พลังเอกภพยูเรอัส

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย anumota, 17 มิถุนายน 2009.

  1. oJOEo

    oJOEo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +136
    สมัครเรียนระดับ 5 อีก 2 ท่านครับ รุ่นตกหล่นปีที่แล้ว

    1.คุณชิน
    2.คุณอ้อย

    ส่วนชาวอ่างทองขอสอบถามจำนวนก่อนครับจะแจ้งให้ทราบภายหลัง

    สงสัยท่านอาจายร์อู๋จะทำงานหนัก กลับมาถึงเมืองไทยสีผิวเปลี่ยนไปเลยครับ
    ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ทั้ง 2 ได้ทำงานต่อไปครับ
    ส่วนผมคงจะช่วยในส่วนที่พอจะไหวครับผม ^^
     
  2. BuyJai

    BuyJai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +67
    HappyJeab ติดธุระวันที่ 1 พฤศจิกายน เหมือนกันเลยค่ะ (deejai)

    tunpraon@scb.co.th
     
  3. anumota

    anumota Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +73
    รวมรายชื่อผู้เข้าร่วมอบรมดังนี้

    1. คุณพรปู่ 1 ที่
    2. คุณจ๋าเอง 1 ที่
    3. คุณวิมลรัตน์ 2 ที่
    4. คุณHappy Jeab (ธัญประอร) 1 ที่
    5. คุณ Sare.ewan 2 ที่
    6. คุณชิน 1 ที่
    7. คุณอ้อย 1 ที่
    8. คุณ Joypor 1 ที่
    9. คุณ Ojoeo จากอ่างทอง 4 ท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2009
  4. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    ต้อง ขอ แสดงความยิน ดี กับ ผู้ ที่จบ ระดับ 4 ทุกๆ ท่าน ครับ

    ได้ เป็น หมอมือ เปล่า อย่างสมบูรณ์ แบบ........... 55

    แต่สำหรับ คนที่ ตก รถไฟ ไป บ้าง ก็ ไม่ เป็นไร ..... ผม เอาใจช่วยนะ

    รอ รอบ ต่อไป ก็ แล้ว กัน ..


    ระยะนี้ ผม เงียบ ไป บ้าง...... ก็ ไม่ ได้ หายไปไหน หรอก

    งานเข้า ครับ...
    พอ ว่าง บ้าง ก็ ต้อง มา พัฒนา เจ้า เครื่อง ผลิต ไฮโดรเจน ต่อ ทำ มา หลาย แบบ ตั้งแต่ ตัวแรก มา ลอง แบบ ที่ สอง สาม สี่ ......... ไปเรื่อยๆ

    ทำ กลับ ไป กลับมา อยู่ หลาย รอบ
    ได้ ฝึก ขันติ และ ความ อดทน เอา มาก ๆ ทีเดียว

    ทั้ง ต้อง ค้นคว้า หา ความรู้ ในส่วน ที่ เรา ไม่มี มีไม่พอ

    แถม ต้อง ทำภาคปฏิบัติ ออกแบบ เอง เขียนแบบ เอง จนถึง ขั้นลงมือสร้าง

    สร้าง เสร็จ ก็ ต้อง มาทดลอง ต่อ ว่า เครื่อง ที่ สร้างมา แยกแก๊ส ได้ อย่างไร ทำงาน แล้ว แยกแก๊ส ได้ นาที ละ กี่ลิตร กินไฟ มากน้อย แค่ไหน ความร้อน ขึ้นสูงไหม.................... ฯ ล ฯ

    นั่ง เฝ้า ดู ไป ทุก วัน ทุกวัน ....

    จนมา บัด นี้ .... ข้า น้อย เข้า ใจ แล้ว คร๊าบ............. 55
    [​IMG]

    ................นี่ แหละ โต๊ะ ทำงาน ของผม

    มุม ทดลอง หา สถานที่ ได้ เอา ตรง ที่ จอดรถ ผม เอง แหละ.........

    รก ๆ อย่างนี้ แหละ ก็ คิดคนเดียว ทำคน เดียว
    ได้ แค่ นี้ ก็ พอใจ แล้ว ละ

    ต่อ ไป ก็ ต้อง ขยาย พันธ์ เจ้า เครื่อง นี้ ออกลูก ออกหลาน เพื่อ นำไปใช้งาน
    ก็ ต้อง ทะยอย ทำไป
    เฉพาะ ใน บ้าน กับ ในบริษัท ผม เอง ก็ คง ต้อง ใช้ ไม่ น้อย กว่า 50 เครื่อง

    คงใช้เวลา ไม่ มาก แล้ว
    เพราะ แค่ เตรียม เงิน แค่นี่ แหละ อย่าง อื่น มัน อยู่ ในสมอง แล้ว

    แค่ สั่ง ... สั่ง.... สั่ง.... หลาย ที่ หน่อย ...
    สั่ง.ซื้อ สแตนเลส ส่งเข้าโรงงาน ตัด ขึ้นรูป ... เสร็จ เค้า ก็ ส่งมาเอง

    ข้อต่อ ท่อยาง สายไฟ มิเตอร์ กา จุก กาจิก อีก ก็ ไปซื้อ มา ซะ

    เดี๋ยว ก็ ครบ เอง แหละ................

    จะ ยาก จะ ง่าย เรา ทำไป ด้วย ความ ไม่ ย้อท้อ

    สำเหร็จ รอ อยู่ ข้างหน้า อย่างแน่นอน.... 55
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. จ๋าเอง

    จ๋าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +333
    โหหหหหหห... พี่ดาว สุดยอดเลย:cool:
    (||)(||)(||)
    ชอบโต๊ะรกๆๆๆ นั้นจัง

    ยังไง ก็เข้ามาเล่าประสบการณ์ให้น้องๆๆฟัง บ่อยๆนะคะ
     
  6. วิมลรัตน์

    วิมลรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +302
    เอ้อ ดีใจที่ยังอยู่ กลายเป็น นักวืทยาศาสตร์ ไปเเล้ว
    วันหลังจะได้พี่งพาบ้าง คิดค้นได้อย่างนี้ นับว่าเก่ง
    มากๆ อยาลืมเอาความรู้ มาสอนรุ่นน้องบ้างเน้อ
     
  7. วิมลรัตน์

    วิมลรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +302
    ขอพระเจ้าสูงสุด ได้เมตตาโปรดส่งพลังแห่งความรัก ให้คุณยายพิมพา หนุนนาค
    หายจากอาการป่วยไข้ โดยเร็วด้วยเถิดเจ้าค่ะ
     
  8. Joypor

    Joypor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +1,024
    ลงทะเบียนระดับ 5(1) ด้วยคนคะ
     
  9. oJOEo

    oJOEo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +136
    ลงเรียนระดับ 5 จากอ่างทองครับ
    ตอนนี้ได้ยอดจำนวน 4 ท่านเองครับ
     
  10. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    วันนี้ ได้ ลูกชาย คนรอง มาอีก 1

    วันนี้ ได้ เจ้าลูกชาย คนรอง มา อีก 1

    หุ่น ขาว อวบ หล่อ ล่ำ น.น. เกือบ 7 กิโล

    [​IMG]

    มาด เค้า ขึม เข้ม มีบุคคลิก แบบ อาเสี่ย............... 55

    วาง หน้า ลูก ชาย ตนโต ที่ อยู่ ทางซ้ายมือ

    ตัวที่สอง มาทีหลัง
    ทั้งหนา ทั้งหนัก แต่ ยัง คง เอกลักษณ์ ขาวอวบ ไว้ ได้ เหมือน เดิม..55

    เจ้า ตัวนี้ ด้วย ความ ที่ตั้งใจ ว่า จะ ให้ เค้า มี ศักยภาพ สูง ขึ้น เป็น สองเท่า ของ ตัวแรก
    จึง ต้อง เลี้ยง ให้ อ้วน ขนาดนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    นิทานเมล็ดข้าว

    เป็นนิทานที่พี่นักเขียนเล่าให้ฟัง ในแง่ของจิตวิญญาณคิดว่ามีแง่คิดดีๆ แฝงไว้ให้พวกเราได้เรียนรู้พอสมควร ยาวหน่อยนะคะ555+++({)
    ........................................
    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนอันไกลโพ้นแห่งหนึ่งผืนดินปกคลุมไปด้วยนาข้าวอันอุดมสมบูรณ์ ผู้คนมีแต่ความสมบูรณ์พูนสุขเกื้อหนุนช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันด้วยความรักและเมตตาอันปราศจากเงื่อนไขพวกเขาได้ข่าวภัยพิบัติที่ทำลายเมืองอื่นอยู่เนืองๆ ทำให้พืชไร่เสียหายประชาชนอดอยาก พวกเขาจึงส่งพืชพันธุ์ธัญญาหารเพื่อไปช่วยเหลือระหว่างที่มีการบรรทุกสัมภาระและอาหารเพื่อไปช่วยเหลือประชากรในท้องที่เหล่านั้นเกวียนบรรทุกเมล็ดข้าวเล่มหนึ่งเดินทางผ่านดินแดนอันแห้งแล้ง ผืนดินแตกระแหงกระสอบข้าวใบหนึ่งรั่วทำให้ข้าวบางส่วนร่วงหล่นไปตามทางที่เกวียนเล่มนั้นเดินทางผ่านไปสายลมแรงพัดพาเอาเมล็ดบางส่วนไปตกลงบนกองหินที่แดดเผาบางส่วนไปตกในหนองน้ำที่แห้งปานทะเลทรายบางส่วนก็ตกลงบนดินที่แตกระแหงปราศจากร่มเงาของไม้ใหญ่

    แต่เมล็ดข้าวสีทองหยิบมือหนึ่งถูกลมหอบไปตกลงบนดินใกล้กับหินก้อนใหญ่แม้ว่าผืนดินจะแห้งแล้ง แต่เมล็ดข้าวสีทองเมล็ดหนึ่งก็กล่าวกับเมล็ดอื่นๆว่า "โชคดีจังนะที่พวกเราได้อาศัยร่มเงาจากหินก้อนนี้สักวันหนึ่งเราอาจจะงอกขึ้นเป็นต้นกล้าก็ได้แล้วเราก็จะกลายเป็นนาข้าวที่สมบูรณ์พูนสุขเหมือนกับผืนดินของบรรพบุรุษที่เราจากมา"เมล็ดข้าวสีทองเมล็ดอื่นๆได้ยินด้งนั้นก็เต็มไปด้วยความหวังพวกมันพากันขยับเข้าไปใกล้ก้อนหินเพื่ออยู่ใต้ร่มเงา และต่างพากันขอบใจก้อนหินก้อนหินก้มลงมองพวกมันแล้วก็ยิ้มอย่างภาคภูมิที่มันได้กลายเป็นก้อนหินที่มีประโยชน์ขึ้นมา

    แต่มีเมล็ดข้าวสีดำสนิทเมล็ดหนึ่งซึ่งแปลกแยกไปจากเมล็ดอื่นๆแต่เพียงเปลือกนอกมันชายตามองเมล็ดข้าวอื่นๆที่แลดูเหมือนๆกันอย่างเย่อหยิ่งแล้วมันก็ขยับตัวเข้าใกล้ก้อนหินอีกนิดเพื่อให้ได้ร่มเงาแต่มันก็ไม่นึกขอบใจก้อนหินสักเท่าไรนัก

    วันแล้ววันเล่าผ่านพ้นไปเมล็ดข้าวอื่นๆที่ตกลงบนก้อนหิน ตกลงในหนองน้ำแห้ง และกลางลานดินอันแตกระแหงก็ตกเป็นอาหารของฝูงนกฝูงการที่บินโฉบไป

    เมล็ดข้าวอีกเมล็ดหนึ่งข้างหินก้อนใหญ่ก็กล่าวขึ้นว่า "พวกเราโชคดีจังนะที่ได้อาศัยร่มเงาของก้อนหิน และได้อาศัยเป็นที่กำบังจากฝูงนก"เมล็ดข้าวเมล็ดอื่นๆได้ยินด้งนั้นก็เต็มไปด้วยความหวังต่อไป เวลาผ่านไปแต่ความแห้งแล้งก็ยังคงครอบงำดินแดนแห่งนี้และเมล็ดข้าวก็ยังไม่อาจงอกเป็นต้นกล้าได้ แต่ละเมล็ดยังคงเต็มไปด้วยความหวังความปรารถนาและศรัทธาในความเป็นไปได้ อันคาดการณ์ไม่ได้ดวงตะวันเริ่มคล้อยและก้อนหินก็ไม่อาจให้ร่มเงากับเมล็ดข้าวเหล่านี้ได้เช่นเคยแต่มันก็สงบนิ่งและส่งกำลังใจให้เมล็ดข้าวต่อไปว่า "เมื่อตะวันคล้อยต่อไปสักวันหนึ่งฉันก็จะให้ร่มเงาแก่พวกเธอได้อีก อย่าเพิ่งหมดหวังนะ"เมล็ดข้าวตระหนักในน้ำใจของก้อนหินและขอบใจที่มันได้ให้ร่มเงาแก่พวกเขามาแล้ว

    เมฆน้อยก้อนหนึ่งลอยผ่านมามันก้มลงมองดูเมล็ดข้าวที่ออกันอยู่ข้างก้อนหินและพยายามหลบจากแดดจ้าที่แผดเผาอย่างไร้ผล มันคล่อยๆเคลื่อนตัวน้อยๆของมันต่ำลงและทอดเงาลงไปบังเมล็ดข้าวกลุ่มนั้น เมล็ดข้าวเริ่มรู้สึกเย็นลงเมล็ดสีทองเมล็ดหนึ่งแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า มันร้องขึ้นด้วยความดีใจว่า"ดูซิ!พวกเราโชคดีอีกแล้ว ที่ได้อาศัยร่มเงาจากเมฆน้อย"เมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายเต็มไปด้วยความหวัง พวกมันขอบใจก้อนหิน และ เมฆน้อยเมล็ดข้าวสีดำชายตามอง มันขยับตัวเขาไปใต้ร่มเงาของเมฆน้อยแต่มันก็ไม่นึกขอบใจสักเท่าไรนัก

    วันแล้ววันเล่าเมฆน้อยยังคงทอดเงาให้กับเมล็ดข้าวแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเมล็ดข้าวจะงอกเป็นต้นกล้าได้อย่างไรนอกจากว่าพวกมันยังคงเต็มไปด้วยความหวัง ความปรารถนาและศรัทธาในความเป็นไปได้อันคาดการณ์ไม่ได้

    เมื่อเมฆก้อนใหญ่กลุ่มหนึ่งลอยผ่านมาและพบเหตุการณ์นี้เข้าพวกมันมองเห็นความเมตตาของเมฆน้อยที่พากเพียรให้ร่มเงาแก่กลุ่มเมล็ดข้าวและตระหนักในความหวัง ความปรารถนาและศรัทธาของเมล็ดข้าวมันจึงลอยตัวต่ำลงจนเป็นผืนเดียวกับเมฆน้อยเมล็ดข้าวสีทองอีกเมล็ดหนึ่งแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม แล้วมันก็ร้องว่า "ดูซิ! พวกเราโชคดีอีกแล้วที่ได้อาศัยร่มเงาจากเมฆใหญ่"
    เมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายเต็มไปด้วยความหวังพวกมันขอบใจก้อนหิน เมฆน้อย และ เมฆใหญ่ เมล็ดข้าวสีดำชายตามองมันขยับตัวเขาไปใต้ร่มเงาของเมฆน้อยเมฆใหญ่แต่มันก็ไม่นึกขอบใจเมฆก้อนใหญ่สักเท่าไรนัก

    คื่นที่ 1
    น้ำค้างหยดแรกพร่างพรมลงบนเมล็ดข้าวทั้งหลาย พวกมันกำลังหลับสนิทความชุ่มชื่นของน้ำค้างทำให้สติสัมปชัญญะของมันคมชัดจนกระทั่งพวกมันระลึกถึงความจำเก่าก่อนในชาติภพทั้งหลายในอดีตที่พวกมันเคยเป้นส่วนหนึ่งของรวงข้าวและนาข้าวอันอุดมที่มันจากมาทำให้พวกมันตื่นขึ้นมาด้วยความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ เมล็ดข้าวสีทองเมล็ดหนึ่งกล่าวว่า "ฉันรอคอยวันที่พวกเราจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของนาข้าวอันอุดมอีกครั้งหนึ่ง"เมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายเต็มไปด้วยความหวัง พวกมันขอบใจก้อนหิน เมฆน้อย เมฆใหญ่ และน้ำค้างหยดแรก

    เมล็ดข้าวสีดำชายตามอง มันขยับตัวด้วยความชุ่มชื่นของน้ำค้างแต่มันก็ไม่นึกขอบใจน้ำค้างหยดแรกสักเท่าไรนัก<O:p</O:p

    คืนที่ 2
    น้ำค้างหยดที่สอง พร่างพรมลงเมล็ดข้าวทั้งหลาย พวกมันกำลังหลับสนิทความชุ่มชื่นของน้ำค้างทำให้สติสัมปชัญญะของมันคมชัดจนกระทั่งพวกมันฝันอย่างคมชัดแลเห็นทุ่งกว้างแห่งนี้กลายเป็นนาข้าวอันอุดมทำให้พวกมันตื่นขึ้นมาด้วยความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ เมล็ดข้าวสีทองเมล็ดหนึ่งกล่าวว่า "ฉันแลเห็นอนาคตว่า อีกไม่นานพวกเราจะทำให้ดินแดนแห่งนี้ กลายเป็นนาข้าวอันอุดม"เมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายเต็มไปด้วยความหวัง พวกมันขอบใจก้อนหิน เมฆน้อย เมฆใหญ่น้ำค้างหยดแรก และน้ำค้างหยดที่สอง

    เมล็ดข้าวสีดำชายตามองมันดูดซับความชุ่มชื่นของน้ำค้าง แม้มันจะฝันไม่น้อยไปกว่าเมล็ดข้าวสีทองเมล็ดอื่นๆแต่มันก็ไม่นึกขอบใจน้ำค้างหยดที่สองสักเท่าไรนัก
    </O:p
    คืนที่ 3
    น้ำค้างหยดที่สาม พร่างพรมลงบนเมล็ดข้าวทั้งหลาย พวกมันกำลังหลับสนิทความชุ่มชื่นของน้ำค้างทำให้สติสัมปชัญญะของมันคมชัด จนกระทั่งพวกมันตระหนักได้ว่ามันคือจิตวิญญาณผู้มาถือกำเนิด พร้อมด้วยพลังอำนาจตามธรรมชาติอันน่ามหัศจรรย์ซึ่งจะทำให้มันเป็นเมล็ดที่สมบูรณ์และสามารถงอกเป็นต้นกลัาได้ต่อไปทำให้พวกมันตื่นขึ้นมาด้วยความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ เมล็ดข้าวสีทองเมล็ดหนึ่งกล่าวว่า "ฉันแลเห็นอนาคตว่า พวกเราจะงอกขึ้นเป็นต้นกล้าอันสมบูรณ์"เมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายเต็มไปด้วยความหวัง พวกมันขอบใจก้อนหิน เมฆน้อย เมฆใหญ่น้ำค้างหยดแรก น้ำค้างหยดที่สอง และน้ำค้างหยดที่สาม

    เมล็ดข้าวสีดำชายตามองมันดูดซับความชุ่มชื่นของน้ำค้างจนเมล็ดของมันพองโตไม่น้อยไปกว่าเมล็ดข้าวสีทองเมล็ดอื่นๆและเต็มไปด้วยความเป็นได้อันคาดการณ์ไม่ได้แต่มันก็ไม่นึกขอบใจน้ำค้างหยดที่สามสักเท่าไรนัก

    คืนที่ 4
    น้ำค้างหยดที่สี่ พร่างพรมลงบนเมล็ดข้าวทั้งหลาย พวกมันกำลังหลับสนิทความชุ่มชื่นของน้ำค้างทำให้สติสัมปชัญญะของมันคมชัด จนกระทั่งพวกมันตระหนักได้ถึงมรดกล้ำค่าทางกายภาพและพันธุกรรมที่มันได้รับมอบมาจากบรรพบุรุษท้้งหลายของมันมันฝันเห็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติในอดีตและอนาคตชาติและมองเห็นแนวโน้มและความเป็นไปได้ของพวกมันมันฝันเห็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ของมันที่กำลังงอกขึ้นเป็นต้นกล้าอยู่ณ ดินแดนอื่นๆอันชุ่มชื่นไปด้วยฝนทำให้เมล็ดของมันชุ่มชื่นพองโตไปด้วยราวกับว่าได้ฝนมันฝันเห็นจิตวิญญาณเสมือนร่วมร่างแต่ต่างมิติในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตชาติบนเส้นทางแห่งความเป็นได้อื่นๆที่พวกมันงอกงามขึ้นเป็นต้นกล้าในลักษณะต่างๆอันเป็นไปได้-หลากหลาย-เป็นอนันต์เมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายเต็มไปด้วยความหวัง พวกมันขอบใจก้อนหิน เมฆน้อย เมฆใหญ่น้ำค้างหยดแรก น้ำค้างหยดที่สอง น้ำค้างหยดที่สาม และน้ำค้างหยดที่สี่

    เช้าวันรุ่งขึ้นต้นต้อยติ่งเริ่มงอกงามขึ้นมาทำให้เมล็ดข้าวสีทองบางเมล็ดเริ่มกระสับกระส่าย บางเมล็ดกล่าวว่า "ดูสิวัชชพืชพวกนี้มาแย่งความชื้นไปจากพวกเรา" แต่เมล็ดข้าวสีทองเมล็ดหนึ่งกลับกล่าวว่า "ต้นต้อยติ่งเป็นสัญญาณเตือนให้เรารู้ว่าเราจะงอกงามขึ้นเป็นต้นกล้าได้ในไม่ช้าด้วยน้ำค้างเหล่านี้"เมล็ดข้าวสีทองที่ยังไม่ไหวตัวพอที่จะดูดซับน้ำค้างกลับเริ่มไหวตัวและซึมซับน้ำค้างได้ขึ้นแม้ว่าต้นต้อยติ่งจะทำให้เมล็ดข้าวสีทองบางเมล็ดกระสับกระส่ายแต่มันก็ทำให้หลายๆเมล็ดตื่นตัวมากขึ้นกว่าเดิม

    เมล็ดข้าวสีดำชายตามองมันดูดซับความชุ่มชื่นของน้ำค้างอย่างไม่เต็มใจนัก ด้วยความคิดว่าประวัติศาสตร์และแนวโน้มของมันแตกต่างไปจากเมล็ดข้าวสีทองอื่นๆโดยสิ้นเชิงมันมองดูเพียงเปลือกนอกของมันด้วยความหยิ่งผยองและคิดว่ามันจะรอคอยวันที่ลมใต้จะพัดพามันไปสู่ดินแดนใหม่เพื่อขยายพันธุ์กลายเป็นนาข้าวที่พิเศษผิดแผกไปจากเมล็ดข้าวสีทองที่แสนจะธรรมดามันไม่นึกขอบใจน้ำค้างหยดที่สี่สักเท่าไรนัก

    คืนที่ 5
    น้ำค้างหยดที่ห้า พร่างพรมลงบนเมล็ดข้าวทั้งหลาย พวกมันกำลังหลับสนิทความชุ่มชื่นของน้ำค้างทำให้สติสัมปชัญญะของมันคมชัด จนกระทั่งพวกมันตระหนักได้ถึงอิสระแห่งความปรารถนาของแต่ละเมล็ดเมล็ดข้าวสีทองเมล็ดหนึ่งปรารถนาที่จะงอกขึ้นเป็นต้นกล้าที่ออกรวงข้าวมากมายจนลำต้นของมันน้อมลงสู่ดินเมล็ดข้าวสีทองอีกเมล็ดหนึ่งปรารถนาที่จะงอกขึ้นเป็นต้นกล้าที่ออกรวงไม่มากนักแต่เมล็ดของมันอิ่มเอิบแข็งแรงเป็นพิเศษเมล็ดข้าวสีทองอีกเมล็ดหนึ่งปรารถนาที่จะงอกขึ้นเป็นต้นกล้าที่ออกรวงไม่มากและเมล็ดน้อยเพื่อที่มันจะได้ชูช่อขึ้นสู่ฟ้ากว้างพวกมันต่างก็ตื่นขึ้นมาด้วยความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ด้วยการตระหนักว่าเมล็ดแต่ละเมล็ดคือจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดพร้อมกับพลังอำนาจที่จะมีได้-ทำได้-เป็นได้สมความปรารถนาทุกประการเมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า ความมุ่งมั่น และ ความหวังพวกมันขอบใจก้อนหิน เมฆน้อย เมฆใหญ่ น้ำค้างหยดแรก น้ำค้างหยดที่สองน้ำค้างหยดที่สาม น้ำค้างหยดที่สี่ และ น้ำค้างหยดที่ห้า

    เช้าวันรุ่งขึ้นต้นต้อยติ่งเริ่มออกดอกสีม่วงบานสะพรั่งทำให้เมล็ดข้าวสีทองบางเมล็ดกระสับกระส่ายยิ่งขึ้นไปอีก บางเมล็ดร้องถามว่า "ทำไม่เธอไม่ไปงอกขึ้นที่อื่นนะ" แต่เมล็ดข้าวสีทองเมล็ดหนึ่งกลับกล่าวว่า "วัชพ์ชเหล่านั้นเป็นสัญญาณเตือนให้เรารู้ว่าเราจะงอกงามขึ้นเป็นต้นกล้าได้และเต็มไปด้วยรวงข้าวได้ในที่สุด"เมล็ดข้าวสีทองที่เคยกระสับกระส่ายก็หันมาขมักเขม้นซึมซับน้ำค้างได้ดียิ่งขึ้นไปอีกและมันก็พบว่าเมล็ดของมันเริ่มงอกรากและมีแนวโน้มว่าจะแตกใบเลี้ยงในไม่ช้า

    เมล็ดข้าวสีดำชายตามองมันหยุดดูดซึมความชุ่มชื่นของน้ำค้างมันมองเห็นว่าน้ำค้างเพียงน้อยนิดเหล่านี้ไม่พอเพียงสำหรับเมล็ดสีดำที่แสนพิเศษของมันมันไม่แยแสว่าเมล็ดสีทองจะแบ่งปันน้ำค้างกับวัชชพืชเพราะความใฝ่ฝันของมันคือทุ่งนาที่มีฝนชุ่มชื่นมันรอคอยให้ลมใต้พัดพาเมล็ดที่แห้งสนิทของมันเพื่อที่มันจะได้ไปได้ไกลสมความปรารถนา มันไม่นึกขอบใจน้ำค้างหยดที่ห้าสักเท่าไรนัก

    คืนที่ 6
    น้ำค้างหยดที่หก พร่างพรมลงบนเมล็ดข้าวทั้งหลายพวกมันกำลังหลับสนิท ความชุ่มชื่นของน้ำค้างทำให้สติสัมปชัญญะของมันคมชัดจนกระทั่งพวกมันตระหนักได้ถึงการเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมในโลกแห่งความเป็นจริงพวกมันตระหนักได้ว่า แม้ผืนดินอันแห้งแล้งและแสงแดดที่แผดจ้าก็เป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งทั้งหลายที่ก่อให้เกิด เมฆและน้ำค้าง มันตระหนักได้ว่ามันได้รับการสนับสนุนจากแสงดาว แสงจันทร์และแม้แต่แสงแดดอันแผดจ้าและผืนดินอันเคยแตกระแหงมันเป้นเมล็ดข้าวที่เจริญงอกงามในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติซึ้งสัมพันธ์กับสรรพสิ่งทั้งหลาย แม้มันจะเป็นเพียงเมล็ดที่ร่วงลงสู่ดินแต่มันก็เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ที่จะงอกเป็นต้นกล้าต่อไปในโลกนี้ มิตินี้และในโลกอื่น มิติอื่นๆอันหลากหลายเป็นอนันต์ แม้พวกมันจะมีความเรียบง่าย-เดินดินแต่มันก็เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์-เหินฟ้า เมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายเต็มไปด้วยความหวังความปรารถนาอันแรงกล้าและความศรัทธาในการเป้นส่วนหนึ่งของภาพรวมที่เกื้อกูลกันและกันทำให้พวกมันรู้สึกปลอดภัย และรู้ถึงพลังอำนาจในตนเอง แต่ถึงกระนั้นมันก็ตระหนักว่ามันเป็นไปได้ก็ด้วยการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน พวกมันจึงขอบใจก้อนหิน เมฆน้อย เมฆใหญ่น้ำค้างหยดแรก น้ำค้างหยดที่สอง น้ำค้างหยดที่สาม น้ำค้างหยดที่สี่น้ำค้างหยดที่ห้า และน้ำค้างหยดที่หก

    เช้าวันรุ่งขึ้นต้นต้อยติ่งเริ่มออกฝักทำให้เมล็ดข้าวสีทองหายกระสับกระส่าย เพราะมันตระหนักว่า เมื่อเมล็ดต้อยติ่งแก่และน้ำค้างพร่างพรมลงมาอีก มันจะแตกตัวและเมล็ดของมันก็จะกระเด็นไปไกลไปงอกงามในถิ่นฐานอื่นๆ แต่เมล็ดข้าวสีทองเมล็ดหนึ่งกล่าวว่า "วัชพ์ชเหล่านั้นเป็นสัญญาณเตือนให้เรารู้ว่า เราจะงอกงามจนออกรวงได้ในที่สุด"เมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายจึงเลิกกระสับกระส่ายหันมาขมักเขม้นซึมซับน้ำค้างได้ดียิ่งขึ้นไปอีก และมันก็พบว่าเมล็ดของมันเริ่มงอกรากและแตกใบเลี้ยงไปตามๆกัน

    เมล็ดข้าวสีดำชายตามองมันปฏิเสธน้ำค้าง จนเมล็ดของมันแห้งสนิท มันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นด้วยความฝันว่าทุ่งนาแห่งใหม่ของมันจะเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยฝนชุ่มฉ่ำและแสงแดดแผดจ้ามันไม่จำเป็นจะต้องคอยน้ำค้างทีละหยดเพื่อจะงอกเป็นต้นกลัามันจึงไม่นึกขอบใจน้ำค้างหยดที่หกสักเท่าไรนัก

    คืนที่ 7
    น้ำค้างหยดที่เจ็ด พร่างพรมลงบนเมล็ดข้าวทั้งหลาย พวกมันกำลังหลับสนิทความชุ่มชื่นของน้ำค้างทำให้สติสัมปชัญญะของมันคมชัด จนกระทั่งพวกมันตระหนักได้ว่าแม้ว่าแสงแดดอาจจะแผดเผาเมล็ดอื่นๆบนกองหินหรือหนองน้ำแห้งจนเมล็ดเหล่านั้นไม่มีโอกาสได้งอกงามและบางเมล็ดก็กลายเป็นอาหารของนกกาไปแต่จิตวิญญาณของพวกมันก็ดำเนินต่อไปอย่างเป็นอมตะด้วยความปรารถนาอันไม่มีวันจบสิ้นเมล็ดที่ยังไม่ได้งอกขึ้นเป็นต้นกล้าในชาติภพนี้ยังคงปรารถนที่จะได้เผชิญกับประสบการณ์อันท้าทายต่อไปในรูปแบบที่มันเลือกมันจะเลือกไปถือกำเนิดในสภาพแวดล้อมต่างๆที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ที่จะทำให้มันเปลี่ยนความเชื่อจากมุมมองจำเพาะหนึ่งๆให้กลายเป็นความรู้ไม่ว่ามันจะงอกขึ้นเป็นต้นกล้าได้สำเร็จหรือไม่ในโลกใด มิติใดในเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นใด มันก็ไม่เคยเผชิญกับความล้มเหลวเพราะชีวิตทุกชาติภพ ทุกมิติ ทุกเส้นทางแเห่งความเป็นไปได้ล้วนเป็นโอกาสอันแตกต่างกัน ที่มันเองเป็นผู้เลือกเพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และเรียนรูุ้ถึงคุณค่าของชีวิตด้วยการใช้เอกลักษณ์ของมันในทิศทางจำเพาะและมุมมองจำเพาะนั้นๆอย่างดีที่สุด

    เมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายเต็มไปด้วยความรักที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทั้งในชาติภพนี้มิติน้ี และชาติภพหน้า มิติหน้า ด้วยความมุ่งมั่น และ ความหวัง พวกมันตระหนักว่าจิตวิญญาณของมันเป็นอมตะ และมันจะต้องเผชิญกับความท้าทายใฝ่รู้และความสนเท่ห็ในชีวิตต่่อไปอีกจนกว่าบทเรียนของมันจะสมบูรณ์และช่องว่างแห่งประสบการณ์ของมันจะเติมเต็มจนพอเพียง เมล็ดข้าวสีทองตื่นขึ้นมาพบว่ารากของมันก็งอกลงสู่ดินและยอดของมันก็แตกใบขึ้นสู่ฟ้าได้อย่างเป็นธรรมชาติพวกมันงอกงามร่วมกันอย่างร่าเริง พวกมันขอบใจก้อนหิน เมฆน้อย เมฆใหญ่ น้ำค้างหยดแรกน้ำค้างหยดที่สอง น้ำค้างหยดที่สาม น้ำค้างหยดที่สี่ น้ำค้างหยดที่ห้าน้ำค้างหยดที่หก และน้ำค้างหยดที่เจ็ด

    เมล็ดข้าวสีดำชายตามองมันพร้อมแล้วที่จะให้ลมใต้พัดพามันไปสู่ดินแดนในฝันอันกว้างไกลมันปรารถนาจะเป็นข้าวพันธุ์ใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใครมันไม่แยแสเมล็ดข้าวสีทองที่พอใจกับการเริ่มงอกเป็นต้นกล้า ต้นเล็กต้นน้อยมันไม่แยแสน้ำค้างหยดที่เจ็ดสักเท่าไรนัก

    ใกล้รุ่ง ลมใตัพัดกระหน่ำแต่เมล็ดสีทองทั้งหลายก็หลับสนืทด้วยความเชื่อมั่นว่าก้อนหินและผืนดินจะปกปักรักษาและคุ้มครองพวกมันแสงเดือนครอบคลุมพวกมันเสมือนผ้าห่มที่ห่อหุ้มและถนอมพวกมันไว้จนกว่าจะถึงเวลางอกงามเมื่อตะวันมาเยือนขอบฟ้า ดวงดาวจะกะพริบให้กำลังใจว่าวันใหม่ของพวกมันจะรุ่งเรือง และพวกมันก็จะเจริญงอกงามต่อไปแต่เมล็ดข้าวสีดำกลับนอนไม่หลับมันจินตนาการถึงทุ่งนาข้าวกว้างใหญ่ไพศาลที่มันจะกลายเป็นเมล็ดข้าวพันธุ์ใหม่ที่ไม่มีใครเสมอเหมือน ความฝันของเมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายดูจิบจ้อย มันจะแปลกอะไรเมล็ดข้าวสีทองก็ยังคงเป็นแค่เมล็ดข้าวสีทองที่แสนจะธรรมดาและดูเหมือนๆกันไปหมดและไร้ความสำคัญ

    ในคืนนั้นเอง ลมใต้ก็หอบเมล็ดข้าวสีดำไป ตามเจตนาความเชื่อและความปรารถนาอย่างแรงกล้าของมัน และมันก็ไปตกลงบนพื้นดิน ณถิ่นฐานที่ไม่ไกลนักแต่มันก็ไม่รู้ไม่เห็นเมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายที่กำลังนอนหลับและฝันกันอย่างสนุกสนานและมันก็คิดว่า "ความฝันของเมล็ดข้าวสีทองเหล่านั้นช่างน่าขันเสียจริงมันไม่ยิ่งใหญ่เหมือนความฝันของฉันหรอก"

    คืนที่ 8
    น้ำค้างหยดที่แปดพร่างพรมลงบนเมล็ดข้าวทั้งหลาย พวกมันกำลังหลับสนิทความชุ่มชื่นของน้ำค้างทำให้สติสัมปชัญญะของมันคมชัด จนกระทั่งพวกมันตระหนักได้ว่าจิตวิญญาณของมันมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-โลกอืนๆ-ในสภาวะอื่นๆอย่างเป็นอนันต์ ความเป็นไปทั้งหลายของเมล็ดแต่ละเมล็ดในแต่ละชาติภพ ในแต่ละโลกในแต่ละมิติ ตลอดจนความเป็นไปของมันในโลกอื่น มิติอื่น ล้วนส่งผลกระทบกันหมดมันไม่ได้เป็นเมล็ดอันโดดเดี่ยวแต่ละเมล็ดที่จะงอกขึ้นเป็นต้นกล้าเพียงต้นเดียวในโลกนี้ มิติน้ี หากแต่ว่ามันกำล้งเป็นเมล็ดที่ได้งอกเป็นต้นกล้าและขยายพืชพันธุ์อย่างกว้างขวางแล้วในอดีตและ อนาคต และความเป็นไปทั้งหลายก็กำลังมีการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนและสนับสนุนมันอยู่ ณปัจจุบันนี้ พวกมันตื่นขึ้นมาด้วยความสุขสมบูรณ์ตระหนักในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและยอดใบของมันก็เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไปอีก

    เมล็ดข้าวสีทองทั้งหลายเต็มไปด้วยเจตนาความเชื่อมั่นและความปรารถนาอย่างแรงกล้ามันมองเห็นต้นต้อยติ่งที่มีเมล็ดเต็มต้นดีดตัวออกไปและกระจายพันธุ์กว้างไกลเมล็ดข้าวสีทองแตกยอดแตกใบต่อไปอย่างต่อเนื่อง พวกมันเต็มไปด้วยความร่าเริ่งและตระหนักว่าความฝันของพวกมันกลายเป็นความเป้นจริง พวกมันขอบใจก้อนหิน เมฆน้อยเมฆใหญ่ น้ำค้างหยดแรก น้ำค้างหยดที่สอง น้ำค้างหยดที่สาม น้ำค้างหยดที่สี่น้ำค้างหยดที่ห้า น้ำค้างหยดที่หก น้ำค้างหยดที่เจ็ดและน้ำค้างหยดที่แปด

    ในที่สุดเมล็ดข้าวสีทองก็งอกงามเป็นต้นกล้าที่เต็มไปด้วยแนวโน้มและความเป็นได้ตามเจตนา ความเชื่อและความปรารถนาอย่างแรงกล้าของแต่ละเมล็ด มันงอกงามร่วมกันและทำให้ผืนดินปกคลุมไปด้วยสีเขียว ต้นต้อยติ่งก็งอกงามปะปันไปกับต้นข้าวผืนดินชุ่มชิ้นขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด ฝนก็ตกแล้วตกอีก ต้นข้าวมากมายออกรวงสีทองและเต็มไปด้วยต้นข้าวที่บ้างก็มีรวงข้าวที่แน่นจนยอดของมันโน้มลงสู่ดินบ้างก็ชูยอดสูงสู่ฟ้า บ้างก็มีเมล็ดที่สมบูรณ์เป็นพิเศษพวกมันมีความสุขและอกงามร่วมกันอย่างร่าเริง พวกมันขอบใจก้อนหิน เมฆน้อย เมฆใหญ่น้ำค้างหยดแรก น้ำค้างหยดที่สอง น้ำค้างหยดที่สาม น้ำค้างหยดที่สี่น้ำค้างหยดที่ห้า น้ำค้างหยดที่หก น้ำค้างหยดที่เจ็ด และ น้ำค้างหยดที่แปดแต่แล้วต้นข้าวตันหนึ่งก็ร้องถามว่า "เอ! ใครเห็นต้นต้อยติ่งบ้างไหม?" แม้ต้นต้อยติ่งจะยังคงแตกเป็นต้นใหม่ต่อไป ออกดอกสีม่วงสะพรั่งมีเมล็ดและขยายพันธุ์ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งแต่ต้นข้าวก็งอกเลยสูงขึ้นไปจนมองไม่เห็นต้นต้อยติ่ง แล้วต้นข้าวตันหนึ่งก็ร้องว่า "เอ! ใครเห็นต้นข้าวที่มีเมล็ดสีดำบ้างไหม?" มีต้นข้าวที่มีเมล็ดสีดำปนเปอยู่บ้างไม่มากก็น้อยแต่มันก็ล้วนมีแนวโน้มและความเป็นไปได้ในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์ไม่ได้มากหรือน้อยไปกว่าเมล็ดข้าวสีทองที่ดูเสมือนว่ามีอยู่อย่างดาดดื่นมันอาศัยผืนดินเดียวกัน อุ้มความชุ่มชื้นให้กับผืนดินร่วมกันและสร้างวงจรที่ทำให้ฝนตกต่อไป

    ทุ่งกว้างที่เคยแห้งแล้งกลับกลายเป็นนาข้าวอันอุดมสมบูรณ์เมล็ดข้าวสีทองในรวงข้าวหลับ และฝันว่ามันเคยเป็นเมล็ดที่งอกงามในทุ่งนาอื่นๆมาแล้วมันเดินทางไปกับเกวียนสัมภาระ มันร่วงหล่นจากกระสอบข้าว มันเคยเผชิญกับความแห้งแล้งมันตื่นขึ้นและชื่นชมกับความชุ่มชื่น มันขอบคุณผืนดิน แดดจ้า มันขอบใจก้อนหินเมฆน้อย เมฆใหญ่ น้ำค้างหยดแรก น้ำค้างหยดที่สอง น้ำค้างหยดที่สาม น้ำค้างหยดที่สี่น้ำค้างหยดที่ห้า น้ำค้างหยดที่หก น้ำค้างหยดที่เจ็ด น้ำค้างหยดที่แปดที่มันจดจำได้เลือนรางเสมือนความฝัน

    ห่างไกลออกไปเมล็ดข้าวสีดำเริ่มงอกรากและแตกใบเลี้ยง มันพอใจกับใบเลี้ยงของมันมันไม่รู้ไม่เห็นนาข้าวอันอุดม มันไม่รู้จักรวงข้าวสีทองที่เกิดขึ้นใหม่มากมายแต่มันก็พอใจกับฝนและไม่แยแสกับน้ำค้างต่อไป เวลาผ่านไปมีเมล็ดข้าวสีแปลกๆลอยมาตามลมจากนาข้าวอันอุดมแหล่งอืนๆมาร่วงหล่นในทุ่งแห่งนี้มันมองดูเมล็ดข้าวสีดำที่กำลังแตกใบเลี้ยง และ มันก็ไม่ชืื่นชมความแปลกของสีดำเพราะสีของมันก็แปลกไปจากเมล็ดข้าวสีทองอื่นๆไม่น้อย

    ไม่ว่าเมล็ดข้าวสีดำจะงอกงามได้เร็วช้าเพียงใด มันก็เต็มไปด้วยแนวโน้มความเป็นไปได้อันหลากหลายเป็นอนันต์และมันก็จะเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ในทิศทางของมันได้ในที่สุดไม่ว่าในช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาเมล็ดข้าวเหล่านั้นจะเรียกการเจริญงอกงามของของมันว่าเร็ว-ช้า ก่อน-หลังก้าวหน้า-ล้าหลัง ล้มเหลวหรือประสพความสำเร็จ

    ในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-นาข้าว ท้องถิ่นกันดาร ฝน น้ำค้างและความแห้งแล้งล้วนเป็นมิติจำเพาะที่ทำให้เมล็ดข้าวเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตของมันได้อย่างเป็นเอกลักษณ์จากมุมมองจำเพาะ และ จากความเชื่อจำเพาะ
    :z16:z16:z16</O:p
     
  12. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    มนุษยชาติรู้แจ้งด้วยความรัก

    เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนหาเอกสารส่วนตัวเพื่อติดต่องาน ก็เจอสาส์นของท่านอาจารย์ด้วยความบังเอิญ อ่านดูแล้วก็อยากจะให้เพื่อนๆ ได้อ่าน แต่ก็เกรงว่าผู้ที่บังเอิญผ่านมาอ่านอาจจะรับไม่ได้ แต่ก็ถึงเวลาแล้วที่มนุษยชาติควรที่จะได้รู้..:boo::boo::boo:
    ......................................
    สาส์นจากอาจารย์ด๋างเนื่องในวันตรุษจีน 2006
    <O:p</O:p</O:p
    พี่น้องมนุษยชาติและชาวพลังจักรวาลที่เคารพทั้งหลาย เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ ปีจอ 2006 ( 2549 ) อาจารย์ขอฝากคำอวยพรถึงพี่น้องและครอบครัวในวิชาพลังจักรวาลทุกๆ คน ให้มีสุขภาพและสมความปรารถนาในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่านและครอบครัว ให้มีความสุขสมบูรณ์ ประเทศชาติและทุกๆ ชนชาติได้มีความมั่งคั่ง ให้มนุษยชาติมีการพัฒนา โลกมีการเติบโตและสันติภาพ
    <O:p</O:p</O:p
    ปีนี้คือปีแห่งความรัก ฉะนั้นอาจารย์จึงเรียกสาส์นนี้ว่า สาส์นแห่งความรัก ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาอาจารย์ได้สอนความหมายของลักษณะและผลประโยชน์ของความรักแก่ท่าน ซึ่งได้แสดงอย่างชัดเจนและละเอียดเกี่ยวกับการที่เราได้ส่งพลังเพื่อจะช่วยเหลือมนุษยชาติ ในช่วงขึ้นต้นปีใหม่นี้ อาจารย์ขอเตือนว่า ขอให้พวกเรามีความรักมนุษยชาติ ให้ตรงกับคำที่เรียกในวิชาพลังจักรวาล ก็คือมนุษยชาติ ความรู้แจ้ง ความรัก ความรักนี้จะต้องข้ามพ้นขอบเขตของเรื่องส่วนตัว ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ หรือชนชาติ พรรคพวก และศาสนา ฯลฯ
    <O:p</O:p</O:p
    มีแต่ความรักมนุษยชาติเท่านั้น ที่จะทำให้เราข้ามขอบเขตของเชื้อชาติ สีผิว ภาษา ความมั่งคั่ง ความยากจน ชนชั้นหรือฐานะความเป็นอยู่ที่ไม่เท่าเทียมกัน ฯลฯ จึงจะทำให้เกิดความสุข สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองแก่ทุกคน ขอให้พวกเราทุกคนได้รับคำอวยพรที่ดีที่สุดนี้ แต่ไม่ใช่เพียงแค่ความรักเท่านั้นที่จะเพียงพอ พวกเราจะต้องมีความสามารถ มีความปรารถนาที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรักมนุษยชาติ วิชาพลังจักรวาลได้มอบความสามารถและความปรารถนานี้แก่ท่าน เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่นี้ด้วยความรักมนุษยชาติ
    <O:p</O:p</O:p
    ในความเป็นจริงไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลกมนุษย์ พวกเราก็คงเห็นความทุกข์ยาก ความเจ็บป่วย ความทุกข์ ความเศร้า ความเอารัดเอาเปรียบ ความโกรธแค้น ความตาย สงครามต่างๆ ด้วยความรักมนุษยชาติอย่างแท้จริง พวกเราจะต้องสนใจในปัญหาเหล่านี้ และเราจะต้องแก้ไขสิ่งเหล่านี้เพื่อความสุขของมนุษย์ หากเราไม่สนใจในความทุกข์ของมนุษยชาติ ไม่สนใจที่จะแก้ปัญหาความทุกข์ยาก หรือปัญหาทั้งหลายของมนุษย์ ก็จะไม่มีความหมายอะไรที่เราจะกล่าวถึงความรักมนุษยชาติ
    <O:p</O:p</O:p
    เมื่อกล่าวถึงวิชาพลังจักรวาล นี่คือวิชาของการเรียนรู้เรื่องจิตวิญญาณ ด้วยการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม จากการเรียนรู้ในเรื่องความรักของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เถื่องเด๋ ทำให้ผู้ปฏิบัติวิชานี้มีความสามารถมหัศจรรย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และได้เรียนรู้ถึงความสามารถของจิตวิญญาณไร้รูปของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปฏิบัติในสิ่งที่เราเรียกว่าความรัก ในช่วง 17 ปีที่ผ่านมาของวิชาพลังจักรวาล เราได้เรียนรู้วิธีการใช้ความสามารถเหล่านี้ พลังที่ไร้รูปแต่มีประโยชน์ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เถื่องเด๋ ( สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ) มอบให้พวกเรา สิ่งศักดิ์สิทธิ์เถื่องเด๋ จะมอบพลังของจิตวิญญาณที่จะช่วยเหลือมนุษยชาติให้เรามากขึ้นอีก หากพวกเราทุกคนมีความปรารถนาและความตั้งใจที่จะปฏิบัติและแสดงออกถึงความรักมนุษยชาติ
    <O:p</O:p</O:p
    อีกครั้งหนึ่งในโอกาสขึ้นปีใหม่นี้ อาจารย์ของเรียกร้องให้พี่น้องพลังจักรวาลทั่วโลกจงฝึกปฏิบัติตามสาส์นแห่งความรักมนุษยชาติของอาจารย์ ความรักนี้ก็คือความรักของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เถื่องเด๋ เพราะว่ามนุษยชาติ คือลูกของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เถื่องเด๋ ความรักลูกของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เถื่องเด๋ หมายถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้า การรับใช้มนุษยชาติก็คือพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เถื่องเด๋ หากผู้ใดต้องการจะแสดงออกถึงความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เถื่องเด๋ ผู้นั้นก็จงแสดงออกถึงความรักที่มีต่อมนุษยชาติ หากผู้ใดต้องการจะรับใช้พระองค์ก็จงรับใช้มนุษยชาติ หากผู้ใดต้องการจะเคารพบูชาพระผู้เป็นเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เถื่องเด๋ ผู้นั้นก็จงให้ความเคารพนับถือต่อมนุษยชาติ
    <O:p</O:p</O:p
    สุดท้ายนี้ วิถีทางของวิชาพลังจักรวาลนั้นเป็นวิถีทางของจิตวิญญาณเพื่อจะรับใช้มนุษยชาติตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เถื่องเด๋ ซึ่งเป็นวิถีทางที่ย้อนหลังไปยาวนานและเป็นการเดินทางต่อไปอีกยาวไกล ในช่วงหลายปีที่ผ่านไป พวกเราได้นำผลดีมาสู่มนุษย์ และในช่วงเวลาที่จะถึงนี้เราจะต้องพยายามปฏิบัติในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติให้มากขึ้นอีก ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้พยายามและตั้งใจเรียนรู้ เพื่อให้ความรักแก่ตัวเรา ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ และเชื้อชาติ แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่เราจะต้องเรียนรู้และพยายามยกระดับความรักให้ลึกซึ้งและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น เรารักมนุษย์ รักโลกและรักธรรมชาติ เพื่อจะก้าวไปเรียนรู้ในบทเรียนที่ลึกซึ้งมากขึ้นอีกในอนาคต ดังเช่นชื่อวิชาพลังจักรวาลของพวกเรา ซึ่งเป็นวิชาที่เรียนรู้ทางด้านจิตวิญญาณและพลังของจักรวาล พวกเรายังคงรักจักรวาล และรักพระผู้เป็นเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เถื่องเด๋ ตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง
    <O:p</O:p</O:p
    ด้วยความจริงใจ<O:p</O:p
    อาจารย์เลือง มินห์ ด๋าง<O:p</O:p
    ประกาศเมื่อ 4 / 2 / 2006
    pig_balletpig_balletpig_ballet
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2009
  13. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    [​IMG]

    ว๊าว โต๊ะทำงานสวยงามจัง ^^
     
  14. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166


    55............... สงสัย จะ โดน แซว............. 55

    โต๊ะ มัน แคบ ของ มัน ก็ เยอะ ก็ รก รุงรัง อย่างนี้ แหละ

    ตอนนี้ ทำโต๊ะ ใหม่ อีกตัว ใหญ่ ยาว 2.40 ซม. เอาไว้ใช้ ประกอบ เครื่อง

    ยิ่ง ค้น ก็ ยิ่ง เจอ ปัญหา ยิ่งขุด ก็ ยิ่งลึก

    ช่วงที่ เรื่องค้นคว้า เรื่องไฮโดรเจน นี้ ก็ นึกถึง เพื่อน เก่าคนหนึ่ง
    เป็นเพื่อนรุ่น น้อง
    เค้า เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ เป็นคนมีความรู้ หลายด้าน จริงๆ
    คิดว่า ได้ คุยกัน ก็คง ได้ ความรู้ มุมมอง อะไร ดีๆ บ้าง

    เบอร์โทร ก็ เปลี่ยน เสียอีก บ้านก็ย้าย ไป อยู่ ซะ ไกล เลย ตรงไหนก็ไม่รู้

    แล้ว จะติดต่อได้ อย่างไร
    มือถือ ก็ เปลี่ยนใหม่ บ้านก็ย้าย ติดต่ออย่างไร ดี ละ

    เฮ้อ.......................

    คิดเล่น ๆ ว่า.............. จุด ธูป เรียก ซะ ดี มั้ง........ 55

    ได้ แต่ ตั้งจิต ให้ คิดถึง..............
    ให้ คิดถึง ดาว น้อย ที่แสนน่ารัก บ้าง เถอะ.... เปี้ยง...........

    55.....
    สามวัน ต่อมา เค้า เกิด โทรมา จริงๆ.......

    โอ้ โห ขลัง เหมือน กัน ...................... อิอิ
    ได้ คุย กัน ละ

    ที่เค้า โทรมา ก็ เพราะ มี เรื่อง จะปรึกษา กับผม เหมือนกัน
    เลย คุย กัน ยาว มา สองสามวัน แล้ว
    19.00 - 22.30 น.
    ดี นะ แม่ อี หนู ที่บ้าน ไม่ คิดมาก
    ถ้า เป็นคน ช่างสงสัย คงคิด ว่า เรา มี กิ๊ก แหงๆ ... เลย

    โทร คุย กับ ใคร ได้ ทุกวัน ตั้งแต่ เย็น ยัน ดึก ดื่น ......

    ก็ นักวิทยาศาสตร์ เจอ นักประดิษฐ คุยกัน มัน.........
    ทำให้ ผม เอง ได้ มุม มอง ใหม่ๆ
    เช่น
    เรื่อง วัสดุ ด้านโลหะวิทยา .. ที่นำมาใช้
    เคมี สารอีเลคโทไลท์ เค้าก็ แนะ มา สองสามตัว ที่ น่า นำมาทดลอง
    ไฟฟ้า กระแสตรง โวลท์ ต่ำ อย่ามอง ข้าม
    AC ความถี่สูง อย่า เดี๋ยว ช๊อต .... ตาย ............... 55

    เรา เลย หนี ไป ใช้ DC โวลท์ ต่ำ แต่ป้อนความถี่ สูง ดูบ้าง
    สารอีเลคโตไลท์ ก็ มาใช้ ของ ที่ ธรรมดา ๆ หน่อย อย่าง ยาแก้ ท้องอืด...

    จริงๆ นะ.............. ฮึ ฮึ

    ทำไป ทำมา มาถึง ตรงนี้ แล้ว ก็ คง หยุด ไม่ได้ ...
    อัลตร้าโซนิค ............... ก็ น่าคิด นะ
    เมื่อวาน ไม่ต้องจุด ธูป ก็ ได้ เบอร์ มาอีก... คน

    เป็น นักประดิษฐ เหมือนกัน คนไทย เชื่ยวชาญ ด้าน อัลต้าโซนิค แบบหลากหลาย มุมมอง
    นั่งคุยกันไป ตั้งแต่ 11 โมง มา เซกู๊ดบาย กัน ตอน บ่ายสามโมงกว่า

    คุย กัน จน พนักงาน ในบริษัท เค้า หลายไป หมด
    สงสัย คง หลบ แมงโม้ .... 55

    ผม จึงได้ เทคโนโลยี่ ด้าน อัลต้าโซนิค มาใช้ บ้าง
    สานุก กัน ใหญ่ ละ ทีนี้

    อุลต้าโซนิค ที่ เรา เคยเห็นกันบ้าง ก็ เป็นเครื่อง ล้างแว่นตา แหวนเพชร
    ที่ใหญ่ หน่อย ก็ ไว้ล้าง เครื่องมือ และชิ้นงาน ก่อน งานชุบไฟฟ้า

    โอ .. ตอน นี้ ผม ได้ เห็น อัลตร้าโซนิค เป็น มือ ขยัน นับหมื่นๆ มือ

    เอามา เชื่อม โลหะ ก็ ได้
    เอามา กวน ตี คน ผสม สาร และของเหลว ก็ได้
    เอามา ย่อย สาร ให้ เล็ก ระดับ ไมคอน

    ( พวกที่ ทำ นาโน ทั้งหลาย ส่วนมาก จะ เอาสาร มา ย่อย ในของเหลว แล้ว ยิงด้วย อัลต้าโซนิค ให้ สารวิ่ง ชนกันไป มาก จน แตก ตัว เป็น เม็ดเล็กๆ ทำได้ ถึง ระดับ ไมคอน )

    ตอนนี้ บ.ซีพี ก็ ใช้เทคโนโลยี่ นี้
    กำลังพัฒนา แยกน้ำทะเล เป็นน้ำจึด ได้ ถึง 80%
    โอโห ได้ เยอะ ซะด้วย ก็ เจ้า อุลตร้าโซนิค นี่ แหละ แถม ได้ ก๊าสไฮโดรเจน ออกมา ด้วย พนักงาน เอาไป เป่าลูกโปร่งสวรรค์ เล่น กัน

    ทำให้ ผม คิด ด้วย จิต เป็น กุศล ว่า น่าจะ ทำชุดทดลอง ด้านอุลตร้าโซนิค ไป ให้ ตามโรงเรียน มัธยม อาชีวะ เพื่อให้ เด็กๆ ได้ สัมผัลเทคโนโลยี่ ด้าน นี้ บ้าง

    แม้นตัวผม เอง ก่อนหน้านี้
    ก็ มอง อุลตร้าโซนิค แค่ เครี่องล้างแว่นตา รู้อยู่ เหมือนกัน ว่า เอาไปทำอะไร ได้ อีกมาก
    แต่ ก็ ไม่ เคยเห็น เหมือน อยู่ไกล เกินเอื่อม ก็ มันไปอยู่ ในเครืองมือ อุปกรณ์ ที่ราคาแพงๆ นี่ นา
    จะไป ยืม เค้ามาเล่นได้ ยาง ไง

    ตอนนี้ ไป เจอ แล้ว เป็น ขุด แบบ เล็กๆ คนไทย ทำเอง เอามาใช้ ได้ จริง
    น่า ซื้อแจก โรงเรียน
    เอาไปให้ เด็ก นักเรียน ไว้ทดลอง เล่นๆ กันดู
     
  15. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เอ๊............................. ระดับ 5 เป็น อย่างไร กันบ้าง

    เงียบหาย กันไปไหน

    มาเล่าให้ ฟัง กัน หน่อย นะ จ๊ะ................................

    เรียนมาแล้ว ซุ่ม เงียบ กัน หมด ..........55
     
  16. Joypor

    Joypor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +1,024
    มาตามคำเรียกร้องคะ ศิษย์พี่

    ในวันที่เรียนอาจารย์ถ่ายทอดพลังให้ 3 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลานานกว่าที่ครั้งที่เรียนมา บรรยากาศในห้องเรียน ร้อนแรงมากทั้งๆที่ในตำแหน่งอื่นมีคนของให้หรี่แอร์ แต่สำหรับตัวเองร้อนวูบวาบมากๆคะ ไม่แน่ใจว่าเป็นพลังมาจากคนข้างๆหรือเปล่า
    อาจารย์สอนเรื่องการส่งพลังระยะไกล ซึ่งในส่วนของตนเองก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าผู้รับได้รับพลังหรือเปล่า คิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาศึกษาเพิ่มประสบการณ์เสียก่อน
    หลังจากเรียนกลับมา รู้สึกว่าร่างกายของเราร้อนมากๆ ร้อนจากภายใน ตื่นมาตอนเช้าขี้ตาเกรอะเลย และรู้สึกเวียนหัว ปวดหัว แต่ไม่มากอยู่ 2-3 วัน เพิ่งจะรู้สึกดีขี้นวันนี้เอง

    ตอนนี้ก็ฝึกส่งพลังรักษาทางไกลอยู่คะ ตอนนี้มีเคสอยู่ 1 เคส เป็นน้องสาวที่เป็นไทรอยด์คะ ตอนนี้ไทรอยด์โต คุณหมอแนะนำให้ผ่าตัด ก็เลยคิดว่าจะลองส่งพลังรักษาน้องทุกวัน คุณหมอนัดอีกทีประมาณเดือนธันวาคม จะลองดูว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงกับโรคอย่างไรบ้าง

    ความเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกได้ในเรื่องของพลังระหว่างจบระดับ 4 กับ ระดับ 5(1) คือ รู้สึกว่าเราสามารถรวบรวมจิตได้นิ่งเร็วขึ้น และร่างกายของเราร้อนมากขึ้นในขณะส่งพลัง ผู้รับการรักษาสามารถสัมผัสพลังความร้อนของเราได้มากขึ้น (กรณีที่รักษาโดยการสัมผัส)

    ตอนนี้ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นกลับการรักษาทางไกลเท่าไหร่ หากเลือกได้จะชอบการสัมผัสมากกว่า เพราะว่าเราสามารถสอบถามการรับรู้ของคนไข้ได้คะ
     
  17. Joypor

    Joypor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +1,024
    ตอนบ่ายอาจารย์ได้เล่าเรื่องที่อาจารย์ไปประเทศอิสราเอลให้ฟัง มีเรื่องที่ไม่รู้ว่าเป็นการบังเอิญหรือเปล่า เมื่อกลับไปถึงบ้าน ลูกชายเรียกร้องให้อ่านหนังสือให้ฟัง ในฐานะที่แม่ไม่อยู่บ้านทั้งวัน ก็เลยบอกว่าให้ไปเลือกมา 1 เล่ม แต่ลูกชายเลือกมา 2 เล่ม เล่มแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกัวปลาทะเล เล่มที่ 2 ชื่อว่า หนูชอบไบเบิ้ล เป็นหนังสือที่ได้รับเป็นรางวัลจากการแสดงเนื่องในวันคริสตมาสคะ

    ทำให้ประหลาดใจมากว่า ทำไมต้องเลือกเล่มนี้ในวันนี้ด้วย ไม่รู้ว่าเป็นสาสน์การยืนยันในเรื่องที่ฟังในวันนั้นหรือเปล่า
     
  18. narmai

    narmai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +429
    เดือน พย. อ.กิตติชัย มีสอบระดับ3อีกไหมครับ รุ่นพี่ๆ

    เดือน พ.ย. นี้มีเปิดสอนระดับ3อีกป่าวครับ
    พอดีผมตกขบวนไปเที่ยวก่อน
     
  19. narmai

    narmai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +429
    รุ่นพี่ๆ ครับ
    ผมมีโอกาศได้เรียนแค่ระดับ2เองครับ
    อยากจะฝึกให้จริงๆจัง
    อยากขอคำแนะนำจากรุ่นพี่บ้างครับ
    ส่งแนะนำทางnarongsak11@hotmail.comได้ครับ
    ตอนนี้ก็ฝึกหมุนแต่7อย่างเดียว
    มีพี่ที่รู้จักก็แนะนำให้ทำแบบฝึกเดินพลังให้วิ่งผ่าน7-6-5-4-3-2
    ถ้าหมุดพร้อมกันได้พี่เค้าก็บอกว่าดีมาก
    ไม่รู้ว่าฝึกมามันแล้วมันถูกทางไหม
     
  20. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    มีเสียง ตอบ รับ มาแล้ว ......


    ยินดี กับ คุณ Joypor ด้วย นะครับ ได้ เรียนถึง ระดับ 5 แล้ว
    อาการ ที่ คุณได้เล่ามา ไม่ ต้อง กังวล เป็น อาการ ปกติ ส่วนใหญ่ ก็ จะ รู้ สึก กัน อย่างนี้ ผม เอง ตอน เรียนระดับ 5 ก็ เป็นเหมือนกัน
    ขณะเรียน จะรู้สึก ว่ามีพลัง อัด แน่น ไปทั้งห้อง
    ถ้า สังเกตดู ดี ดี จะ เห็น ได้ว่า

    มี อาจารย์ ข้างบน ท่าน ลงมา ช่วย สอน และ ถ่ายทอดพลัง ให้ พวกเรา ด้วย นะ

    ในวันที่ ผม เรียน ระดับ 5 นับได้ เป็น 10 องค์ ที่เดียว
    ที่ ต้อง บอกว่าเป็นสิบ สิบ องค์
    เพราะทีแรก ก็ นับ ไป 1 ละ 2 ละ 3 ละ 4 ละ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ สิบเอ็ด สิบสอง ..... ฯ
    นับ ไป เยอะ จริงๆ จน ไม่ ต้อง นับ แล้ว

    มาแบบ ให้ เห็น ด้วย ตาเนื้อ เลย ละ
    ทำให้ รู้ ว่า ท่านอาจารย์ ข้างบน ( จะเป็นเทพ เทวดา พระ ที่ท่านมาประทานให้ พวกเรา)
    ท่าน ทันสมัย นะ ไม่ ได้ แต่ง ชุด เทวดา แบบโบราณ นุ่งโจงกระเบน สวมชฏา อะไร แบบนั้น
    ท่านมา ให้ ผม เห็น แบบ ชุดสมัย นี้ ทั้งหน้าตา ทรงผม

    โอ้ ยัง กะ พระเอกหนัง หนัง เกาหลี ในสมัยนี้เลย
    หล่อ ๆ ทั้งน้าน
    มี อยู่ ท่านหนึ่ง ใส่สูท ขาว เชิ๊ต ขาว เน็ทไท ขาว สี ออกขาวๆ ทั้งชุด คือ ขาว มุก ขาวนวล ขาวครีม
    เป็นสูตร ที่ งดงามมาก ถ้ามาตัดใน เมืองมนุษย์ คง หาร้าน ตัดสูท ดีดี ผ้า ชั้นเยี่ยม ราคา หลายๆหมื่นบาท เป็นแน่ ........... อิอิ

    ส่วนที่ว่า อาการ ร้อนใน ขี้ตา แฉะ ... ก็ จะบอกให้
    ตาที่สาม กำลัง จะ เปิด จ้า.......

    เรื่อง ที่ว่า คนที่ เรียน มาถึง ระดับ 5 แล้ว
    จะส่งทางไกล ได้ อย่างไร ส่งได้จริง ไหม ... ไม่ต้องสงสัย
    ทำ ได้ เลย
    ทำ ไป เถิด ได้ ทุกคน ที่ ทำ ที่ใช้
    ยิ่ง ขยัน ใช้ รักษาคน บ่อยๆ ทุก วัน ....

    ส. บ. ม. ย. ห. สบายมาก อย่าห่วง.............555

    แม้น คนที่ ตอนเรียนมา แรกๆ กลัวว่า ทำไม่ได้
    สักพัก หนึ่ง ตอนนี้ ก็ เห็น ทำกันได้ หมด นี่นา ...

    แต่ โทรศัพท์ คุย กัน พลัง ยังวิ่ง ไป ทักทายกัน แล้ว เลย..

    อย่างผม กับ คุณแชมป็ โทรศัพท์ ทดสอบ พลัง กัน บ่อยๆ

    ส่งพลัง ไปให้ เค้า โทรศัพท์ กัน อยู่ นั่นแหละ ทดลองส่ง เค้ารับได้ ไหม
    ให้ เค้า ส่งมาบ้าง เรา รับได้ ไหม

    ต่อไป ก็ รับ แล้ว รู้ ไหม ว่า เป็นพลัง อย่างไร
    ก็ ทำ เป็น ขั้นๆ ไป

    มาตอนหลังๆ นี้ คนไข้ ที่มาให้ ผม รักษา เค้า ยังรู้ เลย ว่า พลัง ที่เราส่งไปให้
    แรง ขึ้น หรือ ร้อน หรือ เย็น ซู่ ซ่า หรือ จืดๆ หรือ พลังวิ่ง ไป ตรงไหนบ้าง


    ขยัน รักษา คน มากๆ
    ตัวเรา เอง ก็ แข็งแรง ขึ้น

    แถม ยัง ทำให้ เข้าใจ ใน เรื่อง พลัง ในแง่ มุม ต่างๆ มากขึ้นด้วย

    ที่ เรา เรียน ที่ พวกเราฝึกกัน ยังไม่ ได้ เหนือฟ้า ใต้บาดาล อะไร หรอกนะ

    จาก การสังเกต ตน ที่ เดิน ตามถนน ทั่วไป ทุกวัน นี้
    มีคน ได้ พลัง มีวิชา ต่างๆ มาก อยู่ ทีเดียว
    ที่มีพลัง โดย ที่ ไม่ต้อง เรียน ก็ มีมาก

    แต่ ที่น่าสังเกต คน ที่มีพลัง มา แบบ ไม่ได้ เรียน นี่ ก็ มักไม่ ค่อย นำมาใช้ ให้ เป็นประโยชน์
    แต่ ที่ เอาไป ใช้ ในทาง สายดำ นี่ ซิ น่ากลัว ก็มี ให้ เห็น นะ

    พวกเรา เรียน และฝึกฝนมา แล้ว
    ก็ น่าจะ ฝึก ฝน จน นำไปใช้ ประโยชน์ แต่ ตนเอง และ ญาติมิตร จะเผื่อแผ่ไป ถึง ประชาชนชาวโลก ด้วย ก็ ยิ่งดี

    แต่ ก็ ให้ สร้าง ภูมิ คุ้มกัน ป้องกัน ตัว ไว้ บ้าง นะ
    อย่าง เอา แต่ ดูด เอาแต่ รับ เข้ามา ต้อง มี ฟิลเตอร์ ไว้ กรองเอาแต่ ของดีๆ ของเสีย กรองไว้
    มีเกาะ ครอบ ตัวไว้ บ้าง ....... ก็ จะปลอดภัย มากขึ้น

    นะ............ จะ บอก ให้.................... 55
     

แชร์หน้านี้

Loading...