พระเครื่อง/เครื่องรางทั่วไป

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย tee_tores, 18 พฤษภาคม 2020.

แท็ก: แก้ไข
  1. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,362
    ค่าพลัง:
    +53,102
    IMG_2236.jpeg IMG_2238.jpeg

    พระผงพุทธคุณฝังแร่โคตรเศรษฐี คุณแม่ชีประทุม โชติอนันต์

    บูชา 700 บาท

    ศิษย์พระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัด อุทัยธานี ) อ.ปากช่อง จังหวัด นครราชสีมา

    รุ่นนี้เป็นเนื้อผงพุทธคุณสีขาว สร้างหลังจากคุณแม่ชีประทุมมรณะภาพ 1 ปี โดยเนื้อผงสีขาวเป็นผงพุทธคุณผสมผงว่านและฝังแร่โคตรเศรษฐีทั้งทั้งสองด้าน

    เนื่องจากท่านได้นำก้อนแร่ดังกล่าว มาสร้างเป็นพระเครื่องให้ลูกศิษย์บูชา เพื่อนำเงินทุนมาสร้างมหาวิหารหลังใหม่ในสำนักปฏิบัติธรรม โดยจัดสร้างเป็นพระเครื่อง ด้านหน้าเป็นพิมพ์พระทุ่งเศรษฐี อีกด้านหนึ่งเป็นพิมพ์พระสิวลี จำนวน 285 องค์ และนำไปให้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัด อุทัยธานี เมตตาอธิษฐานจิต...

    แม่ชีเล่าว่า " ในคืนนั้นดิฉันได้ปฏิบัติอยู่ในถ้ำประมาณห้าทุ่มเห็นจะได้ เกิดนิมิตเห็นผู้ชายแต่งตัวทรงเครื่องสวยงามอร่ามแพรวพราว ระยับเป็นสีทอง ยืนอยู่ข้างหน้าดิฉัน ชายผู้นั้นได้พูดขึ้นว่า พรุ่งนี้ตอนสองโมงเช้าจงแต่งขันธ์ห้าขึ้น และจงมานั่งตรงนี้ ฉันจะฝากของเธอ เอาไปให้กับแม่ชีประทุมเพื่อร่วมสร้างพระมหาวิหาร ดิฉันรับคำท่าน ท่านก็หายวับไป พอรุ่งเช้าดิฉันจัดแจงแต่งขันธ์ห้า พอได้เวลาที่ท่านสั่ง ดิฉันได้ไปนั่งตามเดิมพร้อมเครื่องบูชาขันธ์ห้า ดิฉันนั่งสมาธิไปจนถึงสิบโมงกว่าจึงคลายออกจากสมาธิ พอลืมตาขึ้นก็เห็นของสิ่งนี้วางอยู่ ดิฉันรู้ทันทีว่าของที่วางนี้เป็นของที่ท่านฝากให้คุณแม่ ดิฉันจึงนำมา เพราะตรงที่ดิฉันนั่งปฏิบัตินั้น ฉันกวาดเตียนไม่เคยมีอะไรมาก่อน ดิฉันนั่งปฏิบัติมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วค่ะ ฉันไม่เห็นมีอะไรเลย "

    ครั้นพอตกกลางคืนในเวลาเช้ามืดของคืนวันเดียวกันกับวันที่รับของ เวลาตอนตีห้าครึ่ง ออกจากพระกรรมฐานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ทำอย่างนี้เป็นประจำตลอดมา เมื่ออุทิศส่วนกุศลจบลง ข้าพเจ้านั่งอยู่ในกลด เห็นว่าเสร็จกิจแล้วจึงหยิบยานัตถุ์ขึ้นมาทำท่าจะนัตถุ์ยา มุ้งกลดของข้าพเจ้าบางมาก ในทันใดมีความรู้สึกว่า มีคนมายืนใกล้ๆกลดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้ชำเลืองตาดู เห็นคนมายืนอยู่จริงๆ


    ท่านแต่งตัวสวยงามยืนชะโงกดูของที่ได้รับมาจากแม่ชีเมื่อตอนบ่ายนั่นเอง ท่าที่ท่านยืนคือขาซ้ายเยื้องไปอยู่หน้า ขาขวาลดลงมาหลัง ยืนชะโงกดูของในพานเอามือไพล่หลัง ขาใหญ่มาก ข้าพเจ้าชำเลืองดูเห็นแต่ขา ส่วนหัวเข่ามองไม่เห็นเพราะขาของท่านยาว ไม่สามารถจะเห็นเข่าได้ ข้าพเจ้านึกรู้ได้ทันทีว่า ท่านคงตามมาดูของ


    ข้าพเจ้ายกมือขึ้นพนมและพูดกับท่านว่า " ท่านผู้เจริญที่เคารพ ขณะนี้ของที่ท่านส่งมาให้ดิฉัน ดิฉันได้รับแล้วและได้บูชาไว้กับหลวงปู่ปานและหลวงพ่อฤาษี ที่ท่านได้ชะโงกดูอยู่นั่นแหละค่ะ ต่อแต่นี้เป็นต้นไปทั้งท่านและดิฉันจะได้ร่วมสร้างพระมหาวิหารแล้วในเวลาอันใกล้นี้ ขอท่านจงปกปักรักษา อย่าให้ใครมาแย่งชิงเอาไปนะคะ สำนักนี้มีแต่ผู้หญิง ท่านผู้มีตาทิพย์จงช่วยสอดส่องดูแลเอาไว้ให้ดี และขอท่านจงโมทนาในความตั้งใจดีต่อพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ด้วยเทอญ " ท่านโมทนา เมื่อข้าพเจ้าพูดจบลงท่านหายวับไปฉับพลัน

    พอเช้าข้าพเจ้าวางของลงที่โต๊ะนั่งของหลวงพ่อ ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัด อุทัยธานี ) ข้าพเจ้าก้มลงกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาหลวงพ่อพูดกับข้าพเจ้าขึ้นว่า " นี่โยม โยมชีจะเอาของมาทำฉันหรือ เห็นเป็นมันวาววับโยม "


    ท่านพูดท่านยิ้มมองดูของ ท่านถามข้าพเจ้าว่า " นั่นอะไร "



    ข้าพเจ้าตอบท่านว่า “ ไม่ทราบว่าเป็นอะไรค่ะ โยมปฏิบัติธรรมได้ของสิ่งนี้มาค่ะหลวงพ่อ โยมนำมาให้หลวงพ่อดู ”


    หลวงพ่อฤาษีลิงดำมองดูแล้วพูดว่า " ดีนะโยม ของนี้เป็นของพันปีมีค่ามหาศาล "

    ขั้นตอนการสร้างพระโคตรเศรษฐี



    วันหนึ่งนั่งสวดมนต์ พอก้มกราบต้องฟุบลงไปชั่วโมง ช่วงนี้เสวยกรรมหนัก นอนคิดมาคิดไป นึกถึงของจะเอาไปทำอะไรดี ของสิ่งนี้ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นเลย คิดว่าจะทำอะไรดี ใจก็นึกถึง ท้าวธตรฐ ว่า " จะให้ของ จะให้ช่วย น่าจะให้ของที่รู้จัก ถ้าเป็นทองคำเราจะได้รู้ นี่เอาก้อนอะไรมาให้ก็ไม่รู้มาให้เรา เรายิ่งโง่ๆอยู่ จะนำไปซื้อขายก็ไม่ได้กลัวเขาไม่รู้จัก เมื่อไม่ได้สร้างก็ไม่ต้องสร้าง ตัดขันธ์ห้าดีกว่า " จึงได้วางก้อนของไว้ข้างตัว พิจารณาขันธ์ห้าย้อนไปย้อนมา จับพุทโธบ้าง จับอานาปานุสสติบ้างนานพอสมควร



    ทันใดก็ได้ยินเสียงข้างหูขวาว่า " ในห่อของนั้นมีค่ามหาศาล ทำไมไม่รีบจัดการขึ้น "


    เสียงพูดนั้นดูหนักหน่วงเหมือนดุ ท่านคงจะเคืองข้าพเจ้าที่ต่อว่าท่านว่า น่าจะเป็นทองคำ ให้มาแล้วยังโง่มากนัก ข้าพเจ้าตกใจลุกขึ้น เรียกแม่ชีเล็กเข้ามาหา บอกกับแม่ชีเล็กว่า

    " แม่จะทดลองของดู แม่ชีช่วยไปตามโยมแช่มมาเดี๋ยวนี้ บอกว่ามีธุระด่วน " แม่ชีจึงไปตามโยมแช่มมา ข้าพเจ้าจึงบอกโยมแช่มรีบไปหาตะกั่วมาให้ที ข้าพเจ้าทำพิธีตัดของก่อน



    ก่อนตัดก็กราบขอขมาขอทดลอง จึงตัดออกมาก้อนนิดหนึ่งพอสมควร ลองเอาตะกั่วเคี่ยวไฟก่อน ปรากฎว่าตะกั่วละลายเร็ว เทไว้ต่างหาก แล้วจึงนำของที่ได้มาต้มเคี่ยวใส่กระทะหลอมดู สิ่งของนี้กว่าจะละลายนานมาก พอละลายออกยิ่งมีรัศมีแวววาวระยิบระยับหลายสี หลายแสง อย่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก



    เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว ข้าพเจ้าจึงน้อมจิตถึงท่านเจ้าของขึ้นว่า " ท่านจะให้ทำเป็นอะไรขอให้บอกมา "

    ข้าพเจ้ามีความรู้สึกขึ้นทันทีว่า " ไปทำพระ "


    พอดีคุณสว่างมาจากจันทบุรี จึงได้บอกคุณสว่างขับรถไปกรุงเทพฯ เมื่อถึงกรุงเทพฯให้หาร้านที่เขาพิมพ์พระ เมื่อติดต่อทำพิมพ์พระก็เข้าโรงรีดของ




    ในระหว่างที่รีดของอยู่นั้น แสงรัศมีเกิดวาววับแสงสีเกิดขึ้นหลายสีเป็นสิ่งสะดุดใจแก่ผู้รีด


    ผู้รีดคนหนึ่งพูดกับเพื่อนว่า " เฮ้ย นี่ไม่ใช่ตะกั่วนี่หว่า .....เป็นอะไรวะ "


    เพื่อนอีกคนตอบ " กูก็ไม่รู้เหมือนกัน "


    ข้าพเจ้ายืนดูอยู่ใกล้ๆเมื่อได้ยินเขาพูด ข้าพเจ้าจึงนิ่งเสียหันหน้าไปทางอื่นเพื่อให้เรื่องจบ เมื่อรีดเสร็จแล้วจึงนำของไปเข้าเครื่องพิมพ์

    ข้าพเจ้ากราบอาราธนา องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด พระอรหันต์ทั้งหมด ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หลวงพ่อสมเด็จโตพรหมรังสี และครูบาอาจารย์ทั้งหมด ท่านพ่อปู่พระอินทร์ ท่านแม่ย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ศรี ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ มีท่านท้าวธตรฐและเทวดาทั้งหมด ขอเชิญท่านมาร่วมในพิธีสร้างพระมหาวิหารโคตรเศรษฐีของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด

    ข้าพเจ้ายืนคุมจนกระทั่งเขาทำเสร็จ ได้พระเครื่องจำนวน 285 องค์ ข้าพเจ้าตัดเอามาเพียงเล็กน้อย ไม่กล้าทำมาก เกรงว่าจะไม่มีใครศรัทธา เพราะเป็นเพียงแม่ชี หาคนศรัทธาน้อย


    เมื่อทำเสร็จ ข้าพเจ้านำพระเครื่อง 285 องค์นี้ไปหาพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัด อุทัยธานี )

    " นี่นะโยม พระของโยมนี่ ถ้าผู้ใดได้ไปบูชา จะเป็นเศรษฐี โคตรเศรษฐี จนไม่เป็นดีมากนะ โยมนี่เป็นคนมีปัญญา เอาล่ะนะฉันจะบอกให้ พระของโยมที่ทำมาทั้งหมดนี้ ถึงแม้จะไม่มีรูปพระเลย ของๆโยมก็ขลัง เขาสำเร็จอยู่ในตัวเขาแล้ว ให้ใครเอาไปทำอะไรๆ ให้ยิ่งกว่าทำ คำว่าเสื่อมไม่มี ของๆโยมนี้ใช้ได้ทุกอย่างเลยครบหมด เนื้อเกลี้ยงๆก็ขลัง "หลวงพ่อฤาษี ลิงดำกล่าว
     
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,362
    ค่าพลัง:
    +53,102
    ปิดครับ

    IMG_2240.jpeg IMG_2239.jpeg IMG_2247.png IMG_2248.png

    พระแก้วมรกต พิธีจตุรพิธพรชัย 2518 วัดรัตนชัย หลวงพ่อกวยและหลวงปู่ดู่(๙ เกจิเสก)

    เลี่ยมพร้อมรูปหลวงปู่ดู่ด้านหลัง

    ประวัติการสร้างวัตถุมงคลชุดนี้น่าสนใจมากเพียงแต่คนจะทราบรายละเอียดค่อนข้างน้อยทำให้หลายคนมองข้ามของดีในพิธีนี้ไปอย่างน่าเสียดายครับ ประวัติมีอยู่ว่าเนื่องจากนายเรียน นุ่มดี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ดู่ วัดสะแก) ในสมัยนั้นท่านกำลังใกล้จะเกษียณอายุราชการและจะกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดที่อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี แต่เนื่องด้วยวัดเขาใหญ่ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และเป็นวัดใกล้บ้านเกิดนั้นมีสภาพทรุดโทรม เสนาสนะก็ไม่ได้รับการบูรณะมานานมาก ดังนั้นนายเรียนจึงมีความตั้งใจที่จะหารายได้จำนวนหนึ่งไปปฏิสังขรณ์วัดเขาใหญ่ให้สวยงาม พร้อมทั้งสร้างวิหารจตุรพิธพรชัยขึ้นใหม่ จึงได้นำความมาปรึกษากับหลวงปู่ดู่ท่านว่าจะทำอย่างไรดี หลวงปู่ดู่ท่านจึงได้เมตตาแนะนำและให้คำปรึกษาในการจัดสร้างวัตถุมงคลตลอดจนการนิมนต์ครูบาอาจารย์มาร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีนี้อย่างละเอียด โดยพิธีพุทธาภิเษกถูกหนดขึ้นที่วัดรัตนชัย (วัดจีน) อ.เมือง จ.อยุธยา เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ส่วนพระเกจิอาจารย์ที่รับนิมนต์มาร่วมพิธีมีทั้งหมด 16 รูปคือ

    1. พระครูสังวรวิมล (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี อ.บางกอกใหญ่ จ.กรุงเทพฯ

    2. พระครูประสาทวิทยาคม (หลวงพ่อนอ) วัดกลาง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

    3. พระรักขิตวันมุนี (หลวงพ่อถิร) วัดป่าเรไรย์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

    4. พระโบราณคณิสสร (หลวงพ่อใหญ่) วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

    5. พระครูประสาทวรคุณ (หลวงพ่อพริ้ง) วัดโบสถ์โก่งธนู อ.เมือง จ.ลพบุรี

    6. พระครูสันทัดธรรมคุณ (หลวงพ่อออด) วัดบ้านช้าง อ.วังน้อย จ.อยุธยา

    7. พระครูกัลยานุกูล (หลวงพ่อเส่ง) วัดกัลยาณมิตร อ.ธนบุรี จ.กรุงเทพฯ

    8. หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท

    9. พระครูอดุลวรวิทย์ (หลวงพ่อไวทย์) วัดบางซ้าย อ.บางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา

    10. หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

    11. พระราชสุวรรณโสภณ วัดพนัญเชิง อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา

    12. พระครูศรีพรหมโสภิต (หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี

    13. พระครูสังฆรักษ์ (หลวงพ่อเฉลิม) วัดพระญาติการาม อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา

    14. พระครูภัทรกิจโกศล (หลวงพ่อหวล) วัดพุทไธสวรรค์ อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา

    15. หลวงพ่อโปร่ง วัดขุนทิพย์ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

    16. หลวงพ่อสมบูรณ์ วัดเขาถ้ำบุญนาค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ (ศิษย์ก้นกุฎิของหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค มาในนามของท่าน)

    ส่วนวัตถุมงคลที่ปลุกเสกในพิธีนี้มีอยู่ 4 ประเภท (ไม่นับรวมของฝากในพิธีนี้) คือ

    1. เหรียญ 9 พระอาจารย์ - จัดสร้าง 5,599 เหรียญ แบ่งออกเป็นอีกสองเนื้อคือ เนื้อเงิน (มีเพียงบางพระอาจารย์เท่านั้น) และเนื้อทองแดง มีทั้งแบบที่บรรจุในกล่องกำมะหยี่และที่ออกให้บูชาแบบเดี่ยว ๆ ที่นิยมเรียกว่า "เหรียญ 9 พระอาจารย์" นั้นเพราะว่าทางคณะกรรมการจัดทำเป็นเหรียญรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ที่ด้านหน้า และประทับยันต์ครูของท่านที่ด้านหลัง รวม 9 แบบ คือ หลวงพ่อนอ วัดกลาง หลวงพ่อถิร วัดป่าเรไรย์ หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู หลวงพ่อออด วัดบ้านช้าง หลวงพ่อไวทย์ วัดบางซ้าย หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม โดยเมื่อปั๊มเหรียญเสร็จจากโรงงาน คณะกรรมการได้นำเหรียญของแต่ละพระอาจารย์ไปมอบให้ที่วัดเพื่อให้ท่านปลุกเสกเหรียญของท่านล่วงหน้า 1 เดือนก่อนพิธีพุทธาภิเษกใหญ่

    2. พระสมเด็จ 9 ชั้น - จัดสร้างเป็นเนื้อผงแก่น้ำมัน จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุ ตามประวัติกล่าวว่าพระชุดนี้หลวงปู่ดู่ท่านตั้งใจออกแบบพิมพ์และมวลสาร เพื่อถวายให้หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาคเป็นกรณีพิเศษ โดยด้านหน้าจะล้อพิมพ์พระสมเด็จวัดไชโย ด้านหลังเป็นยันต์ครูของหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค และมีคำว่า "วัดเขาถ้ำบุญนาค อ.ตาคลี" ประทับอยู่ใต้ยันต์ครู โดยหลวงปู่ดู่ท่านได้มอบผงมหาจักรพรรดิ์จำนวนหนึ่งไปผสมเป็นมวลสาร จากนั้นนายเรียนจึงนำเรื่องนี้ได้กราบเรียนหลวงปู่สีทราบ ซึ่งท่านก็อนุโมทนาและอนุญาตตามนั้นและได้มอบผงวิเศษของท่านมาอีกจำนวนหนึ่ง สุดท้ายหลังจากได้มวลสารและกดพิมพ์เป็นองค์พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ดู่ท่านได้บอกให้นายเรียนนำพระสมเด็จชุดนี้กลับไปให้หลวงปุ่สีท่านปลุกเสกเป็นปฐม ซึ่งหลวงปู่ท่านก็เมตตาปลุกเสกให้เป็นกรณีพิเศษ 1 เดือน (เป็นพระอีกชุดหนึ่งของสายนี้ที่ปลุกเสกนานมาก) เสร็จแล้วจึงให้นายเรียนมารับกลับไปเพื่อรอเข้าพิธีพุทธาภิเษกใหญ่

    3. พระแก้ว 3 ฤดู - จัดสร้างเป็นเนื้อผงและมีการลงสีเขียวที่พระวรกาย ปิดทองที่เครื่องทรง เฉกเช่นเดียวกับพระแก้วมรกตที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม จ.กรุงเทพฯ จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุไว้ มีทั้งแบบบรรจุกล่อง (ครบ 3 ฤดู) และที่ออกให้บูชาแบบเดี่ยว ๆ ด้านหน้าเป็นรูปพระแก้วมรกตทรงเครื่องตามฤดู (ร้อน / ฝน / หนาว) ด้านหลังประทับยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ (นะโมพุทธายะ) และมีคำว่า "วัดรัตนชัย (จีน) อยุธยา"
    4. พระสามสมัย - จัดสร้างเป็นเนื้อผงโดยแบ่งออกเป็น 3 พิมพ์ คือ เชียงแสน สุโขทัย อู่ท่อง ขนาดจะเล็กประมาณพระของขวัญ วัดปากน้ำ จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุไว้ ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธรูปและที่ใต้พระพุทธรูปจะมีคำอธิบายศิลปะของพระพุทธรูปไว้ด้วย คือ เชียงแสน หรือ สุโขทัย หรือ อู่ทอง ด้านหลังประทับยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ (นะโมพุทธายะ) และมีคำว่า "วัดเขาใหญ่ สุพรรณบุรี"

    เกล็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เล่าขานมาสืบมาเกี่ยวกับพิธีจตุรพิธพรชัย ว่ากันเป็นประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ดังนี้
    ครูบาอาจารย์หลายรูปรวมถึงหลวงพ่อกวยกล่าวกับศิษย์ของท่านว่า "พิธีนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก"
    พิธีนี้หลวงปู่ดู่ท่านให้นายเรียนนิมนต์หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาคมาร่วมพิธีพุทธาภิเษก แต่ขณะนั้นท่านอายุ 126 ปีเข้าไปแล้ว ท่านจึงมอบหมายให้พระอาจารย์สมบูรณ์ ศิษย์ก้นกุฎิและดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสในขณะนั้นไปร่วมพิธีในนามของท่าน แต่จะว่าไปแล้วเรื่องที่คนคิดไม่ถึงก็คือ หลวงปู่สีท่านก็ได้เดินญาณมาร่วมพิธีพุทธาภิเษกเช่นเดียวกัน เพราะท่านถือว่าท่านได้รับรับนิมนต์หลวงปู่ดู่ไว้แล้ว
    พิธีนี้ว่ากันว่า นอกจากหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค เดินญาณมาร่วมพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ยังมีอีกรูปหนึ่งที่เดินญาณมาร่วมพิธีเหมือนกัน ซึ่งก็คือ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก เพราะท่านรับปากนายเรียนว่าจะช่วยปลุกเสกอย่างเต็มที่
    ลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงพ่อกวยเคยถามว่า "หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค เป็นใคร ทำไมถึงมีเหรียญของท่านในชุดเหรียญ" หลวงพ่อกวยท่านตอบว่า "ท่านเป็นพระอรหันต์.."
    หลังจากพุทธาภิเษกเสร็จ มีนักเลงพื้นที่พูดคุยกันว่า "จะขลังแค่ไหน.." ปรากฎว่าคำพูดนี้ได้ยินไปถึงนายเรียน ทำให้นายเรียนนำความนี้เข้าปรึกษาครูบาอาจารย์ในพระอุโบสถว่า "จะทำอย่างไรดี.." เพราะเป็นที่ทราบกันว่าสมัยนั้นการลองของประเภทจะ ๆ นิยมกันมาก เช่น เอาปืนยิง เพราะต้องการทดสอบพุทธคุณในวัตถุมงคลนั้น ๆ ว่าดีจริงเพียงใด ถ้าสมมติว่า "ยิงออกหรือเหรียญโดนยิงทะลุ" ทุกอย่างที่ทำมาเป็นอันจบกัน ซึ่งในเวลานั้นครูบาอาจารย์ที่พรรษาน้อยไม่กล้าออกความเห็นจึงสงบนิ่งเพื่อให้ท่านที่พรรษาสูงกว่าปรึกษาและตัดสินใจกัน ระหว่างนั้นหลวงพ่อกวย ท่านได้ขออนุญาตครูบาอาจารย์ทุกรูปว่า "กระผมอาสา.." หลังจากนั้นท่านจึงนำเหรียญรูปเหมือนของท่านติดตัวไปด้วยหนึ่งเหรียญออกไปนอกพระอุโบสถ แล้วพูดขึ้นว่า "ใครจะเอาไปลองบ้าง" ปรากฎว่านักเลงคนหนึ่งขออาสาเป็นผู้ทดสอบ และได้นำเหรียญดังกล่าวไปยิงที่หลังพระอุโบสถ ปรากฎว่า "แชะ ๆ ๆ.." และได้นำเหรียญมาคืนหลวงพ่อกวยท่านพร้อมขอขมาท่าน พอชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็ประจักษ์ในพุทธคุณและเริ่มบอกปากต่อปากไปในวงกว้าง ส่วนหลวงพ่อกวยท่านจึงกลับเข้าไปในพระอุโบสถพร้อมกับกล่าวว่า "เรียบร้อย.."
    ก่อนพระเกจิอาจารย์ทั้งหมดจะเดินทางกลับวัด ทางคณะกรรมการได้มอบวัตถุมงคลในพิธีนี้จำนวนหนึ่งให้แก่พระเกจิอาจารย์ทุกรูป เพื่อให้ท่านนำกลับไปแจกลูกศิษย์ลูกหาที่วัด ทำให้วัตถุมงคลในพิธีนี้กระจายในหลายพื้นที่
    มหาพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลจตุรพิธพรชัย ที่วัดรัตนชัย เมื่อปี พ.ศ. 2518 นั้น หลวงพ่อกวยท่านพบอภินิหารของพระคณาจารย์ผู้ร่วมพิธีปลุกเสกหลายรูปด้วยกัน เมื่อท่านเดินทางกลับมาถึงวัดโฆสิตาราม ได้เล่าให้คณะศิษย์ฟังว่า พระวัดกลาง อ.ท่าเรือฯ (หมายถึงหลวงพ่อนอ) มีคุณวิเศษในทาง มหาอุดเป็นเลิศ พระวัดบ้านช้าง อ.วังน้อยฯ (หมายถึงหลวงพ่อออด) มีความเข้มขลังทางคงกระพันชาตรี เวลาปลุกเสก ตัวเฑาะว์จะหลุดลอยออกมาจากในปาก พระวัดโบสถ์ ลพบุรี (หมายถึงหลวงพ่อพริ้ง) มีดีทางแคล้วคลาด กำบังภัยอย่างยอดเยี่ยม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2024 at 10:38
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,362
    ค่าพลัง:
    +53,102
    ปิดครับ

    IMG_2243.jpeg IMG_2242.jpeg IMG_2241.jpeg IMG_2244.jpeg IMG_2246.jpeg IMG_2250.jpeg IMG_2251.jpeg IMG_2252.png IMG_2254.png IMG_2255.png

    หัวแหวน อาจารย์ชุม ไชยคีรี หรือ เหล็กไหลแร่ธาตุกายสิทธิ์

    จากบทความของท่านอาจารย์ ชุม ไชยคีรี ได้เคยเขียนไว้ว่า

    "พระฤาษีปลัยโกฎ ได้พรรณนาไว้ในพระคัมภีร์โบราณว่า หากผู้ใดพบเหล็กไหลแม้แต่เท่าเมล็ดข้าวโพด หรือเท่าเมล็ดพริกไทย ก็นับได้ว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้มีบุญญาอภินิหาร เพราะเป็นธาตุนิพพพานของธาตุทั้งหลาย ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตน และเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง

    ดังนั้นคุณค่าอันนับเป็นเอนกประการของเหล็กไหลนั้น จึงทำให้มนุษย์เรารู้สืบทอดติดต่อกันมาแต่ครั้งบรรพกาลแล้ว ต่างก็ได้พยายามสืบเสาะหามาไว้เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว

    ด้วยเหตุที่เป็นธาตุสูงสุดของธาตุทั้งปวง เหล็กไหลจึงมักจะซ่อนหลบเร้นตนเองไม่ให้มนุษย์ได้เจอะเจอง่ายๆนัก เว้นแต่จะเป็นผู้มีบุญญาอภินิหารได้เจอะเจอโดยบังเอิญ หรือเป็นผู้ที่ทรงวิทยาคมแรงกล้าเท่านั้นจึงจะนำเหล็กไหลมาไว้บูชาแก่ตนเองได้

    บุราณจารย์แต่ครั้งก่อนท่านกล่าวไว้หากจะให้เกิดประโยชน์แก่ตนไซร้ ท่านให้เอาเหล็กไหลเท่าเมล็ดข้าวโพด หรือ เท่าเมล็ดพริกไทย อมไว้ในปากแล้วกลืนน้ำลายตนเองเป็นประจำทุกวัน ทำพิธีใช้อาคมเรียกเข้าไว้ในตัว ร่างกายจะคงทนแก่ปืนผาหน้าไม้ กฤช หอกทองแดง ขวากหนาม สัตว์ร้ายที่มีเขี้ยวงาและมีแรงฟัดขยี้ อาจต่อสู้กับคนหมู่มากและมีแรงมาก แม้จับตัวเราก็ไม่ติด แหวกวงล้อมและกรงขังขื่อคาไปได้ ทั้งเป็นยาอายุวัฒนะทำให้อายุยืน

    อนึ่ง ท่านให้เอาเหล็กไหลเท่าเมล็ดข้าวโพด แช่น้ำผึ้งรวงกินเป็นประจำทุกเช้าเย็นจนครบ 7 วัน คงเนื้อคงหนัง 3 เดือนคงกระดูก คงถึงลูกที่เกิดมา 1 ปี หมดโรคภัยนานา 3 ปี เกิดปัญญาเรียนรู้ธรรมจบพระไตรปิฎก 7 ปี กายเบาดังสำลี หมดกิเลส (คัดจากสมุดข่อย 1,000 กว่าปี)

    อาจารย์ชุม ไชยคีรี ได้ค้นพบเหล็กไหลในป่าลึกทางภาคใต้ของประเทศไทยเมื่อประมาณปี 2509 ทำพิธีตัดเหล็กไหลออกเป็นชิ้นเล็กเท่าเมล็ดพริกไทยถึงเมล็ดมะขามแห้ง ออกแจกจ่ายให้คณะศิษย์ทำหัวแหวนไว้เป็นเครื่องรางป้องกันตัว ส่วนหนึ่งฝังไว้หลังพระเนื้อว่านยา 500 กว่าชนิด ทรงขุนแผนออกศึก ทรงรูปอาจารย์วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ฯลฯ"

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


    วิธีใช้เหล็กไหล


    เหล็กไหลเป็นแร่ธาตุกายสิทธิ์ มีฤทธิ์มีอานุภาพอยู่ในตัว แต่มีเทวดารักษา เวลาใช้ออกชื่อปู่เจ้าเขาเขียว และพระฤาษีปลัยโกฎ

    ทำการปลุกเศกเพิ่มฤทธิ์ด้วยพระอักขระ 16 "นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง" 16 จบ แช่น้ำผึ้งรวงกินแก้โรคทุกชนิด ทำให้มีกำลังอายุยืน ฝังไว้ในตัว และนำติดตัวกันปืนทุกชนิด เป็นคงกระพัน มีอำนาจ มีกำลัง ปู่เจ้าฯไม่โปรดบุคคลไม่เชื่อและนำไปทดลองทำเป็นเล่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2024 at 10:38
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,362
    ค่าพลัง:
    +53,102
    ปิดครับ

    IMG_2262.jpeg IMG_2263.jpeg IMG_2264.jpeg IMG_2265.jpeg
    IMG_2266.png

    เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสิน ปี2517

    เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสิน ปี พ.ศ.2517 เป็นเหรียญที่ข้าราชการและชาวจันทบุรีจัดสร้างเพื่อระลึกถึงคุณความดี ที่ทรงปกป้องคุ้มครองบ้านเมือง ให้มีความร่มเย็นเป็นสุข โดยจัดทำเหรียญที่ระลึก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องจากการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ และได้จัดพิธีพุทธาภิเษกเหรียญที่ระลึก ณ วัดพลับ ตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี
    พิธีพุทธาภิเษกมีขึ้น เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2517 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเสวยราชสมบัติของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และถือเป็นวันตากสินมหาราชานุสรณ์ประจำปีของทางราชการด้วย โดยจังหวัดได้กราบทูลอัญเชิญ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จ พระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก (วัดราชบพิธฯ) เสด็จมาทรงเป็นองค์ประธานในพิธี และมีพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วัดพลับ ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี ดังนี้

    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส
    หลวงพ่อใย วัดมะขาม
    พระธรรมวงศาจารย์ วัดสวนมะม่วง
    พระพิศาลธรรมคุณ วัดสวนบูรพาพิทยาราม
    หลวงพ่อบุญสิน วัดปลายคลองพลิ้ว
    พระครูวรพรตบริหาร วัดสิงห์
    พระธรรมวงศ์มุนี วัดไผ่ล้อม (พระอารามหลวง)
    หลวงพ่อสีนวล วัดเกวียนหัก
    หลวงพ่อเจิม วัดวันยาวล่าง
    หลวงพ่อเหรียญ วัดพลับ
    หลวงพ่อนัง วัดพลวง
    หลวงพ่อกล้วย วัดหมูดุด

    บูชา 700 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2024 at 10:39
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,362
    ค่าพลัง:
    +53,102
    ปิดครับ

    IMG_2288.jpeg IMG_2289.jpeg IMG_2291.jpeg IMG_2290.jpeg IMG_2267.png

    พระร่วงรางปืนหลัง จอุ เนื้อเงิน 1ใน 674 องค์



    พระร่วงรางปืนหลังตราพระนามย่อ จ.อุ.(จวน อุฏฐายีมหาเถร) ภายใต้เศวตฉัตร ๓ ชั้น(พระฐานันดรศักดิ์พระอิสสริยศักดิ์สมเด็จพระสังฆราช) งานฉลองพระชนมายุครบ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก(จวน อุฏฐายีมหาเถร(ศิริสม) ปธ.๙) วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
    .
    สำหรับพระร่วงรางปืนหลังฉัตร จ.อุ.นี้เป็นพระร่วงรางปืนรุ่นเดียวที่ในหลวงท่านเททอง และเป็นพระร่วงรางปืนที่สร้างใหม่ในรุ่นแรก ๆ ของการสร้างจำลองจากพระร่วงรางปืนพระเครื่องสำคัญในอดีตเป็นพระร่วงรางปืนรุ่นเดียวที่สอดคล้องกับพระร่วงรางปืนกรุสวรรคโลกที่กษัตริย์ทรงสร้าง
    .
    อนึ่ง ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช(จวน อุฏฐายีมหาเถร) วัดมกุฏกษัตริยาราม ทรงเป็นคุรุฐานียบุคคล อันเป็นที่ตั้งแห่งความเคารพสักการะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และพระบรมวงศานุวงศ์ ในการพระราชพิธีทรงพระผนวช พ.ศ.๒๔๙๙ ทรงปฏิบัติหน้าที่พระราชกรรมวาจาจารย์(พระคู่สวด) ทั้งในพระราชพิธีทรงพระผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และในพระราชพิธีทัฬหิกรรม(อุปสมบทซ้ำเป็นพระในคณะธรรมยุต) ณ พุทธรัตนสถานมณฑิราราม ในพระบรมมหาราชวัง ดังปรากฏในสร้อยพระนามในคราวทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช "ฯลฯ...ภูมิพลมหาราชหิโตปสัมปทาจารย์"
    .
    ที่กล่าวมาทั้งหมดคือความสำคัญของพนะร่วงรางปืนหลังฉัตรจ.อุ และความเป็นมาของพระร่วงรุ่นแรกนี้ที่มีการสร้างจำลองจากพระร่วงรางปืนของเก่า ต่อไปจะได้กล่าวถึงรายละเอียดในพิธีการจัดสร้างพระร่วงรางปืนหลังฉัตรจ.อุ. ดังนี้ครับ
    .
    พระร่วงรางปืนหลังฉัตร จ.อ. วัดมกุฏกษัตริยาราม ปี ๒๕๑๑ พิธี ๑๐๐ ปี วัดมกุฏกษัตริยาราม เป็นพระเครื่องที่หายาก สร้างพร้อมกับ พระกริ่งวชิรมงกุฏ ซึ่งในพิธีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระอันเป็นพิธีเททองเป็นปฐมฤกษ์ "พระพุทธวชิรมงกุฏ (พระพุทธรูปบูชา)" และ "พระกริ่งวชิรมงกุฏ" ในวันอังคารที่ ๓ ตุลาคม ปี ๒๕๑๐ เวลา ๑๓ นาฬิกา ๑๕ นาที โดยมีพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณนั่งปรกเจริญภาวนาอธิษฐานจิตเช่น
    .
    ๑.) หลวงปู่นาค วัดระฆังฯ
    ๒.) หลวงปู่เฮี้ยง วัดป่า จ.ชลบุรี
    ๓.) หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
    ๔.) หลวงพ่อเจียง วัดเจริญสุขาราม จ.สมุทรสงคราม
    ๕.) หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร ธนบุรี พระนคร
    ๖.) หลวงพ่อเกลี้ยง วัดเฉลิมอาสน์ จ.ราชบุรี
    ๗.) หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติการาม
    ๘.) หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช จ.พระนครศรีอยุธยา
    ๙.) หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี
    ๑๐.)พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
    .
    จัดให้มีพิธีพุทธาภิเษกถึง ๓ วันด้วยกันคือ
    วันที่ ๙-๑๑ ม.ค. ปี ๒๕๑๑ มีพระเกจิอาจารย์ดังปลุกเสกทั้งสายพระเกจิอาจารย์และสายวิปัสสนา(พระป่า)
    .
    ใน ปี ๒๕๑๑ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอกมีอายุครบ ๑๐๐ ปี แห่งการสถาปนา ในวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๑ ประกอบกับ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน) ทรงเจริญพระชนมายุ ๗๐ พรรษา
    .
    ในวันที่ ๑๖ มกราคม ปี ๒๕๑๑ ทางคณะกรรมการจัดงานฉลองจึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต จัดงานฉลองศุภวาระมหามงคลวโรกาสทั้ง ๒ วาระเป็นงานเดียวกันระหว่าง วันที่ ๑๕-๑๘ มกราคม ปี ๒๕๑๑ และได้จัดสร้างมงคลวัตถุเป็นที่ระลึกได้แก่
    .
    พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ และได้ถวายพระนามว่า พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์วชิรมงกุฏ เป็นงานใหญ่มากๆ ในสมัยนั้น และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเททอง และมีพิธีพุทธาภิเษก ครั้งที่ ๒ อีก ๓ วัน ๓ คืน
    .
    เมื่อการเททองหล่อพระพุทธรูปพระกริ่งวชิรมงกฎ ซึ่งช่างขัดตกแต่งตามกรรมวิธี ต่อไปเสร็จแล้วพร้อมทั้งเหรียญพระรูปฯ จึงนิมนต์พระอาจารย์ต่าง ๆ มาทำพิธีพุทธาภิเษกในพระวิหารวัดมกฎกษัตริยารามอีก ๓ ครั้งคือ
    .
    เมื่อวันอังคาร ที่ ๙ วันพุธ ที่ ๑๐ และวันพฤหัสบดี ที่ ๑๑ มกราคม ปี ๒๕๑๑ พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และคาถาจุดเทียนชัยในพิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งวชิรมกฎและพระชัยวัฒน์วชิรมกุฏ พร้อมทั้ง พระพุทธรูปบูชาวชิรมกุฏ หน้าตัก ๕นิ้ว ๙ นิ้ว เหรียญพระรูปเหมือนสมเด็จพระสังฆราช(จวน)ดังนี้
    .
    วันอังคารที่ ๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๑ พระสงฆ์ที่สวดพุทธาภิเษกและนั่งปรก
    ๑.) พระธรรมไตรโลกาจารย์(นิรันดร์ นิรันตโร) วัดเทพศิรินทราวาส จังหวัดพระนคร
    ๒.) พระธรรมกิตติโสภณ(สุวรรณ สุวัณณโชโต) วัดเบญจมบพิตร จังหวัดพระนคร
    ๓.)พระธรรมวราภรณ์(สนั่น จันทปัชโชโต) วัดนรนาถสุนทริการาม จังหวัดพระนคร
    ๔.)พระธรรมจินดาภรณ์(ทองเจือ จินตกาโร) วัดราชบพิธฯ จังหวัดพระนคร
    ๕.)พระธรรมปาโมกข์(ทิม อุฑาฒิโม) วัดราชประดิษฐ์ฯ จังหวัดพระนคร
    ๖.)พระธรรมโสภณ(สนธิ์ กิจจกาโร ปธ.๗)วัดบวรนิเวศวิหาร จังหวัดพระนคร
    ๗.)พระราชเมธี วัดเศวตฉัตร จังหวัดธนบุรี
    ๘.)พระราชสุเมธาจารย์ วัดบางหลวง จังหวัดปทุมธานี
    ๙.) พระครูพัฒนกิจโกศล วัดชัยสิทธาวาส จังหวัดปทุมธานี
    .
    วันอังคารที่ ๙ มกราคม ปี ๒๕๑๑ พระสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ ๔ รูป และวัดอรัญญิกาวาส(วัดป่า) จ.ชลบุรี 4 รูป พระอาจารย์นั่งปรก
    ๑.) พระราชมุนี(บุญโฮม) วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร จังหวัดพระนคร
    ๒.) พระวรพรตปัญญาจารย์(หลวงปู่เฮี้ยง ปุณณัจฉันโน)) วัดอรัญญิกาวาส จังหวัดชลบุรี
    ๓.)พระครูพิพิธวิหารการ(หลวงปู่เทียม สิริปัญโญ) วัดกษัตราธิวาส จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ๔.)พระครูโกวิทสมุทรคุณ(หลวงพ่อเนื่อง โกวิโท) วัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงคราม
    ๕.)พระครูสุตาธิการี(ทองอยู่) วัดใหม่หนองพะอง จังหวัดสมุทรสาคร
    ๖.)พระครูสันทัดธรรมคุณ วัดบ้านช้าง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ๗.)พระอาจารย์ขอม วัดไผ่โรงวัว จังหวัดสุพรรณบุรี
    ๘.) พระอาจารย์กี๋ วัดหุช้าง จังหวัดนนทบุรี
    ๙.)พระครูสมห์อำพล พลวัฑฒโน วัดประสาทบุญญาวาส จัดหวัดพระนคร
    .
    วันพุธ ที่ ๑๐ มกราคม ปี ๒๕๑๑ พระสงฆ์วัดชนะสงคราม ๔ รูป และวัดอโศกราม ๔ รูป พระอาจารย์นั่งปรก
    ๑.)พระรักขิตวันมุนี(ถิร) วัดป่าเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี
    ๒.)พระพุทธมนต์วราจารย์(สุพจน์) วัดสุทัศน์เทพวราราม จังหวัดพระนคร
    ๓.)พระครูโศภนกัลยาณวัตร(เส่ง) วัดกัลยาณมิตร จังหวัดธนบุรี
    ๔.)พระอาจารย์คล้าย วัดจันดี จังหวัดนครศรีธรรมราช
    ๕.) พระครูประภัศรธรรมาภรณ์ วัดพระลอย จังหวัดสุพรรณบุรี
    ๖.)พระครูวิจิตรวิริยานุโยค วัดทองพุ่มพวง จังหวัดสระบุรี
    ๗.)พระครูพินิตสมาจาร วัดนามะตูม จังหวัดชลบุรี
    ๘.) พระครูพิทักษ์วิหารกิจ วัดราชนัดดาราม จังหวัดพระนคร
    .
    วันพฤหัสบดี ที่ ๑๑ มกราคม ปี ๒๕๑๑ พระสงฆ์วัดอโศกราม ๓ ชุด ๆ ละ ๔ รูป สวดพุทธาภิเษก พระอาจารย์นั่งปรก
    ๑.) พระราชวรคุณ วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ
    ๒.)พระครูพรหมวิหาร วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ
    ๓.)พระครูสันติวรญาณ(สิม) วัดสันติวัน(ถ้ำผาปล้อง) จังหวัดเชียงใหม่
    ๔.)พระอาจาย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนคร
    ๕.)พระอาจารย์อ่อน วัดป่าหนองบัวงาม จังหวัดอุดรธานี
    ๖.)พระสุนทรธรรมภรณ์ วัดป่าชัยวัน จังหวัดขอนแก่น
    ๗.)พระสุธรรมคณาจารย์(พุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา
    ๘.)พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาต จังหวัดอุดรธานี
    ๙.)พระอาจารย์บุญมา วัดสิริสารวัน จังหวัดอุดรธานี
    .
    พระร่วงรางปืนรุ่นนี้มากล้นประสบการณ์ ใครบูชาไว้เป็นสิริมงคล ในเรื่องของความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุตม์หยุดกระสุนปืน เป็นมหาอำนาจมหาตบะฯลฯ มีนายทหารที่เป็นรุ่นน้องของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชจวนที่ ร.ร.นายร้อยจปร.(สมเด็จพระสังฆราชจวนเคยเป็นนักเรียนนายร้อยจปร. แต่ทรงพระประชวร ไม่อาจศึกษาต่อได้ จึงเบนเข็มมาทางธรรม มีความเจริญก้าวหน้าในพระสมณศักดิ์มาโดยลำดับ)ได้รับประทานพระร่วงรุ่นนี้จากสมเด็จพระสังฆราชจวนไปในราชการสงครามอินโดจีน ต่างแคล้วคลาดปลอดภัยและคงกระพันชาตรีจากคมกระสุนและคมระเบิด ทั้งในสมรภูมิสงครามเวียดนามและสมรภูมิรบ ในพระราชอาณาจักรลาวในสมัยนั้น เป็นที่เลื่องลือมาช้านานครับ .
    .
    ในช่วงแรก ๆ ที่หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม จ.สกลนคร เริ่มโด่งดังมีชื่อเสียงเป็นที่เคารพศรัทธาในวัตรปฏิบัติปฏิปทาศีลาจารวัตรอันเคร่งครัดงดงามไพบูลย์ของท่าน มีคนไปกราบไหว้ฟังธรรมเทศนาและขอของดี หลวงปูฝั้น ท่านได้เจาะจงบอกพุทธศาสนิกชนที่ไปกราบขอวัตถุมงคลจากท่าน ๆ จะบอกให้ไปบูชาพระร่ว งรางปืนหลังฉัตรจ.อุ.รุ่นนี้ที่วัดมกุฏฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2024 at 19:35
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,362
    ค่าพลัง:
    +53,102
    IMG_2268.jpeg IMG_2269.jpeg

    เหรียญ มีดี หลังยันต์บัว เนื้อทองแดง บ้านมีดี
    ปลุกเกสโดยพ่อป่อง น่วมมานา

    จำนวนการสร้างเนื้อทองแดง 10,000 เหรียญ

    พ่อป่อง น่วมมานา อธิษฐานจิตปลุกเสก เหรียญเครื่องหมาย "มีดี" หลังยันต์บัวแก้ว แจกทหารสามจังหวัดชายแดนใต้

    เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๒ ณ สำนักบ้านมีดี จรัญสนิทวงศ์ ๓๒ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พ่อป่อง น่วมมานา ศิษย์ปู่เที่ยง น่วมมานา อาจารย์ฆราวาสสักยันต์ชื่อดังในอดีต ได้ประกอบพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก เหรียญเครื่องหมาย "มีดี" หลังยันต์บัวแก้ว เหรียญเครื่องหมายประจำสำนักบ้านมีดี เพื่อแจกเป็นขวัญกำลัใจทหารสามจังหวัดชายแดนใต้

    ซึ่งยันต์บัวแก้ว ถือเป็นยันต์ครูสุดยอดวิชาโบราณชั้นสูง ของสำนักบ้านมีดี โดยพ่อป่อง น่วมมานา นั้นท่านเป็นทายาทผู้สืบสานตำนานการสักยันต์ ของสุดยอดปรมจารย์ด้านสักยันต์ปู่เที่ยง น่วมมานา แห่งสำนักบ้านมีดี จัดเป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ชื่อดัง ในยุคสงครามอินโดจีน ซึ่งแตกฉานด้านสรรพเวทย์มนต์อาคมขลังในทุกๆด้าน จนมาถึงปัจจุบันยุคนี้ความเข้มขลังที่ปู่เที่ยงได้ครอบไว้ ยังคงอยู่ โดยตกทอดมาสู่ พ่อป่อง น่วมมานา (บุตรชาย)

    บูชา 7,500 บาท
     
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,362
    ค่าพลัง:
    +53,102
    IMG_2279.jpeg IMG_2280.jpeg IMG_2278.jpeg IMG_2281.jpeg
    IMG_2297.png IMG_2296.png



    เหรียญเจ้าสัว ลป.อ่อนสา สุขกาโร (ศิษย์ ลป.มั่น) อุดรธานี ปี 2545


    เนื้ออาปก้า จำนวนสร้างแค่ 3000 เหรียญ..ปลุกเสกรุ่นเกือบสุดท้าย........................

    หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร วัดประชาชุมพลพัฒนาราม ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ท่านมีนามเดิมว่า อ่อนสา เมืองศรีจันทร์ เกิดที่บ้านโนนทัน ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2457 ตรงกับวันศุกร์ แรม 3 ค่ำ เดือน 8 ปีขาล โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายมา และนางโม้ เมืองศรีจันทร์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 10 คน เป็นผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 5 คน

    เมื่ออายุได้ 21 ปี ท่านได้ไปเกณฑ์ทหารแต่ไม่ติด ท่านจึงได้ขออนุญาตโยมบิดา-โยมมารดาไปบวช โดยได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดโยธานิมิต ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2478 เวลา 13.47 น. โดยมี พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระครูศาสนูปกรณ์ (หลวงพ่ออ่อนตา เขมงุกโร) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สุขกาโรภิกขุ (อุปสมบทหลังหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี 1 พรรษา)
    ต่อมาหลวงปู่ได้ออกธุดงค์ไป อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เพื่อหาที่สัปปายะบำเพ็ญภาวนา และบังเอิญท่านได้พบกับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แล้วได้พากันไปภาวนาที่ภูลังกาและออกธุดงค์ด้วยกัน ต่อมาหลวงปู่ได้มีโอกาสกราบนมัสการ พระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้ธุดงค์ติดตามไปปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆ พร้อมกับหลวงตามหาบัว และเข้าจำพรรษากับพระอาจารย์หลวงปู่มั่น
    หลังจากที่หลวงปู่อ่อนสาได้ บำเพ็ญภาวนาพอสมควรแล้วท่านได้ย้อนกับมายังภาคอีสาน หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร เป็นผู้ก่อตั้งวัดประชาชุมพลพัฒนาราม หรือวัดหนองใหญ่ ตั้งแต่ครั้งที่บ้านหนองใหญ่ยังเป็นเพียงหมู่บ้านชุมชนเล็กๆ ท้ายสุดท่านได้มาจำพรรษา ณ วัดประชาชุมพลพัฒนาราม บ้านหนองใหญ่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี อันเป็นแผ่นดินเกิดของท่าน
    พระนครินทร์ ปริมุตโต พระดูแล ได้เล่าว่า หลวงปู่มีอาการอาพาตหนักตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 โดยมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบ และเข้ารับการผ่าตัดเมื่อปี พ.ศ. 2547 ที่โรงพยาบาลเอกอุดร จ.อุดรธานี หลังจากเข้ารับการผ่าตัดหลวงปู่ก็มีอาการอัมพาตไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
    ซึ่งท่านได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกอุดรตลอดในระยะเวลา 2-3 ปี หลังการผ่าตัด จากนั้นจึงย้ายมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคมได้ประมาณ 1 ปี เศษ แต่อาการไม่ดีขึ้น
    พระนครินทร์ กล่าวต่อว่า คณะลูกศิษย์และญาติของหลวงปู่ได้ทำการปรึกษาหารือกันกับแพทย์ว่า ระยะเวลาที่รักษาตัวหลวงปู่รักษามานานแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น ซึ่งอาจจะละสังขารที่โรงพยาบาลคณะลูกศิษย์และญาติจึงได้มีความเห็นตรงกันว่า อยากจะให้หลวงปู่ละสังขาร ที่วัดประชาชุมพลพัฒนาราม จึงได้นำตัวหลวงปู่กลับมายังวัดเพื่อละสังขาร และ เมื่อเวลา 16.17 น. ของวันที่พุธที่ 5 สิงหาคม 2552 หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร หลวงปู่ก็ได้ละสังขาร สิริอายุรวมได้ 95 ปี 26 วัน พรรษา 75 พรรษา................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2024 at 13:52
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,362
    ค่าพลัง:
    +53,102
    IMG_2287.jpeg IMG_2286.jpeg IMG_2285.jpeg IMG_2284.jpeg IMG_2283.jpeg

    ตะกรุดมหาโสฬสมงคลหลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง ยาว 3.5 นิ้ว

    ๑๑๑ หลวงพ่อทองสุข ผู้สืบทอดวิชาการสร้างตะกรุดมหาโสฬสมงคล สายวัดสะพาน จากหลวงปู่กลิ่น ซึ่งหลวงปู่กลิ่น สืบทอดมาจากหลวงปู่เอี่ยม อีกครั้ง ตะกรุดมหาโสฬสมงคลหลวงปู่เอี่ยม ถือว่าเป็นจักพรรดิแห่งตะกรุดเลยก้ว่าได้ ปัจจุบันเช่าหาเปลี่ยนมือเลข ๗ หลัก

    ตะกรุดโสฬสมหามงคลถูกจัดให้เป็นมหาจักรพรรดิ์ของตะกรุดเป็นเจ้าแห่งตะกรุดทั้งหลายทั้งปวง เป็นที่หมายปองของคนชอบเครื่องรางชอบตะกรุดที่ทุกๆ คนไม่อาจปฏิเสธได้ มูลค่าในการแสวงหามาครอบครองจึงสูง การได้มาครอบครองใช่จะเป็นเรื่องง่ายๆเพราะใครมีก็ต่างหวงแหน เหตุเพราะตะกรุดมหาโสฬสมงคล เป็นตะกรุดมงคลวัตถุชั้นสูง โดดเด่นพุทธานุภาพ นานัปการ เป็นสิริมงคลแก่ผู้สวมใส่ครอบครองและยังรวมไปถึงบ้านเรือนที่อยู่อาศัยนั้นๆ

    ตะกรุดชนิดนี้ลงด้วยยันต์โสฬสมงคลและยันต์ไตรสรณคมณ์ ล้อมรอบด้วยบารมี ๓๐ ทัศน์ลงอักขระยันต์ตามสูตร ทดแทนอักขระด้วยตัวเลข ๓ ชั้น คือ ชั้นที่ ๑ ชั้นนอกลงด้วยตัวเลข ๑๖ ตัวตามสูตรโสฬส. ชั้นที่ ๒ ชั้นกลางลงด้วยสูตรตัวเลข ๑๒ ตัวตามสูตรตรีนิสิงเห. ชั้นที่ ๓ ชั้นในลงสูตรด้วยตัวเลข ๖ ตัวตามสูตรจตุโร การลงเลขยันต์นั้นเสมือนแทนสูตรตามตำราคัมภีร์โบราณเช่นเลขห้าแทน นะโมพุทธายะหรือหัวใจพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เลขเก้าแทนนวะหรคุณเป็นต้น การม้วนพันใส้ทองแดงของตะกรุดโดยส่วนใหญ่จะพันแน่นหนามาก และด้วยมากถึง ๕,๖,๗ หรือ ๙ รอบ ของหลวงปู่จึงทำให้มีรูขนาดเล็กเท่าไม้เสียบลูกชิ้น และอ้วนเท่ามวนบุหรี่ จึงทำให้เกิดเอกลักษณ์ที่โดดเด่นชัดเจนในการเล่นหาสะสม ประกอบกับตะกรุดของท่านมากล้นด้วยพุทธคุณที่ครอบจักรวาลบวกกับประสบการณ์เป็นที่เห็นๆ เด่นชัดของชาวปากเกร็ด นนทบุรี จึงทำให้ตะกรุดของสายวัดสะพานสูงนั้นเป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วไปไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติ

    ๑๑๑ มาดูคุณวิเศษและการลงอักขระเลขยันต์ในตะกรุดมหาโสฬสมงคล ของสายวัดสะพานสูงกัน

    ตะกรุดสายวัดสะพานสูง มีบูชาไว้เพื่อเป็นมงคล แด่คนพกพา รวมไปถึงกลุ่มหมู่คณะที่เดินทางไปด้วย (ตามคำกล่าวและความเชื่อกันมาแต่ครั้งโบราณ หมายถึงครอบคุมทุกคนที่ร่วมเดินทาง ไม่ใช่แต่เฉพาะบุคคนที่สวมใส่) แด่บ้าน แด่เรือน และผู้อยู่อาศัย เพื่อความร่มเย็น อาราธนาแก้โรคภัยใข้เจ็บต่างๆ ให้หายได้ ตามความเชื่อ ยึดถือกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

    รายละเอียดต่างๆของ อักขระเลขยันต์ ที่กล่าวถึงมีดังนี้ ยันต์โสฬสมหามงคล ประกอบด้วยยันต์ ๓ ชั้น
    ๑. ยันต์โสฬส ป้องกันอุบัติอันตรายทั้งหลายทั้งปวง กันฟ้า กันไฟ กันโจรภัย กันภูตผีปีศาจ กันคุณผีคุณคนทุกชนิด
    ๒. ยันต์ตรีนิสิงเห ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ กันโรคระบาด กันภูตผีรบกวน ทำน้ำมนต์คลอดบุตรง่าย กันคุณไสยลมเพลมพัด บ้านหรือที่ใดร้ายอยู่ยาก ให้อธิษฐานบูชา ถ้าเป็นผ้ายันต์ หรือแผ่นยันต์ให้ติดตามฝาบ้าน เสาบ้าน หรือ ฝังดินแก้ไขกลับร้ายเป็นดี
    ๓. ยันต์จตุโรบังเกิดทรัพย์ เรียกเงินเรียกทอง ค้าขายดี รักษาทรัพย์สมบัติให้เยือกเย็นทรงตัวไว้ ทำมาค้าขึ้น ร่ำรวยยิ่ง ๆ ขึ้นไป เวลาเสกให้ว่าคาถาทั้งหมด ๑๐๘ จบเมื่อมีเวลา และ เมื่อจะอาราธนาติดตัวให้ใช้พระคาถา “อิทธิฤทธิพุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าพเจ้า มะอะอุนี้เถิด” รายละเอียด เลขยันต์ที่ใช้เขียนไว้ ๓ ชั้น คือ

    รอบนอกสุดของยันต์ พระคาถาโสฬสมหามงคล พระคาถาโสฬส โสฬะสะมังคลัญเจวะ ๑๖ นะวะโลกุตตะระธัมมา ๙ จัตตาโร จะมะหาทีปา ๔ ปัญจะพุทธามหามุนี ๕ ตรีปิฏะกะ ธัมมักขันธา ๓ ฉะกามาวะจะราตะถา ๖ ปัญจะทะสะภะเวสัจจัง ๑๕ ทะสะมังสีละเมวะจะ ๑๐ เตระสะธุตังคาจะ ๑๓ ปาฏิหารัญจะทะวาทะสะ ๑๒ เอกะเมรุจะ ๑ สุราอัฏฐะ ๘ ทะเวจันทังสุริยัง สัคคา ๒ สัตตะสัมโพชฌังคาเจวะ ๗ จุททะสะจักกะวัตติจะ ๑๔ เอกาทะสะวิษณุราชา ๑๑ สัพเพเทวาสะมาคะตา เอเตนะมังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถีภะ วันตุเม

    ชั้นกลาง พระคาถาตรีนิสิงเห มะอะอุ ตรีนิสิงเห ๓ สะธะวิปีปะสะอุ สัตตะนาเค ๗ อาปามะจุปะ ปัญจะเพรชฉลูกัญเจวะ ๕ มะพะทะ จะตุเทวา น ๔ อิสวาสุ สุสวาอิ ฉะวัจฉะราชา ๖ ทีมะสังอังขุ ปัญจะอินทรานะเมวะจะ ๕ มิ เอกะยักขา ๑ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ นะวะเทวา ๙ สะหะชะฏะตรี ปัญจะพรหมาสะหัมปะติ ๕ พุทโธ ทะเวราชา ๒ เสพุเสวะเสตะอะเส อัฏฐะอรหันตา ๘ นะโมพุทธายะ ปัญจะพุทธานะมามิหัง ๕

    ชั้นในสุด พระคาถาจัตตุโร จัตตุโร ๔ นะวะโม ๙ ทะเวโช ๒ ตรีนิ ๓ ปัญจะ ๕ สัตตะ ๗ อัฏฐะ ๘ เอโก ๑ ฉะวัจฉะราชา ๖

    รอบนอกใช้พระคาถาจตุราวุธ ประกอบด้วย ด้านซ้าย อาวุธอาฬะวะกะยักษ์ มีบ่วงเป็นอาวุธ อาฬะวะกัสสะ ทุสาวุธัง ด้านขวา อาวุธพระยายม มีนัยน์ตาเป็นอาวุธ ยะมัสสะ นะยะนาวุธัง ด้านบน อาวุธพระอินทร์ มีสายฟ้าเป็นอาวุธ สักกัสสะ วะชิราวุธัง ด้านล่าง อาวุธท้าวเวสสุวรรณ มีคทาเป็นอาวุธ เวสสุวัณณัสสะ คะทาวุธัง



    ดอกนี้ แท้ดูง่ายทั้งรักและแกนตะกรุดครับ ยุคปลายๆ แต่ชัดเจนดีแบบไม่ต้องกังวลใจ รับประกันสากลทุกสนาม เอาไปให้ใครดูแล้ว บอกว่าไม่แท้ คืนเต็มครับ

    บูชา 4,500 บาท
     

แชร์หน้านี้

Loading...