พระเครื่อง/เครื่องรางทั่วไป

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย tee_tores, 18 พฤษภาคม 2020.

แท็ก: แก้ไข
  1. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    ปิดครับ

    1637066589564.jpg 1637066592470.jpg Screenshot_25641116_112001.jpg IMG_25641116_110744.jpg

    ผ้าขาวม้า และเทียนชัยเสกหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค

    เลี่ยมเล็กมากน่าจะให้ลูกเล็กเด็กแดงแขวนบูชามาก่อน เลี่ยมเก่ามีอายุแน่นอน แบบนี้บูชาได้สนิทใจ





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2021
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    ปิดแล้วครับ


    IMG_25641116_144201.jpg IMG_25641116_144206.jpg IMG_25641116_144236.jpg IMG_25641116_144156.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2021
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    1637153338141.jpg 1637153340234.jpg 1637153342707.jpg 1637153344876.jpg 1637049286540.jpg


    ตะกรุดพอกครั่ง หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง

    เป็น ตะกรุดเนื้อฝาบาตร จารในเก่า พอกครั่ง ขนาด 3.5 นิ้ว หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรีตัวจริงๆครับ รับประกันแท้ ไม่ต้องผ่า

    บูชา 9,500
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2021
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    1637066573481.jpg 1637066577607.jpg 1637066580505.jpg Screenshot_25641116_194652.jpg IMG_25641116_170648.jpg

    พระกริ่งพิมพ์พระพุทธ วัดท่าทอง

    อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เนื้อทองผสม เป็นพระเครื่องที่ ลพ.กวย เททองให้ทุกๆองค์จนเสร็จพิธี และท่านยังลงยันต์ในแผ่นทองแดงเพื่อร่วมเททองในพิธีนี้ด้วยครับ พระกริ่งวัดท่าทอง เป็นของดีราคาถูก ออกปี18 โดยอาจารย์ผ่อง เจ้าอาวาสวัดท่าทองเป็นศิษย์หลวงพ่อกวยได้นิมนต์ท่านไปร่วมเสกพระกับเกจิดังอีกสององค์ คือหลวงปู่โต๊ะ วัดประดูฉิมพลีกับ หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ ... งานนี้เเหละครับ ที่หลวงปู่โต๊ะถามถึงหลวงพ่อกวย พร้อมทั้งกล่าวชมว่าอาคมเเก่กล้านัก พระกริ่งพิมพ์พระพุทธวัดท่าทอง หล่อโบราณอุดกริ่ง ด้านหลังองค์พระ มี พ.ศ.2518 ที่ฐานด้านล่าง หลายๆท่านแนะนำว่า พระของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม รุ่นนี้-วัดนี้ ดีมากเพราะ หลวงพ่อกวย ท่านเททองให้เองกับมือทุกองค์ ปลุกเสกให้อีกด้วย .... ของดีราคายังไม่แพง

    ****************
    วัดท่าทอง ตั้งอยู่ที่ ต.ปากน้ำ อ.เดิมบาง จ.สุพรรณบุรี เล่ากันมาว่า สมัยก่อนย่านนั้นมีเเร่ทองเยอะ ชาวบ้านไปขุดมาจากที่หนองรี เเล้วเอาร่อนที่หน้าวัดนี้
    สมัยก่อน วัดนี้อยู่ในความอุปการะของหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร จ.นครปฐม ตอนที่หลวงพ่อสำเนียงเดินทางไปนมัสการหลวงปู่ศุข ท่านจะเเวะมาที่วัดนี้ทุกครั้ง

    สมัยที่หลวงพ่อเเต้ม วัดพระลอยยังอยู่ ท่านก็เคยมาอยู่วัดนี้ระยะหนึ่ง เเละสร้างศาลาให้ด้วย ตอนที่หลวงพ่อเเต้มมาอยู่ที่วัดนี้ ท่านได้เสกข้าวให้ไก่ ให้นพิราบกิน ต่อมามีครูที่โรงเรียนวัดท่าทอง เเละบางคนเอาไก่ เอานกไปกิน คนที่เอาไปรวมทั้งครู พากันวิบัติ ล้มตายไปก็มี บางคนก็มีเหตุต้องติดคุก

    ในสมัยที่อาจารย์ผ่องเป็นเจ้าอาวาสนั้น อาจารย์ผ่อง เป็นเจ้าอาวาสซึ่งเเต่งตั้งโดยหลวงพ่อเเต้ม อาจารย์ผ่องท่านเป็นศิษย์หลวงปู่กวย มีความเชี่ยวชาญทางด้านดูหมอ เเต่ไม่ชอบด้านอาคม สมัยอาจารย์ผ่อง ทางวัดได้สร้างพระสมเด็จเเละพระเครื่องเเบบต่างๆ ในที่นี้จะขอกล่าวถึงพระสมเด็จ การสร้างนั้นมีอยู่สองเนื้อ คือ เนื้อดินเเละเนื้อผง

    เนื้อผงได้ใช้ผงของหลวงปู่กวย หลวงพ่อเเต้ม หลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อเอีย คนที่ไปจัดการเเละหาผงมวลสารคือ อาจารย์ญวณ วัดถ้าเข้

    เนื้อดินนั้น เป็นดินศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ต่างๆ รวมทั้งดินจากสระศักดิ์สิทธิ์ของวัดบ้านเเคด้วย

    การปลุกเสก ทางวัดได้จัดขึ้นสองครั้ง ครั้งเเรกมีหลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เเละหลวงปู่กวย วัดโฆสิตาราม คนที่นิมนต์หลวงปู่โต๊ะ คือ มหาจ้อย วัดประดู่ในทรงธรรม มหาจ้อยนี้ เป็นคนพื้นเพในย่านวัดท่าทอง คือ เป็นคนเดิมบาง ตลอดพิธีปลุกเสก ฝนตกทั้งคืน การปลุกเสกดำเนินไปได้ครึ่งนึงก็มีการหยุดพัก ขณะพัก หลวงปู่โต๊ะได้มองไปทางหลวงปู่กวย ทำมือบุ้ยไปทางหลวงปู่ พร้อมกับถามว่า พระครูองค์นี้ อยู่วัดไหน อาคมเเก่กล้าเหลือเกิน

    หลังจากพิธีปลุกเสก มีการจำหน่ายวัตถุมงคล ได้มีคนเอาพระเนื้อโลหะ พิมพ์ทุ่งเศรษฐีไปลองยิง ปรากฎว่ายิงไม่ออก คนเลยเช่าไปจนหมด พระสมเด็จไม่มีใครเอาไปลอง จึงมีเหลือตกค้างเรื่อยมา

    ครั้งนึง หลังจากพิธี มีลูกศิษย์ไปถามหลวงปู่โต๊ะเกี่ยวกับวัตถุมงคล หลวงปู่โต๊ะ บอกว่า ให้ไปเช่าพระวัดท่าทองสิ พระเนื้อดินน่ะ มีรัศมีสีขาวครอบคลุมเต็ม ดีมาก

    ต่อมาในงานงานฝังลูกนิมิตร ทางวัดได้จัดพิธีปลุกเสกอีกครั้ง ครั้งนี้นั้น หลวงปู่โต๊ะเเละหลวงปู่กวยได้มรณภาพเเล้ว พระเกจิที่มาร่วมพิธี เช่น หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม หลวงพ่อดัด วัดท่าโบสถ์ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดอู่ทอง เป็นต้น


    (ขอขอบคุณท่านเจ้าของข้อมูลนี้ด้วยครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    ปิดครับ

    1637066583875.jpg 1637066586720.jpg



    รับประกันแท้สากล

    พระสมเด็จแหวกม่านข้างเม็ด เนื้อผง 350 คณาจารย์ หลวงปู่หมุนวัดบ้านจาน
    พิธีมหาสมปรารถนา ปี2543 วัดซับลำใย
    พระผงรุ่นนี้สร้างพิธีมหาสมปรารถนา โดยหลวงปู่หมุนปลุกเสก 3 เดือนเต็ม ออกวัดซับลำใยปี 2543โดยพระอาจารย์ตั้ว(ศิษย์เอกของหลวงพ่อกวย)เป็นผู้รวบรวมมวลสาร มวลสารศักดิ์สิทธิ์ ผงวิเศษที่พระอาจารย์ตั้วได้รวบรวมไว้ มีพุทธคุณโดดเด่นทางด้าน โชคลาภ ,เงินทอง,แคล้วคลาดปลอดภัย พระอาจารย์ตั้วกล่าวว่า กว่าจะเก็บสะสมผงทั้ง ๓๕๐ พระอาจารย์นี้ได้จนครบตามจำนวนต้องใช้เวลาหลายปีเลยทีเดียว พิธีมหาสมปรารถนา ปี2543 มีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากมายเข้าร่วม เช่นหลวงปู่ละมัย, หลวงปู่หงษ์, หลวงพ่อรวย, หลวงพ่อเพี้ยน, หลวงปู่ธีร์ หลวงพ่อไสว เป็นต้น โดยหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล เป็นประธาน ในพิธี

    มวลสารศักดิ์สิทธิ์ผงวิเศษทั้งหมดที่พระอาจารย์ตั้วได้รวบรวมไว้ มีพุทธคุณ อิทธิคุณอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นของดีของวิเศษทรงอานุภาพ พระอาจารย์ตั้วกล่าวว่า กว่าจะเก็บสะสมผงทั้ง ๓๕๐ พระอาจารย์นี้ได้ จนครบตามจำนวนต้องใช้เวลาหลายปีเลยทีเดียว
    ตัวอย่างมวลสารสำคัญต่างๆอาทิ ผงสมเด็จที่ชำรุดของหลวงปู่นาค (พระเทพสิทธินายก) วัดระฆัง ผงพุทธคุณ ๑๐๘ จากอาจาย์ทั่วประเทศ ได้ทำพิธีที่วัดเบญจมบพิตร เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ผงจินดามณีของหลวงพ่อเพิ่ม (พระพุทธวิธีนายก) วัดกลางบางแก้ว ผงมหาราช ผงอิทธิเจ หลวงพ่อเนตร วัดตุ๊กตา จ.นครปฐม ผงตรีนิสิงเห ผงปถมัง ของอดีตเจ้าอาวาสวัดปริยายก กทม. ผงอิทธิเจ ของหลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง ได้มาจากอาจารย์ดุลย์ วัดไทยน้อย จ.นนทบุรี ผงของหลวงปุ่ใจ วัดเสด็จ จ.สมุทรสงคราม ผงโลกธาตุ พลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ได้มาเมื่อปี ๒๕๓๑ ผงรัตนมาลาของหลวงพ่อสละ เถรปญโญ วัดประดูทรงธรรม ผงอิจธิเจ ของหลวงพ่อผล วัดคลองจันทร์ จ.อุทัยธานี ได้มาเมื่อปี ๒๕๒๔ ผงตรีนิสิงเห ของหลวงพ่อพรหม แห่งวัดขนอนเหนือ จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ผงพุทธคุณ หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ผงปถมัง หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ผงไตรรัตน์ กับพงอาการ ๓๒ ของหลวงพ่อชื่น วัดญาณเสน จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓ ผงพุทธคุณหลวงพ่อสัมฤทธิ์ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ผงโสฬสมงคล ของหลวงพ่อถก จ.กาญจนบุรี ได้มาจากท่านอาจารย์นิวัฒน์ ได้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๐ ผงพรายกุมาร หลวงพ่อทิม อิสรโก วัดระหารไร่ ได้เมื่อปี ๒๕๑๙ ผงพุทธคุณของหลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท ที่ได้เก็บสะสมไว้โดยท่านพระอาจารย์ -สมุห์ภาสน์เองครั้งยังเป็นสามเณรรับใช้หลวงพ่อกวย อยู่ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ – พ.ศ. ๒๕๒๐ ผงนางดาราฯ จ.นครศรีธรรมราช ได้จากท่านอาจารย์วัชรินทร์ แร่ปรอททองคำ ได้จากผู้เฒ่าที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ผงดินกากยายักษ์และผงว่าน ๑๐๘ จากจังหวัด นครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๒๘ ผงพุทธคุณของหลวงพ่อคง ธมมโชโต วัดบางกระพ้อม ผงงากำจักกำจาย ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ณ ที่เขาใหญ่ ผงมหาราชของหลวงพ่อหยิบ วัดหน้าพระเมรุ จ.อยุธยา ได้จากพระอาจารย์หนู วัดเชิงท่า ลพบุรี ผงพราวดี มีอายุเป็นพันปี ได้มาจากพระคำ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ผงจากกรุวัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ ผงของหลวงพ่อบุญสิน วัดปลายคลองพลิ้ว จ.จันทรบุรี ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ผงพุทธคุณของหลวงพ่อชม วัดอินทาราม จ.ชัยนาท ผงเมาลี ของหลวงพ่อโต วัดอินทรารามมหาวิหาร กรุงเทพฯ ผงของหลวงพ่อเปี่ยว วัดเกาะหลัก ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ผงพุทธคุณหลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์ จ.ชัยนาท ผงของหลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี ผงของหลวงพ่อมี วัดเขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี แป้งเสกของหลวงปู่บุดดา วัดกลางเจริญศรี จ.สิงห์บุรี และผงยาเส้นของหลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ รวมทั้งผงจากวัดอื่นๆ เกจิอาจารย์ทั้งหลายจนครบ ๓๕๐ อาจารย์

    หลวงปู่หมุนท่านมีพรสวรรค์ในการเสกของมาก เพราะท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญและแตกฉานในองค์แห่งฌานสมาบัติและธาตุ วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตให้จึงเป็นของกายสิทธิ์ ทรงพลังอย่างพิศดาร มีอานุภาพสูงมากๆ เห็นผลไวและไม่มีวันเสื่อม ซึ่งหลวงตาพระมหาบัว ท่านกล่าวว่า ถ้าชอบเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต้องไปหาหลวงปู่หมุน ทำไม?...ช่วงนี้ถึงมีแต่คนตามเก็บหลวงปู่หมุนกันมาก เพราะเท่าที่ถามผู้ที่มาบูชาต่างก็บอกว่า ก็ของอย่างอื่นใช้แล้วไม่ได้ผลไม่ชัดเจน แต่ของหลวงปู่หมุนบูชาอธิษฐานแล้วได้ผลไว บางคนบอกว่าโดนกระทำคุณไสย ป่วย ธุรกิจฝืดเคืองไม่ราบรื่นฯลฯ พอเอาวัตถุมงคลหลวงปู่หมุนมาบูชาและขอบารมีหลวงปู่ช่วย กลับดีขึ้น เรื่อยๆ ทุกอย่างราบรื่นหมด

    ทุกวันนี้วัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสก เป็นของล้ำค่าที่คนแสวงหากัน วาจาสิทธิ์ของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร ซึ่งลูกศิษย์และชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู คือ ของๆฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะหมุนโชคลาภร่ำรวยตลอดเวลา ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมาอาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณ ที่ประจุลงไปด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็นหนึ่งบ่เป็นสอง เป็นองค์พระที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเลื่องถึงเมืองแมน

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2021
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    ปิดแล้วครับ

    มีดหมอชาตรี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ รุ่นแรก เลี่ยมเก่ากึกมาเดิมสุดๆ

    รับประกันแท้สากล รูปที่แนบมา เป็นตัวอย่างลายหนังสือที่ต่างจากของแท้นะครับ ลองเทียบดู




    FB_IMG_1637111078815.jpg FB_IMG_1637111076622.jpg 1637111114554.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2021
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
     
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
     
  9. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    เหรียญ หลวงพ่อสงฆ์ วาจาสิทธิ์

    วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร ฉลองอายุ ๙๐ ปี ปลุกเสกถวายพระพร เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๐... เหรียญสวย ไม่ผ่านการใช้บูชา..รับประกันแท้

    บูชา 350 บาท


    IMG_25641118_123205.jpg IMG_25641118_123151.jpg IMG_25641118_123155.jpg IMG_25641118_123201.jpg
     
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
     
  11. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    1637281003159.jpg 1637281005416.jpg


    เหรียญหลวงพ่อธรรมจักร วัดธรรมามูลวรวิหาร จังหวัดชัยนาท


    ความเป็นมาของหลวงพ่อธรรมจักร วัดธรรมามูลวรวิหาร ไม่พบหลักฐานทางประวัติอย่างแน่ชัด มีเพียงตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่า มีผู้พบพระพุทธรูปลอยตามแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมกันถึง 3 องค์ ได้แก่ หลวงพ่อโสธร(วัดโสธรวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา)หลวงพ่อบ้านแหลม(วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุดสงคราม)และหลวงพ่อธรรมจักร (วัดธรรมามูลวรวิหาร จังหวัดชัยนาท) บ้างกล่าวว่า มีพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง คือ หลวงพ่อวัดไร่ขิง ลอยตามมาด้วย แต่สำหรับหลวงพ่อธรรมจักร เมื่อลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดธรรมามูลวรวิหาร ปรากฏว่าได้ลอยวนเวียนอยู่บริเวณหน้าวัดแห่งนี้พระภิกษุและชาวบ้าน จึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานที่วัดโดยนำเชือกพร้อมด้วยสายสิญจน์ผูกกับ พระพุทธรูป แต่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ กระทั้งตกเย็นจึงแยกย้ายกลับโดยวางแผนจะมาดึงในวันรุ่งขึ้น ครั้นพอถึงรุ่งเช้า ชาวบ้านต่างหาพระพุทธรูปไม่พบต่างคิดว่าพระพุทธรูปได้หลุดลอยน้ำไปแล้ว จึงแยกย้ายกันกลับ ปรากฏว่าในขณะนั้นได้มีผู้พบเห็นพระพุทธรูป องค์ที่ลอยน้ำได้มาประดิษฐานปิดทางเข้าประตูวิหารวัดธรรมามูล เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง จึงได้เรียกชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างให้ขึ้นไปดูชาวบ้านจึงได้ร่วมแรงร่วมใจก่อสร้างต่อเติมพระวิหารออกมาอีกช่วงหนึ่ง รวมเป็น 3 ช่วง เมื่อองค์หลวงพ่อประดิษฐ์ฐานอยู่ได้ 3 วัน ก็ได้หายไปจากพระวิหาร และกลับมาประดิษฐ์ฐานดังเดิมโดยไม่ทราบสาเหตุซึ่งมีโคลนและจอกแหนติดเปื้อนมาด้วยชาวบ้านจึงได้นำโซ่มาล่ามผูกไว้เพื่อป้องกันไม่ให้หลวงพ่อหายไปอีก ต่อมามีคนต่างถิ่นล่องแพมาจากทางเหนือ เพื่อตามหาพระพุทธรูป เมื่อมาถึงท่าน้ำหน้าวัดธรรมามูลได้พบพระพุทธรูปที่ตามหาอยู่ ขณะนั้นเป็นช่วงพลบค่ำชายผู้นั้นจึงได้ขออาศัยนอนอยู่ที่วัด เพื่อรอเวลาอัญเชิญองค์หลวงพ่อกลับ ณ วัดแห่งเดิม ชายคนนั้นได้ฝันว่าหลวงพ่อไม่ขอกลับไปด้วย จะขออยู่ที่วัดแห่งนี้ครั้นรุ่งเช้าจึงได้กราบลาท่านสมภารเดินทางกลับบ้าน และได้ขอถอดเอา"จักร"ที่ฝ่าพระหัตถ์ องค์หลวงพ่อกลับไป นับแต่นั้นมาหลวงพ่อธรรมจักรก็ไม่หายไปไหนอีก ชาวบ้านจึงได้นำโซ่ที่ล่ามออก และได้ร่วมกันสร้าง"จักร"ขึ้นมาใหม่และจัดให้มีงานสมโภชต่อเนื่องทุกปี ปีละ 2 ครั้งคือในเดือน 6 ระหว่างขึ้น 4 ค่ำถึง 8 ค่ำและเดือน 11ระหว่างแรม 4 ค่ำถึง 8 ค่ำ รวมครั้งละ 5 วัน 5 คืนครับ
    เหรียญหลวงพ่อธรรมจักรมีพุทธคุณดีทุกด้านหรือพุทธคุณครอบจักรวาล ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก"ยันต์"ที่เขียนไว้หลังเหรียญโดยเขียนด้วยตัวขอมไว้ 2 ชุด คือคำว่า"ชะ นะ"(2ตัวที่อยู่ข้างกับอุณาโล) ซึ่งหมายถึง"ผู้มีชัย"และคำว่า"พระธรรมจักร"(แถวล่าง)ซึ่งหมายถึง"พระธรรมของพระพุทธเจ้า"พระธรรมจักร เป็นคาถาเดียวกับ"หัวใจอริยสัจสี่"ซึ่งมีตัวย่อว่า"ติ ติ อุ นิ"ประสบการณ์เหรียญหลวงพ่อธรรมจักรมีมากมาย อดีตเคยมีเด็กแขวนเหรียญแล้วเล่นซุกซนไปตามประสาเกิดตกน้ำที่หน้าวัดแต่เหลือเชื่อที่เด็กไม่จมน้ำกับลอยคออยู่อย่างนั้น จนมีคนไปพบและอุ้มขึ้นมาจากน้ำเป็นที่โด่งดังมากในยุคนั้นครับ


    ไม่ทราบปีครับ เป็นเนื้อตะกั่วเก่า มีจาร รับประกันแท้

    บูชา 1,200 บาท
     
  12. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    บูชา 4,500 บาท

    1637315918594.jpg 1637315920608.jpg 1637315922169.jpg 1637315924578.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2021
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    1637490315069.jpg 1637490317468.jpg 1637490319700.jpg 1637490322001.jpg 1637490312537.jpg

    ในปีพ.ศ.2505 คณะชาวเชียงใหม่ได้เดินทางไปร่วมงานบุญในพิธีสร้างพระหลวงพ่อทวดรุ่นปี05 ที่วัดชัางให้ จังหวัดปัตนี ซึ่งในครั้งนั้นเอง ทำให้คณะชาวเชียงใหม่ได้มีโอกาสสัมผัสบุญบารมีของหลวงพ่อทวดและพระอาจารย์ทิมเจ้าอาวาสวัดช้างให้ จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมา จึงได้กราบนิมนต์เชิญ พระอาจารย์ทิม เดินทางขึ้นมาเยี่ยมเยือนชาวเชียงใหม่ในปีพ.ศ.2506 ซึ่งสมัยนั้นนิยมใช้รถไฟในการเดินทาง และระหว่างทางพระอาจารย์ทิมได้หยุดพักจำวัดต่างๆ เช่นวัดโพธิ์หรือวัดพระเชตุพลฯกรุงเทพมหานคร วัดไทรใต้จังหวัดนครสวรรค์ ก่อนจะมาถึงวัดพระสิงห์จังหวัดเชียงใหม่
    พระอาจารย์ทิม ได้สร้างขึ้นแล้วนำไปมอบให้ท่านเจ้าคุณ พระธรรมราชานุวัตร เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ เมื่อ พ.ศ.2506 ซึ่งมีประวัติการสร้างชัดเจน

    พระหลวงพ่อทวด วัดพระสิงห์ ปี 2506 รุ่นนี้มี 5 พิมพ์ ด้วยกัน คือ

    1.พิมพ์ใหญ่ ฐานรอยพระบาท องค์หลวงพ่อทวด คล้ายกับพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ รุ่นลอยน้ำ ปี 2502-2508 นั่งบนฐาน ประทับด้วยรอยพระบาทพิมพ์นี้มีเอกลักษณ์ ออกแบบได้สวยงาม ไม่ซ้ำพิมพ์กับพระหลวงพ่อทวด ที่สร้างจากวัดไหนเลย เป็นพิมพ์นิยม มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์หน้าธรรมดา และพิมพ์หน้าผากมีขีด เนื้อว่านมีทั้งสีดำ สีเทาดำ และ สีน้ำตาล

    2.พิมพ์ใหญ่ ฐานบัว องค์พระฟอร์มเดียวกับพิมพ์ฐานรอยพระบาท ต่างกันแค่ฐานรองรับองค์พระ เป็นฐานบัวคว่ำ บัวหงาย มี 2 พิมพ์ด้วยกัน คือ พิมพ์ลึก และพิมพ์ตื้น พิมพ์ตื้นมีขนาดเล็กกว่าพิมพ์ลึกเล็กน้อย เนื้อว่านมีทั้งสีดำ สีเทาดำ และสีน้ำตาล

    3.พิมพ์กลาง ฟอร์มองค์พระ เหมือนกับพระหลวงพ่อทวด พิมพ์หลังเตารีดใหญ่ เข้าใจว่าถอดพิมพ์จาก พิมพ์หลังเตารีดใหญ่ พิมพ์นี้มีน้อย ที่พบเห็น เนื้อว่านมีสีดำ และสีเทา

    4.พิมพ์เล็ก ฟอร์มองค์พระ เหมือนกับพระหลวงพ่อทวด พิมพ์หลังเตารีดเล็ก หลังตัวหนังสือ น่าจะถอดพิมพ์มา เหมือนพิมพ์กลาง พระพิมพ์นี้ส่วนใหญ่องค์พระจะสวยและคมชัด ด้านหลังเรียบ เนื้อว่านมีทั้งสีดำ และสีเทา

    5.พิมพ์จิ๋ว องค์พระมีขนาดเล็กกว่าทุกพิมพ์ เข้าใจว่าแกะพิมพ์ขึ้นมาใหม่ เจตนาสร้างสำหรับให้เด็กใช้แขวน ความสวยงามและรายละเอียดน้อยกว่าพิมพ์อื่นๆ

    นอกจากนี้ยังมี รูปเหมือนบูชาหน้าตัก 3 นิ้ว เนื้อปูนผสมผงและว่าน มีจำนวนไม่มาก

    พระหลวงพ่อทวด พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก รุ่นนี้ นอกจาก พระอาจารย์ทิม นำไปถวาย พระธรรมราชานุวัตร เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ แล้ว ยังได้นำส่วนหนึ่งไปแจกที่วัดไทร จ.นครสวรรค์ อีกด้วย เนื้อว่านมีทั้งสีเทาดำ และสีน้ำตาล
    ท่านเจ้าคุณ พระธรรมราชานุวัตร อดีตเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ มีความสนิทสนมกับพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้มาก ได้เล่าว่า พระหลวงพ่อทวด ที่วัดพระสิงห์นำออกให้เช่าบูชานั้น เป็นพระหลวงพ่อทวดที่ พระอาจารย์ทิม สร้างจากวัดช้างให้ เมื่อปี 2506 แล้วนำมามอบให้วัดพระสิงห์ 1 กล่อง จำนวนหลายพันองค์ โดยองค์พระบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก ถุงละ 5 องค์ 5 พิมพ์ด้วยกัน ในถุงยังมีกระดาษพิมพ์คาถาบูชาหลวงพ่อทวด “นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา” ใส่มาด้วย

    พระหลวงพ่อทวด วัดพระสิงห์ เป็นพระเนื้อว่าน ผสมดินละเอียด และเกสรดอกไม้ เป็นเทคนิคการสร้างพระของเมืองใต้ สีของพระขึ้นอยู่กับปริมาณว่านที่ใช้ผสม ว่ามากหรือน้อย

    สีออกดำ เพราะผสมว่านและกากยายักษ์มาก สีออกเทา ถ้าผสมดินและผงมากกว่าว่าน สีน้ำตาลก็มี แต่จำนวนน้อย แหล่งวัสดุว่านที่ใช้ (ว่านสดที่มีชื่อเป็นสิริมงคล) เป็นพืชที่หาได้ง่ายตามภูเขาในภาคใต้ ก็เป็นเหตุผลหนึ่งว่า ทำไมคนใต้จึงนิยมสร้างพระด้วย เนื้อว่าน กันมาก

    พระหลวงพ่อทวด วัดพระสิงห์ มีอายุการสร้างนับมาถึงทุกวันนี้ ปี 2560 ร่วม 54 ปี พิจารณาแล้วมีความแห้งและเก่า ดมก็ไม่มีกลิ่นว่านยา เห็นแต่พิมพ์จิ๋ว เก๊ยังไม่ใกล้เคียง ต่างกับของวัดช้างให้ที่ได้รับความนิยมมานาน ราคาหลักหมื่นหลักแสน พระเก๊ทำกันมานานหลายปีแล้ว มีการพัฒนาฝีมือจนมีความใกล้เคียงกับของแท้มาก ถ้าไม่ชำนาญผ่าน “พระแท้” มาก่อนมีหวังเสร็จ

    พระหลวงพ่อทวด วัดพระสิงห์ เป็นของดี ที่พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้มอบให้เป็นมรดกกับคนล้านนา น่าเก็บสะสม ปัจจัยพื้นฐานดี ปีลึก ปลุกเสกโดย พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ และยังได้นำเข้า พิธีพุทธาภิเษก พระกริ่งนเรศวร เมืองงาย ปี 2512 ที่วัดพระสิงห์อีกครั้ง โดยพระเกจิอาจารย์ดังๆ ทั่วประเทศ กว่า 60 รูป รวมทั้งพระอาจารย์ทิม ก็ได้มาร่วมพิธีด้วย

    องค์นี้พิมพ์กลาง รับประกันแท้สากล ทุกสนามครับ

    บูชา 3,500 บาท

     
  14. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102

    1637491554461.jpg 1637491557886.jpg 1637491563579.jpg 1637491565838.jpg

    เหรียญสามัคคีมีสุข-กูผู้ชนะ รุ่นแรก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ปี2521

    บูชา 1,150 บาท รับประกันแท้ ทันท่านครับ

    สำหรับเหรียญรุ่นนี้จะมีด้วยกันสองแบบคือ

    1. เหรียญโลหะรมดำ ปลุกเสกเมื่อวันวิสาขบูชา ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ถือเป็นรุ่น1

    2. เหรียญโลหะชุบทอง ปลุกเสกเดือนเมษายน ๒๕๒๘ ถือเป็นรุ่นที่2

    เหรียญทั้งสองชนิด ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ส่วนด้านหลังเป็นรูปพระเจ้าตากสินมหาราช และมีข้อความด้านบนว่า กูผู้ชนะ

    เหรียญนี้ เด่นด้านแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี คืออยู่ยงคงกระพันมาก ชนะข้าศึกศัตรูหมู่อมิตรที่คิดร้าย มีประสบการณ์มาก จากทหาร-ตำรวจตระเวณชายแดน

    ************************************************

    หลวงพ่อได้ชี้แจงเรื่องการสร้างเหรียญนี้ไว้ดังนี้

    “อาตมาทำเหรียญพิเศษ ให้นามว่า “กูผู้ชนะ” แจกแด่ท่านที่ร่วมกุศลสาธารณประโยชน์ สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร โดยเอาเงินที่ได้จากการแจกเหรียญนี้ซื้ออุปกรณ์ในการแจกของ จำนวนที่ทำมีจำนวนจำกัดไม่มากนัก เริ่มทำการปลุกเสก วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ตรงกับวันวิสาขบูชา จะเริ่มทำการแจกวันเข้าพรรษา คือ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๒๑ เป็นต้นไป
    อัตราบำเพ็ญกุศล เดิมมิได้กำหนดไว้ อยากจะให้เป็นไปตามศรัทธาของท่านผู้รับ และตั้งใจทำบุญ มีหลายท่านแจ้งมาว่า คนจนที่มีเงินน้อย บางท่านอยากจะได้ไว้มาก เพื่อให้เพียงพอแก่คนในครอบครัว เห็นคนอื่นทำบุญมาก และได้รับเหรียญเดียว ตนเองยากจน ครั้นจะบริจาคมากก็ไม่มีพอ ขอให้กำหนดอัตราขั้นต่ำไว้ เพื่อความสบายใจของท่านผู้รับ อาตมาขอกำหนดอัตราสำหรับบริจาคสงเคราะห์ผู้ยากจนไว้ดังนี้ ท่านผู้รับจะรับเหรียญนี้ได้ โดยที่ท่านบริจาคทรัพย์ร่วมสาธารณกุศลตั้งแต่ ๑๐ บาท ขึ้นไป ถ้าไม่เกรงใจคนที่บอกว่ายากจน จะไม่กำหนดราคาเลย

    สำหรับเหรียญ “กูผู้ชนะ” นี้ ไม่มีวางแจกหรือขายในที่ใดทั้งหมด ทุกท่านจะได้รับจากอาตมาเองแห่งเดียว

    พระมหาวีระ ถาวโร
    ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑
    วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

    (คัดลอกมาจากหนังสือ “สมบัติพ่อให้” ของวัดท่าซุง (๑๕ มีนาคม ๒๕๓๕)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2021
  15. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    สุดยอดประสบการณ์ เหรียญเสมารุ่นแรก ลป.มหาเจิม ปัญญาพโล วัดสระมงคล นครปฐม

    พระกัมมัฎฐานสาย ลป.มั่น และเป็องค์ที่ ลต.มหาบัว พูดถึงอยู่บ่อยครั้ง หลวงปู่มหาเจิม ได้อนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคลของท่านเป็นกรณีพิเศษ เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๔๙ เนื่องในงานวันเกิดครบ ๙๐ ปี โดยมีข้อแม้ว่า "อนุญาตให้จัดสร้างเพียงครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย จากนั้นให้เลิกโดยเด็ดขาด" ประกอบด้วย พระยอดธง รูปเหมือนลอยองค์ เหรียญรูปไข่ เหรียญเสมา ล็อกเกต รูปเหมือนหลวงปู่ยืนถือไม้เท้า และพระปิดตาเนื้อผงมีการตั้งชื่อรุ่นว่า "ปัญญาบารมี" ทั้งนี้ เพื่อหาปัจจัยสร้างพิพิธภัณฑ์บริขารของท่าน

    ทั้งนี้ ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดสระมงคล โดยหลวงปู่พระมหาเจิม เป็นประธานจุดเทียนชัยอธิษฐานจิตภาวนาร่วมกับพระเกจิคณาจารย์ดังสายกรรมฐานของวัดป่า อาทิ หลวงปู่พระมหาเจิม วัดสระมงคล จ.นครปฐม, หลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน จ.เลย, หลวงปู่แผ้ว ปวโร วัดกำแพงแสน จ.นครปฐม หลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน จ.บุรีรัมย์, หลวงปู่บุญเพ็ง กัปโป วัดป่าวิเวกธรรม จ.ขอนแก่น, หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร วัดประชาชุมพลพัฒนาราม จ.อุดรธานี, หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต จ.หนองคาย, หลวงพ่อมาลัย อุทโย วัดบางหญ้าแพรก,ห ลวงพ่อสุพจน์ ฐิตพฺพโต วัดห้วงพัฒนา จ.ตราด และ หลวงปู่บุญหลาย อัคคจิตโต วัดโนนทรายทอง จ.อำนาจเจริญเป็นต้น

    ด้วยเหตุที่เป็นเหรียญรุ่นแรกและรุ่นเดียวในปีที่ออกนั้นกรรมการวัดได้ตั้งราคาวัตถุมงคลทุกรายการไว้เพียง ๙๙ บาทเท่านั้น เพื่อให้ลูกศิษย์ได้เช่าหากันอย่างทั่วถึง แต่ปัจจุบันด้วยคำร่าลือเรื่องพุทธคุณและประสบการณ์ด้านมหาอุด และแคล้วคลาด ทำให้มีการเช่าหากันสูงขึ้นเรื่อยๆ
    เหรียญนี้เลี่ยมพร้อมแขวนบูชา ด้านในมีเกศาและจีวรติดด้วย รับประกันแท้สากลครับ

    บูชา 4,800 บาท

    IMG_25641121_194643.jpg IMG_25641121_194654.jpg Screenshot_25641121_195142.jpg Screenshot_25641121_195110.jpg

    เหรียญที่ออกในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๙ เนื่องในงานวันเกิดครบ ๙๐ ปี ประกอบด้วย รูปเหมือนลอยองค์ เหรียญรูปไข่ เหรียญเสมา ล็อกเกต รูปเหมือนหลวงปู่ยืนถือไม้เท้า และพระปิดตาเนื้อผง ทั้งนี้ ท่านได้เมตตาต่อลูกศิษย์เป็นกรณีพิเศษ โดยมีข้อแม้ว่า

    "อนุญาตให้จัดสร้างเพียงครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย จากนั้นให้เลิกโดยเด็ดขาด" ทั้งนี้ เพื่อหาปัจจัยสร้างพิพิธภัณฑ์บริขารของท่าน

    สำหรับยันต์ที่ปรากฏบนหลังเหรียญรุ่นนี้ ประกอบด้วย ๑.คาถาหัวใจอริยสัจ ๔ ที่ว่า (แถวบน) อ่านว่า "ทุ สะ นิ มะ"

    ส่วนแถวที่ ๒ (แถวกลาง) "นะโมวิมมุตตานัง" และแถวที่ ๓ (แถวล่าง) "นะโมวิมุตติยา" ซึ่งต้องอ่านต่อเนื่องกัน "นะโมวิมมุตตานัง นะโมวิมุตติยา" เป็น "พระคาถาโมรปริตร" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "พระคาถาพญายูงทอง" มีความหมายว่า "ความนอบน้อมของข้า จงมีแต่ผู้วิมุตแล้วทั้งหลาย ความนอบน้อมของข้า จงมีแต่วิมุตตฺธรรม"

    พระคาถาโมรปริตรนี้เป็นคาถาที่บรรดาพระป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ส่วนมากให้ความสำคัญในการบริกรรมพระคาถาบทหนึ่ง และเป็นคาถาที่ปรากฏในตำนานโมรปริตร (อุเทตะยัญจักขุมา) ซึ่งเป็นนิทานชาดก โดยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็น "พญานกยูงทอง"

    ส่วนคำร่ำลือเรื่องพุทธคุณของพระเครื่องและเหรียญรุ่นนี้มีมากมาย โดยเฉพาะในแวดวงตำรวจมีผู้ต้องหาหลายรายในเขต จ.นครปฐม และใกล้เคียง โดยเฉพาะผู้ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทสุดท้ายจบด้วยการใช้อาวุธปืนยิงกัน เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อผู้ต้องหาที่ถูกยิงหลายรายเสื้อมีรอยทะลุจากลูกกระสุนแต่ผิวหนังไม่เป็นไร ซึ่งมีเรื่องเล่าจากตำรวจในพื้นที่หลาย สน.

    คดีหนึ่งที่ทำให้เหรียญรุ่นนี้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ คือ คดีของ สน.บางกอกน้อย หรือ สส.บก.น.๗ เป็นคดีที่ตำรวจนำกำลังเข้าจับกุมนายบุญญฤทธิ์ หรือ คิว ด้วงไพร อายุ ๒๒ ปี สมาชิกแก๊งโอรส แล้วเกิดมีการยิงต่อสู้กันถึงกับตำรวจตาย ใครจะคิดว่าหลังจากตำรวจจับกุมคิว ด้วงไพร ได้แล้ว ปรากฏว่า มีตำรวจจาก สน.ดังกล่าวเดินทางไปเช่าเหรียญหันข้างหลวงปู่มหาเจิม ที่วัดสระมงคลมากผิดปกติ จนหมดจากวัดภายในเวลาอันรวดเร็ว







    ------------------------------

    (พระองค์ครู : เหรียญหลวงปู่มหาเจิม ปญฺญาพโล อดีตประธานสงฆ์วัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม : โดย...ไตรเทพ ไกรงู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2021
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    received_884963989057215.jpeg received_297681358888725.jpeg

    ปิดครับ

    ถ้าชอบพระสมเด็จ อยากหาใว้แขวนบูชาสักองค์ แนะนำเลยครับ พระดีพิธีชัดเจนสามารถเช็คความเก๊,แท้ได้ ง่ายกว่า วัดระฆังราคาแพงๆได้ แถมราคาก็ไม่ได้แพงเกินไปจนเกินเอื้อม องค์นี้แกะออกจากกรอบทองมาครับ รับประกันแท้ทุกสนาม


    พระสมเด็จปรกโพธิ์ฐานแซม พระครูสุพจน์ ปี2484
    .....จัดสร้างโดยหลวงพ่อสุพจน์ นามเต็มของท่านคือ "พระครูพุทธมนต์วราจารย์" ท่านเป็นพระแบบว่าเก่งเงียบ ท่านมีวิชาลบผงสร้างผงจากตำราโบราณของวัดสุทัศน์ (ตำราโบราณของพระครูลมูล วัดสุทัศน์) เป็นสหายธรรมกับหลวงปู่นาคและหลวงปู่หินวัดระฆัง จึงได้รับมอบผงสมเด็จวัดระฆังที่แตกหักเป็นจำนวนมาก ท่านเป็นหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสกพระยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ และงานพุทธาภิเษกใหญ่ ๆ เช่นพิธีวัดประสาทฯ ปี 06 พิธีปลุกเสกพระประจำจังหวัดชลบุรี ปี 09 ที่วัดป่าชลบุรี ก็มีชื่อของท่านในทำเนียบพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการนิมนต์มาร่วมพิธีปลุก เสกด้วย
    สมเด็จพิมพ์นี้สร้างที่วัดสุทัศน์ฯ เมื่อปี 84 (พิธีอินโดจีน) โดยลูกศิษย์ของท่านนำพระสมเด็จวัดระฆังที่แตกหักจำนวนมากและไม่ได้ใครสนใจมา ถวายท่าน ท่านจึงนำพระเหล่านั้นมาบดเป็นผงละเอียดและได้แกะพิมพ์ขึ้นมาใหม่ และได้กราบเรียนสมเด็จพระสังฆราชแพเพื่อขออนุญาตนำพระเข้าปลุกเสกในพิธีนั้น พร้อม ๆ กับวัตถุมงคลต่าง ๆ หลังจากนั้นจึงได้มอบให้แก่ลูกศิษย์ตลอดจนทหาร ตำรวจ และข้าราชการต่าง ๆ ที่ต้องไปราชการสงครามในสมัยนั้น

    พระเกจิอาจารย์ที่ร่วมพิธีนั่งปรกปลุกเสก 108 องค์ ดังมีรายนามดังต่อไปนี้

    1. สมเด็จพระสังฆราช แพ วัดสุทัศน์
    2. ท่านเจ้าคุณศรี สนธิ์
    3. หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา
    4. หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    5. หลวงปู่นาค วัดระฆัง
    6. หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู
    7. หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว
    8. หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง
    9. หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง
    10. หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว
    11. หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด
    12. หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ
    13. หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง
    14. หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ
    15. หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
    16. หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ
    17. หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก
    18. พระพุทธโฆษาจารย์ เจริญ วัดเทพศิรินทร์
    19. หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่
    20. หลวงพ่อติสโส อ้วน วัดบรมนิวาส
    21. สมเด็จพระสังฆราช ชื่น วัดบวรนิเวศ
    22. พระพุฒาจารย์นวม วัดอนงค์
    23. หลวงพ่อเส็ง วัดกัลยา
    24. หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้
    25. หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ
    26. หลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค
    27. หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ
    28. หลวงพ่อช่วง วัดบางแพรกใต้
    29. หลวงพ่ออาจ วัดดอนไก่ดี
    30. หลวงพ่อกลิ่น วัดสพานสูง
    31. สมเด็จพระสังฆราช อยู่ วัดสระเกศ
    32. หลวงพ่อเชย วัดเจษฎาราม
    33. หลวงพ่อปาน วัดเทพธิดาราม
    34. หลวงพ่อเซ็ก วัดทองธรรมชาติ
    35. หลวงพ่อเจีย วัดพระเชตุพน
    36. หลวงพ่อเผื่อน วัดพระเชตุพน
    37. หลวงพ่อหลิม วัดทุ่งบางมด
    38. หลวงพ่อแพ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก
    39. หลวงพ่อสอน วัดพลับ
    40. หลวงพ่อเฟื่อง วัดสัมพันธวงศ์
    41. หลวงพ่อบัว วัดอรุณ
    42. หลวงพ่อนาค วัดอรุณ
    43. หลวงพ่อปลั่ง วัดคูยาง
    44. หลวงพ่อชุ่ม วัดพระประโทน
    45. หลวงพ่อสนิท วัดราษฎร์บูรณะ
    46. หลวงพ่อเจิม วัดราษฎร์บูรณะ
    47. หลวงพ่อสุข วัดราษฎร์บูรณะ
    48. หลวงพ่ออาคม สุนทรมา วัดราษฎร์บูรณะ
    49. หลวงพ่อดี วัดเทวสังฆาราม
    50. หลวงพ่อประหยัด วัดสุทัศน์
    51. หลวงพ่อปลอด วัดหลวงสุวรรณ
    52. หลวงพ่ออิ่ม วัดชัยพฤกษ์มาลา
    53. หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก
    54. หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน
    55. หลวงพ่อครุฑ วัดท่อฬ่อ
    56. หลวงพ่อกลีบ วัดตลิ่งชัน
    57. หลวงพ่อทรัพย์ วัดสังฆราชาวาส
    58. หลวงพ่อแม้น วัดเสาธงทอง
    59. หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน
    60. หลวงพ่อสาย วัดพยัคฆาราม
    61. หลวงพ่อเส็ง วัดประจันตาคาม
    62. หลวงพ่อพิศ วัดฆะมัง
    63. หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก
    64. หลวงพ่อหมา วัดน้ำคือ
    65. หลวงปู่จันทร์ วัดบ้านยาง
    66. หลวงปู่เหมือน วัดโรงหีบ
    67. หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว
    68. หลวงพ่อฉาย วัดพนัญเชิง
    69. หลวงพ่อปลื้ม วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    70. หลวงพ่อแนบ วัดระฆัง
    71. หลวงพ่อเลียบ วัดเลา
    72. หลวงพ่อพักตร์ วัดบึงทองหลาง
    73. หลวงพ่อสอน วัดลาดหญ้า
    74. หลวงปู่เผือก วัดโมรี
    75. หลวงพ่อผิน วัดบวรนิเวศ
    76. หลวงพ่อเจียง วัดเจริญธรรมาราม
    77. หลวงพ่อทองอยู่ วัดประชาโฆษิตาราม
    78. หลวงพ่อไวย์ วัดดาวดึงส์
    79. หลวงพ่อกลึง วัดสวนแก้ว
    80. หลวงพ่ออ่ำ วัดวงฆ้อง
    81. หลวงปู่จันทร์ วัดคลองระนง
    82. หลวงพ่ออ๋อย วัดไทร
    83. หลวงพ่อศรี วัดพลับ
    84. พระอาจารย์เชื้อ วัดพลับ
    85. หลวงพ่อพริ้ง วัดบางประกอก
    86. หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ
    87. หลวงพ่อพริ้ง วัดราชนัดดา
    88. หลวงพ่อขำ วัดตรีทศเทพ
    89. หลวงพ่อหนู วัดปทุมวนาราม
    90. หลวงพ่อทองคำ วัดปทุมคงคา
    91. หลวงพ่อเจียง วัดเจริญสุธาราม
    92. หลวงพ่อกรอง วัดสว่างอารมณ์
    93. หลวงพ่อเนียม วัดเสาธงทอง
    94. หลวงพ่อบุญ วัดอินทราราม
    95. หลวงพ่อเปลี่ยน วัดบึง
    96. หลวงพ่อฉ่ำ วัดท้องคุ้ง
    97. หลวงพ่อพรหมสรรอด วัดบ้านไพร
    98. หลวงปู่จันทร์ วัดโสมนัสวิหาร
    99. หลวงพ่อโสม วัดราษฎร์บูรณะ
    100. หลวงพ่อบุตร วัดบางปลากด
    101. หลวงพ่อโต วัดบ้านกล้วย
    102. หลวงพ่อทองอยู่ วัดบางหัวเสือ
    103. หลวงพ่อวงศ์ วัดสระเกศ
    104. พระอาจารย์พงษ์ วัดกำแพง
    105. พระอธิการชัย วัดเปรมประชา
    106. หลวงปู่รอด วัดเกริ่น
    107. หลวงพ่อเที่ยง วัดบางหัวเสือ
    108. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    (ตัวท่านไม่ได้มาร่วมปลุกเสก แต่จารแผ่นทองเหลืองทองแดงมาร่วมพิธี


    Screenshot_25641122_200047.jpg Screenshot_25641122_200200.jpg Screenshot_25641122_200124.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2021
  17. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    เหรียญกองพันเชียงรายหลวงพ่อเกษม เขมโก เนื้อทองแดง ปี 2518

    บูชา 12,000 บาท

    สภาพสวย สำนักสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ตอกโค๊ต อ.อ่าง เหรียญรุ่นกองพันต่างๆ ของหลวงพ่อเกษมน่าสะสมมากครับ มีด้วยกัน 3 เนื้อสร้างรวมกันไม่เกิน 10,000 เหรียญ เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อทองแดง ••กองพันทหารราบที่ ๓ •• กรมทหารราบที่ ๑๗ ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงรายซึ่งมีพลเอก อิทธิ สิมารักษ์ เป็นผู้บังคับกองพัน (ยศในขณะนั้น พันโท) ตลอดจนนายทหาร นายสิบ และพลทหาร รวมทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน ในจังหวัดเชียงราย ต่างตระหนัก และระลึกอยู่เสมอในคุณงามความดี และวีรกรรมในการรบของบรรดาทหารกล้า แห่งค่ายเม็งรายมหาราชซึ่งได้สูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อ เพื่อปกป้องคุ้มครองภัยให้กับพี่น้องร่วมชาติด้วยความกล้าหาญ จึงได้พร้อมใจกันจัดโครงการอนุสาวรีย์ผู้เสียสละขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๑๘ โดยได้ดำเนินการจัดหาทุนในการก่อสร้างอนุสาวรีย์ผู้เสียสละ ซึ่งได้รับความเมตตากรุณามุฑิตาจากหลวงพ่อเกษม เขมโกแห่งสุสานไตรลักษณ์ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ได้อนุญาตให้จัดสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่าน เพื่อนำไปให้ผู้มีจิตศรัทธาเช่าไว้บูชาเป็นมงคลแก่ตัวเองจนทำให้ได้เงินทุนในการสร้องอนุสาวรีย์จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๒๑ รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ๑๔๙,๙๘๗ บาท

    เหรียญนี้สวยสมบูรณ์ รับประกันแท้



    1637625666811.jpg 1637625668946.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2021
  18. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    ปิดครับ

    รูปหล่อหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ

    พระหล่อโบราณ ตอกหมายเลข 178 และ ว.ด มีจาร 3 จุด โดยหลวงปู่ดู่วัดสะแก ชัดเจน รับประกันแท้




    FB_IMG_1637627364742.jpg FB_IMG_1637627362363.jpg FB_IMG_1637627367171.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2021
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    หมอพจนีย์ #ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง
    แล้ววันหนึ่ง....☺☺☺

    แพทย์หญิงพจนีย์ พงษ์ประภาพันธ์....
    เรียนจบมัธยมปลายที่เตรียมอุดมฯ
    จบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    ต่อแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีเวช

    อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น
    มีนิสัยร่าเริงสนุกสนาน
    มีเพื่อนฝูงรักชอบหมอมากมาย
    .
    .
    หมอเล่าว่า เมื่อก่อนเคยใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย
    เที่ยวทุกคืน อาศัยเข้าไปกินบรรยากาศ
    ดื่มพอมึน ๆ ฟังพวกเพื่อนที่กินเหล้าคุยกัน
    มันรู้สึกสนุก บ้าๆ บอๆ สะใจ หัวเราะกันได้ทั้งคืน
    บ่อยครั้งที่ดื่มจนถึงเช้าแล้วค่อยแยกจากกัน

    มันก็แปลกเหมือนกันที่หมอเองเป็น
    ผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่
    แต่ก็ไม่รู้สึกกลัวอะไร กลับรู้สึกว่า ทำแบบนี้
    เก๋มาก ภูมิใจ เป็นการเข้าสังคมกลุ่มพี่น้องหมอด้วยกัน
    .
    .
    ก่อนหน้านั้น หมอเป็นคนห่างไกลศาสนา
    มองไม่เห็นความจำเป็นว่า ศาสนาจะเข้ามา
    ช่วยชีวิตให้สมบูรณ์ได้อย่างไร
    เพราะที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ดีอยู่แล้ว
    ทำบุญวันเกิดปีละครั้งตามประเพณี
    ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
    .
    .
    ยิ่งมาเรียนจบหมอก็ยิ่งเชื่อมั่น
    ในความเห็นของตนยิ่ง ขึ้นไปอีก
    คือ ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง

    ยิ่งเรียนสูติฯ ด้วยก็ไม่เคยเห็นเด็ก
    ที่คลอดออกมาแล้วเดินได้ 7 ก้าวเลย
    มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ว่าพระพุทธเจ้า
    พอคลอดออกมาก็เดินได้ 7 ก้าว

    ยังนั่งคุยกับเพื่อน ๆ เลยว่า
    สมัยก่อนคงมีนักคิดที่เก่ง ๆ ที่คิด
    จัดระเบียบทางสังคมให้ดีขึ้น
    จึงแต่งเรื่องพระพุทธเจ้าขึ้นมา
    แล้วก็ใส่ปาฏิหาริย์ เพื่อเพิ่มความศรัทธาไปเท่านั้น

    ตอนนั้นหมอคิดว่า อะไรที่พิสูจน์
    ด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้ หรือจับต้องไม่ได้
    เราก็ไม่ควรเชื่อ
    .
    .
    ในที่สุด วันร้ายคืนร้ายก็มาถึง
    หมอล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน
    ด้วยโรคหมอนรองกระดูกแตก
    โดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
    ซึ่งเจ็บปวดทรมานมาก ถึงขั้นเดินไม่ได้
    หมอต้องเข้ารับการผ่าตัดและนอนพักฟื้น
    อย่างยาวนาน

    ฉีดยาเข้าไขสันหลังเพื่อบรรเทาปวด
    ก็ยังไม่หาย แม้แต่อาจารย์หมอที่ว่าเก่ง ๆ
    ที่เชี่ยวชาญมาก ๆ ทั่วทั้งโรงพยาบาล
    มารุมวินิจฉัยดูอาการ ก็ยังไม่มีใครรักษาเราได้
    .
    .
    ได้รักษาทุกวิถีทางแล้ว จนรู้สึกท้อแท้
    หมดหวังเหมือนหมดหวังทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
    กินยา ก็กินไม่ได้ ทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
    น้ำหนักลดจาก 47 กิโลกรัม เหลือ 42 กิโลกรัม
    ภายใน 2-3 วัน จนอาจารย์หมอมาพูดกับเราว่า
    ให้ทนอย่างนี้อีก 10 ปี ทนอีก 10 ปีนะ
    แล้วเราก็จะชินไปเอง…

    ได้ยินประโยคนี้ เรารับไม่ได้
    เลยหันมาตั้งสติใหม่ มาคิดว่า
    มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตนี่…
    ผ่าตัดก็ไม่หาย ฉีดยาเข้าช่องไขสันหลัง
    น้ำไขสันหลังก็รั่ว กินยาก็แพ้
    .
    .
    อาจารย์หมอทุกคนและเพื่อนหมอด้วยกัน
    ก็มาช่วยดูแลรักษาอาการของเราทั้งหมด
    แต่เราก็ยังไม่หาย เราเองก็เป็นหมอด้วย
    มันช่างไม่ตรงไปตรงมาเสียเลย
    หมอเก่ง ๆ ก็น่าจะรักษาให้หายได้
    แต่ทำไมไม่หาย…ทำไมเรื่องแบบนี้
    ต้องมาเกิดขึ้นกับเราเล่า…
    ทำไมต้องเป็นเราด้วย…
    .
    .
    วิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีที่ว่าแน่ๆ
    วิชาหมอที่เรียนมาเกือบ 10 ปี
    ก็ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริง
    ของการป่วยของเราเองได้
    ซ้ำถูกบอกได้แค่ว่าให้ทนรออีก 10 ปี
    แล้วจะชินไปเอง……

    มันน่าจะมีอะไร ที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง
    ที่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้ แล้วสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่……
    .
    .
    ความรู้สึกเชื่อมั่นในทางวิทยาศาสตร์ตอนนั้น
    ได้ลดลงไปเลย เพราะเราสู้มาทุกทาง
    ใช้เทคโนโลยีที่ว่าทันสมัยทุกอย่าง
    รักษามาหมด กลับสู้ไม่ได้…..

    โชคดีที่ช่วงนั้น คุณน้าแนะนำให้เรา
    ใช้พุทธศาสตร์เข้ามาช่วย
    ก็ในเมื่อเราลองมาทุกทางแล้วนี่
    แต่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น
    ก็เลยหันมาศึกษาธรรมะ
    .
    .
    ลองหัดทำสมาธิ หัดทำใจให้สงบ
    ขยันฟังธรรมะทุกวัน…รู้สึกโปร่งโล่ง
    เบากายเบาใจขึ้น รู้สึกเริ่มเข้าใจ
    ในเบื้องหน้าเบื้องหลังของชีวิตมากขึ้น
    จนทำให้รู้ว่า เบื้องหลังของการป่วยของเรา
    มันคือวิบากกรรมที่เราเคยทำไว้ในอดีตนั่นเอง
    .
    .
    ก่อนหน้านั้น มีแต่คนบอกว่า
    คนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรม
    มาชดใช้วิบากกรรมที่เคยทำไว้
    ฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเกิดมาเลยนะ
    เหมือนเกิดมาเพื่อโดนลงโทษ
    ก็รู้สึกห่อเหี่ยว คิดว่าเราจะไม่สามารถมีโอกาส
    หรือหาหนทางแก้ไขได้เลยหรือ ?

    แต่พอมาศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า
    ที่พระองค์ทรงเน้นย้ำว่าเราเกิดมา
    เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง……
    พอรู้เป้าหมายอย่างนี้ ก็รู้สึกชุ่มใจ
    เกิดมาเหมือนชีวิตมีโอกาสที่จะแก้ไข
    และปรับปรุงในสิ่งที่เรายังบกพร่องได้
    .
    .
    มีคำถามในใจว่า...
    “ การรู้เพียงว่ามันคือวิบากกรรม
    มันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นได้บ้างล่ะ
    หากยังไม่รู้ถึงวิธีการแก้ไข ”

    ด้วยคำถามนี้เอง ทำให้หมอประทับใจ
    ในคำสอนของพระพุทธเจ้าเพิ่มมากขึ้น
    เพราะพระพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้ถึงวิธี
    แก้ไขวิบากกรรม จากหนักให้เป็นเบา
    จากเบาก็จะหาย ถ้าจะตายก็จะไปดี
    ด้วยการบำเพ็ญบุญกุศลให้ถึงพร้อม
    .
    .
    หมอขอยืนยันเลยว่า วิทยาศาสตร์
    และวิชาหมอไม่ได้สอนไว้เลย
    ซึ่งหมอได้พิสูจน์จุดนี้อย่างเด่นชัด
    ด้วยตัวเองแล้ว

    ทั้งนี้เพราะอาการของหมอหมดหนทาง
    ที่จะเยียวยาแล้ว แม้กินยา ก็ยังไม่ได้
    เพราะแพ้ยา หมอจึงหันมารักษา
    ด้วยการศึกษาและปฏิบัติธรรม
    ทำบุญทำทาน รักษาศีล ทำสมาธิ
    และอธิษฐานจิต...
    .
    .
    ในที่สุด หมอก็พบว่าอาการของหมอ
    ดีขึ้นตามลำดับอย่างรวดเร็ว
    จนกระทั่งสามารถทำงานเป็นหมอได้ดังเดิม

    เมื่อก่อน หมอไม่เคยคิดเลยว่า
    พุทธศาสตร์จะเป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่
    และมหัศจรรย์ถึงขนาดนี้ คิดแต่ว่า
    เป็นสิ่งเหลือเชื่อ งมงาย
    แต่พอมาได้ศึกษาปฏิบัติแล้ว
    ก็พบว่าวิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่
    ยังล้าหลังพุทธศาสตร์อยู่มาก
    .
    .
    อย่างเราเองเรียนหมอ วิชาแพทย์
    ก็อธิบายได้แค่การเกิดของคนจนถึงตาย
    แต่ก่อนที่จะเกิด และหลังจากความตาย
    เป็นอย่างไรนั้น วิทยาศาสตร์ตอบไม่ได้…

    การเจ็บป่วย เช่น โรคมะเร็ง ความดัน
    เบาหวาน หัวใจ สารพัดโรค
    ทางการแพทย์เองก็ไม่สามารถบอกได้แน่ชัด
    บอกได้แต่สมมติฐาน และพยาธิสภาพรวมๆ
    ว่ามาจากหลายสาเหตุ ยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้
    .
    .
    แต่พอมาศึกษาพุทธศาสตร์
    มาหยั่งใจใคร่ครวญด้วยสมาธิ
    ในเรื่องกฎของกรรม ก็สามารถตอบได้หมด
    ถึงสาเหตุและต้นตอของโรคว่าที่เป็นโรคนี้
    เพราะกรรมอะไร จากชาติไหน
    และต้องแก้ไขอย่างไร ซึ่งตัวเราเอง
    ก็อัศจรรย์ใจมาก

    ทุกวันนี้ หมอเชื่อมั่นถึงการมีจริง
    ของพระพุทธเจ้า เชื่อว่าพระพุทธเจ้า
    ประสูติแล้วสามารถเดินได้ 7 ก้าวจริง ๆ
    .
    .
    พอมาถึงทุกวันนี้ เมื่อหมอย้อนไปในอดีต
    ก็อดนึกขำตัวเองไม่หายว่าทำไมเราหลงคิดผิด ๆ
    ด้วยมานะทิฐิอยู่ได้ตั้งนาน ไม่ยอมเปิดโอกาส
    ให้กับตัวเองได้ลองศึกษาก่อน
    จนเกือบจะสายเกินไป
    หรือหมดโอกาสไปเสียเลย

    แต่พอมาศึกษาจริง ๆ จึงได้เข้าใจ
    และเห็นพระคุณของพุทธศาสตร์อย่างลึกซึ้ง
    จนต่อให้วิชาทางโลก ที่ว่าเจ๋ง ๆ นั้น
    แม้จะไม่รู้ก็ยังไม่เป็นไร
    แต่หากไม่มาเรียนรู้พุทธศาสตร์แล้ว
    ก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดอย่างปลอดภัย
    ในวัฏสงสารได้เลย
    .
    .
    พุทธศาสตร์นั้น จะสอนให้เรารู้จักเลือก
    และเลี่ยงได้ สอนให้เรารู้ว่าตอนที่เรา
    ยังมีชีวิตอยู่นั้น เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร
    จึงจะมีชีวิตที่ดีและมีคุณค่า ตลอดจนวิธีการ
    ที่จะกำจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปได้อย่างไร

    การที่จะไม่เกิดอีกนั้น ต้องทำอย่างไร
    ซึ่งสิ่งนี้เราสามารถเรียนรู้จากการศึกษา
    ปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา
    เมื่อเราได้ศึกษาไป ปฏิบัติไป
    เราก็จะเข้าใจชีวิตและโลกเพิ่มมากขึ้นๆ
    แล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นความแตกต่างได้ชัด
    อย่างที่ตัวของหมอเองได้ประสบมา…
    .
    .
    สังคมทุกวันนี้ หมอสังเกตเห็นชัดว่า
    เด็กที่ฝากท้องกับหมอ จำนวนของเด็กวัยรุ่น
    16 – 17 ปี ที่กำลังเป็นวัยเรียนได้เพิ่มสูงขึ้น
    กว่าเมื่อก่อนมาก บางคนมาขอให้หมอทำแท้งให้
    ซึ่งเราก็ให้ความรู้เขาไปว่ามันเป็นบาปนะ
    มันจะกลับมาเป็นเวรกรรมให้กับตัวเองด้วย

    ปัญหาเด็กและเยาวชนเพิ่มมากขึ้น
    เพราะสื่อทุกอย่างเป็นสื่อของกระแสกาม
    พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยรายการทีวี
    เด็กซึมซับพฤติกรรมอะไร ๆ
    โดยได้รับอิทธิลจากทีวีสูงมาก

    สังคมที่ยังขาดความรู้ทางพุทธศาสตร์
    จะแก้ปัญหาให้เกิดความสันติสุขไม่ได้เลย
    แผนพัฒนาประเทศชาติควรต้องคำนึงถึง
    เรื่องนี้ให้มาก
    .
    .
    หมอคิดว่า แม้ว่าเราจะมีความรู้สูง
    ฉลาด ก็อย่าฉลาดอย่างงมงาย
    อย่างที่หมอเคยเป็นมาก่อน คือ
    ไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้มาศึกษาก่อน
    แถมยังปิดกั้นสิ่งที่ดีนั้นไว้ นั่นจะทำให้เรา
    ไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ดีที่สุด
    ไปตลอดชีวิตเลย
    .
    .
    คนเราอาจผิดพลาดในชีวิต
    คิดผิดด้วยความยึดมั่นในความรู้
    และความพร้อมของตัวเองได้ก็จริง
    แต่สิ่งที่เราไม่ควรผิดพลาดเลยสำหรับชีวิตนี้
    ก็คือ การปิดกั้นตัวเองจากสิ่งที่ยังไม่ได้ลองศึกษา
    แล้วด่วนสรุปด้วยตัวเองแทนการลงมือพิสูจน์ด้วยตัวเอง
    .
    .
    การเปิดโอกาส ให้ตัวเองได้ศึกษาธรรมะ
    เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ศึกษา
    วิชาที่สำคัญและจำเป็นที่สุดในชีวิต
    ที่มิใช่เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ต้องรู้
    ถ้าไม่รู้ ก็เสียชาติเกิด…

    /////////

    ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับ
    ✨ แพทย์หญิงพจนีย์ พงษ์ประภาพันธ์ ✨
    ที่ให้ประสบการณ์ชีวิตเป็นธรรมทานค่ะ

    สำหรับผู้ได้อ่านแล้วเห็นว่าเป็นธรรมะที่ดี
    ช่วยกันแชร์เป็นธรรมทานนะคะ ✨
     
  20. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,309
    ค่าพลัง:
    +53,102
    พระผงพุทธคุณ พิมพ์รัศมี หลวงปู่ดู่ วัดสะแก

    รับประกันแท้ บูชา 3,500 บาท



    1637729687214.jpg 1637729796302.jpg 1637729690191.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...