ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

โฟกัสไปที่ตาถ้าเป็นสัตว์
ถ้าตึก ก็เลือกเอาตามแต่ชอบ...
ขยับไปขยับมาจนได้จุดที่ชัดที่สุด
ส่วนถ้าจะลงรูปใหญ่ ก๊อบลิงค์ แล้วเอามา
แป๊ะใน ไอคอน รูปภาพเพิ่มเติม

 

เคยเห็นตามนิตยสาร ภาพเมืองกรุง ส่วนใหญ่จะเป็นภาพแสงไฟที่ดูสวยงาม บางครั้งแสงไฟจะเป็นเส้นลากยาว (รถวิ่งต่อกัน) แต่ที่ดูของป๋านี่ มันดูแปลกตาค่ะ
ปล. คุณ snooty ไปเก็บภาพอยู่ที่ไหน ??? นะ ^_^

 

ดูดาวบ้าง..

 

มือใหม่เน้อ

 

รูปนี้ช่วงทไวไลท์ก่อนจะมืด

 

แถมอีกรูป "รถไฟฟ้ามาหานะจ๊ะ"

 

แบบนี้หรือ ดูเส้นด้านซ้าย เส้นยาวบนทางด่วน ดวงไฟแฉก
เครื่องบิน กำลังบิน ๓ ลำข้างบน
ปล.จริงๆ ภาพแบบนี้ถ่ายง่ายกว่า ที่นำมาลงก่อนหน้าเยอะ
ขอให้มีขาตั้งกล้องหน่อยก็ถ่ายได้แล้ว มันแบบทั่วๆไป
ไม่ค่อยตื่นเต้น เลยไม่เอามาลงให้ดู...(^_^)

 

ป้าดดดดดๆๆๆๆ snooty เด่วนี้ฝีมือเค้าไม่ธรรมดา...

 

อุ๊ตะ!!! (แล้วตามด้วย) อ๊ากกก!!! ทั้งสองท่าน ไปเลยยยย!!! สวยๆกันทั้งนั้น คุณsoonty คมในฝักนี่นา งามตาแต้ๆ
ของป๋านบ มาบอกว่าง่าย แต่ในสายตาคนชม ภาพแบบนี้สวยกว่ากันเยอะค่ะ ลงหนังสือได้เลยนะนั่น สองท่านนี้ไม่ธรรมดา (เราก็ได้แต่ตาร้อนเผล่าๆ) ถ้ามีโอกาสลองร่วมทิปไปถ่ายภาพกันซิ หุหุ
ปล. ถ้าถ่ายแสงดาวท่ามกลางแสงไฟชัดขนาดนี้ ไม้ลองไปตามเขาที่ดาวเยอะๆ เก็บภาพแสงดาวตรงทางช้างเผือกบ้างละคะ เผื่อเจอฮิเดโกะกับโกโบริ 5555++

 

จริงๆต้องขอบคุณป๋านบ (เป็นอาจารย์ทางธรรมไม่พอ ยังเป็นอาจารย์ทางด้านถ่ายภาพด้วย---ขอบคุณคร๊าบบบ)

ใช้การตั้งค่าตามป๋าแก แต่ส่วนตัวมีปรับบ้างนิดหน่อยตามสภาพแสงในเมืองที่มีมากกว่า

จะบอกวงกรตน้ำว่า เราจองทริปไปถ่ายดาวแล้วที่น่านช่วงปลายปี (แต่ยังถ่ายไม่เป็นนะ กำลังศึกษาอยู่) จะไปตามล่าหมู่ดาวเสมอดอย ที่ดอยเสมอดาว ไปด้วยกันป่าว??

 

อ๊ากกก!!!! จริงดิคะ???? หูยยยย!!!!!

ปล. ป๋านบ มือถือไม่มันจิก๊อปลิงค์รูปมาลงไอคอนได้ไงอะ ???

 

ไปเห็นรูปในเฟสบุคอดีตเพื่อนร่วมบ้านที่แยกกันไปแล้ว (จากกันไม่ค่อยดีด้วย) เด๋วนี้เค้าดื่มกันเกือบทุกคืนเลย แถมมีเพื่อนมาเล่าให้ฟังว่าเหมือนจะสูบบุหรี่อีกด้วย เสียดายเวลาแทนจริงๆ ไม่ยอมไปเรียนหนังสือต่อทักษะการเขียนกับการอ่านภาษาอังกฤษก็อ่อนแอกันอย่างแรง เห็นแล้วก็ว่าจะปลงแต่ก็ยังปลงไม่ได้ เพราะน้องคนนี้พ่อบ้านหนูรักเค้าแบบลูกสาวคนนึงเลย เคยคาดหวังจะให้มาเป็นลูกสะใภ้คนเล็กด้วยซ้ำ เห็นแบบนี้แล้วช้ำใจ เพราะเคยมีเสียงกระซิบมาบอกพ่อบ้านให้พาเด็กคนนี้ย้ายไปอยู่กะครอบครัวหนูไม่งั้นอนาคตจะแย่และเสียเวลา... มาตอนนี้เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกะชีวิตของน้องเค้ากะแฟนพี่ทอม (ไม่ยอมไปหางานทำแต่ปล่อยให้น้องคนนั้นทำงานบาริสต้าหาเงินมาเลี้ยงตังเอง และพี่เชื่อเรื่องดวงมากๆว่าหมอดูทักเค้าว่าเค้าจะรวยมากๆ)

คนเราไม่ไปหางานทำแต่อยากจะรวย เชื่อว่าดวงจะรวยมันซื้อหวยทุกวัน นี่พ่อบ้านหนูเคยสั่งสอนคนพี่ทอมไปก่อนย้ายออกให้ขยันทำมาหากินอย่ามัวแต่นอนดูทีวีกะร่อนไปมา ปรากฏว่าตั้งแต่นั้นมาเค้าก็เลยเกลียดขี้หน้าครอบครัวหนูเลยทีเดียว เวรกรรมของทั้งสองคน(และรวมถึงเราด้วยที่ไปรับรู้เกี่ยวข้องกันมา)

เรื่องดวงนี่หนูก็ชอบนะแต่จะดูเอาไว้เป็นไกด์ไลน์มากกว่าเพราะเชื่อว่าตัวเราต้องเปลี่ยนได้อาจจะไม่ทั้งหมดแต่ทำให้มันดีขึ้นได้บ้างแหล่ะ ฝรั่งถึงไม่ค่อยเชื่อพวกดวงหรือฤกษ์ยามเพราะเค้าเชื่อมั่นในตัวเอง อาชีพหมอดูเค้าถึงไม่ค่อยเยอะเหมือนบ้านเราเนาะ แต่ถ้าฝรั่งที่ทำธุรกิจกะคนจีนนี่ก็จะออกแนวเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยกับฤกษ์ยามอยู่ ตอนนี้ตึกหลายๆย่านในเมลเบิร์นนี่ก็สร้างแบบตามหลักฮวงจุ้ยกันแล้วเพราะพี่จีนแกมาลงทุนจะครองทั้งประเทศแล้ว

 

นั่นหละจะได้รู้จักการอุเบกรับรู้
และตามสภาพสังคมก็จะได้รู้จัก
การอยู่ร่วมกันได้อย่างแยบยลนั่นเอง (^_^)

 

วัดถ้ำเขาวงค์..สระบุรี

 

"เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" บ่ายวันนี้ช่วง 4 โมงเย็นเกิดอุบัติเหตุรถไฟชนรถเก๋งคนขับกะคนนั่งในรถเสียชีวิตคาที่ เรื่องของเรื่องคือเค้าขับไปใกล้ Boomgate หรือไม้กั้นรางรถไฟเพื่อไม่ให้รถวิ่งผ่าน พอไปใกล้มากๆแล้วเจอรถไฟสายด่วยเลยเสยชนรถเก๋งอัดกะชานชลา ปรากฏว่าวันนี้คนเป็นพันๆคนช่วงเร่งด่วนแล้วฝนตกอีกก็เลยกลับบ้านกันช้า เพราะเจ้าหน้าที่รถไฟต้องหารถบัสมาวิ่งระหว่างสถานีแทน (บัสคันนึงจุได้~60 คน แต่ผู้โดยสารเป็นพันๆคน)

รถไฟสายนี้เป็นสายหลักในส่วนเมลเบิร์นฝั่งตะวันออกที่คนอยู่หนาแน่นที่สุดด้วย โชคดีวันนี้ไม่ได้พาเด็กๆนั่งรถไฟเข้าเมืองเล่นไม่งั้นติดแหง็กไม่มีรถกลับบ้านแน่ๆ เวลามีข่าวแบบนี้มามันสะเทือนใจคนที่นี่มากๆเลยเพราะเวลาขับข้ามทางรถไฟต้องระวังดีๆดูสัญญานดีๆไม่ควรเสี่ยงไปใกล้ด้วย

 

จบแข่ววว !!!

 

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ...(^_^)

 

ง่ะ คมจนบาดตาเลยค่ะ

 

"หมอดูแช่งลูกค้า"

ช่วงนี้ที่ออสเตรเลียมีหมอดูผู้ทำนายทายทักผัดเปลี่ยนมาเดินสายดูฮวงจุ้ยกิจการร้านค้ากับรับดูดวงกันหายคนมากทั้งซิดนีย์ เมลเบิร์น อะดิเลด มีอยู่ท่านนึงเป็นผญ.มีอายุชื่ออ.วารุณี เห็นแกแช่งลูกค้าที่มาดูดวงกะแกด้วย คือมีคนอยากขายร้านอาหารแต่ขายไม่ออกเลยให้แกมาช่วยแนะนำ พอแกแนะเสร็จเจ้าของร้านคนนั้นขายร้านได้ แต่ไม่ส่งข่าวแก ลูกศิษย์อีกคนเลยส่งข่าวให้ ปรากฏว่าแกมาแช่งลูกค้าในเฟสบุคว่าเธอขายร้านอาหารได้ไม่ส่งข่าวอาจารย์สักคำ ขอให้เมื่อเดินทางมาถึงไทยให้เงินนั้นละลายหายหมดภายในเดือนนึง โทษฐานที่ไม่บอกกัน แกเป็นหมอดูและสอนสมาธิด้วย แต่พอมาเจอแบบนี้ทำไมไปแช่งคนเค้าแบบนั้น มันไม่มีจรรยาบรรณอาชีพเลย แกน่าจะดีใจนะที่ช่วยลูกค้าได้ แช่งคนแบบนี้มันบาปใช่ไม๊คะ

 

ติดเรื่องสรรเสริญครับ
และมันบาปอยู่แล้วครับ
เอามะม่วงไปให้คนอื่น
แล้วเกิดคนนั้นไม่รับ
ถามว่ามะม่วงนี้จะเป็นของใคร...

นอกจากจะสามารถโยนมะม่วง
หรือบังคับให้เค้ากินมะม่วงได้
นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ก็หาใช่
ว่าจะหาคนทำแบบนี้ได้ง่าย
เพราะคนที่สามารถทำได้
ก็มักจะไม่ค่อยแช่งใครอยู่แล้ว
เพราะเค้ารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่อง...


การช่วยคนแบบนี้เรียกว่า
ช่วยแบบยังหวังผลอยู่ครับ..
พวกนี้มันเป็นกิเลสอย่างหนึ่งนะครับ..
การดูหมอโดยความจริงแล้ว มันไม่ใช่ทางหลุดพ้น
นะครับ แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันอยู่คู่กับ
พุทธศาสนามานานมากแล้ว
ดังนั้นถ้ายังต้องพึ่งพาอยู่ ก็ทำได้
แต่ว่าอย่าไปยึดมั่นถือมัน วางใจเป็นกลางๆไว้ก่อน

และในทางพุทธแล้ว
จะใช้ในเรื่องของการพยากรณ์ สภาวะธรรมของ
ผู้ปฏิบัติที่จะเกิดในอนาคตก็จะพอมีให้เห็นบ้าง..

อย่างหมอดูนั้น จริงอยู่แม้ว่า ตัวเค้าจะดูไม่ได้ติด
ในเรื่องของลาภที่ได้จากการดู แต่ว่าเรื่องการอยาก
ได้รับการสรรเสริญและยอมรับถ้าจะติดแบบไม่รู้ตัว...
เป็นเหตุให้ความสามารถที่มีเลยออกแนวครึ่งๆกลางๆ
คือมีความเห็นของตนเองเข้าไปแทรกร่วมด้วยเสมอ
และไม่ต้องห่วง เค้าไม่มีบารมีมากพอที่จะแช่งใคร
เค้าได้หรอก คนที่พอจะแช่งใครได้แบบที่ไม่คิดเอาเอง
ว่าคนโน้นจะเป็นโน้นเป็นนี่ หรือวิตกไปว่าเผลอไปแช่ง
คนโน้นนี่นั้นว่าและเค้าจะเป็นอย่างนั้น
จะเป็นอีกแบบหนึ่ง
จิตยังทำอะไรพิเศษๆเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้
จะเอากำลังจิต เอาอะไรที่ไหน
ไปแช่งใครได้หละครับ
ปล.พอนึกออกเนาะ