พบวัดพิลึก ห้ามไหว้พุทธรูป

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 26 กรกฎาคม 2008.

  1. สรานุวัฒน์ นวลคำ

    สรานุวัฒน์ นวลคำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +44
    ก่อนหน้าเคยนับถือท่านอยู่นะครับ
    แต่ท่านทำแบบนี้ความศรัทธาที่มีต่อท่านอาจารย์เกษม มันหายไปหมดเลยครับบบบบบบบ......

    เศร้าใจครับ....
     
  2. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    ความจริงยังไม่ปรากฏ.......ทำไมผู้ปฏิบัติธรรม ใฝ่ใจธรรมถึงตามกระแสกันแบบนี้หนอ
    เรื่องหลวงปู่ สื่อยังไม่หยุดนำเสนอหรอกครับ.....ต้องมีอีกแน่ ไม่เชื่อคอยดู
    ถ้าท่านเป็นฝ่ายผิดตามที่หลายคนสงสัย ท่านต้องโดนเล่นงานแน่ไม่ต้องหลังความตายหรอกครับ
    ต้องโดนตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่นี่แหละครับเพราะท่านก็ไม่ได้มี ยศ ตำแหน่ง เส้นสายใดๆทั้งสิ้น
    เป็นเพราะเรื่องราวของท่านมันเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนยุคนี้ สมัยนี้ สื่อจึงได้นำเสนอเพราะรู้ว่าขายได้


    ว่าแต่เฮียปอกับคุณ Slamb พาดพิงผมเองนะ สักวันความจริงปรากฏถ้าความเชื่อผมผิด ผมจะตั้งกระทู้ขอขมาพวกคุณเอง

    ถ้าสักวันคุณได้รับรู้ความจริงมากกว่านี้ คุณควรขอหัดขอขมาผู้ที่คุณล่วงเกินด้วยนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2008
  3. nanodent

    nanodent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,730
    ค่าพลัง:
    +943
    พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เดินสายกลาง การเดินสุดโต่งไม่ใช่หนทางพ้นทุกข์ ศาสนาอยู่รอดมาก็เพราะความศรัทธา การกราบไหว้ไม่น่าห้ามเพราะถ้ามองในแง่ดีสอนให้คนเราอ่อนน้อมมีสัมมาคาราวะ ส่วนเรื่องพระเครื่องวัตถุมงคลควรแยกแยะ ผมว่าพระเครื่องเป็นสัญญลักษณ์ของพระพุทธองค์นั้นไม่น่าห้ามนะ ส่วนวัตถุมงคลอย่างอื่นอาทิศิวะลึงฯลฯที่ไม่ได้เป็นสัญญลักษณ์ทางพุทธศาสนาผมเห็นด้วยกับหลวงพ่อ(น่าจะเป็นพราหมณ์และ/หรือฮินดูมากกว่าไม่ควรมาปนกันควรแยกจากกัน)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    [​IMG]
    เรื่องนี้สื่อทําถูกมาก ที่นําเสนอให้ประชาชนรู้เพราะ
    พระเกษมทําผิด ปรามาสพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจน
     
  5. บัณฑิต ธัมโม

    บัณฑิต ธัมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +396
    เป็นเรื่องที่ไม่น่าทำครับ
    หักล้างประเพณีวัฒนธรรมบรรพบุรุษ น่าสงสารนะครับ

    ปัญญา โลกัสมิง ชาคะโร ปัญญา เป็นเครื่องตื่น ในโลก
     
  6. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    39 อานิสงส์ปิดทองพระพุทธรูป

    ...... นัยว่าพระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล
    คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

    ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนคร
    เป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย

    ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช
    พระเจ้ามหารถราช ทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา
    เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่ง
    ใดหนอซึ่งมีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆจะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี
    จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้า
    ลงไปในแผ่นทองคำด้วยชาตหรคุณมีขนาดองค์ประมาณ 1 ศอก
    แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป
    พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ
    ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด
    พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม
    มิได้มีความเชื่อความเลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว
    ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด"

    อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ(พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือ
    ท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร
    ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชา
    พระพุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว 7 ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้น
    เหนือพื้นน้ำพญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ
    เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้
    ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนารับสั่ง
    ให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพระศอ
    ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้วทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ

    แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช
    พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี 6 ประการ
    จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่งอาทิคย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้น

    ในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์
    พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียร

    แล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก
    ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค
    แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น
    เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส
    แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง
    พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไปซื้อทอง
    ปิดพระพุทธรูป
    เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน "
    ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์
    เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา
    เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ
    เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป
    พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากร "
    ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์
    ในอนาคต " แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน
    พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์
    เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร


    http://palungjit.org/showthread.php?t=76575&page=2

    ------------------------------------------------------------------

    มีแต่จะหาทองมาปิด พระพุทธรูป...ไม่ใช่ทำลาย

    <!-- / message -->
     
  7. udomdej

    udomdej เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +177
    ....... กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ ...............
    .....ใครทำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลขอกรรมที่ตนกระทำ โดยเหมาะสม....
     
  8. chinasungkia

    chinasungkia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +852
     
  9. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    อืม..รู้สึกว่าแรงไปจริง ๆ จากป้ายที่ติดไว้
    เคยได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว ก็เฉย ๆ ฟังหูไว้หูครับ
    เพราะทราบว่าท่านเป็นพระป่าสายหลวงปู่มั่น (น่าจะเป็นรุ่นหลานศิษย์ ซึ่งไม่ได้พบกับหลวงปู่มั่นโดยตรง) ต่อมาได้อ่านหนังสือคำสอนของท่าน ก็รู้สึกขัดกับความเชื่อความรู้สึกของเราหลาย ๆ อย่าง ก็ได้แต่พยายามวางใจให้เป็นกลางไม่คิดอะไรมาก กลัวเป็นการคิดปรามาสพระสุปฏิปันโนเข้า

    มีพี่ที่ทำงานซึ่งศรัทธาพระป่าสายหลวงปู่มั่นพิมพ์หนังสือคำสอนของหลวงพ่อเกษมมาแจกเป็นธรรมทาน เราก็รับไว้ (จะไม่รับและบอกว่าไม่ค่อยศรัทธาแนวคำสอนของท่านก็เกรงใจ กลัวเป็นการทำลายกำลังใจของพี่เขา) อ่านนิด ๆ หน่อย ๆ ก็วาง

    เคยได้อ่านประวัติของท่านมาก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ค่อยลงใจนัก ตามประวัติบอกว่าท่านเคยไปขออยู่กับหลวงตามหาบัวฯที่วัดป่าบ้านตาด แต่หลวงตาไม่รับไว้แต่บอกให้ไปอยู่กับหลวงปู่หล้า เขมปัตโตแทน ท่านจึงไปขออยู่ศึกษากับหลวงปู่หล้า แต่ก็รู้สึกจะได้ไม่นานก็ออกจากหลวงปู่หล้ามาตั้งสำนักขึ้นที่สามแยกเพชรบูรณ์....

    อ่านจากประวัติท่านแล้วก็...
    อืม..ทำไมเราจึงไม่ค่อยศรัทธาแถมชอบคิดในทางลบกับท่านอีกต่างหาก พยายามห้ามใจไม่ให้คิดฟุ้งไปนัก กลัวบาปกรรม แต่พอวันนี้มีข่าวแบบนี้ขึ้นมา ก็น่าคิดเนอะ...

    เฮ้อ..ฟุ้งซ่านไปแล้วเรา ..ไม่รู้จะเกี่ยวกันหรือเปล่า...
    เรื่องยังไม่กระจ่าง ขอทำใจกลาง ๆ ไว้ก่อนดีกว่า..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2008
  10. sophon_ka

    sophon_ka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +84
    ขอคันค้านพระเกษม ขอให้ทุกท่านพึงคิดและตระหนักให้ดี ว่าผู้ไม่กตัญญูต่อบุพการี สุดท้ายจะเป็นเช่นไร พุทธเจ้าเปรียบเหมือนบุพการีของเราชาวพุทธทั้งหลาย เราจึงมีวันสำคัญทางพุทธศาสนาให้ทำกิจกรรมเพื่อระลึกถึงพระองค์แม้จะล่วงเลยมานับพันๆปีแล้ว
    ส่วนพระเกษมตั้งแต่ผมลองติดตามดู และลองฟังคำสอนดู ดูแล้วจะเลอะเทอะขึ้นเรื่อยๆ ก็ลองพิจารณาดูก็แล้วกัน อีกไม่นานผลของกรรมจะปรากฏ
     
  11. หญิงจัน

    หญิงจัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +2,655
    อ่านเเล้วปวดใจ...
     
  12. ไอน์สไตน์

    ไอน์สไตน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2007
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +79
    สึกเถอะ พระเกษม.............อายเขา
     
  13. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    ประวัติของท่านบางส่วนครับ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=107349

     
  14. atomdekst

    atomdekst Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +79
    ส่วนหนึ่งก็ดีไม่ให้งมงาย ในเครื่องรางของขลัง

    แต่ เหมือนสายพิณที่ตึงเกินไป เสียงมันไม่เพราะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2008
  15. น.นิมมานรดี

    น.นิมมานรดี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,953
    ค่าพลัง:
    +71
    ไม่ไหว้พระแบบนี้ ตาสีตาสา จบ ป4 ยังรู้ชัดรู้แจ้งมากกว่าพระแบบนี้เลย
     
  16. chokmoo

    chokmoo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +2
    ไม่ทราบว่าท่านนัีบถือศาสนาอะไร
     
  17. อาคันตุกะนิรนาม

    อาคันตุกะนิรนาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +1,469
    ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เเต่ก่อนก็นับถือหลวงตามหาบัวมาก
    เเต่ตอนนี้หันมานับถือ หลวงพี่เกษมเเล้ว...
    ยังจะมาเเนะนำให้ผมขนพระพุทธรูปที่บ้านออกไปให้หมด
    เเล้วชีวิดจะดีขึ้น เพราะเค้าทำมาเเล้ว ตอนนี้สวดมนต์
    ก็ไม่สวด ทำบุญใส่ซอง ผ้าป่า-กฐิน ถือว่าเป็นบาปไปหมด
    เห็นว่าคุยกันไม่รู้เรื่องเเล้ว...ทางใครทางมันดีกว่า...
     
  18. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +2,177
    โอ๊ยๆๆๆๆกรี๊ดดดดดดดดดดไขว้เขว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2010
  19. casyrybacksed

    casyrybacksed Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +66
    พระท่านกำลังถูกทดสอบอยู่ครับ
    ว่าท่านนั้น มีความศรัทธา ตั้งมั่นอย่างแท้จริง
    ท่านก็จะไม่หลงกลมาร ที่ทำให้เกิดความเห็นผิด
    แต่น่าเสียดาย มารประสบความสำเร็จ

    ผมเกรงว่า อบายภูมิ จะถามหาน่ะซิครับ
     
  20. obby108

    obby108 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +33
    ทุกศาสนา ต้องมีทั้งเปลือก ทั้งกะพี้และแก่น จึงสามารถรักษาคุณภาพไว้ได้นาน ศาสดาผู้ตั้งศาสนาต้องเล็งเห็นว่า ผู้นับถือศาสนานั้นมีหลายระดับ มีความฉลาดไม่เท่ากันคนมีสติปัญญาน้อย ก็สอนระดับหนึ่ง คนฉลาดปัญญาไวก็สอนอีกระดับหนึ่ง โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ใช้ของที่มีอยู่ให้เป็นสาระแก่ตนเองให้มากที่สุด เช่น
    เงินทองเป็นของกลางมีอยู่ในมือของเราแล้ว จงรีบทำให้เป็นประโยชน์ด้วยการสละแบ่งปันส่วนที่เหลือใช้ให้แก่ผู้ขัดสนไม่มีอันจะกิน เมื่อเราได้แบ่งปันสิ่งของ ของเราให้แก่คนอื่นด้วยจิตเมตตาได้ชื่อว่านำเอาทรัพย์ที่ไม่มีแก่นสาร ทำให้เป็นแก่นสาร เพราะทรัพย์สมบัติเป็นของสาธารณะ สมบัติอันนั้นกลับเข้ามาอยู่ในใจของตน คือความอิ่มใจ พอใจ
    หรือที่เรียกว่า บุญ บุญนี่แหละเป็นยอดปรารถนาของผู้มีศรัทธา ที่หาทรัพย์มาได้แล้วมารวมลงในบุญนี้ทั้งสิ้น เมื่อตั้งมั่นในบุญกุศลแล้ว ทำสิ่งใดก็มีแต่บุญกุศลเท่านั้น บางคนเขาหาว่าบ้าบุญ บ้าบุญยังดีกว่าบ้าบาป คนบ้าบุญนี่แหละ ใจจะตั้งมั่นสร้างแต่ความดีไม่มีโทษ ทำประโยชน์แก่ตนและบ้านเมือง เมื่อจิตของตนเองตั้งมั่นในเมตตา
    เป็นพื้นฐานอยู่อย่างนี้ จึงเรียกว่า พรหมวิหารญาณหรือพรหมวิหารสมาธิ แล้วแต่จะพูดกัน

    จิตที่ตั้งมั่นอยู่ภายในเช่นนี้จะค้นคิดเฉพาะใจ ถึงเรื่องสาระของกายว่า เป็นการประกอบพร้อมด้วย ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม มีอันสลายในที่สุด เมื่อพิจารณาอยู่อย่างนี้ก็หาสาระไม่ได้ เกิดแล้วก็ดับไป เหลือแต่ความรู้สึกในใจไม่มีอะไร ว่างไปหมด
    ความรู้ว่าว่างและสิ่งที่ว่างกับทั้งของที่ไม่ว่างเป็นไปพร้อม ๆ กัน นั้นแลเป็นสาระของคน
    เปลือกของศาสนา คือ ทาน ศีล และพิธีกรรมต่างๆ ถ้าทำถูกต้องแล้วจะกลายเป็นกะพี้คือทำจิตให้เบิกบาน
    ยิ้มแย้มแจ่มใส จนเกิดปิติอิ่มใจ ทานศีลนั้นจะเข้ามาภายในใจ หล่อเลี้ยงน้ำใจให้แช่มชื่นอยู่เป็นนิจ นี้ได้ชื่อว่า ทำเปลือกให้เป็นกะพี้ เมื่อพิจารณาไปถึงความอิ่มและความแช่มชื่น
    เบิกบานของใจ ก็เห็นแต่ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดจากปัจจัยคือความพอใจเป็นเหตุ เมื่อความพอใจหายไปสิ่งเหล่านั้นดับไปเป็นของไม่เที่ยงเป็นธรรมดา เราจะยึดเอาไว้เป็นของตัวตนไม่ได้ เป็นอนัตตาไม่มีใครเป็นใหญ่เป็นอิสระแล้วก็ ปล่อยวาง เป็นสภาพตามความเป็นจริง เมื่อพิจารณาถูกอย่างนี้ได้ชื่อว่า
    ทำกะพี้ให้เป็นแก่นสาร
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
     

แชร์หน้านี้

Loading...