ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jarujun, 21 มกราคม 2015.

  1. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เจ้าหอหน้า ทูลพ่ออยู่หัว เพื่อให้ทรงคลายพระทัยอีกว่า
    " เรื่องคืนยศศักดิ์ ให้กับน้องนั้น ลูกมิได้วางใจนิ่งเฉย เพียงแต่สิงห์ยังเยาว์นัก
    หากกลับสู่วังหลวงในฐานะพระโอรสเสด็จพ่อ คงจักเปิดศึกกับไทใหญ่
    หากกลับมาในฐานะพระโอรสที่เกิดจากพระสนมก็คงเป็นไปมิได้ ด้วยมิมีมาก่อน
    แต่ในภายหน้า ลูกให้สัตย์สาบานต่อเสด็จพ่อว่า มาดแม้นน้องมิได้ดำรงศักดิ์
    ภายใต้เศวตฉัตร แต่จักยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครในแผ่นดิน เสด็จพ่ออดทนมาถึง 18 ขวบปี
    ขอให้ทรงมั่นพระทัยในสัจจะของลูก แลมั่นใจในการที่ขรัวอินทร์วางไว้ แม้น้องเป็น
    เพียงเงาของลูก แม้นไม่ได้สวมมงกุฏนั่งราชบัลลังค์ แต่ก็มิได้หมายว่า จักพรั่งพร้อม
    ด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ ศักดินา แลบริวาร ทรัพย์สิน แม้นมิได้อยู่เวียงวัง ก็มิได้
    หมายว่าจักไม่มีอัครสถานที่อาศัย "

    เจ้าหอหน้าทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับสิงห์ซึ่งหน้า

    "น้องพี่ จงวางใจเถิด ขอให้ร่วมกันรักษาแผ่นดิน พี่จักให้เจ้าได้สิ้น
    จงอย่าน้อยใจ เมื่อถึงเพลาอันควร สิงห์ตนนี้จักผงาดค้ำชูแผ่นดิน
    พี่จักมิให้ใครก้าวล่วงเจ้าได้"

    พระอนุชาไม่ตรัสการใด ทรงเอื้อมพระกรมาโอบไหล่สิงห์

    พ่ออยู่หัว เห็นสามพระโอรสเช่นนั้น ก็ทรงแย้มสรวลออกมาได้

    "พ่อฝากน้องด้วยนะ ลูก"
     
  2. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์ซาบซึ้งใจนัก แต่ก็อดสงสัยมิได้
    "เสด็จพ่อ มีลูกเพียง 4 คน เท่านั้นหรือ จักเป็นไปได้เยี่ยงไร พะยะค่ะ สนมกำนัล
    ตั้งพะเรอ ลูกเคยได้ยินท่านพระยา เอ่ยถึงสนมในวังหลวงอโยธยา"

    พ่ออยู่หัว ทรงทอดถอนพระปัสสาสะอีกครา

    "มีสนมกำนัล มากจริงตามที่เจ้าเคยได้ยิน แต่หลังจากเรื่องของเจ้า พ่อก็ได้ให้
    หมอหลวงปรุงยา เมื่อพ่อร่วมหอกับสนมกำนัลใด นางจักดื่มยานั้น ทำให้พวกนาง
    มิมีครรภ์อีก"

    สิงห์ตกใจกับความลับของวังหลวงที่ได้รู้

    "ลูก มิเคยได้ยินมาก่อน ทราบแต่ว่า พระราชา ต้องการทายาทสืบสกุล
    เพื่อให้ราชบัลลังค์มั่นคง"

    พ่ออยู่หัวตรัสตอบให้สิงห์สิ้นความสงสัย

    "ด้วยเราพ่อลูก อยู่ห่างไกล เจ้าจึงถามเยี่ยงนี้ พ่อมิเห็นงาม กับการมีลูกมาก
    เป็นการไม่สงบในวังหลวง จักช่วงชิง ตำแหน่งอุปราช เป็นสงครามฝ่ายใน
    มีแต่ความสูญเสีย แต่พ่อมิได้บังคับ หากนางใดมิอยากกินยา พ่อก็เว้นเสีย
    มิร่วมหอกับนาง พ่อมีเจ้าทั้งสาม เป็นพระโอรสสืบสานติวงค์ ก็เพียงพอ
    หากพ่อสิ้น ก็เป็นหน้าที่ของพระอุปราชวังหน้าจักขึ้นครองราชย์ แลเป็นหน้าที่หาผู้สืบสกุล
    แต่พ่อนั้นหมดวาระในเรื่องเหล่านี้ พ่อจักสุขสงบเยี่ยงไร ถ้าลูกทั้งสี่ยังไม่สุข "
     
  3. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    " เมื่อลูกเคยเห็นการลงทัณฑ์ สายโลหิต เมื่อมีการขบถ ล้มราชบัลลังค์
    ที่แม้เป็นเด็กไร้เดียงสาเฉกเช่นพ่อเห็น จักถูกทุบด้วยท่อนจัน ตัดหัว เสียงเด็ก
    ไร้เดียงสาร่ำไห้หามารดา ยังดังก้องในหูพ่อ ลูกก็จักเข้าใจว่า มันแสนเศร้า และสลดใจเพียงใด
    ลูกสี่คนของพ่อ พ่อยังปกป้องมิได้ดี แล้วพ่อจักมีลูกมากเพื่อการใด พ่ออยากมีลูกเพื่อจักมอบความรักให้
    มิใช่มีเพียงเพื่อรักษาราชบัลลังค์ "

    สิ้นพระราชดำรัสนั้น ของพระบิดา สิงห์ยิ่งรู้สึกรักพระบิดามากล้น แลสงสารพระองค์นัก
     
  4. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๑๖.๑๗

    หวัดดีเจ๊ พอดีเมื่อเช้าเจอของดี เลยเอามาฝาก
    เผื่อจะมีโชคลาบน้ำตกกะเค้าบ้างอ่ะ ๕๕๕
    รายละเอียดไปดูในกระทู้ละกันนะ เนอะ

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%B0-%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%B0.511157/page-6#post10142570

    [​IMG]


    ถ้าโชคดี อย่าลืมแบ่งบุญให้พี่น้องนาครา
    และนางตะเคียนใต้ภิภพด้วยนะจ๊ะ นะจ๊ะ


    กระต่ายป่า พาโชค / พี่น้องนาครา แย่งซีนนางตะเคียน

    .
     
  5. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วบรรยากาศภายในโบสถ์ ก็เงียบไปชั่วครู่ ทั้งสามพระองค์และสิงห์
    ต่างตกอยู่ในภวังค์ของตน

    " พ่อจักเตือนเจ้าทั้งสาม เรื่องแม่หญิง อันน้ำใจหญิงนั้นล้ำลึกนัก เมื่อชะตาจักต้องมากเมียแล้วไซร้ จงเลือกแม่หญิงที่จักเข้าอกเข้าใจ ไม่ลำเลิก รื้อฟื้น แง่งอนให้หนักใจ
    หากหาความสงบจากภายในมิได้ จักทำการเพื่อบ้านเพื่อเมืองได้เยี่ยงไร แลจงเลือกหญิงที่เข้าอกเข้าใจในหน้าที่ ในกิจ ว่าชีวิตแลหัวใจเพื่อแผ่นดิน สิงห์เอ๋ย ชีวิตภายภาคหน้าลูกจักต้องเป็นขุนพล ออกรบทัพจับศึกเสียมาก จงหาหญิงที่มาเป็นเมียทหาร
    ที่จักภูมิใจในหน้าที่ของลูก แลคอยอวยชัยเมื่อยามลูกออกศึก มิใช่คอยพิรี้พิไร ให้ห่วงหน้าพะวงหลัง"

    สิงห์รีบรับคำทันใด " การใดที่พ่อสอน ลูกจักจดจำใส่ใจ"

    พ่ออยู่หัว ตรัสต่อว่า " ขรัวอินทร์ยังทำนายอีกว่า ลูกจักมีดวงโสมนัสแลโทมนัสด้วยสตรี
    เป็นกรรมหนักที่มิอาจแก้ พ่อจึงให้โอวาทเรื่องอิสตรีเสียมาก "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2016
  6. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    " เพลานี้ ลูกทั้งสามจงกลับสู่คุ้ม จัดการตามที่พ่อสั่ง เพลามะรืน จักได้เข้าวัง
    พ่อจักให้พระยาสุพรรณบุรี ไปรับสิงห์ที่วังหลวง เพื่อให้รู้ว่าจักคิดการใดกันแน่"
    พ่ออยู่หัวตรัสสั่ง

    "พะย่ะค่ะ" ทั้งสามรีบถวายบังคม เจ้าหอหน้าทรงเสด็งออกไปก่อน ตามด้วยพระอนุชา
    และสิงห์ เพื่อไปสมทบกับสามท่านขุน และแม่หนูอินที่รอ แล้วจึงเร่งเดินทางกลับคุ้ม

    การเดินทางเป็นไปอย่างทรหดนัก สิงห์ลอบมองแม่หนูอินทร์ที่อิงแอบหลับกับพระอุระ
    ของพระอนุชาที่ควบม้ากลับคุ้ม แล้วให้สงสารชะตาของนางนัก
    หวนคิดถึงมารดาของตนที่รักผู้ชายคนหนึ่งอย่างหมดหัวใจ ด้วยใจบริสุทธิ์ แต่สุดท้ายโชคชะตากลับผกผัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2016
  7. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เมื่อถึงคุ้มแล้ว ทุกคนในขบวนเสด็จก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาก สิงห์รีบลงจากม้า
    เพื่อจักไปรับแม่หนูอิน ตามธรรมเนียม มิได้คิดการใด เช่นพี่น้อง แต่พระอนุชา
    รีบลงจากหลังม้า โดยแม่หนูยังคงสัปงก เกาะคอม้าไว้แทน แล้วรีบรับแม่หนูอิน
    ทรงปรายสายพระเนตรมามองสิงห์ แล้วอุ้มแม่หนูอินที่เพลียจนแทบไม่รู้สึกตัว เดินขึ้นเรือนไป ไม่รอให้เจ้าหอหน้า
    ขึ้นเรือนไปก่อนด้วยซ้ำ ด้วยรู้ว่าเจ้าหอหน้าทรงจักสั่งการอีกหลายกิจนัก

    สิงห์มองอากัปกริยาของพระอนุชาแล้วแอบคิดในใจจนต้องพึมพำออกมาว่า " ทำราวกับจงอางหวงไข่"

    เจ้าหอหน้าตรัสสั้นๆ เพื่อให้ขุนแก้วจัดการหาที่พักให้กับท่านขุนที่ตามมาส่งจากวังหลวง สิงห์จักเดินตามเข้มไป
    ด้วยรู้สึกมีความรู้สึกอยากจักระบายกับพี่ชายร่วมสาบาน
    แต่ยังมิทันเดินไปพ้นเงาของชานเรือน ก็ได้ยินพระสุรเสียงดุนัก

    "ขุนสิงห์ จักไปทิศใด มิรู้จักหน้าที่ ตามขึ้นเรือนบัดเดี๋ยวนี้"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2016
  8. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    มีคนถามว่า พี่สิงห์เทียบกับดาราสมัยนี้ คล้ายใคร ก็พอมีคล้ายคนนึง
    แต่พี่สิงห์ผิวงามมาก เพราะมาจากสายเลือดทางเหนือทั้งพ่อและแม่
    แต่ผมดำขลับ คิ้วเข้ม ตามีประกายกล้า ปากคล้ายพี่ก้องสหรัถ เหมือน
    มุมปากโค้งขึ้นนิดนึง เหมือนยิ้มนิดๆ และหุ่นล่ำกว่านี้ กล้ามสวยมาก

    แต่ตลอดทั้งชีวิต สีผิวที่ผู้คนเห็นจะออกไปทางแดงๆ ด้วยออกกรำศึก
    แดดก็เผาเสียมาก

    เมื่อเทียบกับใบหน้าของชาติพันธ์ ยุคนั้น นับว่าสิงห์มีหน้าตาโดดเด่นมาก
    จนมีช่วงนึง ที่ไปเป็นทหารลับ ต้องไว้หนวดเครา ยาวเหมือนโจร เพื่อปิดบังใบหน้าตนเอง ไม่ให้สะดุดตา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2016
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์เดินขึ้นกะไดเรือนตามเสด็จไปอย่างเนือยๆ ทั้งเพลียทั้งเหนื่อยเมื่อยล้าตน
    เห็นบ่าวไพร่ทั้งชายหญิงวิ่งไปบนเรือนกันให้วุ่นไปหมด

    สิงห์เห็นเจ้าหอหน้าทรงสรงน้ำที่ชานเรือน ตนก็ไปนั่งพิงเสาสัปงกเฝ้าที่บริเวณไกล้ๆ
    จนเสียงน้ำเงียบลง จึงสะดุ้งตื่นขึ้น เห็นเจ้าหอหน้าทรงดำเนินเข้าไปในห้องส่วนพระองค์
    บ่าวสาวนำผ้ามาพาดให้ที่ริมระเบียงให้สิงห์เปลี่ยน สิงห์ก็รีบจัดการเนื้อตัวตนเสียโดยไว
    ด้วยเริ่มรู้พระอารมณ์ของเจ้าหอหน้า ว่าทรงมิชอบอดทนคอยผู้ใด ใจตน
    อยากจะล้มตัวลงนอน เสียบนพื้นกระดานให้สิ้นไป

    เมื่อสิงห์ผลัดผ้าออกมาพบเจ้าหอหน้า ประทับนั่งบนตั่งอยู่ที่กลางเรือน ในพระหัตถ์มี
    กระดานชนวน แลบนกระดาน มีตัวเลขมากมาย ดูทรงตกอยู่ในภวังค์ บ่าวไพร่ในเรือน
    ก็หายไปสิ้น เหลือเพียงสิงห์กับเจ้าหอหน้า ส่วนพระอนุชาอุ้มแม่หนูอินขึ้นเรือนแล้ว ก็
    ปิดประตูเงียบ จนมิมีใครกล้ารบกวน แลเจ้าหอหน้าก็หาสนใจไม่

    สิงห์คลานเข่าเข้าไปจนชิด แล้วก็เอ่ยถาม
    "เจ้าพี่ ทำอันใด พะยะค่ะ เพลาล่วงไปเพียงนี้ ควรจนบรรทมเอาแรงเสียก่อน
    น้องให้อิจฉา เจ้าพี่องค์เล็กนัก หายเงียบคงจักเข้าห้องหอแม่หนูอินเสียแล้ว"

    เจ้าหอหน้าเหลือบพระเนตรมามองสิงห์เพียงปราดเดียว แล้วทรงเขียนตัวเลข
    บนกระดานชนวนต่อ แต่เป็นสิงห์ที่ต้องสะดุ้ง ด้วยพระอนุชาเสด็จมาด้านหลัง

    "อย่ามาพูดบัดสี แม่หนูอินเดินทางทรหด จึงจับไข้ มิได้ผิดประเพณีเยี่ยงเจ้าอ้าง"

    เจ้าหอหน้าเห็นสองพี่น้อง เริ่มจักปะทะคารม จึงตรัสด้วยพระสุรเสียงเข้มงวด

    " หยุด พอเถิด พี่จักใช้สมาธิ ผูกฤกษ์ ผูกยาม ให้เจ้าองค์เล็ก ได้ร่วมหอกับแม่หนูอิน
    แลฤกษ์แลยามให้สิงห์จักไปอยู่กับพระยาสุพรรณบุรี"

    "เป็นพระมหากรุณาธิคุณ พะยะค่ะ" พระอนุชารีบทูล พระอารมณ์ดีขึ้นมาในบัดดล

    "สิงห์เจ้ารู้หรือไม่ว่า เสด็จพี่ ทรงพระปรีชาสามรถรอบด้าน นอกจากการศึกแล้ว
    ทรงยังสำเร็จวิชาโหร อันดวงดาวแลฤกษ์ผานาทีนั้น เสด็จพี่ทรงเจนจบ ทั้งฝ่ายไทย
    แม้นเมื่ออยู่ในเมืองอิระวดีก็ได้เรียนวิชาโหรอีก หากจักออกรบคราใด เสด็จพี่จักต้อง
    วางฤกษ์เอง จึงมีชัยทุกศึก"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2016
  10. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เจ้าหอหน้าผูกฤกษ์จนเสร็จสมดั่งพระทัย แล้วทรงแย้มพระสรวลให้สิงห์แลพระอนุชา

    "องค์เล็ก เจ้าจักต้องรอถึงสามเดือน จึงจักมีฤกษ์ดี แลจักได้บุตรชายคนแรก เป็น
    อภิชาติบุตร บุตรของเจ้า หลานเราภายภาคหน้ามีบุญาธิการถึงเป็นเจ้าครองเมืองอโยธยา
    ศรีรามเทพนคร แลเจ้าทั้งคู่ ยังจักรักกันจนตราบสิ้นชีวี"

    " ส่วนเจ้า สิงห์น้องพี่ ไปอยู่กรมคชบาลครานี้ เจ้าจักต้องใจนัก ด้วยดวงเก่าก่อน
    มีความผูกกันกับพญาช้างสาร แลจักได้วิชชาอันเป็นคุณต่อแผ่นดิน แลตัวเจ้าในภายภาคหน้า
    ขอให้น้องอดทน แลตั้งใจ ส่วนเรื่องพระยาสุพรรณบุรี พี่ว่าคงจักไม่สายเกินแก้"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2016
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ร่วมทำบุญ

    1. วัดป่าอ่างแก้ว จ. นครราชสีมา พอจ.มานะ ร่วมบุญกฐิน ปี 2559 399 บาท
    2. ร่วมทำบุญสร้างศาลพระพรหม วัดลี้หลวง อ.ลี้ จ.ลำพูน 400 บาท

    รวม สองบุญ 799 บาท สาธุ

    รายได้ส่วนหนึ่งจากการดูดวง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2016
  12. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์ได้ฟังดังนั้น ก็ให้รู้สึก อุ่นใจอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกติดใจในพระราชดำรัสนัก

    "เจ้าพี่ ลูกของเจ้าพี่องค์เล็ก จักได้ครองอโยธยาได้เยี่ยงไร แล้วพระราชโอรส
    ที่ประสูติกับเจ้าพี่ ไปไหนเสียพะยะค่ะ พ่ออยู่หัวก็เล่ากล่าวถึงนางในของเจ้าพี่
    แลพระสนมคนงามที่น้องเห็นที่เมืองสองแคว "

    เจ้าหอหน้าทรงพระสรวลเบาๆ

    "สมเป็นเงาของพี่ เจ้าได้ฟังความแต่ไปตรึกตรองรอบด้าน จงนำไปใช้ในการศึก
    เรื่องนี้เป็นความในใจของพี่ จักรู้เพียงเราสามพี่น้อง อันแม้พี่เป็นชาย แลมีสตรี
    งามมากล้วนแต่สัตย์สาบานว่าจะภักดี แต่พี่จักสั่งสอนเจ้า อันตัวพี่นั้นเทิดทูน
    พระบิดาด้วยเศียรเกล้า อันใดที่พระบิดาสั่งสอน พี่จักจำไว้สิ้น อันตัวพี่คิดการ
    ใดเพื่อให้อโยธยาอยู่ดำรงคงไว้นั้น เพื่อให้เกียรติแลยศลือเลื่อง ด้วยวงค์วานแห่ง
    พระบิดาแลเสด็จปู่ อันเป็นนักรบ ขุนศึกอันเกรียงไกร ที่ต่างกล่าวขานถ้วนทั่ว
    แต่พระบิดาแม้นมิได้เด่งกาจด้วยการศึก แต่ทรงเสียสละเพื่อแผ่นดินมิน้อยกว่า

    คำที่พระบิดาได้ตรัสสั่งสอน คำนั้นคือหลักในการคิดตริตรอง พี่นั้นอยากมีพระราชโอรส
    ผู้สืบสายโลหิตเฉกเดียวกับชายทุกคน แต่ด้วยตัวพี่นั้นให้สัตย์สาบานแล้วว่าจัก
    พลีชีพเพื่ออโยธยา พี่มิอาจให้มีห่วงได้ พี่นั้นหากภายภาคหน้าจักได้ขึ้นครองราชย์
    เป็นพ่ออยู่หัว จักแต่งตั้งองค์เล็ก เป็นรัชทายาท ดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปราช
    ด้วยเพลาอันจักมาถึง อโยธยา คงจักหนีช่วงสงครามทั่วทุกหัวระแหง อันเราจักชนะ
    ศึกกับอิระวดีด้วยสันติมิได้อีก ด้วยรัชทายาทแลพระวงค์ของอิระวดีนั้นล้วนแต่ศตรูหมู่พาล
    แม้นจักเป็นพระโอรสที่ประสูติด้วยองค์เล็ก ก็สมควรแลมิผิดโบราณราชประเพณี
    ที่จักครองอโยธยา มิสำคัญว่าเป็นพระโอรสของใคร ขอเพียงเป็นสายโลหิตเดียวกัน
    พี่ก็จักยินดีแลอวยชัย

    ความในใจที่สำคัญ คือ แม้นพี่จักมีนางสนมแวดล้อม แต่ยังมิมีหญิงใดที่พี่เห็นสมจัก
    มอบใจสมัครรัก อย่างที่พ่ออยู่หัวได้กล่าวไว้ อันตัวพี่นั้นสูงศักดิ์ แม้นสตรีมากนาง
    แต่นางเหล่านั้น ต่างเข้ามาหาด้วยยศศักดิ์ แลทำเพื่อตระกูลของพวกนางทั้งสิ้น
    ครั้นพี่จักหาสาวชาวบ้าน จักไปคล้องช้างเผือกในป่า ก็มิมีเวลาแลหัวใจ หัวใจพี่
    คิดแต่เรื่องบ้านเมืองเรื่องแผ่นดิน จักให้พี่คิดเพื่อตนเองได้เยี่ยงไร ถ้าไพร่ฟ้ายังไม่อยู่เย็นเป็นสุข"

    สิงห์ฟังแล้วให้ศรัทธาในตัวเจ้าพี่องค์ใหญ่นัก แลจักนำพระราชดำรัสนี้ เป็นแนวทาง
     
  13. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    " ส่วนพระองค์เล็ก เรื่องหัวใจนับว่ามีวาสนา แต่ละนางนอกจากหลงยศถาบรรดาศักดิ์
    ยังหลงรูป หลงใหลในเสน่ห์ชายขององค์เล็ก จนปวดหัวมิวายเว้น พี่ละห่วง จนองค์เล็ก
    ได้มาพบแม่หนูอิน พี่จึงวางใจดั่งพระบิดาตรัส"

    พระอนุชา ทรงขัดเขินนัก จึงทรงตรัสแก้เกี้ยวบ้าง
    "สิงห์เจ้ารู้หรือไม่ เจ้าพี่นั้นใจแข็งนัก มิเคยร่วมหอกับสตรีใดแล้วทรงบรรทมจนถึงเช้า
    จนลือเลื่องไปทั้งสองวังว่าเจ้าพี่ไร้หัวใจ มิทรงโปรดใคร อันตัวพี่สงสารสตรีเหล่านั้นนัก
    แลที่เจ้าพี่ว่า สตรีนั้นหลงรูปน้อง คงมิใช่น้องผู้เดียว สนมเหล่านั้นก็หลงรูปเจ้าพี่เช่นกัน
    แลน้องไม่เห็นด้วย สนมทั้งหลายล้วนเทิดทูนบูชาเจ้าพี่ยิ่งชีวิตของนาง เพียงแต่เพลา
    นี้พระพรหมท่านคงลืมลิขิต แม้นเจ้าพี่พบคู่ คงจักเปลี่ยนไปเป็นแน่แท้ พระบิดายังตรัสเตือนนะพะยค่ะ

    อันตัวน้องหลงใหลในอิสตรีก็จริง แต่ก็ถวายร่างกายแลวิญญานเพื่อแผ่นดิน ดั่งคำสัตย์สาบาน"

    สิงห์ฟังแล้วให้ฉงนกับการวางพระองค์ของเจ้าหอหน้านัก ท่านทรงต้องระวังองค์ไปเสียทุกเรื่อง
    กระทั่งการเข้าหอกับสนม สิงห์เริ่มนึกดั่งคำพระบิดากล่าว ที่อยากให้ตนเป็นสามัญชน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2016
  14. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พระอนุชาทรงพระสรวล แล้วตรัสต่อ

    "เจ้ารู้หรือไม่ พวกสนมนางในแต่ละนางงามหยดย้อย ต่างหวังจักได้ถวายตัว
    ทั้งเสน่ห์มารยาร้อยเล่มเกวียน เป็นเรื่องตลกขบขันของพี่นัก จนพวกคุณท้าวในวัง
    ว่าจักได้ร่วมหอกับเจ้าหอหน้า จักได้สัมผัสพระวรกาย จักได้เห็นพระฉวี พระอุระ
    ของเจ้าหอหน้า คงจักต้องใช่เสน่ห์ยาแฝด มอมด้วยน้ำจันทร์ เจ้าพี่จึงจักมอบองค์ให้"

    เจ้าหอหน้า ทรงส่ายพระเศียร
    "ใครจักมากรัก ช่างสงสารไปเสียสิ้น เช่นเจ้า องค์เล็ก จักกี่นางก็ไม่คัดค้าน"

    พระอนุชาได้ฟัง ยิ่งพระสรวลเสียงดัง

    " เจ้าพี่ น้องก็เห็นเจ้าพี่หนักอกหนักใจ กับเรื่องการถวายตัว น้องก็อยากแบ่งเบาภารกิจ
    เจ้าพี่มิเห็นใจน้อง จักต้องรับมือกับสตรีมากหน้าหลายตา จนบัดนี้ฝ่ายในของน้องหาความสงบมิได้ "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2016
  15. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พระอนุชาตรัสต่อ ด้วยพระอารมณ์ขัน

    " ก่อนหน้าพวกขุนนาง ต่างยกลูกสาวมาถวายตัว เจ้าพี่ทรงแก้เกี้ยวด้วยยกให้ขุนทั้งหลายที่ทำความดีความชอบมา แม้นมิได้มาจากตระกูลขุนนางเก่า พวกญาติวงค์ของพวกนาง ต่างก็มาคัดค้าน พี่ก็กลัวจักเกิด ความกระด้างกระเดื่องแลเสียน้ำใจ จึงให้พวกนางเลือกว่าจักรับใช้พี่ หรือจักเป็นเมียท่านขุน พวกนางต่างก็เลือกพี่เสียสิ้น จนหลังมา
    พี่ต้องปัดไปบ้าง เจ้าพี่ก็รับบ้าง กระนั้นเจ้าพี่ก็ทรงเก็บพวกนางไว้ มิแตะต้อง รอจนสมควรแก่เวลา จึงประทานให้ท่านขุนไปอีก แก้เกี้ยวพวกขุนนาง จึงจักหยุดการถวายตัว
    ไปได้บ้าง แลจักมาถวายตัวเป็นนางกำนัลแทน เห็นหรือไม่ว่า พี่ต้องเหน็ดเหนื่อยจัดการเรื่องนางในมากเพียงใด"

    สิงห์ได้ฟัง ให้เวียนหัวนัก
     
  16. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    มีคนถามมาอีกแล้วว่า แม่หนูอินหน้าตาประมาณไหน

    ก็พอมีคล้าย คล้ายใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ตอนเข้าวงการใหม่ๆ ดูไทยๆ
    แต่ตากลมโตกว่า หน้าใสๆ ดูอ่อนโยน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2016
  17. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ป้าจารุ เพิ่งทำบุญ แผ่นพับสวดมนต์ 100 แผ่น
    รวมค่าขนส่ง จำนวนเงิน 920 บาท

    รายได้ส่วนหนึ่งจากการดูดวงค่ะ

    ป.ล. ดูแค่วันละคนสองคน วันเสาร์ อาทิตย์ ไม่เกิน 4 คน แต่ก็ไม่อยากเก็บค่าครูไว้นาน

    ในแผ่นพับสวดมนต์ ได้พิมพ์เพิ่มไปว่า

    รายได้ส่วนหนึ่งจากการดูดวง ขอบูชาครูโหร บรมครูปู่ฤาษี 108 พระยาพิเภกโหราจารย์ ครูสมาธิ ครูที่ประสิทธ์ประสาทวิชาทุกภพชาติ

    อนุโมทนา สาธุ

    ป.ล.2 ล่าสุด ครูบาบุญมี บอกเตือนป้าว่า ทำแบบนี้ มันเหมือนหมอดูที่เป็นอาชีพ
    ควรจักเปิดพระเนตร ไหว้ครู และต้องไหว้ทุกปี

    ป้าก็ ยังลังเลอยู่ หรือ ป้ากลายเป็น อาชีพหมอดูไปแล้ว....

    ความตั้งใจแรก ที่เปิดดูหมอรอบนี้ เพราะต้องการหาเงินไปกฐิน และเยี่ยมญาติธรรมที่เชียงใหม่
    แต่ไปๆมาๆ ก็ตกงาน ไปๆมาๆ ก็บอกปากต่อปากไป มีคนมาขอให้ดูเพิ่ม

    ป.ล.3 สิ้นปีนี้ จะพิมพ์หนังสือสวดมนต์ และแผ่นพับสวดมนต์ เหมือนที่เคยพิมพ์เพิ่มค่ะ ใครสนใจร่วมบุญได้นะคะ พิมพ์เท่าที่มี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 19301.jpg
      19301.jpg
      ขนาดไฟล์:
      160.8 KB
      เปิดดู:
      31
    • 1463614458101.jpg
      1463614458101.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.8 KB
      เปิดดู:
      57
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2016
  18. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ป้าจารุ ร่วมทำบุญ บวชพระ 200 รูป วัดท่าซุง จำนวน 200 บาท สาธุ
    รายได้ส่วนหนึ่งจากการดูดวง อนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ทุกรูป ทุกนาม สาธุ สาธุ สาธุ

    ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

    บอกบุญร่วมเป็นเจ้าภาพบวชพระ๒๐๐รูปที่วัดท่าซุงวันที่. ๑๒. ถึง. ๑๙. ธันวาคม. พ. ศ. ๒๕๕๙
    ทุกๆท่านสามารถเป็นเจ้าภาพบวชพระ. ๒๐๐. รูปได้ตามบัญชีนี้ครับผม.. แล้วลงทะเบียนในเว้ปไซต์.. วัดท่าซุงดอทคอมด้วยครับผม..

    บัญชีทำบุญวัดท่าซุง.

    ธ. กรุงไทย. บัญชี.เลขที่.. 6190189660. บัญชี.. ออมทรัพย์..
    ชื่อ.วัดจันทาราม.. สาขาอุทัยธานี.


    เมื่อโอนปัจจัยแล้วลงทะเบียนแจ้งว่าเป็นเจ้าภาพบวชพระ200รูป.. ชืี่อ.. สกุล. จังหวัด.. จำนวนเงินที่โอน.. ↘↘↘↘

    http//www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=350

    #อานิสงส์บวชพระ-บวชเณร โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน #ร่วมเป็นเจ้าภาพบวชพระได้อานิสงส์เป็นเทวดาหรือพรหมคนละ๑๒กัปต่อ๑องค์.

    องค์สมเด็จจพระบรมศาสดาตรัสว่า การอุปสมบทบรรพชามีอานิสงฆ์พิเศษ ซึ่งสมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ตรัสว่า อานิสงส์อย่างอื่น มีการสร้างวิหารก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ทอดกฐินผ้าป่าก็ดี จัดว่าเป็นอานิสงฆ์สำคัญ แต่อานิสงส์นั้น บุคคลที่จะพึงได้ต้องโมทนาก่อน แต่ว่าการอุปสมบทบรรพชานี้แปลกกว่านั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า.

    สมมติว่าบุตรชายของท่านผู้ใดออกจากครรภ์มารดาวันนั้นบิดามารดาก็จากกันลูกกับพ่อแม่ย่อมไม่รู้จักกันเวลาที่อุปสมบทบรรพชานั้นบิดามารดาไม่ทราบแต่บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์นั้นโดยสมบูรณ์การอุปสมบทบรรพชาจึงจัดว่าเป็นกุศลพิเศษ.

    คำว่า "บรรพชา" หมายความว่า บวชเป็นเณร คำว่า "อุปสมบท" หมายความว่า บวชเป็นพระ

    ท่านที่บรรพชาในพระพุทธศาสนาเป็นสามเณร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ท่านผู้บรรพชาเอง คือ เณร ถ้าประพฤติปฏิบัติดีก็เป็นการลงทุนซื้อสวรรค์ ถ้าปฏิบัติเลวการบวชพระบวชเณรก็ถือว่าเป็นการซื้อนรกท่านที่บวชเป็นเณรเข้ามาในพระพุทธศาสนาแล้วประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามระบอบพระธรรมวินัย สำหรับท่านผู้เป็นเณรนั้นไซร้ ย่อมมีอานิสงส์ถ้าตายจากความเป็นคน ถ้าจิตของตนมีกุศลธรรมดาไม่สามารถจะทรงจิตเป็นฌานท่านผู้นั้นจะเสวยความสุขบนสวรรค์ได้ถึง ๓๐ กัปถ้าหากว่าทำจิตของตนเกือบเป็นฌาน ได้ฌานสมาบัติตายจากความเป็นคนจะเกิดเป็นพรหม มีอายุอยู่ถึง ๓๐ กัป เช่นเดียวกัน

    อายุเทวดาหรือพรหมย่อมมีกำหนดไม่ถึง ๓๐กัปก็หมายความว่าเมื่อหมดอายุแล้วก็จะเกิดเป็นเทวดาใหม่เกิดเป็นพรหมใหม่อยู่บนนั้นไปจนกว่าจะถึง ๓๐ กัปหรือมิฉะนั้นก็ต้องเข้าพระนิพพานก่อน บิดามารดาของสมาเณร ย่อมได้อานิสงส์คนละ ๑๕ กัป ครึ่งหนึ่งของเณร

    องค์สมเด็จพระมหามุนีตรัสต่อไปว่า บุคคลผู้มีวาสนาบารมี คือมีศรัทธาแก่กล้า ตั้งใจอุปสมบทในพระพุทธศาสนาเป็นพระสงฆ์ แต่ว่าเมื่อบวชแล้วก็ต้องปฏิบัติชอบ ประกอบไปด้วยคุณธรรม คือ มีพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ ท่านที่บวชเป็นพระด้วยตนเอง จะมีอานิสงฆ์อยู่เป็นเทวดา หรือพรหม ๖๐ กัป บิดามารดาจะได้คนละ ๓๐ กัป นี่เป็นอานิสงส์พิเศษ

    แต่ทว่าภิกษู-สามเณร ท่านใดทำผิดบทบัญญัติในพระพุทธศาสนา ก็พึงทราบว่าเมื่อเวลาตายก็มีอเวจีเป็นที่ไปเหมือนกันอานิสงส์ที่พึงได้ใหญ่เพียงใดโทษก็มีเพียงนั้น

    สำหรับผู้ที่ช่วยในการบวช การอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา คือบำเพ็ญกุศลร่วมกับเขาด้วยจตุปัจจัยมากบ้างน้อยบ้างช่วยขวนขวายในกิจการงานในการที่จะอุปสมบทบ้างอย่างนี้องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดากล่าวว่าท่านผู้นั้นจะมีอานิสงส์เสวยความสุขอยู่บนสวรรค์ หรือในพรหมโลกคนละ ๘ กัปแต่ถ้าหากเป็นคนฉลาดอย่างที่วัดนี้เขาบวชพระกัน๔๒ องค์เราก็บำเพ็ญกุศลช่วยในการบวชพระ ไม่เจาะจงเฉพาะท่านผู้ใดผู้หนึ่งเรียกว่าช่วยทั้งหมด ทั้ง ๔๒ องค์ ก็ต้อง ๔๒ ตั้ง เอา ๘ คูณ (๓๓๖ กัป)

    อานิสงส์กุศลบุญราศีที่เราจะพึงได้สำหรับท่านผู้เป็นเจ้าภาพในฐานะคนที่บวชไม่ได้เป็นบุตรของเรา แต่ว่าเป็นผู้จัดการขวนขวายในการอุปสมบทบรรพชาให้อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้จัดการบวชจะได้อานิสงส์ ๑๒ กัป จะมีผลลดหลั่นซึ่งกันและกัน

    การที่นำเอาอานิสงส์บรรพชากุลบุตรกุลธิดาไว้ในพระพุทธศาสนามาแสดงแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทเพราะเห็นว่าในเวลานี้บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายยังไม่ค่อยจะมีความเข้าใจคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วในข้อนี้

    อีกประการหนึ่ง การจะบวชลูกหลานเข้าไว้ในพระพุทธศาสนา ส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งใจจะเอาบุญ ถือทำกันตามประเพณีเป็นสำคัญ พอเริ่มการจัดงานก็มีการฆ่าไก่บ้าง ฆ่าปลาบ้าง ฆ่าหมูบ้าง ฆ่าวัวฆ่าควายบ้าง เอาสุราเบียร์เข้ามาเลี้ยงกันบ้างถ้าทำกันตามประเพณีแบบนี้ก็จะได้ชื่อว่าไม่มีอานิสงส์กุศลบุญราศีอะไรเลยเพราะมีเจตนาชั่วคือเริ่มต้นก็ทำบาปก่อนแล้วองค์สมเด็จพระประทีปแก้วกล่าวว่าถ้าจิตเป็นอกุศลกุศลใดๆที่ตนคิดว่าจะทำมันก็ไม่ปรากฏ

    ฉะนั้น ในการใด ถ้าเราจะบำเพ็ญกุศลบุญราศีให้ปรากฏเป็นผลดี ก็ขอให้การนั้นเป็นการที่บำเพ็ญกุศลจริงๆ จงเว้นกรรมที่เป็นอกุศลเสียให้หมด งดสิ่งที่เป็นความชั่วทุกประการ ตั้งใจไว้เฉพาะบำเพ็ญกุศลบุญราศีเท่านั้น

    กุลบุตรที่บวชในพระพุทธศาสนา ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ความผ่องใสของท่านผู้บวชก็มีขึ้น คือ จิตผ่องใสปราศจากอารมณ์ที่เป็นกิเลส ต่อมาปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์คือเจริญสมถกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐาน จนอารมณ์ชื่นบานเข้าถึงธรรมปีติ คำว่า ธรรมปีติหมายความว่ายินดีในการปฏิบัติความดีในด้านพระธรรมวินัยอย่างหนึ่งยินดีในการเจริญสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาอานิสงส์กุศลบุญราศีก็เกิด

    .องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเปรียบเทียบไว้ว่าผู้ใดอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ววันหนึ่งทำจิตใจว่างจากกิเลสเพียงวันละชั่วขณะจิตเดียวเวลานอกนั้นจิตก็ฟุ้งซ่านไปตามอารมณ์ต่างๆแต่พยายามควบคุมกำลังใจไม่พลาดพลั้งจากพระธรรมวินัยท่านผู้นั้นบวชเข้ามาแม้แต่วันเดียวก็ย่อมมีอานสงฆ์ดีกว่าพระที่บวชเข้าในพระพุทธศาสนาตั้ง ๑๐๐ ปี มีศิลบริสุทธิ์ แต่ไม่เคยเจริญสมาธิจิต คือ ทำจิตว่างจากกิเลสวันหนึ่งชั่วขณะจิตเดียว มีรัศมีกายสว่างไสวกว่า

    รวมความว่า การอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา ย่อมเป็นปัจจัยเข้าถึงพระนิพพาน และมีอานิสงส์เป็นสามัญผล คือผลที่เสมอกัน คนที่บวชในพระพุทธศาสนาจะลูกผู้ดีหรือยากจนเข็ญใจย่อมมีสิทธิเสมอกันในการทรงสิกขาบท และในการกำหนดจิตปฏิบัติสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน

    ถามพระท่านว่า "ถ้าพระพวกนั้นจะทำบุญบวชพระบ้างทั้งๆ ที่ตัวเองก็บวชและทำบุญด้วยจะมีอานิสงส์เหมือนญาติโยมไหม"

    พระท่านก็บอกว่า "ถ้าเขาจะทำบุญต้องทำบุญก่อนที่เขาจะบวช นั่นหมายความว่าขณะที่บวชก็เอาเงินมาช่วยกับกองกลางเท่าไรก็ตามที่จะพึงมีตั้งใจบวชพระทั้งหมดท่านพวกนั้นจะมีอานิสงส์นอกจากของตัวเอง ๖๐ กัปแล้ว จะมีอานิสงส์เป็นเจ้าภาพด้วย เอา ๑๒ คูณ จำนวนองค์ที่บวช

    ถามท่านว่า "ถ้าพระทั้งหลายเหล่านั้นเมื่อบวชแล้วจึงรู้อานิสงส์เมื่อบวชแล้วเอาสตางค์มาร่วมในการทำบุญบวชพระ

    ท่านบอก "อันนี้ไม่ใช่แล้วนั่นต้องเป็นทานบารมีปกติ เป็นถวายสังฆทานไป อานิสงส์นับกัปไม่ได้ แต่มีความร่ำรวยแน่ รวยทุกชาติ



    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี

    กราบขอบพระคุณที่มาจาก..หนังสือ.."พ่อสอนลูก"ปีที่ ๑ ประจำเดือน กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เล่ม ๑ หน้า ๓๕๗ - ๒๖๑ .,โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง) ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี.,รวบรวมจัดพิมพ์โดย ท่านปาริชาต แสงหิรัญ และชมรมวิชชุเวทย์ธรรมปฏิบัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2016
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วพระอนุชา ทรงยกพระหัตถ์ขึ้น เป็นเชิงปราม
    "พอเถิด ประเดี๋ยวแม่หนูอินมาได้ยิน จักน้อยใจ เพลาก็ล่วงมาดึกโข
    น้องว่า เจ้าพี่พักเสียบ้างเถิด เพลารุ่ง จักเดินทาง หรือจักพักแล้วค่อย
    เข้าเฝ้าเพลาค่ำ เช่นเดิม พะยะค่ะ"

    เจ้าหอหน้า ทรงแย้มพระโอษฐ์ เหมือนจักพระสรวล
    " เดินทางช่วงค่ำ ก็คงสมอยู่ แม่หนูอิน จักได้พัก จักได้ทำใจ เจ้าจักได้มีเพลา
    แถลงถ้อยในใจ หากไปอยู่ที่ฝ่ายในของพี่ เจ้าจักมารุ่มร่ามมิได้ จักเสียมาถึงพี่
    แลเรายังต้องทิ้งแม่หนูอิน กลับไปจัดการกิจที่พิษณุโลกสองแคว "

    พระอนุชาทรงขัดเขินนัก ที่เจ้าหอหน้า ทรงล่วงรู้พระทัยจนสิ้น
    "ขอบพระทัย เจ้าพี่ ที่เมตตาน้องแลแม่หนูอินนัก"
     
  20. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วเจ้าหอหน้า ก็ทรงพระดำเนิน เข้าห้องส่วนพระองค์ไปก่อน
    สิงห์รีบตามไปรับใช้ แล้วปิดประตูลงดาล

    เจ้าหอหน้าทรงขึ้นไปประทับบนตั่ง แล้วสวดพุทธมนต์เสียงเบา
    สิงห์รีบสวดตามพระองค์ จนเสร็จการสวดอันยาวนาน ใจสิงห์ก็เบาลง
    ดวงตาหรี่ลงเอง อยากจะนิททราไป

    เจ้าหอน้าทรงบรรทมบนเตียงที่ประทับ
    ส่วนสิงห์นอนลงบนเสื่อหน้าเตียงนั้น สิงห์ลอบฟังเสียงลมหายใจของเจ้าหอหน้า
    ทรงทอดถอนพระปัสสาสะ หลายครา จึงจะหายใจสม่ำเสมอ ทรงบรรทมหลับไป
    สิงห์จึงจักกล้าหลับไป


    แต่ภายในห้องประทับของพระอนุชา บรรยากาศช่างแตกต่างนัก !
     

แชร์หน้านี้

Loading...