พระแก้วมรกตลําปางหลวง นางพญางิ้วดำวัดวชิราลงกรณ์

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,846
    ค่าพลัง:
    +21,356
    ประมวลภาพพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัตน์จตุรทิศ.jpg FB_IMG_1739990082168.jpg

    พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือ "พระพุทธรูปสี่มุมเมือง" ซึ่งมีอยู่ 4 องค์ ถูกจัดสร้างขึ้นตามความเชื่อและโบราณประเพณีของบ้านเมืองที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่จะต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องขอบขัณฑสีมาทั้งสี่ทิศ โดยการสร้างพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศนั้นเป็นการสร้างพระพุทธรูปแบบ "จตุรพุทธปราการ" กล่าวคือเป็นการนำเอาวัดหรือพระพุทธรูปเป็นปราการทั้งสี่ด้าน เพื่อปกป้องภยันตรายจากอริราชศัตรู ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เสริมสร้างดวงชะตาแก่บ้านเมืองและคุ้มครองพสกนิกรทั้งมวลให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
    ทิศเหนือ - ศาลหลักเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง (บนซ้าย)
    ทิศใต้ - จังหวัดพัทลุง (บนขวา)[1]
    ทิศตะวันออก - วัดศาลาแดง จังหวัดสระบุรี (ล่างซ้าย)
    ทิศตะวันตก - เขาแก่นจันทน์ จังหวัดราชบุรี (ล่างขวา) ประดิษฐานอยู่ภายในศาลาจตุรมุขก่ออิฐถือปูนโครงสร้างสร้างคาเป็นเครื่องไม้มุงทับด้วยกระเบื้องอย่างไทยโบราณ บานประตูและหน้าต่างรวมทั้งหน้าบันลงรักปิดทองทุกด้าน โดยศาลาจตุรมุขตั้งอยู่บนยอดเขาแก่นจันทน์ที่มีความสูงประมาณ 141 เมตร อยู่ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร นับเป็นปูชนียวัตถุและปูชนียสถานอันล้ำค่าของจังหวัดราชบุรี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หลวงพ่อเกษม เขมโก มนต์ อธิษฐานจิต ปลุกเสก ปี ๒๕๑๘

    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250220_013811.jpg IMG_20250220_013105.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2025 at 14:50
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,846
    ค่าพลัง:
    +21,356
    วันนี้จัดส่ง
    1740052811463.jpg

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2025 at 18:57
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,846
    ค่าพลัง:
    +21,356
    FB_IMG_1740062892637.jpg FB_IMG_1740062897790.jpg

    สืบหาพระเครื่องดี
    สายกัมมัฏฐาน
    ศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    July 17, 2019 Ampol Jane
    พระอาจารย์วัน อุตตโม
    วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
    อาจเป็นเพราะได้สัมผัสและสัมพันธ์กับพระภิกษุฝ่ายกัมมัฏฐานมาตั้งแต่เด็ก จึงเป็นผลให้ได้เก็บสะสมวัตถุบรรจุพุทธคุณของครูบาอาจารย์ฝ่ายนี้หรือสายนี้มากกว่า
    พบเห็นที่ไหนมีอันคว้ามาใส่หิ้งเอาไว้กราบไหว้บูชา
    บนหิ้งจึงมีแต่พระเครื่องสายกัมมัฏฐานเกิน 50 เปอร์เซ็นต์
    ครูบาอาจารย์หลายองค์ที่มรณภาพไปแล้วและทื้งมรดกพุทธคุณในวัตถุมงคลให้คงอยู่ในโลก โดยที่โลกฝ่ายพานิชย์ไม่เห็นความสำคัญ ไม่ให้ความสนใจ ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมสามารถได้มรดกพุทธคุณของพวกท่านมาได้ง่าย ๆ ไม่สิ้นเปลือง
    พระเครื่องของพวกท่านโดยมากไม่มีราคาแพงกี่ปี ๆ ก็ไม่แพง คงความเป็นพระเครื่องราคาถูกมาตลอดทุกยุคสมัย
    อะไรไม่ว่า, ของราคาถูกจังเลยอย่างนี้ ผู้บรรจุพุทธคุณไว้ในของเหล่านั้นกระดูกเป็นพระธาตุทั้งสิ้น
    “ที่ผมแขวนอยู่ในคอทั้งหมดนี้ กระดูกเป็นพระธาตุทั้งนั้น ผมไปดูมาแล้ว” เฮียแว่นเซียนพระเครื่องจังหวัดอุดรธานีบอก
    องค์ที่แพงสุดขีดในพวงสร้อยคอนั้นมีราคาแค่ 80 บาท
    แต่เขามีพระเครื่องราคาหลายพันหลายหมื่นวางโชว์ในตู้เพื่อขาย
    คุณอะไรไม่ทราบ ผมลืมชื่อไปแล้ว จำได้แต่ว่าเป็นผู้ลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลอำเภอเมืองจังหวัดสกลนคร เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ฝั้น และพระอาจารย์วัน เขาเป็นนักเลงพระเครื่อง สะสมพระเครื่องของหลวงปู่ฝั้นไว้มาก และได้เงินจากพระเครื่องของหลวงปู่ฝั้นโข แต่พอถึงพระอาจารย์วันเขาหมดตัว เพราะว่าพระอาจารย์วันมรณภาพด้วยเครื่องบินตก
    คนเลยเสื่อมศรัทธา ลำพังตัวพระอาจารย์วันเองยังไม่รอด พระเครื่องของท่านจะช่วยคนอื่นให้รอดได้อย่างไร
    ออกจะเป็นอวิชชาจริง ๆ ถ้าหากคิดอย่างนี้
    กระดูกพระอาจารย์วัน
    เป็นพระธาตุไปแล้วเหมือนกัน
    พระอาจารย์จวน ที่เครื่องบินตกถึงมรณภาพพร้อมพระอาจารย์วันก็เป็น
    พระเครื่องของสองท่านนี้ไม่มีราคา
    ผมก็เก็บเพลินไป
    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดภูจ้อก้อ มุกดาหาร เคยบอกผมว่า พระโมคคัลลาน์ที่ถูกกลุ่มโจรรุมฆ่านั้นแท้จริงแล้วโจรฟันตีไม่ถูกท่าน ที่ถูกนั้นคือถูกธาตุขันธ์ของท่านเท่านั้น
    เครื่องบินตกพระตายไปหลายองค์นั้นพอจะอาศัยคำบอกหลวงปู่หล้าเป็นคำอธิบายได้ไหม
    เรื่องเครื่องบินตกพระตายนั้น ได้ยินคำเล่าหลายปาก เล่าไปต่าง ๆ นานาไม่ตรงกันนัก แต่ทุกปากเล่าได้ใจความเดียวกันคือ พระทุกองค์ก่อนขึ้นเครื่องบินก็รู้ล่วงหน้าทั้งนั้น
    จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบ
    ผมได้ยินเรื่องรู้ตัวว่าจะต้องตายของพระเหล่านี้จากปากคุณพี่เพชร สถาบันหรือคุณพี่โพธิ ภูมะโรง หรือคุณพี่สิทธา เชตวัน ก็สุดแต่ใครจะรู้จักท่านในนามใด และเชื่อว่าคุณพี่เพชรคงไม่ว่าอะไรที่ผมเปิดชื่อจนกระจ่างแจ้งอย่างนี้
    ก็ผมเห็นคุณพี่โพธิ ภูมะโรงวงเล็บไว้ในงานเขียนเองว่า (สิทธา เชตวัน) ผมก็ถือโอกาสวงเล็บให้อีกเพื่อให้เรื่องนี้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น
    สมัยนั้นผมยังเอ๊าะๆ ทำหนังสืออยู่ที่ค่ายจักรวาลรายสัปดาห์ ประมาณปี 2516 คุณพี่เพชรก็เขียนนิยายลงในนิตยสารฉบับนั้นด้วย เลยได้มีโอกาสพบคุณพี่บ่อย ๆ เวลามาส่งต้นฉบับ หรือเวลาผมไปทวงต้นฉบับที่บ้านของคุณพี่เพชร ผมก็เห็นแล้วว่าคุณพี่เพชรเป็นผู้สนใจในทางประพฤติปฏิบัติ ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้จักประพฤติแม้แต่น้อย
    วันหนึ่งคุณพี่เพชรก็เล่าให้ผมฟังว่า ได้เดินทางไปกราบพระอาจารย์วัน หรือพระอาจารย์จวน องค์ใดองค์หนึ่งนี่แหละ ผมก็เลือน ๆ ไปแต่ว่าเดินทางไปถึงแค่สระบุรีเปลี่ยนแผน เพราะได้สวนทางกับลูกศิษย์ของพระอาจารย์วันหรือพระอาจารย์จวน ซึ่งกำลังเดินทางเข้ากรุงเทพฯลูกศิษย์ท่านนั้นก็บอกว่าไม่ต้องไปหรอก ถึงไปก็ไม่พบ เนื่องจากพระอาจารย์วันหรือพระอาจารย์จวนกำลังจะออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯโดยเครื่องบิน คำนวณเวลาแล้วว่าถ้าคุณพี่เพชรไปถึงวัด ท่านอาจารย์ก็ออกจากวัดก่อนแล้ว
    คุณพี่เพชรก็เลยเปลี่ยนแผนเดินทางไปอุบลราชธานีเพื่อไปกราบหลวงพ่อชาแทน
    ถึงวัดหนองป่าพงได้ฟังเทศน์จากหลวงพ่อชาในเวลาประมาณ 5 โมงเช้าตอนหนึ่งหลวงพ่อบอกว่า
    ”เขามานิมนต์ไปกรุงเทพฯเหมือนกัน บังเอิญไม่สบายจึงไม่รับนิมนต์ ถ้ารับก็มีหวังไปแล้วไม่กลับมาพบหน้าญาติโยมอีก”
    ปรากฎว่าตกบ่ายวันนั้น ข่าวเครื่องบินตกพระตายก็แพร่ไปทั่วประเทศ
    คุณพี่เพชรเล่าอีกว่าพระอาจารย์วันท่านรู้ตัวก่อนขึ้นเครื่องบิน ท่านได้ไล่ให้โยมวัดท่านหนึ่งกลับ ไม่ยอมให้เดินทางขึ้นเครื่องบินไปด้วยกัน
    พระอาจารย์จวนก็บอกกับญาติโยมทางวัด หลังจากที่ช่วยแม่ชีท่านหนึ่งซึ่งตกเขาปางตายให้ฟื้นขึ้นมาด้วยการเพ่งจิต ท่านบอกว่าถ้าแม่ชีคนนี้รอด ตัวท่านก็ไม่รอด แต่ไม่มีใครใส่ใจเพราะมัวแต่เป็นห่วงแม่ชีที่ประสบอุบัติเหตุ
    เรื่องนี้คุณพี่เพชรเล่าให้ฟังตั้งเกือบ 20 ปีมาแล้วนะครับ ผมยังจำได้และเอาไปเล่าต่อเสียหลายทอดเหมือนกัน
    ถ้าหากว่าเรื่องจริงๆ เป็นอย่างนี้แล้ว ยังจะมีใครสงสัยพระอาจารย์ทั้งหลาย ที่มรณภาพเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งนั้นอีกหรือเปล่า
    แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำเอาคุณอะไรไม่ทราบที่จังหวัดสกลนครหมดเนื้อหมดตัว
    ถ้าเป็นหุ้นก็หุ้นตก ว่างั้นเถอะ
    และผมก็อยากจะชวนทุกท่านให้ช้อนหุ้นที่ตกนี้ขึ้นมาเสียเถิด ไม่ช้อนตอนตกจะช้อนตอนไหน อีกหน่อยใครๆหายเพี้ยน คิดออกขึ้นมา จะพาลแพงวูบวาบจนคว้าไม่ไหวไม่รู้ด้วย
    ความจริงชีวประวัติของพระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม หรือบางคนก็เรียกว่าถ้ำส่องดาวนี้ได้มีหนังสือหลายฉบับลงตีพิมพ์หลายโอกาสแล้ว ผมจะเว้นไว้ไม่กล่าวถึงอีก ใครไม่เคยรู้จักท่านก็พอจะค้นหามาอ่านได้ไม่ยาก
    มีประวัติที่ท่านพระอาจารย์วันได้ลงมือเขียนขึ้นเองเหมือนกัน เป็นประวัติย่อๆพอได้ความชัดเจนบ้าง แต่ว่าประวัติที่ท่านเขียนเองนั้นไม่ใคร่มีใครนำมาลงตีพิมพ์ โดยมากจะคว้าออกมาบวกกับที่ค้นเองเขียนเองจนกลายเป็นประวัติฉบับมหากาพย์น้ำท่วมทุ่ง คนอ่านต้องไปแยกเนื้อแยกน้ำกันเอาเอง สุดแต่ปัญญาของแต่ละท่าน
    ถ้าใครเคยได้อ่าน จะเห็นว่าชีวประวัติที่ท่านอาจารย์ทุกองค์ได้ลงมือเขียนเองนั้น ล้วนแต่ราบเรียบสะอาดหมดจดไม่โลดโผนพิสดาร ซึ่งถ้าว่าไปตามกิเลสแล้วก็ไม่สนุกตื่นเต้น
    ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าโดยมากท่านจะเว้นในรายละเอียดแต่มุ่งเป้าหมายหลักไว้ก่อน รายละเอียดหรือที่เรามักเรียกว่าเกร็ด จะออกจากปากเล่าสู่กันฟังเป็นส่วนใหญ่ อารมณ์ดี ๆท่านก็เล่าให้ฟังในศาลา ในร่มไม้ หรือไม่ก็ในคำเทศน์สอนคน
    เรื่องมันก็เลยไม่สนุกอย่างนี้
    แต่นั่นเป็นความจริง
    ไม่ใช่นิยาย
    ความจริงมักอ่านไม่สนุกเสมอ
    ประวัติของพระอาจารย์วันถ้าอ่านแล้ว ก็จะรู้สึกว่าท่านดำรงชีวิตในสมณเพศอย่างปกติธรรมดา ไม่เห็นจะมีอะไรสนุกเร้าใจเกินคนอื่น ๆ
    ทว่ากระดูกท่านเป็นพระธาตุไปอย่างไม่ปกติธรรมดา ทำให้รู้จักในภายหลังที่ท่านมรณภาพแล้วว่าท่านไม่ใช่พระธรรมดา
    มรดกที่ท่านพระอาจารย์วันทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง นอกจากประวัติชีวิต, ธรรมะ และพระธาตุแล้วยังมีวัตถุเก็บพุทธคุณหรือพระเครื่องอีกจำนวนไม่น้อย
    เฉพาะพระเครื่องของท่านได้มีผู้สร้างขึ้นถวายท่านหลายรุ่น มีผู้พยายามเก็บบันทึกอย่างที่ความสามารถของเขาจะทำได้ก็เพียงบันทึกไว้แค่ 69 รุ่น ซึ่งที่จริงแล้วมีมากกว่านั้น ตกบันทึกไปเยอะแยะ ข้ามรุ่นก็แยะ แต่ผมก็ไม่อยู่ในฐานะจะรื้อทำเนียบรุ่นได้ใหม่ คงต้องอนุโลมตามท่านที่ได้ทำบันทึกทำเนียบรุ่นไว้ก่อนแล้ว ที่ตกสำรวจก็ให้ถือว่าเป็นพระตกสำรวจแล้วกัน
    พระเครื่องรุ่นแรกของพระอาจารย์วัน เริ่มมีออกมาในปี 2514 และออกเรื่อยมาจนถึงปีสุดท้ายที่ท่านมรณภาพคือปี 2523
    วันที่ 27 เดือนเมษายนเครื่องบินโดยสารก็ตกที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ประมาณ 20 กิโลเมตรก่อนถึงสนามบินดอนเมือง พระที่มรณภาพพร้อมกันในคราวนั้นมีทั้งหมด 4 รูปคือ
    1. พระอาจารย์วัน อุตตโม
    2. พระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ
    3. พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมุมวโร
    4. พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม
    เครื่องบินตกที่รังสิต พระคณาจารย์กรรมฐานมรณภาพ 5 รูป

    ทุกรูปที่นำมาลงให้ดูนี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นพระเครื่องรุ่นเด่นดังแต่อย่างไร เพียงลงเท่าที่จะหยิบคว้ามาลงในขณะนี้เท่านั้น ทุกเหรียญที่ลงรูปนี้เป็นของราคาไม่แพงเลยครับ บางเหรียญสี่ห้าสิบบาทก็ขายกัน
    และก็อีกแหละครับบอกที่สำหรับบูชาให้ไม่ได้ ต้องด้อมๆ มองๆ หากันเอาเอง
    มีข่าวค่อนข้างดีจากพรรคพวกรายงานว่า เหรียญของพระอาจารย์วันที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์สร้างขึ้นในปี 2519 เป็นรุ่นที่ 14 นั้นยังมีเหลืออยู่ แต่ว่าไม่จำหน่าย ได้ยินว่าเก็บเอาไว้เป็นของที่ระลึกสำหรับผู้ทำบุญเข้ากองการกุศลอะไรสักอย่างหนึ่ง ไม่แน่ใจนัก เอาไว้ผมสอบถามได้ความชัดเจนอย่างไรแล้วจะรายงานผู้อ่านให้ทราบทันที (พระเครื่องรุ่นนี้สวยจับจิตใจผมจริง ๆ)
    ตอนนี้ก็ดูรูปพระเครื่องรุ่นต่าง ๆ ของพระอาจารย์วันไปก่อน
    ( ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 213 16พฤศจิกายน 2534 )

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250220_214325.jpg IMG_20250220_214347.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,846
    ค่าพลัง:
    +21,356
    FB_IMG_1740296076371.jpg
    ตำนานพระเจ้าแก้วมรกต วัดพระธาตุลำปางหลวง
    ดูกรอานนท์ เมื่อศาสนาตถาคตล่วงไปแล้ว ๑,๐๐๐ ปีลูกศิษย์แห่งตถาคตจักได้จุติจากดาวดึงษ์ลงมาปฎิสนธิ์ในเมืองกุกุตนคร เมื่อเจริญวัยขึ้นมาก็จักได้ออกบวชเป็นภิกษุภาวะ ตั่งอยู่ในเพศสมณะจนได้เป็นเถระแล้ว พร้อมกันนั้นนางเทวดาองค์หนึ่งก็ได้จุติลงมาเกิดในเมืองกุกุตนคร เช่นเดียวกัน และนางได้มีใจเลื่อมใสต่อศาสนาพระตถาคตเป็นอันมาก นางได้มาเป็นผู้อุปถากพระมหาธาตุเจ้าวัดม่อนดอนเต้าและพระมหาเถรด้วย นางผู้นี้มีชื่อว่า " สุชาดา " อยู่มาวันหนึ่งพระมหาเถรคิดอยากจะสร้าง พระพุทธรูปสักองค์หนึ่ง แต่หาวัสดุอันที่จะนำมาสร้างและสลักไม่มี เมื่อนั้นพระญานาคตนหนึ่งซึ่งรักษาอยู่ในแม่้ำน้ำอันมีชื่อวังกะนะที (แม่น้ำวัง) ได้ไปเมืองนาคแห่งพระองค์ไปนำเอาแก้วมรกตลูกหนึ่งมาแล้วพญานาคก็เอาแก้วมรกตลูกนั้นเข้าใส่ใว้ในหมากเต้า (แตงโม) นำไปไว้ในไร่ของนาคสุชาดา รุ่งขึ้นวันหนึ่งนางสุชาดาไปในไร่เพื่อจักเก็บดอกไม้ไปบูชาพระมหาธาตุและถวายพระมหาเถร นางได้พบหมากเต้าลูกนั้นมีสีสรรวรรณะ ดีกว่าลูกอื่น ๆ นางก็นำไปสู่สำนักพระมหาเถรในวัดพระมหาธาตุดอนเต้า และถวายให้แก่พระมหาเถรเมื่อพระมหาเถรรับเอาแล้วก็จัดแจงผ่า หมากเต้านั้นปรากฎว่าในหมากเต้านั้นมีลูกแก้วมรกตลูกหนึ่งพระมหาเถรและนางสุชาดาเมื่อได้เห็นแก้วมรกตนั้นแล้วก็มีความโสมนัสยินดีเป็นอันมาก ส่วนพระมหาเถรเมื่อได้แก้วมรกตนั้นมาก็จัดการสลักเื่พื่อให้เป็นพระพุทธรูปแต่สลักเท่าไหร่ก็หาเข้าไม่ และพระมหาเถรพยายามสลักอยู่หลายวันก็ไม่สำเร็จ วันหนึ่งขณะที่พระมหาเถรกำลังพิจารณาแก้วมรกตที่จะสลักเป็นพระพุทธรูปอยู่ที่หน้ากุำิฎิ ปรากฎว่ามีชายแก่คนหนึ่งไม่ทราบว่ามาจากทิศใด เข้ามาถามพระมหาเถรว่า ข้าแต่พระมหาเถรเป็นเจ้า ท่านจักกระทำสิ่งอันใดเมื่อพระมหาเถรได้ฟังชายแก่นั้นถาม จึงตอบว่า เราจักสลักแก้วมรกตนี้เป็นพระพุทธรูป แต่สลักเท่าใดก็ไม่เข้าแข็งนัก แล้วพระมหาเถรจึงถามชายแก่นั้นว่า ตัวอุบาสกยังมีความเข้าใจและเป็นช่างในทางนี้บ้างหรือ ชายแก่นั้นก็ตอบรับว่า ตนพอจะเข้าใจบ้าง ฝ่ายพระมหาเถรเมื่อทราบจากชายแก่นั้นก็มีความโสมนัสเป็นอันมาก รีบลุกจากที่เพื่อเข้าไปเอาเครื่องมือให้ชายแ่ก่นั้นคร้นพระมหาเถรกลับออกมาจากกุฎิพร้อมด้วยเครื่องมือมาถึงที่หน้ากุฎิพระมหาเถรก็แลเห็นองค์พระพุทธรูปแ้ก้วมรกตมีสีสรรวรรณะผ่องใสงดงามมากนัก แต่พระมหาเถรมองหาชายแก่ในที่นั้นไม่พบ จึงเที่ยวออกตามหาจนทั่วบริเวณก็ไม่พบในที่ใดเลย พระมหาเถรจึงคิดในใจว่า ชรอยว่าพระอินทร์และเทวดาลงมานิมิตรให้ ครั้นแล้วพระมหาเถรพร้อมด้วยนางสุชาดาต่างก็มีความโสมนัสเป้นล้นพ้นกิติศัพท์เรื่องนี้ไ้ด้ร่ำลือไปในหมู่ประชาชนจนทั่งเมือง ประชาชนต่างก็พากันมาทำการสักการะบูชาพระพุทธรูปแก้วมรกตเป็นจำนวนมาก ส่วนพระมหาเถรและนางสุชาดาก็พร้อมกันนิมนต์พระภิกษุสงษ์ มาทำการอบรมสมโภชพระพุทธรูปเจ้าเสร็จแล้ว ฉะนั้นสถานที่แห่งนี้จึงปรกฎนามในต่อมาว่า "วัดพระแก้วดอนเต้า" มาจนตราบทุกวันนี้ ต่อจากนั้นมีบุคคลบางพวกบางหมู่ก็เล่าลือว่า พระมหาเถรกับนางสุชาดา เป็นชู้ด้วยกัน เรื่องนี้ได้ทราบถึงอำมาตย์ของเจ้าผู้ปกครองนครแห่งนี้ ไ้ด้นำความขึ้นกราบทูลเจ้าผู้ครองนครให้ทราบ เจ้าผู้ครองนครเมื่อทรงทราบเรื่องนี้แล้ว หาได้ทรงพิจารณาให้ท่องแท้เท็จจริงอย่างใดไม่ จึงทรงบัญชาให้เพชฌฆาตให้นำเอานางสุชาดาไปฆ่าเสีย ณ ที่ริมแม่น้ำวังคะนะที ก่อนลงมือฆ่านางสุชาดาได้กระทำสัตยาอธิฐานว่า ถ้าหากนางได้กระทำการเป็นชู้กับพระมหาเถรจริงดุงผู้กล่าวหาแล้ว ก็ขอให้เลือดแห่งนางพุ่งลงสู่พื้นดิน และถ้าหากตัวนางนี้มิได้กระทำการเป็นชู้กับพระมหาเถร ก็ขอให้เลือดแห่งนางพุ่งขึ้นสู่อากาศอย่าได้ตกลงมาสู่พื้นดินเลย เมื่อเพชฌฆาตลงดาบตัดคอและคอของนางขาดปรากฎว่า เลือดของนางได้พุ่งขึ้นสู่อากาศโดยมิได้ตกลงมาสู่พื้นดินเลย ดังนั้น เมื่อพวกเพชฌฆาต ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น จึงพากันกลับเอาเหตุการณ์นี้ไปกราบทูลให้เจ้าผู้ครองนครนั้นทรงทราบ เมื่อผู้ครองนครทรงทราบเหตุการณ์เช่นนั้น พระองค์ทรงมีความเสียพระทัยเป็นอันมาก พระองค์จึงลุกจากพระแท่นที่นั่งแล้วเสด็จไปมาล้มลงขาดใจตายไปในบัดเดียวนั้น ตั่งแต่นั้นมา พระมหาเถรเจ้าก็หนีจากสำนักวัดพระแก้วดอนเต้าไปพำนักอยู่วัด ลัมภะกัปปะ (วัดพระธาตุลำปางหลวง) พร้อมกับนำพระพุทธรูปแก้วมรกตไปด้วย ดั้งนั้นพระพุทธรูปแก้วมรกตองค์นั้นจึงได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงมาจนตราบทุกวันนี้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จพระแก้วมรกต ๒๐๐ ปีรัตนโกสินทร์ วัดพระธาตุลำปางหลวง
    ให้บูชา 250 ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250223_142852.jpg IMG_20250223_142926.jpg IMG_20250223_142952.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,846
    ค่าพลัง:
    +21,356
    1740322904956.jpg
    ประวัติและปฏิปทา พระเทพสุทธาจารย์ (หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน) วัดวชิราลงกรณวรารามวรวิหาร อ.ปากช่อง จ.ครราชสีมา
    หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน วัดวชิราลงกรณวราราม
    จริยนิสัย ตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส (สมัยเด็ก) เรื่อยมาจนได้บวชเข้ามาในบวรพุทธศาสนา ปฏิปทาก็ไม่เคยเสื่อมคลาย ยังรักษาอยู่เหมือนเดิม ทั้งในที่ชุมชนหรือในกุฏิวัดของท่าน
    การกระทําบําเพ็ญตน สมควรแก่การนํามาเป็นเยี่ยงอย่างอันดีงาม ของอนุชนต่อไป ท่านผู้ ปฏิบัติตนในเพศสมณะ อันอุดมนี้คือ หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ท่านเคยกล่าวถึงเสมอๆ เมื่อครั้งที่ท่านยังดํารงชีพอยู่ หลวงปู่โชติ องค์เดียว ที่หลวงปู่ดูลย์ให้ความรัก และเมตตาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กน้อย แบกของเดินตามหลัง เข้า เพ็ญสมณธรรม”
    ย้อนภาพอดีตครั้งเมื่อหลายๆ สิบปีที่ผ่านมา ก่อนโน้น หลวงปู่ดูลย์ ในฐานะพระธุดงคกรรมฐานเต็มองค์ เดินธุดงค์โปรดบรรดาญาติโยมในถิ่นบ้านเกิดของท่าน คือจังหวัดสุรินทร์
    ในครั้งนั้น ได้มีอุบาสิกาที่เคร่งครัด ศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาคนหนึ่ง ชื่ออุบาสิกา เหรียญ เมืองไทย อุบาสิกาท่านนี้ ไม่เคยขาดการมาฟังพระธรรม เทศนา และอบรมธรรม กับหลวงปู่ดูลย์เลยสักวันเดียว
    และในทุกครั้งที่มาสํานัก ที่หลวงปู่อยู่บําเพ็ญสมณธรรม อุบาสิกาเหรียญ จะต้องนําบุตรชายของตน ชื่อ เด็กชายโชติ เมืองไทย มาด้วยทุกครั้ง
    การมาวัด ได้อยู่ใกล้กับพระภิกษุสงฆ์ทุกวัน ๆ ยิ่งนานวันเข้า ก็คิดไม่กลับบ้าน อยากอยู่ กับ หลวงปู่ดูลย์เพื่อปรนนิบัติรับใช้ครูบาอาจารย์
    ปกติแล้ว เด็กชายโชติ มีนิสัยรักความสงบ ใจบุญสุนทาน เรียบร้อยด้วยวาจามารยาท สิ่งที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเด็กชายโชติ ที่ยังไม่เปิดเผยแก่ใครๆรู้ คือ การที่ตนระลึกชาติได้อย่างแม่นยำ ในอดีตที่ผ่านมา
    ความอันลึกลับ จําอดีตชาติได้นี้เอง ทําให้ผู้เป็นเจ้าของสังขาร เป็นผู้หมดบาปกรรม ไม่กล้าก่อเวรอีกต่อไป ซึ่งก็นับว่า เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่กําลังสิ้นเวรกรรม ในชาติปัจจุบัน
    แต่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ และสงสัย อยากรู้อยากเห็น หรือจะพูดว่า ผู้คนจํานวนล้านคน จะมีผู้ไม่สงสัยเลย ไม่เกิน ๑ คน ในเรื่องเช่นนี้ ผู้ยังมีความสงสัยอยู่นั้น จงเข้าใจได้เลยว่า ยังเป็น ผู้ไม่สิ้นกรรม ยังจะสร้างกรรมต่อไปอีกนาน เพราะอวิชชาบัง จิตใจไว้นั้นเอง…
    นามเดิมของท่านชื่อ โชติ เมืองไทย เกิด ณ บ้านกะทบ ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์
    ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องของ นายแป๊ะ เมืองไทย และ นาง เหรียญ เมืองไทย และก่อนเกิดมา มารดาของหลวงปู่โชติ แพ้ท้องเหมือนสตรีที่ตั้งครรภ์ทั่วๆ ไปเหมือนกัน แต่ว่าแปลก แตกต่างกันมาก ดังกับฟ้าดิน ซึ่งปกติโดยทั่วไป คนตั้งครรภ์ มักจะชอบกินเปรี้ยว กินหวานมันเค็ม จุกจิกต่าง ๆ
    ส่วนนางเหรียญมิได้เป็นเช่นนั้น อาการแพ้ท้องในครั้งนี้ อยากทําบุญสุนทาน ถือศีล บำเพ็ญภาวนา เข้านมัสการครูบาอาจารย์ ฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันๆ
    ชีวิตในเยาว์วัยของเด็กชายโชติ ก็ไม่ได้โลดโผนโจนทะยาน เหมือนเด็กๆอื่น เขาชอบเก็บตัวเงียบสงบ กิริยามารยาทเรียบร้อย มีใจที่โน้มเอียงไปทางธรรมะมากที่สุด
    และปกติแล้ว นางเหรียญ ผู้มารดาก็ชอบทําความสงบ บําเพ็ญคุณงามความดี ฟังธรรมอบรมธรรม กับครูบาอาจารย์อยู่เป็นนิตย์ และได้นําเด็กชายโชติ เมืองไทย ซึ่งบัดนี้มีอายุได้ ๑๒ ปี แล้ว ติดตามมาวัดป่า ฟังธรรมด้วย
    การมาอยู่ใกล้กับพระภิกษุสงฆ์นี้ เป็นเหตุให้เด็กชายโชติ ไม่อยากกลับบ้านเสียแล้ว เพราะ การที่ได้มาอยู่วัดนั้นเป็นนิสัยที่ตนรักปรารถนาอยู่มาก นอกจากความสงบเงียบแล้ว ก็ยังได้ประพฤติ ปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุยังน้อยนั้นด้วย
    ต่อมา นางเหรียญ ผู้เป็นมารดา ได้ถวายบุตรชายของตนแก่ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เสียเลยเมื่ออายุอันควรที่จะบวชเรียนได้แล้ว หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้บรรพชาให้สามเณรโชติ เมืองไทย ซึ่งเป็นคนแรกเลยทีเดียว
    สามเณรโชติ เป็นคนที่มีความเคารพ กตัญญูรู้คุณครูบาอาจารย์ มีความขยันขันแข็งเรียบร้อย ว่าง่ายสอนง่าย เป็นที่รักเอ็นดูของ หลวงปู่ดูลย์ เป็นอันมาก
    สามเณรโชติ ท่านได้อยู่ปฏิบัติธรรม กับหลวงปู่ดูลย์ ออกติดตามหลวงปู่ดูลย์ เดินธุดงคกรรมฐาน ในที่ต่างๆ มาโดยตลอด ความรู้ความก้าวหน้าทางด้านจิตใจมีมาก แก่กล้าขึ้นโดยลําดับ
    การเดินธุดงค์ สามเณรโชติ ได้ติดตามหลวงปู่ดูลย์ ไปทางเขาพระวิหาร เข้าประเทศเขมร ไปปักกลดอยู่ท่ามกลาง ดงเสือ ช้าง หมีชุกชุมมาก ชาวสุรินทร์เอง เวลาไปคล้องช้าง ก็จะต้องเดินไปทางนี้ เพราะมีช้างมาก
    ณ เส้นทางนี้เอง หลวงปู่โชติ ท่านเล่าเหตุการณ์สมัยเป็นสามเณร ได้ติดตามไปกับพระอาจารย์ของท่าน หลวงปู่ดูลย์ ถูกควายป่า วิ่งเข้าชนข้างหลัง ขวิดหลวงปู่กลิ้งไปมาจนจีวรขาดรุ่งริ่งไปหมด แต่ตัวของหลวงปู่ดูลย์ ไม่เป็นอะไรเลยอย่างน่าอัศจรรย์
    ต่อมาหลวงปู่ดูลย์ ได้นําตัวของสามเณรโชติ มาฝากไว้ที่วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา เพื่อ ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดนี้
    เมื่ออายุครบบวช ท่านได้ อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ณ วัดสุทธจินดา ได้รับฉายาว่า “คุณ สัมปันโน
    หลวงปู่โชติ ได้รับสมณศักดิ์ และตําแหน่งต่างๆ จากพระสมุห์ มหา พระครู พระธรรมฐิติญาณ พระราชสุทธาจารย์ ในตําแหน่งสูงสุดของท่านได้เป็น พระเทพสุทธาจารย์
    การปฏิบัติธรรมนั้น หลวงปู่โชติ มีความแก่กล้ามั่นคงใน ธรรมปฏิบัติ เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง
    และด้วยปฏิปทาอันบริสุทธิ์ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ของหลวงปู่เองประกอบกับวาสนาบารมี ท่านจึงได้รับเลือกนิมนต์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดวชิราลงกรณ์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นองค์แรก (หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน ท่านเป็นพระอริยเจ้า ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ดําเนินตามธรรมคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ ผู้สืบมรดกธรรม ซึ่งมีหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ไว้อย่างมั่นแม่น ไม่ลืมเลือน
    จริยวัตรของ หลวงปู่โชติ เป็นความปกติของจิต ไม่มีการเสแสร้ง เคร่งขรึมด้วยจริตตึงเปรี้ยะ จนเกือบขาด
    แต่ความปกติของท่านนั้น เป็นความจริงที่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยมาดีงามแล้ว เป็นความพอ ดีของพระอริยเจ้าพระองค์นี้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอยู่สูงครับ
    โดย รณธรรม ธาราพันธุ์
    งิ้วดำ นี่ถือเป็นสุดยอดไม้มหามงคลและหายากเป็นที่สุด ก็ย่อมเรียกยกย่องอย่างสูงว่า พญางิ้วดำ ธรรมชาติสรรสร้างให้กะลามะพร้าวมีสองตาหนึ่งปาก ให้เขี้ยวหมูกลวงและเขี้ยวเสือตัน เมื่อกะลามีเพียงตาเดียวหรือไม่มีตา เมื่อเขี้ยวหมูตันและเขี้ยวเสือกลวง ย่อมถือเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ
    ครั้นมีผู้รู้เข้ามานับถือว่าของผิดปกติเช่นนี้เป็นอาถรรพณ์มีอานุภาพบางอย่างในตัว จึงเป็นเหตุให้มีคนเลื่อมใสนับถือตามสืบ ๆ กันมา ขนาดว่าคนยังเลื่อมใสให้ความหวงแหนได้ ผู้มีกายทิพย์อันมนุษย์มองไม่เห็นจะอยากเข้ามายึดถือหวงแหนในวัตถุนั้น ๆ บ้างย่อมไม่แปลก และนี่เป็นเหตุที่ทำให้วัตถุอาถรรพณ์เหล่านั้นทวีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นด้วยอำนาจลี้ลับ
    ไม้งิ้วก็เช่นกัน เมื่องิ้วที่ถูกแล้วควรต้องขาว แต่เมื่อวันหนึ่งไม้งิ้วเกิดโตมาแล้วมีสีดำทั้งต้น ซึ่งกรณีนี้เป็นหนึ่งในพันก็ต้องถือเป็นของหายาก ส่วนว่าเป็นสีดำเพราะผิดธรรมชาติกลายพันธุ์หรือเทวดาเข้าสิงเลยเปลี่ยนสีได้ ก็เป็นเรื่องสุดปัญญาแห่งผมที่จะตอบ
    พญางิ้วดำ ผู้รู้กล่าวว่าเป็นไม้มหามงคลที่มีฤทธานุภาพในตัวอย่างเอกอุ ไม่ว่าจะด้านสรรพคุณทางโอสถที่เมื่อนำมาต้มกับข้าวสารแล้วข้าวสุกทั้งหม้อจะมีสีดำสนิท ผู้กินเข้าไปย่อมมีกำลังดังพญาช้าง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคใด ๆ ป้องกันคุณไสย ยาสั่งทั้งปวง กินครบสามเดือนเป็นคงกระพันชาตรีอยู่มีดอยู่ปืน ไม้งิ้วดำแท้แม้ต้มเป็นเดือนสีก็ไม่จาง แต่สรรพคุณทางยาย่อมจืดไปเป็นธรรมดา
    เมื่อนำไม้งิ้วดำมาพกติดตัวหรือบูชาในที่อันควรจะส่งผลให้เป็นเมตตามหานิยมอย่างยิ่ง ย่อมบังเกิดโชคลาภอยู่เนือง ๆ คำว่าขัดสนอดอยากจะไม่บังเกิดแก่ผู้บูชางิ้วดำนี้เลย ด้วยอานุภาพเยี่ยงนี้ทำให้มีผู้เสาะหาไม้งิ้วดำกันมานานนับพันปี ไม่ต่างจากไม้กาหลงที่หากมีนกกามาวนเวียนจนตายอยู่ใต้ต้นนับร้อยนับพันก็ถือว่าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีฤทธิ์คล้ายกัน ไม้งิ้วดำเป็นอะไรที่หายากสุด ๆ ที่เจอนั้นล้วนแล้วแต่ของปลอม ซึ่งเอาไม้ธรรมดามาย้อมสีดำหลอกกันทั่วหน้า บางคนหาจนชั่วชีวิตตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายก็ยังไม่เคยเจอ
    แต่ยุคสมัยของเราถือเป็นบุญลาภกันถ้วนทั่ว เมื่อมีผู้ค้นพบไม้งิ้วดำของแท้ที่มีอายุนานนับร้อยปี จนเนื้อไม้มีสีดำสนิทเป็นมันดังนิลกาฬ และแกร่งแข็งประดุจเพชรกล้าทั้งแก่นไม้และรากแก้วจนเกือบจะกลายเป็นหินแล้วในปัจจุบัน
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงทุกๆข้อมูลครับ
    พระนางพญางิ้วดำวัดวชิราลงกรณ์
    พิธีปลุกเสกใหญ่ ๒ ครั้ง
    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250223_140320.jpg IMG_20250223_140344.jpg IMG_20250223_140413.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...