่ 20 ล้านกิบ
ช้างตัวน้อย 8 ล้านกิบ

.........

เงิน 265 กิบ เท่ากับ 1 บาท
ไปบวกลบ คูณหาร กันเอง ..... นะครับ.......55

 

พี่ดาวทำพี่ๆน้องๆอิจฉาอีกแล้วครับ
เรื่องสารพิษที่พี่ดาวว่ามันมาจาไหนกัน แต่ก่อนไม่เห็นมีมากตอนนี้


เรื่องกระดูกทับเส้นนี้จะรักษายังไง
แม่ผมเป็นอยู่ครับ

 

.....................................
สารพิษ ที่ว่า มันไม่ใช่ สารพิษ
เป็นพิษ ที่ เป็นทิพย์ หรือพิษ ที่ เป็นพลัง ด้าน ไม่ดี
ปะปนมา กับอากาศ หรือ น้ำ

หากมา ปะปน กับ พวกเชื้อโรค , ไวรัส , หรือ สารพิษ ที่มีอยู่แล้ว
ก็ จะได้ ชื่อใหม่ๆ
เช่น หวัด สายพันธ์ใหม่ๆ เป็นต้น

พิษพวกนี้ อาจมาจาก พวก อมนุษย์ ( ที่ไม่ใช่มนุษย์ )
เทพ เทวา นาค อสูร ฯลฯ

หาก โดนเบาๆ ก็ รักษาไปตาม อาการ เพราะไม่รูนแรง

โดนหนักๆ นี่ ซิ น่าห่วง
เพราะ อาการ จะ รวดเร็ว จน ตั้งตัวไม่ทัน
อาจทำให้ ช๊อค หัวใจวาย ได้ โดย ยังไม่ทันรู้สาเหตุ

ที่เอามาเล่า ก็ เพราะ
ผม เอง ตอนที่ แวะ จ.อุบล
สัมผัสได้ ว่า มี พิษ ลักษณะนี้ .......
วันแรก ไม่ได้ คิดอะไรมาก นึกไปว่า คงมีใคร ทำพริกไท ปลิวลม มา
เท่านั้น
วันที่สอง ตอนอยู่ที่ เมืองปากเซ (ลาว)
ก็ รู้สึก ได้ บ้าง แต่ น้อย กว่าที่ อุบล
มา มั่นใจ เอา วันกลับ
ตอนที่ แวะ กิน ข้าว ที่อุบล ตอนค่ำๆ
งวดนี้ นึก เอะ ใจ
ใช่ เลย......

นึกขึ้นมาได้ว่า..... เหมือน ตอนที่ อ.สุวิ ส่งตัวอย่าง พิษพญานาค มาให้ดู
ทั้งกลิ่น รส และ สัมผัส
เหมือนกันเลย


อาการ ฉุนๆ คล้าย พริกไทย หรือ พวกสมุนไพร
มีอาการ แสบ ร้อนที่ ผิวหนัง บ้าง..... มากน้อย แล้ว แต่ โดนมากหรือน้อย

หากโดนมาก หน่อย ก็ อาจเกิดแผล ผุพอง แบบ โรคผิว หนัง

กรณี โดน เต็มๆ ก็ อาจถึงหัวใจวาย เฉียบพลัน

.......................................................

กระดูก ทับเส้น ที่ถาม มา เป็น ตรงไหน ครับ....?

 

หลังจาก ไป เที่ยวกันมาทั้งวัน ตกเย็น เข้าโรงแรมที่พัก
หลังจาก ทานอาหารค่ำ เสร็จ
ผม เดินออกมา ชม บรรยากาศ ตามเรื่องตามราว หน้าร้านอาหาร
รอ คณะที่ มาด้วยกัน ที่ ยัง กินอาหาร ยังไม่ เสร็จ

สังเกต ได้ว่า การรับพลัง ของ ตัวเอง มัน ว่างๆ โหวๆ ไป นะ
ตั้งแต่ เข้า เขตประเทศลาว มา

ลอง หน้า ซ้าย หันขวา ดู
มาเจอ ทิศทาง
หากหันไปทาง ทิศตะวนตก หรือ ตกเฉียงใต้ จะรับพลังได้

อ๋อ ทิศ นี้ ก็ คือ หัน กลับมาที่ ประเทศไทย เรา รึ เปล่า...... หว่า

ระหว่าง ที่ ยืน หาทิศทางอยู่ นั้น
มี น้องคนหนึ่ง ที่ มากับคณะเรา เขามาถาม เรื่อง การรับพลัง พอดี
ได้ โอกาส ก็ อธิบาย ให้เค้าฟัง
แล้ว ให้ เค้า หันหน้าไป ตามทิศ ตะวันตก เฉียงใต้ ( ตามที่ ผม หาไว้แล้ว )

ให้ เขา ยืนหันหน้าไป ทำตัว สบายๆ....... มอง ออกไปตามแม่น้ำ
ประจวบเหมาะ พระจันทร์ กำลัง ขึ้น อยุ่ ตรง นี้ พอดี

ให้ เค้า ยืน อยู่สักพัก
พร้อม ๆ กัน นั้น ก็ ส่งพลัง ช่วย เขา หน่อย ( น้องเค้า ยังมือใหม่ หัดขับ อยู่ )
เค้า ยัง ทำ ได้ ค่อยเป็น

สักพักหนึ่ง เจ้า น้อง คนเดิม แหละ พาคุณแม่ มาให้ ผมช่วยรักษา
คุณแม่ ท่านนี้ อายุ ก็มากแล้วน่าจะ ใกล้ๆ 70
นั่งรถ มากับ สะบัก สะบอมทัวร์ กับพวก เรา
ทั้งเหนื่อย ทั้งอ่อนเพลีย
ปวดเมื่อยไป ทั้งตัว
แถม นั่งมาก เมื่อยก้นกก
จน ตึง ขึ้นไป ถึง ต้นคอ
อาหาร ไม่ย่อย ระบบ ขับถ่าย รวน ไป หมด

หลังจาก สำรวจอาการ แล้ว ก็ บอก เขาไป

แล้ว ให้ ยืน รับพลัง
ผม ก็ รักษา ไป ตามอาการ ส่งพลัง รักษา ให้ไป

สัก ครู่ เดียว.................
คุณแม่ ท่านนี้ ทำ เอา ผม ต๊ก.... กะ .... ใจ

อาเจียน เป็น น้ำ พุ่ง ออก มา ยังกะ ท่อประปา ....
สอง สาม พวด จนหมด กระเพาะ

ก็ ดี ไปอย่าง จะ ได้ ไม่ ต้อง กินยา ช่วยย่อย และ ลดกรดในกระเพาะ

อาเจียน ออกมาหมด แล้ว

บอก พวกน้องๆ ที่ยืน อยุ่แถวนั้น หาน้ำ มา 3 ขวด
ให้ คุณแม่ ท่านนี้ บ้วนปาก กลั้วคอ และ จิบน้ำไป หน่อย
อีก ขวด ให้ กรวดน้ำ..... ตามสูตร ของ เจ้าแชมป์ นั่นแหละ
กรวดน้ำ แผ่ บุญกุศล และ ขอพลัง บารมี จาก พระพุทธ พระอรหันต์เจ้า พระโพธิสัตว์
มา ช่วย.......

สอนให้ เค้าทำไป

แล้ว น้ำ อีกขวด ก็ ทำ เป็นน้ำพลัง ให้ เก็บไว้ ดี่มกิน.............55

คน เริ่ม เยอะ เค้า คง นึกว่า ผม มาดู อะไร ตามมาดู กันใหญ่

จนไกด์ ชาวลาว เขามาคุยกับผม
" ดู พระจันทร์ กัน อยุ่ หรือ ครับ ... สวยดี.."

55................. ผม จา ตอบ ยาง ไง ดี
ตอบไป เดี๋ยว จะ ยาว

.... ก็ ยิ้ม ๆ ไป ตามเรื่อง..........55

พอกลับมา ถึง โรงแรมที่พัก .... ก็ ส่งพลัง รักษา ให้ เขา อีก รอบ หนึ่ง
เพราะ ดู อาการ อ่อนเพลีย มาก ไป หน่อย

แล้ว ก็ แยก ย้าย กับ เข้านอน

รุ่ง เช้า ขึ้นมา
รีบ เก็บข้าวของ เตรียม เดินทางต่อ......
ออกมา ทานอาหารเช้า เป็นคนแรก เลย ผม..... ( รุ้ กิน รุ้ นอน เด็กทำกันโต..55 )

มี ผู้หญิง คน หนึ่ง มากับคณะ เรา แหละ
แต่ผม ไม่ รู้จัก
เดิน เข้ามาหา ขอให้ ผม ดู ดวงให้........งานเข้า ละ ซิ


ดู ไม่เหมาะ ที่จะมาดู ดวง อะไร กัน ตอนนี้.............. ก็ หาคำพูด เล่า เรื่องเฉ ไฉไป


ได้เวลา รถบัสมารอ พา พวกเรา ไปเที่ยวต่อ ........

วันนี้มีเวลา เต็มๆ วัน.... ไป น้ำตกลำพะเพง น้ำตกหลี่ผี.........

 

น้ำตกคอนพะเพ็ง อยู่ทางตอนใต้ เกือบๆ จะสุด ของประเทศลาว



น้ำตก ไหลแรง จนน่ากลัว
ฤดูฝน น้ำมาก ทำให้ น้ำ ไหล ชุดิน โคลน ลงมา จน น้ำในแม่น้ำโขง
เป็นสีแดง ขุ่น ตามไป ด้วย
พอ ไหลมาถึง ณ. ที่ แห่งนี้
ชะง่อนผ่าหิน หัก ลง ลดระดับลง
กลายเป็น น้ำตก คอนพะเพ็ง แห่ง นี้ แหละ .......


ตัวน้ำตก จริง ยิ่งใหญ่ มาก กว้าง ขวางมาก

ตำแหน่ง ที่ผม ยืน ถ่ายได้ แต่ ด้าน มุนเฉลียงๆ จึง น้ำตก ได้ ไม่ ทั่ว นัก

เอามาฝาก กัน เท่าที่ ได้ ก็ แล้ว กัน...............55





ผมชอบ ดู ป้าย ภาษาลาว
คือภาษาไทย กับ ลาว นี่ คล้ายๆ กัน
แต่ ตัวอักษร วิธีเขียน ต่างกันออกไปหน่อย หนึ่ง เท่านั้น
สังเกตได้ว่า
ภาษาลาว เค้า เขียน ตาม เสียง ที่พูด ไม่ ต้อง เขียนคิ้วทาปาก
เขียนแบบ ตรงไป ตรงมา

กับ พยันชนะ บางตัวที่ เขียนต่าง จากเรา ไป บ้าง




ป้าย นี้ เขียนว่า

" คอนพะเพ็ง ไข่มุกแม่น้ำของ "

แปล ตรง ไป ตรงมา เลย...........55
ก.ไก่ ของ เค้า เขียนเป็น ถ.ถุง

ข.ไข่ ของเค้า คล้าย เลข 2 อาราบิค
ถ้า ลางหาง ยาวลงมา
เหมือนอุนาโลม (ภาษาขอม ) ก็ จะเป็น ตัว ช. หรือ ซ.โซ่

 

ออกจากน้ำตก คอนพะเพ็ง ย้อน กลับขึ้นมา ตามถนนหมายเลย 13

ถนนหมายเลข 13 นี้ เป็นถนนหลัก ของประเทศลาว
สร้าง จากเหนือ ของประเทศ วิ่ง ลากยาวมาจนถึง ตอนใต้ สุด ของประเทศ

ย้อนขึ้นมา ไม่ไกลนัก แต่ ตอน เลี้ยวซ้ายเข้าซอย นี่ซิ
เป็นทางลูกรัง
แม้น เรามารถบัส2ชั้น ระบบช่วงล่าง แบบถุงลม
ปกติ จะ นุ่มนวลมาก
มาเจอกับ ถนนลูกรัง แบบนี้ ก็ โยน ตัว ไปมา เด้งหน้า เด้ง หลัง

จนมีคนเค้า แซว ว่า
ตั้งแต่ ข้ามมาลาว ได้ สัก 4-5 กม. โทรศัพท์ มือถือ ก็ ไม่ มีสัญญาณ แล้ว
พอ เข้า ถนน สายนี้
คลื่น เยอะ ดี นะ.......

อ้ายเรา เอง ก็ พา ซื่อ นึกว่า โทรศัพท์ มี สัญญาณ จริงๆ

ยิบขึ้นมาดู ...... ไม่ มี สัญญาณ เหมือนเดิม..........555

คลื่น ที่ว่า เค้า ไม่ได้หมายถึง คลื่น โทรศัพท์
แต่ เป็น ลูกคลื่น ที่ รถ วิ่ง กระโดด กระดอน ไปมา ต่างหาก....... 55

 

การจะไป น้ำตกหลี่ผี นี่ ต้อง ลงรถ นั่งเรือ ต่อออกไป อีกทีหนึ่ง

บริเวณ แม่น้ำโขง แถวนี้ กว้างมาก ประมาณ 6-7 กิโลเมตร
หาก ขึ้นไป ตอนเหนือๆ อีกหน่อย
บางช่วง แม่น้ำมีความกว้าง ถึง 16 กิโลเมตร

จน เกิดมี เกาะ แก่ง กลางแม่น้ำ

มากมาย หลายร้อยเกาะ เกาะใหญ่ที่สุด มี ขนาด ถึง 8 คูณ 16 กิโลเมตร ที่เดียว
น้องๆ เกาะช้าง ของเมืองไทย ละมั้ง

พวกเรา แวะ กินอาหาร กันที่ ท่าเรือริมน้ำ นี่แหละ
แล้ว ก็ ลงเรือ ไป กันต่อ



นั้งเรือ วิ่งตามน้ำไป เกือบ ชั่วโมง
มาขึ้นฝั่ง
เป็นชุมชน เล็กๆ มีโรงเรียน ประจำหมู่บ้าน



เห็น เด็ก นักเรียน วิ่งเล่น กัน สนุกสนาน
มีอีกสิ่ง ที่ ถูกใจ
คือ การแต่งกาย ของ ชาวลาว
ผู้หญิง เค้า นุ่งผ้าซิ่น กันเป็นส่วนใหญ่
ถือเป็น ชุด ที่สุภาพ ของเขา
แม้นแต่ เด็กนักเรียนหญิง ก็ ใส่เสื้อขาว นิ่งผ้าซิ่น กัน
ดู น่ารักดี




พวกเรา นั่งรถ 5 แถว
คนที่ นี่ ..........เค้าเรียกกันอย่างนั้น
เป็นรถกะบะ ยี่ห้อฮุนได เอามาใส่ที่นั่ง แบบรถสองแถว ของไทย
แต่ เค้า วาง ตามขวาง ได้ 5 แถว
จึง เรียกว่า รถ 5 แถว....................ตรง ไป ตรง มา ดี เนอะ.....55

นั่งรถ5แถว ไป ประมาณ สัก ครึ่ง ชั่วโมง เท่านั้น
แต่ เป็น ครึ่ง ชั่วโมง ที่ ระทึก สักหน่อย.........
ถนน ที่วิ่งไป เป็นทางลูกรัง เล็กๆ รถ สวนกันไม่ได้
เดิมที ถนน นี้ เป็นทางรถไฟ
ที่ พวกฝรั่งเศษ สร้าง ไว้ เพื่อ ใช้ ขนสินค้า ที่มาทางเรือ ตามลำน้ำโขง
พอมาถึง น้ำตก
ก็ ขนสินค้า ขึ้น รถไฟ วิ่ง อ้อม น้ำตก แล้ว เอาไป ลงท่าเรือ อีกทีหนึ่ง

คือ น้ำตก นี้ เป็นน้ำตก ที่ อยู่ กลางลำน้ำโขง
หรือ พูด ให้ ฟัง ง่ายๆ ก็ ว่า

แม่น้ำโขง ไหลมา จนถึง หน้าผา น้ำไหลตกลงมา กลายเป็นน้ำตก

แล้วก็ ไหล ต่อไป ตามลำน้ำโขง.......

ฟัง แล้ว ออกจะ มึนๆ .... ไป ดู กันเอง ก็ แล้ว กัน.......55

เส้นทาง ที่นั่งรถ5 แถวไป ออกจะ ขรุขระ
พวกเรา พรอย กระโดด กระเด้ง กระดอน กระเด็น ไป ตาม จังหวะ ของรถยนต์

จน จับ จังหวะ ได้ ก็ ทำตัว ปล่อยสบายๆ จับ ราว ไว้ ให้ ดี
แล้ว ก็ ปล่อย ตัว โยก เยก ไป ตามรถ
ไม่ งั้น มี หวัง เอว เคล็ด
ก้น ระ บม เป็น แน่.............55

รถ วิ่งมาได้ สักครึ่งทาง
รถต้องวิ่ง ข้ามสะพาน ทิวทัศน์ สวยงามดี
จึงมี บ้าน ที่พัก ให้ นักท่องเทียว ส่วนมาก จะเป็นฝรั่ง มา อยุ่กัน เป็น เดือนๆ
จน ได้ เมียลาว ไป ไม่น้อย......55

ร้านอาหาร บริเวณ นี้ ก็ จะเป็นร้านอาหาร ฝรั่ง... ซีตู ซีเต๊ก.. หา รับประทานได้


มีด่าน เก็บเงิน
ไกด์ เค้า บอกพวกเราว่า เสียค่าปี๊ ก่อน
( ค่าตั๋ว ค่าผ่านทางนั่นแหละ )





หลักฐาน ที่ ยังพอมี ให้เห็นว่า
เส้นทางที่ เรา นั่งรถเข้ามา เป็น ทางรถไฟ จริงๆ
ยังมี รางรถไฟ เก่าๆ และ หัวรถจักร โบราณ ตั้งให้ เห็นอยุ่

เจ้าหัวรถจึกร คันนี้ มี ชื่อด้วยนะ.........เป็นชื่อภาษาฝรั่งเศษ
...55 ... พอ ดี จำไม่ ได้ ...
รถมัน กระ ดอน เสีย จน ไม่ ได้ จำ.......
รุ้สึก ว่า ชื่อรถจักร นี้ เป็นชื่อ เดียว กับประธานาธิปดี ของฝรั่งเศษ ในสมัยนั้น

ตอนมาสร้าง เค้า จึงตั้งชื่อให้เป็นเกรียติ
พอกลับไป ฝรั่งเศษ คนนี้ ก็ ได้ เป็น ประธานาธิปดี แล้วต่อมา ก็โดนลอบยิงตาย

อยากรุ้ ชื่อหัวรถจักร ลองไป ค้น ดู คงพอหาได้

ผ่านหัวรถจักร ไป ไม่ไกล ก็ จึง จดหมาย


ลงจากรถ ได้ รู้ สึก ได้ ว่า ชีวิต มี ความสุข ขึ้น เยอะ..... เลย....
เดินต่อไป อีก สัก 500 เมตร
ได้ ยินเสียงน้ำตก แล้ว........... ดังมาแต่ไกล




น้ำตกหลี่ผี ก็ คล้ายๆ กับ น้ำตกคอนพะเพ็ง นั่นแหละ
หลื่ผี ใหญ่ กว่า เท่านั้นเอง
แต่ หามุม ถ่ายภาพ ให้ เห็น ตัวน้ำตก เต็ม ๆ ไม่ได้

จึง เห็น มาแค่ นี้ ละนะ........
อยากรู้ ว่า เต็มๆ กว้างใหญ่ สักแค่ไหน คง ต้องให้ ไปดู เอง

จะมาชวน ผมไป ด้วยก็ได้ นะ.........55

 

น้ำเค้าสีโอวัลตินมากเลยครับ

 

น้ำในน้ำตก หลี่ผี
ก็คือ น้ำใน แม่น้ำโขง นั่นเอง
ตอนนี้ ก็ สีเดียว กับ น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ของเรา นั่นแหละ

เพราะ น้ำมาก น้ำฝน ไหลชะ ดิน โคลน ปะปน ลงมามาก

หาก เป็น ฤดู อื่นๆ
น้ำที่ น้ำตก จะ ออกใสๆ หรือ สี คราม ครับ

 

ออกจากน้ำตก หลี่ผี ก็ เย็นๆ แล้ว
ต้องทำเวลา กันหน่อย เพราะว่า คืนนี้ เราจะไป นอนค้าง ที่ ภูเทวดา

ชื่อ เค้า ดี นะ " ภูเทวดา "

นั่งรถ มา รวม สามชั่วโมงกว่า จากน้ำตก มาจนถึง ยอด ภูเทวดา
สถานที่ นี้ เค้า สร้าง เป็นโรงแรม ที่พัก ขนาด ไม่ใหญ่โต อะไร นัก
มีอาคารห้องพัก สัก 50 ห้อง กับ อีกอาคาร เป็น ร้านอาหาร

จุดเด่น ของที่นี่
อยู่ บน ยอดดอย
สามารถ มองออกไป ได้ โดยรอบตัว
แบบ พาโนรามา 360 องศา รอบทิศทาง.....




ตกกลางคืน อากาศ เริ่มหนาวเย็น หมอกลง เลยละ
ตอนเช้าๆ ก้ อีก เย็นสบาย ดี



ตอนกลางคืน หลัง ทานอาหารเสร็จ
ผม ออกมาเดิน เล่น กินลม ชมวิว ( คนอื่น เค้าคงคิดอย่างนั้น ).....55

หา มุม เหมาะๆ รับพลัง ...... สบายๆ สักหน่อย

ที่นี่ ดี ตรง หันไป มุมไหนก็ได้ ทิศไหน ก็ โอเค

ที่ สูงๆ มันดี อย่าง นี้เอง............555




พอตกค่ำ อีกหน่อย หมอกลง หนาขึ้น ๆ

ตอนนี้ ออกมายืนที่ระเบียง โรงแรม.... คนเดียว คนอื่น เค้า เข้านอนหมดแล้ว

สุดยอด ....... สบาย มาก ๆ.....

ขนาด พลัง เดิน ดี เป็นเส้น เป็นสาย ให้ เห็น ออกไปนอกตัว

ถึงรุ้ ว่า พลัง ของเรา วิ่งออกไป ข้างนอกตัว เป็น อย่างนี้ เอง

แต่ ด้วยความ ที่ บรรยากาศ มันสบาย เสีย จน ไม่ อย่างทำอะไร

ยืน รับ อารมภ์ สบายๆ อยู่ อย่างนั้น.........55

เป็น อารมภ์ ที่ เยี่ยม มาก

มิน่าเล่า...... พระอาจารย์ หลายๆ ท่าน จึง ชอบที่ อยู่ อยุ่ ตามป่า ตามเขา

 

เช้าวันรุ่งขึ้น
ตื่นแต่เช้ามืด .....ตามความเคยชิน

อาการ เย็นสบาย ดี มากๆ....ประมาณ สัก 18 องศา
น่าจะนอน ต่อ สักหน่อย...(คิดในใจ )
พอ มองออกไป นอกหน้าต่าง.....................



พระอาทิตย์ กำลัง จะทอแสง........................
หายง่วง เลย
รีบ ลุกขึ้นมา ถ่ายภาพไว้ หน่อย...........55

เดินเล่น รอบๆ ที่พัก นั่นแหละ...... อากาศดี บรรยากาศ ดี อะไร ๆ มันก็ พรอยดี
ไปหมด...
กระแสพลัง ดี ดี จาก ธรรมชาติ

ช่วย ฟื้นฟู และจัดสมดุลย์ ให้แก่ร่างกาย ได้ ดี ทีเดียว

( ตั้งแต่ ออกเดินทาง ใช้พลัง ไปไม่น้อย คลุม รถ ทั้งคัน , รักษาอาการป่วยไข้ ของคนที่มาด้วยกัน ในคณะ แล้ว ยังมี เจอพิษนาค เข้าอีก )

บนยอดภูเทวดา นี่ นับว่า เป็นจุดรับพลัง ที่ดี แห่งหนึ่ง ทีเดียว

ได้เก็บเกี่ยว พลัง ดี ดี , พลังสบายๆ

เดินเล่น อยู่ นาน.... จน มี คนในคณะ เดินเข้ามาถาม
" เค้า ถามว่า เฮียๆ ตรงไหน รับพลัง ได้ ดี "

หันไปดู ( คิดในใจ มันรู้ ได้ ไง วะ ว่า เรา ทำอะไร อยุ่ ....55 )

ก็ บอกไป ว่า ที่นี่ เป็น ที่โล่ง แบบ พาโนราม่า 360 องศา
ตรงไหน ก็ รับได้ ดี หมด
เดิน ออกไป ที่โล่งๆ ก็ ใช้ได้.... แล้ว ก็ ชี้ ไป ตรง ตำแหน่ง ที่ ผม ถ่ายรูปมาให้ดู
นั่นแหละ....

เจ้าหนุ่ม คนที่ ถาม ... เค้า เคยได้ รับ พลัง จากผม ในวันแรกที่มาถึงฝั่งลาว
คง ติดใจ
เพราะ วันนั้น ผม ขอพลัง สบายๆ ให้ เขา

พลังสบายๆ นี่ เป็นพลัง ที่ ของจากข้างบนมา เป็นกระแส ที่ สงบ สบาย เบาเนื้อเนาตัว สบาย จน บรรยากาศ รอบ ข้าง เหมือน จะ เงียบลงไป ชั่วขณะ

(พลังสบายๆ ผมเรียกของผมเอง
เพราะไม่รู้ ว่า จะเรียกว่าอย่างไร จึงเรียกไปตามลักษณะ)

 

สวัสดีครับพี่ดาว ไปเที่ยวลาวมาสวยมากๆแถมมาเล่าประสบการ์ณดีๆให้อีก

 

ขอบคุณนะครับพี่ดาว พอเข้ามาอ่านกระทู้ปุ๊บมาเลยครับ รับได้ดีเลยครับ

 

มีคำถามครับ ถ้าคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องเลือดเราจะแนะนำหรือรักษาเค้าอย่างดีครับ

 

สำหรับคน ที่มีปัญหาโรค เลือด
การรักษา
ต้องรักษา ต่อเนื่อง ยาวนานมาก

ไม่รู้ ว่า คุณหมอมือเปล่า หรือ คนไข้ จะท้อ ใครจะท้อ ก่อนกัน

........55

วิธีรักษา
ก็ ทำตามปกติ นั่นแหละ

และ อย่าลืม ทำการ ฟอกเลือด ให้ คนป่วย เป็นประจำดัวย

โรคพวกนี้ มีเจ้ากรรมนายเวร
อย่าลืม ขออนุญาต เขา ก่อนทุกครั้ง
และ ควร อุทิศบุญ ให้ เขา จนกระทั้ง เขา อโหสิกรรม ให้ คนป่วย

ตัวคนป่วยเอง ก็ ต้อง หมั่นทำบุญ และ อุทิศบุญให้ เจ้ากรรมนายเวร
ที่ กำลัง ทำให้ เจ็บป่วย อยุ่ เป็นประจำ ด้วย

เรื่องนี้ คง ต้อง ทำกัน ต่อเนื่องยาวนาน ... นะ

รักษาไป อาการ ต้องดี ขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่อง จะหายขาด หรือไม่ นี่
ต้อง ต่อยทำ ค่อยเป็น

 

อ่านเรื่องคุณดาวแล้วอยากกลับไปเที่ยวที่ลาวบ้าง ผมเคยไปมาแล้วสองครั้งครับ
สมัยก่อนเดินข้ามไปได้เลยไม่ต้องมีเอกสารหรือพิธีรีตรองอะไรครับ ประเทศลาวหน้าอยู่ออก เขาอยู่กันแบบง่ายๆสบายๆ บ่อเป็นหยังกัน อิอิ

 

ตอน วันขากลับ
ลงจาก ภูเทวดา .... มา
แวะ ชมไร่ ชา ....
และ วัดสว่าง วัดนี้ มี หลวงพ่อ สว่าง เป็นเจ้าอาวาส
หลวงพ่อ องค์ นี้
มีวิชาอาคม ..... เป็น ที่ เคารพ นับถือ ของชาวบ้าน

พวกเรา แวะ เข้าไป ตรงกับวัน อังคาร พอดี ด้วย
ซึง ปกติ แล้ว ท่าน ชอบที่ จะทำน้ำมนต์ เสก เป่า ฯลฯ
ในวันอังคาร ที่ เป็นวันที่ แข็ง ( ตามหลักโบราณ วันอังคาร และ วันเสาร์ )

แสดงว่า คนไทย คนลาว ก็ ใช้ ตำหรับ ตำรา ในทำนองเดียวกัน




ป้าย การแต่งกาย มาวัด
อ่าน แล้ว ถูกใจ เข้าท่าดี

สายเดี่ยว ขาสั้น แต่งตัวโป้ๆ มาวัด ไม่ เหมาะสม

รายละเอียด อ่าน ดู ครับ น่ารักดี













วันนี้ ชาวบ้าน ท้องถิ่น มา วัด กันเยอะ
ตอนเรา มาถึง
ลานวัด มีชาวบ้าน ยืนเป็นกลุ่มๆ ....
ในโบสถ ก็ นั่ง กัน อีก กลุ่มใหญ่

เค้ามา ทำบุญ ทำ อะไร กัน รึ.......

พอ พวกเรา เข้าไป ชาวบ้านที่ นั่งรอ อยุ่ ก่อน เค้ารู้ ว่า พวกเรา เป็นนักท่องเที่ยว
มาจาก เมืองไทย
ก็ หลีกทางให้ พวกเรา เข้าไป ก่อน ..... ช่าง มี น้ำใจ ไมตรี น่ารัก จริงๆ

พวกเรา ก็ ทำบุญ กับทางวัด และ ถวายปัจจัย ให้ กับหลวงพ่อ เจ้าอาวาส

พอเข้าไป ใกล้ๆ เห็น ถังน้ำมนต์ อยุ่ หลาย สิบถัง
ท่าน จึง บอกให้ ช่วยกันยก ออกไป ข้างหลัง ก่อน

พอยก ออกไป ข้างหลัง ก็ มี คนมารับไป
จึง เข้าใจ ว่า เป็นน้ำมนต์ ที่มี เจ้าของ คือ แต่ละถัง เค้ามี เจ้าของหมดแล้ว
ส่ง ออกไป ข้างหลัง เจ้าของ เค้า ก็ มายืนรอรับ กันไป

เสร็จสรรพ
มี พวกเราคนหนึ่ง กล่าว กับหลวงพ่อ ขอพร และ ขอ ให้ หลวงพ่อ ประพรมน้ำมนต์ให้

ท่าน ก็ เดินไป หยิบ บาตร ใบใหญ่ ในกุฏิ ออกมา
อ๋อ เป็น บาตร ที่ ท่านทำน้ำมนต์ ไว้แล้ว

ประพรม และ ให้ พร พวกเรา ทุกคน

พอน้ำมนต์ ถูก ตัว ..... เย็น เจี๊ยบ.... ยัง กะ แช่ ตู้ เย็น ไว้ งั้น แหละ....55

ถึงได้ เข้าใจ ได้ ว่า น้ำมนต์
ที่ ท่าน ประพรมให้ พวกเรา เป็น น้ำมนต์ แบบหนึ่ง ( น้ำพระพุทธมนต์ อำนวยพร )
กับ ที่ ชาวบ้าน มาขอทำให้ ก็ เป็นอีกแบบหนึ่ง ( น้ำมนต์ เสดาะเคราะห์ )


มิน่า เล่า อารมภ์ ในการ สัมผัส จึง ได้ แต่ตาง กัน คน ละ เมนู เลย
............................55

 

ในโบสถ ยังมี พระสังกระจาย องค์ ใหญ่ สูง สัก 1 ฟุด
เป็นพระเสี่ยงทาย ของทางวัด
คนที่ มี ทุกข์ เดือนร้อน หรือ ต้องการทราบ คำตอบอะไร

ก็ ไป อธิษฐาน เสี่ยงทาย ..... ได้

วิธี เสี่ยงทาย ก็ พูด อธิษฐาน เอา หาก สำเหร็จ ขอให้ หนัก
เสร็จ แล้ว ก็ อธิษฐาน อีก ครั้ง ในทาง กลับกัน หากสำเหร็จ ขอให้ เบา

เพื่อ จะได้ เปรียบเทียบ กัน
ในการ ยก คือ มี หนัก ครั้งหนึ่ง และ เบา ครั้งหนึ่ง.......

เจ้า ลูกสาว ผม ก็ เข้าไป อธิษฐาน ถามว่า ผลการเรียน จะได้ เกรด 4 หรือเปล่า...55

ผล ตอบ ว่า ไม่ได้

ผม จึง บอก ว่าให้ไป อธิษฐานใหม่ เอา แค่ 3 กว่า ๆ พอ.......

ดู ความงก ขอ เด็ก มัน..........55

ออกจาก วัดสว่าง
มุ่ง เข้า ปากเซ......... แวะที่วัด ( จำชื่อไม่ได้ ) วัดนี้ มี พระพุทธบาท จำลอง
เป็นวัดใหญ่ กว้าง ขวาง

พวกเรา ก็ ลงไป ไหว้พระ กัน

รอยพระพุทธบาทจำลอง นี้ อยู่ ในหอไตร อีกทีหนึ่ง
พวกเรา เข้าไป กัน จน แน่น
พื้นที่ แคบ พวกเรามากัน ตั้ง 80 กว่าคน




ผมเอง ยัง หาจังหวะ เข้าไป ดูชัดๆ ไม่ ถนัด นัก
แค่ถ่ายภาพ มา ยังยาก เลย
.....................................55




จึง เดิน สำรวจรอบๆ วัด ดีกว่า

มาเฉลียว ใจ อีกที
รอบพระพุทธบาทจำลอง นี้..... ใช่ ลอยจำลอง จริงหรือ
หรือว่า มี ลอย พระพุทธบาท องค์ จริงๆ ซ่อน อยุ่ ข้างใต้......?

น่าสนใจ ไว้ มี โอกาส จะลองไป สำรวจ ดู อีกที

ได้เวลา รถ จะออกแล้ว
พวกเรา ทะยอย เดิน กลับมาที่รถ

มีหอกลอง ตั้งอยู่ ด้านหน้าวัด
มอง ขึ้นไป เห็นกลองใบใหญ่ ( กลองเพล )
อ้าว หนังกลอง แตก ด้วยซิ

แหม.... น่าจะ ถวาย หนังกลอง ใหม่ สักแผ่น
จะได้ ขอ หนังกลองแผ่นเก่า มาทำตะกุด หนังกลองเพล

แต่ รถ จะออกแล้ว ละ ไม่มี โอกาส








ที่ต้อง รีบเร่ง ทำเวลา เพราะ วันนี้ เป็นวัน ที่จะกลับ ข้าม มาฝั่งไทย
ต้อง ออกจากด่าน ก่อน บ่าย 3 โมง

รถ พาเราไป ต่อ อีกหน่อย ก็ แวะ วัดปากเส
เป็นวัดใหญ่ ของ เมืองนี้

 

ที่วัดปากเซ นี้ เป็นวัดใหญ่ ของ จังหวัด




พอ เข้าไปในโบสถ เท่านั้น รู้สึก ได้ถึง ความร่มเย็น

จักระ 7 หมุน เย็นซ่า .... อยู่ ตลอดเวลา

พอพระอาจารย์ ท่าน เดินออกมา ยิ่ง เย็นซ่า เพิ่ม ขึ้นอีก
พระอาจารย์ ท่าน นี้ คง ไม่ธรรมดา......

พวกเรา ถวายปัจจัยทำบุญ กับท่าน
และ ท่าน ให้ศีล ให้พร เสร็จ
จึง ลา กลับ

 

หลังจากแวะ รับประทานอาหารกลางวัน แล้ว
เป้าหมาย ต่อไป
" ตลาดเช้าดาวเรื่อง "

ชื่อเรียก ตามภาษาชาวบ้าน นะ

ในเมืองลาว นี่ อะไร ๆ ก็ ดาวเรือง
ดาวเรื่อง เป็นชื่อ ของ คุณนาย คนหนึ่ง รวย มาก มีธุระกิจ สารพัด
จน มี ตนพูด กันว่า
รัฐบาล อยากได้ อะไร บอก คุณนายดาวเรื่อง ก็ จะได้
คุณนาย อยากจะทำอะไร ขอ รัฐบาล รัฐบาล ก็ จะให้ เหมือนกัน

แปลว่า เค้า เส้น ใหญ่ จริงๆ.......



ป้าย ชื่อ อย่างเป็นทางการ

" ตะหลาดใหม่ ปากเซ แขวงจำปาสัก "

ผม เขียน ตามภาษาลาว นะครับ..................55 ภาษา เค้า ตรงไปตรงมา ดี


นี่ก็ อีกป้ายหนึ่ง (คงเป็นชื่อบริษัท ของตลาดนี้ )



" บะลิสัด บะลิกาน กานค้า ปากเซ จำดัด "

ไม่ได้ มาโฆษณา อะไร ให้ เค้า หรอก ครับ
คือ ผม ชอบ ภาษา ของลาว ตรงไปตรงมา ดี
ทำให้ อ่านได้ ไม่ยาก
เพียง มี อักษร บางตัว เขียน ต่างภาษาไทย เราบ้าง เท่านั้น...
คงได้ อิทธิพล จากภาษาขอม มาบ้าง


ตลาดดาวเรื่อง นี้ ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ ตลาดสำคัญ ของเมือง ที่เดียว
มี ทั้ง ของกิน ของใช้ สารพัด
ที่ เชิดหน้าชูตา ก็ ได้แก่ พวกเครื่องเงิน

เค้าว่า กัน เงินลาว เป็น เงิน ดี...... ทำให้ พวก สาวๆ
อุดหนุน ร้าน เครื่องเงิน กัน คนละ หลายๆ สตางค์.............55




มีอยุ่ ร้านหนึ่ง หน้าตลาด
ร้าน นี้ ให้ ช่างทำเครืองเงิน มานั่งทำ กัน สดๆ หน้าร้าน เลย...






การซื้อเครื่องเงิน ที่นี่
มี หลากหลาย ราคา คุณภาพ ก็ ตาม ราคา นั่นแหละ

ระวัง ไปซื้อ เครื้องประดับ.....สีขาวๆ แล้ว เข้าใจว่า เป็นเครื่องเงิน ราคาถูกๆ.....55

คิดง่ายๆ ก็ แล้วกัน
เงิน แท้ๆ บริสุทธิ์ 99 % ราคา ตอนนี้ กิโลกรัม ละ ประมาณ สามหมื่นกว่าบาทแล้ว
เครื่องเงิน ชั้นดี เค้าจะ ให้ เงิน 92.5 %
เป็นมาตราฐาน
ราคา ควรเป็น เช่นไร ...... กด เครื่องคิดเลข เอาเอง
น.น. หนึ่งบาท = 15.7 กรัม ครับ




เจ้าหนู คนนี้ นั่งเฝ้า รถขาย ขนมปัง เสีย จน หลับ เลย

ขนมปัง บาแก๊ะ (ไม้ กะบอง ) แบบฝรั่งเศส รู้สึก ว่าจะเป็น ที่นิยม ของคนในพื้นที่
ไปที่ไหน เห็นมีขาย อยู่ ทั่วไป
แม้นอาหารเข้า ตามโรงแรม เค้า ก็ เอาขนมปัง แข็งๆ แบบนี้ มาให้ เรากิน กัน......55

ยังดี ว่า กาแฟ ที่ลาว นี่ เค้า ชง แบบไทย โบราณ
คือใช้ กาแฟ ชง กับ นมข้นหวาน
เหมือน ร้านกาแฟ ไทย ในอดีต

เอาขนมปัง ไม้กะบอง แข็งๆ มา จุ่มกาแฟ ใส่นมข้นหวาน กิน
เข้ากันดี
นึก ถึง สมัย ยังเด็กๆ ที่ เคยกิน แบบนี้........55