ผลของการแยก กาย ใจ จิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 23 สิงหาคม 2012.

  1. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    จขกท. เขาไม่ได้นับถือพระพุทธเจ้า

    เขารู้เองจึงเอาธรรมของเขามาแสดงแข่งกับพระพุทธเจ้า

    เพราะเขาตั้งตัวเป็นศาสดาคนใหม่
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...........จากข้างบนนี้..ในชีวิตประจำวัน คุณโอ๊ตใช้คำว่า"เฝ้ามองดูความเป้นจริงที่เกิดขึ้น โดยไม่ปรุงแต่ง ไม่เพิ่มเติม ยอมรับสภาพตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น จิต จึงจะปล่อยวาง ไม่อาลัยอาวรณ์ต่อการมีชีวิต"....ในความเห็นผม คนที่รู้เท่าทัน สภาวะธรรมของตนทุกขณะจะต้องมี "สติ"อย่างยิ่งยวด รู้เท่า ทัน เวทนา(สุขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา ทุกข์เวทนา) รู้เท่าทัน ราคานุสัย ปฎิฆานุสัย(พอใจ ไม่พอใจ)เห็นความไม่เที่ยง ของขันธิ์5 จนวิราคะ วิมุติ..................คำถามคือ " คุณทำได้แล้วหรือ" แล้วถึงที่สุดแห่งทุกข์ แล้วหรือ?.....ถ้า แว่บนึงที่คุณ อ่านโพส ของเพื่อนสมาชิก แล้วมี ปฎิฆานุสัย(ไม่พอใจเกิดขึ้น)แล้วไม่มีสติ รู้เท่าทัน อันนี้คงยังไม่ผ่าน:cool:
     
  3. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413

    อันนี้เอามาแสดงให้เห็นว่า ไม่มีอะไรแยกออกไปเป็นอะไรได้อีก มีแค่เรียกตามหน้าที่ แลการทำงานที่เปลี่ยนไป เท่านั้น

    [​IMG]
     
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    -หากผมได้ทุกอณุวินาที คงหมดแล้วซึ่งความมุ่งมั่นที่กระทำอยู่

    -หากการนำประโยชน์มาแบ่งปันนี้มีความผิดมากเกินที่จะอภัย กรุณาบอกครับ ผมจะได้หยุดการเข้ามาแสดงสิ่งที่พบเห็น

    -ผมเพียงจะบอกว่า ผมเคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่า ผมเป็นปุถุชนคนธรรมดา ที่เข้ามาจรรโลงพระพุทธศาสนาเท่านั้น

    -คุณแพททิก คุณ และ ผม ได้สนทนากันมามากแล้ว เคยมีไหมครับที่ผมเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเชิงลบกับคุณ

    -ผมไม่ได้สนใจว่าคุณจะได้ระดับไหนแล้ว คุณจะถูก หรือ ผิด ที่แสดงธรรม มีเพียงแต่สิ่งไหนดีผมอนุโมทนา สิ่งไหนไม่ดีผมก็ข้ามผ่านไป

    -ใคร่ควรสักครั้งดีไหมครับ ผมตักเตือนด้วยความปราถนาดีครับ

    สาธุครับ
     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ขอบคุณที่กรุณาเข้ามาตอบครับ ขอบคุณที่สนทนาธรรมด้วยดีครับ

    สาธุครับ
     
  6. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    กรุณานำคำกล่าวของผมที่มีมาแสดงด้วยครับ ว่าผมไม่นับถือพระพุทธเจ้า และ จะตั้งศาสนาใหม่

    การกล่าวโทษผู้อื่นด้วยไม่มีหลักฐาน เป็นการใส่ร้าย ส่อเสียดทางวาจา ยุยงให้ผู้ปฎิบัติแตกคอกัน

    คุณคิดดีแล้วหรือครับ หากคุณต้องการเห็นพระธรรมที่ผมบอกกล่าวอยู่นี้ กรุณาเข้าไปใน จิต ครับ

    ภายใน จิต นั้น มีคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่มากมายครับ การปฎิบัติเพื่อให้ถึง จิต

    ให้เห็น จิต ใช่คำสั่งสอนของ พระผู้มีพระภาคเจ้าหรือไม่ครับ หากคุณมีเวลาว่างมากก็ควร

    ที่จะมุ่งเน้นในการฝึกตนนะครับ ดีกว่ามาคอยกล่าวหาว่าร้าย ใส่ร้าย ในทางส่อเสียดครับ

    สาธุครับ
     
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    บอกกล่าวไปมากเพียงใด อธิบายมากมายสักเพียงไหน ผู้ที่ไม่เข้าใจย่อมมีความเห็นที่แตกต่าง

    ผู้ที่เล่าเรียนมาว่า สองบวกสองได้สี่ แต่มีผู้มาบอกกล่าวว่า สองคูณสองได้สี่ จะเกิดปัญหาทันที

    ต่อเมื่อผู้ที่เข้าใจในสองบวกสองได้สี่ ได้เรียนรู้ว่า สองคูณสองได้สี่ จึงจะเข้าใจในเหตุ-ผล

    สาธุครับ
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ----------------555-อยากบอกว่า คุณแปลเจตนาผมผิดไป...ถ้าย้อนไปอ่านคำถามของผมใหม่ ให้ดี ก็จะเห็นเจตนาอันเป็นบวก นะครับ ด้วยความหวังดี......อย่าเพิ่งน้อยใจ:cool:
     
  9. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ขอบคุณในเจตนาที่ดีครับ ในคำถามที่คุณถามนั้น เป็นดาบสองคมนะครับ

    หากผมตอบคำถามของคุณ จะมีผู้ที่เข้ามาหาเหตุถกเถียงทันที แต่ที่ผมแสดงออกนั้น

    เพียงเพื่อบอกบางอย่างแก่คุณ ผมไม่ได้ขัดเคืองในคำถามของคุณ แต่จะกลายเป็นเหตุ

    ให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดี เข้ามาทำลายเป็นสิ่งที่ไม่ควร ผมจึงบอกคุณในแบบตักเตือน

    หากคุณเข้าใจ ก็เป้นการสมควรครับ ขอบคุณครับ

    สาธุครับ
     
  10. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    คำพูดชัดเจนทุกโพสต์ มีแต่ยกย่องตัวเอง ไม่เคยยกย่องคุณของพระรัตนตรัย
    รู้เอง เห็นเอง ไม่เอาตำรา ไม่เอาบาลี ไม่เอาพระไตรปิฎก ไม่ต้องศึกษาจากอาจารย์
     
  11. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    -คุณลุงหมาน เคยเข้าไปอยู่ใน จิต ไหมครับ ?

    -เคยได้ยินคำว่า เถรใบลานเปล่า ไหมครับ ?

    -เคยได้ยินคำว่า ให้มีธรรมในตน ไหมครับ ?

    -ผมได้บอกไปหลายครั้งแล้วนะครับว่า ผมศัทธาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ ศัทธาพระอาจารย์มั่น

    -ผู้ที่ปฎิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง คงเคยได้ยินใช่ไหมครับ การไม่ชี้โทษผู้อื่นนั้น จะทำให้จิตใจไม่ขุ่นมัว คงเคยได้ยินใช่ไหมครับ ?

    สาธุครับ
     
  12. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ...ผมจึงหาคำภาวนาเอาเอง ด้วยเคยได้ยินมาว่า นะ โม พุท ธา ยะ นั้นหมายถึงพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

    ผมจึงนำมาเป็นคำภาวนา โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด นอกจากคำที่ผมภาวนาครับ...
    ผมสนใจตรงนี้ครับ ผมเองปฏิบัติโดยใช้คำภาวนาเหมือนกัน คุณโอ๊ตใช้คำนี้นานไหมครับ
    ภาวนาแล้วบอกเล่าอาการจากการปฏิบัติ แล้วปัจจุบันนี้ ยังภาวนาคำนี้อยู่ไหมครับ
    และคำถามสุดท้าย หัวใจของคำภาวนานี้ คืออะไรครับ
    ขอบคุณครับ
     
  13. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ในสมัยที่พระอาจารย์มั่น ออกมาสั่งสอนลูกศิษย์ ก็มีผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฎกออกมากล่าวต่อว่าในเชิง

    นี่ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พอพระรูปนั้นได้เจ็บป่วยทางร่างกาย พระอาจารย์มั่น

    ก็ได้เดินทางไปเยี่ยม และ ได้แนะนำวิธีการปฎิบัติ พอพระรูปนั้นได้ปฎิบัติ จึงได้รู้ว่าการปฎิบัตินั้นดีจริงๆ

    จากที่เคยต่าว่า ชี้โทษ กลับเป็นเลื่อมใสศัทธาในตัวของพระอาจารย์มั่น

    สาธุครับ
     
  14. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผมยังภาวนาอยู่ครับ และ ผมภาวนาคำนี้มานานมากแล้วครับ ผมไม่รู้ว่าหัวใจของคำๆนี้คืออะไรครับ

    ผลจากการปฎิบัติผมได้บอกกล่าวเสมออยู่แล้วครับ คำภาวนาเป้นเพียงอุบายที่ใช้

    ให้เป็นสิ่งยึดเกาะของจิต ไม่ให้ออกไปฟุ้งซานภายนอกครับ เพื่อการเป๋ช็นสมาธิครับ

    สาธุครับ
     
  15. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ผมไปคยเข้าไปอยู่ในจิต และก็คิดว่าคงไม่มีใครเข้าไปอยู่ได้ด้วย
    แต่คิดว่าถ้าคุณเคยเข้าไปอยู่ ช่วยบอกหน่อยซิว่าในจิตมีอะไรบ้าง

    ผมไม่เคยเข้าไปอยู่แต่ผมใช้วิธีดูจิตครับ

    - กล่าวเถรใบลานเปล่า คุณเข้าใจพระเถระรูปนี้ดีแค่ไหน ?
    - ช่วยบอกหน่อยซิ ธรรมในตน คืออะไรบ้าง?
    - ตำรา หรือพระไตรปิฎก ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าไหม ?
    - ปฏิบัติไม่เอาตำรา หรือคำสอนจากครูบาอาจารย์ จะไปปฏิบัติได้ถูกต้องไหม?
     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ควรที่จะตอบทุกคำถามนะครับ ก่อนที่จะถามผู้อื่น เพราะผมจะตอบคำถามก่อนแล้วจึงถาม

    และ ผมก็จะถามน้อยครั้งมาก ไม่ค่อยถามผู้ใดมากนัก เพราะถามแล้วไม่ค่อยได้คำตอบ

    ภายใน จิต นั้นมีความทรงจำมากมายที่ไม่สามารถค้นหาได้ทั่ว เพราะไม่มีที่สิ้นสุด

    ผมเพียงเข้าไปเห็นในสิ่งที่ได้เคยจดจำ จึงเห็นว่าไม่มีอะไรแน่นอน และ เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตาย-เกิด

    ผู้ที่จะย้อนอดีตชาติได้ต้องเข้าไปใน จิต ครับ เพราะ จิต มีหน้าที่รับรู้ และ จดจำครับ

    พระรูปนั้นผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว จึงบอกได้ว่าไม้รู้จักดีครับ ส่วนธรรมในตนนั้น

    การแสดงธรรมด้วยเหตุ-ผลที่เกิดขึ้นจริง และ สัมผัสได้ ด้วยเห็นความเป็นจริงด้วยตนเองครับ

    ผมเคยบอกกล่าวไปหลายครั้งแล้วว่ามีผู้ที่หยิบยื่นคำสอนเข้ามาในพระไตรปิฎกเพื่อทำลายพระศาสนา

    คุณคงไม่อ่านในการบอกกล่าวของผม จึงถามคำถามเดิมๆซ้ำๆบ่อยๆ ผมมีตัวอย่างหนึ่งครับ

    การเดินทางโดยไม่มีแผนที่ แต่ในการเดินทางนั้นมีการถามไถ่ถึงเส้นทางกับผู้ที่อยู่ในสถานที่นั้นๆ

    การเดินทางนี้จะเดินไปถึงจุดหมายได้อย่างสบาย การศึกษาพระไตรปิฎกเป็นสิ่งดี

    แต่หากศึกษาแล้วยึดติดจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะการยึดติดจะทำให้ตนเองไม่มีเหตุ-ผล

    หากคุณเห็น จิต แล้ว คงไม่มาแสดงตนเช่นนี้หลอกครับ ย่อมต้องรู้ว่าการชี้โทษผู้อื่นนั้น

    เป็นสภาวะที่ จิตใจ เกิดการเคลื่อนไหวแล้ว เกิดการสั่นไหวแล้ว จิตใจ ไม่ปกติแล้ว

    แม้ผมจะตักเตือนคุณมากเพียงใด คุณก็ยังกระทำตนเช่นเดิมเหมือนคนที่คิดจะเลิกบุหรี่

    ที่พอเห็นผู้อื่นสูบบุหรี่ ก็จะทนอยู่ไม่ได้ ทนต่อความอยากไม่ไหว จนต้องกลับไปสูบบุหรี่เช่นเดิม

    สาธุครับ
     
  17. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ขออภัยครับ ผมอ่านคำบอกกล่าวของคุณโอ๊ตบ้าง ไม่ได้อ่านคงเยอะ จึงขอให้คุณโอ๊ตกล่าวถึงผลการภาวนาโดยโดยคำบริกรรม ว่ามีลำดับอาการอย่างไรบ้าง
    ตั้งแต่เริ่ม จนมาถึง ณ. ปัจจุบันที่ยังใช้อยู่
    ตรงนี้จะมาเป็นคำถามต่อว่า ที่ยังใช้อยู่ บริกรรมอย่างไร เฉพาะนั่งสมาธิหรือ ทุกครั้งที่กำหนดรู้ ภาษาง่ายๆคือ คิดได้ก็ภาวนา ครับ
     
  18. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การภาวนาก็ไม่แตกต่างไปจากการภาวนาอื่นๆครับ เพียงแต่ผมไม่ได้กำหนดนิมิตอะไร

    มุ่งอยู่แต่คำภาวนาเท่านั้น ส่วนการภาวนาผมภาวนาทุกครั้งที่มีการสั่นไหวของจิตครับ

    ไม่ได้ภาวนาเฉพาะตอนนั่งกรรมฐานครับ เมื่อภาวนาอยู่จน จิต นิ่งสงบดีแล้ว

    การภาวนาจะคลายตัวลงไปเองครับ มีแต่ความนิ่งสงบครับ ในช่วงแรกก็มีความสงสัยเกิดขึ้น

    ว่าจะไปทางไหนต่อ แต่พอนิ่งสงบมากขึ้น บ่อยขึ้น ก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีแค่ จิต ครับ

    เฝ้าดูจิตเพียงอย่างเดียว มุ่งมั่นที่จะเพ่งดู จิต จนเห็นการเคลื่อนไหวเมื่อมีการกระทบเกิดขึ้น

    ไม่ว่าจะเป็นขณะนั่งกรรมฐาน หรือ ไม่ได้นั่งกรรมฐาน ซึ่งสิ่งที่เคลื่อนไหว คือ ความรู้สึกนั่นเอง

    เมื่อเกิดความรู้สึก จิต จะเกิดการรับรู้โดยอัตโนมัติ แต่เมื่อเห็นบ่อยครั้งเข้ากลับสามารถยก จิต ออกได้

    สิ่งที่เห็นต่อ คือ ความรู้สึกนั้นดับลงไป และ จะเกิดความรู้สึกต่อเมื่อเกิดการกระทบ

    เมื่อยก จิต ออกจากความรู้สึกบ่อยเข้า การนึกคิดจะไม่มีผลกับเราครับ ถึงแม้การนึกคิดจะมีอยู่

    แต่เป็นเพียงเกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไปเท่านั้นเองครับ เพียงแต่หากทำได้ทุกอณุวินาที

    จิต จะแยกออกโดยไม่มีสิ่งที่ให้ยึดเกาะ นี่คือ สิ่งที่ผมเห็นครับ ว่าทางนี้เองที่จะทำให้หลุดพ้น

    จิต จะเสื่อมสลายไปเองโดยไม่ต้องบังคับ เพราะไม่มีสิ่งให้ยึดเกาะ

    สาธุครับ
     
  19. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ทีนี้หาก คุณปฏิบัติในทางคำบริกรรมมาและไม่มีอาจารย์ คือเรียนรู้ด้วยตนเอง
    ในการทำสมาธิ โดยใช้คำบริกรรมเป็นเครื่องกำหนด อาการต่างๆที่ปรากฏ
    และความรู้ต่างๆที่ปรากฏ คงต้องรบกวนพี่ปราบ ยกคำสอนหลวงพ่อพุธ มาเพื่อทวนสอบ(โยนิโสมนสิการโดยแยบคาย) ผมมองว่าอาการเหล่านี้แม้แต่ละท่านจะต่างกัน หากแต่ยังคงในแนวเดียวกัน และเข้าใจกันได้ครับ หรือเรียกว่าคุยกันรู้เรื่อง
    การปฏิบัติจึงต้องมีการบอกเล่าสิ่งที่ทำมาแล้ว กำลังทำอยู่
    จึงมีคำกล่าวถึง การขอนิสัยพระ (ขอพระกรรมฐาน)
     
  20. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การปฎิบัตินั้น เป็นหนทางสู่การหลุดพ้นได้จริง ควรที่จะมุ่งมั่นในการปฎิบัติธรรม

    นำพาตนเองไปสู่การหลุดพ้น โดยไม่เวียนว่ายตาย-เกิดในวัฎฎะสงสารนี้อีก

    วัฎฎะสงสารนี้ เป็นสถานที่ ที่มีแต่ความเป็นทุกข์ ซึ่งผมไม่เคยเห็นความเป็นสุขเลยแม้แต่น้อย

    มีแต่หลงคิดไปเองว่า เป็นสุขเช่นนั้น เป็นสุขเช่นนี้ แค่เพียงมีร่างกายก็ก่อให้เกิดความเป็นทุกข์เสียแล้ว

    ซ้ำยังจะมีความรู้สึก รับรู้ ที่จะสร้างการนึกคิดให้เป็นทุกข์อีก หยุด เพียงคำเดียวเท่านั้นที่จะหลุดพ้น

    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...