ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณจันทรกาล และท่านผู้มีจิตศรัทธาทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

ในการสร้างบุญกฐินครั้งนี้ อย่างน้อยก็ได้ไปอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เนื่องจากได้ถวายพระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์แล้ว ยังมีบุญได้สร้างวิหารทาน และหากเป็นเทวดา หรือเทพธิดา ทุกวิมานจะมีความสว่างไสวกว่าวิมานอื่น ๆ เนื่องจากมีบุญถวายดวงแก้วมณี ถึง ๒ ดวง ซึ่งหาได้ยากค่ะ

บุญกฐินโดยทั่วไป ย่อมมีอานิสงส์ได้เกิดในสุคติภูมิในเทวโลก และหากเกิดมาเป็นมนุษย์ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิถึง ๕๐๐ ชาติ เป็นอภิมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ ยังไม่ทันเสวยผลบุญหมด เข้าพระนิพพานกันไปก่อนแล้ว

เราไม่ได้กล่าวถึงบุญในการร่วมบริวารกฐินอื่น ๆ ที่มีอานิสงส์ปลีกย่อยไปอีกค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ได้ร่วมบุญในครั้งนี้ค่ะ

Numsai

 

ขอโมทนาบุญกับคุณ mooom และคุณ Sun2555 ด้วยค่ะ
ว่าแต่กริชสวยจังนะคะ เสียดายจังไม่ได้ร่วมประมูลด้วย...

และขอโมทนาบุญกฐินวัดเขาวงกับพี่น้ำใสด้วยเจ้าค่ะ
สาูธุ...อนุโมทนามิ

 

pity_pig ชีวิตนางแก้วช่างอับเฉานัก แง ๆๆๆ
อ่านแล้วสะท้อนใจเจ้าค่ะ ถ้าคู่หนูลาแล้วปล่อยหนูทิ้งเอาไว้
คงร้องไห้จนขาดใจแน่ ๆ ...


ขอโมทนากับพี่น้ำใสที่มีใจปรารถนากล้าแกร่งในการสร้างบารมีเพื่อจะเป็นนางแก้วนะคะ
เป็นหนูคงเปิดแน่บไปไกลแย้ว...อย่างน้อยถ้ายังมีคนจะเอาหนูไปเป็นนางแก้วอีก
หนูคงหนีสุดชีวิตแน่ ๆ.... สู้เป็นผู้ชายแล้วปรารถนาพุทธภูมิต่อดูจะดีกว่าอีก <a href="http://www.yenta4.com/cutie/view_img.php?d_id=1212&cate_id=1" target="_blank"><img src="http://www.yenta4.com/cutie/upload/212/1212/48b435e16526c.gif" border="0" alt="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com" title="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com"></a><br />


แฮ่ แต่พี่ดีจังค่ะที่ทราบว่าต้นเหตุแห่งความปรารถนานางแก้วอยู่ตรงไหน
ของหนูยังหาไม่เจอเลย....ไม่รู้ว่าไปพลาดท่าตอนไหนก็ไม่รู้สิคะ
ทราบแต่ว่าเป็นเพื่อน (ชาย) กันมาก่อน แหะ
ช่วงนี้จิตตกยกยังไม่ขึ้นเลยค่ะ เหมือนจะขึ้นแต่ก็มีเรื่องมากมาย
เลยทำให้เข้าสมาธิและทรงอารมณ์ไม่ได้เหมือนเช่นก่อน...
อยากรู้อะไรก็เลยไม่ได้รู้...คงต้องสู้กับนิวรณ์ต่อปายยย


ขอเป็นกำลังใจให้พี่ค่ะ และขอรออ่านประวัติพระเกษรีฤาษีใจจดใจจ่อนะคะ

 

สำหรับท่านที่มีความประสงค์อยากจะไปร่วมงานบุญมหากฐิน ในวันที่ 17 นี้
เราได้จัดรถตู้ไป จำนวน 5 คันค่ะ

ณ ขณะนี้ มีที่นั่งว่างเหลืออีก 4 ที่นั่งแล้วค่ะเป็นรถตู้ VIP 10 ที่นั่ง
เดินทางไปตอนเย็นวันที่ 16 พย.2555 กลับวันที่ 18 พย.2555 นี้ค่ะ

สนใจ สอบถามรายละเอียดได้เพิ่มเติมเชิญหลังไมค์ กับเอ๋ได้ค่ะ 089 921-3969

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ที่ไปร่วมงานบุญนี้นะค่ะ

จันทรกาล

 

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขออภัยน้องน้ำตาล และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ อยู่ ๆ ก็หายไป(ทำใจ)ซะหลายวัน

วันอาทิตย์กลับจากวัดเขาวง ด้วยความขยัน จัดสวนหน้าบ้านใหม่ ย้ายกระถางไปมาซะเอวเข็ด นอนซมไป ๒ วัน วันนี้เริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ ช่วงนี้ใกล้บุญใหญ่เจ้ากรรมทะยอยมาทวงบัญชี:''(

เรื่องของนางแก้ว ความจริงพี่ก็เบื่อการเกิดมาก ๆ อยากจะเข้าพระนิพพานใจแทบขาด แต่พระท่านไม่อนุญาต เลยต้องทำใจ:''(

สำหรับประวัติท่านปู่เกษรีวันนี้จะเล่าให้อ่านต่อนะคะ

ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลและทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

หายป่วยไวๆ นะค่ะ พี่น้ำใส ช่วงนี้ขาลก็โดน นั่นโน่นนี่ บาดเลือดออกเรื่อยเลย

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ และขอให้หายเร็วๆนะครับ

 

ขอบคุณคุณ mooom และน้องขาลมาก ๆ ค่ะ ที่ให้กำลังใ ตราบใดที่มีขันธ์ ๕ ก็ต้องแบกทุกข์ประจำ และทุกข์อย่างนี้แหละค่ะ การเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา ความไม่แน่นอนก็เป็นเรื่องธรรมดา ก็ต้องรักษากันไปค่ะ

ขอโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

..เรื่องของพระเกษรีฤาษี ตอนที่ ๑๐ กำเนิดดวงแก้วสิกขชยมงคล..


หลังจากที่กลับจากภพบาดาลครั้งนั้น พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าอีก ๙๙๙ องค์ก็ได้โปรดมนุษย์ผู้มีความเกี่ยวเนื่องตามวาระของแต่ละบุคคล และไม่ได้กลับไปยังสัตตรัตนนครอีกเลย

กาลต่อมา พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้าได้ทรงโปรดกษัตริย์พระองค์หนึ่ง นามว่า พระเจ้าสัตยารัตน์ แห่งเมืองไชยเมตตนคร มีพระมเหสีพระนามว่า พระนางศิลปารวี มีพระโอรสทั้งสิ้น ๔ พระองค์ ทรงได้พบพระปัจเจกพุทธเจ้าในป่าใกล้กับพระนคร ขณะที่ทรงประพาสป่า


พระเจ้าสัตยารัตน์นั้น เห็นบุรุษหนึ่งนั่งใต้ต้นไม้ มีแสงสว่างดุจพระจันทร์ส่องประกายไปทั่ว ทรงคิดว่า เป็นเทพารักษ์ จึงได้นำผลไม้ และเสบียงที่ติดตัวมา ถวายแด่เทพารักษ์(ตามความเข้าใจ) เมื่อพระมังคลปัจเจกพุทธเจ้าได้ทราบด้วยพระญาณ ทรงทอดพระเนตรและตรัสว่า..

“ดูกรมหาบพิตร เราคือ พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้า เรามาเพื่อโปรดท่าน เพราะท่านเคยมีคุณแก่เราในกาลก่อน หากมหาบพิตรปรารถนาสิ่งใด ขอให้ตั้งจิตอธิษฐานตามใจปรารถนาเถิด”


พระเจ้าสัตยารัตน์นั้น ได้ฟังพระสุรเสียงก็เกิดความปลื้มปิติใจ จึงได้อธิษฐานว่า...

"ขอให้ผลบุญนี้ส่งผลให้ หากข้าพเจ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ ขอให้ได้บวชไปทุกภพชาติ เช่นพระคุณเจ้าด้วยเถิด"

หลังจากได้สนทนาธรรมตามสมควร จึงได้ทราบว่า ยังมีพระปัจเจกพุทธเจ้าอีก ๙๙๙ องค์ จึงทูลอาราธนาพระมังคลปัจเจกพุทธเจ้าว่า..

“ขอพระคุณเจ้า ๑๐๐๐ องค์ ได้โปรดรับภัตตาหารในพระราชวังของหม่อมฉันเถิดพระพุทธเจ้าข้าฯ หม่อมฉันขออุปัฏฐากพระคุณเจ้าทั้ง ๑๐๐๐ องค์ได้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบายพระพุทธเจ้าข้าฯ”

พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้านั้นได้รับอาราธนา จากนั้น พระเจ้าสัตยารัตน์และชาวเมืองก็สร้างเสนาสนะบริเวณพระอุทยาน และได้อุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้าต่อไป

ฝ่ายท่านเกษรีฤาษีได้อุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นเวลากว่า ๒๐๐๐๐ ปี (ในยุคนั้นมนุษย์มีอายุขัย ๘๐,๐๐๐ ปี ) เมื่อทราบว่า มีผู้อุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็ได้กราบลาพระปัจเจกพุทธเจ้าป่าปลีกวิเวกเป็นเวลาหลายเดือน เมื่อออกจากสมาบัติ ได้วิชาที่ตนเองได้ร่ำเรียนจากพระฤาษีทั้ง ๕ เนรมิตดวงแก้วมณีขึ้นมา ๑ ดวง เพื่อบูชาคุณของพระปัจเจกพุทธเจ้า นามว่า “สิกขชยมงคล” หมายถึง การปฏิบัติที่นำมาสู่ความเป็นมงคลแก่ชีวิต จากนั้นได้เหาะนำไปถวายแด่พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้า เพื่อบูชาครู


พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายต่างโมทนาสาธุการในการกระทำของท่านเกษรีฤาษี จากนั้นท่านเกษรีฤาษีก็ได้เหาะกลับไปยังที่พำนักของตน เพื่อบำเพ็ญเพียรต่อไป

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

สาธุ ขอโมทนาบุญกับพี่น้ำใสค่ะ

หน้าที่นั้นสำคัญนักหนา อิอิ
อะไร ๆ ก็หน้าที่ ต้องก้มหน้าทำหน้าที่กันต่อไปตามที่พระท่านให้มา...(แอบบ่นนี๊ดนุง)
เป็นนางแก้วกัลยา...นั้นต้องอดทนยิ่งกว่าสีทนได้...

ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

 

7/11/2555 คุณกันตินันท์ กรองทอง และกลัยาณมิตร
ร่วมเป็นเจ้าภาพงานบุญกฐิน จำนวน 11,500 บาท

ขออนนิสงส์แห่งบุญนี้ ให้ครอบครัวของทุกๆท่านมีความสุข อย่าได้มีโรคภัยมาเบียดเบียน
ให้มีความเจริญ ร่ำรวย มีโชคลาภ
รวมทั้งแก้วแหวนเงินทองกินใช้ไม่หมด
และขอให้เจริญทั้งทางโลก และทางธรรม

ขออนุโมทนาบุญกับคุณกันตินันท์ และ กลัยาณมิตร ทุกๆท่านด้วยค่ะ


จันทรกาล

 

..เรื่องของพระเกษรีฤาษี ตอนที่ ๑๑ พระปัจเจกพุทธเจ้าปลงสังขาร..


หลังจากที่ท่านเกษรีฤาษีไปแล้ว พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๑๐๐๐ องค์ ยังอยู่ในความอุปัฏฐากของพระเจ้าสัตยารัตน์ และชาวเมือง โดยทุก ๆ วันจะมีเจ้าภาพถวายภัตตาหารแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าตามกำลังทรัพย์ของตน ชาวเมืองต่างอาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ องค์บ้าง ๔ องค์บ้าง หรือหากเชื้อพระวงศ์ หรือมหาเศรษฐีในเมืองก็จะอาราธนา ๕๐๐ องค์ หรือทั้ง ๑๐๐๐ องค์ ตามกำลังศรัทธา บางครั้งพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ได้เสด็จไปโปรดคนต่างเมืองต่างแคว้นตามวาระของแต่ละท่าน เป็นอย่างนี้นับหลายหมื่นปี


วันหนึ่งพระมังคลปัจเจกพุทธเจ้าได้เรียกพระเจ้าสัตยารัตน์มา และกล่าวว่า...

“ มหาบพิตร ทราบหรือไม่ว่า เหตุใดเราจึงอยู่ที่นี่เพื่อสงเคราะห์พระองค์และชาวเมืองนี้”พระเจ้าสัตยารัตน์ ทรงตรัสว่า “ไม่ทราบพระพุทธเจ้าข้าฯ” พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้า ตรัสว่า

“ครั้งแรกที่เราเคยกล่าวว่า พระองค์เคยมีคุณแก่เรานั้น เหตุก็คือ...

“ย้อนไปเมื่อครั้งสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า “พระพุทธสิกขีทศพล” มหาบพิตรได้เสวยพระชาติเป็น “ท้าวสักกเทวราช” ครั้งนั้นพระองค์ช่วยส่งเทพบุตรถึง ๔ องค์มาดูแลผ้าภักษภูษา อันเป็นผ้าที่คู่บารมีของเราในอดีตครั้งนั้นได้ทอขึ้นมาด้วยมือของนาง นางได้อ้อนวอนร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ปกป้องคุ้มครองเรา และคณะให้ปลอดภัย
มาบัดนี้ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรามหาบพิตร เราจึงต้องมาสงเคราะห์ท่าน และบริวารทั้งหลาย รวมทั้งพระโอรสของท่านทั้ง ๔ อันได้แก่ เจ้าชายสีหราช เจ้าชายสีหเดช เจ้าชายสัตยราช และเจ้าชายสิทธิชัย ก็คือ เทพบุตรที่คอยช่วยเหลือเราในคราวนั้น

พระองค์และพระโอรสองค์โต เจ้าชายสีหราช นั้นได้มีปรารถนาอันยิ่งใหญ่ในอนาคตกาล ขอให้คงความปรารถนานั้นอย่าได้เสื่อมถอย ในอนาคตกาลเบื้องหน้า พระองค์จะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง นามว่า “สมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า”

หลังจากพระองค์ได้ละสังขารจากชาตินี้ไปแล้ว จะมีพระฤาษีนามว่า “เกษรีฤาษี” ผู้ที่นำดวงแก้วมณีมาถวายแก่เรา เป็นผู้ติดตามหา และสานต่อเรื่องนี้แก่พระองค์ต่อไป
ในชาตินี้ขอให้ตั้งใจประพฤติปฏิบ้ติธรรมตามที่เราได้สอนไว้ พระองค์จะสมหวังดังคำอธิษฐานต่อไป”

พระเจ้าสัตยารัตน์ ทรงปลื้มปิติใจทราบเรื่อง จึงนำความนี้ไปบอกกล่าวแก่พระโอรสทั้ง ๔ ต่างคนต่างอธิษฐานขอให้ได้เกิดมาได้พบพระพุทธเจ้า และได้ถวายทานแด่พระองค์ พร้อมพระสาวกทั้งหลายในอนาคตกาล

ต่อมาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายถึงกาลจะปลงสังขาร เกิดแผ่นดินสะเทือนไปทั่ว พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้า ได้ทรงแจ้งว่า อีก ๓ เดือน พระองค์จะปลงสังขาร จึงได้ลากลับไปยังภูเขาอิทธิสิทธิ์ อันเป็นที่พำนักของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายในยุคนั้น พระเจ้าสัตยารัตน์ และชาวเมืองทั้งหลายต่างอาลัยอาวรณ์ พร้อมกันตั้งใจรักษาอุโบสถศีลเป็นเวลา ๓ เดือน เพื่อเป็นการบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยความอาลัย ยังมีต่อ....

 

..เรื่องของพระเกษรีฤาษี ตอนที่ ๑๒ พญาโภคนาคราชสูญเสียพระธิดา


กล่าวถึงท่านเกษรีฤาษีนั้น ในวันที่พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้าได้กล่าวปลงสังขาร เกิดเหตุแผ่นดินสะเทือน ส่งผลให้ท่านออกจากสมาบัติ เมื่อตรวจดูด้วยญาณทัสสนะทราบว่า ..

“อีก ๓ เดือนพระปัจเจกพุทธเจ้า ทั้ง ๑๐๐๐ องค์จะเข้าปรินิพพาน และขณะนี้ท่านได้พำนักอยู่ที่ภูเขาอิทธิสิทธิ์ ที่เคยอุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้า”

ท่านจึงเหาะมายังที่พำนักของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายทันที ในช่วงนี้พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายส่วนใหญ่จะอยู่ในการสมาธิอิริยบทต่าง ๆ กาลนี้ ท่านเกษรีฤาษีจึงได้ไปยังเมืองสัตตรัตนนคร เพื่อแจ้งข่าวการปลงสังขารของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายแก่พญาโภคนาคราช

ซึ่งขณะนั้น เมืองสัตตรัตนนครอยู่ในช่วงการสูญเสียเจ้าหญิงปุญญวิกาไป เนื่องจากมีสงครามระหว่างพญานาคตระกูลสีเขียว และตระกูลสีดำทำสงครามกัน ครั้งนั้นพญานาคตระกูลสีเขียวเป็นฝ่ายชนะ แต่ขณะที่พญาโภคนาคราช พระโอรส ๒ พระองค์ และเหล่าทหารทั้งหลายไปทำสงคราม ฝ่ายครุฑถือโอกาสมาตีเมืองสัตตรัตนนคร เพื่อแย่งชิงดวงแก้วมณี และหมายจะถล่มเมืองสัตตรัตนนครให้ย่อยยับ เจ้าหญิงปุญญมาณวิกาเห็นว่า หากจะรบกับคงต้องพ่ายแพ้แก่ฝ่ายครุฑ จึงให้พระพี่นางทั้ง ๔ พาชาวเมืองหลบหนียังที่ปลอดภัย และได้รักษาเมืองไว้ โดยการขยายกายให้ใหญ่ปกคลุมเมืองทั้งหมด

เมื่อฝ่ายครุฑมาถึงก็ได้โจมตีจากทุกด้าน หลังจากนั้น พญาโภคนาคราช พระโอรส และเหล่าทหารนาค กลับจากทำสงครามพอดี จึงได้มาช่วยไว้ได้ แต่ด้วยการถูกโจมตีจากทุกทาง ทำให้นางทนพิษบาดแผลไม่ไหว้จึงอยู่ได้เพียง ๗ วัน จากนั้นได้จุติไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ภายหลังชาวเมืองต่างให้นามใหม่แก่นางว่า “รักขมาณวิกา"


เมื่อท่านเกษรีฤาษีได้ทราบความ ได้แสดงความเสียใจ และกล่าวแก่พญาโภคนาคราชว่า..

“ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนอนิจจัง ไม่มีอะไรแน่นอน ขอท่านจงระงับความโศก อย่าได้เสียใจไปเลย ขอให้ตั้งใจรับบุญใหญ่อีกครั้ง ผลบุญนี้จะส่งให้พระธิดาของท่าน และเหล่าทหารที่จุติในสนามรบได้เคลื่อนภพภูมิที่สูงขึ้นได้”

พญาโภคนาคราช และพระมเหสีนั้น แม้อยู่ในห้วงทุกข์ก็ปรารถนาจะส่งบุญไปให้พระธิดาด้วยความรัก จึงให้เจ้าชายอัคคีตาปะนาคราช พระโอรสองค์โต เจ้าหญิงตติมาณวิกา, สุนันทะเสนานาค เจ้าหญิงสุนทรีย์เทวี พระโอรสและธิดาของกนิษฐาพญาโภคนาคราช ,ปทมนาคราช และอุสรินทร์นาคราช อันเป็นองครักษ์ซ้ายขวาของพระธิดาปุญญมาณวิกา และบริวารอีก ๑๐๐๐ ตน เพื่อติดตามท่านเกษรีฤาษี ช่วยอุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๑๐๐๐ องค์ รวมทั้งท่านเกษรีฤาษีอีกด้วย

ครั้นไปถึงเจ้าชายอัคคีตาปะนาคราชที่เปี่ยมด้วยฤทธานุภาพ ใช้ฤทธิ์บันดาลให้เกิดวิมานแก้ว ประดับด้วยรัตนทั้ง ๗ จำนวน ๑๐๐๑ วิมาน พร้อมอาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๑๐๐๐ องค์ และท่านเกษรีฤาษีได้ประทับในวิมานนั้น

ส่วนพญานาคตนอื่น ๆ ก็ช่วยเหลือกันตามกำลัง ฝ่ายเจ้าหญิงตติมาณวิกานั้น เป็นผู้ชอบความสวยงาม ชอบตบแต่งเสนาสนะ ได้เนรมิตสวนดอกไม้ให้งามดุจสรวงสวรรค์ เจ้าหญิสุนทรีย์เทวีนั้น ได้ให้นาคกัลยาบริวารทั้ง ๑๐๐๐ ตน คอยโบกพัด และเตรียมเครื่องขบฉัน หลังจากท่านออกจากสมาบัติแล้ว ส่วนนางก็เป็นผู้คอยดูแลอุปัฏฐากพระมังคลปัจเจกพุทธเจ้าด้วยตนเอง

สำหรับสุนันทะเสนานาค ปทมนาคราช และอุสรินทร์นาคราชนั้นได้เป็นผู้ดูแลความปลอดภัย ทุกๆ คืน พระปัจเจกพุทธเจ้าจะเวียนกันให้ธรรมทานแก่พรหมเทวดาทั้งหลาย ตลอดทั้งเหล่านาค ยักษ์ ครุฑ และคนธรรพ์ทั้งหลาย

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ..

 

เรื่องพระเกษรีฤาษี ตอน ๑๓ พระปัจเจกพุทธเจ้าปรินิพพาน

ท่านเกษรีฤาษีนั้น มีความเมตตาต่อรักขมาณวิกาได้ทราบว่า นางได้ไปจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จึงได้เหาะไปพบท้าวสักกเทวราช บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ขอพบรักขเทพธิดา ทราบว่า นางได้เข้าสมาบัติ เพื่อรอจุติเป็นมนุษย์อีกครั้ง จึงได้กลับมายังโลกมนุษย์

กาลนั้นได้ครบเวลา ๓ เดือนพอดี เจ้าชายอัคคีตาปนาคราชนั้น ได้ถวายผ้ากำพลแดงแก่พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๙๙๙ องค์ (ที่มาขอผ้ากำพลแดงนี้ เจ้าชายได้จากพระสหายที่เป็นมนุษย์ ในยุคนั้น มนุษย์และพญานาคสามารถสื่อสารกันได้ เป็นสหายกันได้)

พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๑๐๐๐ องค์รับผ้ากำผลแดงแล้ว พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้า ทรงได้ตรัสแก่เจ้าชายอัคคีตาปะว่า นับจากนี้อีก ๓๐๐๐๐ ปี พระกนิษฐาของท่าน จะลงมาจุติเป็นมนุษย์ ขอให้ท่านจงตามหานาง พานางกลับไปยังนาคพิภพ ผู้ที่เป็นคู่บารมีของนางจะมาจุติในนาคพิภพ ขอให้ท่านรับเป็นธุระให้ด้วย เป็นหน้าที่ครั้งสุดท้ายก่อนจะเราจะเข้าปรินิพพาน

เจ้าชายอัคคีตาปะนั้นได้รับคำ จากนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ ต่างเข้าฌาณสมาบัติและเข้าพระนิพพานอย่างสงบ

ท่านเกษรีฤาษีจึงให้เจ้าชายอัคคีตาปะ และบริวารดูแลพระสังขารของพระปัจเจกพุทธเจ้า ส่วนท่านได้เหาะไปยังเมืองไชยเมตตนคร เพื่อแจ้งข่าวแก่พระเจ้าสัตยารัตน์ และชาวเมือง เมื่อพระเจ้าสัตยารัตน์ได้ทรงทราบทรงเสียพระทัย แม้รู้ว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็อดเสียพระทัยไม่ได้ สั่งให้จัดขบวนไปยังสถานที่พระปัจเจกพุทธเจ้าดับขันธ์ปรินิพพานทันที

หลังจากทำความเคารพพระสังขารแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายแล้ว ท่านเกษรีฤาษี พร้อมเหล่าพญานาคผู้มีฤทธิ์ได้ใช้เตโชกสินเผาพระสังขารของพระปัจเจกพุทธเจ้าตามธรรมเนียมปฏิบัติ ปรากฏว่า พระสารีริกธาตุของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๑๐๐๐ องค์ ได้ลอยหายไปในอากาศทันที

เหลือเพียงผ้ากำพลแดงบางส่วนยังคงอยู่ โดยมีรอยไหม้ติดอยู่ ท่านเกษรีฤาษีจึงได้เก็บไว้ เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงครูบาอาจารย์ จากนั้นจึงได้แบ่งผ้ากำพลแดง แก่ผู้อุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้าในครั้งนั้น และต่างแยกย้ายกลับยังเมืองของตน ยกเว้นเจ้าชายอัคคีตาปะนาคราช และเจ้าชายสีหราช ได้ขออยู่ เพื่ออุปัฏฐากท่านเกษรีต่อไป

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

..ขอเชิญร่วมประมูลดวงแก้วบรมจักรพรรดิ “ดวงแก้วภูวดลธรรมรัตน์” ค่ะ..

​

ขอเชิญร่วมประมูล ดวงแก้วบรมจักรพรรดิ “ดวงแก้วภูวดลธรรมรัตน์” ขนาดกว่า ๑๐ กิโลกรัม อัญเชิญจากถ้ำแห่งหนึ่งในเทือกเขาภูพาน
ดวงแก้วภูวดลธรรมรัตน์ เกิด อธิษฐานจิตโดยพระเกษรีฤาษี ก่อนยุคสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า โดยมีพระโรจนรักข์โพธิสัตว์ เป็นหัวหน้ากายสิทธิ์ ๒๘,๘๙๐,๐๐๐ องค์ ปัจจุบันอยู่ชั้นสวรรค์ดุสิต

ราคาเริ่มต้นการประมูล... ๑๖,๙๐๐ บาท

กติกาในการประมูล

๑. เริ่มวันที่ ๙-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ภายใน ๒๐.๕๙ น. ตรงกับวันแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง

๒. หากที่มีผู้ประมูลสูงสุดเท่ากัน ๒ ท่าน จะตัดสินด้วยเวลาที่ปรากฏในเว็บพลังจิต โดยไม่เกินวันเวลาที่กำหนดไว้
๓. หลังจากปิดการประมูล โอนปัจจัยภายใน ๒ วัน เมื่อโอนปัจจัยแล้ว จะทำการจัดส่งดวงแก้วให้แก่เจ้าของต่อไปค่ะ

กรุณาโอนปัจจัยไปที่......

ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 080-252647-2
ธนาคารไทยพาณิชย์
สาขาถนนศรีนครินทร์(กรุงเทพ-กรีฑา)
ประเภท ออมทรัพย์/สะสมทรัพย์


เนื่องจากพระเกษรีฤาษี ได้ขอให้นำปัจจัย ๒๐% หลังหักค่าใช้จ่าย เพื่อร่วมบุญกฐินไตรประทานสมเด็จพระสังฆราช ฯ วัดพระพุทธบาทหริกุญไชย (ห้วยทรายขาว) จ.ลำพูน ค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

สำหรับประวัติต่าง ๆ จะนำเสนอในเรื่องของพระเกษรีฤาษีต่อไปค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ขอเริ่มต้นการประมูล 17000 ครับ

 

ดวงแก้วภูวดลธรรมรัตน์นี้ พระเกษรีฤาษีท่านบอกว่า ท่านได้อธิษฐานจิต เพื่อบูชาสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า หลังจากทราบว่า พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก

คำว่า ภูวดลธรรมรัตน์ แปลว่า แผ่นดินแห่งธรรมะส่องสว่างดุจแก้วมณี

อันมีความหมายถึงการอุบัติแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์จะเป็นเครื่องส่องทางแก่สัตว์โลกให้พบทางสว่างนั่นเอง เมื่ออธิษฐานดวงแก้วมณีขึ้นมาแล้ว จากนั้นได้นำไปถวายพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า เพื่อเป็นพุทธบูชาค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ mooom ด้วยค่ะ

Numsai

 

เรื่องของพระเกษรีฤาษี ตอนที่ ๑๔ กำเนิดดวงแก้วอัครมหิศร (นน. ~๒๐ กก.)

​

ดวงแก้วอัครมหิศร เมื่อขึ้นมาในช่วงแรกยังไม่ใส จะเห็นสีแดงเต็มพื้นที่ แต่เมื่ออยู่นานไปจะเริ่มใสขึ้นเรื่อย ๆ เห็นภาพผ้ากำพลแดงเด่นชัด บางแห่งจะเห็นรอยไหม้เป็นริ้ว ๆ ค่ะ

__________________________________________

​

ต่อมาหลังพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๑,๐๐๐ องค์ ได้เข้าปรินิพพานได้ไม่นาน ท่านเกษรีฤาษีมีดำริว่า....

“หากเก็บรักษาผ้ากำพลแดงของพระปัจเจกพุทธเจ้าไว้เช่นนี้ อาจจะต้องเสื่อมไปตามกาลเวลา เราจะเก็บรักษาไว้อย่างไรดี” ท่านจึงเข้าสมาธิจึงทราบว่า... “เราจะอธิษฐานดวงแก้วมณี เพื่อห่อหุ้มดวงแก้วนี้ไว้ เพื่อรักษาผ้ากำพลแดงของพระองค์ เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้สักการะกราบไหว้”

จากนั้นท่านจึงเรียกเจ้าชายอัคคีตาปะนาคราช และเจ้าชายสีหราชมาเพื่อบอกกล่าวให้ทราบว่า ท่านจะอธิษฐานดวงแก้ว เพื่อห่อหุ้มผ้ากำพลแดงของพระมังคละปัจเจกพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย โดยจะเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๑๐,๐๐๐ ปี เจ้าชายอัคคีตาปะนาคราชได้อาสาเป็นผู้ดูแลกายหยาบของท่านเกษรีฤาษี ส่วนเจ้าชายสีหราชนั้น ได้คอยหาอาหาร น้ำดื่มน้ำใช้ให้แก่ผู้อาจารย์
การอุปัฏฐากพระฤาษีครั้งนั้น ทำให้เจ้าชายทั้งสองมีความสนิทสนมกันมาก เจ้าชายอัคคีตาปะนาคราชนั้น ได้เรียนรู้และเข้าใจวิถีของมนุษย์ และท่านได้สอนวิชาแก่เจ้าชายสีหราชไปด้วย ส่วนพระเจ้าสัตยารัตน์นั้น นาน ๆ จะมาเยี่ยมพระโอรสสักครั้ง เมื่อทราบว่า ท่านเกษรีฤาษีได้อธิษฐานจิตห่อหุ้มผ้ากำพลแดง จึงได้ฝากผ้ากำพลแดงจากเมืองของตนไว้กับเจ้าชายสีหราช เพื่อให้พระฤาษีได้อธิษฐานดวงแก้วมณีห่อหุ้มไว้เช่นกัน

ครั้นครบเวลา ๑๐,๐๐๐ ปี ท่านเกษรีฤาษีได้ออกจากสมาบัติ พบศิษย์ทั้งสอง จึงได้ให้นำผ้ากำพลแดงของพระเจ้าสัตยาราช และส่วนของพญาโภคนาคราช มาพร้อมกัน จากนั้นจึงอธิษฐานดวงแก้ว ๓ ดวงห่อหุ้มผ้ากำพลแดงไว้ โดยตั้งชื่อดวงแก้วทั้งสามว่า “อัครมหิศร” “เทพอมรภาคิน” "สหัสดินทร์ไตรภพ”แล้วมอบดวงแก้วเทพอมรภาคินแก่เจ้าชายสีหราชไปยังเมืองไชยเมตตนคร ส่วนดวงแก้วสหัสดินทร์ไตรภพแก่เจ้าชายอัคคีตาปะนาคราช นำกลับไปยังเมืองสัตตรัตนนคร และกล่าวว่า...


“นับแต่นี้พระอาจารย์จะเข้าป่า เพื่อฝึกจิตของตน ยังไม่พร้อมที่จะสอนวิชาให้แก่ใคร ขอให้เจ้าจงกลับยังเมืองของตน หากมีวาสนาต่อกัน คงได้พบกันในอนาคต สำหรับสีหราช เจ้าเป็นมนุษย์มีอายุขัยจำกัดขอให้อธิษฐานได้พบกันในภพเบื้องหน้า มีพบต้องมีจาก เป็นเรื่องธรรมดา ขอให้เจ้าทั้งสองจงเดินทางปลอดภัย ดวงแก้วทั้งสองนี้จะปกป้องคุ้มภัยให้เมืองของเจ้า และเจริญรุ่งเรืองสืบไป”

ส่วนเจ้าชายอัคคีตาปะนาคราชนั้นได้นำดวงแก้วมณีกลับไปยังเมืองสัตตรัตนนคร สร้างความปลื้มปิติใจแก่พญาโภคนาคราช พระมเหสี และชาวเมืองเป็นอย่างมาก ได้นำดวงแก้วมณีประดิษฐานในท้องพระโรง เพื่อสักการะบูชา
ครั้นเจ้าชายสีหราชกลับยังเมืองของตน พระเจ้าสัตยารัตน์ได้ยกราชสมบัติให้ ส่วนพระองค์ถืออุโบสถศีล บำเพ็ญบารมีต่อไป

เมื่อละโลกแล้ว พระองค์ไปเกิดในพรหมโลก ส่วนพระมเหสี และพระโอรสองค์ ด้วยผลบุญถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้ไปจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นเวลายาวนาน

โปรดติดตามตอนต่อไป...

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai