พระเครื่องและประวัติโดยสังเขปของ หลวงพ่อบัว วัดแสวงหา จ.อ่างทอง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย BaByUltraMan, 12 มกราคม 2009.

  1. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    ว่างเลยถ่าย สมเด็จอังเล็กมา ให้ชมและดูเนื้อไว้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P6150136.jpg
      P6150136.jpg
      ขนาดไฟล์:
      144.1 KB
      เปิดดู:
      254
    • P6150138.jpg
      P6150138.jpg
      ขนาดไฟล์:
      159.6 KB
      เปิดดู:
      191
  2. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    เหรียญรุ่น 2 ปี 2507 เอามาให้ศึกษาเนื้อและ พิมพ์กันอีกเหรียญครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    สมเด็จ อังใหญ่ หรือ ตามภาษาชาวบ้านก็ ร ใหญ่ เอามาให้ศึกษา เนื้อดูกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1150.jpg
      1150.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.8 KB
      เปิดดู:
      183
  4. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    ตอนนี้ผม เร่งที่จะทำ หนังสือ ประวัติ และพระเครื่องของท่าน หวังว่าจะให้เสร็จก่อนเข้าพรรษา เพราะเป็นวันคล้าย วันมรณะภาพของ ท่าน

    วัตถุประสงค์เพื่อแจก ในบางส่วน ครับ แฮะๆ แต่คงทำไม่มากหรอกครับเพราะ งบประมาณ ตัวเอง แล้วอีกอย่าง ยังเรียนอยู่ งบประมาณจะเกินขีดความสามารถ ของเราเอง

    ตอนนี้ ก็รวบรวมรูปใหม่ ครับเพราะรูปเดิมที่ เอามาลงที่ในบอร์ด นั้นใช้ไม่ได้ซะเยอะ เลย ต้องถ่ายใหม่อีกบานตะไท แต่ก็สู้ครับ เพื่อหนังสือ ซักเล่มเป็นความภูมิใจเล็กๆ
     
  5. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    ตำหนิคร่าว ๆ ด้านหน้า-หลัง

    เหรียญรุ่นแรกหลังจากที่ลงเอาไว้แล้ว ในบางส่วน

    อันนี้ ผมไม่ได้เขียนอธิบายเอาไว้นะครับ แต่ได้ทำเครื่องหมายวงกลมเอาไว้ให้แล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    คำนี้เขียนว่า ปรารถนา ครับ หายไปหนึ่งตัว
     
  7. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647

    ขอบคุณครับพี่ บางครั้งพิมพ์ตกหล่นไปบ้าง
     
  8. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    อนุโมทนาด้วยนะคะ....(good)
     
  9. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,009
    ค่าพลัง:
    +146,277

    อาจารย์ภาษาไทย ...แหะๆ
     
  10. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    โดยอาชีพและวิชาเอกที่เรียนมาครับพี่พี ไว้เมื่อไหร่คิดจะรวมเล่มหนังสือหลวงพ่อทรง ส่งต้นฉบับมาให้ผมตรวจแก้คำผิดให้ก่อนก็ได้ ผมยินดีรับใช้ตามความรู้ความสามารถเท่าที่มีอย่างเต็มที่ครับ
     
  11. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    วันนี้ ที่วัดแสวงหาได้ทำบุญเข้า พรรษา เหมือนวัดอื่นๆทั่วไป แต่เข้าพรรษาของทุกๆ ปีนั้นทางวัดจะให้เป็นวันคล้ายวันมรณะภาพของ หลวงพ่อพระครูปัญญาสารคณี (หลวงพ่อบัว) ซึ่งท่านได้มรณะภาพในวันเข้าพรรษา ปี ๒๕๓๗

    วันนี้จึงมีการทำบุญให้แก่หลวงพ่อบัว

    เสียดายครับไม่ได้นำกล้องไป จะถ่ายรูป คนบนศาลาวัดแสวงหามาให้ชมกัน ครับ วันนี้คนเยอะมาก เต็มศาลาเลย ประมาณ 500 กว่าคนได้ศาลาแน่นไปหมดขนาดศาลาของวัดว่าใหญ่แล้วยัง สู้แรงศัทธาในตัวหลวงพ่อไม่ได้เลยจริงๆ

    (เสียดายครับ ลืมนำกล้องไปไม่งั้นได้มีภาพดีดี มาฝากทุกท่านให้ชมกันแล้ว)
     
  12. ปีขาล

    ปีขาล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +78
    รบกวน ท่านอุตราแมน และท่านผู้รู้ ชี้แนะแหนบรุ่นนี้ ทีครับ
    เดินตลาด ได้มาครับ ดีหรือไม่ดี ทันหรือไม่ทัน รบกวนชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้ามากๆ ครับผม
    ด้วยความเคารพครับ ขอบคุณครับ
    ขออภัยครับ มีภาพด้านหน้าภาพเดียวครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    ทันครับ พบน้อยด้วย

    รุ่นนี้มีเป็นตุ้งติ้ง ด้วยครับผม


     
  14. karatekung

    karatekung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,624
    ค่าพลัง:
    +2,195
    สวยมากๆครับ
     
  15. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,009
    ค่าพลัง:
    +146,277
    หลวงพ่อบัว ทำตะกรุดไหมครับ?
     
  16. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    ที่ผมทราบมา ท่านทำครับ แต่ไม่ค่อยมีใครเคยได้เลย เพราะท่านทำตามแบบ หลวงพ่อ่อง คือ ท่านจะทำแต่ตะกรุด 3 กษัตร์ เงิน ทอง นาค โดยท่านจะให้ใช้ทองจริง เงินจริง นาคจริง เท่านั้นท่านถึงจะลงให้ครับ
    เท่าที่ทราบทั้งแสวงหามีอยู่ 2 ดอกมั้งครับ


    ส่วนตะกรุดไม้รวกตามแบบหลวงพ่อศรีท่านก็ทำแต่ว่าผมเองก็ไม่เคยเห็นครับ


    ส่วนตะกรุดธรรมดานั้นท่าน ไม่น่าจะทำครับ คือเรื่องพวกตะกรุดนี้ไม่ทราบเลยนะครับ
     
  17. ปีขาล

    ปีขาล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +78
    ขอบคุณ คุณพี่อุตราแมน มากครับ ที่ช่วยไขข้อข้องใจให้กระจ่างครับ
    ขอบคุณครับ
     
  18. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    อย่าเรียกผมพี่เลยครับ

    ผมอายุ 24 เอง แฮะๆ
     
  19. บอมม์

    บอมม์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +474
    เพิ่งได้มีโอกาศ เข้ามาอ่านประวัติของหลวงพ่อบัว ขอกราบหลวงพ่อครับ

    อนุโมทนา ครับผม
     
  20. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    ประวัติหลวงพ่อศรี คณาจารย์ใหญ่แห่งสิงห์บุรี อาจารย์หลวงพ่อบัว

    หลวงพ่อสี (หรือบางคนเรียกว่า หลวงพ่อศรีนี้) บ้านเดิมอยู่แสวงหา อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอู่ทอง เกิดปีมะแม
    พ.ศ. 2413 ชีวิตในเยาว์วัยของท่านเป็นไปในแบบฉบับลูกทุ่งที่ชอบศึกษาค้นคว้าตำรับตำราโบราณในทางไสยศาสตร์
    เวทย์มนต์ อุปนิสัยเป็นคนจริง ก่อนที่ท่านจะมาเป็นเจ้าอาวาสวัดพระปรางค์นี้ คุณสงวน ฉิมพลี ลูกศิษย์คนโปรดของ
    หลวงพ่อเล่าว่า เมื่ออายุท่านครบบวช บิดามารดาก็จัดการอุปสมบทให้ตามประเพณีไทยนิยม ที่วัดสุวรรณราชหงส์
    โดยมีพระอาจารย์หิน วัดโบสถ์ อำเภอวิเศษไชชาญ เป็นพระอุปชฌาย์ และอนุสาวนาจารย์ ไม่มีใครจำได้ อุปสมบทแล้ว
    ได้รับ ฉายาว่า "เกสโร" ขณะบวชเรียนอยู่ได้ศึกษาฝ่ายคันธุระและวิปัสสาธุระจนเชี่ยวชาญมีความรู้พอควรแก่สมณวิสัย
    เมื่อบวชเสร็จก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์ จังหวัดอ่างทอง มีความสนใจในเรื่องของวิปัสสนา มารดาของท่านมีชื่อว่า บุญมี
    หลวงพ่อศรี เกิดปีมะโรง เป็นคำกล่าวของคุณสงวน ฉิมพลี (อาจจะจำผิด) ไม่ทราบ พ.ศ. ก่อนที่ท่านจะมาอยู่ที่
    วัดพระปรางค์นี้ ท่านได้เดินธุดงค์คือการออกแสวงหาวิชา ได้เดินทางมากับพระภิกษุ 3 รูปด้วยกัน คือ พระอาจารย์เพชร
    พระอาจารย์พัด และพระอาจารย์ศรี (สี) ทั้ง 3 รูปนี้ได้เดินธุดงค์มาถึงเขตอำเภอบางระจัน ตำบลเชิงกลัด ได้มาปักกลด
    อยู่ที่โคกเตาหม้อในเขตวัดพระปรางค์ขณะนั้น ก็มีเจ้าอาวาสวัดพระปรางค์อยู่ก่อนแล้วสำหรับเจ้าอาวาสสององค์แรก
    เฉพาะที่จำได้ก็คือ พระอาจารย์เพชร เมื่อพระอาจารย์เพชรและอาจารย์พัด 2 รูปได้ลาสิกขาบท แล้วก็ได้ภรรยาข้างวัด
    หลวงพ่อศรีหรืออาจารย์สี ก็ได้ถูกนิมนต์จากญาติโยมในบริเวณใกล้เคียง ให้เป็นสมภารแทน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดพระปรางค์ แต่ท่านก็ไม่วายที่จะไปศึกษาเล่าเรียนวิชาคาถาอาคมกับพระอาจารย์ทั่วๆไป
    พระอาจารย์ที่ท่านให้ความเคารพและเรียนด้วยนั้น ชื่อ "อาจารย์ไกร" (หรือหลวงพ่อไกร) อยู่วัดใหญ่ท่าฉนวน
    อำเภอมโมรมย์ จังหวัดชัยนาท โดยหลวงพ่อศรีเดินทางไปมอบตัวเป็นศิษย์ด้วยองค์หนึ่งหลวงพ่อไกร รับไว้ด้วยความ
    ยินดียิ่ง แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าหากจะเรียนจริงๆ ต้องขอกรรมฐานจากท่านเสียก่อน จะสามารถปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานให้
    สำเร็จเรียบร้อย ซึ่งจะเริ่มเรียนพุทธาคมได้ หลวงพ่อศรียินยอมและสามารถปฏิบัติได้ตามข้อเสนอ และเริ่มลงมือทดลอง
    ปฏิบัติภาควิชาที่ร่ำเรียนมาจากหลวงพ่อไกรขณะนั้นวัดพระปรางค์มีสภาพเต็มไปด้วยป่าไม่นานาชนิด เหมาะแก่การ
    วิปัสสนากรรมฐานเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นสถานที่วิเวกสงบเงียบ หลวงพ่อศรีได้เล่าเรียนพระธรรมวินัยและปฏิบัติกิจทาง
    พุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด ตามพระธรรมวินัย ทั้งยังสนใจศึกษาพระปฏิโมกข์จนจบ ตลอดจนกระทั่งหนังสือขอม
    หลวงพ่อเขียนได้คล่องแคล่วมาก จนเป็นที่เลื่อมใสของญาติโยมและชาวบ้านบางระจันมาก บทสวดมนต์หลวงพ่อ
    จะจารเป็นภาษาขอบแทบทั้งหมด ความชำนาญในเรื่องเวทย์มนต์คาถา ท่านเป็นพระคณาจารย์องค์หนึ่งที่มีกิตติศัพท์
    โด่งดังไปไกล จนเป็นที่ยอมรับของชนทั่วไปทั่งไกลและใกล้

    อุปนิสัยส่วนใหญ่ของท่านนั้น หนักไปในทางเมตตาสงสารให้ความอุปการะแก่คนยากไร้โดยทั่วไปไม่สะสม มีแต่
    เสียสละเพื่อความสุขความเจริญของคนอื่นเป็นที่พึ่งพานักแก่ผู้ยากไร้ ใครได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนอย่างไร
    หลวงพ่อมักจะชี้แนะในสิ่งที่ถูกที่ควรจนเป็นที่พออกพอใจ เกียรติคุณของหลวงพ่อก็ดังยิ่งขึ้น หลวงพ่อท่านจะพูดจา
    ประสาทะกับคนทุกชั้น ไม่เลือกว่าจะยากดีมีจนอย่างไรโดยพระคุณท่านพูดเสมอว่า "คนเรามีหรือจน มักก็คนเหมือนกัน"
    จะแบ่งชั้นกันไปทำไม

    จากปฏิปทนาด้วยอำนาจบารมีที่ท่านได้สร้างสมไว้นี้แหละเป็นแรงหนุนที่ดลบัลดาลให้ท่านมีอำนาจ มีตบะ มีเดชะ
    และวาจาสิทธิ์ จนมีคนกล่าวกันว่า หลวงพ่อสีปากพระร่วง พูดอย่างไรก็มักจะเป็นอย่างนั้น เช่นพูดว่า รวยก็รวยใจหาย
    พูดว่าจนก็จนใจหาย พูดว่าตายโหงก็ตายโหง พูดว่าจาหัก ก็หัก ตัวแตก ก็แตก เหล่านี้เป็นต้น คำพูดของท่านนั้นโดยมาก
    เป็นจริงคนทั้งหลายถึงเกรงและกลัวท่านมากและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ปากศักดิ์สิทธิ์" แม้แต่ นก หนู ปู ปลา กา ไก่
    กระรอก กระแต ลิง ค่าง ช้าง ม้า ไม่มีใครกล้าทำอันตราย สัตว์ที่มาอาศัยในวัดพระปรางค์จึงมีนานาชนิดมีผู้กล่าวว่า
    หลวงพ่อศรีท่านเรียกของท่านมาใครจะเอาปืนผาหน้าไม้มายิงก็ไม่ออก เพราะท่านเสกคาถากำกับไว้ในอาหาร
    บรรดาพวกนักจับสัตว์น้ำทั้งหลายไม่กล้าแตะต้อง เพราะเกรงกลัวท่านสาปแช่งมีผู้โจษขานกันว่า หลวงพ่อท่านสำเร็จ
    มหาจินดามนต์ สามารถเรียกสัตว์ได้ราวพระสังฆ์ในวรรคดีไทยทีเดียว น่าอัศจรรย์ และอัศจรรย์จริงๆ
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อศรีนั้น ในสมัยที่ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดพระปรางค์อยู่ ท่านเป็นพระรูปหนึ่งที่พัฒนาความเจริญ
    รุ่งเรือง มาสู่วัดพระปรางค์เป็นอันมาก ไม่ว่าการสร้างถาวรวัตถุหรือเสนาสนะภายในวัดเป็นอันมาก ท่านจะเป็นผู้หนึ่งที่มีความ
    จริงใจที่การสร้างสรรค์ถวารวัตถุในสมัยนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ ท่านเป็นพระรูปหนึ่งที่ขยันขันแข็ง ประกอบด้วยแรงศรัทธาของ
    ญาติโยมบริเวณใกล้เคียงเป็นกำลังอันสำคัญ ท่านมีความมานะอดทนทำอะไรทำจริง ปรากฏว่าในปี พ.ศ.2476 หลวงพ่อ
    ได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น 1 หลัง ในการสร้างครั้งนั้นหลวงพ่อได้ออกเหรียญรูปเหมือนเต็มองค์ของท่านเป็นครั้งแรก
    มีลักษณะรูปพัดยศ (หยดน้ำ) หยักมุม ห่วงหูในตัว ด้วยเนื้อทองแดง มีกรอบ 2 ชั้นมีช่อชัยพฤกษ์ซ้ายขวา ในช่อจะมีรอย
    ขีด 9 การวางมือแบบสะดุ้งกลับ คือมือซ้ายจะพาดหัวเข่า มือขวาวางตรงหน้าตัก ซึ่งผิดแปลกกบัเหรียญพระคณาจารย์องค์อื่นๆ
    ด้านล่างมีตัวหนังสือ 3 แถวคือ แถวที่ 1 มีคำว่า "หลวงพ่อ" แถวที่ 2 "พระครู" แถวที่ 3 "ศรี" ตรงกลางมีรูปท่าน นั่งเต็มองค์
    หน้าตรง พาดสังฆาฎิ

    <table width="100" align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="2"> <tbody><tr bgcolor="#000000"> <td>[​IMG]</td> <td>[​IMG]</td> </tr> <tr align="center"> <td>ด้านหน้า</td> <td>ด้านหลัง</td> </tr> </tbody></table> ด้านหลังเหรียญ เป็นภาษาไทยอ่านจากซ้ายมาขวาว่าที่ระลึกในงานสร้างศาลาวัดพระปรางค์ พ.ศ. 2476 คาถาขอมว่า
    อิ ติ มา นิ ท่านได้นำออกแจกเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างศาลา
    การสร้างเหรียญหรือวัตถุมงคลอื่นใดก็แล้วแต่ หลวงพ่อท่านมักจะสร้างอย่างน่าศรัทธาเลื่อมใสคือแทนที่จะเอา
    เนื้อทองแดงมาปั๊ม แล้วเอากลับไปนั่งปลุกเสกเหมือนกับการสร้างในสมัยนี้ ท่านกลับไปทำเช่นนั้น ท่านจะต้องเอาทองแดง
    ที่จะนำมาปลุกเสกลงเลขยันต์ จนเป็นที่มั่นใจเสียก่อนจึงจะนำไปหลอมหล่อ กับทองแดงที่จะปั๊มเป็นเหรียญของท่าน
    (ถึงแม้ว่าการทำแหวนก็เช่นเดียวกัน) การปลุกเสกเหรียญของท่านนั้นเป็นการปลุกเสกเดี่ยวเหรียญของท่านจึงต้องดีแน่ๆ
    เพราะท่านได้แผ่เมตตาจิตลงไปในเหรียญจบครบถ้วนสมบูรณ์แบบตามวิธีการสร้างแบบโบราณกาลมาเป็นแบบฉบับ
    จึงไม่ต้องสงสัยว่าเหรียญของท่านนั้นจะไม่ขลัง แน่ๆ ขณะนี้เหรียญของท่านบางอัน (หมายถึงสมบูรณ์) ราคาเป็นหมื่น
    และหายากด้วยยิ่งต่อไปในอนาคต ก็คงจะไม่ค่อยได้มีโอกาสจะเห็น

    วัตถุมงคลอื่นๆ นอกจากเหรียญรุ่นแรกแล้ว ก็ยังมีอยู่หลายอย่างเช่น เชือกคาดเอว, ตะกรุดมหาอุตม์, ขี้ผึ้งเมตตา
    มหานิยม, น้ำมันมนต์, น้ำมนต์และแหวน หัวสี่เหลี่ยมและแหวนหัวเมฆพัตร์
    ซึ่งหลวงพ่อศรีได้รับตำราโบราณขนาดแท้มาจาก
    หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นพระคณาจารย์องค์หนึ่งที่มีชื่อเสียงในการทำแหวน มี 2 ชนิดด้วยกันคือ
    แบบหัวแหวน เหลี่ยนเป็นรูปยันต์ 4 ซ้อนกันสองยันต์ซ้อน ตรงกลางยันต์ จะมีรูปพระองค์เล็กๆ นั่งอยู่ตรงกลางยันต์พอดี
    ข้างๆจะมีพระองค์เล็กๆ นั่งขัดสมาธิข้างละ 1 องค์ ประดับล้อมด้วยลายก้านขดแบบตัวยูล้อมองค์พระอีกทีหนึ่ง และที่ท้องวง
    มีอักษรขอม หางวงมีแต่ลายขัดแบบแหวนพิรอด (ทำสร้างด้วยเนื้อทองเหลือง) อีกแบบหนึ่งทำด้วยหัวเมฆพัตร์ลักษณะอื่นๆ
    เหมือนแบบแรกทุกประการ แต่ผิดกันตรงที่หัวเมฆพัตร์จะมีลักษณะกลม มีลวดลายก้านขดแบบตัวยูเช่นเดียวกัน แหวน
    เมฆพัตร์นี้ มีคนกล่างกันว่าหลวงพ่อศรีท่านทำขึ้นจากตำราของท่านเอง โดยใช้คาถาทองเหลือง ขันลงหิน ตะบันหมาก
    ถาดสำริด แผ่นทอง มาหลอมหล่อ เป็นแหวนแล้วนำมาทำตามกรรมวิธีของท่านอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้เริ่มหายากมาก
    เพราะท่านทำไว้ห้อยเป็นแหวนที่มีพุทธคุณกันเขี้ยวงาได้ร้อยแปดแคล้วคลาด และคุ้มครองป้องกันตัวดีนัก ถ้าท่านพบ
    ณ ที่ใดรีบขวนขวายเอาไว้เถิด เรื่องวาจาศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อนั้น มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาหลายชั้นหลายตอนด้วยกัน
    พอสรุปเป็นสังเขปได้ดังนี้
    มีชายแก่คนหนึ่งซึ่งเป็นชายจีน ชื่อตาแป๊ะโล้ว เป็นผู้ไร้ญาติขาดมิตร ฐานะของแกยากจนมาก ได้อาศัยอยู่ใน
    วัดพระปรางค์ ยึดอาชีพเผาถ่านขาย หลวงพ่อมีความเมตตาสงสาร ช่วยเหลือเกื้อกูลมาโดยตลอด วัดหนึ่งตาแป๊โล้ว
    ทำน้ำตาลเมาเพื่อเอาไปกินตำรวจได้เข้าทำการจับกุมเอาตัวตาแป๊ะโล๊วไป พอหลวงพ่อทราบเข้า ก็พูดเปรยๆ ขึ้นมาว่า
    อ้ายพวกนี้จับกถมคนไม่ดูตาม้าตาเรือเหมือนไม่มีตา (มีตาแต่หามีแววไม่)

    พอวันรุ่งขึ้น ตำรวจที่จับตัวตาแป๊ะโล้ว ตาแดงกร่ำบวมเป่ง จนเกือบจะมืดมองอะไรแทบจะไม่เห็น สมจริงดังที่หลวงพ่อ
    พูดทุกประการ ตำรวจผู้นั้นต้องมาขอให้หลวงพ่อช่วยบำบัดรักษา ก็หายเป็นปลิดทิ้ง

    อีกเรื่องหนึ่ง มีคนชื่อ ตากิวเป็นคนในละแวกนั้น เป็นคนที่ชอบพอกับหลวงพ่อเป็นอย่างดีได้ขี่ม้ามาคุยกับหลวงพ่อ
    ขากลับ พอตากิวจะขี่ม้าหลวงพ่อท่านก็พูดขึ้นว่า

    " ตากิวระวังแกจะตกม้านะ" ตากิวพูดย้อนหลวงพ่อว่าไม่เป็นไรครับหลวงพ่อ ผมขี่มันจนเชื่องแล้ว" พูดเหมือนจะคุย
    โอ้อวดตัวเองว่า เคยขี่ม้าจนชำนาญไฉนเลยจะตก พอพูดขาดคำตากิวขยับเหยียบโกลและขี่ม้า ก็ต้องมีอันตกพลั้กลงมา
    กองกับพื้นดินทันตาเห็นญาติโยมและผู้หลักผู้ใหญ่ต่างทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดียิ่งแม้กระทั่งเด็กๆ ตัวเล็กๆ ก็สามารถ
    เล่าสืบทอดกันมาได้

    อีกเรื่องหนึ่งคือศิษย์ของหลวงพ่อคนหนึ่ง หากินในทางทุจริต เป็นเสือออกปล้นฆ่าเขาอยู่เสมอ เคยคล้องเหรียญ
    หลวงพ่อเพียงเหรียญเดียว ตำรวจไม่เคยยิงออกเลยสักครั้ง ภายหลังลืมคล้องเหรียญจึงถูกยิงตาย มีคนมาถามท่านว่า
    เพราะอะไรจึงยิงออก ท่านก็บอกไปว่า "เพราะกรรมมันตามทัน เคยสั่งสอนมันแล้วว่าให้ทำแต่ความดีมีศีลธรรม มันไม่เชื่อ
    ต่างหากแล้วหลวงพ่อก็อุทานขึ้นมาเบาๆ เป็นการตบท้ายว่า" "ใครเล่าจะหนีความตายพ้นทุกอย่างมันเป็นอนิจจัง"

    อีกเรื่องหนึ่งนั้น เป็นเรื่องราวของเด็กซึ่งเป็นศิษย์วัด มีนิสัยซุกซนชอบทะเลาะเบาะแว้งเป็นอาจิณ แล้วหลวงพ่อ
    ได้ยินเข้าเรียกมาหวดด้วยไม้ตะพด เป๊ก เป๊ก เป๊ก จนกระทั่งศิษย์เหล่านั้นร้องว่า หลวงพ่อแตกแตกแตก แทนที่จะแตก
    ดังที่เด็กร้อง หลวงพ่อกับพูดว่า "ข้าไม่ได้ตีให้แตก" และแข้งขาตาตุ่มที่หลวงพ่อหวดไปนั้น ไม่แตก เรื่องเหล่านี้เป็น
    เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ในอดีตของหลวงพ่อศรี และยังมีอีกหลายเรื่อง และยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่สามารถทำมาลง
    ให้ละเอียดละออได้ เรื่องของหลวงพ่อมีสาระน่าศึกษาน่ารู้ด้วยประการทั้งปวง ลูกศิษย์ลูกหาของท่านยังมีชีวิตอยู่ขณะนี้
    พอจะเล่าสู่กันฟังถึงอดีตที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี

    หลวงพ่อศรีเป็นพระที่สำรวม มีอารม์ดี คือเคร่งในพระวินัยมีวัตรปฏิบัติเป็นที่น่าศรัทธาเลื่อมใสท่านไม่ค่อยจะว่าใครง่ายๆ
    เพราะถ้าว่าหรือพูดอย่างไรแล้วมักจะเป็นไปตามคำพูดของท่านเสมอชาวบ้านจึงอยากเรียกท่านว่า "หลวงพ่อศรีปากพระร่วง"
    เวลาว่างของท่านนั้ หมดไปกับการจารบทสวดมนต์คัมภีร์ต่างๆ ตลอดจนพระปาฏิโมกข์โดยเขียนเป็นภาษาขอมทั้งสิ้น เพราะ
    มีความชำนาญเป็นพิเศษ พระครูวิริยสาร (หลวงพ่อมา) วัดสาธุ์การราม ตำบลท่าข้าม อำเภอค่ายบางระจัน เป็นสหธรรมิก
    ของหลวงพ่อศรีและพระครูวิริยสาร (สาลี่) เคยกล่าวว่าหลวงพ่อศรีเป็นพระคณาจารย์ ที่เรืองวิชาไสยศาสตร์มากองค์หนึ่ง
    ท่านวาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดอย่างไรมักจะเป็นอย่างนั้น
    หลวงพ่อศรีมีสมาธิและอำนาจจิตที่มั่งคง มีผู้ใกล้ชิดหลายรายทั้งเป็นศิษย์เก่าของท่านและชาวบ้านละแวกนั้น
    (ในวันพระที่มีการทำบุญ) จะมีคนเฒ่าคนแก่เล่าเรื่องของหลวงพ่อในขั้นตอนต่างๆ หลายๆ อย่าง หลายๆ เรื่อง เช่นหลวงพ่อ
    สำเร็จมหาจินดามนต์ สามารถเรียกเนื้อเรียกปลาและสัตว์แทบทุกชนิดได้ หลวงพ่อได้ให้คาถาเหล่านั้นแก่ศิษย์ของท่าน แต่ผู้ที่ได้ไปนั้นไม่กล้าทดลอง เพราะจิตยังไม่แน่วแน่จริง จึงไม่สามารถทำได้เหมือนท่าน หลวงพ่อมีความเมตตา
    ห้ามฆ่าสัตว์ ภายในวัดและบริเวณหน้าวัดจึงเต็มไปด้วยสิงห์สาราสัตว์นานาชนิดมากมาย เพียงแต่ท่านเคาะไม้หรือเพียงแต่
    ท่านวักน้ำ 3 ครั้ง ทั้งกระรอกกระแตปลาจะพากันมาชุมนุมเป็นกลุ่มเป็นก้อน และไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาจับสัตว์ดังกล่าว
    ภายในวัดพระปรางค์เลย สัตว์ทั้งหลายจะอยู่อย่างปลอดภัย จนผู้คนทั้งหลายกล่าวกันว่า ท่านเป็นผู้ที่สำเร็จมหาจินดามนต์
    สามารถเรียกเนื้อเรียกปลาได้
    หลวงพ่อศรี ไม่ชอบกลองยาว แต่ชอบฆ้องหมุ่ยใหญ่ ฆ้องหมุ่ยเล็กมากที่สุด เหตุที่ไม่ชอบนั้นท่านเคยพูดว่า "หนวกหู"
    และประการสำคัญที่สุดท่านเคยพูดกับลูกศิษย์ของท่านว่า "วัวควายตายแล้ว ยังเอาหนังของมันมาทุบมาตีอีก คนเรานี่
    ชอบกล ช่างไม่สงสารเขาเลย" การบวชนาคถ้าวัดไหนมีกลองยาว ท่านจะบอกให้หยุดก่อนไม่หยุดไม่ยอมบวช" เพราะ
    ท่านเป็นอุปชฌาย์รุ่นนั้น หาอุปัชฌาย์ทำยายาก หลวงพ่อศรีท่านทำความเพียรจัด คือ การบิณฑบาตเป็นกิจวัตรปฏิบัติ
    ที่สม่ำเสมอ ออกพรรษาทุกปีจะต้องออกเดินธุดงค์เป็นประจำ โดยถือธุดงค์เป็นวัตร


    เนื้อที่ของวัดทั้งหมด 40 ไร่เศษ บริเวณโดยรอบๆ ของวัดพระปรางค์ มีวัดเก่าแก่ที่อยู่ในละแวกเดียวกันก็มี วัดกำแพง
    วัดตาอ้อ วัดกรด วัดสิงห์ วัดต้นจันทร์ วัดพาเมือง วัดชัณสูตร
    หลวงพ่อศรี ถึงแม้ว่าท่าจะเก่งกาจสามารถสักเพียงใด คุณงามความดีของท่านก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงความตายไปได้
    ท่านถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชรา ประกอบกับเป็นโรคฝีในท้อง หรือปัจจุบันเรียกว่าโรควัณโรคหรือมะเร็ง
    แล้วแต่แพทย์จะวินิจฉัยท่านถึงมรณภาพเมื่อปีพุทธศักราช 2485 ณ วัดพระปรางค์ สิริอายุได้ 72 ปี พรรษา 52 ทางวัดได้จัดเก็บศพ
    ของท่านไว้ประมาณ 6 เดือน จึงทำการฌาปฌกิจ เมื่อท่านมรณภาพได้ 7 วันก็มีความทำบุญกันตามประเพณ

    อาจารย์สงวน ฉิมพลี เป็นผู้หนึ่งที่จัดทำเมรุ โดยขอแรงชาวบ้านโค่นต้นยางทำเป็นรูปพระปรางค์จนกระทั่งถึงวันเผา และทำการอธิษฐานโดยใช้ธูปเทียนจุดบูชาที่หีบศพ ถ้าธูปและเทียนไหม้หมดหมายถึงว่าหลวงพ่ออนุมัติให้เผาได้ ถ้าหาก
    ไหม้ไม่หมดก็จะไม่เผา บังเอิญธูปเทียนไหม้ จึงกำหนดวันเผา
    โดยมีอาจารย์ฟุ้ง อาจารย์ทองอาจารย์หมด เจริญศิริ ช่างสัก
    ช่วยกันจัดแจง เกี่ยวกับศพของท่านในวันฌาปนกิจศพ ปรากฏมีลูกศิษย์ลูกหาพากันหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ อย่างมืดฟ้า
    มัวดิน งานก็มี 7 วัน 7 คืน คนแน่นขนัดไปหมด แม้แต่ใต้ถุนผู้คนที่มาในงานก็ใช้เป็นที่นอนหลับ หุงหาอาหารเลี้ยงกัน
    ไม่หยุดมือบางคนร้องห่มร้องไห้เสียดาย ที่ต้องสูญเสียหลวงพ่อที่เคารพไปอย่างไม่มีวันกลับ วันเผาศพของหลวงพ่อแม้แต่
    จีวรของใช้ไม้สอยของท่านอันอยู่ในหีบศพ เมื่อเปิดหีบศพประชาชนที่เลื่อมใสท่าน ได้เจ้าไปเยื้อแย่งเพื่อเป็นเครื่องราง
    และเป็นที่ระลึกครั้งสุดท้ายเกือบทั้งหมด และการฌาปนกิจศพครั้งนั้น ทางคณะกรรมการวัดได้จัดสร้างเหรียญที่ระลึก
    ออกในงานฌาปนกิจศพ เป็นเหรียญรูปท่านอีกชนิดหนึ่ง มีลักษณะกลมเป็นจักรรอบๆ 16 จักร ตรงกลางจะมีรูปท่านครึ่งองค์
    ระบุชื่อเสียงของท่านไว้ชัดเจน เหรียญรุ่นนี้ท่านมิได้ปลุกเสก แต่ทางกรรมการวัดจัดทำขึ้นเป็นที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ
    ของหลวงพ่อ หีบศพของหลวงพ่อช่างสักซึ่งเป็นช่างแกะสลักและแทงหยวกได้แกะด้วยฝีมือประณีงามมาก (เรียกว่าทำแบบ
    สุดฝีมือของช่าง) เวลาเผาลุกหีบศพประมาณ 4 โมงเย็น ใต้ต้นโพธิ์ จะเป็นด้วยแรงอธิษฐานหรือด้วยการประกอบคุณงาม
    ความดีไว้แต่ปางก่อนก็ไม่สามารถจะทราบได้ วันเผาได้เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้นอย่างไม่คาดฝัน "นั่นคือดาวกลางวัน" สุกปลั่ง
    นวลปลั่ง เหมือนแสงดาวในเวลากลางคืน มองดูแล้วก็เลือนไปทีละน้อยๆ ปรากฏสูงขึ้นมาเรือยไป คนทำความดีบารมีก็
    ปรากฏให้มองเห็นไปในที่สูง ไม่ตกต่ำ อาจารย์สงวนพูดว่า เผาศพมานักต่อนักแล้วไม่เคยมีปรากฏแสงเดือนแสงดาว
    อะไรเลย เพิ่งมาปรากฏครั้งนี้เป็นครั้งแรก

    เมื่อเผาศพเรียบร้อยแล้ว ทางคณะกรรมการวัดก็ได้ทำการจัดสร้างหล่อรูปเท่าองค์จริงด้วยเนื้อโลหะประดิษฐาน
    อยู่ในมณฑป สวยงามทันสมัย มีโอ่งน้ำมนต์อยู่ข้างท่าน ด้านหลังเป็นสถูปสำริดยอดเม็ดทรงบัณฑ์ ภายในสถูปบรรจุอัฐิ
    ของหลวงพ่อ ประชาชนโดยทั่วไปต่างก็สักการะบูชารูปหล่อของท่านที่สถูปดังกล่าว

    หลวงพ่อศรีเป็นพระเถระที่มีชื่อเสียงโด่งดังกระฉ่อนไปทั่ว ถึงแม้ว่าหลวงพ่อแพ ซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่อรักมาก
    ยังต้องฝากตัวเป็นศิษย์เพราะฉะนั้นเครื่องรางของขลังและวัตถุมงคล ตลอดจนกระทั่งคาถาอาคมทั้งหมดของหลวงพ่อ
    มีอิทธิปาฏิหาริย์กับมหัศจรรย์ เป็นที่ยอมรับของชนทุกชั้นทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต วัตถุมงคลของท่านทุกอย่าง
    ดังและดีตลอดกาล
     

แชร์หน้านี้

Loading...