พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ทั้ง ๓ รายการนี้ หวังว่าคงจะกระตุ้นความอยากให้เกิดความหวือหวาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะชุดที่ ๑ 55555555
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [/quote]

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เรียนรู้จัก..คุณค่าของเงิน เพื่อเริ่มต้นสู่การออมเพื่ออนาคต
    http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9510000105925
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 กันยายน 2551 10:47 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • usd.jpg
      usd.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.6 KB
      เปิดดู:
      275
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มี PM เข้ามาหาผม

    +++++++++++++++++++++


    <TABLE class=tborder style="BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>ข้อความส่วนตัว: ขอทราบที่อยู่ครับ</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] วันนี้, 01:41 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>
    สมาชิก



    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 01:45 PM



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ขอทราบที่อยู่ครับ
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ธรรมสวัสดีครับ
    ผมขอเรียนถามคุณว่า คุณอาศัยอยู่ที่จังหวัออะไรครับ เพราะเหตุอะไรคุณจึงสนใจพระหลวงปู่เทพโลกอุดรครับ ผมผึ่งสนใจในองค์หลวงปู่เทพโลกอุดรประมาณ6-7ปีมานี้เองครับ ผมอยู่ อ........ จ..... ครับ
    ....... 8/9/51
    <!-- / message -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ----------------------------

    ไว้ตอนเย็นๆ ผมจะมาตอบอีกครั้งนะครับ

    .
     
  5. ksriuta

    ksriuta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,049
    ค่าพลัง:
    +2,966
    จองไว้ก่อนแล้วค่อยๆทยอยโอนเงินทำบุญเป็นงวดๆได้ไหมครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ได้ครับ

    หลายๆท่านก็ทำอย่างนี้ เช่นคุณnongnooo ,คุณตั้งจิต ,คุณชวภณ เป็นต้น

    ผมเองก็ชอบเหมือนกัน ได้ทำบุญหลายๆครั้ง อย่างที่ผมเคยบอกก็คือ ทำบุญทุกวัน กรวดน้ำทุกวัน ทยอยทำไปจนครบครับ

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คาถาบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้า

    สัพเพ ปัจเจกะสัมพุทธา นิโรธะฌานะโกวิทา นิราละยา นิราสังกา อัปปะเมยยา มะเหสะโย ทูเรปิ วิเนยเย ทิสสะวา สัมปัตตา ตังขะเณนะ เต สันทิฏฐิกะผะเล กัตตะวา สะทา สันติง กะโรนตุ โน

    พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าทั้งปวง ทรงปรีชาญาณในนิโรธสมาบัติและฌาณสมาบัติ
    ทรงปราศจากความกำหนัดยินดี หมดความรังเกียจ ทรงคุณอันหาประมาณมิได้ ทรงแสวงหาคุณอันประเสริฐ ทรงมีมหาทานบารมีเป็นเลิศ
    พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านี้ เห็นหมู่เวไนยสัตว์แม้ในที่ใกล้ไกล ก็ทรงพระเมตตาเสด็จไปช่วยเหลือสัตว์เหล่านั้น ให้ได้รับประโยชน์โดยพลัน โปรดประทานความสงบร่มเย็นทั้งทางโลกและทางธรรม แก่พวกข้าพระองค์ในกาลทุกเมื่อเถิด.

    ---------------------------------------------------------

    คาถาพระปัจเจกโพธิ ของหลวงพ่อปานวัดบางนมโค

    คาถาเรียกทรัพย์

    พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม"

    ผมแนะนำให้หากล่องที่จะใส่เงินทำบุญ โดยระบุแต่ละกล่องว่า กล่องนั้นๆเรามีความประสงค์ที่จะทำบุญอะไร ทำมากทำน้อยก็เหมือนกัน ทำวันละบาทก็ได้ พอถึงสิ้นเดือนเราก็นำเงินที่อยู่ในกล่องไปทำบุญ

    โดยเราอธิษฐานว่า เงินบริสุทธิ์ของเรามีความประสงค์ที่จะทำบุญอะไร เมื่อทำบุญโดยใส่เงินในกล่องแล้วก็สวดมนต์บูชาองค์พระปัจเจกพุทธเจ้าและคาถาเรียกทรัพย์ ทำทุกๆวัน พี่ใหญ่บอกมาเพียงให้สวดคาถาเรียกทรัพย์ แต่ผมแนะนำเพิ่มสำหรับท่านที่ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้าไปแล้วครับ

    เมื่อทำบุญในทุกๆวันแล้ว ควรกรวดน้ำด้วยนะครับ

    [​IMG]


    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  8. nanodent

    nanodent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,730
    ค่าพลัง:
    +943
    มีสมเด็จบางขุนพรหมแท้ ๔ องค์ให้ชมพร้อมกัน...วันนี้ได้ไปเช็คกับเพื่อนอ.พน นิลผึ้ง(ที่เขาแนะนำในหนังสือ)...ปรากฏว่าแท้ทั้งหมด...รวมทั้งเช็คพลังให้ด้วย...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • R0014068.jpg
      R0014068.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.8 KB
      เปิดดู:
      45
    • R0014070.jpg
      R0014070.jpg
      ขนาดไฟล์:
      92 KB
      เปิดดู:
      44
    • R0014135.jpg
      R0014135.jpg
      ขนาดไฟล์:
      176.1 KB
      เปิดดู:
      50
    • R0014136.jpg
      R0014136.jpg
      ขนาดไฟล์:
      167.2 KB
      เปิดดู:
      38
    • R0014137.jpg
      R0014137.jpg
      ขนาดไฟล์:
      177 KB
      เปิดดู:
      40
    • R0014138.jpg
      R0014138.jpg
      ขนาดไฟล์:
      189.3 KB
      เปิดดู:
      46
    • R0014139.jpg
      R0014139.jpg
      ขนาดไฟล์:
      185.5 KB
      เปิดดู:
      46
    • R0014140.jpg
      R0014140.jpg
      ขนาดไฟล์:
      181.8 KB
      เปิดดู:
      46
  9. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ksriuta [​IMG]
    จองไว้ก่อนแล้วค่อยๆทยอยโอนเงินทำบุญเป็นงวดๆได้ไหมครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    quote=sithiphong;1483037]ได้ครับ

    หลายๆท่านก็ทำอย่างนี้ เช่นคุณnongnooo ,คุณตั้งจิต ,คุณชวภณ เป็นต้น

    ผมเองก็ชอบเหมือนกัน ได้ทำบุญหลายๆครั้ง อย่างที่ผมเคยบอกก็คือ ทำบุญทุกวัน กรวดน้ำทุกวัน ทยอยทำไปจนครบครับ

    .[/quote]
    ผมจะบอกว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมมีความสุขมากๆครับ ค่อยๆฝากเข้าบัญชีอาทิตย์ละครั้ง ส่งไปเรื่อยๆครับ ฝากหนึ่งครั้งกรวดน้ำ ถวาย(แผ่)บุญกุศล หนึ่งครั้ง จนกว่าเราจะชำระหมด ซึ่งจริงๆแล้วปัจจุบันนี้ ผมยังรู้สึกแปลกๆเลยครับ เมื่อก่อนทุกวันจันทร์จะเดินไปที่ตู้รับฝาก cdm ของกรุงไทยสำนักงานใหญ่ ตอนนี้ผ่านก็ยังอดมองไม่ได้เลยครับ แต่ก็ยังมีฝากเข้าบัญชีบ้างแม้ไม่ได้รับหรือขอพระพิมพ์จากคุณ sithiphong ครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เหตุที่ผมต้องตั้งกระทู้นี้ขึ้น เนื่องจากเมื่อสักประมาณ 13 ปีที่แล้ว ผมได้เห็นลูกค้าของพี่ท่านนึงในออฟฟิตผม นำรูปพระสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งลูกค้าของพี่ท่านนึงนำมาให้พี่ท่านนี้ และบอกว่า เป็นหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ผมเห็นรุปปั๊บ สะดุดใจทันที่ เกิดความศรัทธาในองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร รูปนี้เป็นรูปพระภิกษุนั่งเอียงคอ (ซึ่งต่อมาอีกเป็น 10 ปี ผมจึงได้รู้ว่า เป็นรูปของสามเณรคำต้น องค์นี้เท่าที่ผมทราบมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว(ผมทราบเรื่องนี้ในปี 2549 แต่เหตุเกิดก่อนหน้านั้นหลายปี ปราชิกเนื่องจากเสพเมถุน) ผมเกิดความอยากได้มาก ในตอนนั้น ผมชอบถ่ายรูปมาก ผมจึงได้ขอรูปจากพี่ท่านนี้ มาถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้บูชา แต่ในขณะนั้น ฟ้าครึ้มมาก เหมือนฝนกำลังจะตก ผมเดินออกไปข้างนอก พนมมืออธิษฐานว่า หากหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรมีจริง ขอให้ฟ้าเปิด ผมจะขอถ่ายรูป เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้วฟ้าเปิดทันที ผมจึงนำรูปนี้ขึ้นไปถ่ายบนดาดฟ้าที่ออฟฟิต ผมถ่ายรุปจนเสร็จ เมื่อผมเดินลงมาถึงชั้นล่าง (จากอาคาร 3 ชั้น) ฝนได้ตกลงมาทันที หลังจากนั้น ผมใช้ระยะเวลา 10 ปี ตามหาหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ว่าหลวงปู่ท่านเป็นใคร หนังสือกี่เล่มผมก็ซื้อ แต่เมื่อระยะเวลาผ่านมา 10 ปี ผมได้มาพบกับท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ซึ่งผมเองเคารพท่านเป็นครูบาอาจารย์ผมคนนึง ท่านได้สอนผมในหลายๆเรื่อง หลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง ได้อ่านหนังสือที่ท่านได้เขียนขึ้น มานั่งวิเคราะห์ตามบทความที่ท่านอาจารย์ประถมท่านเขียนขึ้น และท่านอาจารย์ประถม ท่านเองก็สอนให้รู้จักการวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
    <O:p
    เมื่อผมได้รู้จักกับเรื่องราวของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร รู้ว่าหน้าตาของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์เป็นอย่างไร รู้ว่าหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์มายังสุวรรณภูมิเพื่ออะไร อีกทั้งได้เรียนรู้เรื่องของประวัติศาสตร์ของชาติไทยในสมัยรัชกาลที่ 4 ,รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 เหตุใดจึงต้องสร้างพระพิมพ์(หรือพระเครื่อง) ,พระบูชา ,วัตถุมงคลต่างๆอีกมากมายมหาศาล ,ศาสนสถานและศาสนวัตถุต่างๆ เพราะเหตุในการช่วยกันดูแลและรักษาพระพุทธศาสนา ให้ดำรงคงอยู่ตราบเท่าพุทธดำรัสองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม คือ 5,000 ปี และอีกสิ่งหนึ่งก็คือ การช่วยกันดูแลและปกป้องประเทศไทยของเราทุกคนไว้ ให้อยู่ยั้งยืนยงตลอดไปเพื่อลูกหลานของคนไทยในอนาคต<O:p
    <O:p
    เรื่องราวของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรไม่ว่าจะเป็นประวัติขององค์หลวงปู่ ,พระพิมพ์(หรือพระเครื่อง)และวัตถุมงคลที่หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิต เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในการที่จะเป็นสิ่งที่ช่วยเป็นกำลังใจของบุคคลที่เคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ,เคารพในองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร เพื่อเป็นกำลังให้กับพุทธบริษัท 4 ในการดูแล ,รักษา และปกป้องพระพุทธศาสนาและประเทศไทย<O:p
    <O:p
    ดังนั้น การที่เราจะช่วยทั้งชาติไทย และพระศาสนาได้นั้น มิใช่แต่เพียงว่า จะมุ่งแต่ปฏิบัติตนเองให้พ้นทุกข์เพื่อพระนิพพานเท่านั้น แต่ต้องร่วมด้วยช่วยกันทั้งการดูแล ,รักษา และปกป้อง ชาติไทย และศาสนาพุทธ ให้ยืนยงกันต่อไปในทุกๆด้าน หากมีแต่คนที่มุ่งปฏิบัติตนเองให้พ้นทุกเพื่อพระนิพพานเพียงอย่างเดียว ศาสนาพุทธและประเทศไทย จะอยู่รอดได้หรือ และจะมีคนสักกี่คนที่ทำได้เช่นนั้น อีกประการที่จะให้ลองไปคิด ไปวิเคราะห์กันก็คือ เหตุใดตั้งแต่ในสมัยโบราณนับตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชหรือก่อนหน้านั้น จึงต้องสร้างศาสนวัตถุและศาสนสถานไว้อย่างมากมาย <O:p
    <O:p
    ส่วนเรื่องของใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะปรามาสพระวังหน้าหรือพระกรุวัดพระแก้ว ก็แล้วแต่เขา หนทางการดำรงชีวิต หนทางเพื่ออนาคต มีหลายๆทาง มีทั้งไปเป็นเทวดาบนสวรรค์ ,ไปเป็นพรหมในพรหมโลก ,ไปเป็นสัตว์นรกในนรก ,ไปเป็นสัตว์เดรัชฉาน ,เปรต ,สัมภเวสีหรือโอปาติกะบนโลกมนุษย์ ,กลับมาเป็นมนุษย์บนโลกมนุษย์อีก หรือไปพระนิพพาน เพราะเหตุของการปรามาสพระวังหน้าหรือพระกรุวัดพระแก้ว ปรามาสองค์ผู้อธิษฐานจิต( เช่นหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์(พระอุตรเถระเจ้า,พระโสณเถระเจ้า,พระมูนียะเถระเจ้า,พระฌาณียะเถระเจ้าและพระภูริยะเถระเจ้า)หรือองค์ใดองค์หนึ่ง ,หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ,หลวงปู่แสง(เป็นพระอาจารย์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ,หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ,หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ,หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ,หลวงปู่สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ,หลวงปู่สมเด็จกรมพระยาปวเรศ ,ท่านเจ้ามา ฯลฯ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว , เทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้า ,ช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าและวังหลวง ,ขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีกมาก ,ช่างชาวบ้านอีกมาก ฯลฯ ลองคิดดูกันเล่นๆก็พอ ไม่ต้องไปคิดจริงจัง ว่าอยากจะเดินไปทางไหน <O:p
    <O:p
    แต่เมื่อมีของจริง ย่อมมีของปลอมมาเป็นธรรมดา เพราะเหตุของผลประโยชน์จากหลายๆกลุ่ม หลายๆพวก หลายๆสาเหตุและปัจจัย คงต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณาสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้ดี ให้ถ่องแท้ และควรจะมีผู้ที่รู้เรื่องของพระวังหน้าหรือพระกรุวัดพระแก้วเป็นผู้ที่แนะนำได้ เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ อาจมีคำถามมาถามแน่ว่า ผมคงจะตั้งตัวเป็นผู้รู้ในเรื่องพระวังหน้าหรือพระกรุวัดพระแก้วแน่นอน ผมขอบอกตรงนี้เลยว่า สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มานั้น เพียงแค่ผมเรียนรู้จากท่านอาจารย์ประถมมา ผมเรียนรู้มายังไม่ถึง 1 % เลยครับ และท่านอาจารย์ประถม ท่านบอกว่า เรื่องของพระวังหน้าหรือพระกรุวัดพระแก้ว ต้องเรียนรู้กันไปทั้งชีวิต เรียนกันไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้นผมคงเป็นผู้รู้ไม่ได้แน่ แต่ผมต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆกับคณะของผมครับ<O:p
    <O:p
    มาย้อนเรื่องราวที่กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้กันสักหน่อย สำหรับบางท่านที่อาจจะเพิ่งเริ่มเข้ามาดูในกระทู้พระวังหน้าฯ ซึ่งบางครั้งที่ผมนำสิ่งที่เป็นมหามงคลและเป็นมงคลมาเล่าสู่กันฟังและมีการมอบให้กับหลายๆท่าน ซึ่งบางท่านที่เพิ่มเริ่มเข้ามาดู อาจจะขี้เกียจเข้าไปอ่านในกระทู้ซึ่งมีความยาว 700 กว่าหน้า แต่ใน 700 กว่าหน้า(ปัจจุบัน 1,049 หน้าแล้ว)นั้น ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านความทุกข์ ผ่านความสุข ผ่านความผิดหวัง ผ่านความสมหวัง ผ่านเรื่องราวต่างๆมาอย่างมากมาย ซึ่งเป็นทั้งองค์ความรู้ เป็นทั้งประสบการณ์และบทเรียน ให้กับผมและพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หลายๆท่าน นับตั้งแต่น้องlittlelucky ,คุณพุทธันดร ,โต้ง(นักเดินทาง) ,คุณโต (สนส.บ่อเงินบ่อทอง) ,พี่ตุ่น(พิมพาภรณ์) ,คุณkwok ,คุณkaicp ,คุณเพชร จนมาถึงคุณnongnooo ,น้องเอ และท่านอื่นๆที่ผมไม่ได้เอ่ยนาม ทำให้รู้ว่า สังคมไทยเรายังมีคนดี คนที่จริงใจต่อกันอยู่ และผมตั้งใจว่า จะมีความดี ความจริงใจให้กันจนวันสุดท้ายของลมหายใจ เพื่อที่จะได้ช่วยกันทำนุบำรุงพระศาสนาและช่วยเหลือชาติบ้านเมืองของคนไทยทุกๆคน <O:p
    <O:p
    สำหรับการที่ผมจะมอบสิ่งที่เป็นมหามงคลและเป็นมงคล ผมเองไม่ใช่ว่าจะมอบกันง่ายๆ สำหรับท่านที่ผมได้มอบให้นั้น ทุกๆท่านเป็นผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาแล้วทั้งนั้น บางท่านร่วมทำบุญมามาก ,ได้เข้ามาพูดคุยกันในกระทู้นี้และได้ร่วมกิจกรรม(การพบปะสังสรรค์)กันอยุ่เป็นประจำเท่านั้น บางท่านผมกว่าจะขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อที่ผมจะโทร.ไปหานั้น ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน บางท่าน 4-5 เดือน บางท่าน 8 เดือน บางท่านก็เป็นปี ซึ่งก็แล้วแต่ความรู้สึกของผมในขณะนั้น ว่าจะมีอะไรแว๊บๆเข้ามาหรือเปล่า <O:p
    <O:p
    แต่สิ่งหนึ่งที่ผมและคุณเพชรได้ย้ำกันมาตลอดก็คือ การที่ได้เข้าไปอ่านในกระทู้พระวังหน้าฯ เป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าได้เพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวท่านเอง มิใช่อื่นใคร <O:p
    <O:p
    กว่าที่ผมจะรู้จักหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร กว่าที่ผมจะรู้จักพระวังหน้าและพระวังหลวง กว่าผมจะรู้จักกับหลายๆท่านที่มีองค์ความรู้ที่ยอดเยี่ยม กว่าผมจะรู้จักกับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หลายๆท่านในคณะผม นับตั้งแต่วันที่ผมรู้จักชื่อ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?t=22445&page=700

    <TABLE class=tborder id=post980928 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">15-02-2008, 09:19 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #13997 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_980928", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค



    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 07:02 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 25,565
    Groans: 108
    Groaned at 103 Times in 55 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 14,222
    ได้รับอนุโมทนา 161,889 ครั้ง ใน 21,687 โพส
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 14145 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_980928 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ธงธรรมจักร

    [​IMG]

    ที่มาของรูป http://www.freshymall.com/shop/showp...5&shopid=24540

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ปฏิจจสมุปบาท

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    ปฏิจจสมุปบาท เป็นหลักธรรมข้อหนึ่งในพุทธศาสนา อธิบายถึง การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน,การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกัน จึงเกิดมีขึ้น
    การที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยต่อเนื่องกันมา มีองค์หรือหัวข้อ 12 ดังนี้ คือ อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ
    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี
    <TABLE class=toc id=toc summary=เนื้อหา><TBODY><TR><TD>เนื้อหา

    [ซ่อน]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[ if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดง"; var tocHideText = "ซ่อน"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>

    [แก้] อนุโลม-ปฏิโลม

    การเทศนาปฏิจจสมุปบาท ดังแสดงไปแล้วข้างต้น เรียกว่า อนุโลมเทศนา
    หากแสดงย้อนกลับจากปลายมาหาต้น จากผลไปหาเหตุปัจจัย เช่น
    ชรามรณะเป็นต้น มีเพราะชาติเป็นปัจจัย ชาติมีเพราะภพเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารมีเพราะอวิชาเป็นปัจจัย
    ดังนี้เรียกว่า ปฏิโลมเทศนา

    [แก้] ลำดับแห่งปฏิจจสมุปบาทฝ่ายดับทุกข์

    ความทุกข์ จะดับไปได้เพราะดับ ชาติ (การเกิดอัตตา"ตัวตน"คิดว่าตนเป็นอะไรอยู่)
    ชาติ จะดับไปได้เพราะดับ ภพ (การมีภาระหน้าที่และภาวะทางใจ)
    ภพ จะดับไปได้เพราะดับ อุปาทาน (ความยึดติดในสิ่งต่าง ๆ)
    อุปาทาน จะดับไปได้เพราะดับ ตัณหา (ความอยาก)
    ตัณหา จะดับไปได้เพราะดับ เวทนา (ความรู้สึกในทางทุกข์หรือสุข)
    เวทนา จะดับไปได้เพราะดับ ผัสสะ (การสัมผัสด้วยประสาทต่าง ๆ)
    ผัสสะ จะดับไปได้เพราะดับ อายตนะ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
    อายตนะ จะดับไปได้เพราะดับ นามรูป (ร่างกายและจิตใจ)
    นามรูป จะดับไปได้เพราะดับ วิญญาณ (การรับรู้ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
    วิญญาณ จะดับไปได้เพราะดับ สังขาร (การนึกคิดหรือการทำงานของสมองเพื่อปรุงแต่ง)
    สังขาร จะดับไปได้เพราะดับ อวิชชา (ความโน้มเอียงไปคลุกเคล้ากิเลสด้วยความเขลา)

    [แก้] สมุทยวาร-นิโรธวาร

    การแสดงหลักปฏิจจสมุปบาท เป็นการแสดงให้เห็น ความเกิดขึ้นแห่งธรรมต่างๆ โดยอาศัยปัจจัยสืบทอดกันไปอย่างนี้ เป็น สมุทยวาร คือฝ่ายสมุทัย ใช้เป็นคำอธิบาย อริยสัจจ์ข้อที่สอง (สมุทัยสัจจ์) คือ แสดงให้เห็นความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ ปฏิจจสมุปบาทที่แสดงแบบนี้เรียกว่า อนุโลมปฏิจจสมุปบาท
    (ดังแสดงสองตัวอย่างที่ผ่านไป เป็น อนุโลมเทศนา และ ปฏิโลมเทศนา ของอนุโลมปฏิจจสมุปบาท ตามลำดับ)
    การแสดงตรงกันข้ามกับข้างต้นนี้ เรียกว่า นิโรธวาร คือฝ่ายนิโรธ ใช้เป็นคำอธิบาย อริยสัจจ์ข้อที่สาม (นิโรธสัจจ์) เรียกว่า ปฏิโลมปฏิจจสมุปบาท แสดงให้เห็นความดับไปแห่งทุกข์ ด้วยอาศัยความดับไปแห่งปัจจัยทั้งหลาย สืบทอดกันไป เช่น
    เพราะอวิชชาสำรอกดับไปไม่เหลือสังขารจึงดับ เพราะสังขารดับวิญญาณจึงดับ ฯลฯ เพราะชาติ ดับชรามรณะ(จึงดับ) ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส ความคับแค้นใจ ก็ดับ
    ดังนี้เรียกว่า อนุโลมเทศนา ของ ปฏิโลมปฏิจจสมุปบาท
    ส่วนปฏิโลมเทศนา ของ ปฏิโลมปฏิจจสมุปบาท ก็พึงแสดงย้อนว่า ชรามรณะเป็นต้น ดับเพราะชาติดับ ชาติดับเพราะภพดับ ฯลฯ สังขารดับเพราะอวิชชาดับ

    [แก้] อิทัปปัจจยตา ธรรมนิยาม ปัจจยาการ

    ปฏิจจสมุปบาทนี้ มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีก ที่สำคัญคือ อิทัปปัจจยตา(ภาวะที่มีอันนี้ๆเป็นปัจจัย) ธรรมนิยาม(ความเป็นไปอันแน่นอนแห่งธรรมดา กฎธรรมชาติ) และปัจจยาการ(อาการที่สิ่งทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่กัน)

    [แก้] ข้อความอ้างอิง

    <SMALL>จาก มหานิทานสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐</SMALL>
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ปฏิจจสมุบาทนี้ลึกซึ้งสุดประมาณ และปรากฏเป็นของลึก ก็แหละถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังปรากฏแก่ข้าพระองค์ เหมือนเป็นของตื้นนัก ฯ
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เธออย่าพูดอย่างนั้น อานนท์ เธออย่าพูดอย่างนั้นอานนท์ ปฏิจจสมุบาทนี้ ลึกซึ้งสุดประมาณและปรากฏเป็นของลึก ดูกรอานนท์เพราะไม่รู้จริง เพราะไม่แทงตลอด ซึ่งธรรมอันนี้ หมู่สัตว์นี้ จึงเกิดเป็นผู้ยุ่งประดุจด้ายของช่างหูก เกิดเป็นปมประหนึ่งกระจุกด้าย เป็นผู้เกิดมาเหมือนหญ้ามุงกระต่ายและหญ้าปล้อง จึงไม่พ้นอุบาย ทุคติ วินิบาต สงสาร ...
    ดูกรอานนท์เพราะนามรูปเป็นปัจจัยดังนี้แล จึงเกิดวิญญาณ เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงเกิดผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัยจึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัยจึงเกิดตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงเกิดอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงเกิดภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงเกิดชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดชรามรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสอุปายาส ฯ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมมีด้วยประการฉะนี้ ฯ
    <SMALL></SMALL>
    <SMALL>จาก ปัจจัยสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖</SMALL>
    ภิกษุทั้งหลาย ความจริงแท้ ความไม่คลาดเคลื่อน ความไม่เป็นอย่างอื่น มูลเหตุอันแน่นอนในธาตุอันนั้น ดังพรรณนามาฉะนี้แล เราเรียกว่าปฏิจจสมุปบาท
    <SMALL>(ภิกฺขเว ยา ตตฺร ตถตา อวิตถตา อนฺถตา อิทปฺปจฺจยตา อย วุจฺจติ ภิกฺขเว ปฏิจฺจสมุปฺปาโท)</SMALL>
    <SMALL>(ถ้าเขียนทับศัพท์จะได้ว่า -ภิกษุทั้งหลาย ตถตา อวิตถตา อนัญญถตา หลักอิทัปปัจจยตา ดังพรรณนามาฉะนี้แล เรียกว่าปฏิจจสมุปบาท)</SMALL>

    [แก้] อ้างอิง
    <!-- Pre-expand include size: 3411/2048000 bytesPost-expand include size: 3409/2048000 bytesTemplate argument size: 0/2048000 bytes#ifexist count: 0/500--><!-- Saved in parser cache with key thwiki:pcache:idhash:39430-0!1!0!!th!2 and timestamp 20080204031857 -->ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97".
    หมวดหมู่: หลักธรรมในพุทธศาสนา | อภิธานศัพท์พุทธศาสนา
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________

    อริยสัจ 4

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    ในทางพุทธศาสนา อริยสัจ 4 เป็นคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประการหนึ่ง ว่าด้วย ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการซึ่งเป็นรากฐานของคำสอนพระองค์ทั้งมวล กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า เป็นความจริง 4 ประการที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยบุคคล ความจริงทั้งสี่ประการนั้นมีดังต่อไปนี้
    1. ทุกขสัจจ์ กล่าวว่า ความทุกข์มีอยู่จริง โดยพระพุทธองค์ตรัสว่า การเกิด ความแก่ชรา ความตาย ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ การพบสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ความไม่สมปรารถนา นั้นเป็นทุกข์
    2. สมุทัยสัจจ์ กล่าวว่า ความทุกข์ทั้งหลายนั้นมีสาเหตุ พระพุทธองค์ตรัสว่าสาเหตุของความทุกข์นั้นคือ การไปสมมติว่าธรรมชาติซึ่งที่ไม่จีรังยั่งยืนนั้นมีตัวตน มีแก่นสาร และเที่ยงแท้ ทำให้เกิดตัณหา คือความอยากอันขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ว่าทุกสิ่งไม่สามารถให้ความพึงพอใจได้อย่างเที่ยงแท้ เมื่อธรรมชาติไม่เป็นไปตามที่ต้องการก็เกิดความทุกข์
    3. นิโรธสัจจ์ กล่าวว่า ความดับทุกข์นั้นมีอยู่จริง และความดับทุกนั้นคือภาวะที่ไม่มีความยึดติด ไม่มีความอยาก มีปัญญาเข้าใจว่าสิ่งทั้งหลายเป็นทุกข์ และไม่นำยึดว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นตัวเป็นตน อันจะทำให้เป็นสาเหตุแห่งความไม่สบายกายไม่สบายใจ จึงเป็นอิสระจากทุกข์ทั้งมวล ภาวะนี้เรียกได้อีกอย่างว่านิพพาน
    4. มัคคสัจจ์ กล่าวว่า วิธีปฏิบัติให้บรรลุถึงความดับทุกข์นั้นมีอยู่จริง คือ การรักษาคำพูด การกระทำ การหาเลี้ยงชีพ ความพยายาม สติ สมาธิ ความเห็น และความคิด ให้ถูกต้องดีงามและสอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งวิธีการปฏิบัตินี้สรุปได้เป็นหลักคำสอนที่ชื่อว่า มรรค 8 หรือ มรรคมีองค์แปด (ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ)
    [แก้] กิจในอริยสัจ 4

    กิจในอริยสัจ คือสิ่งที่ต้องทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละข้อ ได้แก่
    1. ปริญญา - ทุกข์ ควรกำหนดรู้ คือการทำความเข้าใจปัญหาหรือสภาวะที่เป็นทุกข์อย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง เป็นการเผชิญหน้ากับปัญหา
    2. ปหานะ - สมุทัย ควรละ คือการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุต้นตอ
    3. สัจฉิกิริยา - นิโรธ ควรทำให้แจ้ง คือการเข้าถึงภาวะดับทุกข์ หมายถึงภาวะที่ไร้ปัญหาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมาย
    4. ภาวนา - มรรค ควรเจริญ คือการฝึกอบรมปฏิบัติตามทางเพื่อให้ถึงความดับแห่งทุกข์ หมายถึงวิธีการหรือทางที่จะนำไปสู่จุดหมายที่ไร้ปัญหา
    กิจทั้งสี่นี้จะต้องปฏิบัติให้ตรงกับมรรคแต่ละข้อให้ถูกต้อง การรู้จักกิจในอริยสัจนี้เรียกว่ากิจญาณ
    กิจญาณเป็นส่วนหนึ่งของญาณ 3 หรือญาณทัสสนะ (สัจญาณ, กิจญาณ, กตญาณ) ซึ่งหมายถึงการหยั่งรู้ครบสามรอบ ญาณทั้งสามเมื่อเข้าคู่กับกิจในอริยสัจทั้งสี่จึงได้เป็นญาณทัสนะมีอาการ 12 ดังนี้
    1. สัจญาณ หยั่งรู้ความจริงสี่ประการว่า
      1. นี่คือทุกข์
      2. นี่คือเหตุแห่งทุกข์
      3. นี่คือความดับทุกข์
      4. นี่คือทางแห่งความดัิบทุกข์
    2. กิจญาณ หยั่งรู้หน้าที่ต่ออริยสัจว่า
      1. ทุกข์ควรรู้
      2. เหตุแห่งทุกข์ควรละ
      3. ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง
      4. ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น
    3. กตญาณ หยั่งรู้ว่าได้ทำกิจที่ควรทำได้เสร็จสิ้นแล้ว
      1. ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว
      2. เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว
      3. ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว
      4. ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว
    [แก้] เอกสารอ้างอิง
    <!-- Pre-expand include size: 3411/2048000 bytesPost-expand include size: 3409/2048000 bytesTemplate argument size: 0/2048000 bytes#ifexist count: 0/500--><!-- Saved in parser cache with key thwiki:pcache:idhash:24119-0!1!0!!th!2 and timestamp 20080206094607 -->ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%88_4".
    หมวดหมู่: อริยสัจ | อภิธานศัพท์พุทธศาสนา

    <!-- / message --><!-- sig -->__________________

    http://www.dhammapratarnporn.com/boo.../apitum_7.html

    7. อภิธรรมหมวดที่ 7 คือโพธิปักขิยะสังคหะ
    พระอภิธรรมอย่างย่อทั้ง 9 บท มี 9 อย่างคือ
    คือต้นเหตุ 4 อย่างที่นำจิตให้ไปเกิดภพที่เป็นความทุกข์ คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน และคนมีวิบากกรรมสาหัส เหตุทั้ง 4 คือ (1) อวิชชา (2) กิเลสสังโยชน์ 10 อย่าง (3) ตัณหาความอยาก (4) อุปาทาน
    ทำให้ทำบาปกรรมผิดศีล 5 ข้อ เป็นเหตุให้ไปเกิดในแดนนรก มีความทุกข์ทรมานแสนสาหัส
    โพธิปักขิยะสังคหะ คือ ธรรมะที่เป็นกุศล ปฎิบัติตามแล้วยกระดับจิตให้สะอาดสดใสเบิกบานเป็นอริยบุคคลมีพระนิพพานเป็นจุดหมายเป็นปรมัตถธรรมหรือโลกุตตรธรรม
    โพธิปักขิยะ 37 อย่างเป็นธรรมะที่ยกระดับจิตเป็นพระอริยเจ้าเข้าถึงพระนิพพาน คือ ความสุขยอดเยี่ยมตลอดกาลแบ่งเป็น 7 ข้อ คือ

    (1)มหาสติปัฏฐาน 4 คือ
    (1.1) กายานุปัสสนา จิตดูร่างกายสกปรกมีภาระหนักต้องดูแลรักษาแล้ว กายก็เจ็บทรมานตายเป็นอสุภะซากศพ มีจิตรู้อยู่กับลมหายใจเข้าออกเพื่อทำจิตให้มั่นคงเป็นสมาธิเพื่อเอาชนะกิเลส เอาจิตไม่สนใจร่างกายมีความฉลาดรอบรู้ว่ากายไม่ดีไม่น่าหลงใหล ร่างกายเป็นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง
    (1.2) เวทนานุปัสสนา จิตพิจารณาดูความรู้สึกของกายของอารมณ์สุขหรือทุกข์ดูแล้วก็ละทิ้งเวทนาเพราะไม่แน่ไม่นอนไม่ใช่ของจริง
    (1.3) จิตตานุปัสสนา เอาจิตเรานี่ดูอารมณ์ใจในขันธ์ 5 ตนเองว่า อารมณ์ใจคิดดี คิดชั่ว คิดฉลาดหรือไม่ใจฉลาดคือ คิดตามความเป็นจริงว่า ทุกอย่างในโลกสูญสลายไม่ยืนยงตายหมด ถ้าจิตคิดชั่ว ก็ตัดออกไปเลิกคิด ทำจิตให้หลุดพ้นจากขันธ์ทั้ง 5 อารมณ์ใจในขันธ์ 5 นั้นไม่ใช่อันเดียวกับจิต ไม่ควรยึดถือเอาเป็นของเรา ใจอันนี้เป็นส่วนหนึ่งของอายตนะ 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ควรปล่อยวางไม่ให้มาวุ่นวายกับจิต
    (1.4) ธัมมานุปัสสนา จิตพิจารณาธรรม เพื่อ
    - ป้องกันมิให้นิวรณ์มารบกวนจิต
    - พิจารณาขันธ์ 5 ไม่ใช่ของจิต
    - อายตนะ 6 มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ใช่ของจิตเป็นเพียงวิญญาณอายตนะ 6
    (2) โพชฌงค์ 7 ทำจิตให้มีโพชฌงค์ 7 อยู่ประจำใจเพื่อช่วยยกระดับจิตเป็นจิตพุทธะ คือ มีสติระลึกไว้ ธัมมวิจยะเลือกไตร่ตรองธรรมะที่ชอบที่ถูก วิริยะ เพียรพยายามระงับกิเลสที่เกิดขึ้นในใจ ปิติอิ่มเอมใจในการทำความดี ปัสสาธิ จิตสงบจากกิเลสตัณหาอุปาทานจิต ไม่วุ่นวายกับขันธ์ 5
    สมาธิ จิตตั้งมั่นในอารมณ์ที่เป็นกุศลฉลาด มีสมาธิในกรรมฐาน 40 หรือมหาสติปัฏฐานสูตร
    อุเบกขา มีจิตวางเฉยในความทุกข์สุขทางโลกเห็นเป็นของธรรมดาหมดความยึดติดในสามโลก
    (3) อริยมรรค 8 อย่าง คือ ทางเดินของจิตเป็นทางเดินเข้าพระนิพพานที่ทำให้เป็นจิตอริยเจ้า พระอริยสาวกมี 8 ขั้น คือ
    1. พระโสดาบันปัตติมรรค
    2. พระโสดาบันปัตติผล
    3. พระสกิทาคามีมรรค
    4. พระสกิทาคามีผล
    5. พระอนาคามีมรรค
    6. พระอนาคามีผล
    7. พระอรหัตตมรรค
    8. พระอรหัตตผล

    ปัญญา = สัมมาทิฎฐิ สัมมาสังกะปะ มีความคิดเห็นถูกต้องในพระนิพพานกับจิต
    ศีล = สัมมาวาจา สัมมากัมมันตา สัมมาอาชีโว พูดดีทำดี เลี้ยงชีพดี
    สมาธิ = สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ตั้งจิตพยายามตั้งใจมั่นในความดีในกรรมฐาน 40 ในมหาสติปัฏฐานสูตรอย่างใดอย่างหนึ่งดีทั้งนั้น
    (4) พละ 5 มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ทั้ง 5 นี้เป็นพลังที่จะทำให้จิตสะอาดเข้าถึงอริยธรรมได้ง่ายและรวดเร็ว เพื่อความหลุดพ้นคือ พระนิพพาน
    (5) อินทรีย์ 5 อินทรีย์ คือ ความเป็นใหญ่ที่จะทำให้จิตบรรลุเป็นจิตพระอริยเจ้า มี 5 อย่างดังนี้ ศรัทธาอินทรีย์ วิริยอินทรีย์ สติอินทรีย์ สมาธิอินทรีย์ ปัญญาอินทรีย์
    (6) อิทธิบาท 4 คือ ทางปฏิบัติที่จะทำให้สำเร็จเป็นพระอริยเจ้าเข้าพระนิพพานได้ง่าย ๆ รวดเร็ว ปรารถนาอะไรก็ประสบความสำเร็จรวดเร็วได้ง่าย ทั้งทางโลกทางธรรม ทั้งอิทธิฤทธิ์ก็ได้ทุกอย่าง มี 4 อย่างคือ
    ฉันทะ มีความพอใจที่จะประพฤติธรรม
    วิริยะ มีความเพียรไม่ท้อถอยที่จะเอาชนะสังโยชน์ 10
    จิตตะ มีจิตมุ่งมั่นไม่วางวายที่จะสลัดละทิ้งขันธ์ 5 ออกจากจิตเพื่อจิตจะได้พ้นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิด
    วิมังสา ใช้ปัญญาไตร่ตรองว่าทำถูกหรือไม่ตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
    อิทธิบาท นี้ถ้าทำได้ครบจะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะสำเร็จอภิญญา 6 ก็ได้ จะอธิษฐานอยู่นาน ๆ กี่ปีก็ได้
    (7) สัมมัปปธาน คือมีความขยันหมั่นเพียรที่จะเอาชนะกิเลสมี 4 ประการ คือ (1) เพียรละบาปอกุศลความชั่วในจิต (2) ความเพียรไม่ให้ความชั่วเกิดขึ้น (3) ความเพียรให้มีกุศลธรรมตั้งไว้ในจิต (4) ความเพียรเอากุศลธรรมในจิตที่มีแล้วให้มีมาก ๆ นาน ๆ ตลอดเวลา

    <!-- / message --><!-- sig -->__________________


    ปริจเฉทที่ ๗ สมุจจยสังคหวิภาค

    http://www.abhidhamonline.org/aphi/p7/025.htm


    ๓. โพธิปักขิยสังคหะ<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>

    โพธิ แปลว่า รู้ มีความหมายถึง รู้การทำให้สิ้นอาสวะ คือรู้ อริยสัจจ ๔ และในโพธิปักขิยสังคหะนี้รวมหมายถึง รู้การทำจิตให้สงบ คือ ถึงฌานด้วย
    <O:p></O:p>
    ปักขิยะ แปลว่า ที่เป็นฝ่าย
    <O:p></O:p>
    โพธิปักขิยธรรม จึงมีความหมายว่า ธรรมที่เป็นฝ่ายให้รู้ถึงฌานและให้รู้ถึง มัคคผล เลยแปลกันสั้น ๆ ว่า ธรรมที่เป็นเครื่องให้ตรัสรู้
    <O:p></O:p>
    โพธิปักขิยสังคหะ
    เป็นการรวบรวมธรรมที่เป็นเครื่องตรัสรู้มาแสดงโดยย่อ ดังนี้
    <O:p></O:p>
    ฉันทะ ๑, จิต ๑, ตัตรมัชฌัตตุเบกขา ๑, สัทธา ๑, ปัสสัทธิ ๑, ปีติ ๑, สัมมาทิฏฐิ ๑, สัมมาสังกัปปะ ๑, สัมมาวายามะ ๑, วิรตี ๓, สัมมาสติ ๑ และ สัมมาสมาธิ ๑ รวมสภาวธรรม (หรือองค์ธรรม) ๑๔ นี้ มีธรรม ๓๗ ประการ ด้วยกัน และรวมได้เป็น ๗ กอง นี่แหละเรียกว่า โพธิปักขิยสังคหะ
    <O:p></O:p>
    มีอธิบายว่า โพธิปักขิยสังคหะนี้ รวบรวมกล่าวถึง โพธิปักขิยธรรม ๗ กอง เป็นธรรม ๓๗ ประการ จึงเรียกว่า โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ในธรรม ๓๗ ประการนี้ เมื่อนับเฉพาะองค์ธรรม (ที่ซ้ำกันไม่นับ) ก็ได้องค์ธรรมหรือสภาวธรรม ๑๔ องค์<O:p></O:p>
    อีกนัยหนึ่งแสดงว่า องค์ธรรมมี ๑๕ โดยแยกปัสสัทธิ ๑ ออกเป็น ๒ คือ<O:p></O:p>
    กายปัสสัทธิ ๑ และ จิตตปัสสัทธิ ๑ เมื่อนับแยกดังนี้จึงเป็น ๑๕

    <O:p>[​IMG]</O:p>
    <O:p>
    โพธิปักขิยสังคหะ ๗ กอง เป็นโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการนั้น ได้แก่<O:p></O:p>
    ๑. สติปัฏฐานมี ๔ ประการ<O:p></O:p>
    ๒. สัมมัปปธานมี ๔ ประการ<O:p></O:p>
    ๓. อิทธิบาทมี ๔ ประการ<O:p></O:p>
    ๔. อินทรียมี ๕ ประการ<O:p></O:p>
    ๕. พละมี ๕ ประการ<O:p></O:p>
    ๖. โพชฌงค์มี ๗ ประการ<O:p></O:p>
    ๗. มัคคมี ๘ ประการ<O:p></O:p>
    <BIG>
    </BIG>
    [​IMG]<SMALL><SMALL>
    </SMALL>จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ<SMALL>
    </SMALL></SMALL>
    </O:p>
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post680586 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">30-08-2007, 11:14 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #8014 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_680586", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค



    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 07:19 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 25,566
    Groans: 108
    Groaned at 103 Times in 55 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 14,223
    ได้รับอนุโมทนา 161,896 ครั้ง ใน 21,689 โพส
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 14145 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_680586 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->http://www.dharma-gateway.com/monk/p...-charun-02.htm


    วิธีแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล
    พระเทพสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม)
    วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
    (เทศน์ให้พระสงฆ์ฟัง มิได้เทศน์ให้ฆราวาสฟัง)
    [​IMG]

    โพสท์ในลานธรรมเสวนา กระทู้ที่ 003600 โดยคุณ : สยาม [ 25 ต.ค. 2544]
    ท่านเถรานุเถระและพระนวกะทั้งหลาย วันนี้ผมจะเรียนถวายวิธีแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล ท่านเป็นพระบวชใหม่ยังไม่เข้าใจ ขอให้ตั้งใจฟัง อย่าวอกแวก ทำใจให้สงบ ตั้งสติก่อน ผมทำได้ผลแล้วนะ จะสอนถวายอุทิศให้ตั้งสติหายใจยาว ๆ ตอนที่กรวดน้ำเสร็จแล้วอธิษฐานจิตไว้ก่อน อธิษฐานจิตหมายความว่า ตั้งสติสัมปชัญญะไว้ที่ลิ้นปี่ สำรวมกาย วาจา จิต ได้ตั้งมั่นแล้ว จึงขอแผ่เมตตาไว้ในใจสักครู่หนึ่ง แล้วก็ขออุทิศให้บิดามารดาของเราว่าเราได้บำเพ็ญกุศล ท่านจะได้บุญได้ผลแน่ ๆ เดี๋ยวนี้ด้วย ผมเรียนถวายนะ มิฉะนั้นผมจะอุทิศไปยุโรปได้อย่างไร ท่านทั้งหลายไม่สนใจไม่เป็นไรนะ ผมทำของผมได้ผลเองโดยแผ่เมตตาก่อน บางทีสอนกรรมฐานกัน อุทิศกันแล้วทำอะไรก็ไม่ได้ผล กรรมฐานก็ไม่ได้ ประโยชน์อานิสงส์ก็ยังไม่ได้ แผ่ไม่ออกนะ ไม่ได้ผล เป็นบาปเปล่า ๆ
    หายใจยาว ๆ ตั้งสติก่อน หายใจลึก ๆ ยาว ๆ แล้วก็แผ่เมตตาก่อน มีเมตตาดีแล้ว ได้กุศลแล้ว เขาก็อุทิศเลย อโหสิกรรม ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่พยาบาทใครอีกต่อไป และเราจะขออุทิศให้ใคร ญาติบุพเพสันนิวาสจะได้ก่อน ญาติเมื่อชาติก่อนจะได้มารับ เราก็มิทราบว่าใครเป็นพ่อแม่ในชาติอดีต ใครเป็นพี่น้องของเราเราก็ไม่ทราบ แต่แล้วเราจะได้ทราบตอนอุทิศส่วนกุศลนี้ไปให้ เหมือนโทรศัพท์ไป เขาจะได้รับหรือไม่ เราจะรู้ได้ทันที
    ขณะที่ท่านสวดมนต์อุทิศให้ว่า ยาเทวตา...., อิมินา.... เป็นต้น ท่านจะรู้นะว่าย้อนกลับมา เหมือนเราโทรศัพท์ไป อ๋อ มีคนรับ เขาจะย้อนตอบเราว่าฮัลโหล เป็นต้นนี่ก็เช่นเดียวกัน เราจะปลื้มปีติทันทีนะ เราจะตื้นตันขึ้นมาเลย ถ้าท่านมีสมาธิ น้ำตาท่าจะร่วงนะ ขนพองสยองเกล้าเป็นปีติเบื้องต้นถ้าท่านมาสวดมนต์กันส่งเดช ไม่เอาเหนือเอาใต้ ท่านไม่อุทิศ ท่านจะไม่รู้เลยนะ ขอฝากท่านนวกะไว้ด้วย วันนี้ท่านทำบุญอะไร สร้างความดีอะไรบ้าง ดูหนังสือ ท่องจำบทอะไรได้บ้าง ก็อุทิศได้เมืองฝรั่งเขาไม่มีการทำบุญ เราไปทอดกฐิน ผ้าป่า ถวายสังฆทาน เขาทำไม่เป็น แต่ทำไมเขาเป็นเศรษฐี ทำไมเขามีความเจริญทางด้านเทคโนโลยี ทำไมถึงเจริญด้วยอารยธรรมของเขา เพราะเขามีบุญวาสนา เขาตั้งใจทำ มีกิจกรรมในชีวิตของเขา
    จะยกตัวอย่าง วันนี้เขาค้าขายได้เป็นพันเป็นหมื่นด้วยสุจริตธรรม เขาก็เอาอันนั้นแหละอุทิศไป วันนี้เขาปลูกต้นไม้ได้มากมาย เขาก็เอาสิ่งนี้อุทิศไปว่าได้สร้างความดีในวันนี้ ไม่ได้อยู่ว่างแต่ประการใด เขาก็ได้บุญ ไม่จำเป็นต้องเอาสตางค์มาถวายพระเหมือนเมืองไทย ถวายสังฆทานกันไม่พัก ถวายโน่นถวายนี่แต่ใจเป็นบาป อุทิศไม่ออก บอกไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น จะไม่ได้อะไรเลยนะเมืองไทยนี่ผมพูดมานาน ส่วนใหญ่ปากเป็นบุญใจเป็นบาปทั้งนั้น รับศีลแล้วก็ไปดื่มเหล้า รับศีลแล้วก็ไปเล่นการพนัน นี่ ใจไม่ยอมรับ ดื้อด้าน เพราะไม่ได้ปฏิบัติธรรมฝรั่งเขามีธรรมะ ผมไปยุโรปมา ๕ ประเทศ เขามาถามธรรมะกันมาก แต่คนไทยมาขอบุญช่วย มาวัดแต่ละรายมีแต่ให้ช่วยทั้งนั้น แต่เขาไม่มีโอกาสจะช่วยตัวเองเลยนะ ขอฝากท่านทั้งหลายไว้ด้วย ที่ผมไปประสบมา
    ที่ผมแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล ไปเข้าบ้านลูกสาวญวนที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ทำอย่างนี้นะ เวลาสวดมนต์ อิติปิโส... ยาเทวตา... ตั้งใจสวดด้วยภาษาบาลีเช่นนี้ ที่หยุดเงียบไปน่ะ ผมสำรวมจิตตั้งสติแผ่เมตตา จิตสงบดีแล้วจึงอุทิศไปบางองค์ไม่เอา เอามือลง ไม่อธิษฐาน ท่านจะไม่ได้อะไร แล้วสวดกันก็ได้ด้วย ที่ท่องจำโคลงให้ได้น่ะเพื่อให้คล่องปาก ว่าให้คล่องปากแล้วก็จะคล่องใจ คล่องใจแล้วถึงจะเป็นสมาธิ เป็นสมาธิแล้วถึงจะอุทิศได้ ไม่อย่างนั้นไม่ได้นะเอาตำรามาดูกันก็ไม่ได้ผล แต่ดูตำราเพื่อให้ถูกวรรคตอน และให้คล่องปาก แล้วจะได้คล่องใจ เป็นสมาธิ ถึงจะมีกำลังส่งอุทิศ ไม่อย่างนั้นไม่มีกำลังส่งเลยนะท่านบัณฑิตทั้งหลาย ที่ท่านมาบวชกันสนใจเอาไปเลยครับ ผมจะถวาย ไม่สนใจเอาของผมทิ้งไว้ ท่านจะไม่ได้ผลอะไรเลย เสียเวลาการมาก ผมคิดเสมอว่า หนึ่งนาทีเท่ากับหนึ่งตำลึงทอง ชีวิตของท่านมีค่าไหม ที่ผมพูดมานานท่านจะตีความหมายไม่ออกชีวิตท่านมีค่ามากยิ่งกว่าเพชรนิลจินดา ท่านจะรู้ว่าเวลามีประโยชน์ บวชเก่าบวชใหม่ถ้าไม่ได้ทำประโยชน์ของตนก็ไร้ประโยชน์พวกฝรั่งคาทอลิก ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าพุทธ เขานั่งกรรมฐานเยอะและได้ผลนะ ผมไปเห็นอารยธรรมของประเทศต่าง ๆ เขาเจริญจริง ๆ เขาสะอาดจริง ๆ เขาไม่มีการถวายสังฆทาน กฐินผ้าป่าเขาก็ไม่มี คนไทยทัวร์กฐิน ทัวร์ผ้าป่าไปตามสภาพ มากันเป็นพัน มาทานข้าวแล้วยังด่าเราเสียอีก นี่แหละปากเป็นบุญ ใจเป็นบาป
    การอุทิศส่วนกุศล นี่สำคัญนะ แต่ต้อง แผ่เมตตา ก่อน แผ่เมตตาให้มีสติก่อน แผ่เมตตาให้มีความรู้ว่าเราบริสุทธิ์ ใจมีเมตตาไหม และอุทิศเลย มันคนละขั้นตอนกันนะแผ่เมตตากับอุทิศมันต่างกัน ทำใจให้เป็นเมตตาบริสุทธิ์ก่อน ไม่อิจฉา ไม่ริษยา ไม่ผูกพยาบาทใครไว้ในใจ ทำให้แจ่มใส ทำใจให้สบาย คือเมตตา แล้วเราจะอุทิศให้ใครก็บอกกันไป มันจะมีพลังสูง สามารถจะอุทิศให้คุณพ่อคุณแม่ของเรากำลังป่วยไข้ ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ เช่น วีโก้ บรูน ชาวนอรเวย์ ที่เคยมาบวชที่วัดนี้ เป็นต้น
    วันนี้ผมจะถวายความรู้เกี่ยวกับการอุทิศส่วนกุศล โปรดฟังต่อไป
    เรามาสวดมนต์ไหว้พระกันว่า โยโสภะคะวา....ใจเป็นบุญไหม สวากขาโต... สุปฏิปันโน...ใจเป็นบุญไหม ท่านจะฟุ้งซ่านไปทางไหน สำรวมอินทรีย์ หน้าที่คอยระวัง เอาของจริงไปใช้ อย่าเอาของปลอมมาใช้เลย ท่าจะเอาบุญหรือเอาบาป คืนหนึ่งกับวันหนึ่ง ท่านคิดนอกออกในอย่างไร จะรู้ได้ด้วยตัวของท่านเองนะ ท่านทำประโยชน์อะไรในวันนี้ เอามาตีความ สำรวมตั้งสติไว้ก่อน ว่าขาดทุนหรือได้กำไรชีวิต และจะไปเรียงสถิติในจิตใจเรียกว่าเมตตา แปลว่าระลึกก่อน เมตตาแปลว่าปรารถนาดีกับตนเอง สงสารตัวเองที่ได้สร้างความดีหรือความชั่วเช่นนี้ วันนี้เราดูหนังสือได้อะไรบ้าง ไม่จำเป็นต้องเอาสตางค์ไปทำบุญเลย วันนี้เราอ่านหนังสือ ท่องนวโกวาทได้ วันนี้ดูธรรมะได้ วันนี้ท่องสวดมนต์ไหว้พระได้ นั่นแหละท่านจะตื้นตัน ท่านจะปีติ ท่านจะยินดี ที่อ่านหนังสือ ท่องบ่น ท่องจำนวโกวาทได้ นั่นแหละเป็นบุญ เป็นคุณประโยชน์ของท่านเอง ในเมื่อเป็นคุณประโยชน์ของท่านแล้ว ท่านจะได้อะไรต่อไป เกิดปีติตอบแทน ปลื้มใจ ดีใจ อันถูกต้องเป็นมงคล มงคลเรียกว่า การปลื้มปีติยินดีในธรรม ได้ผลสมคาดปรารถนา เป็นการสร้างกุศลให้แก่ชีวิตของตนใช่หรือไม่
    ท่านทั้งหลายอย่าสร้างอกุศลกรรม สร้างมงคลไว้เถอะ อย่าสร้างอัปมงคลทุกวัน ทำอะไรไม่เชื่อฟัง นั่นแหละเป็นอัปมงคล เป็นอกุศลกรรม เอาดีไม่ได้หรอกครับ ขอเรียนถวายว่า ไม่จำเป็นต้องมีสตางค์เอาไปถวายพระ ไปถวายโน่น ถวายนี่ แล้วก็เป็นบุญ ไม่จริงแน่ ๆ บุญต้องสะสมไว้ในจิตใจของท่าน นะครับ พระนวกะที่รักทั้งหลาย โปรดคิดความหมายและเครื่องหมายแห่งความดีนี้ก่อน ความดีเป็นเครื่องหมายของคนดี ความชั่วเป็นเครื่องหมายของคนชั่ว เครื่องหมายของคนดี ดูลักษณะอย่างการบวชนี้เป็นต้น เราชายชาติเชื้อดีครั้งเดียวนะครับคือบวช เราจะไม่มีโอกาสทำดีเชียวหรือ ท่านออกแขกไม่ดีแล้ว ท่านจะเล่นตลอดชีพเลวร้าย ในยามแก่ก็จะแย่ซิ จะเป็นอัมพาต นอนร้องครวญครางในภายหลังนะ และอกุศลจะย้อน ทำให้สร้างความดีไม่ได้ ท่านจะไม่ได้อะไรเลย นอกเหนือจากไม่ได้แล้วต้องขาดทุนด้วย เสียหายด้วย ถ้าเสมอตัวไปก็ดี แต่เสมอตัวมีทางขาดทุน ถ้าได้กำไรชีวิตแล้วกำไรก็จะได้งาม ท่านมีความประสงค์สิ่งใดท่านจะได้ผลนี้เป็นประโยชน์มาก
    ท่านนวกะ วันหนึ่งและคืนหนึ่ง ท่านได้สะสมบุญ ดีใจในความสุข ที่ท่านได้ท่องหนังสือได้ ท่องสวดมนต์ไหว้พระได้ ดีใจไหม ปลื้มปีติยินดี จิตใจของท่านก็เบิกบานได้ท่องหนังสือ ได้พิจารณาปัจจัย ๔ ได้ท่องสวดมนต์ไหว้พระ ทำวัตรเช้าเย็น ได้หมดแล้ว นั่นแหละบุญ ปลื้มปีติยินดีในจิตใจของท่าน ถ้าท่านจะคิดว่าบวชเดี๋ยวเดียวก็สึกไป อย่าคิดอย่างนั้นนะท่านจะขาดทุนนะ คิดแล้วขาดทุน ท่านจะเสียใจในขณะนั้น ถ้าท่านมีสติดี ท่านจะรู้ได้ว่า ท่านขาดทุนหรือได้กำไร ชีวิตนี้คืออะไร ท่านจะตีความหมายของท่านได้ ไหน ๆ มาบวชกันไกลแสนไกลแล้ว ให้มันได้อะไรไปบ้าง ฟังอุปัชฌาย์พูดบ้าง อย่าเอาแต่อารมณ์ อย่าเอาแต่สิ่งที่ไร้สาระ อุปัชฌาย์ชอบอะไรหรือ ชอบเอาของดีให้ อย่าเอาของชั่วมาปนของดี ของดีจะเสีย ท่านเป็นบัณฑิตแล้ว มีปริญญากันทั้งนั้น และเป็นผู้มีอายุไม่ใช่เด็กแล้ว เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทุกรูป ผู้ใหญ่คือผู้มีคุณธรรมแล้ว คุณธรรมของท่านผู้ใหญ่จะเต็มไปด้วยเมตตา เต็มไปด้วยความปรารถนาดี และสงสารสรรพสัตว์ สงสารตัวเอง มีมุทิตาจิต ส่งกระแสจิตด้วยความดีใจ และวางอุเบกขาบางประการที่ไม่ต้องประสงค์ วางตนให้เป็นกลาง ไม่ปล่อยอารมณ์ไปเข้าข้างโน้น เข้าข้างนี้ และไม่เข้าข้างตัวเองด้วย เรียกว่า อุเบกขาของท่านผู้ใหญ่ เราก็เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทุกรูปแล้วไม่ใช่เด็ก มีคุณธรรมสูงทุกองค์ มีสมบัติมนุษย์ทุกองค์ และมีคุณค่าทุกองค์ ค่าของชีวิติมนุษย์ มันตีค่าราคาไม่ได้เลย มันสูงที่สุด ชีวิตมีค่าอย่างนี้ ท่านจะคิดว่าเวลาน่ะมีประโยชน์เหลือเกินนะครับ ท่านโปรดตีความหมาย ไม่ใช่มาบวชกันเล่นสนุกสนาน เราเป็นชายชาติเชื้ออย่าเหลือวิสัย ได้ชีวิตครั้งแรกคือการบวช ท่านจะอวดเขาได้ไหม นี่ชีวิตครั้งเดียวนะ ไม่ใช่ผลุบเข้าผลุบออกเหมือนอย่างเก่า บวชแล้วบวชอีก เหมือนบวดกล้วย บวดฟักทอง ใช้ไม่ได้
    การบวชเป็นชีวิตครั้งแรกของลูกผู้ชาย ที่เรามาชุบตัวเอง เหมือนเงาะป่าโดดลงไปในบ่อทองฉะนั้น และเราก็เอาทองเกลือกกลั้วในจิตใจ เงาะป่าจะได้ดีเพราะพูดไม่เป็น มันเป็นใบ้ มันสวนเงาะ
    กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ทำความเพียรมาก คือ เงาะป่า
    ต่อไปจะถอดเงาะเป็นพระสังข์ทองนะ รูปตัวเป็นทองหล่อหลอมด้วยจิตใจ มีประกายด้วยธรรมะ แสงระยิบระยับทั่วโลก จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองไม่เหมือนหกเขยหน้าโง่ ตาก็โง่ หูก็โง่ จมูกก็โง่ ปากก็โง่อีก ทวารหกโง่หมด เรียกว่าหกเขย สู้เงาะป่าผู้เดียวไม่ได้เลย รจนายาใจ อยู่หลายไร่ปลายนา ยังมีความสุขความเจริญ เป็นมหามงคลชีวิต อยู่ตรงนี้นะ แต่ทุกคนไม่เข้าใจที่มาบวชกันนี้ ท่านเก็บหน่วยกิตไว้เถอะ ทีละหยดทีละหยาดเป็นบาปหรือเป็นบุญ เป็นคุณหรือเป็นประโยชน์ ประโยชน์จะถึงได้กับท่านตรงไหน ท่านรู้ตัวของท่านเองนะครับ ผมไม่ไปรู้ของท่านหรอก ไม่อยากรู้ของใคร อยากรู้ของตัวเองว่าทำอะไรบ้าง มีกำไรชีวิตอะไรบ้างในวันนี้ ทำประโยชน์ต่อวัดวาอารามตรงไหน กิจวัตรอย่างไร เรารู้ตัวของเรา แจ้งแก่ใจทุกรูปทุกนามแล้ว ไม่มีใครตีตราให้ท่าน ท่านต้องตีตราของท่านเองนะ เรือจะออกระวัง เรือจะจอดระวัง แต่วิ่งเสียแล้วมันก็ไม่เป็นไร เหมือนเครื่องบิน เวลาจะขึ้นจะลงต้องรัดเข็มขัด การบวชนี้ก็เช่นเดียวกัน จะบวชจะสึกต้องดูให้ดีนะ คิดให้ยาว จะอยู่แค่หัวบันไดหรือประการใด โปรดท่องคำคมนี้ไว้ จะเห็นสั้นดีกว่ายาว หรือเห็นยาวดีกว่าสั้น ต้องคิดแล้วคิดอีกนะ ใน โยนิโสมนสิการ นี้ ผมยังไม่เคยเห็นใครแผ่เมตตาได้ผลเป็นตัวหนังสือเลยนะ ลมหายใจเข้าออกนี่เป็นตัวหนังสือได้ จะสอนครูกรรมฐานก็ยังทำกันไม่ได้ ยืนหนอ ๕ ครั้งก็ทำกันไม่ได้ ยังเคลือบแคลงสงสัยว่าตรงไหนเป็นอะไร ขอเรียนถวายว่า การแผ่เมตตานี่สำคัญมาก
    เวลาเราสวดมนต์ตั้งแต่ โยโสภควา... อรหัง… โปรดตั้งใจครับ เพ่งกระแสจิตไปที่พระปฏิมากรรม แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยจิตเป็นสมาธิ แล้วรำลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยสมาธิ ข้าพเจ้าประพฤติธรรม นึกถึงพระสังฆะ แปลว่า หมู่สงฆ์อยู่ด้วยความสามัคคี เรียกอาวุโส ภันเต มีการเคารพพระอาวุโส มีการเคารพนบนอบพระธรรมคำสอนอันนี้เป็นประจำข้าพเจ้าขอไหว้พระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระธรรมคำสอน พร้อมด้วยพระสังฆะแห่งอริยสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทั่วหน้ากัน แล้วน้อมจิตเป็นดวงหทัย แก้วใสสะอาดหมดจดในการสวดมนต์ภาวนา
    พุทโธ สุสุทฺโธ
    รูปํ อนิจฺจํ เวทนา อนิจฺจา สญฺญา อนิจฺจา...
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณในร่างกาย ไม่เที่ยงแท้ ไม่แน่นอน และเราก็พิจารณาในการสวดไปด้วย จะได้บุญจะได้คุณประโยชน์และเราก็รวบรวมบุญขณะสวดมนต์ในวันนี้ เอามาเป็นพลวปัจจัย เวลาสุดท้ายก็มี
    ยาเทวตา...
    อิมินา.... เป็นต้น
    และเราก็ว่าไปด้วยเสียงดังฟังชัด และน้อมนึกสรุปจบลงก็นั่งสมาธิ สำรวมจิตภาวนา หลับเนตรร่ายเวทย์พระคาถา ภาวนาอุทิศ เรียกว่า แผ่เมตตา หายใจยาว ๆ ตั้งกัลยาณจิตไว้ที่ลิ้นปี่ ไม่ใช่พูดส่งเดช จำนะ ที่ลิ้นปี่เป็นการแผ่เมตตา จะอุทิศก็ยกจากลิ้นปี่สู่หน้าผาก เรียกว่า อุณาโลมา ปจชายเต
    นะอยู่หัว สามตัวอย่าละ นะอยู่ที่ไหน ตามเอามา แล้วก็อุทิศทันที จึงถึงตามที่ปรารถนา ไม่ว่าเป็นโยมพ่อ โยมแม่ จะให้น้องเรียนหนังสือ จะให้พี่เรียนหนังสือ หรือจะให้บุตรธิดาของตน จะได้ผลขึ้นมาทันที
    ลูกว่านอนสอนยาก ลูกติดยาเสพติด ถ้าทำถูกวิธีแล้ว มันจะหันเหเร่มาทางดีได้ พ่อแม่กินเหล้าเมายา เล่นการพนัน ลูกจะไปสอนพ่อแม่ไม่ได้ มีทางเดียวคือ เจริญพระกรรมฐาน สำรวมจิต แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล
    นะอยู่หัว สามตัวอย่าละ นะอยู่ที่ไหนตามเอามาให้ได้ หมายความว่ากระไร ถ้าท่านทำกรรมฐาน ท่านจะทายออก นะตัวนี้สำคัญ
    นะ มีทั้งเมตตามหานิยม
    นะ แปลว่า การกระทำอกุศลให้เป็นกุศล
    นะ แปลว่า ทำศัตรูให้เป็นมิตร สร้างชีวิตในธรรม
    แล้วก็อุทิศส่วนกุศลไป ท่านทำได้หรือยัง ท่านเถรานุเถระท่านทำได้ไหม อย่าทำด้วยอารมณ์ อย่าทำด้วยความผูกพยาบาท อาฆาตต่อกัน ละเวรละกรรมเสียบ้าง แล้วจิตจะโปร่งใส ใจก็จะสะอาด แล้วก็อุทิศไป
    จิตมันไม่ติดไฟแดง จิตไม่เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา จิตมันทะลุฝาผนังได้ ท่านเข้าใจคำนี้หรือยัง จิตมันตรงที่หมาย จิตไม่มีตัวตน จิตคิดอ่านอารมณ์ มีจิตโปร่ง ท่านจะทำอะไรก็โล่งใจ สบายอกสบายใจ นะอยู่หัว สามตัวอย่าละ เอานะไปอุทิศให้ได้
    ถ้าท่านมีครอบครัวแล้วโปรดตั้งปฏิญาณในใจว่า ให้บุตรธิดาของเรารวยสวยเก่ง เร่งเป็นดอกเตอร์ อย่างนี้ซิถึงจะถูกวิธีของผม
    ท่านจะสะสมว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง เช่น วันนี้ข้าพเจ้าท่องหนังสือได้ ท่านจะดีใจไหม วันนี้ปลูกมะม่วงไปได้ร้อยต้น ปลูกกล้วยไปได้ร้อยต้น ดีใจมาก นั้นแหละอุทิศได้ ไม่ต้องนำสตางค์ไปถวายวัดโน้นวัดนี้หรอกนะ ถวายตัวเอง ทำความดีให้กับตัวเอง และเอาความดีแพร่ขยายไปถึงจะถูกต้อง
    ขอฝากพระนวกะไว้ด้วย ท่านต้องการอะไร เตรียมการ ณ บัดนี้ เข้าพรรษามา ๑ วันพระแล้ว จะเรียนหนังสือหรือไม่เรียน ท่านคิดเอาเองนะ มีไหมที่ผมให้ความชั่วท่าน มีแต่ให้ระเบียบวินัย ทำอะไรให้เรียบร้อย ทำอะไรให้คล้อยตาม ปฏิบัติตาม จะสวยน่ารัก ขอเรียนถวายไว้ ผมก็คำนวณให้ท่าน แผ่เมตตาให้ท่านทุกวัน ผู้รู้นะว่าท่านบาปหรือบุญ แต่ไม่พูด ใครอยากพูดก็พูดไป ไม่กล่าวขวัญกันอีกต่อไป
    ท่านสรุปกำไรชีวิตแต่ละวันเวลาของท่านไว้ บวกลบคูณหารตอนออกพรรษา ท่านจะได้กำไรหรือขาดทุน ท่านจะได้บุญมากหรือบาปมาก ท่านจะรู้เอง ไม่มีใครไปบอกท่านหรอก ท่านเป็นพระภิกษุผู้ประเสริฐแล้ว เป็นอุดมเพศสูงสุดแล้ว ไม่ต้องไปนับคะแนนกันว่าสอบได้หรือสอบตก ท่านตรองดูเองเถอะครับ ว่า ทำอะไรเป็นประโยชน์แก่วัด อำนวยประโยชน์แก่ประชาชน สร้างกุศลอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ญาติโยมบ้าง อย่าเข้าข้างตัวเองนะครับ ท่านจะเสียศักดิ์ศรี
    ท่านปฏิบัติกรรมฐานอย่างที่ผมเรียนถวายได้หรือไม่ รู้กฎแห่งกรรมจริงไหม รำลึกชาติของชีวิตได้ไหม และ แก้ปัญหาได้ไหม มันเกิดขึ้นเฉพาะหน้า มันมาจากเหตุผลประการใด ท่านทราบหรือไม่ ท่านรู้อย่างนี้จะเหลือกินเหลือใช้นะ เป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลายแล้ว วันนี้เป็นวันธรรมสวนะ เป็นวันพระ เป็นวันที่เราจะบำเพ็ญกุศลกันให้มาก และเป็นวันที่เขาหยุดเมืองสวรรค์นรก ขอให้ท่านนวกะโปรดแผ่เมตตาอุทิศให้ บรรดาญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว สู่สัมปรายภพ มาปรารภสามัคคี เรียกว่า สามัคคีธรรมนำสันติสุข เป็นการปรองดองเป็นญาติพี่น้องท้องเดียวกัน ท่านจะเกิดประโยชน์เอง
    อย่าลืม กฎแห่งกรรม นะครับ ผมช่วยท่านไม่ได้หรอก มีฟ้าเหนือฟ้า อะไรจะเหนือกฎแห่งกรรมนะครับ ต่อหน้าทำอย่างไร ลับหลังให้ทำอย่างนั้น ทำอะไรให้มีประโยชน์ต่อส่วนรวม รับรองได้เลยว่า ท่านจะได้อานิสงส์เป็นสังฆทาน เป็นสาธารณประโยชน์ร่วมกัน ได้อานิสงส์มาก ท่านไปขุดน้ำกินเสียบ้านเดียว ท่านจะได้อะไรหรือ ขุดบ่อน้ำสาธารณะกินได้ทุกบ้าน ใครมาก็กิน ใครมาก็ใช้ ท่านได้บุญมาก มีถนนส่วนบุคคล ท่านเดินได้เฉพาะบ้านเดียว ไม่สาธารณะแก่คนทั่วไป ท่านจะได้บุญน้อยมาก มีอานิสงส์น้อยมาก นี่เปรียบเทียบถวาย
    เรื่องจริงเป็นอย่างนั้น ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อกัน อย่าหวงกัน จะได้ช่วยกันต่อไป เราจะได้มีสมัครพรรคพวกมากขึ้น ได้พี่น้องมากขึ้น ทำอะไรถึงจะสำเร็จ ได้บรรยายให้ท่านฟังว่าแผ่ส่วนกุศลทำอย่างไร อุทิศตรงไหน ทำใจตรงนั้น และวางจิตไว้ตรงไหน ถึงจะได้ อย่าลืมนะ ที่ลิ้นปี่ หายใจยาว ๆ สำรวมเวลาสวดมนต์นั้นน่ะได้บุญแล้ว ไม่ต้องเอาสตางค์ไปถวายองค์โน้น องค์นี้หรอก แล้วสำรวมจิตส่งกระแสจิตที่ หน้าผาก อุทิศส่วนกุศล
    เวลาแผ่เมตตาเอาไว้ที่ ลิ้นปี่ สำรวมอินทรีย์ หน้าที่คอยระวัง นะ อุ อุอะมะ อุอะมะ อะอะอุ นะอยู่ตรงไหน เอามาไว้ตรงไหน จับให้ได้แล้วอุทิศไป
    เวลาจะอุทิศส่วนกุศลตรงไหน ทำอย่างไร ท่านจะได้นะครับ อย่าทำโดยคลุมเครือ เดาสุ่มไป ท่านจะไม่ได้ผล ทำอะไรไม่มีหลักฐานะ ทำอะไรไม่มีผลงาน ไหนเลยล่ะจะเป็นกิจกรรมของชีวิตได้ ผมทำมา ๔๐ กว่าปีแล้ว ทำได้ผล ขอถวายความรู้เป็นบุญ เป็นกุศล ให้ท่านได้บุญอย่างประเสริฐไป จะได้อุทิศให้โยมเขา เขาเป็นโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าไม่เหลือวิสัยมันก็หายได้
    วันนี้ก็ขอจบรายการที่ได้อุตส่าห์ถวายความรู้ท่าน โดยที่ผมก็อาพาธมากมาย แต่ก็จะไม่ให้ขาดการถวายความรู้ท่าน เพื่อไม่ให้เสียเวลาที่ท่านมาบวช ก็ได้โปรดเห็นใจ อย่าลืมว่า ความเรียบร้อย ต้องคล้อยตามนะ ถ้าอย่างนั้นไม่เรียบร้อยเลย
    ขอความสุขสวัสดีจงมีงอกงามไพบูลย์แก่ท่านพระเถระนวกะ ขอท่านเจริญรุ่งเรือง เจริญธรรมสัมมาปฏิบัติในพระกรรมฐาน งอกงามไพบูลย์ในพระพุทธศาสนา มีความสุขโดยทั่วหน้ากัน และจงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ นึกคิดสิ่งหนึ่งประการใด ให้สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกันทุกรูป ทุกนาม ณ โอกาสบัดนี้เทอญ
    จากคุณ : สยาม [ 25 ต.ค. 2544]
    [​IMG]
    <!--BEGIN WEB STAT CODE----><SCRIPT language=javascript1.1> page="วิธีแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.1 src="http://hits.truehits.in.th/data/i0017685.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_donate_1.8.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_donate_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.2>sv=1.2;ss=screen.width+'*'+screen.height;sc=(bn=='MSIE')?screen.colorDepth:screen.pixelDepth;if(sc==udf){sc='na';}</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.3>sv=1.3; </SCRIPT>
    <!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post677804 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">29-08-2007, 01:25 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #7945 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_677804", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค



    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 07:23 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 25,567
    Groans: 108
    Groaned at 103 Times in 55 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 14,223
    ได้รับอนุโมทนา 161,896 ครั้ง ใน 21,689 โพส
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 14145 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_677804 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ผมไปทานก๋วยเตี๋ยวมา ผ่านบ้านคนนึง มองเข้าไปเห็นเขาบูชาพระพุทธรูป ผมเห็นเขานำพวงมาลัยไปคล้องคอพระพุทธรูป เห็นแล้วสกิดใจ ก็เลยนำมาบอกกล่าวกัน เวลาที่นำพวงมาลัยไหว้พระนั้น ท่านไม่ใช่นักร้อง ถึงจะนำพวงมาลัยไปคล้องคอ ควรหาพานตั้งไว้ แล้วนำพวงมาลัยวางไว้บนพานจึงจะดีนะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องเก่า นำมาเล่าใหม่ เพราะเหตุใดจึงไม่มีการประมูลพระวังหน้าฯครับ
    http://palungjit.org/showthread.php?p=675747#post675747

    <TABLE class=tborder id=post675747 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">28-08-2007, 11:35 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#7861 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_675747", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค



    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 07:26 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 25,568
    Groans: 108
    Groaned at 103 Times in 55 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 14,223
    ได้รับอนุโมทนา 161,896 ครั้ง ใน 21,689 โพส
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 14145 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_675747 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message --><TABLE class=tborder id=post675093 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 11:35 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#8201 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_675093", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต



    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:34 AM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 14,218 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 16,702 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 77,187 ครั้ง ใน 10,586 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 9169 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_675093 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ตามที่ผมได้เปิดให้ประมูลพระพิมพ์เพื่อนำเงินไปสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตามนี้ครับ

    ****************************************************
    (วันที่ 22 สิงหาคม 2550)
    ผมเปิดให้ประมูล พระฐานผ้าทิพย์(พระบัณฑูร) พระวังหน้า มีการสร้างที่วังหน้า พิธีพุทธาภิเษกที่พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]

    จำนวน 1 ชุด (4 พิมพ์) (และท่านที่ประมูลได้ ผมมอบพระพิมพ์พิเศษ 2 หน้า ที่มีทั้งหมด 44 พิมพ์ ปี พ.ศ.2408 อีก 1 องค์ ,พระซุ้มไทรย้อย พระกรุวังหน้า สมัยอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พ.ศ.2145 เพิ่มเติมให้ รายละเอียดจะมีอยู่ในหนังสือปู่เล่าให้ฟังเล่มแรกครับ )

    การประมูลเริ่มต้นจำนวนเงิน 3,000 บาท ประมูลเพิ่มครั้งละไม่ต่ำกว่า 100 บาท

    เงินที่ประมูลให้ร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

    การร่วมทำบุญ สามารถร่วมทยอยทำบุญไปได้เรื่อยๆจนกว่าจะครบได้ครับ

    สิ้นสุดการประมูล วันที่ 31 สิงหาคม 2550 เวลา 9.09 น. A.M. (เวลาในเว็บพลังจิต)

    ผู้มีสิทธิ์เข้าประมูล ต้องเป็นผู้ที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่ลำดับที่ 1 ถึงลำดับที่ 224 เท่านั้น (รายนามผู้ร่วมทำบุญลำดับ 1 ถึงลำดับที่ 148 อยู่หน้าแรกในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ )
    และผมจะนำเงินจำนวนนี้ เข้ากองมหากฐิน สนส.ผาผึ้ง

    [​IMG]

    สำหรับท่านที่ไม่เคยร่วมทำบุญมาเลย สามารถร่วมประมูลได้โดยมีหลักเกณฑ์เพิ่มเติมดังนี้ คือเข้าร่วมประมูลตามปรกติ แต่เมื่อประมูลได้ ต้องร่วมทำบุญเพิ่มเติมอีกจำนวน 50,000 บาท


    [​IMG]
    เหรียญบาท ที่อยู่ในรูปนั้น ผมแสดงให้เห็นขนาดของพระพิมพ์ครับ

    พระพิมพ์ที่ผมมอบเพิ่มเติมให้คือ พระซุ้มไทรย้อย จำนวน 1 องค์ พระกรุวังหน้า สมัยอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พ.ศ.2145 เป็นพระที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 3 พระองค์คือ1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)เป็นองค์อธิษฐานจิตครับ
    [​IMG]
    (องค์ซ้าย พระซุ้มไทรย้อย)

    และพระพิมพ์ (พิเศษ 44 พิมพ์) จำนวน 1 องค์ เป็นพิมพ์สองหน้า เนื้อขาวลงรักปิดทอง มีกริ่งในตัว ด้านหนึ่งมีเขียนว่า ลาภ อีกด้านมีเขียนว่า โชค ลาภ เงิน ทอง
    [​IMG] [​IMG]

    เพิ่มเติม
    การมอบพระพิมพ์เพิ่มเติมสำหรับท่านที่ประมูลได้ตามจำนวนเงินที่ผมแจ้งมานี้นะครับ

    1.สิ้นสุดการประมูล มีผู้ที่ประมูลได้เกิน 15,000 บาท
    ผมจะมอบพระสมเด็จวังหน้า (เนื้อเป็นสีเดียว 6 องค์ 6 สี) ,พระสมเด็จ เนื้อปูนเพชร ผสมพระธาตุ 1 องค์
    [​IMG] [​IMG]

    2.สิ้นสุดการประมูล มีผู้ที่ประมูลได้เกิน 20,000 บาท
    นอกจากในข้อที่ 1.ที่ผมจะให้แล้ว
    ผมจะมอบพระกรุวังหน้าอยุธยา พิมพ์ซุ้มไข่ปลา 1 องค์ (องค์ด้านขวา)
    [​IMG]
    พระสมเด็จ เนื้อพระธาตุ (ของวังหลวง) 1 องค์
    [​IMG]
    และ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 1 ชุด 5 องค์ (เนื้อสีขาว ,เนื้อสีดำ ,เนื้อปัญจสิริ ,เนื้อกรมท่า)ครับ

    [​IMG]



    3.สิ้นสุดการประมูล มีผู้ที่ประมูลได้เกิน 30,000 บาท
    นอกจากข้อ 1 และข้อ 2 ที่ผมจะมอบให้แล้ว
    ผมขอมอบหยก จำนวน 8 ชิ้น และปี่เซี้ยเล็ก 1 คู่
    [​IMG]

    4.สิ้นสุดการประมูล มีผู้ที่ประมูลได้เกิน 40,000 บาท
    นอกจากข้อ1 , 2 , 3 ที่ผมจะมอบให้แล้ว
    ผมขอมอบพระกรุวังหน้าอยุธยา (พระพิมพ์นางพญาวัดโพธิ์ 1 องค์ ,พระซุ้มไทรย้อย 2 องค์ และพระซุ้มไข่ปลา 2 องค์)
    [​IMG]

    และชุดพระไกเซอร์ 1 ชุด (4 องค์) เนื้อขาว , เนื้อปัญจสิริ ,เนื้อกรมท่า และเนื้อขาวลงรักปิดทอง
    [​IMG]


    5.สิ้นสุดการประมูล มีผู้ที่ประมูลได้เกิน 50,000 บาท
    นอกจาก ข้อ 1 , 2 , 3 และ 4 ที่ผมจะมอบให้นั้น
    ผมขอมอบไม้ครู(วังหน้า) 1 ด้าม (หรือพระสมเด็จกลักไม้ขีด 1 องค์ อย่างใดอย่างหนึ่ง)
    พระสมเด็จ 1 ชุด (3 องค์)
    [​IMG]

    และพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา 1 ชุด (8 องค์)
    [​IMG]

    พระพิมพ์เกือบทั้งหมดในโพสนี้ ผมได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษก (ในชุดพิเศษ 3) เพิ่มเติมอีก ยกเว้น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เนื้อปัญจสิริ ที่ผมนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก (ในชุดพิเศษ 2) เพียงพิมพ์เดียวเท่านั้นครับ

    ขอให้ทุกๆท่านโชคดีครับ
    *********************************************


    ผมและทุกๆท่านขอขมาต่อองค์หลวงปู่ ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ ,หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ,หลวงปู่ท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ,หลวงปู่ทุกๆพระองค์ในคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และองค์เบื้องบนทุกๆพระองค์ ในสิ่งที่ผมได้นำพระพิมพ์ที่เป็นสิ่งที่สูงค่า และล้ำค่านำมาประมูล ผมขอขมาในสิ่งที่ผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ,ตั้งใจก็ดี ,ไม่ตั้งใจก็ดี ,เจตนาก็ดี และไม่เจตนาก็ดี โปรดขอให้อภัยแก่ผมและทุกๆท่านด้วย ผมขอสัญญาว่า ผมจะไม่นำพระพิมพ์ไปประมูลในทุกๆที่ ทุกๆกรณีครับ

    กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ

    ผมขอโทษทุกๆท่านที่ร่วมประมูลและจะร่วมประมูลพระพิมพ์ชุดนี้ ผมขอยุติการประมูลพระพิมพ์ชุดนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ

    ขอบพระคุณมากครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    มี pm เข้ามาถามผมครับ ผมขอตอบหน้าบอร์ดด้วย จะได้ทราบกันหลายๆท่านครับ
    <TABLE class=tborder style="BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>ข้อความส่วนตัว: ขอสอบถามครับ</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] วันนี้, 07:26 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>
    สมาชิก





    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ขอสอบถามครับ
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ผมสนใจร่วมทำบุญด้วย ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ
    1.ถ้าร่วมทำบุญแล้ว จะขอใบอนุโมทนาได้ไหมครับ เพื่อนำไปลดภาษีครับ
    2.เห็นในกระทู้ ให้แบ่งจ่ายเป็นงวดได้กี่งวดครับ

    ขอบพระคุณครับ
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ------------------------------------------------------

    การทำบุญ ขอใบอนุโมทนาบัตรได้ แต่ไม่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ เนื่องจาก ยังเป็นสำนักสงฆ์ ยังไม่ได้เป็นวัดครับ

    ส่วนการแบ่งจ่าย(ทยอยทำบุญ) ผมไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ว่า ต้องทำกี่ครั้ง แล้วแต่ในเดือนนั้นๆว่า จะทำได้เท่าไหร่ ไม่มีปัญหาครับ

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คิดถึงเพื่อนครับ


    <TABLE class=tborder id=post675936 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">28-08-2007, 01:09 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#7869 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_675936", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค



    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 07:26 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 25,568
    Groans: 108
    Groaned at 103 Times in 55 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 14,223
    ได้รับอนุโมทนา 161,896 ครั้ง ใน 21,689 โพส
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 14145 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_675936 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message --><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>ข้อความส่วนตัว: ชื่นชม</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px"><!-- status icon and date -->[​IMG] วันนี้, 01:02 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid" width=175>ขุนท้าว...<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 01:07 PM
    วันที่สมัคร: Mar 2006
    สถานที่: ทะเล
    ข้อความ: 830 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 3,230 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 4,182 ครั้ง ใน 684 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 518 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG] ชื่นชม
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->เรียนคุณสิทธิพงษ์
    โอนเงินแล้วนะค่ะ

    ขอชื่นชมคุณสิทธิพงษ์ค่ะ เรื่องการทำบุญ และมอบพระพิมพ์ คุณได้ทำในสิ่งที่อ้อยและสมาชิกหลายๆท่านคิดว่าถูกต้องแล้ว อ้อยชื่นชมค่ะ ที่อ้อยพูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าอ้อยไม่ชอบการประมูลหรือไม่มีปัญญาประมูล ความรู้สึกลึกของอ้อยน่าจะประกาศบอกบุญดีกว่า อ้อยเคยดูละคร ตอนที่มีการประมูลสมบัติล้ำค่า ผู้ที่ประมูลได้คือผู้ที่มีเงินมากเป็นส่วนใหญ่ ทำให้คนที่อยากจะได้จริงๆพลาดโอกาสที่ดีไป

    คุณสิทธิพงษ์เปลี่ยนวิธีการบอกบุญเสียใหม่ อ้อยคิดว่าทำให้สมาชิกหลายๆท่าน ได้มีโอกาสครอบครองวัตถุมงคลที่มีคุณค่าอย่างทั่วถึงค่ะ ยินดีด้วยนะค่ะ

    ปล.จะนำข้อความนี้ลงกระทู้ก็ได้นะค่ะ ยินดีค่ะ

    โมทนาบุญค่ะ​

    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    -----------------------------------------
     
  17. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า ขอแทรกบรรยากาศ หน่อยครับ องค์นี้ที่ว่าไม่ได้ตัดขอบ เนื้อลับลวง พรางครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2011
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. ksriuta

    ksriuta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,049
    ค่าพลัง:
    +2,966
    ขอบคุณครับ งั้นขอจองชุดที่ 3 จำนวน 1ชุดครับ แต่ขออนุญาตหลายเดือนหน่อยนะครับ โอนครบจะแจ้งให้ทราบครับ
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โมทนาด้วยครับ รบกวนช่วยบอกคำอ่านชื่อของคุณด้วยครับ ผมอ่านไม่ออกครับ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...