ปิดกระทู้...พระอุปคุตมหาลาภ ปางจกบาตร ฉันท์ข้าว หมดแล้วค่ะ

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย ปฏิเสวามิ, 22 ธันวาคม 2012.

  1. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    [​IMG]
     
  2. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    การบูชาพระอุปคุตมหาลาภ ปางจกบาตร ฉันท์ข้าว
    ( ปางใหม่ล่าสุดทีสร้างและเข้าพิธีแล้ว )

    ขนาด 5 นิ้ว ทองเหลืองรมดำ ฐานกลวง


    เหลือให้บูชาเพียง 20 องค์เท่านั้น

    จากวัดศรีสง่าสามัคคี ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ

    [​IMG]

    พระครูวีระปัญญาคม ผู้จัดสร้าง



    [​IMG]

    [​IMG][​IMG]

    ณ ปัจจุบันนี้ พระอุปคุตปางจกบาตร หยุดตะวัน(ลักษณะมือล้วงบาตร ดังรูปด้านบน)ได้หมดลงแล้ว ตั้งแต่ในวันพิธี วันที่ 17 พ.ย.56 ที่ผ่านมา

    แต่ก็โชคดี ที่ทางวัดท่านได้สั่งหล่อพระอุปคุตมหาลาภ ปางจกบาตร ฉันท์ข้าวขึ้นมาใหม่ เพิ่มเติมอีก 50 องค์ (ลักษณะยกมือฉันท์ข้าว ป้อนข้าว ไม่ใช่ล้วงบาตร) ซึ่งได้เข้าพิธีและปลุกเสกแล้ว ณ วัดศรีสง่าสามัคคี จ.ชัยภูมิ เนื่องในวันพิธีเททองหล่อพระพุทธโสธร 40 นิ้วและพุทธาภิเษกพระอุปคุตมหาลาภ ปางจกบาตร ฉันท์ข้าว 5 นิ้วรมดำ ในวันงานด้วย (ดังรูปภาพ ด้านบนในกรอบสีแดง)

    ซึ่ง ณ ตอนนี้ได้เปิดให้สั่งจองและเช่าบูชาแล้วค่ะ แต่จะทำการจัดส่งให้หลังปีใหม่นะคะ เนื่องจากตอนนี้ทางเรา ต้องรอทางวัดท่านส่งพระมาให้ก่อน และก็จะรวบรวมปัจจัยที่บูชาได้ โอนให้กับทางวัดอีกครั้งคะ ซึ่งการบูชาพระอุปคุต ณ เว็บพลังจิตนี้ก็ได้เปิดให้บูชามาแล้วร่วม 1 ปีเต็ม มีผู้บูชาพระอุปคุตไปแล้วกว่า 300 องค์

    หากท่านใด ยังมีความประสงค์ที่จะบูชาพระอุปคุต ปางจกบาตร ฉันท์ข้าวปางใหม่ล่าสุดนี้ ซึ่งยังคงความศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิมทุกอย่าง ต่างกันแค่ลักษณะมือของพระอุปคุตเท่านั้น และก็ผ่านการทำพิธีปลุกเสกแล้วทุกอย่าง (ดังรูปภาพด้านบน) ซึ่งเป็นความประสงค์ของเจ้าอาวาสที่ท่านอยากสร้างพระอุปคุตปางนี้ขึ้นมา ให้ต่างจากแบบเดิมก็เท่านั้นเองค่ะ


    ท่านที่ที่ต้องการบูชา อ่านรายละเอียด ดังนี้ค่ะ
    1. แจ้งชื่อ- นามสกุล+ จำนวนองค์พระที่ต้องการ +
    ที่อยู่ + เบอร์ติดต่อ ไว้ที่หน้ากระทู้หรือPM ให้ละเอียด
    2. องค์พระอุปคุตรอบนี้ มีเพียงรมดำ เท่านั้น ไม่มีสีทองค่ะ


    รายละเอียดการโอนปัจจัยบูชาพระ

    1. ค่าพระ 1,000 บาท + ค่าจัดส่ง EMS 200 บาท
    = 1200 บาท

    2. กทม.//ปริมณฑล พระจะถึงผู้รับภายใน 1 วัน

    3. ต่างจังหวัด พระจะถึงผู้รับภายใน 2 วัน

    4. โอนปัจจัยบูชาพระอุปคุต ผ่านทางธนาคาร ไทยพาณิชย์
    ชื่อบัญชี ธัญญ์พิชชา แพรสีเขียว 370-20215-62


    5. ทางเราจะรวบรวมปัจจัยที่บูชาพระอุปคุตให้ทางวัดโดยตรง

    6. พระจะเริ่มจัดส่งทางไปรษณีย์เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2557เป็นต้นไป

    7. ผู้ที่สั่งจองเช่าบูชาสามารถโอนปัจจัยบูชาพระ องค์ละ 1,200 บาท (รวมค่าจัดส่ง) ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ

    8. เมื่อโอนปัจจัยบูชาพระแล้ว รบกวนแจ้งการโอนเงินผ่านกระทู้ หรือโทร 084-7733177 ขวัญด้วยค่ะ เพื่อรักษาสิทธิของท่านนะคะ




    เปิดให้สั่งจองเช่าบูชาแล้ว นับแต่วันนี้ค่ะ ติดต่อสอบถาม//หรือสั่งจองได้ที่หน้ากระทู้หรือPM เลยค่ะ พระจะเริ่มจัดส่งให้กับผู้สั่งจอง หลังวันขึ้นปีใหม่ 3 ม.ค.57 เป็นต้นไปนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 เมษายน 2014
  3. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    อัพเดทการจัดส่งพระอุปคุต 5 นิ้ว

    ณ วันที่ 24 มี.ค.57

    คุณรัตนาวดี อมรเดชาวัฒน์ (กทม.)
    จำนวน 2 องค์ + เหรียญจำนวน 2 เหรียญ

    (พระจะถึงผู้รับวันที่ 25 มี.ค.57 : EH905126705TH และ EH905126719TH)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มีนาคม 2014
  4. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    วัดอุปคุต...จ.เชียงใหม่​


    เป็นอีกหนึ่งศาสนสถานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระอุปคุตโดยตรง
    ขวัญเคยได้มีโอกาสไปเที่ยวและไปนมัสการท่านที่วัดนี้มาแล้ว
    ไม่คิด ไม่ฝันว่าจะได้ไป วัดนี้สวยงามในแบบฉบับล้านนาค่ะ
    พื้นที่ของวัดไม่ใหญ่โตมากมายนัก เล็กๆแต่สวยงามมากค่ะ


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 มีนาคม 2014
  5. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    วันเป็งปุ๊ด...กับพระอุปคุตคือ....??


    เป็งพุธ หรือ เป็งปุ๊ด ทางล้านนาจะออกเสียง พ.พาน เป็น ป.ปลา จึงเรียกว่า เป็งปุ๊ด

    [​IMG]

    คำว่า เป็ง มีความหมายถึงพระจันทร์เต็มดวง เดือนเพ็ญ เพ็ญพโยม ดวงแข ศศิธร หรือวันขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวันศีลหรือวันพระ วันเดือน ปีใดที่วันขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวันพุธ นั่นคือ วันเป็งปุ๊ด ชาวพุทธถือว่าพระอุปคุตมาโปรดเมื่อเริ่มเข้าเวลาของวันพุธ คือตั้งแต่เวลา 00.00 น. ไปจนถึงก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น ผู้คนจะพากันใส่บาตรเพื่อความเป็นศิริมงคล ผู้ที่จะมารับบิณฑบาตรนี้จะเป็นเฉพาะสามเณรเท่านั้น ไม่มีพระภิกษุสงฆ์ เพราะสามเณรได้รับการอุปโหลกเป็นตัวแทนพระอุปคุต คำว่า อุป ปะ มาจากอุปถัมภ์ อุปถาก อุปการะ หมายถึง การช่วยเหลือ เกื้อกูล ค้ำจุน คำว่า คุต อ่านว่า คุต ตะ มาจากความคุ้มครอง การรักษาคติความเชื่อของชาวบ้านถือว่าพระอุปคุต บำเพ็ญตนอยู่ในเกษียณสมุทร เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า มีอิทธิฤทธิ์ปราบภัยมาร และป้องกันมิให้สิ่งชั่วร้ายมากล้ำกรายได้ ช่วยบันดาลให้สิ่งที่เลวร้ายได้บรรเทาเบาลง นอกจากนี้ยังมีสติปัญญา เฉลียวฉลาดปราดเปรื่องเรืองวิชาอีกด้วย ชาวบ้านยังเชื่ออีกว่า ครั้งหนึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระบัญชาให้พระอุปคุตคอยดูแลสอดส่องชาวโลก อย่าให้ภัยมารมารบกวนได้ เมื่อถึงเวลาวันเป็งปุ๊ด พระอุปคุตจึงออกมาโปรดและปราบภัยมารต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีคืนวันพุธราหูเข้ามาเกี่ยวข้องอีก จึงเพิ่มความขลังขึ้นมาให้ชาวบ้านได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดการตักบาตรทำในตอนกลางคืน ช่วงเวลาสุดท้ายของคืนวันอังคาร ข้าวสารอาหารแห้ง ดอกไม้ธูปเทียน ปัจจัย เมื่อผู้ใดได้ทำบุญกับพระอุปคุตแล้ว จะบังเกิดผลคือ ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยจะบรรเทาหายเร็ววัน เด็ก ๆ จะเพิ่มสติปัญญา หนุ่มสาวจะสมพรในคำอธิฐานของเขา ส่วนคนทั่วไปแล้วจะเป็นศิริมงคลตลอดไป


    [​IMG]

    [​IMG]

    หมายเหตุ...เครดิตภาพ...วัดศรีดอนมูล เชียงใหม่...ประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2014
  6. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962

    ภาพบรรยากาศในวันพิธีเททองหล่อหลวงพ่อโสธร
    และปลุกเสกพระอุปคุต ปางจกบาตร ฉันท์ข้าว


    ณ วัดศรีสง่าสามัคคี ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ

    วันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย.56



    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มีนาคม 2014
  7. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    อุปนิสัยการทำบุญที่ต่างกันส่งผลให้ได้ลาภผลต่างกัน​


    [​IMG][/I]​

    พระอาจารย์ กล่าวว่า "อาตมาเคยพูดเล่นๆ ว่า ถ้าต้องเกิดใหม่จะเลิกทำบุญ เพราะทำไว้จนได้เยอะเหลือเกิน โต๊ะฉันยาว ๓ เมตรครึ่ง อาตมานั่งหัวโต๊ะ จะไปเอื้อมถึงท้ายได้อย่างไร กับข้าววางจนไม่มีที่จะวาง เกิดจากนิสัยตัวเองที่ชอบทำบุญทีเดียว ถ้าโยมนั่งตรงนี้นานๆ จะสังเกตเห็น โยมบางคนถวายสังฆทาน ๑ ชุด ๒ ชุด ๓ ชุด ๔ ชุด ๕ ชุด ถวายไปเรื่อยชุดละ ๑๐๐ บาท ถ้าเป็นอาตมาก็เทตูมเดียวหมดไปเลย กลายเป็นว่าถึงเวลาจะได้อะไรก็จะได้เยอะ มาทีเดียวเลย ไม่ใช่ค่อยๆ มาทีละน้อย

    โยมที่ไปปฏิบัติธรรม พอพระออกบิณฑบาตก็เหมือนกัน ถึงเวลาออกไปใส่บาตร โยมซื้อมังคุดถุงหนึ่งประมาณหนึ่งกิโลกรัม โยมก็ใส่พระรูปละ๑ ผล ศิษย์วัดก็เก็บจนเซ็ง ถ้าเป็นอาตมาก็ใส่ลงไปทีเดียวทั้งถุง เออ..นิสัยทำบุญแบบนี้แหละ ที่ถึงเวลาได้รับก็ไม่เหมือนกัน พวกทำบุญตูมเดียวอาจจะได้รางวัลที่ ๑ ประเภทมังคุดทีละผลก็อาจจะได้เลขท้าย ๒ ตัวไปเรื่อยๆ"

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 เมษายน 2014
  8. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ภาพบรรยากาศการเช่าบูชา
    พระอุปคุตปางจกบาตร ฉันท์ข้าว 5 นิ้ว

    ณ วัดศรีสง่าสามัคคี จ.ชัยภูมิ


    วันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย.56

    กับพระครูวีระปัญญาคม เจ้าอาวาส ( ประธานผู้จัดสร้างพระอุปคุต )

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 เมษายน 2014
  9. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    พระอุปคุตหรือพระบัวเข็ม



    [​IMG]


    [​IMG]
    ′พระอุปคุต′ เป็นรูปเคารพที่สร้างขึ้นแทนพระอรหันต์สาวกสำคัญรูปหนึ่ง ซึ่งได้รับการยกย่องว่า มีความเป็นเลิศทางอิทธิฤทธิ์สมัยหลังพุทธกาล คำว่า ′พระอุปคุต′ เป็นภาษาบาลี ภาษาสันสกฤตจะเขียนว่า ′อุปคุปต์′ หมายความว่า ผู้คุ้มครองมั่นคง


    นอกจากนี้ยังมีการเรียกขานกันว่า พระอุปคุตเถระ หรือพระเถรอุปคุต อันเป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงความมั่นคงในพระธรรมวินัย และชื่ออื่นๆ อีก เช่น พระนาคอุปคุต พระกีสนาค อุปคุต เป็นต้น


    พระอุปคุตเถระ เป็นที่เคารพนับถือของ ชาวพม่า รามัญ เป็นจำนวนมาก จึงมีการสร้างรูปบูชาขึ้นมา โดยจะเห็นได้ว่าพระบูชาพระอุปคุตที่เป็นศิลปะแบบพม่านั้นมีอยู่มากมาย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สำหรับชาวล้านนาจะรู้จักพระอุปคุตในนามของ ′ผู้ปกป้องคุ้มครองภัย′ โดยเฉพาะมีปอยหลวงหรืองานพิธีกรรม จะมีการอาราธนาพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำมาคุ้มครองการจัดงานให้ลุล่วงด้วยดี ในบางท้องถิ่นยังเชื่อว่า พระอุปคุตจะตะแหลง (แปลงร่าง) เป็น ′สามเณรน้อย′ ขึ้นมาบิณฑบาตใน วันเป็งปุ๊ด หรือเพ็ญพุธ (วันเพ็ญที่ตรงกับวันพุธ) เริ่มตั้งแต่ตีหนึ่งของวันพุธ ผู้คนจึงมักเห็นสามเณรน้อยเดินบิณฑบาตไปตามถนนหนทาง ตลอดจนท่าน้ำต่างๆ จนกระทั่ง ตี๋นฟ้ายก หรือแสงเงินแสงทองออกมา จึงเนรมิตกายหายไป

    [​IMG]

    [​IMG]
    เชื่อกันว่าหากผู้ใดมีบุญบารมีได้ใส่บาตรพระอุปคุตจะทำให้ร่ำรวยเงินทอง ปราศจากภัยทั้งปวง มีสมาธิจิตดี มีชีวิตที่ป็นสุข


    จากความเชื่อและการนับถือดังกล่าวจึงมีผู้สร้าง ′พระอุปคุต′ ในปางต่างๆ ที่เป็นที่นิยมกันมากได้แก่ ปางล้วงบาตร หมายถึง กิ๋นบ่เสี้ยง หรือกินไม่หมด ให้คุณทางทรัพย์สินเงินทอง ความร่ำรวย ปางห้ามมาร ให้คุณในทางคุ้มครองป้องกันภัยต่างๆ และ ปางสมาธิ หรือพระบัวเข็ม ซึ่งให้คุณในด้านสติปัญญาดี จิตใจผ่องใส ดำเนินชีวิตเป็นสุข ด้วยปัญญาบารมี

    [​IMG]

    ในขณะที่สยามประเทศเชื่อเรื่องการบูชาแม่น้ำคงคาและพระแม่คงคา ตลอดจนประเพณีการจองเปรียง หรือตำนานของนางพระยากาเผือก อันเป็นการผสมผสานระหว่างคติฮินดูกับพุทธศาสนานั้น ชาวมอญกลับมีความเชื่อว่าประเพณีลอยกระทงผูกพันอยู่กับพระอุปคุตเถระ ซึ่งเป็นพระมหาเถระซึ่งทรงอิทธิฤทธิ์



    ปรากฏเรื่องราวในพุทธศาสนาตอนหนึ่งว่า พระอุปคุปต์บำเพ็ญธรรมอยู่กลางมหานทีอันกว้างใหญ่ในโลหะปราสาท เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในอินเดีย ทรงโปรดฯให้กระทำสังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งที่ 3 แต่มีพญามารเข้ามาก่อกวนมณฑลพิธี จนต้องอาราธนาพระอุปคุปต์มาปราบ ด้วยการเนรมิตซากสุนัขเน่าเหม็นห้อยติดคอพญามาร และทำอย่างไรก็ไม่สามารถแก้หลุดได้ จนพญามารต้องยอมศิโรราบ ทำให้การสังคายนาพระไตรปิฎกสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี



    ธรรมเนียมการบูชาพระอุปคุปต์แพร่หลายในหมู่ชาวพม่า มีการสร้างรูปบูชาพระอุปคุปต์ใน ลักษณาการพระพุทธรูปไม้นั่งอยู่กลางน้ำ บนพระเศียรคลุมด้วยใบบัว และตามร่างกายมีเข็มปักติดอยู่ทั่วพระวรกาย ที่รู้จักกันแพร่หลายว่า ′พระ บัวเข็ม′ นอกจากนี้ ชนชาติเขมรยังรับคติความเชื่อเรื่องพระอุปคุปต์มาจำลองเป็นเทวประติมา กรรม ขนาดเล็ก ทำด้วยสัมฤทธิ์ เป็นรูปองค์พระนั่งอยู่ในเปลือกหอยลักษณะต่างๆ และเมื่อจะจัดงานพิธีสำคัญต่างๆ ก็มักจะมีพิธีอธิษฐานบูชาพระอุปคุต เป็นเบื้องต้น เพื่อให้ช่วยคุ้ม ครองให้งานนั้นๆ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี



    รูปลักษณะของพระอุปคุตที่เป็นรูปเคารพโดยทั่วไป มักทำเป็นรูปองค์พระนั่งอยู่ภายในหอยสังข์ มีขนาดศีรษะค่อนข้างใหญ่ เน้นส่วนคิ้ว ตา จมูกให้เห็นชัดเจน และเนื่องจากที่อาศัยจำพรรษาของพระอุปคุตอยู่ในปราสาทแก้วกลางมหาสมุทร จึงมักทำ ′รูปสัตว์น้ำ′ เป็นสัญลักษณ์ประกอบอยู่ด้วยเสมอ


    วิธีการตั้งบูชาพระอุปคุต หรือพระบัวเข็ม จะตั้งต่ำกว่าพระพุทธ เนื่องจากเป็นพระอรหันต์สาวก และนิยมการตั้งบนฐานรองรับ อยู่กลางภาชนะใส่น้ำ เป็นการจำลองว่าท่านจำพรรษาอยู่ในมหาสมุทร แล้วใช้ดอกมะลิลอยในน้ำบูชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มิถุนายน 2014
  10. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    อัพเดทการจัดส่งพระอุปคุต 5 นิ้ว

    ณ วันที่ 28 มี.ค.57

    คุณพฤศจิกา (ระยอง)
    จำนวน 1 องค์

    (พระจะถึงผู้รับวันที่ 29 มี.ค.57 : EH905127780TH)


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มีนาคม 2014
  11. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ตำนานพระอุปคุต...จากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ​


    [​IMG]

    ขอคัดลอกเรื่องเกี่ยวกับพระอุปคุต ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    ท่านเล่าเอาไว้มาให้อ่านนะค่ะ​


    พระยามาราธิราช (VS พระอุปคุต) ​


    วันที่ไปเยี่ยมจาตุมหาราชที่เล่ามาแล้วนั้น ก็เลยไปดาวดึงส์ ไปยามาแล้วก็ดุสิต ที่ชั้นดุสิตหลวงพ่อปานมารับ ก็กราบๆ ท่าน ท่านถามว่า เออ อยากพบพระศรีอาริย์ไหมล่ะ ตอบว่า อยากจะ เจอะ จะเจอะ ยังไงได้ล่ะ ท่านบอกว่า ไม่ต้องไปหรอก ท่านมาแล้ว สวย ดุสิตนี่สวยจริงๆ ยามาน่ะ เขาขาวพรึ่ดหมด ต้นไม้น่ะมีแค่ ดาวดึงส์แห่งเดียวนะ เทวดานักฟ้อนก็มีแต่ดาวดึงส์แห่งเดียวเพราะว่า เป็นเมืองหลวง ชั้นยามาสวดมนต์ ตะพึด ดุสิตสวยสดงดงาม ไปถึงชั้นนิมมานรดี เทวดาที่ทำหน้าที่นิรมิตต่างๆ เป็นชั้นที่ 5 ที่ว่า "ชั้น" น่ะไม่ใช่เป็นชั้นซ้อนๆ กันนะ เป็นพื้นเดียวอย่างโลกเรานี่แหละ แบ่งเป็นเขตเท่านั้นเองแต่เป็นทิพย์ ไปถึงแวะเยี่ยมท่านแก้วจินดาก่อน ท่านแก้วจินดา ท่านก็มาด๊งเด๊งๆ ตามมสภาพของท่าน องค์นี้เคยทะเลาะกันมาเรื่อย

    ท่านถาม......ว่ามาไงล่ะ ตอบว่า มาเที่ยวซี

    ถามท่านว่า.... เออ วิมาน พระยามาราธิราช อยู่ไหน หัวเราะก้ากเลย บอกว่า พระโง่ยังงี้ก็มีด้วย

    ถามว่าทำไมล่ะ.... ตอบว่า ที่นี่เขาเรียก ท้าวมาลัย ครับ ที่นี่ไม่มีพระยามาราธิราชหรอก มีแต่สมัยพระพุทธเจ้า


    ชื่อแกจริงๆ ชื่อ ท้าวมาลัย เป็นหัวหน้าเทวดาชั้น ที่ 6 เป็นผู้ว่าการ ก็เลยไปหากัน ท่านก็ออกมารับแหม สวยแฉ่งเลย รัศมีกายผ่องใส มารับที่เขตวิมานเชียวนะ ที่ไปกันตอนนี้สมทบกันไปหลายชั้น จำนวนมันก็ หลายหมื่นซี ท่านเชิญเข้าไป ไอ้หน้ามุขมันนิดเดียวแหละถามท่านว่า ขึ้นหมดรึนี่ ท่านตอบว่า ไม่เป็นไร หรอก วิมานเทวดายืดได้ แน่ะ เก่งเสียด้วย ไม่เหมือนเมืองมนุษย์หรอก ตั้งแค่ไหนก็แค่นั้น มองดูกะว่า จุสัก 200 ก็แย่แล้ว แต่เราเข้าไป เป็นหมื่นยังเต็มไม่ถึงครึ่ง คุยไปคุยมา

    [​IMG]

    ถามท่านว่า... ทำไมถึงไปลิดรอนพระพุทธเจ้า

    ตอบว่า.... ปัดโธ่ ท่านไม่รู้จักความโง่ของผม

    ถามว่า.... ทำไมล่ะ ตอบว่า ผมกลัวพระพุทธเจ้าจะเทศน์สอนเอาคนไปนิพพานเสียหมด พอเวลาผมเป็นพระพุทธเจ้าบ้างแล้ว ผมจะสอนใครล่ะ


    เราก็นึกในใจว่า โธ่ ไม่น่าโง่เลย จะขนไปยังไงหมด ถามท่านว่า เวลานี้ยังเป็น พระยามาร ไหม ท่านตอบ ไม่ๆๆๆ พวกท่านมีหลายคน แหม เขากลัวพระยามารกันจริงๆ ก็ไอ้มารอยู่ในตัวเองน่ะไม่ยักกลัว พระยามารนี้เวลานี้ช่วยชาวบ้าน พวกพุทธมามกะทุกคน พระยามารต้องบังคับให้ลูกน้องไปช่วยเหลือ คือ ที่ประคับประคอง พวกเรานี่แหละ จะเรียกว่า พระยามาร ไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกว่า ท้าวมาลัย

    ทีนี้ย้อนมาตอนต้น ตามตำนานที่พระพุทธเจ้าตรัส มีคนถามว่า... ทำไม่ท่านไม่ทรมานพระยามาราธิราชล่ะ ท่านตอบว่า ไม่ใช่คู่ปรับกัน พระยามารนี่จองขัดคอ ให้ปั่นป่วนนิดหน่อย ไม่จองเวรแรงขนาดเทวทัต เมื่อสมัยนั้น ท่านเป็นคนเลี้ยงม้าด้วยกันทั้งคู่ จะม้าแข่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี ท่านไปเกี่ยวหญ้าม้ากัน เกี่ยวไปก็แยก งกันไปที ทีนี้ก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง เสด็จจาก ภูเขาคันธมาส กุฏิของท่าน มันไม่ค่อยดี ท่านต้องการ ต้นหญ้านี่ ไปผสมกับดินทาฝา เพราะพระจะเกี่ยวหญ้าเองก็ไม่ควร เมื่อเห็นสองคนนี้เกี่ยวหญ้า ท่านก็เหาะลงมายืนเฉย พระพุทธเจ้าของเรา ก็นึกในใจว่า เราเอาของเราถวายท่าน ก็เป็นการสมควร อยากจะเอาของเพื่อนถวายบ้างสักก้อนหนึ่ง แต่ถ้าเพื่อนกลับมาแล้วแสดงความไม่พอใจ ก็จะมีโทษมาก เพราะพระพุทธเจ้า เป็นพระที่มีบุญหนัก ก็เลยไม่ได้ถวายไป พอตอนเย็นกลับมารวมกัน ขนหญ้าขึ้นเกวียน ท่านก็เล่าเรื่องให้ฟัง เท่านั้นแหละแกโกรธหาว่า กลัวจะดีเท่าเทียม เอาละ ท่านไปไหนก็ตาม เราจะตามไปขัดคอ แต่ทุกชาติไม่ได้ขัด มาขัดเอาชาติสุดท้าย เมื่อ ระพุทธเจ้าตัดสินพระทัยออกมหาภิเนษกรมณ์ เห็นท่าไม่เป็นเรื่องแล้ว สิทธัตถะนี้ไปแน่ กูไม่ทันนี่หว่า แล้วก็มาขัดคอ ต่างๆ อย่างที่ทราบ กันดีอยู่แล้ว

    [​IMG]

    มาในระยะหลังๆที่พระเจ้าอโศกมหาราช จะฉลองพระศาสนา อีตอนนั้นซี พระอุปคุต ท่านไปคุดอยู่กลาง มหาสมุทร บรรดาพระทั้งหลายนั่งประชุมกันว่า พระเจ้าอโศกมหาราช จะฉลองพระศาสนา เจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน คราวนี้ ยังไงๆ พระยามารต้องเล่นงานแน่ แล้วเราจะมีใครป้องกันได้บ้าง พระอรหันต์ตั้งสองแสนองค์ ปฏิสัมภิทาญาณก็มีอภิญญาก็มี ไม่มีใครสู้พระยามารได้หรือ ? สู้ได้ ไม่ใช่สู้ไม่ได้ แต่ทุกองค์บอกว่า ไม่ใช่หน้าที่ของเรา

    ทีนี้ในการประชุมคราวนั้น พญานาค ขึ้นมาฟังด้วย พอดี พญาครุฑ บินมาในอากาศเห็นเข้าก็จะ ฉะพญานาคละซี ปฏิปักษ์กันนี่ โฉบลงมา พญานาควิ่งพรวดเข้าไปกลางวงพระ พระทั้งหลายตกตะลึง บอกว่าเณร ช่วยพญานาคเดี๋ยวนี้ เณรแกอายุ 7 ปีเท่านั้น เป็นพระอนาคามีได้อภิญญา พอท่านสั่ง เณรก็ยิ้ม เข้ามา วาโยกสิณ เอาลมหอบพยาครุฑไปเสียไกล พระได้ท่า บอกว่า เณรฉันบอกให้แกช่วยพญานาค แกยิ้มนั่นยิ้มเยาะพระ นี่ต้องลงทัณฑกรรม นั่น แน่ ไม่ใช่เล่น หาเรื่องคน เป็นที่หนึ่ง เณรก็ยอม แล้วแต่พระคุณเจ้าจะ ลงทัณฑ์ ท่านก็สั่งว่า ถ้าอย่างนั้นเธอจงลงไปตาม อุปคุต มานั่น ตอนแรกปรึกษากันว่า ใครจะเป็นคน ไปนิมนต์พระอุปคุต ที่จำพรรษาอยู่กลางทะเล พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า มีอุปคุตคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นคู่ ปรับพระยามาธิราช ปราบให้แพ้น่ะได้ แต่คู่ปรับนี้ ต้องปราบ ให้แพ้ด้วย แล้วทำให้ เลื่อมใส กลับเป็นคนดีด้วย ความประสงค์เป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้า ท่านจะปราบก็ปราบได้ แต่ท่านไม่สามารถทำให้ พระยามาร เป็นคนดีได้ ตอนก่อนจะนิพพาน ท่านจึงบอกไว้ว่า พระยามาราธิราชนี้มีคู่ทรมานเป็นพระอรหันต์ เบื้องหลัง เมื่อเรานิพพานไปแล้ว 200 ปี มีนามว่า อุปคุต

    พอพระอุปคุตมาถึง พระทั้งหลายก็ว่า นี่อุปคุตเป็นอรหันต์แล้ว หาความสุขแต่ผู้เดียว ไม่ช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ไปเข้านิโรธสมาบัติ อยู่กลางทะเลอย่างนี้ ต้องถูกลงทัณฑกรรม เอาอีกแล้ว ทัณฑกรรมเฟ้อจริงๆ พระอุปคุตก็ยอมรับว่า ไม่เป็นไรครับ เอาไงก็ว่ามาเถอะ เลยได้รับมอบหมายให้ต่อต้าน พระยามาราธิราช ในอีก 7 วันข้างหน้า พระอุปคุตก็ยอม แต่ขอกินข้าวให้อ้วนเสียก่อน ไม่อ้วนนี่ ท่าจะไม่เป็นเรื่อง เอา 7 วันก็พอ ตอนเช้าท่านก็เดินย่องแย่งเป็นขี้ยาเข้ามาในเมือง มีคนเขาบอกว่า นี่องค์นี้แหละที่เขาไป ตามมาต่อต้านพระยามาร พระเจ้าอโศกมหาราช ว่า โถ ! พระขี้ยาผอม เหลือแต่กระดูกยังงี้หรือ จะไปต่อต้านพระยามาราธิราช ไม่ได้ต้องลอง เลยเอาช้างพระที่นั่ง ตัวดุที่ตกมัน มายืนดักข้างทาง พอพระอุปคุต คล้อยหลังก็ไสช้างไล่แทงเลย พระอุปคุตได้ยินเสียงข้างหลัง เอ๊ะ อะไรกันแน่ เห็นช้างวิ่งเข้ามาใกล้ท่านก็ เอานิ้วจิ้มปั๊บ บอกว่า "หยุด" ช้างกันจ้ำเบ้าเลย นั่งเหมือนกะ หินอยู่ตรงนั้น จะขี้แตก ด้วยหรือเปล่าจำไม่ได้ พระเจ้าอโศกมหาราชเลยบอกว่า ไม่ต้องไปบิณฑบาตหรอก แล้วท่านก็เอามาเลี้ยงเสียอ้วนปี๋เลย

    [​IMG]

    ทีนี้พอวันเริ่มต้นงาน พระยามารก็แสดงเดช ทำมืดครึ้ม ไม่ให้เห็นแสงอาทิตย์เลย พระทั้งหลายก็เตือนว่า นั่นไง ท่านอุปคุต พระยามารแสดงแล้ว ท่านบอกว่า ไม่เป็นไรเรื่องเล็กพอแต่งตัวรัดประคดเรียบร้อย ก็ไปหาพระยามาร บอกว่า คลายฤทธิ์เดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่คลายเป็นพัง เราอุปคุต พระยามารได้ยินก็ชักขนลุกซู่ๆ รู้ฤทธิ์ รู้เดช ฉะกันมาหลายชาติแล้ว ตาเขาก็หนึ่ง ในตองอูเหมือนกัน เอ้า เก่งจริง ก็เชิญเลย นี่พระยามาราธิราชไม่เคยกลัวใคร แม้แต่ พระสมณโคดม ก็ยังไม่กลัว เลยสู้กัน ความจริง เอาเสียที่เดียว ก็ได้เหนือ ชั้นกว่ามาก ล่อกันไปล่อกันมา ท่านอุปคุต ท่านขี้เกียจขึ้นมา ก็จับเอามือไพล่หลัง อธิษฐาน ให้แก้ไม่ออก ไม่ใช่แต่เท่านั้น อธิษฐานเอาหมาเน่ามาผูกคอเสียอีกด้วย พระยามาราธิราชแกก็เทวดาองค์หนึ่งเทวดา นี่แต่กลิ่นคนเขาก็เหม็นเสียแล้ว โดนหมาเน่าเข้าวิ่งโร่ไปหาพระอินทร์เจ้านายใหญ่ พระอินทร์บอกว่า อ้าว ทำไมไปเล่นกับพระอุปคุตเล่า เขาจะทำบุญพระศาสนากันดันไปแกล้งเขา ใครจะไปมีฤทธิ์เท่าพระอรหันต์ ได้ไม่มี มีทางเดียวท่านไปขอขมาท่านอุปคุตเสีย แล้วสัญญาว่า จะไม่ทำพยศอีก พระอุปคุตก็จะอภัยแก่ เธอ ท่านก็จำเป็นจำยอมไปขอโทษขอโพย พระอุปคุตถามว่า ยังไง สิ้นฤทธิ์แล้วรึ ? แกบอกว่า ยอมๆ ยอม ทุกอย่าง ต่อไปไม่แกล้งอีกแล้ว พระอุปคุต ก็แก้หมาเน่า แก้มัดมือออก แต่ยังเอารัดประคต ผูกเข้าไว้ กับ เขาพระสุเมรุเสียอีกหลายเปลาะ ปล่อยพระยามารดิ้นด็อกแด็กอยู่ 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ดิ้นเสียเขาพระสุเมรุ หวั่นไหว ดาวดึงส์ สะเทือนไปหมด

    พอพระเจ้าอโศกมหาราช ฉลองศาสนาเสร็จ ไปถึง พระยามาร ก็บ่นว่า โธ่เอ๋ย พระสมณโคดม ท่านก็ใจดี นะ แต่สาวกนี่แหมใจร้ายเต็มที ท่านอุปคุตไปถึงก็ต่อว่า สาวกสมัยก่อน อย่างพระโมคคัลนา พระสารีบุตร พระบิณโฑลภารทวาชะ ใครๆ ก็มีฤทธิ์ มากกว่าท่านเสียอีก แต่ไม่ใจร้าย มีท่านคนเดียว ใจร้ายกับเรา ท่านอุปคุตก็โต้ว่า รู้แล้วไม่ใช่หรือ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า ท่านกับเราเท่านั้น ที่เป็นคู่ปรับกัน ความจริงแล้ว ท่านผู้มีฤทธิ์ ทั้งหมดน่ะ ตัวท่านสู้ไม่ได้หรอก ไม่มีทางสู้ เวลานี้ แม้แต่เณร 7 ขวบ ที่ไปตามเรา ท่านก็สู้ไม่ได้ แต่ที่ท่านทั้งหลายไม่ทำ ก็เพราะไม่ใช่หน้าที่ของท่าน แต่เป็นหน้าที่ของเราผลที่สุดพระอุปคุตท่านก็ปล่อย แต่บอกว่า ก่อนปล่อย ต้องสัญญากับเราก่อนว่า จะไม่รบกวน บรรดาภิกษุ ภิกษุณี อุบาสิกา ผู้ปรารถนาในธรรม ถ้ารบกวนเมื่อไรโทษจะหนักกว่านี้หลายพันเท่า พระยามารก็บอกว่าไม่เอาแล้ว ไอ้ 7 ปี 7 เดือน 7 วัน นี่ก็พอแล้ว

    พระอุปคุตท่าน ก็ขอร้องให้พระยามาร แสดงเป็นรูปพระพุทธเจ้า สมัยยังทรงพระชนม์อยู่ให้ดู พระยามาร ตอบว่า ได้ๆๆ เรื่องเล็ก แต่สัญญากันก่อนนะ จะไหว้ผมไม่ได้ นะห้ามไหว้ โดยเฉพาะ พวกท่าน เป็นอรหันต์ เป็นพระอริยะ มาไหว้ผมละ ไม่เป็นเรื่องหรอก พระอุปคุต ก็ตกลง พระยามาราธิราช บอกว่า ผมจะ เดินไปทางหลังเขา ถ้าออกมา ห้ามไหว้เด็ดขาดนะ เพราะ บาปจะตกอยู่กับผม พอพระยามาร ไปหลังเขา พระอุปคุต ก็ให้สัญญาณ เรียกพระอรหันต์มาทั้ง 2 แสนรูป สักครู่หนึ่ง พระยามารก็ออก เป็นพระพุทธเจ้า มีฉัพพรรณรังสี รัศมี สว่างไสว สวยสดงดงามมาก มี พระโมคคัลลา พระสารีบุตร อยู่เบื้องซ้ายขวาครบเครื่องมาเลย พระทั้งหมด ลืมสัญญา ลุกขึ้นกราบพร้อมกัน กราบพระพุทธเจ้า พระยามารรีบคลายตัวทันที บอกว่า ท่านทำไมทำยังงี้ เป็นโทษกับผม ท่านอุปคุตก็บอกว่า ท่านไม่ต้องวิตก เพราะว่าการกราบนี้เขา ไม่ได้กราบท่าน เขากราบพระพุทธเจ้า โทษของท่านไม่มี พระยามาราธิราชก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น ขอพระคุณเจ้าทั้งหมดงดโทษให้ผมด้วย พร้อมด้วยพระรัตนตรัย เพราะว่าผมเองก็ปรารถนาพุทธภูมิ แล้วท่านก็กลับไป เรื่องก็จบลงแต่เพียงนี้




    [​IMG]

     
  12. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ประชาสัมพันธ์...
    เหรียญอาร์มพระอุปคุตมหาลาภ รุ่นรับทรัพย์
    (รุ่นแรกของวัดศรีสงาสามัคคี จ.ชัยภูมิ)


    [​IMG] [​IMG]


    เปิดให้เช่าบูชาแล้ว 199 บาท (เหลือ700 องค์เท่านั้น)
    ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ


    [URL="http://palungjit.org/posts/8635892[/URL]​
     
  13. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    พระอุปคุตหรือพระบัวเข็ม



    [​IMG]


    [​IMG]
    ′พระอุปคุต′ เป็นรูปเคารพที่สร้างขึ้นแทนพระอรหันต์สาวกสำคัญรูปหนึ่ง ซึ่งได้รับการยกย่องว่า มีความเป็นเลิศทางอิทธิฤทธิ์สมัยหลังพุทธกาล คำว่า ′พระอุปคุต′ เป็นภาษาบาลี ภาษาสันสกฤตจะเขียนว่า ′อุปคุปต์′ หมายความว่า ผู้คุ้มครองมั่นคง


    นอกจากนี้ยังมีการเรียกขานกันว่า พระอุปคุตเถระ หรือพระเถรอุปคุต อันเป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงความมั่นคงในพระธรรมวินัย และชื่ออื่นๆ อีก เช่น พระนาคอุปคุต พระกีสนาค อุปคุต เป็นต้น


    พระอุปคุตเถระ เป็นที่เคารพนับถือของ ชาวพม่า รามัญ เป็นจำนวนมาก จึงมีการสร้างรูปบูชาขึ้นมา โดยจะเห็นได้ว่าพระบูชาพระอุปคุตที่เป็นศิลปะแบบพม่านั้นมีอยู่มากมาย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สำหรับชาวล้านนาจะรู้จักพระอุปคุตในนามของ ′ผู้ปกป้องคุ้มครองภัย′ โดยเฉพาะมีปอยหลวงหรืองานพิธีกรรม จะมีการอาราธนาพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำมาคุ้มครองการจัดงานให้ลุล่วงด้วยดี ในบางท้องถิ่นยังเชื่อว่า พระอุปคุตจะตะแหลง (แปลงร่าง) เป็น ′สามเณรน้อย′ ขึ้นมาบิณฑบาตใน วันเป็งปุ๊ด หรือเพ็ญพุธ (วันเพ็ญที่ตรงกับวันพุธ) เริ่มตั้งแต่ตีหนึ่งของวันพุธ ผู้คนจึงมักเห็นสามเณรน้อยเดินบิณฑบาตไปตามถนนหนทาง ตลอดจนท่าน้ำต่างๆ จนกระทั่ง ตี๋นฟ้ายก หรือแสงเงินแสงทองออกมา จึงเนรมิตกายหายไป

    [​IMG]

    [​IMG]
    เชื่อกันว่าหากผู้ใดมีบุญบารมีได้ใส่บาตรพระอุปคุตจะทำให้ร่ำรวยเงินทอง ปราศจากภัยทั้งปวง มีสมาธิจิตดี มีชีวิตที่ป็นสุข


    จากความเชื่อและการนับถือดังกล่าวจึงมีผู้สร้าง ′พระอุปคุต′ ในปางต่างๆ ที่เป็นที่นิยมกันมากได้แก่ ปางล้วงบาตร หมายถึง กิ๋นบ่เสี้ยง หรือกินไม่หมด ให้คุณทางทรัพย์สินเงินทอง ความร่ำรวย ปางห้ามมาร ให้คุณในทางคุ้มครองป้องกันภัยต่างๆ และ ปางสมาธิ หรือพระบัวเข็ม ซึ่งให้คุณในด้านสติปัญญาดี จิตใจผ่องใส ดำเนินชีวิตเป็นสุข ด้วยปัญญาบารมี

    [​IMG]

    ในขณะที่สยามประเทศเชื่อเรื่องการบูชาแม่น้ำคงคาและพระแม่คงคา ตลอดจนประเพณีการจองเปรียง หรือตำนานของนางพระยากาเผือก อันเป็นการผสมผสานระหว่างคติฮินดูกับพุทธศาสนานั้น ชาวมอญกลับมีความเชื่อว่าประเพณีลอยกระทงผูกพันอยู่กับพระอุปคุตเถระ ซึ่งเป็นพระมหาเถระซึ่งทรงอิทธิฤทธิ์



    ปรากฏเรื่องราวในพุทธศาสนาตอนหนึ่งว่า พระอุปคุปต์บำเพ็ญธรรมอยู่กลางมหานทีอันกว้างใหญ่ในโลหะปราสาท เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในอินเดีย ทรงโปรดฯให้กระทำสังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งที่ 3 แต่มีพญามารเข้ามาก่อกวนมณฑลพิธี จนต้องอาราธนาพระอุปคุปต์มาปราบ ด้วยการเนรมิตซากสุนัขเน่าเหม็นห้อยติดคอพญามาร และทำอย่างไรก็ไม่สามารถแก้หลุดได้ จนพญามารต้องยอมศิโรราบ ทำให้การสังคายนาพระไตรปิฎกสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี



    ธรรมเนียมการบูชาพระอุปคุปต์แพร่หลายในหมู่ชาวพม่า มีการสร้างรูปบูชาพระอุปคุปต์ใน ลักษณาการพระพุทธรูปไม้นั่งอยู่กลางน้ำ บนพระเศียรคลุมด้วยใบบัว และตามร่างกายมีเข็มปักติดอยู่ทั่วพระวรกาย ที่รู้จักกันแพร่หลายว่า ′พระ บัวเข็ม′ นอกจากนี้ ชนชาติเขมรยังรับคติความเชื่อเรื่องพระอุปคุปต์มาจำลองเป็นเทวประติมา กรรม ขนาดเล็ก ทำด้วยสัมฤทธิ์ เป็นรูปองค์พระนั่งอยู่ในเปลือกหอยลักษณะต่างๆ และเมื่อจะจัดงานพิธีสำคัญต่างๆ ก็มักจะมีพิธีอธิษฐานบูชาพระอุปคุต เป็นเบื้องต้น เพื่อให้ช่วยคุ้ม ครองให้งานนั้นๆ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี



    รูปลักษณะของพระอุปคุตที่เป็นรูปเคารพโดยทั่วไป มักทำเป็นรูปองค์พระนั่งอยู่ภายในหอยสังข์ มีขนาดศีรษะค่อนข้างใหญ่ เน้นส่วนคิ้ว ตา จมูกให้เห็นชัดเจน และเนื่องจากที่อาศัยจำพรรษาของพระอุปคุตอยู่ในปราสาทแก้วกลางมหาสมุทร จึงมักทำ ′รูปสัตว์น้ำ′ เป็นสัญลักษณ์ประกอบอยู่ด้วยเสมอ


    วิธีการตั้งบูชาพระอุปคุต หรือพระบัวเข็ม จะตั้งต่ำกว่าพระพุทธ เนื่องจากเป็นพระอรหันต์สาวก และนิยมการตั้งบนฐานรองรับ อยู่กลางภาชนะใส่น้ำ เป็นการจำลองว่าท่านจำพรรษาอยู่ในมหาสมุทร แล้วใช้ดอกมะลิลอยในน้ำบูชา
     
  14. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    วันเพ็ญพุธ กับความเชื่อเรื่องพระอุปคุต​


    พระอุปคุต หรือ พระบัวเข็ม เป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ถือได้ว่าเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่งในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ชื่อ "อุปคุต" แปลว่า ผู้คุ้มครองรักษา

    พระอุปคุตเป็นพระที่เป็นที่นิยมของชาวอินเดีย มอญและชาวไทยทางเหนือ และอีสาน สมัยก่อนพระมอญได้นำพระบัวเข็มมาถวายรัชกาลที่ 4 ในตอนที่พระองค์ทรงผนวชอยู่ แม้รัชกาลที่ 5ก็ยังทรงกล่าวถึงความเป็นมาในพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือนด้วย

    ชีวประวัติเชื่อกันมาว่า พระอุปคุตมีอิทธิฤทธิ์ปราบพระยามาร มีเรื่องเล่ามาว่า ประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้ของประเทศอินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้ฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ทั้งหมดที่พระองค์สร้างอย่างยิ่งใหญ่ ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน แต่ถูกพระยามารมาผจญ ท่านจึงนิมนต์พระอุปคุตไปปราบพระยามารจนพระยามารยอมแพ้ จากนั้นพระอุปคุตก็มีชื่อเสียงในทางปราบมาร ท่านมีอีกชื่อว่า "พระบัวเข็ม"

    ปัจจุบันยังมีความเชื่อในหมู่ชาวล้านนาว่า พระบัวเข็มหรือพระอุปคุตยังมีชีวิตอยู่ ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ ชาวล้านนาจะเรียกว่าเป็น "วันเป็งปุ๊ด" พระอุปคุตจะออกบิณฑบาตในร่างเณรน้อย และจะออกมาเวลาเที่ยงคืน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดประเพณีตักบาตรกลางคืนขึ้น

    [​IMG]

    ประวัติในแง่ของพระเครื่องพระบัวเข็ม หรือ พระอุปคุต ในทางพระเครื่องมีประวัติว่า "พระบัวเข็ม" เดิมเป็นพระพุทธรูปมอญ เข้ามาแพร่หลายในไทยช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระรามัญได้นำมาถวายท่านวชิรญาณภิกขุ (ต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4) โดยเชื่อในพุทธคุณว่าเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ ก่อให้เกิดลาภผล ความมั่งมี ขจัดภยันตราย และมีอิทธิฤทธิ์ในทางขอฝนอีกด้วย


    คาถาบูชาพระอุปคุต​


    อุปคุตโต จะมะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตตะวา ปะติฏฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะมะหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุ ฯ
    คาถาบทนี้ สวดบูชาพระอุปคุตทุกวัน จะบันดาลให้บังเกิดโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทองมากมาย และป้องกันภัยอันตรายทั้งปวงแก่ผู้บูชา

    หากมีเวลาจำกัด อาจสวดแบบย่อก็ได้ ดังนี้
    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โส ระโห ปัจจะยาทิมหิ มะ หาลาภัง ภะวันตุ เม ฯ


    คาถาขอลาภพระอุปคุต​


    มะหาอุปคุต จะ มะหาลาโภ พุทโธลาภัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ราชาปุริโส อิถีโยมานัง นะโม โจรา เมตตาจิตตัง เอหิจิตติจิตตัง ปิยังมะมะ สะเทวะกัง สะพรหมมะกัง มนุสสานัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม ฯ
    เอหิจิตติจิตตัง พันธะนัง อุปะคุตโต จะมหาเถโร พุทธะสาวะกะอานุภาเวนะ มาระวิชะยะ นิระภะยะ เตชะปุณณะตา จะ เทวะตานัมปิ มะนุสสานัมปิ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ อิมัง กายะพันธะนัง อะทิถามิ ปะอัยยิสสุตัง อุปัจสะอิ


    คาถาพระอุปคุตผูกมาร​


    มหาอุปะคุตโต มหาอุปะคุตตัง กายะพันทะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโร ธัมมังทะเถโร สังฆังทะเถโร ปะอัยยะสุตัง อุปัจสะอิ อิมังกายะพันทะนัง อะทิถามิ

    [​IMG]
     
  15. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    วันเพ็ญพุธ กับความเชื่อเรื่องพระอุปคุต​


    พระอุปคุต หรือ พระบัวเข็ม เป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ถือได้ว่าเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่งในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ชื่อ "อุปคุต" แปลว่า ผู้คุ้มครองรักษา

    พระอุปคุตเป็นพระที่เป็นที่นิยมของชาวอินเดีย มอญและชาวไทยทางเหนือ และอีสาน สมัยก่อนพระมอญได้นำพระบัวเข็มมาถวายรัชกาลที่ 4 ในตอนที่พระองค์ทรงผนวชอยู่ แม้รัชกาลที่ 5ก็ยังทรงกล่าวถึงความเป็นมาในพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือนด้วย

    ชีวประวัติเชื่อกันมาว่า พระอุปคุตมีอิทธิฤทธิ์ปราบพระยามาร มีเรื่องเล่ามาว่า ประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้ของประเทศอินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้ฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ทั้งหมดที่พระองค์สร้างอย่างยิ่งใหญ่ ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน แต่ถูกพระยามารมาผจญ ท่านจึงนิมนต์พระอุปคุตไปปราบพระยามารจนพระยามารยอมแพ้ จากนั้นพระอุปคุตก็มีชื่อเสียงในทางปราบมาร ท่านมีอีกชื่อว่า "พระบัวเข็ม"

    ปัจจุบันยังมีความเชื่อในหมู่ชาวล้านนาว่า พระบัวเข็มหรือพระอุปคุตยังมีชีวิตอยู่ ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ ชาวล้านนาจะเรียกว่าเป็น "วันเป็งปุ๊ด" พระอุปคุตจะออกบิณฑบาตในร่างเณรน้อย และจะออกมาเวลาเที่ยงคืน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดประเพณีตักบาตรกลางคืนขึ้น

    [​IMG]

    ประวัติในแง่ของพระเครื่องพระบัวเข็ม หรือ พระอุปคุต ในทางพระเครื่องมีประวัติว่า "พระบัวเข็ม" เดิมเป็นพระพุทธรูปมอญ เข้ามาแพร่หลายในไทยช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระรามัญได้นำมาถวายท่านวชิรญาณภิกขุ (ต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4) โดยเชื่อในพุทธคุณว่าเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ ก่อให้เกิดลาภผล ความมั่งมี ขจัดภยันตราย และมีอิทธิฤทธิ์ในทางขอฝนอีกด้วย


    คาถาบูชาพระอุปคุต​


    อุปคุตโต จะมะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตตะวา ปะติฏฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะมะหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุ ฯ
    คาถาบทนี้ สวดบูชาพระอุปคุตทุกวัน จะบันดาลให้บังเกิดโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทองมากมาย และป้องกันภัยอันตรายทั้งปวงแก่ผู้บูชา

    หากมีเวลาจำกัด อาจสวดแบบย่อก็ได้ ดังนี้
    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โส ระโห ปัจจะยาทิมหิ มะ หาลาภัง ภะวันตุ เม ฯ


    คาถาขอลาภพระอุปคุต​


    มะหาอุปคุต จะ มะหาลาโภ พุทโธลาภัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ราชาปุริโส อิถีโยมานัง นะโม โจรา เมตตาจิตตัง เอหิจิตติจิตตัง ปิยังมะมะ สะเทวะกัง สะพรหมมะกัง มนุสสานัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม ฯ
    เอหิจิตติจิตตัง พันธะนัง อุปะคุตโต จะมหาเถโร พุทธะสาวะกะอานุภาเวนะ มาระวิชะยะ นิระภะยะ เตชะปุณณะตา จะ เทวะตานัมปิ มะนุสสานัมปิ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ อิมัง กายะพันธะนัง อะทิถามิ ปะอัยยิสสุตัง อุปัจสะอิ


    คาถาพระอุปคุตผูกมาร​


    มหาอุปะคุตโต มหาอุปะคุตตัง กายะพันทะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโร ธัมมังทะเถโร สังฆังทะเถโร ปะอัยยะสุตัง อุปัจสะอิ อิมังกายะพันทะนัง อะทิถามิ

    [​IMG]
     
  16. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ตำนานพระอุปคุต...จากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ​


    [​IMG]

    ขอคัดลอกเรื่องเกี่ยวกับพระอุปคุต ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    ท่านเล่าเอาไว้มาให้อ่านนะค่ะ​


    พระยามาราธิราช (VS พระอุปคุต) ​


    วันที่ไปเยี่ยมจาตุมหาราชที่เล่ามาแล้วนั้น ก็เลยไปดาวดึงส์ ไปยามาแล้วก็ดุสิต ที่ชั้นดุสิตหลวงพ่อปานมารับ ก็กราบๆ ท่าน ท่านถามว่า เออ อยากพบพระศรีอาริย์ไหมล่ะ ตอบว่า อยากจะ เจอะ จะเจอะ ยังไงได้ล่ะ ท่านบอกว่า ไม่ต้องไปหรอก ท่านมาแล้ว สวย ดุสิตนี่สวยจริงๆ ยามาน่ะ เขาขาวพรึ่ดหมด ต้นไม้น่ะมีแค่ ดาวดึงส์แห่งเดียวนะ เทวดานักฟ้อนก็มีแต่ดาวดึงส์แห่งเดียวเพราะว่า เป็นเมืองหลวง ชั้นยามาสวดมนต์ ตะพึด ดุสิตสวยสดงดงาม ไปถึงชั้นนิมมานรดี เทวดาที่ทำหน้าที่นิรมิตต่างๆ เป็นชั้นที่ 5 ที่ว่า "ชั้น" น่ะไม่ใช่เป็นชั้นซ้อนๆ กันนะ เป็นพื้นเดียวอย่างโลกเรานี่แหละ แบ่งเป็นเขตเท่านั้นเองแต่เป็นทิพย์ ไปถึงแวะเยี่ยมท่านแก้วจินดาก่อน ท่านแก้วจินดา ท่านก็มาด๊งเด๊งๆ ตามมสภาพของท่าน องค์นี้เคยทะเลาะกันมาเรื่อย

    ท่านถาม......ว่ามาไงล่ะ ตอบว่า มาเที่ยวซี

    ถามท่านว่า.... เออ วิมาน พระยามาราธิราช อยู่ไหน หัวเราะก้ากเลย บอกว่า พระโง่ยังงี้ก็มีด้วย

    ถามว่าทำไมล่ะ.... ตอบว่า ที่นี่เขาเรียก ท้าวมาลัย ครับ ที่นี่ไม่มีพระยามาราธิราชหรอก มีแต่สมัยพระพุทธเจ้า


    ชื่อแกจริงๆ ชื่อ ท้าวมาลัย เป็นหัวหน้าเทวดาชั้น ที่ 6 เป็นผู้ว่าการ ก็เลยไปหากัน ท่านก็ออกมารับแหม สวยแฉ่งเลย รัศมีกายผ่องใส มารับที่เขตวิมานเชียวนะ ที่ไปกันตอนนี้สมทบกันไปหลายชั้น จำนวนมันก็ หลายหมื่นซี ท่านเชิญเข้าไป ไอ้หน้ามุขมันนิดเดียวแหละถามท่านว่า ขึ้นหมดรึนี่ ท่านตอบว่า ไม่เป็นไร หรอก วิมานเทวดายืดได้ แน่ะ เก่งเสียด้วย ไม่เหมือนเมืองมนุษย์หรอก ตั้งแค่ไหนก็แค่นั้น มองดูกะว่า จุสัก 200 ก็แย่แล้ว แต่เราเข้าไป เป็นหมื่นยังเต็มไม่ถึงครึ่ง คุยไปคุยมา

    [​IMG]

    ถามท่านว่า... ทำไมถึงไปลิดรอนพระพุทธเจ้า

    ตอบว่า.... ปัดโธ่ ท่านไม่รู้จักความโง่ของผม

    ถามว่า.... ทำไมล่ะ ตอบว่า ผมกลัวพระพุทธเจ้าจะเทศน์สอนเอาคนไปนิพพานเสียหมด พอเวลาผมเป็นพระพุทธเจ้าบ้างแล้ว ผมจะสอนใครล่ะ


    เราก็นึกในใจว่า โธ่ ไม่น่าโง่เลย จะขนไปยังไงหมด ถามท่านว่า เวลานี้ยังเป็น พระยามาร ไหม ท่านตอบ ไม่ๆๆๆ พวกท่านมีหลายคน แหม เขากลัวพระยามารกันจริงๆ ก็ไอ้มารอยู่ในตัวเองน่ะไม่ยักกลัว พระยามารนี้เวลานี้ช่วยชาวบ้าน พวกพุทธมามกะทุกคน พระยามารต้องบังคับให้ลูกน้องไปช่วยเหลือ คือ ที่ประคับประคอง พวกเรานี่แหละ จะเรียกว่า พระยามาร ไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกว่า ท้าวมาลัย

    ทีนี้ย้อนมาตอนต้น ตามตำนานที่พระพุทธเจ้าตรัส มีคนถามว่า... ทำไม่ท่านไม่ทรมานพระยามาราธิราชล่ะ ท่านตอบว่า ไม่ใช่คู่ปรับกัน พระยามารนี่จองขัดคอ ให้ปั่นป่วนนิดหน่อย ไม่จองเวรแรงขนาดเทวทัต เมื่อสมัยนั้น ท่านเป็นคนเลี้ยงม้าด้วยกันทั้งคู่ จะม้าแข่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี ท่านไปเกี่ยวหญ้าม้ากัน เกี่ยวไปก็แยก งกันไปที ทีนี้ก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง เสด็จจาก ภูเขาคันธมาส กุฏิของท่าน มันไม่ค่อยดี ท่านต้องการ ต้นหญ้านี่ ไปผสมกับดินทาฝา เพราะพระจะเกี่ยวหญ้าเองก็ไม่ควร เมื่อเห็นสองคนนี้เกี่ยวหญ้า ท่านก็เหาะลงมายืนเฉย พระพุทธเจ้าของเรา ก็นึกในใจว่า เราเอาของเราถวายท่าน ก็เป็นการสมควร อยากจะเอาของเพื่อนถวายบ้างสักก้อนหนึ่ง แต่ถ้าเพื่อนกลับมาแล้วแสดงความไม่พอใจ ก็จะมีโทษมาก เพราะพระพุทธเจ้า เป็นพระที่มีบุญหนัก ก็เลยไม่ได้ถวายไป พอตอนเย็นกลับมารวมกัน ขนหญ้าขึ้นเกวียน ท่านก็เล่าเรื่องให้ฟัง เท่านั้นแหละแกโกรธหาว่า กลัวจะดีเท่าเทียม เอาละ ท่านไปไหนก็ตาม เราจะตามไปขัดคอ แต่ทุกชาติไม่ได้ขัด มาขัดเอาชาติสุดท้าย เมื่อ ระพุทธเจ้าตัดสินพระทัยออกมหาภิเนษกรมณ์ เห็นท่าไม่เป็นเรื่องแล้ว สิทธัตถะนี้ไปแน่ กูไม่ทันนี่หว่า แล้วก็มาขัดคอ ต่างๆ อย่างที่ทราบ กันดีอยู่แล้ว

    [​IMG]

    มาในระยะหลังๆที่พระเจ้าอโศกมหาราช จะฉลองพระศาสนา อีตอนนั้นซี พระอุปคุต ท่านไปคุดอยู่กลาง มหาสมุทร บรรดาพระทั้งหลายนั่งประชุมกันว่า พระเจ้าอโศกมหาราช จะฉลองพระศาสนา เจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน คราวนี้ ยังไงๆ พระยามารต้องเล่นงานแน่ แล้วเราจะมีใครป้องกันได้บ้าง พระอรหันต์ตั้งสองแสนองค์ ปฏิสัมภิทาญาณก็มีอภิญญาก็มี ไม่มีใครสู้พระยามารได้หรือ ? สู้ได้ ไม่ใช่สู้ไม่ได้ แต่ทุกองค์บอกว่า ไม่ใช่หน้าที่ของเรา

    ทีนี้ในการประชุมคราวนั้น พญานาค ขึ้นมาฟังด้วย พอดี พญาครุฑ บินมาในอากาศเห็นเข้าก็จะ ฉะพญานาคละซี ปฏิปักษ์กันนี่ โฉบลงมา พญานาควิ่งพรวดเข้าไปกลางวงพระ พระทั้งหลายตกตะลึง บอกว่าเณร ช่วยพญานาคเดี๋ยวนี้ เณรแกอายุ 7 ปีเท่านั้น เป็นพระอนาคามีได้อภิญญา พอท่านสั่ง เณรก็ยิ้ม เข้ามา วาโยกสิณ เอาลมหอบพยาครุฑไปเสียไกล พระได้ท่า บอกว่า เณรฉันบอกให้แกช่วยพญานาค แกยิ้มนั่นยิ้มเยาะพระ นี่ต้องลงทัณฑกรรม นั่น แน่ ไม่ใช่เล่น หาเรื่องคน เป็นที่หนึ่ง เณรก็ยอม แล้วแต่พระคุณเจ้าจะ ลงทัณฑ์ ท่านก็สั่งว่า ถ้าอย่างนั้นเธอจงลงไปตาม อุปคุต มานั่น ตอนแรกปรึกษากันว่า ใครจะเป็นคน ไปนิมนต์พระอุปคุต ที่จำพรรษาอยู่กลางทะเล พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า มีอุปคุตคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นคู่ ปรับพระยามาธิราช ปราบให้แพ้น่ะได้ แต่คู่ปรับนี้ ต้องปราบ ให้แพ้ด้วย แล้วทำให้ เลื่อมใส กลับเป็นคนดีด้วย ความประสงค์เป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้า ท่านจะปราบก็ปราบได้ แต่ท่านไม่สามารถทำให้ พระยามาร เป็นคนดีได้ ตอนก่อนจะนิพพาน ท่านจึงบอกไว้ว่า พระยามาราธิราชนี้มีคู่ทรมานเป็นพระอรหันต์ เบื้องหลัง เมื่อเรานิพพานไปแล้ว 200 ปี มีนามว่า อุปคุต

    พอพระอุปคุตมาถึง พระทั้งหลายก็ว่า นี่อุปคุตเป็นอรหันต์แล้ว หาความสุขแต่ผู้เดียว ไม่ช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ไปเข้านิโรธสมาบัติ อยู่กลางทะเลอย่างนี้ ต้องถูกลงทัณฑกรรม เอาอีกแล้ว ทัณฑกรรมเฟ้อจริงๆ พระอุปคุตก็ยอมรับว่า ไม่เป็นไรครับ เอาไงก็ว่ามาเถอะ เลยได้รับมอบหมายให้ต่อต้าน พระยามาราธิราช ในอีก 7 วันข้างหน้า พระอุปคุตก็ยอม แต่ขอกินข้าวให้อ้วนเสียก่อน ไม่อ้วนนี่ ท่าจะไม่เป็นเรื่อง เอา 7 วันก็พอ ตอนเช้าท่านก็เดินย่องแย่งเป็นขี้ยาเข้ามาในเมือง มีคนเขาบอกว่า นี่องค์นี้แหละที่เขาไป ตามมาต่อต้านพระยามาร พระเจ้าอโศกมหาราช ว่า โถ ! พระขี้ยาผอม เหลือแต่กระดูกยังงี้หรือ จะไปต่อต้านพระยามาราธิราช ไม่ได้ต้องลอง เลยเอาช้างพระที่นั่ง ตัวดุที่ตกมัน มายืนดักข้างทาง พอพระอุปคุต คล้อยหลังก็ไสช้างไล่แทงเลย พระอุปคุตได้ยินเสียงข้างหลัง เอ๊ะ อะไรกันแน่ เห็นช้างวิ่งเข้ามาใกล้ท่านก็ เอานิ้วจิ้มปั๊บ บอกว่า "หยุด" ช้างกันจ้ำเบ้าเลย นั่งเหมือนกะ หินอยู่ตรงนั้น จะขี้แตก ด้วยหรือเปล่าจำไม่ได้ พระเจ้าอโศกมหาราชเลยบอกว่า ไม่ต้องไปบิณฑบาตหรอก แล้วท่านก็เอามาเลี้ยงเสียอ้วนปี๋เลย

    [​IMG]

    ทีนี้พอวันเริ่มต้นงาน พระยามารก็แสดงเดช ทำมืดครึ้ม ไม่ให้เห็นแสงอาทิตย์เลย พระทั้งหลายก็เตือนว่า นั่นไง ท่านอุปคุต พระยามารแสดงแล้ว ท่านบอกว่า ไม่เป็นไรเรื่องเล็กพอแต่งตัวรัดประคดเรียบร้อย ก็ไปหาพระยามาร บอกว่า คลายฤทธิ์เดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่คลายเป็นพัง เราอุปคุต พระยามารได้ยินก็ชักขนลุกซู่ๆ รู้ฤทธิ์ รู้เดช ฉะกันมาหลายชาติแล้ว ตาเขาก็หนึ่ง ในตองอูเหมือนกัน เอ้า เก่งจริง ก็เชิญเลย นี่พระยามาราธิราชไม่เคยกลัวใคร แม้แต่ พระสมณโคดม ก็ยังไม่กลัว เลยสู้กัน ความจริง เอาเสียที่เดียว ก็ได้เหนือ ชั้นกว่ามาก ล่อกันไปล่อกันมา ท่านอุปคุต ท่านขี้เกียจขึ้นมา ก็จับเอามือไพล่หลัง อธิษฐาน ให้แก้ไม่ออก ไม่ใช่แต่เท่านั้น อธิษฐานเอาหมาเน่ามาผูกคอเสียอีกด้วย พระยามาราธิราชแกก็เทวดาองค์หนึ่งเทวดา นี่แต่กลิ่นคนเขาก็เหม็นเสียแล้ว โดนหมาเน่าเข้าวิ่งโร่ไปหาพระอินทร์เจ้านายใหญ่ พระอินทร์บอกว่า อ้าว ทำไมไปเล่นกับพระอุปคุตเล่า เขาจะทำบุญพระศาสนากันดันไปแกล้งเขา ใครจะไปมีฤทธิ์เท่าพระอรหันต์ ได้ไม่มี มีทางเดียวท่านไปขอขมาท่านอุปคุตเสีย แล้วสัญญาว่า จะไม่ทำพยศอีก พระอุปคุตก็จะอภัยแก่ เธอ ท่านก็จำเป็นจำยอมไปขอโทษขอโพย พระอุปคุตถามว่า ยังไง สิ้นฤทธิ์แล้วรึ ? แกบอกว่า ยอมๆ ยอม ทุกอย่าง ต่อไปไม่แกล้งอีกแล้ว พระอุปคุต ก็แก้หมาเน่า แก้มัดมือออก แต่ยังเอารัดประคต ผูกเข้าไว้ กับ เขาพระสุเมรุเสียอีกหลายเปลาะ ปล่อยพระยามารดิ้นด็อกแด็กอยู่ 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ดิ้นเสียเขาพระสุเมรุ หวั่นไหว ดาวดึงส์ สะเทือนไปหมด

    พอพระเจ้าอโศกมหาราช ฉลองศาสนาเสร็จ ไปถึง พระยามาร ก็บ่นว่า โธ่เอ๋ย พระสมณโคดม ท่านก็ใจดี นะ แต่สาวกนี่แหมใจร้ายเต็มที ท่านอุปคุตไปถึงก็ต่อว่า สาวกสมัยก่อน อย่างพระโมคคัลนา พระสารีบุตร พระบิณโฑลภารทวาชะ ใครๆ ก็มีฤทธิ์ มากกว่าท่านเสียอีก แต่ไม่ใจร้าย มีท่านคนเดียว ใจร้ายกับเรา ท่านอุปคุตก็โต้ว่า รู้แล้วไม่ใช่หรือ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า ท่านกับเราเท่านั้น ที่เป็นคู่ปรับกัน ความจริงแล้ว ท่านผู้มีฤทธิ์ ทั้งหมดน่ะ ตัวท่านสู้ไม่ได้หรอก ไม่มีทางสู้ เวลานี้ แม้แต่เณร 7 ขวบ ที่ไปตามเรา ท่านก็สู้ไม่ได้ แต่ที่ท่านทั้งหลายไม่ทำ ก็เพราะไม่ใช่หน้าที่ของท่าน แต่เป็นหน้าที่ของเราผลที่สุดพระอุปคุตท่านก็ปล่อย แต่บอกว่า ก่อนปล่อย ต้องสัญญากับเราก่อนว่า จะไม่รบกวน บรรดาภิกษุ ภิกษุณี อุบาสิกา ผู้ปรารถนาในธรรม ถ้ารบกวนเมื่อไรโทษจะหนักกว่านี้หลายพันเท่า พระยามารก็บอกว่าไม่เอาแล้ว ไอ้ 7 ปี 7 เดือน 7 วัน นี่ก็พอแล้ว

    พระอุปคุตท่าน ก็ขอร้องให้พระยามาร แสดงเป็นรูปพระพุทธเจ้า สมัยยังทรงพระชนม์อยู่ให้ดู พระยามาร ตอบว่า ได้ๆๆ เรื่องเล็ก แต่สัญญากันก่อนนะ จะไหว้ผมไม่ได้ นะห้ามไหว้ โดยเฉพาะ พวกท่าน เป็นอรหันต์ เป็นพระอริยะ มาไหว้ผมละ ไม่เป็นเรื่องหรอก พระอุปคุต ก็ตกลง พระยามาราธิราช บอกว่า ผมจะ เดินไปทางหลังเขา ถ้าออกมา ห้ามไหว้เด็ดขาดนะ เพราะ บาปจะตกอยู่กับผม พอพระยามาร ไปหลังเขา พระอุปคุต ก็ให้สัญญาณ เรียกพระอรหันต์มาทั้ง 2 แสนรูป สักครู่หนึ่ง พระยามารก็ออก เป็นพระพุทธเจ้า มีฉัพพรรณรังสี รัศมี สว่างไสว สวยสดงดงามมาก มี พระโมคคัลลา พระสารีบุตร อยู่เบื้องซ้ายขวาครบเครื่องมาเลย พระทั้งหมด ลืมสัญญา ลุกขึ้นกราบพร้อมกัน กราบพระพุทธเจ้า พระยามารรีบคลายตัวทันที บอกว่า ท่านทำไมทำยังงี้ เป็นโทษกับผม ท่านอุปคุตก็บอกว่า ท่านไม่ต้องวิตก เพราะว่าการกราบนี้เขา ไม่ได้กราบท่าน เขากราบพระพุทธเจ้า โทษของท่านไม่มี พระยามาราธิราชก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น ขอพระคุณเจ้าทั้งหมดงดโทษให้ผมด้วย พร้อมด้วยพระรัตนตรัย เพราะว่าผมเองก็ปรารถนาพุทธภูมิ แล้วท่านก็กลับไป เรื่องก็จบลงแต่เพียงนี้




    [​IMG]

     
  17. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ความเป็นมาเกี่ยวกับพระอุปคุตชนะมาร...​


    [​IMG]

    พระอุปคุต เป็นปูชนียวัตถุที่สร้างขึ้นแทนพระอรหันต์สาวกสำคัญ ซึ่งได้รับการยกย่องว่า มีความเป็นเลิศทางอิทธิฤทธิ์สมัยหลังพุทธกาล เช่นเดียวกันกับที่พระโมคคัลลาน์ ได้รับการยกย่องสมัยเมื่อครั้งพระพุทธกาล


    พุทธศาสนิกชนพม่า รามัญ นับถือพระอุปคุตเถระ กันเป็นจำนวนมาก จึงมีการสร้างรูปบูชาของท่านขึ้นมา เห็นได้จาก พระบูชาพระอุปคุตศิลปะแบบพม่าหรือที่นิยมเรียกว่า “พระบัวเข็ม”

    [​IMG]


    ชาวล้านนารู้จักพระอุปคุตในฐานะผู้ปกป้องคุ้มครองภัย โดยเฉพาะยามมีปอยหลวง งานพิธีกรรมของส่วนรวม จะมีการอาราธนาพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำ เพื่อมาคุ้มครองการจัดงาน มิให้เกิดเหตุเภทภัย และให้งานลุล่วงไปด้วยดี เช่นเดียวกับงานประเพณีบุญพระเวส หรือเทศน์มหาชาติของชาวไทยอีสานก็จะมีการแห่พระอปคุตให้มาคุ้มครองอำนวยสิริสวัสดิ์เช่นกัน

    [​IMG]

    ในบางท้องถิ่นเชื่อว่า พระอุปคุตจะแปลงร่าง เป็นสามเณรขึ้นมาบิณฑบาตใน วันเพ็ญพุธ (วันเพ็ญที่ตรงกับวันพุธ) เริ่มตั้งแต่ตีหนึ่งของวันพุธ กล่าวกันว่ามีผู้เห็นสามเณรเดินบิณฑบาตไปตามถนน หนทางตามริมน้ำจนกระทั่งฟ้าสาง จึงเนรมิตกายหายไป เชื่อกันว่า หากผู้ใดมีบุญบารมีได้ใส่บาตรพระอุปคุต จักทำให้ร่ำรวยเงินทอง ปราศจากภัยทั้งปวง มีสมาธิจิตดี ไม่หลงลืม ชีวิตเป็นสุข

    จากคติและคงามเชื่อเกี่ยวกับตำนานพระอุปคุต จึงมีผู้สร้าง พระอุปคุต ปางต่าง ๆ ที่นิยมกันมากได้แก่ พระอุปคุต ปางห้ามมาร หรือ ชนะมาร ให้คุณในทางคุ้มครองป้องกันภัยต่างๆ ปางสมาธิ หรือ พระบัวเข็ม ให้คุณในด้านสติปัญญาดี จิตใจผ่องใส ดำเนินชีวิตเป็นสุข ด้วยปัญญาบารมี

    จากประวัติอันทรงฤทธิ์ดังกล่าว พุทธศาสนิกชนจึงนิยมศรัทธาสร้างรูปพระอุปคุตขึ้นบูชา โดยมีความเชื่อว่า จะสามารถปกป้องคุ้มครองภยันตรายต่างๆ อันอาจจะเกิดขึ้นได้

    [​IMG]

    ดังจะเห็นได้ว่าตั้งแต่อดีต ตราบปัจจุบัน เมื่อจะจัดงานพิธีสำคัญต่างๆ ขึ้น มักจะมี พิธีอธิษฐานบูชาพระอุปคุต เป็นเบื้องต้น เพื่อให้ช่วยคุ้มครองให้งานนั้นๆ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

    พระอุปคุต ผู้เป็นพระอรหันตสาวก ที่ทรงมหิทธานุภาพ ชอบความวิเวกวังเวง และอยู่ตามลำพังผู้เดียว คติความเชื่อเกี่ยวกับพุทธคุณ ของผู้ที่บูชา พระอุปคุต เชื่อว่า มีพุทธโดดเด่นด้านโชคลาภ และคุ้มกันภัยภิบัติอันตรายทั้งปวง

    วิธีสวดขอลาภ ให้จุดธูปเทียนบูชา พร้อมกับดอกไม้หอม เครื่องหอม น้ำหอมต่าง ๆ เทหยดใส่ในขันน้ำมนต์ ณ ที่บูชาพระ ในร้านค้าขาย หรืออาคารสำนักงาน แล้วอธิษฐานขอให้กลิ่นควันธูปเทียน ลมพัดไปทางไหน ขอให้ดลใจผู้คนเข้ามาอุดหนุนตลอด ขอให้ดำเนินกิจการด้วยความราบรื่น มีความสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ

    เมื่ออธิษฐานจุดธูปเทียนบูชาแล้ว ให้สวดนะโม ๓ จบ และสวดคำบูชาขอลาภพระอุปคุต ๑ จบ แล้วทำน้ำมนต์สวดด้วยคำบูชาขอลาภพระมหาอุปคุต อีก ๑ จบ เสร็จแล้ว เอาน้ำมนต์ประพรมร้านค้า และสินค้าในร้านค้า หรือทำธุรกิจ ให้เอาน้ำมนต์ประพรมภายในสำนักงาน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ในการทำธุรกิจนั้นทั้งหมด


    [​IMG]
     
  18. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    อัพเดทการจัดส่งพระอุปคุตมหาลาภ

    ณ วันที่ 8 เม.ย.57

    คุณศิริพร พูลละเอียด (ราชบุรี)
    พระอุปคุต 5 นิ้ว จำนวน 1 องค์ + เหรียญอาร์มพระอุปคุต 2 เหรียญ

    (พระจะถึงผู้รับในวันที่ 9 เม.ย.57 : EK895754270TH )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 เมษายน 2014
  19. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    การบูชาพระอุปคุตมหาลาภ ปางจกบาตร ฉันท์ข้าว
    ( ปางใหม่ล่าสุดทีสร้างและเข้าพิธีแล้ว )

    ขนาด 5 นิ้ว ทองเหลืองรมดำ ฐานกลวง


    เหลือให้บูชาเพียง 17 องค์เท่านั้น

    จากวัดศรีสง่าสามัคคี ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ

    [​IMG]

    พระครูวีระปัญญาคม ผู้จัดสร้าง



    [​IMG]

    [​IMG][​IMG]

    ณ ปัจจุบันนี้ พระอุปคุตปางจกบาตร หยุดตะวัน(ลักษณะมือล้วงบาตร ดังรูปด้านบน)ได้หมดลงแล้ว ตั้งแต่ในวันพิธี วันที่ 17 พ.ย.56 ที่ผ่านมา

    แต่ก็โชคดี ที่ทางวัดท่านได้สั่งหล่อพระอุปคุตมหาลาภ ปางจกบาตร ฉันท์ข้าวขึ้นมาใหม่ เพิ่มเติมอีก 50 องค์ (ลักษณะยกมือฉันท์ข้าว ป้อนข้าว ไม่ใช่ล้วงบาตร) ซึ่งได้เข้าพิธีและปลุกเสกแล้ว ณ วัดศรีสง่าสามัคคี จ.ชัยภูมิ เนื่องในวันพิธีเททองหล่อพระพุทธโสธร 40 นิ้วและพุทธาภิเษกพระอุปคุตมหาลาภ ปางจกบาตร ฉันท์ข้าว 5 นิ้วรมดำ ในวันงานด้วย (ดังรูปภาพ ด้านบนในกรอบสีแดง)

    ซึ่ง ณ ตอนนี้ได้เปิดให้สั่งจองและเช่าบูชาแล้วค่ะ แต่จะทำการจัดส่งให้หลังปีใหม่นะคะ เนื่องจากตอนนี้ทางเรา ต้องรอทางวัดท่านส่งพระมาให้ก่อน และก็จะรวบรวมปัจจัยที่บูชาได้ โอนให้กับทางวัดอีกครั้งคะ ซึ่งการบูชาพระอุปคุต ณ เว็บพลังจิตนี้ก็ได้เปิดให้บูชามาแล้วร่วม 1 ปีเต็ม มีผู้บูชาพระอุปคุตไปแล้วกว่า 300 องค์

    หากท่านใด ยังมีความประสงค์ที่จะบูชาพระอุปคุต ปางจกบาตร ฉันท์ข้าวปางใหม่ล่าสุดนี้ ซึ่งยังคงความศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิมทุกอย่าง ต่างกันแค่ลักษณะมือของพระอุปคุตเท่านั้น และก็ผ่านการทำพิธีปลุกเสกแล้วทุกอย่าง (ดังรูปภาพด้านบน) ซึ่งเป็นความประสงค์ของเจ้าอาวาสที่ท่านอยากสร้างพระอุปคุตปางนี้ขึ้นมา ให้ต่างจากแบบเดิมก็เท่านั้นเองค่ะ


    ท่านที่ที่ต้องการบูชา อ่านรายละเอียด ดังนี้ค่ะ
    1. แจ้งชื่อ- นามสกุล+ จำนวนองค์พระที่ต้องการ +
    ที่อยู่ + เบอร์ติดต่อ ไว้ที่หน้ากระทู้หรือPM ให้ละเอียด
    2. องค์พระอุปคุตรอบนี้ มีเพียงรมดำ เท่านั้น ไม่มีสีทองค่ะ


    รายละเอียดการโอนปัจจัยบูชาพระ

    1. ค่าพระ 1,000 บาท + ค่าจัดส่ง EMS 200 บาท
    = 1200 บาท

    2. กทม.//ปริมณฑล พระจะถึงผู้รับภายใน 1 วัน

    3. ต่างจังหวัด พระจะถึงผู้รับภายใน 2 วัน

    4. โอนปัจจัยบูชาพระอุปคุต ผ่านทางธนาคาร ไทยพาณิชย์
    ชื่อบัญชี ธัญญ์พิชชา แพรสีเขียว 370-20215-62


    5. ทางเราจะรวบรวมปัจจัยที่บูชาพระอุปคุตให้ทางวัดโดยตรง

    6. พระจะเริ่มจัดส่งทางไปรษณีย์เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2557เป็นต้นไป

    7. ผู้ที่สั่งจองเช่าบูชาสามารถโอนปัจจัยบูชาพระ องค์ละ 1,200 บาท (รวมค่าจัดส่ง) ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ

    8. เมื่อโอนปัจจัยบูชาพระแล้ว รบกวนแจ้งการโอนเงินผ่านกระทู้ หรือโทร 084-7733177 ขวัญด้วยค่ะ เพื่อรักษาสิทธิของท่านนะคะ




    เปิดให้สั่งจองเช่าบูชาแล้ว นับแต่วันนี้ค่ะ ติดต่อสอบถาม//หรือสั่งจองได้ที่หน้ากระทู้หรือPM เลยค่ะ พระจะเริ่มจัดส่งให้กับผู้สั่งจอง หลังวันขึ้นปีใหม่ 3 ม.ค.57 เป็นต้นไปนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 เมษายน 2014
  20. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    พระอุปคุตปางฉันท์ข้าว เหลือเพียง 17องค์เท่านั้น
    ( รุ่นนี้หมดแล้ว หมดเลยค่ะ )

    องค์ละ 1,200 บาท ( รวมค่าจัดส่ง )


    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]


    เหรียญอาร์มพระอุปคุตมหาลาภ ปางจกบาตร
    เนื้อทองเหลือง รมดำ (ขนาดห้อยคอ)
    วัดศรีสง่าสามัคคี ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ
    (ผ่านพิธีอธิฐานจิตแล้ว เนื่องในพิธีเททองหล่อหลวงพ่อโสธร จำลอง )

    บูชา 199 บาท (รวมค่าจัดส่ง)
    เหลือให้บูชาเพียง 600 เหรียญ​



    [​IMG] [​IMG]

    หมายเหตุ...ทางเราส่งพระทุกวันจัทร์ - เสาร์ค่ะ สามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ได้ที่กระทู้หรือ โทรมาที่ 084-7733177 ค่ะ ขอขอบพระคุณมากค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กรกฎาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...