ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 08:36:13 น. มติชนออนไลน์ <!--อ่านล่าสุด คน-->
    <center></center>
    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]เกิดแผ่นดินไหว 7.2 ริคเตอร์เขย่า"วานูอาตู" ไม่มีรายงานเสียหาย[/FONT]

    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]<style> P { margin: 0px; } </style> สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวสามารถวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.2 ริคเตอร์ นอกชายฝั่งของประเทศวานูอาตู ในแปซิฟิกใต้เช้ามืดวันที่ 28 พฤษมาคม ทำให้ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์ "สึนามิ" ทันทีแต่ได้ยกเลิกในเวลาต่อมา

    แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.14 น. ตามเวลาท้องถิ่นหรือตรงกับ 00.14 น. ตามเวลาในไทย ลึกลงไปใต้ดิน 36 กิโลเมตร ห่างจากเมืองลูแกนวิลล์ของวานูอาตู ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 214 กิโลเมตร หรือห่างจากเมืองบริสเบนของออสเตรเลียไปทางตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 2,000 กิโลเมตร

    ทั้งนี้ สหรัฐฯได้ออกประกาศเตือนภัยสึนามิ สำหรับประเทศที่อยู่ในแปซิฟิกใต้ทันที ซึ่งรวมถึงโซโลมอนไอซ์แลนด์ วานูอาตู และนิวคาลิโดเนียด้วย เนื่องจากความรุนแรงของแผ่นดินไหวขนาดนี้สามารถทำให้เกิดคลื่นสูงภายในไม่ กี่นาที แต่ได้ยกเลิกประกาศเตือนภัยในเวลาต่อมา และหลังจากนั้น 3 ชั่วโมง ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีก 2 ครั้ง วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.4 และ 5.7 ริคเตอร์ แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย
    [/FONT]
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหว 7.2 ริคเตอร์ เขย่าวานูอาตู

    [​IMG]

    แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.14 น. ตามเวลาท้องถิ่นหรือตรงกับ 00.14 น. ตามเวลาในไทย ทำให้ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯออก ประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์ “สึนามิ”แต่ได้ยกเลิกในเวลาต่อมา.....

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวลึกลงไปใต้ดินไม่มากนัก วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.2 ริคเตอร์ นอกชายฝั่งของประเทศวานูอาตู ในแปซิฟิกใต้เช้ามืดวันนี้ ทำให้ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯออกประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์ “สึนามิ” ทันทีแต่ได้ยกเลิกในเวลาต่อมา

    แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.14 น. ตามเวลาท้องถิ่นหรือตรงกับ 00.14 น. ตามเวลาในไทย ลึกลงไปใต้ดิน 36 กิโลเมตร ห่างจากเมืองลูแกนวิลล์ของวานูอาตู ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 214 กิโลเมตร หรือห่างจากเมืองบริสเบนของออสเตรเลียไปทางตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 2,000 กิโลเมตร

    ทั้งนี้ สหรัฐฯได้ออกประกาศเตือนภัย “สึนามิ” สำหรับประเทศที่อยู่ในแปซิฟิกใต้ทันที ซึ่งรวมถึงโซโลมอนไอซ์แลนด์ วานูอาตู และนิวคาลิโดเนียด้วย เนื่องจากความรุนแรงของแผ่นดินไหวขนาดนี้สามารถทำให้เกิดคลื่นสูงภายในไม่ กี่นาทีแต่ได้ยกเลิกประกาศเตือนภัยในเวลาต่อมา และหลังจากนั้น 3 ชั่วโมง ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีก 2 ครั้ง วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.4 และ 5.7 ริคเตอร์ แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย

    ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    ศูนย์เตือนภัยฯทุ่ม 9.5 ล้านบาท ซ้อมเตือนภัย 4 จังหวัดเหนือ-ใต้

    [​IMG]

    ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เตรียมใช้งบประมาณ 9.5 ล้านบาท ฝึกซ้อมเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติ ในพื้นที่ 4 จังหวัด หวังสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว...

    วันที่ 27 พ.ค. นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที กล่าวว่า ระหว่างเดือนพ.ค. - มิ.ย. 53 ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานในความดูแลของกระทรวงไอซีที ร่วมกับจังหวัดพิษณุโลก แพร่ สุราษฎร์ธานี และอุตรดิตถ์ ได้จัดโครงการฝึกซ้อมและให้ข้อมูลแก่ประชาชน เพื่อเตรียมพร้อมเผชิญเหตุ จากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งภัยแล้ง อุทกภัย และแผ่นดินไหว โดยจะให้ความรู้เรื่องสึนามิด้วย ทั้งนี้จะใช้งบทั้งหมด 9.5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการลงพื้นที่จังหวัดพังงา ในเดือน ส.ค. ด้วย

    ปลัดกระทรวงไอซีที กล่าวอีกว่า รูปแบบการจัดงาน จะเน้นการเผยแพร่ความรู้ ผ่านสื่อระบบสารสนเทศแบบมีส่วนร่วม ควบคู่กับความบันเทิง โดยกำหนดจัดงานจังหวัดละ 3 วัน ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 1-3 มิ.ย. 53 ที่ศูนย์ประสานงานแผนพัฒนาท้องถิ่นประจำอำเภอเมือง, จังหวัดสุราษฎร์ธานี วันที่10-12 มิ.ย. 53 ที่หอประชุมครูลำยอง โรงเรียนสุราษฎร์ธานี, จังหวัดแพร่ วันที่ 16-18 มิ.ย.2553 ที่โรงยิมสนามกีฬาอบจ.แพร่ และจังหวัดอุตรดิตถ์ วันที่23-25 มิ.ย. 53 ที่ โรงยิมคณะวิทย์ ม.ราชภัฎอุตรดิตถ์

    "โครงการฝึกซ้อมและให้ข้อมูลแก่ประชาชน เพื่อเตรียมพร้อมเผชิญเหตุ จากภัยพิบัติทางธรรมชาตินี้ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกซ้อม ด้านการบริหารจัดการระบบการแจ้งเตือนภัย และด้านการบริหารจัดการวิกฤติการณ์ ด้านการสื่อสาร รวมทั้งเพื่อฝึกซ้อมแผนอพยพประชาชน จากพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้งวาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ตลอดจนทดสอบการดำเนินการตามแผนงานของหน่วยงาน นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความเข้าใจในหลักการ ขั้นตอน วิธีการปฏิบัติตน ก่อนและหลังเกิดภัยพิบัติ และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว" นายสือ กล่าว

    ด้านนายวิริยะ มงคลวีราพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ปี 2553 ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้รับงบประมาณทั้งหมด 130 ล้านบาท โดยวางระบบเตือนภัยเพิ่มเติม เพื่อรองรับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น และปรับหอเตือนภัยอีก 40 แห่ง ให้รองรับการเป็นหอกระจายข่าว พร้อมจัดทำสื่อการเผยแพร่ข่าวสารในรูปแบบใหม่ๆ เช่น เว็บไซต์ ด้วยงบประมาณทั้งหมด 85 ล้านบาท ขณะที่มีหอเตือนภัยขนาดใหญ่ 299 แห่ง และมีหอเตือนภัยขนาดเล็ก 1,500 แห่ง

    ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยฯ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากการจัดซ้อมเตือนภัยพิบัติใน 4 จังหวัดแล้ว ศูนย์เตือนภัยฯ ยังมีแผนการปฏิบัติงาน จัดซ้อมเตือนภัยสึนามิใน 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ในเดือนก.ค. - ส.ค. 53 ด้วย

    ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    วอนประชาชนขุดทองสระแก้ว ขออนุญาตให้ถูกกฎหมาย

    [​IMG]
    นายสมเกียรติ ภู่ธงชัยฤทธิ์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.)

    กพร. ประสานจังหวัดสระแก้ว ขอให้ประชาชนที่ต้องการขุดแร่ทองคำในพื้นที่ ขออนุญาตให้ถูกกฎหมาย พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ออกให้คำแนะนำทางวิชาการ เพื่อใช้เทคโนโลยีให้ถูกต้อง ไม่เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม...

    เมื่อวันที่ 27 พ.ค. นายสมเกียรติ ภู่ธงชัยฤทธิ์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า กรณีที่ประชาชนแห่ไปขุดทองคำ ที่หมู่บ้านบ่อนางชิง ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ในขณะนี้ จากการตรวจสอบของกพร. พบว่า พื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพที่มีโอกาสสูง ในการขุดพบแร่ทองคำอีกแห่งหนึ่ง ในหลายๆ พื้นที่ของภาคตะวันออก และเป็นพื้นที่ที่ประชาชนมีการขุดหาแร่ทองคำอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ขณะเดียวกันนอกจากพื้นที่ดังกล่าว ยังมีการขุดหาแร่ทองคำที่บ้านบุเสี้ยว อ.กบินทรบุรี จ.ปราจีนบุรี อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี อีกด้วย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีสายแร่ทองคำพาดผ่านถึงกัน โดยขนาดเม็ดแร่ทองคำ ที่พบในพื้นที่บ่อนางชิง มีทั้งขนาดเม็ดละเอียด และเป็นก้อนเล็กๆ โดยประชาชนที่ร่อนหาแร่ทองคำสามารถร่อนหาได้จากชั้นดินที่มีแร่ทองคำสะสมตัวอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ความลึกของชั้นแร่ไม่เกิน3เมตร

    อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวต่อว่า กพร. ได้แก้ไขระเบียบให้ภาคเอกชน เข้าไปสำรวจเพื่อพัฒนาพื้นที่แหล่งแร่ทองคำดังกล่าวแล้ว ซึ่งจะสนับสนุนให้มีการลงทุนสำรวจ และทำเหมืองเพื่อผลิตแร่ทองคำต่อไป ส่วนการขุดหาแร่ทองคำของประชาชน ในขณะนี้ กพร.ได้ประสานไปยังจังหวัดสระแก้ว เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบว่า หากต้องการขุดแร่ทองคำ ก็ให้ขออนุญาตร่อนแร่ให้ถูกต้องตามกฏหมาย พร้อมจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปให้คำแนะนำทางวิชาการ การใช้เทคโนโลยีที่ถูกวิธี เพื่อไม่ให้การขุดแร่ทองคำในพื้นที่ดังกล่าว ก่อให้เกิดอันตรายและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

    “แร่ทองคำในอ.วัฒนานคร มีลักษณะเหมือนกับแร่ทองคำที่ขุดพบได้ ที่อ.เขาพนมพา จ.พิจิตร ที่เป็นแหล่งผลิตทองคำขนาดใหญ่ของประเทศไทยในขณะนี้” นายสมเกียรติ กล่าว

    ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.thairath.co.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. Nutthawut

    Nutthawut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +479
    ขอกราบร่วมอนุโมทนาบุญด้วยเป็นอย่างสูงครับ
     
  4. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    แผนที่ใหม่ของเมืองไทย/หนุมาน_ผู้นำสาร

    <TABLE id=post3338501 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>24-05-2010, 11:25 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#1162 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3338501", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 8,963
    Groans: 1
    Groaned at 433 Times in 293 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 108
    ได้รับอนุโมทนา 60,157 ครั้ง ใน 8,329 โพส
    พลังการให้คะแนน: 4298 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]






    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3338501 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ทีนี้เรามานั่ง Time Machine ย้อนเวลากลับไปศึกษา เกี่ยวกับ ภูมิอากาศยุคโบราณกันดูนะครับ ^^

    โลกกำลังร้อนขึ้น.... Ok ข้อนี้ไม่มีใครเถียง
    แต่จุดที่เป็นข้อถกเถียงคือโลกร้อนขึ้นเพราะเหตุใด ??

    มีคนกลุ่มหนึ่ง ตั้งทฤษฎีว่าโลกร้อนขึ้น เพราะการกระทำของมนุษย์ คือ
    Anthropogenic Global Warming (AGW) theory
    เชื่อว่ามนุษย์ทำให้อิทธิพลของปรากฏการณ์เรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มขึ้น
    โดยเฉพาะจากกาซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เกิดจากการเผาเชื้อเพลิงจำพวกฟอสซิล

    ผมขอเล่าข้อมูล ประวัติของภูมิอากาศโลกย้อนหลังไปประมาณหนึ่งหมื่นปี
    เพราะมีความสำคัญ ต่อการใช้วิจารณญาณ ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์

    ***แบบง่ายๆ เลยแล้วกัน***

    ตอนนี้ โลกกำลังอยู่ในมหายุคน้ำแข็งครั้งที่สี่ เรียกว่า Pleistocene Ice Age
    แต่ระหว่างมหายุคน้ำแข็ง โลกไม่ได้หนาวเย็นต่อเนื่องตลอดเวลา
    มีช่วงเวลาที่หนาวเย็น และอบอุ่น เปลี่ยนแปลงสลับกันหลายต่อหลายครั้ง

    ช่วงของ มหายุคน้ำแข็งครั้งที่สี่ ได้ดังนี้

    1.ช่วงที่ธารน้ำแข็งก่อตัวกว้างขวาง เรียกว่า glacial period
    2.ช่วงอบอุ่นระหว่างยุคน้ำแข็ง เรียกว่า interglacial period

    สี่ล้านปีที่ผ่านมา ธารน้ำแข็งแผ่ขยายและถดถอยสลับกันมากกว่ายี่สิบครั้ง ช่วงที่ธารน้ำแข็งขยายตัวปกคลุมโลก มักจะยาวนานเป็นหลักแสนปี แต่ช่วงอบอุ่นระหว่างธารน้ำแข็งมักจะสั้น เป็นหลักหมื่นปีเท่านั้น
    จนกระทั่ง การขยายตัวของธารน้ำแข็งครั้งสุดท้ายเรียกว่ายุคน้ำแข็ง Wisconsin ซึ่งเริ่มต้นเมื่อประมาณหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นปี จนสิ้นสุดลงเมื่อหมื่นหกพันปีที่แล้ว โลกค่อยๆอุ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธารน้ำแข็งค่อยๆถดถอยอย่างช้าๆ

    จนกระทั่งถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีก่อนปัจจุบัน เป็นช่วง คาบเกี่ยวระหว่างยุคน้ำแข็ง กับยุคที่โลกอบอุ่น ซึ่งโลกอุ่นขึ้นอย่างฉับพลัน ละลายธารน้ำแข็งนอกเขตขั้วโลกหมดไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็โลกพลิกกลับหนาวลงอย่างรวดเร็ว จนเกือบกลับเข้ายุคน้ำแข็งเต็มตัวเป็นช่วงสั้นๆ แล้วก็กลับอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง จนกลับมาอุ่นเท่ากับตอนเริ่มต้น เมื่อประมาณเก้าพันห้าร้อยปีก่อนปัจจุบัน (พูดง่ายๆว่า มันร้อนๆ หนาวๆ อย่างงี้ สลับกันมาเป็นพันๆ ปีแล้ว)

    ช่วงอบอุ่นที่สุดของ Medieval Warm Period (MWP) ตรงกับศตวรรษที่ 9-11 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการจดบันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ทางภูมิศาสตร์ ค่อนข้างแพร่หลาย
    ในช่วงที่โลกอุ่นนั้น ธารน้ำแข็งถดถอย น้ำแข็งที่ละลาย อาจทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ช่วงนี้ตรงกับสมัยทวาราวดีปลายๆ ถ้าใครเคยเห็นแผนที่ทางโบราณคดีของยุคนั้น จะเห็นแนวชายฝั่งทะเลของอ่าวไทยโบราณ กินแดนลึกเข้ามาถึงอ่างทอง

    [​IMG]
    ภาพแผนที่สมัยทวาราวดี ดูดิ น้ำเคยท่วมเข้าไปไกลขนาดนั้นเลย

    My Blog :: Mass Comunication<!-- google_ad_section_end -->




    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    <TABLE id=post3340627 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>25-05-2010, 04:25 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#1179 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Thepkanya<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3340627", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2008
    ข้อความ: 618
    Groans: 4
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 320
    ได้รับอนุโมทนา 5,989 ครั้ง ใน 574 โพส
    พลังการให้คะแนน: 227 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]





    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3340627 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ หนุมาน ผู้นำสาร [​IMG]
    พิจารณาเหตุการณ์
    ยุคเมืองเหนือล่ม ช่วงยุคเจ้าแม่จามเทวี...
    ยุคแม่น้ำโขง ทะลักเข้าท่วมแผ่นดินไทยปัจจุบัน
    ยุคน้ำท่วมโลก....



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หาก ภาพน้ำท่วม-ทะเลโคลน ตามโพสต์ที่ # 1162 ดังที่ปรากฏ ใน แผนที่สมัยทวาราวดี.............เป็นเรื่องจริง

    แล้วผู้ที่เคยอยู่ใน สมัยทวาราวดี กลับมา ทำหน้าที่ คล้ายเดิม ๆ
    ก็แสดงว่า โลกจะกลับมาสู่ วงล้อเดิม..........ใช่ไม๊?<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Thepkanya : 25-05-2010 เมื่อ 06:03 PM














    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=post3342215 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>25-05-2010, 11:07 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#1184 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->vera_p<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3342215", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Apr 2009
    ข้อความ: 310
    Groans: 0
    Groaned at 15 Times in 11 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 213
    ได้รับอนุโมทนา 1,120 ครั้ง ใน 263 โพส
    พลังการให้คะแนน: 61 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3342215 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Thepkanya [​IMG]
    หาก ภาพน้ำท่วม-ทะเลโคลน ตามโพสต์ที่ # 1162 ดังที่ปรากฏ ใน แผนที่สมัยทวาราวดี.............เป็นเรื่องจริง

    แล้วผู้ที่เคยอยู่ใน สมัยทวาราวดี กลับมา ทำหน้าที่ คล้ายเดิม ๆ
    ก็แสดงว่า โลกจะกลับมาสู่ วงล้อเดิม..........ใช่ไม๊?


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ครับ......<!-- google_ad_section_end -->
    __________________



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมเห็นด้วยกับทั้ง3ท่านครับจึงนำมาเสนอแก่เพื่อนธรรมทั้งหลายเพื่อเกิดประโยชน์สาธารณะ
    อ้างอิง
    http://palungjit.org/.2/สมเด็จพระพุ...-กับ-ช่วงกึ่งพุทธกาลของพระโคดม.178195/page-60
     
  5. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    กระชับพื้นที่คืนความ จริง “วันโลกหายนะ” <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" valign="baseline" align="left">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" valign="baseline" align="left">28 พฤษภาคม 2553 00:59 น.</td></tr></tbody></table>

    ข่าวลือเกี่ยวกับ “วันโลกหายนะ” เป็นอีกหนึ่งสีสันของจดหมายลูกโซ่ ที่วนเวียนอยู่บนโลกออนไลน์ วันดีคืนดีข่าวลือดังกล่าวมาปรากฏบนสื่อทีวีในช่วงเวลา “ไพรม์ไทม์” ย่อมสร้างความตื่นตระหนกได้ในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนในวงการวิทยาศาสตร์เอง คือผู้อ้างถึงข้อมูลวิทยาศาสตร์อย่างเป็นตุเป็นตะ

    ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับอีเมลลูกโซ่ เกี่ยวกับวันโลกหายนะเหมือนในภาพยนตร์เรื่อง 2012 อย่างต่อเนื่อง และมีการอ้างถึงข้อมูลวิทยาศาสตร์ เดิมเขาเชื่อว่ากระแสนี้จะซาไปแต่กลายเป็นว่ากระแสยังคงมีอยู่ จึงตัดสินใจจัดเสวนาและแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หลังเหตุการณ์บ้านเมืองเริ่มคลี่คลาย ในเวที “ตอบทุกคำถามสังคมไทย ที่กังวลต่อการล่มสลายของโลก” เมื่อวันที่ 25 พ.ค.53 ที่ผ่านมา ณ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ

    - สนามแม่เหล็กกลับขั้ว-โลกพลิก

    หนึ่งในประเด็นการล่มสลายของโลกคือการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกใน วันที่ 22 ธ.ค.55 จากเหนือไปใต้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ดวงอาทิตย์กลับขั้ว เกิดสนามแม่เหล็กและความร้อนบนโลก ทำให้น้ำแข็งละลาย น้ำท่วมโลก เกิดสึนามิ โลกจะเอียงจาก 23.5 องศาไปเป็น 26 องศา แล้วพลิกกลับจากเหนือไปใต้

    คำถามคือจริงหรือไม่ที่แม่เหล็กโลกจะกลับ ขั้ว?

    ดร.สธนกล่าวว่า ปรากฏการณ์แม่เหล็กโลกกลับขั้ว เคยเกิดขึ้นบนโลกมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งเว้นช่วงประมาณ 1 ล้านปี ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 700,000 ปีที่แล้ว ซึ่งเริ่มมีมนุษย์กำเนิดขึ้นบนโลกแล้ว และระหว่างการกลับขั้วช่วง 1 ล้านปีนั้น อาจมีการกลับขั้วในช่วงสั้นประมาณ 4-5 พันปี

    การกลับขั้วแม่เหล็กโลกนี้ ไม่ได้หมายถึงโลกพลิกกลับจากเหนือไปใต้ แต่หมายถึงสนามแม่เหล็กอ่อนกำลังลง แล้วเกิดสนามแม่เหล็กที่ยุ่งเหยิงขึ้น ก่อนกลับสู่สภาพปกติ ซึ่งระหว่างที่แม่เหล็กอ่อนลงนั้น จะมีรังสีคอสมิคเข้ามาแต่ไม่มากมายนัก

    “ส่งผลกระทบไหม มีผลกระทบบ้างถ้าเรายังใช้เข็มทิศอยู่ แต่เดี๋ยวนี้เราใช้จีพีเอส (GPS) กันเยอะ ผลกระทบอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และช่วงเวลาระหว่างการพลิกขั้วเกิดขึ้นช้า เป็นระยะเวลาพันปี แสนปีขึ้นไป"

    "ปัจจุบันความแรงสนามแม่เหล็กขึ้นๆ ลงๆ เมื่อ 700,000 ปีก่อน สนามแม่เหล็กโลกเคยอ่อนกว่านี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นการกลับขั้วแม่เหล็กโลกไม่ใช่ประเด็นที่ก่อให้เกิดปัญหา โดยหลักฐานการกลับขั้วคือหินแข็งที่มีสภาพแม่เหล็กตามแม่เหล็กโลก ซึ่งเกิดจากหินร้อนๆ ในโลกออกมาเจอสภาพแม่เหล็กภายนอกแล้วแข็งตัว” ดร.สธนกล่าว

    ขั้วแม่เหล็กโลกนั้น เกิดจากการไหลของกระแสโลหะหลอมเหลวในแกนกลางโลก ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กเหมือนไดนาโมที่ใช้ขดลวดพันรอบแกนแม่เหล็ก โดยสนามแม่เหล็กจะพุ่งจากขั้วใต้ไปขั้วเหนือ ดังนั้นขั้วโลกเหนือจึงเป็นขั้วแม่เหล็กใต้ และขั้วโลกใต้จึงเป็นขั้วแม่เหล็กเหนือ

    แต่การไหลของกระแสโลหะหลอมเหลวในแกนกลางโลกไม่สม่ำเสมอ ตำแหน่งขั้วแม่เหล็กจึงไม่คงที่ และเป็นบริเวณกว้าง เช่น ปี 1904 ขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่เป็นบริเวณหนึ่ง และปี 1996 ขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่อีกบริเวณ เป็นต้น

    - ดาวเคราะห์เรียงตัวทำแผ่นดินไหวบนโลก

    การเรียงตัวของดาวเคราะห์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกโยงว่าทำให้เกิดแผ่นดินไหวบนโลก เนื่องจากมีแรงไทด์ (tide) กระทำต่อโลก

    หากแต่ ดร.สธนอธิบายว่าแรงไทด์คือ "แรงน้ำขึ้นน้ำลง" (tidal force) นั่นเอง เป็นแรงเสมือนว่าดึงโลกให้ยืดออก และดวงจันทร์มีบทบาทให้เกิดแรงนี้กระทำต่อโลกมากที่สุด และด้านที่อยู่ใกล้ดวงจันทร์มากที่สุดจะถูกดึงมากกว่า โดยแรงนี้มีอธิบายด้วยสมการที่มีตัวแปรเพียง 2 ตัวคือ ระยะห่างระหว่างวัตถุที่ดึง และมวลของวัตถุที่ดึง

    “แรงน้ำขึ้นน้ำลง น้อยกว่าแรงดึงดูดของโลกถึง 10 ล้านเท่า แรงที่สุดของแรงนี้คือ ทำให้ของเหลวบนโลกเคลื่อนที่ หรือเกิดน้ำขึ้นน้ำลง แต่ยังน้อยเกินกว่าจะมีผลต่อโครงสร้างหรือแผ่นทวีป 10 ล้านเท่า"

    "ดวงอาทิตย์ซึ่งใหญ่กว่าดวงจันทร์มากแต่อยู่ห่างโลกมากกว่า จึงมีแรงนี้น้อยกว่าดวงจันทร์ประมาณครึ่งหนึ่ง หากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์มาซ้อนกัน ผลคือทำให้เกิดน้ำขึ้นสูงในวันขึ้น 15 ค่ำและแรม 15 ค่ำเท่านั้นเอง” ดร.สธนกล่าว

    นอกจากนี้ ผลการเปรียบเทียบตำแหน่งการเรียงตัวของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะกับการเกิด แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 10 อันดับ ซึ่งเกิดที่เกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.47 เป็นแผ่นดินไหวใหญ่อันดับ 3 และครั้งรุนแรงสุดเกิดขึ้นที่ชิลี เมื่อ 22 พ.ค.03 นั้น ไม่มีครั้งใดเลยที่ดาวเคราะห์เรียงตัวกัน โดยพิจารณาเฉพาะดาวพุธ ดาวศุกร์ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์และโลก ส่วนดาวเคราะห์วงนอกนั้น ดร.สธนกล่าวว่าตัดออกได้ เพราะอยู่ไกลมาก

    “เรียงหรือไม่เรียงไม่สำคัญ เพราะแรงไม่ถึงอยู่แล้ว คำอ้างในข่าวในฟอร์เวิร์ดเมล เป็นคำอ้างที่ไม่มีหลักฐาน การอ้างงานวิจัยก็มีความเข้าใจที่ไม่ตรง บทความยังไม่มีชื่อผู้เขียนและเป็นการคาดเดาไว้ก่อน” ดร.สธนวิจารณ์คำทำนายเรื่องโลกล่มสลาย ที่อ้างถึงผลการศึกษาของทีมนักวิจัยอิตาลี

    ทั้งนี้ งานวิจัยดังกล่าวมีอยู่จริง แต่รายละเอียดระบุว่า มีความแปรปรวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ก่อนเกิดแผ่นดินไหวเล็กน้อย ซึ่งคาดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกเอง ไม่ใช่พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ จนสามารถจุดฉนวนแผ่นดินไหวอย่างที่กล่าวอ้าง

    -Solar Maximum คำที่ถูกอ้างวันโลกสลาย


    ความวิตกว่า โลกถึงคราวหายนะนั้น มักเชื่อมโยงการเข้าสู่ช่วง "โซ ลาร์ แม็กซิมัม" (Solar Maximum) ของดวงอาทิตย์ ซึ่ง ผศ.พงษ์ ทรงพงษ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งร่วมเวทีเสวนาอธิบายว่า ช่วงดังกล่าว ดวง อาทิตย์มีกิจกรรม<sup>*</sup>เกิดขึ้นมาก และมีการกลับขั้วสนามแม่เหล็ก เกิดขึ้นสลับกับ "โซลาร์ มินิมัม" (Solar Minimum) ที่ดวงอาทิตย์มีกิจกรรมน้อย โดยมีระยะเวลาสลับกันประมาณ 11 ปี

    กิจกรรมต่างๆ บนดวงอาทิตย์นั้น เกิดจากสนามแม่เหล็กเนื่องจากการไหลวนของก๊าซร้อนบนดวงอาทิตย์ ครั้งล่าสุดที่เกิด Solar Maximum คือเมื่อปี 2544 ส่วนตอนนี้เรา กำลังอยู่ในช่วง Solar Minimum"

    "ครั้งแรกที่เราเริ่มนับจุดมืดบนดวงอาทิตย์คือเมื่อปี 2323 ซึ่งพบว่าการเกิดจุดมืดมากสลับกับไม่มีเลยนั้นเป็นช่วงๆ ชัดเจน ตอนนี้เราอยู่วัฏจักรสุริยะรอบที่ 23 และกำลังสู่รอบที่ 24 ในปี 2555 (หรือ 2012) ซึ่งจะเริ่มช่วง Solar Maximum รอบใหม่ แต่เราก็ตรวจดูสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ทุกวันว่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง” ผศ.พงษ์กล่าว

    เมื่อเข้าสู่ Solar Maximum สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ มีกิจกรรมบนดวงอาทิตย์มากขึ้น สนามแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแปลง เพราะดวงอาทิตย์ส่งอนุภาคมีประจุมาเยอะขึ้น มีการพ่นมวลมีประจุมายังโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เราสังเกตได้ เช่น ปรากฏการณ์แสงเหนือ-แสงใต้ ซึ่งเห็นได้ที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ แต่ปี 2501 มีรายงานพบแสงเหนือ-แสงใต้ที่เม็กซิโก ซึ่งอยู่ต่ำจากขั้วโลกเหนือลงมาอยู่ที่ละติจูด 30 องศาเหนือ

    เมื่อปี 2532 กิจกรรมบนดวงอาทิตย์ ได้ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าในระบบส่งไฟฟ้าของแคนาดา จนหม้อแปลงไหม้และเกิดไฟดับ แต่ในปี 2544 ไม่เกิดเหตุไฟดับเนื่องจากทราบว่าจะเกิดขึ้นและได้เตรียมการรับมือไว้

    - ซากดาวส่องตรงรังสีแกมมาเผาโลกเป็นจุณ

    การระเบิดของรังสีแกมมา (Gamma Ray Burst: GRB) เป็นปรากฏการณ์ส่งรังสีแกมมาจากซากของดวงดาวที่กำลังดับสูญ และเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับดวงดาว ซึ่งมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ 10 เท่าขึ้นไป โดยปกติดาวฤกษ์มีปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันเป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งจะหลอมรวมธาตุเล็กให้กลายเป็นธาตุใหญ่ และให้พลังงานออกมา เสมือนมีแรงระเบิดนิวเคลียร์อยู่ภายในดวงดาว

    ขณะเดียวกันดาวฤกษ์ยังมีแรงโน้มถ่วงดึงมวลกลับมาอยู่รวมกัน จึงเปรียบได้กับการชักเย่อระหว่างแรงระเบิดกับแรงโน้มถ่วง เมื่อธาตุตั้งต้นหมดลงการระเบิดก็น้อยลง ทำให้แรงโน้มถ่วงชนะและเริ่มดึงให้ดาวยุบลง

    อย่างไรก็ดี การยุบตัวของดาวนั้น มีปลายทางที่แตกต่างกัน ดาวบางดวงยุบตัวอย่างเงียบสงบและหมดพลังงานไป บางดวงเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ขึ้นอีกเนื่องจากแรงโน้มถ่วงทำให้เกิดการหลอม รวมของธาตุครั้งใหม่

    บางดวงเกิดระเบิดอย่างรุนแรงเรียกว่า “โนวา” (nova) หรือ “ซูเปอร์โนวา” (supernova) กลายเป็นเนบิวลาและเกิดการรวมตัวของก๊าซกลายเป็นดาวอีกรอบ บางดวงยุบตัวอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหลุมดำ แต่บางครั้งเกิดการยุบตัวและเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่รุนแรงพร้อมๆ กัน ทำให้เกิดรังสีแกมมาความเข้มสูงส่งออกมาในทิศทางที่แน่นอนและเป็นลำแคบๆ หรือเรียกว่าการระเบิดของรังสีแกมมานั่นเอง

    ถ้าส่องมายังโลก ก็ตายหมดทั้งโลก การระเบิดของรังสีแกมมาการระเบิดของรังสีแกมมานี้ น่ากลัวมาก แต่ต้องกลัวไหม ไม่ต้องกลัว เพราะถ้าเกิดขึ้นก็รวดเร็วมากจนเราไม่ทันได้รู้สึก เนื่องจากรังสีเดินทางด้วยความเร็วแสง" ผศ.พงษ์กล่าว

    อย่างไรก็ดี ผศ.พงษ์กล่าวเผยว่า โอกาสดังกล่าว เกิดขึ้นน้อยมาก เพราะอย่างแรกต้องเกิดใกล้ๆ เรา ประมาณกาแลกซีถัดไป และต้องหันมาทางเราพอดี ซึ่งดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เราที่สุดคือดาวพรอกซิมา (Proxima) อยู่ไกลออกไป 4.2 ปีแสง แต่มีขนาดเพียง 1 ใน 10 ของดวงอาทิตย์ เมื่อดาวดวงนี้ดับ จะไม่เกิดระเบิดรังสีแกมมาแน่นอน แต่ถ้าถึงวันหนึ่งเราจะต้องไป เราก็ต้องไป.
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ยูเอ็นระบุโสมแดงแอบส่งเทคโนโลยีนิวเคลียร์ให้อิหร่าน-ซีเรีย-พม่า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>28 พฤษภาคม 2553 13:34 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เอเจนซี - รายงานฉบับใหม่ของยูเอ็นระบุ เกาหลีเหนือเปิดบริษัทบังหน้า เพื่อส่งออกเทคโนโลยีนิวเคลียร์ และขีปนาวุธออกนอกประเทศ ทั้งยังให้ความช่วยเหลืออิหร่าน ซีเรีย และพม่าด้วย

    รายงานดังกล่าวระบุถึงรายละเอียดการตรวจสอบ โดยคณะผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็น ที่ทำหน้าที่ดูแลให้ไปเป็นตามมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือของคณะมนตรีความมั่นคง เจ้าหน้าที่การทูตคนหนึ่งเผย

    เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า รายละเอียดในรายงานฉบับนี้ไม่ผิดจากที่คาดหมายไว้ โดยทั่วไปแล้ว รายงานพูดถึงว่าเกาหลีเหนือส่งออกเทคโนโลยีนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ โดยความช่วยเหลือของหลายบริษัทบังหน้า ทั้งยังมีคนกลาง และเล่ห์กลอื่นๆ ด้วย

    "ประเด็นอยู่ที่ว่าเกาหลีเหนือจัดส่งความช่วยเหลือเหล่านั้นให้แก่อิหร่าน ซีเรีย และพม่า" เขาย้ำ โดยระบุว่าหลักฐานที่มีเป็นเพียงขั้นต้นเท่านั้น แต่จะมีการสอบสวนเพิ่มเติมอีกแน่นอน

    เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง และเจ้าหน้าที่การทูตของชาติตะวันตกสงสัยมานานว่าเกาหลีเหนือได้ส่งเทคโนโลยีต้องห้ามเหล่านั้นให้แก่อิหร่าน ซึ่งสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรต่างระแวงว่ากำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โดยมีโครงการพลังงานปรมาณูเพื่อพลเมืองเป็นฉากบังหน้า แม้เตหะรานจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแล้วก็ตาม

    นอกจากนี้ สายลับตะวันตกยังตั้งข้อสงสัยว่าพม่าก็เป็นอีกประเทศที่สนใจรับเทคโนโลยีนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือด้วยเช่นกัน

    ในปี 2007 อิสราเอลเคยบอกกับเจ้าหน้าที่ของตะวันตกว่า เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แห่งหนึ่งของซีเรียมีรูปแบบเดียวกับโสมแดง ซึ่งซีเรียก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในกิจกรรมนิวเคลียร์ลับแต่อย่างใด

    รายงานเกี่ยวกับเกาหลีเหนือฉบับนี้ถึงมือของสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น ขณะที่สมาชิกทั้ง 15 ชาติเตรียมการหารือถึงความเป็นไปได้ของข้อกล่าวหาที่ว่าเกาหลีเหนือโจมตีเรือรบของเกาหลีใต้ ทำให้ทหารเสียชีวิต 46 นายในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

    เปียงยางถูกยูเอ็นวางมาตรการลงโทษ หลังทดลองนิวเคลียร์ในปี 2006 และ 2009 โดยมาตรการเหล่านั้นรวมถึงข้อห้ามไม่ให้โสมแดงส่งออก หรือนำเข้าเทคโนโลยีนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ

    ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000073665
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    เพราะ...
    บ้านเมืองขาดสัจจะ
    เท่านั้นเอง....

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เมืองหลวงกัวเตมาลาเต็มไปด้วยเถ้าภูเขาไฟ

    [​IMG]

    กัวเตมาลาซิตี 28 พ.ค.- กรุงกัวเตมาลาซิตีของกัวเตมาลาเต็มไปด้วยเถ้าภูเขาไฟหนาทึบหลังจากภูเขาไฟปากายาระเบิดพ่นเถ้าถ่าน ทำให้ต้องปิดท่าอากาศยานและอพยพชาวบ้านใกล้ภูเขาไฟ

    ประธานาธิบดีอัลวาโร โคลอม ประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ใกล้ภูเขาไฟ ห่างจากกรุงกัวเตมาลาซิตี 40 กิโลเมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่การบินพลเรือนปิดท่าอากาศยานลาออโรรา เนื่องจากต้องทำความสะอาดเถ้าภูเขาไฟออกจากทางวิ่ง จากนั้นจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเปิดท่าอากาศยานได้ภายในเที่ยงวันนี้ตามเวลาท้องถิ่นหรือไม่ ขณะที่ถนนหนทางในกรุงกัวเตมาลาซิตี้เต็มไปด้วยเถ้าภูเขาไฟและทรายสีดำ

    นักภูเขาไฟวิทยาเผยว่า ภูเขาไฟปากายาพ่นเถ้าถ่านขึ้นไปในอากาศสูงถึง 1.5 กิโลเมตร ภูเขาไฟลูกนี้อยู่ใกล้แหล่งปลูกกาแฟคุณภาพดีของกัวเตมาลา ปะทุต่อเนื่องมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษหลังปี 1960 แต่หยุดพ่นเถ้าถ่านไปตั้งแต่ปี 2541 ด้านเจ้าหน้าที่ภัยพิบัติได้เริ่มอพยพประชาชนในหมู่บ้านใกล้ภูเขาไฟแล้วแต่ไม่แน่ชัดว่ามีชาวบ้านยอมอพยพมากน้อยเพียงใด.-สำนักข่าวไทย

    วันศุกร์ ที่ 28 พ.ค. 2553

    ที่มา MCOT.NET > Modernnine TV > Modernine Program >

    รถไฟชนกันที่อินเดียทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 65 คน

    [​IMG]

    เจ้าหน้าที่อินเดียเชื่อ เหตุรถไฟชนประสานงาน ในพื้นที่ตะวันออกของอินเดียวันนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 65 คน คาดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มกบฎเหมา

    รัฐมนตรีการรถไฟของอินเดีย เผยว่า รถไฟโดยสาร ซึ่งออกจากเมืองกอลกัตต้า มุ่งหน้าไปยังนครมุมไบ ถูกวางระเบิด ขณะแล่นผ่าน รัฐบังกอร์ตะวันตก ของอินเดีย ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มกบฎเหมา โดยแรงระเบิดทำให้รถไฟโดยสาร ถูกเหวี่ยงออกและพุ่งชนรถไฟบรรทุกสินค้า ที่แล่นด้วยความเร็วตกราง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 65 คน อย่างไรก็ตามคาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย พบชิ้นส่วนอวัยวะเช่นแขน ขาที่อยู่ใต้ซากรถไฟ เป็นจำนวนมาก

    ด้านกองทัพอากาศอินเดีย ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลใกล้เคียง

    ด้านทางการอินเดียเชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นการก่อวินาศกรรม แต่ยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มกบฎเหมา หรือไม่ ทั้งนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา นักรบกลุ่มกบฎเหมาหลายพันคน อาศัยอยู่ในพื้นที่ตะวันออกและตอนกลางของอินเดีย ได้เพิ่มการโจมตีมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อเดือนเมษายนมีรายงานว่า ตำรวจอินเดียเสียชีวิตจากการซุ่มโจมตี ถึง 76 นาย

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

    น้ำท่วมที่โคลัมเบีย,โปแลนด์

    [​IMG]

    โคลัมเบียและโปแลนด์ เผชิญชะตากรรมเดียวกัน หลังจากเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก เป็นเหตุให้น้ำท่วมอาคารบ้านเรือนและท้องถนน ประชาชนได้รับความเดือนร้อนเป็นจำนวนมาก

    เริ่มสถานการณ์น้ำท่วมกันันที่โคลัมเบียกันก่อน ประชาชนกว่า 85,000 คน ใน 134 เขตทั่วประเทศ ต้องกลายเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ เมืองBucaramanga , Barranquilla และ Caqueta ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้ถนนบางสายของเมืองBarranquilla กลายเป็นแม่น้ำ ประชาชนต้องนำรถยนต์ของตัวเองหนีน้ำท่วม ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ซึ่งบางคันหนีไม่พ้น ถูกกระแสนน้ำพัดพาแบบไร้ทิศทาง

    นอกจากนี้รายงานยังระบุด้วยว่า ระดับน้ำในแม่น้ำในเมือง Bucaramanga ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้หลายฝ่ายกลัวว่า เขื่อนจะแตก และน้ำในเขื่อนจะไหลทะลักเข้าท่วมเมือง ทั้งนี้คนในพื้นที่ต่างตำหนิรัฐบาลท้องถิ่นที่ไม่ได้เตรียมการในการช่วยอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ หรือ ดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเลย ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ฝนจะตกลงมาอีกในไม่กี่วันข้างหน้า

    ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่โปแลนด์ เริ่มคลี่คลาย แต่ยังมีอีกหลายเมืองทางตะวันตกของประเทศยังน่าเป็นห่วง คาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น และอาจทำให้ตลิ่งจะพังลงมา ทางการจึงระดมเจ้าหน้าที่ เร่งขนถุงทรายมาสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ Odra ป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน

    ตลอดเกือบสองสัปดาห์ จากภาวะน้ำท่วมในโปแลนด์ เป็นเหตุให้ประชาชนกว่าแสนคน ในพื้นที่ตอนกลางและใต้ ของประเทศ ต้องอพยพออกจากบ้าน ขณะที่ทางการประเมินความเสียหายคิดเป็นมูลค่า กว่า 2,460 ล้านเหรียญสหรัฐ

    ด้านนายกรัฐมนตรี Donald Tusk ได้จัดงบประมาณ 590 ล้านเหรียญสหรัฐ มาช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ขณะที่สหภาพยุโรปและรัสเซีย รับปากว่าจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยชนด้วย

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ash.jpg
      ash.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.5 KB
      เปิดดู:
      1,573
    • imgr_1275019573.jpg
      imgr_1275019573.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.1 KB
      เปิดดู:
      1,564
    • india_1.jpg
      india_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70 KB
      เปิดดู:
      1,624
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผงะมุสลิมเขมร ขนแก๊ส-ตะปู ไปสุไหงโก-ลก

    [​IMG]

    [​IMG]

    ทหารพรานสระแก้วตั้งด่านตรวจพบกลุ่มเขมรมุสลิม กว่า 200 คนจะไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในจำนวนนี้ 30 คนอ้างจะไปเยี่ยมญาติสุไหงโก-ลก พบแก๊สกระป๋องเกือบ 100 กระป๋อง-ตะปู 18 กก.ซุกมาในรถเข็น..

    เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 28 พ.ค. ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา(ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่1206หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12กองกำลังบูรพา) นำกำลังตั้งจุดตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย บริเวณจุดตรวจร่วมหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตามคำสั่งของ พ.อ.วสุ เจียมสุข ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 ที่ให้เข้มงวดกวดขันการเดินทางผ่านเข้า-ออก ของบุคคลและยานพาหนะ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดและสิ่งผิดกฏหมายจากประเทศกัมพูชาเข้ามาใน ประเทศไทยโดยเฉพาะอาวุธสงครามที่อาจมีการเล็ดลอดนำเข้ามา

    ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบชาวเขมรจำนวนมากเดินเป็นกลุ่มขนาดใหญ่เดินข้ามด่านพรมแดน อรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย โดยมีกรรมกรชาวเขมรเข็นรถเข็นบรรทุกกระเป๋าเสื้อผ้า เดินตามมาจำนวน 4 คัน จึงเข้าตรวจสอบพบว่ากลุ่มแรกประมาณ 30 คน แยกเป็นชาย 24 คน หญิง 4 คน เด็กชาย 2 คน ทั้งหมดเป็นชาวเขมรมุสลิม เดินทางมาจาก จ.กัมปงจาม ประเทศกัมพูชา แจ้งว่าจะเดินทางไปที่ชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ของไทย

    กลุ่มที่สอง จำนวน 207 คน เป็นชาย 125 คน หญิง 82 คน ซึ่งกลุ่มที่สองนี้เป็นแรงงานที่จะเดินทางไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ผลิตปลากระป๋อง ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ของบริษัท โชติวัฒน์อุตสาหกรรมการผลิต จำกัด ซึ่งทั้งหมดเดินทางเข้ามาอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะแรงงานที่จะไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตปลากระป๋อง ตามข้อตกลง (MOU) ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ มารอรับ

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งหมดจะเดินทางไปยังชายแดนภาคใต้ของไทยซึ่งยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบอยู่ เจ้าหน้าที่ทหารพรานจึงนำเข้ามาตรวจค้นในกองร้อยทหารพรานที่ 1206 (กองร้อยทหารพรานคลองลึก) ขณะกำลังตรวจค้นกระเป๋าเสื้อผ้าของชาวเขมรอยู่นั้น กรรมกรชาวเขมรที่เข็นรถเข็นบรรทุกกระเป๋าเสื้อผ้าของชาวเขมรมุสลิม มีพฤติกรรมส่อพิรุธ ทิ้งรถเข็นแล้ววิ่งหลบหนีกลับเข้าไปในฝั่งกัมพูชา ทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความสงสัย ตรวจค้นภายในรถเข็น พบว่าใต้รถเข็นมีแก๊สบรรจุกระป๋องขนาดน้ำหนัก 200 กรัม จำนวน 73 กระป๋อง ใส่มาในถุงปุ๋ยสีขาว นอกจากนี้ยังได้พบตะปูชนิดต่างๆบรรจุในกล่องกระดาษรวม 3 กล่อง รวมน้ำหนักกว่า 18 กิโลกรัมซุกซ่อนอยู่ด้วย

    อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามชาวเขมรมุสลิมทั้งหมดปฏิเสธการเป็นเจ้าของและปฏิเสธไม่รู้ว่ามาจากไหน อ้างว่าเพียงว่าจ้างกรรมกรชาวเขมรเข็นรถเข็นบรรทุกกระเป๋าเสื้อผ้ามาท่า นั้นและไม่รู้ว่าใต้รถเข็นมีอะไร

    ร.อ.ชาญ เผยว่า ชาวเขมรมุสลิมที่จะเดินทางไปชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส 30คน อ้างว่าจะไปเยี่ยมญาติ สำหรับแก๊สบรรจุกระป๋องและตะปู ล้วนสามารถนำไปผลิตเป็นระเบิดแสวงเครื่องได้ ซึ่งเป็นของต้องห้ามนำเข้า คาดว่าจะเป็นการลักลอบนำไปส่งให้กับขบวนการโจรใต้ ซึ่งได้ตรวจยึดอุปกรณ์ทั้งหมดส่งให้ ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพาเพื่อตรวจสอบและนำไปทำลายทิ้งแล้ว

    ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    มุสลิมเขมรยังแห่ลงใต้ พบซุกยาปฏิชีวนะอื้อ

    [​IMG]

    เขมรมุสลิมยังแห่ลงชายแดนใต้ ตรวจพบอีก 109 คน พาสปอร์ตใหม่เอี่ยม แต่บอกว่าเคยลงไปมาแล้วหลายครั้ง ทหารพรานค้นเข้มพบซุกยาปฏิชิวนะเข้ามาเป็นจำนวนมากหวั่นไปช่วยแนวร่วมโจรใต้..

    เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 29 พ.ค. พ.อ.วสุ เจียมสุข ผบ.ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา (ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา) สั่งการให้ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา(ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่1206) ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.ท.เสกสรร วัฒนพงษ์ สวญ.สภ.คลองลึก พ.ต.ต.ธัชชัย ทิพเนตร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวสระแก้ว และนายสำราญ เดชศรี เจ้าหน้าที่ด่านอาหารและยาอรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำกำลังตั้งจุดตรวจค้นและตรวจสอบชาวเขมรมุสลิมที่จะเดินทางไปยัง 3 จังหวัดชายแดนใต้ของไทย ที่ บริเวณจุดตรวจร่วม หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ทหารพราน ร้อย ทพ.1206ฯ ได้ตรวจค้น 30 ชาวเขมรมุสลิมที่จะเดินทางลงไปชายแดนภาคใต้ของไทย แล้วพบแก๊สบรรจุกระป๋อง จำนวน 73 กระป๋อง พร้อมทั้งตะปูขนาดต่างๆอีก 18 กิโลกรัม โดยไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ คาดว่าอาจนำไปเป็นอุปกรณ์การผลิตระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่ภาคใต้ได้

    ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบชาวเขมรทั้งชาย หญิงจำนวนมาก เดินข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย โดยมีกรรมกรชาวเขมรเข็นรถเข็นบรรทุกกระเป๋าเสื้อผ้า จำนวน 3 คัน เดินตามมาด้วย ตรวจสอบทราบว่าทั้งหมดเป็นชาวเขมรมุสลิม จำนวน 109 คน เป็นชาย 71 คน หญิง 38 คน อ้างว่าจะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ จ.ปัตตานี ของไทย บางคนบอกว่าจะไปเยี่ยมญาติในฝั่งประเทศมาเลเซีย แต่ละคนมีพาสปอร์ตและมีวีซ่าเดินทางเข้าประเทศมาอย่างถูกต้อง และส่วนใหญ่เป็นพาสปอร์ตใหม่เอี่ยมยังไม่เคยเดินทาง แต่จากการสอบถามกลับตอบ ว่าเคยเดินทางไปชายแดนภาคใต้ของไทยมาแล้วหลายครั้ง ทำให้เกิดความสงสัยอีกทั้งยังเดินทางเข้ามาจำนวนมากผิดปกติ จึงนำมาตรวจสอบและตรวจค้นในกองร้อยทหารพรานบ้านคลองลึก หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ

    จากการตรวจค้นภายในรถเข็นที่กรรมกรชาวเขมรบรรทุกกระเป๋าเสื้อผ้าของชาวเขมรมุสลิมเข้ามา เจ้าหน้าที่ตรวจพบยารักษาโรค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาปฏิชีวนะ และยังมีเข็มฉีดยา รวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก รวมกว่า 100 รายการบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีดำซุกซ่อนอยู่ภายในรถเข็นรวมกับกระเป๋า เสื้อผ้าชาวเขมรมุสลิม เมื่อสอบถามไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ จึงทำการตรวจยึดนำส่ง ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ทำการตรวจสอบ และทำประวัติและถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน

    ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2010
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครช่วย ****

    ใครจะไปเชื่อ...
    ว่า กองทัพกบ จะแพ้ กองทัพมด
    จาก สาม จะลามถึง ชุมพร

    ใครจะไปเชื่อ....
    คอขอดกระ ช่วยได้ ถ้ามีวิธี

    แต่ช่วยอะไรไม่ได้...
    เพราะ ผู้อาศัยแผ่นดินนี้ ไม่มีสัจจะ
    ...ปลดนิสัยตนเอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ รอบครอบจักรวาล
    กำลังรอดู สัจจะของคนไทย
    แต่เวลามีจำกัด
    ยืดแล้ว ยืดอีก
    ยืดมากๆ ก็ขาดเพราะยืด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. หริภุญชัย

    หริภุญชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +3,517
    องค์ปฐม.jpg __1_~1.JPG GetAttachment.jpg
    ขอบารมีและอานิสงส์การสร้างพระสมเด็จพระพุทธปฐมบรมศาสดาจักรพรรดิตราวีรานุสรณ์ และบารมีสมเด็จพระพุทธสิกขีจอมไตรญาณมุณีศรีหริภุญชัย เพื่อขจัดภัยพิบัติ

    ที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้รวมใจกันสร้างตามนิมิตนี้จงส่งผลให้เป็นส่วนช่วยให้สามารถขจัดภัยพิบัติได้ด้วยเทอญ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  13. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    รู้มาว่าคอขอดกะ จะมีผู้ช่วยมนุษย์ขุด
    แบบไม่ได้ร้องขอ
     
  14. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    ความคุกรุ่นของคาบสมุทรเกาหลีตอนนี้ ร้อนแรงมากครับ เมตตา เมตตา
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อินเดียเร่งล่ากบฎเหมาบึ้มรถไฟ-คาดยอดตายทะลุ 150 ศพ

    [​IMG]

    ทางการอินเดียเร่งไล่ล่ากบฎลัทธิเหมา หลังก่อเหตุระเบิดรถไฟจนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 150 ราย..

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ถึงความคืบหน้าเหตุรถไฟโดยสารสายด่วนวิ่งระหว่างเมืองโกลกาตาจะไปยังนครมุมไบของอินเดีย ถูกก่อวินาศกรรมจนตกรางและพุ่งชนกับรถไฟขนส่งสินค้าท่ีเมืองมิด นาโปร์ รัฐเบงกอลตะวันตกในอินเดีย ว่า หลังเกิดเหตุกว่า 30 ชั่วโมง พบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 110 ศพ มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ยังหาไม่พบราว 50 คน หน่วยกู้ภัยเร่งใช้เครื่องจักรกลหนักตัดร้ือซากตู้รถไฟตู้หนึ่งซึ่งเชื่อว่า มีศพติดอยู่อีกมาก จึงคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะพุ่งทะลุ 150 ศพในท้ายที่สุด

    แม้รัฐบาลอินเดียจะชี้ว่ากบฏฝักใฝ่ลัทธิเหมาซึ่งต่อสู้เพื่อคนยากจนและผู้ไร้ที่ดินทำกินคือผู้ก่อวินาศกรรมครั้งนี้ แต่ตำรวจกำลังสอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัด โดยนายมาโนช เวอร์มา นายตำรวจอาวุโสเผยว่าตำรวจระบุตัวผู้อยู่เบื้องหลังวินาศกรรมได้แล้วและกำลังไล่ล่ากบฎเหมากลุ่มหนึ่งซึ่งไปตั้งค่ายอยู่ใกล้จุดมรณะไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ

    ด้าน รมว.รถไฟอินเดีย เผยว่ากบฏเหมาใช้วิธีวางระเบิดรางรถไฟ แต่ตำรวจระบุว่าชิ้นส่วนรางรถไฟถูกถอดด้วยทำให้รถไฟด่วน 13 ตู้พุ่งตกรางไปชนกับรถไฟสินค้า หลังเกิดเหตุการรถไฟอินเดียสั่งยกเลิกรถไฟเที่ยวกลางคืนทั้งหมดในพื้นที่ซึ่งกบฎเหมาแผ่อิทธิพลอยู่

    รัฐบาลอินเดียยังเผชิญกระแสกดดันหนักหน่วงยิ่งขึ้นให้จัดการกบฎเหมาให้เด็ดขาด ซึ่งอาจต้องทบทวนยุทธศาสตร์ใหม่ โดยนำทหารและกองทัพอากาศมาเสริม นอกจากตำรวจและกองกำลังเสริมทหารราว 60,000 คนที่ถูกระดมมาปราบกบฎเหมาตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีท่ีแล้ว ด้านหนังสือพิมพ์ “เดอะ ไทม์ส ออฟ อินเดีย” พาดหัวข่าวหน้า 1 ว่า “ผู้ก่อการร้าย,ไม่ใช่กบฎเหมา” และตั้งคำถามว่ารัฐบาลมีปัญญาทำสงครามเต็มรูปแบบกับกบฎเหมาซึ่งโจมตีกว่า 1,000 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตกว่า 600 คนเมื่อปีท่ีแล้วหรือไม่

    ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2553​

    เหยื่อถล่ม 2 สุเหร่าชนกลุ่มน้อยปากีสถานพุ่งอย่างน้อย 80 ศพ

    [​IMG]

    เหตุโจมตีทางศาสนาในปากีสถานทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 80 ราย..
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ว่าเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายพร้อมอาวุธครบมือทั้งปืนและระเบิดบุกโจมตี และจับตัวประกันที่สุเหร่า 2 แห่งของชาวมุสลิมชนกลุ่มน้อยนิกาย “อาห์มาดี” ท่ีเมืองละฮอร์ในปากีสถานเมื่อวันศุกร์ที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 80 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 78 คน

    รายงานข่าวล่าสุดระบุว่าบรรดาญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะแยกกันฝังศพแทนการจัดพิธีฝังศพหมู่ เนื่องจากหวั่นเกรงว่าอาจถูกโจมตีซ้ำ
    ขณะท่ีทางการปากีสถานชี้ว่า เหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้เป็นฝีมือของสมาชิกกลุ่มตาลีบันหรือกลุ่มมุสลิมนิกายสุหนี่หัวรุนแรง ซึ่งมักเห็นว่าชนกลุ่มน้อยชาวอาห์มาดีเป็นพวกนอกรีต ไม่ใช่ชาวมุสลิมที่แท้จริง

    ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ออกมาแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลปากีสถานช่วยปกป้องชนกลุ่มน้อยในประเทศซึ่งถูกข่มขู่คุกคาจากพวกกลุ่มมุสลิมที่มีแนวคิดสุดโต่งทั้งหลาย ขณะเดียวกัน องค์การกาชาดสากลได้แถลงประนามการโจมตีครั้งนี้ และชี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ "คลื่นการโจมตี" ต่อพลเรือนที่น่าตื่นตระหนกในปากีสถาน

    ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    อิสราเอลโวย 'เอ็นพีที' พุ่งเป้าสกัดนิวเคลียร์ฝ่ายเดียว

    [​IMG]

    อิสราเอลไม่พอใจข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ของยูเอ็น ชี้ไร้ความเป็นธรรม พุ่งเป้าสกัดนิวเคลียร์อิสราเอลประเทศเดียว แต่ไม่ระบุถึงชาติมหาอำนาจอื่นๆ..

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสในรัฐบาลอิสราเอลรายหนึ่งซึ่งขอไม่เปิดเผยนาม ได้ออกมาแสดงท่าทีประนามข้อตกลงไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในภูมิภาคตะวันออกกลาง หรือ “2010 Non - Proliferation Treaty - NPT” ซึ่งเห็นพ้องกันในหมู่ประเทศสมาชิก 189 ชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

    รายงานข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่อาวุโสคนดังกล่าวระบุว่า ข้อตกลงฉบับนี้มีเนื้อหาที่เรียกร้องให้อิสราเอลยินยอมเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ทุกประเภท โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการริเริ่มทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางกลายเป็นเขตปลอด อาวุธนิวเคลียร์ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นไป

    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อิสราเอลเห็นว่า ข้อตกลงดังกล่าวคือความพยายามมุ่งเป้ามาที่อิสราเอลเพียงฝ่ายเดียว แต่กลับไม่มีรายละเอียดที่ระบุถึงชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์อื่นๆ ตั้งแต่อินเดีย ปากีสถานและเกาหลีเหนือ รวมถึงชาติที่ถือเป็นอันตรายต่อประชาคมโลกอย่างอิหร่าน

    ผู้แทนฝ่ายอิหร่านในสหประชาชาติแสดงความยินดีต่อข้อตกลงดังกล่าว เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐฯ ซึ่งแม้สหรัฐฯพยายามคัดค้านเนื้อหาขอตรวจสอบนิวเคลียร์ของอิสราเอล แต่การคัดค้านก็พ่ายแพ้มติเสียงส่วนใหญ่ โดยข่าวแจ้งว่า ข้อตกลง “เอ็นพีที” กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นข้อต่อรองกลุ่มชาติครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ให้ยอม ปลดอาวุธและหันมาใช้นิวเคลียร์เพื่อประโยชน์ด้านการพัฒนาแทนความพยายามสร้างอาวุธมหาประลัย

    ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ชาวเอกวาดอร์-กัวเตมาลา อพยพหนีภูเขาไฟปะทุ

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ภูเขาไฟสองลูกในกัวเตมาลา และเอกวาดอร์เกิดปะทุเมื่อวันศุกร์ ทำให้เมืองใหญ่ๆหลายเมืองเต็มไปด้วยเถ้าถ่าน ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากพื้นที

    ทั้งนี้ประธานาธิบดี อัลวาโร โคลอม ของกัวเตมาลาประกาศภาวะฉุกเฉินนาน 15 วันในพื้นที่ใกล้ภูเขาไฟ "พาคายา" ซึ่งอยู่ห่างไปจากกรุงกัวเตมาลา ซิตี้ เมืองหลวงไปทางใต้เพียง 50 กิโลเมตร

    ภูเขาไฟ "พาคายา" ซึ่งสูงถึง 2,552 เมตรปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 2 คน รวมถึงผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ที่ไปรายงานข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บาดเจ็บ 59 คน เด็กสูญหาย 3 คน บ้านเรือนเสียหาย 100 หลัง และต้องอพยพประชาชนราว 1,700 -1,900 คนจากพื้นที่ นอกจากนี้ ฃทางการต้องปิดสนามบินในเมืองหลวงจนถึงวันนี้ เพราะต้องทำความสะอาดถนนรวมถึงพื้นที่โดยรอบที่เสียหายจากเถ้าถ่านจากภูเขาไฟ

    ขณะที่ ภูเขาไฟ "ตุนการาฮัว" ในเอกวาดอร์ปะทุขึ้นเมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นการปะทุครั้งรุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่ง ได้พ่นเถ้าถ่านและเศษหินออกมา ทำให้ทางการต้องอพยพประชาชนอย่างน้อย 7 หมู่บ้านออกจากพื้นที่ ปิดสนามบินและโรงเรียนในเมืองกัวยาคิว ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดของประเทศ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 29 พฤษภาคม 2553 11:18

    ที่มา http://www.bangkokbiznews.com

    ชี้ปี '2010' โลกอาจร้อนสุดเท่าที่เคยประสบมา

    [​IMG]

    ศูนย์ข้อมูลสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐฯชี้ อุณหภูมิโดยเฉลี่ย ปี 2553 อาจร้อนที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยประสบมา แต่ประชาคมโลกไม่ใส่ใจ แต่ทุ่มความใส่ใจให้วิกฤติเศรษฐกิจมากกว่า...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของศูนย์ข้อมูลสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นโอเอเอ) เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ระบุว่าในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา อุณหภูมิของแผ่นดิน และมหาสมุทรสูงขึ้นกว่าอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของช่วงปี 2443-2542 ถึง 13.3 และ 0.69 องศาเซลเซียสตามลำดับ ทำให้ปี 2553 นี้อาจเป็นปีที่ร้อนสุดเท่าที่มนุษย์เคยประสบมา

    อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์โลกร้อนจะเริ่มส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศ แต่ประชาคมโลกยังไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร เนื่องจากต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ โดยผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลชื่อดังของอังกฤษ “ยูโกฟ” เผยว่า จำนวนคนที่รู้สึกกังวลต่อภาวะโลกร้อนมีน้อยลง จาก 78 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2550 ลดลงเหลือ 62 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นคนทั่วโลกของสถาบันวิจัยนีลสันในอังกฤษยังเผยว่า ผู้คนรู้สึก “กังวลอย่างยิ่ง” ต่อภาวะโลกร้อนน้อยลง จาก 41 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2550 เหลือเพียง 37 เปอร์เซ็นต์

    วันเดียวกัน รัฐบาลอินโดนีเซีย และนอร์เวย์ ออกแถลงนโยบายลดภาวะโลกร้อน โดยนายซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เผยแผนยุติการตัดไม้ทำลายป่าในประเทศเป็นเวลา 2 ปี เพื่อแปรสภาพป่าดงดิบบนเกาะบอร์เนียวและสุมาตราให้เป็น “ปอด” ของโลก ขณะที่นอร์เวย์ก็เตรียมส่งเงินสนับสนุนโครงการดังกล่าวเป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.thairath.co.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2010
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เตรียมกายและใจให้พร้อมรับมือกับภัยพิบัติ เหมือนดั่งพระมหาชนก...

    [​IMG]

    ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 8

    จากตอนที่แล้วพระโพธิสัตว์ เมื่อทรงทราบว่า เรือจะต้องอับปางแน่นอน จึงได้รีบเสวยน้ำตาลกรวดคลุกกับเนยจนอิ่ม จากนั้นก็นำผ้าเนื้อเกลี้ยงสองผืนที่ชุบน้ำมันจนชุ่ม ทรงนุ่งให้กระชับ ประทับยืนเกาะเสากระโดง แล้วก็ทรงปีนขึ้นไปประทับยืนบนยอดเสากระโดงนั้น

    ในเวลาเรือจมลง ก็ทรงกำหนดทิศที่ตั้งของเมืองมิถิลา แล้วก็กระโดดจากยอดเสากระโดงไปทางทิศนั้น ข้ามพ้นฝูงปลาร้ายไปตกอยู่ในที่ไกลจากเรือ

    พระมหาชนกนั้น ทรงเพียรแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทร จนถึงวันที่ ๗ ได้ทรงสังเกตเห็นพระจันทร์เต็มดวง ก็ทรงรู้ว่าวันนี้เป็นวันอุโบสถ จึงใช้น้ำทะเลบ้วนพระโอษฐ์ และทรงสมาทานอุโบสถศีล

    ในวันนั้น นางมณีเมขลาได้มาตรวจตรามหาสมุทร ก็เห็นพระมหาชนกโพธิสัตว์ กำลังทรงแหวกว่ายอยู่กลางมหาสมุทรจึงคิดว่า “ถ้าพระมหาชนกสิ้นพระชนม์ในมหาสมุทร เราจะมีความผิดอย่างมหันต์” จึงรีบเหาะมาสถิตอยู่ในอากาศ เหนือท้องมหาสมุทรตรงที่พระโพธิสัตว์กำลังว่ายน้ำอยู่

    นางเกิดความอัศจรรย์ใจ ว่าแม้ฝั่งก็มองไม่เห็น แล้วพระองค์จะว่ายไปทำไม จึงถามว่า “ใครหนอ แม้จะแลไม่เห็นฝั่งก็ยังพยายามว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ท่านเห็นประโยชน์อะไรจึงพยายามว่ายอยู่อย่างนี้”

    พระโพธิสัตว์ จึงตรัสตอบว่า “เราเห็นปฏิปทาของโลกและอานิสงส์แห่งความเพียร จึงพยายามเรื่อยไป หากไม่พากเพียรแล้วจะพบความสำเร็จได้อย่างไร”

    นางมณีเมขลาได้ฟังความตั้งใจอันแน่วแน่ของพระโพธิสัตว์แล้ว ก็อัศจรรย์ เกิดกำลังใจใคร่จะฟังธรรมจากพระโพธิสัตว์ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป จึงถามต่ออีกว่า “มหาสมุทรลึกจนประมาณไม่ได้ แม้ฝั่งก็ไม่ปรากฏ ความพยายามอย่างลูกผู้ชายของท่านทำไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่ทันถึงฝั่งท่านก็จะต้องตายอย่างแน่นอน ท่านจะเพียรพยายามไปทำไมกัน”

    [​IMG]

    พระมหาชนกตรัสว่า “ท่านพูดอะไรอย่างนั้น เราทำความพยายาม แม้จะตายก็พ้นคำครหา บุคคลเมื่อกระทำความเพียร แม้จะตายก็ได้ชื่อว่า ไม่เป็นหนี้ในระหว่างหมู่ญาติ กับทั้งบิดามารดาและเทวดา อนึ่ง บุคคลเมื่อทำกิจอย่างลูกผู้ชาย ย่อมไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง ดูก่อนเทพธิดา บุคคลเมื่อทำความเพียร แม้จะตายก็ไม่เป็นหนี้ ย่อมไม่ถูกติเตียนในระหว่างหมู่ญาติ แม้เทวดาและพรหมก็สรรเสริญ”

    เทพธิดากล่าวแย้งว่า “ท่านมหาบุรุษ การงานอันใด แม้ทุ่มเทจนสุดกำลังแล้ว ก็ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ การงานนั้นก็นับว่าไร้ผล เป็นความสูญเสียเปล่า ไม่เกิดประโยชน์ การทำความพยายามในฐานะอันไม่สมควรจนตัวเองต้องตาย ความพยายามนั้นจะมีประโยชน์อะไร”​

    พระมหาชนกได้สดับแล้ว เมื่อจะทรงยืนยันว่าความเพียรเป็นสิ่งที่ควรทำ แม้ชีวิตจะวอดวายไปก็ตาม จึงตรัสต่อไปว่า “ดูก่อนนางเทพธิดา ผู้ใดรู้แจ้งว่าการงานที่ทำจะไม่ลุล่วงไปได้ ถ้าผู้นั้นละความเพียรนั้นเสีย ก็ชื่อว่าไม่รักษาชีวิตของตน พึงรู้เถิดว่า นั่นเป็นผลแห่งความเกียจคร้านโดยแท้ ​

    ดูก่อนเทพธิดา คนบางพวกในโลกนี้ มองเห็นผลแห่งความประสงค์ของตน จึงประกอบการงานทั้งหลาย ไม่ว่าการงานเหล่านั้นจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ​

    ดูก่อนเทพธิดา ท่านก็เห็นประจักษ์แก่ตนแล้วมิใช่หรือ คนอื่นๆ จมลงในมหาสมุทรหมดแล้ว มีแต่เราคนเดียวยังว่ายอยู่ ก็เพราะความเพียรพยายามนี้เอง จึงทำให้เราได้เห็นท่านซึ่งมาสถิตอยู่ใกล้ๆ เรานั้นจักพยายามอย่างสุดความสามารถ จะทำความเพียรที่บุรุษควรทำ เพื่อไปถึงฝั่งแห่งมหาสมุทรนี้ให้จงได้”​

    เทพธิดาได้สดับพระวาจาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของพระโพธิสัตว์ ก็รู้สึกอัศจรรย์ในหัวใจที่ปราศจากความย่อท้อของพระมหาชนก นึกเลื่อมใสในคำภาษิตของพระองค์ ​

    จึงกล่าวสรรเสริญ พร้อมทั้งเชื้อเชิญให้ขึ้นจากมหาสมุทรว่า “ท่านใดถึงพร้อมด้วยความพยายามโดยธรรม ด้วยกิจคือความเพียรของบุรุษ ไม่ยอมจมลงในห้วงมหรรณพซึ่งกว้างใหญ่ประมาณมิได้เห็นปานนี้ ท่านนั้นจงไปยังสถานที่ที่ท่านชอบใจเถิด” ​

    [​IMG]

    เราจะเห็นได้ว่า ผู้มีความเพียรอย่างแท้จริงนั้น แม้ทอดสายตาออกไป จะไม่เห็นขอบฝั่งแห่งทะเล แต่จิตใจของท่านก็ไม่ท้อแท้ เมื่อรู้ว่าทะเลย่อมมีฝั่ง จึงคิดแต่จะว่ายไปให้ถึงฝั่งให้ได้ เมื่อเรี่ยวแรงยังไม่สิ้นสุด ท่านก็จะไม่หยุดยั้งในการทำความเพียร เพราะผู้ที่มีความเพียรแม้จะไม่สำเร็จก็ย่อมได้รับการสรรเสริญ ​

    ท่านทั้งหลาย คงได้ทราบถึงหัวใจที่กว้างใหญ่เกินฟ้าครอบของพระโพธิสัตว์กันแล้ว ว่าจะไม่ยอมหยุดทำความเพียรจนกว่าจะถึงเป้าหมาย แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต ซึ่งเมื่อนางมณีเมขลาได้ฟังถ้อยคำที่มุ่งมั่นของท่านแล้ว ก็ได้กล่าวสรรเสริญ ​

    เทพธิดาได้ถามพระโพธิสัตว์ว่า ท่านประสงค์จะไปในที่ใด เมื่อพระโพธิสัตว์ตรัสว่า มิถิลานคร นางจึงได้อุ้มพระมหาชนกโพธิสัตว์ขึ้นจากน้ำ โดยใช้แขนทั้งสองประคองให้นอนแนบทรวง พาเหาะไปในอากาศเหมือนมารดาอุ้มบุตรอันเป็นที่รัก ฉะนั้น​

    ขณะนั้น พระโพธิสัตว์มีผิวกายซูบซีดเศร้าหมองเปื่อยยุ่ย เพราะทรงแช่อยู่ในน้ำทะเลตลอด ๗ วัน ครั้นได้รับสัมผัสอันเป็นทิพย์ที่อบอุ่นนุ่มนวลของนางเทพธิดา ร่างกายก็กลับคืนสู่สภาพปกติได้บรรทมหลับไปอย่างมีความสุข ​

    นางมณีเมขลาได้นำพระมหาชนกไปถึงมิถิลานคร ให้บรรทมบนแผ่นมงคลศิลาในสวนมะม่วงโดยคลุมผ้าไว้ และมอบให้ภุมเทวดาในสวนอารักขาต่อไป แล้วจึงกลับไปสู่ที่อยู่ของตน​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1189504520.jpg
      1189504520.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.7 KB
      เปิดดู:
      1,315
    • 1189504681.jpg
      1189504681.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.9 KB
      เปิดดู:
      1,296
    • 1189504834.jpg
      1189504834.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35 KB
      เปิดดู:
      1,286
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2010
  18. *April*

    *April* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +349
    "อนาคตังสญาณ" ใน "พระมหาชนก" กับเหตุการณ์เผาเมืองปัจจุบัน

    ""นาคตังญาณ" คือญาณที่ล่วงรู้อนาคต เป็นญาณของผู้มีอภิญญาจิต

    สิ่งเหล่า นี้มีอยู่จริง และปรากฏให้เราเห็นอย่างประจักษ์ชัดในพระราช นิพนธ์

    เรื่อง"พระ มหาชนก" ..."



    [​IMG]
    จากพระราชนิพนธ์พระมหาชนก หน้า ๑๖ และ ๑๗



    "นาคตังญาณ" คือญาณที่ล่วงรู้อนาคต เป็นญาณของผู้มีอภิญญาจิต

    สิ่งเหล่า นี้มีอยู่จริง และปรากฏให้เราเห็นอย่างประจั<WBR>กษ์ชัดในพระราช

    นิพนธ์เรื่</WBR>อง"<WBR><WBR><WBR>พระมหาชนก"

    นับได้ว่าเป็น Metaphysic experiment ที่มีมหากาพย์แห่งการฟื้นฟูแผ่<WBR>

    นดิน สยามฉบับนี้ชี้วัด



    พระราชนิพนธ์เรื่องนี้ ถูกพิมพ์ออกมาจำหน่ายครั้งแรก ในปี ๒๕๓๙

    โดยทรงใช้ความวิริยะอุตสาหะในกา<WBR>รแต่งหนังสือที่ทรงรักเ</WBR><WBR><WBR>ล่มนี้ ถึง๑๑ ปี

    นั่นก็หมายความว่า ทรงทราบเหตุการล่วงหน้า ไม่ต่ำกว่า ๒๕ ปี

    จึง ได้พระราชนิพนธ์ วิธีการฟื้นฟูต้นมะม่วง ๙วิธี ภายหลังที่ต้นมะม่วงถูกยื้อแย่<WBR>งล้ม ลง
    ซึ่งทั้ง๙ เป็นปริศนาธรรม อุบายวิธีของการฟื้นฟูแผ่นดินนี<WBR>้

    หากท่านพิจารณาใคร่ครวญอย่างโยน<WBR>ิโสมนสิการแล้ว เกิดความตระหนักรู้ เกิดปัญญาญาณ

    เหตุการณ์ในวันนี้จึงบอกเราอย่<WBR>างชัดแจ้งว่า

    จำเป็นอย่างยิ่งและถึงเวลาแล้ว


    ที่จะช่วยกันน้อมนำแนว ทางและวิ
    <WBR>ธี การ การฟื้นฟูแผ่นดินสยาม จากพระราชนิพนธ์ฉบับนี้ มาใช้ปฎิบัติให้เกิดผลจริง
    ซึ่งเป็นทางออก ทางรอด และจะนำพาประเทศชาติให้กลับมาเจ<WBR>ริ ญรุ่งเรืองด้วยพระพุท</WBR><WBR><WBR>ธศาสนาอี<WBR>กครั้ง

    อนุโมทนา

    ธัมมะอาสา
    [​IMG]




    : เหตุการณ์ที่เหล่าอำมาตย์และขุ<WBR>นนาง พ่อค้า สวมเสื้อหลากสี หลากสำนัก หลายพรรค ยื้อแย่งปีนป่ายขึ้นสู่บันใ</WBR><WBR><WBR>ดแห่<WBR>งอำนาจ และกระทำทุกวิถีทางในการตีบ</WBR><WBR><WBR>้<WBR>านตีเมือง เพื่อให้ได้ซึ่งอำนาจและผลป</WBR><WBR><WBR>ระโย<WBR>ชน์นั้น
    [​IMG]



    : ผู้หลงผิด คิดว่าตนคือเหล่า วีรชนผู้กล้า มุ่งมั่นเพียรพยายาม ทุ่มเททรัพย์สินและหยาดเหงื่ ยอมเสียสละเลือดเนื้อ หรือสละแม้แต่ชีวิตเพื่ออุดมการ<WBR>ณ์รัก ชาติ รักประชาธิปไตย อันยิ่งใหญ่
    เป็นผู้ถูกครอบงำด้วยสื่อเฉพาะก<WBR>ิจเชิงเดี่ยว ที่นำ"ความดี"(ไม่แท้) มารับใช้ "ความชั่ว" ได้อย่างแยบคาย
    [​IMG]



    : ไพร่ฟ้าประชาชน ที่มีฐิทิ ยึดมั่นในฝักฝ่าย จากการถูกกระตุ้นเร้าด้วยสื่<WBR>เฉพาะกิจเชิงเดี่ยว ปลุกเร้าโทสะและโมหะตลอด24 ชั่วโมง แม้ความน้อยเนื้อต่ำใจจากคว</WBR><WBR><WBR>ามไม<WBR>่เท่า เทียมและความยุติ</WBR><WBR><WBR>ธรรมในสั<WBR>งคม ความยากจน และสารพัดสารปัญหาสังคม (ซึ่งมีมาทุกยุคทุกสมัย หากคนห่างไกลศีลธรรม) ก็ถูกนำมาใช้ปลุกระดม ให้คนในชาติมีความเกลียดชัง</WBR><WBR><WBR> <WBR>จน สามารถลุกขึ้นมาประหัตประ</WBR><WBR><WBR>หารก<WBR>ันเอง
    [​IMG]



    : แม้จะต้องอยู่คู่กัน แยกกันเมื่อใดก็หมดประโยชน์ <WBR>หมด ความหมาย แต่ทั้งสองข้าง ทั้งสองสีก็พยายามที่จะไม่ยู</WBR><WBR><WBR>่<WBR>ร่วมกัน อย่างสันติสุข
    [​IMG]



    : media = mind control
    ปรากฏการณ์ข่าวหน้าหนึ่ง หนังสื<WBR>พิมพ์ เป็นความเขลาอย่างยิ่งของเจ</WBR><WBR><WBR>้<WBR>าของสื่อและระบบทุน
    ที่ทำให้คนไทยค่อนประเทศตื่นเช้<WBR>าขึ้นมาก็ต้องพบกับข่าว</WBR><WBR><WBR>ร้าย
    เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยจิตที่เป็<WBR>นอกุศลก็จะพบอกุศลไปตลอด</WBR><WBR><WBR>วัน
    อีกทั้งที่ปลายของโทสะยังมีรสอร<WBR>่อย ชวนให้เสพติด ทุกๆวัน
    สื่อไม่ดี นอกจากจะเป็นกระจกสะท้อนสังคมแล<WBR>้ว ยังเป็นการสร้างค่านิยมและช</WBR><WBR><WBR>ี้<WBR>นำสังคมนั้นๆด้วย
    ดุจดั่ง การเติมเชื้อไฟ แห่งโทสะ โมหะ โลภะ สังคมจึงถูกครอบงำด้วยโมหะภูมิ<WBR>อย่างไม่จบไม่สิ้น
    [​IMG]



    : ทาส หรือตัวประกันที่ถูกจองจำ ท่ามกลางวงล้อมของความขัดแย้<WBR>งและความรุนแรง (จะถูกยึดบัตรประชาชนด้วยหร</WBR><WBR><WBR>ื<WBR>ไม่นั้นก็มิอาจทราบได้)
    [​IMG]



    : ทหารที่เลือกจะหันหลังให้กับประ<WBR>ชาชน และความขัดแย้ง ในตอนต้นของเหตุการณ์
    [​IMG]



    : ผู้บงการ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ "โฟนอิน"และ "twitter" คอยกดปุ่มรีโมตคอนโทรลการเผาบ้<WBR>านเผาเมืองตนเอง
    น่าเอน็ดนาจที่ท่านยังนอนเอกเข<WBR>นกดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับ</WBR><WBR><WBR>"ไฟ"ที่<WBR>กำ ลังใหม้บ้านตนเอง
    [​IMG]



    : ทหารท่านนี้ คงไม่เกี่ยวข้องกับ ชายชุดดำ แต่อย่างใด เขายังคงยืนหยัดทำหน้าที่ของตนอ<WBR>ย่างเข้มแข็ง ณ ชายแดนที่ห่างไกล ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน เช่นนี้เพื่อนบ้านเรือนเคีย</WBR><WBR><WBR>งของ<WBR>เรา กำลังมองและรอคอยจัง</WBR><WBR><WBR>หวะดำเนิ<WBR>นการ
    [​IMG]



    : เด็กและสตรีที่ถูกนำมาใช้เป็<WBR>นโล่มนุษย์ ท่ามกลางความขัด</WBR><WBR><WBR>แย้ง
    [​IMG]



    : ไฟที่กำลังใหม้ก็เป็นบ้านหลั<WBR>งเดียว กับท่านซึ่งเป็นบ้าน</WBR><WBR><WBR>หลั<WBR>งเดียวกับเราด้วย
    [​IMG]



    : เอกลักษณ์ของท่านในทุกที่ที่ท่<WBR>านไป ก็คือเครื่องแบบและหมวกเก่า</WBR><WBR><WBR>ๆ 1ใบ แต่ดูท่านจะคล้ายนักธุรกิจมากกว<WBR>่าคน ในเครื่องแบบ
    [​IMG]



    : เป็นสัญลักษณ์ของลัทธิหนึ่ง ที่<WBR>สุด โต่งไปด้านติดดิน ไม่สนใจเงินทอง มีมหาวิทยาลัยวังชีวิต ที่ให้ความรู้แก่คนรุ่นใหม่</WBR><WBR><WBR> มี<WBR>บทบาทสำคัญทางการเมือง และความขัดแย้งดังกล่าว
    [​IMG]



    : เป็นสัญลักษณ์ของลัทธิหนึ่ง ที่<WBR>สุด โต่งไปด้านเงินทองควา</WBR><WBR><WBR>มสุ<WBR>ขสบาย มีลักษณะคล้ายจานบิน หรือ UFO มีบทบาทอย่างมาก โดยเฉพาะการครอบงำการเมือง การศึกษาของประเทศ

    ทั้งสองลัทธิถือเป็นม้าพยศของวง<WBR>การศาสนา มีความแขร่งแกร่งดุจม้าเหล็</WBR><WBR><WBR>ก หากปล่อยให้เข้ามาครอบงำ การเมือง การศึกษาของประเทศได้แบบเบ็ดเสร<WBR>็จเมื่อใด
    ด้วยฐานเสียงและอำนาจเงินอันมหา<WBR>ศาล จะมีอำนาจเพียงพอที่จะถาปณ</WBR><WBR><WBR>าตนเ<WBR>ป็นจักรพวรรดิ์ หรือเปลี่ยนแปลงคัมภีร์สำคั</WBR><WBR><WBR>ญทาง<WBR>พุทธศาสนาได้โดยง่ายดาย</WBR>
    <WBR><WBR>
    "นาลันทา"และศาสนจักร ที่ยิ่งใหญ่ ล่มสลายไปพร้อมกับณาจักรก็ด้<WBR>วยเหตุ นี้แล
    [​IMG]


    </WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR>


    : แน่นอนว่า เหตการณ์ครั้งนี้ กระทบต่อกราฟขึ้นๆลงๆ พวกหุ้น และเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระ<WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR>ยะยาว [​IMG]


    [​IMG]



    : หากท่านเป็นพ่อบ้าน เป็นพ่อของลูกๆทุกๆคน

    ครั้น สมัยท่านยังมีเรี่ยวแรง ทุกครั้งที่ลูกทะเลาะ ยื้อแย่งสิ่งของกัน โกรธเกรี้ยวถึงขนาดจะทำลายบ้<WBR>านหลังนี้
    ให้พังไปต่อหน้าต่อตา ท่านก็อดไม่ได้...ที่จะห้ามปราม ตักเตือนด้วยความรักความเมตตา

    บัดนี้ เมื่อถึงคราวท่านชราภาพ พ่อรู้ตัวว่า.. คงอยู่ดูแลลูกๆได้อีกไม่นาน

    ครั้งนี้ลูกทะเลาะกันหนักถึงขั้<WBR>นเผาบ้านเผาเมือง
    หากพ่อไม่ตัดใจ ที่จะยอมให้ลูกๆ ได้เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตน<WBR>เอง
    หากครั้งต่อไป เกิดปัญหาตอนที่พ่อไม่อยู่ แล้วใครจะมาแก้ปัญหาให้กับลู<WBR>กๆได้อีก ถ้าลูกๆไม่ฝึกที่จะเรียนรู้</WBR><WBR><WBR>วิธี<WBR>การแก้ปัญหาของตนเองซะแ</WBR><WBR><WBR>ต่ตอนนี้

    อย่าโกรธพ่อของเราเลย ที่ท่านได้เพียงแต่เฝ้ามอง
    ที่ท่านไม่ ห้ามปราม ท่านหวังดีและเมตตาต่อพวกเรามาก<WBR>
    ท่านยอมที่จะเห็นลูกทำร้ายกั<WBR>นเอง
    ยอมเห็นลูกทำลาย และเผาบ้านของตน<WBR>เอง ...เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ค</WBR><WBR><WBR>รั้<WBR>งยิ่ง ใหญ่

    เรียนรู้ที่จะขอโทษ และให้อภัยกัน หันมารักใคร่ปรองดอง
    เรียนรู้ ที่จะ... พึ่งตนเอง
    เรียนรู้ที่จะเข้มแข็งพอ หากล้มแล้ว ลูกๆจะลุกขึ้นมายืนได้อย่างเข้<WBR>มแข็ง ด้วยตัวเองอีกครั้ง

    ข้างหน้ายังมีภัยและเรื่องที่ลู<WBR>กๆต้องสามัคคีร่วมกันฟันฝ่า อีกม</WBR><WBR><WBR><WBR>ากนัก</WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR>


    <WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR>
    [FONT='lucida grande', tahoma, verdana,
    arial, sans-serif]ทั้งหมดนี้คือความรักของพ่อ[/FONT]

    </WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR>
    ขอขอบคุณที่มา : เข้าสู่ระบบ | Facebook
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    พึ่ง โลกุตตระ สัจจะ
     
  20. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]เขื่อนป่าสักฯวิกฤตหนัก น้ำแห้งกลายเป็นทุ่งกว้างแห้งแล้ง-ร้อนระอุ

    [/FONT]สภาพน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ทางรถไฟที่เคยแล่นผ่านกลางน้ำและเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญเปลี่ยนเป็น แล่นผ่านทุ่งกว้างที่แห้งแล้งและร้อนระอุ เมื่อ 30 พ.ค.
    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi][/FONT][​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...