ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ก้อพอไปบำบัดมาเมื่อวาน ก้อไม่สนใจแล้วว่ามาในฝันอย่างงั้นอย่างงี้ ทุกวันนี้ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ก้อกินยาที่เป็นไบโพลาร์อยู่ แต่เรารู้ตัวเอง ว่าไม่ได้จินตนาการไปเองแน่ๆ เพราะเราก้อไม่อยากยุ่งกับเค้าหลายครั้งแล้ว หลังสั่งจิตบำบัด ก้อมั่นคงในธรรมะมากขึ้นนะ เค้าจะอะไรยังไงกับเราในฝัน เราไม่สนใจแล้ว เราไม่เอามาปรุงแต่งให้รกสมองแล้ว เราจะสร้างแวลู่ให้ตัวเองใหม่ เหมือนที่คุณนิวรณ์เคยแนะนำเรา และเหมือนที่ครูอ้อยสอน สุดท้ายก้อต้องตั้งใจสวดมนต์ขอขมาพระรัตนตรัยเหมือนที่คุณนพบอก หลังสั่งจิตเราไม่มีความคิดพิเรนท์ปรามาสพระรัตนตรัยเลยนะ คือแว๊บๆแต่น้อยมาก นักบำบัด(ครู)ทำให้เรารักตัวเองมากขึ้นจากภายในจริงๆ

 

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวปถุชนคนช่างสงสัย ^_^

วันนี้มีคำถามมาถามค่ะ พอดีได้สูตรบำรุงสายตา เลือด และร่างกายมา แต่มีส่วนผสมของเหล้าขาว ต้องให้ดื่มทุกวัน จึงเป็นที่มาของความสงสัยว่า ถ้าเราดื่มทุกวัน (1แป๊ก) จะผิดศีลรึไม่คะ??? และมันจะทำให้ติดเหล้าขาวรึไม่

 

ติดไม่ติดอยู่ที่ตัวจิตเรามันสร้างอุปทานเข้าไปยึดหรือเป่า
มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามันเป็นอะไร...
เรื่องอื่นๆก็คล้ายๆกัน..
ซึ่งตรงนี้ต้องพิจารณาให้ดีๆ อาศัยการพิจารณาร่วมด้วย
และเรื่องยึดติดหรือไม่ยึดติด มันเป็นนามธรรม
เวลามองพยายามมองที่กิริยาที่เกิดกับตัวจิตก่อน
ที่จะส่งผลให้เราปรุงแต่ง และใช้ร่างกายไปทำโน้นนี่นั่น..
เพื่อสนองอุปทานจนกลายเป็นการสนองกิเลิสโดยไม่รู้ตัว...
เราอย่าพึ่งไปมองที่รูปธรรม
ให้มาดูที่ใจเราให้ดีๆก่อน...จะทำให้เราเข้าใจ
อะไรๆทางนามธรรมได้ดีขึ้น..
ศีลแปลว่าอะไร ศึกษาดูดีๆ จริงๆไม่ได้แปลว่าห้าม
แต่แปลว่า ละหรือควรงดเว้น ถ้ายึดศีลเราก็ผิดศีลแล้ว
ผิดเพราะเราไปยึดนั่นหละตัวจิตจะสร้างตัววิญญาน
ไปยึดมั่นถือมั่นจิตเราจะไม่คลายตัว และไปสร้าง
ความเครียดให้เกิดกับตัวจิตได้อย่างไม่รู้ตัว..
เป็นเหตุให้เราไป คิด วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ไปเรื่อย
ทำให้เราตัดสินใจด้วยตัวเองได้ยาก ว่าอะไรควรไม่ควร
และสุดท้ายก็ต้องไม่ลืมว่า รูปธรรมกับนามธรรม
มันก็ต้องอาศัยพึ่งพากันอยู่. ร่างกายกับจิต
ก็เช่นเดียวกัน ร่างกายไม่ดีใช้ไม่ได้. จิตมันก็อยู่ไม่ได้.
ปล.พอเข้าใจเนาะ

 

กระทู้นี้ท่าจะถูกทิ้งร้าง หลังจากหายไปเข้ากลุ่มกันในเฟส...
ในบรรดาอาหารไทย ต้มฟักนี้ ดิฉันชอบมาก มีวันหนึ่งเลยอยากทำไปถวายพระทำบุญ ซึ่งมารดาก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด มีแต่เปรยว่า ปกติพวกฝักแฟงนี้ เค้าไม่นิยมทำถวายพระกัน เพราะพระท่านบางองค์ไม่ฉัน
ก็พอรู้ว่า ถ้าหากบางคนเล่นของ จะไม่กินของพวกนี้ แต่พวกใดทานได้ พวกใดทานไม่ได้ ไม่มีความรู้ละเอียดขนาดนั้น แต่ก็มานึกๆว่า ในเมื่อเป็นของแสลงสำหรับพวกเล่นของ มีเวทย์มนต์คาถา งั้นการทานฟักแฟง ไม่สามารถขับของ รึไสยศาสตร์ ที่บางคนโดนกระทำไม่ได้เชียวรึคะ???
ปล.ก็ยังมีแบบอื่นๆอีกเช่น รอดราวผ้าถุง เป็นต้น (เค้าว่าของจะเสื่อม)

สิ่งใดๆในโลกล้วนเกิดจากจิต ...

 

กลุ่มเล่นสายดำหรือศาสตร์มืดเนาะ
ของแสลงอะไรก็ตามแต่จะทำให้ระบบ
ฐานพลังงานในการใช้งานของเค้าป่วน
หรือพลิกหรือเปลี่ยนอย่างใดอย่างหนึ่ง
เป็นเหตุให้เค้าใช้งานแบบเดิมไม่ได้เลย ณ ตั้ง
แต่เวลาที่กินเข้าไป(ย้ำว่าใช้ไม่ได้เลย
ไม่ใช่ว่าตกลงนะคับ)
เค้าเลยเข้าใจว่าตัวเองฤิทธิ์เสื่อม
ถูกถอน ฯลฯอะไรประมานนี้คับ
ปล.งูมีพิษอยู่ที่ไหนก็มีพิษคับ
อยู่ที่ว่างูตัวนั้นเป็นงูที่พยายามสร้างตัว
เองให้เหมือนว่าตัวเองมีพิษ หรือสร้างตัว
เองจนมีพิษเกิดขึ้นในตัวของมันเองคับ
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นมายาจิตคับ

 

งูพิษนี่ ลุงแมวแต่ไม่เลี้ยงแมวเลี้ยงแต่ชิวาวา ๒ สามตัว
เข้าใจว่าพิษติดตัวมาตามสายพันธุ์
และมนุษย์นี่ก็น่าจะเป็นทำนองเดียวกันนะฮะ
คือคนที่สายพันธุ์มีฤทธานุภาพอยู่แล้วหากมาบ่มเพาะฝึกฝน
ปลุกฤทธิ์ขึ้นมาก็จะได้ฤทธิ์แท้และถาวร หากไม่ได้มาจาก
สายพันธุ์ที่มีฤทธิ์ แต่พยายามมาสร้างขึ้นก็มีได้แต่ไม่คงที่มั่นคง ย่อหย่อนได้สลายไปได้ จนไม่เหลืออะไร เช่นเดียวกับ
งูเขียวหรืองูกินเขียดครับ

 

ลุงแมวพูดถึงงู ติงเจองูบ่อยนะคะ แต่โชคดีไม่เคยถูกเขากัดค่ะ
ถามว่าชอบงูหรือเปล่าตอบว่าไม่ชอบเลย(มันเป็นตาย่าน)

ส่วนชิวาวานั้นน่ารักดีค่ะ

 

นึกเรื่องเก่า เล่าความหลัง กินของขม ชมเด็กสาว..แปลว่า..เริ่มแก่แล้ว..๑
เชื่อว่าทุกๆคนคงไม่มีใครอยากที่จะแก่ ทุกๆคนคงอยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวเอาไว้ให้ได้นานที่สุดแน่ๆ แต่วันเวลาไม่มีวันหวนคืน พอถึงที่สุดแล้วก็หนีความแก่ไปไม่พ้น ถึงแม้จะนึกปลอบใจตัวเองว่าใบหน้าฉันยังดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงอยู่นะ แต่ไม่กล้าบอกอายุ โดยเฉพาะกับคุณผู้หญิงนั้น ถ้าผู้ชายไปถามอายุคุณเธอแล้วละก็ จะโดนหาว่าหยาบคายเอาดื้อๆ

สิทธิการิยะ ว่ากันว่าถ้าจะสำรวจดูว่าความแก่มาเยือนถึงตัวแล้วหรือยัง ท่านว่าให้สังเกตดูว่า เกิดเหตุสี่ประการแล้วหรือยัง เหตุสี่ประการนี้ก็คือ

๑.นึกเรื่องเก่า คือ ว่างเป็นไม่ได้ จะใจลอยนึกเจาะเวลาหาอดีตของตัวเองอยู่เรื่อย เช่น โอ้..ที่ตรงนี้เราเคยนั่งรอกิ๊กคนแรกแล้วไปเที่ยวกัน

๒.เล่าความหลัง คือเจอเพื่อนเป็นไม่ได้ จะชวนกันเล่าเรื่องครั้งอดีตกันแบบซ้ำๆซากๆ เช่นว่าเคยแย่งกันจีบหญิง บางทียังเผลอล้อชื่อพ่อกันเหมือนเด็กๆ บ้างก็ชอบเล่าเรื่องในอดีตให้เด็กเล็กฟังอยู่ได้ หารู้ไม่ว่าเด็กมันเบื่อ

๓.กินของขม ข้อนี้แปลกแต่มีเค้าของความเป็นจริงอยู่มากเหมือนกัน เราจะสังเกตดูได้จากคนแก่ จะเห็นคนแก่กินของขมๆกันได้แบบสบาย ทั้งๆที่ตอนที่ยังไม่แก่นั้นกินของขมไม่ค่อยจะได้ หรือกินขมไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วอยู่ๆพอมีอายุมากเข้า ดันกินของขมๆได้อย่างหน้าตาเฉย แถมชอบกินอีกด้วย

๔.ชมเด็กสาว ข้อนี้เห็นชัดเจนเห็นกันอย่างจะๆเห็นได้ทั่วไป ถ้าไปเห็นท่านผู้สูงวัยเดินกับเด็กสาวๆแล้ว นั่นอาจจะไม่ใช่ลูกหลาน ถึงบางทีเห็นเด็กมันเรียกป๋าก็อาจไม่ใช่ป๋า เพราะเป็นคุณป๋าขา..ที่ทนุถนอมหนูๆด้วยอาพาร์ทเม็นท์หรูๆ มีค่าขนมมีค่าหน่วยกิต มีรถเก๋ง มอบให้คุณหนูอย่างอารีย์กว่าให้เมียตัวเอง

ท่านที่ชอบนึกเรื่องเก่าเล่าความหลังนี้ แต่พยายามฝืนที่จะไม่กินของขม และยังไม่ชมเด็กสาว(ให้เห็น) อย่างนี้จะนับว่าเริ่มแก่แล้วหรือยัง คาดว่าท่านทั้งหลายคงจะตอบว่ายังไม่แก่อย่างแน่นอน ดังนั้นเรามานึกเรื่องเก่าเล่าความหลังกันให้พอเคลิ้มๆ

(อ่านมาค่ะ วันนี้คิดถึงกระทู้นี้ จะมาถามก็ไม่มีคนมาตอบแล้ว)

 

จะมีใครจะเคลียร์คำถามได้ดีเท่าพี่ระมิงค์ จขกท.ครับ
ครูติง??

 

สวัสดีวันสงกรานต์ ปีใหม่ไทยค่ะ ขอให้ทุกๆท่านมีความสุข สุภาพแข็งแรง สมใจจิตปราถนานะคะ ^_^

 

แวะผ่านถิ่นเก่า นำภาพมาฝากให้ดูครับ...
องค์แรก พิษณุโลก

 

ก็มีภาพวิว ภาพอะไรบ้าง...
ณ ทุ่งแสลงหลวงครับ..

 

เด่วพักก่อน ไว้จะนำภาพ ดอกไม้มาลงบ้าง
ปล.มือใหม่ครับ..

 

รูปเบิ้ลห้าเลยฮับป๋า