ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ปัตตานี-โจรใต้ไล่ยิง อส.ดับคาที่

    [​IMG]

    โจรใต้กระหน่ำยิง อส.อำเภอมายอเสียชีวิตคาที่ ตำรวจคาดเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐที่บุกจับแกนนำโจรใต้

    เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (31 มี.ค.) พ.ต.อ.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผกก.สภ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบนถนนสายบ้านยือลาแป-บ้านลาเกาะ ม.3 ต.เกาะจัน นำกำลังพร้อมชุดวิทยาการไปที่เกิดเหตุ พบศพอยู่ในพงหญ้าข้างทางในชุดเครื่องแบบอาสารักษาดินแดนครึ่งท่อน ตรวจสอบทราบชื่อ นายซอม บาราเฮง อายุ 45 ปี เป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน อ.มายอ จ.ปัตตานี สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด .45 เข้าศีรษะ 2 นัด ใกล้กันพบ จยย.ผู้ตาย ยี่ห้อฮอนด้า คลิกทะเบียน กลฉ 520 ปัตตานี และพบปลอกกระสุน 3 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

    สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้ตายขับขี่รถ จยย.มาจากบ้านพักเพื่อเดินทางไปเข้าเวรที่ว่าการอำเภอมายอ ระหว่างทางถูกคนร้าย 2 คนขี่รถ จยย.ไล่ตามหลัง ผู้ตายเห็นผิดสังเกตจึงเร่งเครื่องเพื่อหลบหนี แต่ไม่รอดถูกยิงจนเสียชีวิต จากการสืบสวนทราบว่าผู้ตายจะเดินทางไป-กลับทุกวันคนเดียว เนื่องจากผู้ตายมั่นใจเพราะเป็นคนในพื้นที่ จนกระทั่งถูกลอบยิงเสียชีวิตดังกล่าว

    อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายก่อเหตุเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจได้จับกุม นายตามีซี มะแซ แกนนำโจรใต้ในพื้นที่ อ.มายอ และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดียิง ดต.เจะโซะ หะยีสาเมาะ ผบ.หมู่ ป.สภ.มายอ จ.ปัตตานี เสียชีวิตเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และเพื่อสร้างสถานการณ์ใต้

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

    เผยมือระเบิดหน้ามูลนิธิรัฐบุรุษเชื่อมโยงเหตุบึ้มกลาโหม

    [​IMG]

    โฆษก ศปก.บช.น.ระบุกลุ่มคนร้ายที่ขว้างระเบิดหน้ามูลนิธิรัฐบุรุษอาจมีส่วนเชื่อมโยงกลุ่มคนร้ายที่ยิงจรวดอาร์พีจี.หวังถล่มกระทรวงกลาโหม

    พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศปก.บชน.เปิดเผยถึงคดีคนร้ายขว้างระเบิด M-67 เข้าไปในมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อเวลา 20.40 น.วันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบหลักฐานซึ่งเป็นกระเดื่องระเบิด M-67 พบมีร่องรอยการขูดทำลายหมายเลขบนกระเดื่อง และใช้สีเมจิกน้ำเงินขีดป้ายบริเวณกระเดื่องเพื่อทำลายหลักฐาน ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับระเบิด M-67 ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้ภายในรถโตโยต้าวีโก้ ซึ่งเป็นพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุยิงจรวดอาร์พีจี ใส่กระทรวงกลาโหม ซึ่งมีลักษณะที่ใกล้เคียงกันมาก สันนิษฐานน่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน

    สำหรับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงนั้น ทางการข่าวได้รับแจ้งว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปในชุมชนต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร เพื่อทำลายป้ายที่มีการต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีความผิดฐานทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย และอาจเป็นชนวนเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตกลุ่มรถจักรยานยนต์ที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุมและกลุ่มที่ระดมคนมาชุมนุมให้เฝ้าติดตามพฤติกรรม เนื่องจากวิธีการก่อเหตุมักใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ

    สำหรับคดีความคืบหน้ากรณีคนร้ายขว้างระเบิดถล่มอาคารมูลนิธิรัฐบุรุษนั้น พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพไว้ได้ โดยคนร้ายทั้ง 2 คนสวมหมวกกันน็อก และขับขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิง โดยใช้ถนนราชสีมาเป็นเส้นทางในการก่อเหตุ ซึ่งหลังก่อเหตุได้ขับรถเข้าไปในซอกซอย ก่อนที่จะออกมาสู่ถนนอู่ทองใน และออกมาทางท่าวาสุกรีเพื่อหลบหนี

    ขณะนี้ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ ว่าสามารถบันทึกภาพรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนร้ายที่ขว้างระเบิดเข้าใส่สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เนื่องจากทั้ง 2 เหตุลักษณะของคนร้ายใกล้เคียงกัน พร้อมกันนั้นได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังจุดเสี่ยง และจุดที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง เพื่อป้องกันคนร้ายก่อเหตุซ้ำขึ้นอีก

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

    พังงา- 8 หมู่บ้านขาดแคลนน้ำดื่ม น้ำใช้

    [​IMG]

    ภัยแล้งส่อเค้ารุนแรงหนักชาวบ้านในตำบลบางม่วง จ.พังงา จำนวน 8 หมู่บ้าน กว่า 4,000 ครัวเรือน กำลังประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มและน้ำใช้ ขณะที่ อบต.เร่งนำน้ำแจกจ่ายให้ชาวบ้าน

    องค์การบริหารส่วนตำบลบางม่วงนำรถน้ำไปแจกจ่ายให้บริการประชาชนที่กำลังขาดน้ำแคลนน้ำดื่มและน้ำใช้ในพื้นที่ 8 หมู่บ้าน ในตำบลบางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา กว่า 4,000 ครัวเรือน ที่กำลังประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มและน้ำใช้ ซึ่งขณะนี้องค์การบริหารส่วนตำบลบางม่วง ได้นำน้ำไปแจกจ่ายทุกวันๆละ 2 เวลา เช้าและเย็น ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมแล้ว โดยจัดซื้อน้ำดื่มจากภาคเอกชน ส่วนน้ำใช้นั้นมีจุดจ่ายน้ำที่หน้าที่ทำการ อบต.บางม่วง โดยนำน้ำดื่มน้ำใช้ไปแจกจ่ายให้ประชาชนฟรี ไม่คิดค่าบริการ ซึ่งปีนี้ภาวะความแห้งแล้งเกิดขึ้นเร็วกว่าทุกๆปี แต่ก็เป็นหน้าที่ของอบต.ที่จะต้องดูแลรับผิดชอบเรื่องบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนน้ำดื่มน้ำใช้ในเบื้องต้น

    นอกจากนี้ อบต.บางม่วง ยังมีเครี่องสูบน้ำขนาดใหญ่รองรับการสูบน้ำ โดยประชาชนสามารถสูบน้ำได้ฟรี ณ จุดช่วยเหลือภัยแล้ง ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้า อบต.บางม่วง ในส่วนของการช่วยเหลือดังกล่าว ยังคงเป็นห่วงพืชผลทางการเกษตร เพราะหากน้ำน้อยพืชผลทางการเกษตรอาจได้รับความเสียหาย รวมทั้งการจุดไฟใช้ในโอกาสต่างๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ รวมทั้งพื้นที่ดินที่มีเจ้าของอาศัยอยู่ต่างจังหวัด แล้วไม่ได้เข้ามาดูแล

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

    มุกดาหาร-ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง

    [​IMG]

    ผู้ว่าฯมุกดาหาร มอบหมายทุกหน่วยงานลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้สบความเดือดร้อน พร้อมกำหนดสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อเก็บกักน้ำให้ประชาชนใช้อุปโภคบริโภคอย่างน้อย 250 กว่าฝายภายในปีนี้

    นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า จังหวัดมุกดาหารได้ประกาศให้พื้นที่ทั้ง 7 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยแล้งแล้ว อีกทั้งยังได้รับรายงานจากแต่ละอำเภอว่า สถานการณ์ภัยแล้ง มีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะบ่อบาดาลหลายแห่งขาดน้ำ เนื่องจากน้ำใต้ดินลดลง ทำให้สูบน้ำไม่ได้

    ขณะนี้ได้ให้ความช่วยเหลือในการแจกจ่ายน้ำไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ทั้งจังหวัดแล้วหลายล้านลิตร หรือประมาณ 300-400 คันรถ โดยประชาชนที่ประสบความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำ สามารถขอรับความช่วยเหลือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอในพื้นที่ ได้ทันที

    ขณะเดียวกันยังได้ติดตามความคืบหน้าในการก่อสร้างฝายชะลอน้ำ ตามที่ได้มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างขึ้นในพื้นที่อย่างน้อย อปท.ละ 5 ฝาย เพื่อเก็บกักน้ำให้ราษฎรได้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ซึ่งในปี 2553 กำหนดสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อให้ประชาชนเก็บกักน้ำไว้ใช้ให้ได้อย่างน้อย 250 กว่าฝาย

    ขณะที่ศูนย์สำรวจอุทกวิทยาจังหวัดมุกดาหาร ได้แจ้งสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง จังหวัดมุกดาหาร พบมีค่าใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในช่วง 30 ปี โดยเมื่อ เวลา 07.00 น.วันนี้ (31 มีค.53) วัดระดับน้ำได้ 1.17 เมตร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

    มหาสารคาม-โรคใบไหม้ข้าวระบาด

    [​IMG]

    เนื่องสภาพอากาศแปรปรวนทั้งร้อนทั้งเย็นและชื้นเอื้อต่อการแพร่ระบาดของโรคใบไหม้ข้าว ล่าสุดระบาดในพื้นที่นาปรังแล้ว 3 อำเภอ กว่า 45,000 ไร่

    นายวิบูลย์ วงศ์มาศา เกษตรจังหวัดมหาสารคาม ได้เรียกประชุมเกษตรอำเภอทุกอำเภอ เพื่อรับทราบสถานการณ์การปลูกข้าวนาปรัง รวมพื้นที่ทั้งจังหวัด กว่า 270,000 ไร่ นับว่าเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังมากที่สุดในรอบ 20 ปี และมีพื้นที่ปลูกมากกว่าปีที่แล้ว เกือบ 100,000 ไร่ แต่พบว่าขณะนี้เกษตรกรหลายพื้นที่กำลังประสบภัยแล้ง และเกิดโรคใบไหม้ระบาดเสียหาย พบพื้นที่การระบาดแล้ว 3 อำเภอ คืออำเภอเมือง โกสุมพิสัย และกันทรวิชัย รวมพื้นที่ระบาดแล้ว กว่า 45,000 ไร่ เกษตรกรเดือดร้อนกว่า 10,000 ราย

    อีกทั้งล่าสุดยังพบการระบาดเพิ่มที่ตำบลนาทอง และตำบลใกล้เคียงของอำเภอเชียงยืน รวมพื้นที่กว่า 7,6000 ไร่ เกษตรกรเดือดร้อนนับ 1,000 ครัวเรือน จึงได้มอบหมายให้หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดและอำเภอเชียงยืนลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์การระบาดของโรคไหม้ พร้อมให้คำแนะนำการป้องกันและกำจัดและหาทางช่วยเหลือเกษตรกรเป็นการด่วนแล้ว ซึ่งจากการสำรวจพื้นที่ได้รับความเสียหายจากการเกิดโรค พบพันธุ์ข้าวที่เกิดโรคมากที่สุดคือข้าวเจ้าพันธุ์ชัยนาท 1 ส่วนพันธุ์อื่นๆ พบเพียงเล็กน้อย และข้าวที่เกิดโรค แสดงอาการตั้งแต่ระยะกล้าไปจนถึงระยะออกรวง

    ส่วนสาเหตุที่เกิดโรค อาจเนื่องจากเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรนำมาเพาะปลูกมีความต้านทานต่อโรคต่ำ ก่อนปลูกไม่คลุกเมล็ดด้วยสารป้องกันเชื้อรา และประกอบกับอากาศในเขตพื้นที่ของจังหวัดมหาสารคาม เป็นช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนจัดในเวลากลางวัน และชื้นจัดในเวลากลางคืน มีน้ำค้างยาวนานถึงตอนสาย มีลมแรงตลอดเวลา จึงทำให้เกิดโรคแพร่กระจายได้ดี

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

    นครสวรรค์-ภัยแล้ง ลิงอดอยาก ชาวบ้านร่วมใจเลี้ยงโต๊ะจีนลิง

    [​IMG]

    ชมรมคนรักสัตว์และชาวเมืองนครสวรรค์ร่วมกันขนอาหารลิงใส่รถกะบะกว่า 35 คัน ไปเลี้ยงโต๊ะจีนลิงที่อาศัยอยู่บนเขาหน่อ อ.บรรพตพิสัย

    ปัญหาภัยแล้งส่งผลให้ใบไม้บนยอดเขาหน่อร่วงหล่นลงมาทำให้ลิงอดอยาก เพราะในพื้นที่มีแต่ความแห้งแล้ง ชมรมคนรักสัตว์ เพอร์แฟกไลฟ์ วิทยุชุมชนคนมีบุญ และชาวบ้าน รวม 150 คนร่วมใจกันจัดโต๊ะจีนเลี้ยงลิงเขาหน่อ โดยนำผลไม้ที่มีอยู่ในพื้นที่ใส่ท้ายรถกระบะ จำนวน 35 คัน น้ำหนักกว่า 6 ตัน มาตั้งโต๊ะจีนจัดเลี้ยงลิงที่บริเวณเชิงเขาหน่อ หน้าโรงอาหารอำเภอบรรพตพิสัย

    โดยลิงที่เขาหน่อมีจำนวนหลายฝูง แต่ละฝูงจะแยกย้ายกันหากินบนเขาหน่อ ลิงแม่ลูกอ่อนหลายตัวอยู่ในสภาพอดอาหาร หิวโหย นำลูกน้อยเกาะอกมาเดินขออาหาร ส่วนใหญ่จะเป็นลิงตัวผู้ทำให้การขยายพันธุ์ของลิงมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนใจบุญเห็นความอดอยากของสัตว์ หากเป็นไปได้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องหรือกรมปศุสัตว์ น่าจะเข้ามาหาทางแก้ไขปัญหาการขยายพันธุ์ และคุมกำเนิดลิง จะได้ช่วยควบคุมประชากรลิงให้ลดน้อยลง เพราะในขณะนี้ทางวัดต้องรับผิดชอบหนัก ออกบิณฑบาตเลี้ยงไม่ไหวแล้ว

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    น้ำท่วมสหรัฐฯและหิมะตกที่อังกฤษ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ขณะที่อีกหลายประเทศยังต้องเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวน โดยที่สหรัฐฯเผชิญกับอุทกภัยครั้งรุนแรง ส่วนที่สหราชอาณาจักร ประกาศเตือนภัยพายุหิมะในหลายพื้นที่

    ที่รัฐโร้ด ไอร์แลนด์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯต้องเผชิญกับพายุฝนครั้งใหญ่เป็นครั้งที่สองในรอบ 1 เดือน ส่งผลน้ำในแม่น้ำหลายสายเอ่อล้น ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและย่านธุรกิจ เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ คาดว่าเป็นอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 100 ปีของรัฐเลยทีเดียว

    ที่เมืองวอร์วิค เจ้าหน้าที่ต้องช่วยชีวิตชาย 1 คนและเด็กชายอีก 1 คนที่ติดอยู่ในรถบรรทุกที่กำลังจมน้ำมาได้อย่างปลอดภัย ทางการมีคำสั่งให้ทหารในรัฐแมสซาชูเซ็ทและโร้ด ไอร์แลนด์ เตรียมช่วยเหลือประชาชน ส่วนที่รัฐคอนเน็คติกัต ก็ได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมเช่นกัน ทั้งนี้ทางการต้องอพยพประชาชนบางส่วนไปยังที่ปลอดภัย

    ขณะที่สหราชอาณาจักร พยากรณ์อากาศก็ต้องประกาศเตือนภัยหลายพื้นที่ในสก็อตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือให้ระวังพายุหิมะครั้งรุนแรง เมื่อวานนี้ หิมะที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้ท้องถนนและบ้านเรือนประชาชนขาวโพลนไปด้วยหิมะ บ้านเรือนประชาชนกว่า 50,000 หลัง กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด หลังจากกระแสลมแรง 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่น ขณะที่การเดินทางทั้งรถยนต์และรถไฟประสบภาวะชะงักงัน เจ้าหน้าที่แนะนำให้ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะระมัดระวัง บางพื้นที่อุณหภูมิลดต่ำลงถึง ติดลบ 5 องศาเซลเซียส ขณะที่พยากรณ์อากาศเตือนว่า ในวันนี้จะเกิดหิมะตกหนักในที่สูงทั้งที่อังกฤษและแคว้นเวลส์

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. kowmoo

    kowmoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,896
    (kiss)อากาศทุกวันนี้เหมือนเรื่องโดราเอมอนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเลย
     
  4. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    คำทำนายเรื่องหิมะตกเป็นจริง (ไกล้เคียง) ของดร.อะไรน๊า จำไม่ได้ รู้สึกว่าจะทายถูกหลายเรื่อง เช่นสีนามิ แผ่นดินไหว น้ำท่วมกรุงเทพ
     
  5. Nok Nok

    Nok Nok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +3,297
    อนุโมทนา...กับทุกความรู้จากทุกๆ ท่านค่ะ สาธุ ^_^

    [​IMG]
     
  6. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    Posted <ABBR class=published title=2009-01-25T17:09:39+00:00>26 January 2009 - 12:09 AM</ABBR>
    <!--cached-Sun, 21 Mar 2010 14:16:43 +0000-->ปี 2553 จุดจบประเทศไทย...... ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย
    เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้.....
    ประเทศต่างๆในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา
    ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน



    สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน
    จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้น
    เพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง

    เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า
    ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14ประเทศ
    ซึ่งในตอนนั้น
    นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น
    แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง!
    ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์
    และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศอาเจะ
    และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา
    ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมา
    ที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ


    คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า
    ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน!
    ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ
    โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553
    ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์
    การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์ สินค้าเกษตรจากต่างประเทศ
    จะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล


    ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน
    และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออก
    เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ


    ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง
    เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว
    ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย
    จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน
    คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน
    คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทย
    แต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน
    เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้


    เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน
    เนื่องจากสินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่า
    สินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า
    เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๊ยของต่างประเทศ
    พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

    เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs
    และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้
    วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย

    รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้
    เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้
    เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว

    ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้น
    เนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
    เขาสามารถตั้งราคาได้ตามใจชอบ
    ถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร
    ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น

    ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์
    คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้
    ดังนั้นรัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ

    เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้
    การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา
    คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ
    ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่า
    ที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว
    เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้
    แต่ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้

    เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว
    ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่่ในมือของ Big C, Lotus, Carrefour
    ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal
    สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ



    ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก
    เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด...
    เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้... รัฐจะอยู่ได้ฤา ?



    4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย
    เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจน
    และความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553

    คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ
    เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย
    การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง
    การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น
    จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร
    ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย
    ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว
    การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน



    จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา
    จะขอแยกตัวตามมา เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
    ที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ
    ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ


    เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ
    การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก
    นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย
    คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia
    ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่

    เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?
    ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี
    และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น
    ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ


    ในการวิเคราะห์ บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน
    รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ
    ก่อนล่มจริง...เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด
    รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ


    ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ
    ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย
    แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour,


    ผมบอกแม่บ้านและลูกๆ ว่า
    เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน
    ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร

    เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท
    เหลือให้คนไทย 14 บาท เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์
    บิกซี โลตัสเหมือนกัน



    นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นของ 3 ห้างดังมาลงให้ดู
    ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น
    เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์
    สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท
    ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่
    เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย
    กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริงๆ


    ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 บาท
    มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท
    ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง


    มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว
    ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ
    คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
    เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร


    ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้
    ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง
    เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง
    และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด

    ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้ลูกๆฟัง
    หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียก ข้าวเหนียว ถั่วดำแทน

    ได้ผล...ลูกเปลี่ยนวิธีกิน ... วิธีคิดไปเลย...
    เปลี่ยนไปได้มาก พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง
    ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง
    ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ
    ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ
    แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น
    เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย


    ผมก็อธิบายคำว่า license ( ค่าลิขสิทธิ ) ให้ลูกฟัง
    ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธิ์
    ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิใบตองที่ห่อขนมไทย
    ไม่มีลิขสิทธิ มันเป็นวัสดุธรรมชาติ
    ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง
    เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ ห่อขนมใถงขนมเหล่านี้
    เวลามันหล่นที่พื้นไม่มีคนเก็บ
    มันจะย่อยสลายไปต้องใช้เวลาเป็น 100 ปี

    ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย
    ผมทำได้และได้ทำแล้ว
    อันนี้เป็นคำทำนายของคุณ นิติภูมิ ไม่รู้ว่าจะจริงหรือเปล่า
     
  7. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171

    ขอชื่นชมจิตสำนึกในความรักชาติ และแนวทางในการสอนลูกของคุณดอนdon เป็นอย่างยิ่ง หากคนไทยทุกคนมีจิตสำนึกและมีการปลูกฝัง มีการอบรมสั่งสอนแก่เยาวชนของไทยดังเช่นที่คุณดอนdon ได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างนี้ ประเทศไทยของเราต้องเจริญและพัฒนาสถาพรอย่างแน่นอน


    ส่วนคำทำนายที่กล่าวมาข้างต้น ผมพิจารณาดูแล้วเห็นว่า แม้จะอ้างอิงข้อมูลหลายๆ ด้านรวมทั้งประสบการณ์ของประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ แต่คำทำนายดังกล่าวมองในแง่ Negative เกินไป เรื่องบางเรื่องและของบางอย่างจะให้เหมือนกันไปหมดคงไม่ได้


    สมัยหนึ่งมีคนชอบพูดถึงทฤษฎี Domino ว่า ประเทศไทยต้องเปลี่ยนการปกครองจากระบบในปัจจุบันไปเป็นระบบสังคมนิยมตามแบบประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลายที่อยู่รายรอบเรา ใครต่อใครในโลกต่างเชื่อเช่นนั้น มองดูรูปการณ์แล้วก็น่าเชื่อเช่นนั้นจริงๆ เพราะในเวลานั้นคอมมิวนิสต์แพร่ระบาดไปทั่วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เหตุการณ์ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ทฤษฎีดังกล่าวใช้ไม่ได้กับประเทศไทยโดยสิ้นเชิง


    ผมเชื่อว่า ประเทศไทยของเราจะยังคงเป็นปึกแผ่นและจะยังคงมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างนี้ไปอีกนาน แม้จะมีปัญหาการเมืองภายในประเทศบ้าง มีปัญหาในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้าง มีปัญหาเศรษฐกิจบ้าง ฯลฯ แต่ประเทศไทยก็จะยังคงอยู่ได้ อยู่อย่างไทยๆ ที่มีทั้งสุขทั้งทุกข์ปนกันไป มีรักกัน มีทะเลาะกันเองบ้าง แต่ก็ไม่ทำให้ประเทศไทยถึงกับต้องแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างคำทำนายที่กล่าวมาข้างต้น

    หลายสิ่งหลายอย่างในคำทำนายอ่านแล้วดูน่ากลัว เช่น การแยกตัวออกเป็นอิสระของจังหวัดทางภาคตะวันออก เนื่องจากต่างชาติมาซื้อที่ดินไว้หมดแล้ว เมื่อพิจารณาตามความเป็นจริงในเรื่องอำนาจอธิปไตยก็ดี อำนาจตามกฎหมายก็ดี สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ จริงอยู่ชาวต่างชาติได้ครอบครองที่ดินอันเนื่องมาจากสิทธิที่ได้รับจากการลงทุน แต่ก็ไม่มีสิทธิจะมาเรียกร้องให้แบ่งแยกอาณาเขตการปกครองออกไปจากอำนาจปกครองของประเทศไทย การใช้อำนาจทางทหารมาข่มขู่ก็ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ เหมือนสมัยโบราณ อย่าลืมว่าทุกประเทศในโลกต่างก็มีพันธมิตรของตัวเองกันทั้งนั้น เมื่อยามเกิดปัญหาขึ้นพันธมิตรเหล่านั้นก็คงไม่นิ่งดูดายแน่นอน โดยเฉพาะหากเขามีส่วนได้ส่วนเสียอยู่ด้วย


    โดยสรุปแล้ว คิดว่าคงไม่น่ากลัวอย่างที่มีการทำนายกัน




    .
     
  8. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    ผมยังไม่มีลูกครับ อันนั้นมันข้อความของเขาครับ ผมโสด แฮะ แฮะ
     
  9. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 เมษายน 2553 16:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กลุ่มนักรณรงค์สิ่งแวดล้อมโทษว่าโครงการเขื่อนในจีน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดต่ำ ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากกว่า 60 ล้านคนในเขตลุ่มน้ำตอนล่าง ที่อาศัยแม่โขงเป็นแหล่งน้ำดื่ม การคมนาคม การชลประทาน และการประมง ในภาพ: ชาวประมงกัมพูชากำลังหาปลาในแม่น้ำโขงในจังหวัดกันดัล ตอนเหนือของกรุงพนมเปญ วันที่ 25 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับน้ำในแม่โขงลดต่ำ(ภาพเอเอฟพี) </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเจนซี- ในวันพฤหัสฯ (1 เม.ย.)ประธานคณะกรรมการเขื่อนขนาดใหญ่ระหว่างประเทศ (International Commission of Large Dams) เจี่ย จินเซิง ชี้เขื่อนตรงแม่น้ำโขงตอนบนในประเทศจีนนั้น ไม่ใช่ตัวการทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำตอนล่างลดต่ำ และจีนไม่เคยระบายน้ำในแม่น้ำโขงตอนบนออก

    กลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ได้แถลงโต้แย้งกระแสวิจารณ์โครงการเขื่อนบริเวณลำน้ำโขงในจีน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลำน้ำโขงตอนล่างแล้งสุดในรอบ 20 ปี ก่อนหน้าที่จะมีการประชุมสุดยอดสี่ชาติแม่น้ำโขงที่หัวหิน ประเทศไทยเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งจะมุ่งถกเถียงเกี่ยวกับการจัดการแม่น้ำโขงในสถานการณ์แห้งแล้งนี้

    ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงชลประทาน หลิว หนิง แถลงในที่ประชุมข่าวเมื่อวันพุธ(31 มี.ค.) ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าจีนไฮเจ็ทแหล่งน้ำของภูมิภาค พร้อมกับยืนยันว่าจีนยังต้องการสร้างสาธารณูปโภคจัดการแหล่งน้ำเพิ่มอีก “ขณะนี้ สาธารณูปโภคสำหรับจัดการแหล่งน้ำในจีนยังไม่เพียงพอ เรายังต้องเพิ่มสิ่งก่อสร้างเหล่านี้เพื่อประกันแหล่งน้ำและความมั่นคงด้านอาหาร”

    เจี่ย จินเซิง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยวิจัยพลังงานน้ำและแหล่งทรัพยากรน้ำ ซึ่งหน่วยงานรัฐของจีน ก็ออกโรงสำทับในวันต่อมา เขาชี้ว่าปัจจุบันจีนมีโครงการเขื่อนตรงแม่น้ำโขงตอนบน 8 แห่ง (ทั้งที่สร้างแล้วเสร็จและที่ยังไม่เสร็จ) โดยเขื่อนเหล่านี้ได้ระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างฤดูแล้ง ทั้งสามารถกักเก็บน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในช่วงหน้าฝน

    แต่อย่างไรก็ตามเขื่อนจีนที่มีเป้าหมายมุ่งสนองความต้องการด้านพลังงานนั้น ก็ตกเป็นเป้าโจมตีสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่า ส่วนประโยชน์ในการปกป้องน้ำท่วมนั้นได้ผลเพียงเล็กน้อย

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพจำลองการชนกันจริงของอนุภาคซึ่งตรวจวัดได้โดยสถานีซีเอ็มเอส (ภาพจากเซิร์น)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เจ้าหน้าที่ประจำห้องควบคุมสถานีซีเอ็มเอสที่ พอยต์ 5 (Point 5)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพจำลองการตรวจอนุภาคของสถานีซีเอ็มเอส โดยอนุภาคแต่ละชนิดซึ่งแทนด้วยเส้นสีและเส้นประดังนี้ มิวออน (Muon) สีฟ้าจะวิ่งทะลุเครื่องตรวจไป อิเล็กตรอน (สีแดง) และโฟตอน (เส้นประสีน้ำเงิน) จะถูกตรวจจับบริเวณชั้นสีเขียว ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่อนุภาคชนกันประมาณ 1 เมตร อนุภาคฮาดรอนทั้งมีประจุ (สีเขียว) และไม่มีประจุ (สีเขียวประ) จะถูกตรวจจับบริเวณแถบสีเหลืองซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่อนุภาคชนกันประมาณ 2 เมตร </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>นักวิทยาศาสตร์ประจำห้องควบคุมสถานีซีเอ็มเอสที่ พอยต์ 5 (Point 5)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>31 มีนาคม 2553 19:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=650>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ภาพแฟ้มจากเว็บไซต์ของ PanAust เครื่องจักรกลกำลังทำงานที่เหมืองภูเบี้ยของบริษัทภูเบี้ยมายนิ่ง (Phu Bia Mining) ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองทองแห่งนี้ บริษัทนี้กล่าวว่ากำลังจะยื่นเอกสารรายงานต่างๆ ต่อรัฐบาลลาว เพื่อขอเริ่มการผลิตทองคำและแร่เงินที่เหมืองบ้านห้วยทราย ซึ่งกำลังจะเป็นเหมืองผลิตทองคำ ทองแดงและแร่เงินแห่งที่ 4 ในประเทศนี้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ASTVผู้จัดการรายวัน-- บริษัทภูเบี้ยมายนิ่ง (Phu Bia Mining) กำลังจะเสนอต่อรัฐบาลลาวเร็วๆ นี้ แผนการผลิตที่เหมืองแห่งใหม่ในเขตเมืองไซสมบูน แขวงเวียงจันทน์ ซึ่งเชื่อว่ามีทองคำมากถึง 100,000 ออนซ์ กับแร่เงินอีก 700,000 ออนซ์ และคาดว่าจะต้องลงทุนราว 150 ล้านดอลลาร์

    PBM ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกลุ่มแพนออสเตรเลียรีสอร์สเซส หรือ "แพนออส" (PanAust Ltd) เปิดเผยเรื่องนี้ในคำแถลงฉบับหนึ่งซึ่งออกวันอังคาร (30 มี.ค.) ที่ผ่านมา

    PBM กำลังจะยื่นแผนการผลิต แผนการก่อสร้าง กับผลศึกษาความเป็นไปได้ต่อกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ พร้อมกับเสนอแผนการป้องกันแก้ไขผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ให้กระทรวงทรัพยากรแหล่งน้ำและสภาพแวดล้อมพิจารณาในเร็วๆนี้ คำแถลงอ้างการเปิดเผยของนายเฟรด เฮสส์ (Fred Hess) ในงานค็อกเทล ที่จัดขึ้นในนครเวียงจันทน์ในวันอังคาร

    เหมืองทอง-เงินแห่งใหม่ที่บ้านห้วยทราย อยู่ห่างจากเหมืองภูคำซึ่งเป็นเหมืองทองแดง-ทองคำของบริษัทไปทางทิศตะวันตกราว 25 กิโลเมตร เชื่อว่าจะผลิตทองคำกับเงินได้อย่างน้อยตลอด 8 ปีข้างหน้า คำแถลงระบุ

    แผนการจัดเตรีมงานของบริษัทได้รับอนุมัติจากกระทรวงทรัพยากรแหล่งน้ำฯ เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากจะต้องรีบหาทางป้องกันน้ำท่วมจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนน้ำงึม 2 ที่เริ่มเก็บกักน้ำในเดือนนี้ เหมืองแห่งใหม่ที่บ้านห้วยทรายจะทำรายได้ให้แก่ลาวอีกจำนวนมาก

    ในช่วงก่อสร้างคาดว่า จะต้องจ้างแรงงานราว 600 คน และเมื่อเริ่มการผลิตจะต้องจ้างพนักงานและแรงงานระดับต่างๆ อีกราว 500 คน คำแถลงกล่าว

    จนถึงปัจจุบันแพนออสลงทุนเพื่อสำรวจและพัฒนาแร่ธาตุในลาวรวมเป็นเงินกว่า 500 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองภูเบี้ยและภูคำ และกำลังสำรวจความเป็นได้ของเหมืองทองแดง-ทองคำ อีกแห่งหนึ่ง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ภาพแฟ้มจากเว็บไซต์ของ PanAust ถ่ายจากมุมสูงแสดงให้เห็นเขตเหมืองภูเบี้ย ในเขตเมืองไซสมบูน แขวงเวียงจันทน์ ไม่ไกลออกไปจากที่นี่จะเป็นเหมืองภูคำ และเหมืองห้วยทราย ซึ่งกำลังจะเป็นเหมืองแห่งที่ 3 ของกลุ่มอุตสาหกรรมเหมืองจากออสเตรเลียในลาว </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เหมืองห้วยทรายกำลังจะเป็นเหมืองที่ผลิตทองคำ ทองแดง และแร่เงินแห่งที่ 4 ในลาว ถัดจากเหมืองเซโปนในแขวงสะหวันนะเขต เหมืองภูเบี้ย และภูคำ ซึ่งปัจจุบันเหมืองสองแห่งหลังนี้ อยู่ในแขวงเวียงจันทน์

    โดยทั่วไปทองคำกับแร่เงินจะเป็นผลพลอยได้จากการผลิตทองแดงตามเหมืองต่างๆ ในลาว ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขปริมาณทองแดงที่คาดว่าจะผลิตได้ในเหมืองแห่งใหม่

    ตามรายงานของสำนักข่าวสารปะเทดลาวก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เหมืองเซโปนเพียงแห่งเดียวทำรายได้ให้รัฐบาลแล้วเกือบ 400 ล้านดอลลาร์ ทั้งในรูปค่าภาคหลวง เงินภาษีรายได้ และส่วนแบ่งจากการเป็นหุ้นส่วน

    นอกจากนั้นราษฎรในท้องถิ่นอีกหลายพันคน ได้รับประโยชน์โดยตรงจากแผนพัฒนาต่างๆ จากบริษัทเจ้าของสัมปทาน ที่จะต้องปฏิบัติภายใต้สัญญาที่ทำกับรัฐบาล.

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ภาพแฟ้มจากเว็บไซต์ของ PanAust พนักงานชาวลาวและพนักงานชาวออสเตรเลีย ถือแท่งธาตุทองคำที่ผลิตจากเหมืองภูเบี้ยอวดผู้ไปเยือน อีกไม่นานก็จะมีเหมืองทองอีกแห่งของบริษัท ในเขตเมืองไซสมบูน แขวงเวียงจันทน์ของลาว </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ผลจากการเดินเครื่องเร่งอนุภาคชนกันที่พลังงานสูงสุดในประวัติศาสตร์ และเป็นการทดลองทางฟิสิกส์ครั้งแรกของเครื่อง “แอลเอชซี” เครื่องตรวจวัดอนุภาคของ “เซิร์น” พบการชนกันของโปรตอนกว่าล้านครั้ง และเดินเครื่องเร่งอนุภาคชนกันในครั้งที่ 2 ต่อ

    หลังจากพยายามเป็นครั้งที่ 3 เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (LHC) ของ “เซิร์น” (CERN) จึงสามารถเร่งอนุภาคให้ชนกันที่ระดับพลังงาน 7 เทราอิเล็กตรอนโวลต์ (TeV) ได้สำเร็จ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 มี.ค.53 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเดินเครื่องด้วยระดับพลังงานสูงสุดในดลกเท่ที่มีการเดินเครื่องเร่งอนุภาคบนโลก ล่าสุดสถานีตรวจวัดต่างๆ ได้รายงานความคืบหน้าจากการเร่งอนุภาคชนกันดังกล่าวผ่านทวิตเตอร์ (twitter)

    ทั้งนี้สถานีตรวจวัดซีเอ็มเอส (CMS) เป็นสถานีตรวจวัดแรกที่พบการชนกันของอนุภาค และผลจากการชนกันครั้งแรก สถานีตรวจวัดอนุภาคแอลเอชซีบี (LHCb) พบโปรตอนชนกันแล้วกว่า 1.3 ล้านครั้ง ส่วนสถานีอลิซ (ALICE) พบเหตุการณ์ทางฟิสิกส์ประมาณ 437,000 ครั้ง

    หลังจากการเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีทำการทดลองที่เป็นฟิสิกส์จริงๆ ครั้งแรก เซิร์นได้เดินเครื่องทำการทดลองฟิสิกส์ครั้งที่ 2 เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสถานีวัดต่างๆ พร้อมนักวิทยาศาสตร์กว่า 2,000 คนกำลังติดตามข้อมูลที่ได้จากการทดลองครั้งนี้

    การเดินเครื่องเร่งอนุภาคของเซิร์นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น เป็นการเริ่มต้นการทดลองทางฟิสิกส์อย่างเป็นทางของเซิร์น ซึ่งจะมีการชนกันของอนุภาคที่ระดับพลังงานสูงเช่นนี้ไปอีกนับล้านๆ ครั้งในอีก 18-24 เดือนข้างหน้า โดยจะหยุดเดินเครื่องเป็นเวลาสั้นๆ ด้วยเหตุผลทางเทคนิคในช่วงปี 2010


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2010
  10. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7063 ข่าวสดรายวัน


    ปั่นจักรยานรอบโลกถวายในหลวง




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ถวายพร - นายอลัน เบท อดีตนักปั่นจักรยานทีมชาติอังกฤษ ถวายพระพรในหลวงที่พระบรมมหาราชวัง ก่อนปั่นจักรยานรอบโลกภายใน 165 วันในโครงการ "29,500 ก.ม. ประกาศให้โลกรู้ว่า...ผมรักในหลวง" เมื่อวันที่ 31 มี.ค.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 มี.ค. นายอลัน เบท อายุ 45 ปี อดีตนักปั่นจักรยานทีมชาติอังกฤษที่เคยรับชัยชนะกว่า 80 สนามแข่งทั่วโลก นำรถจักรยานคู่ชีพ เดินทางมาโรงพยาบาลศิริราช เพื่อถวายพระชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก รวมทั้งสักการะพระรูปหล่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ก่อนที่จะเดินทางเพื่อปฏิบัติภารกิจยิ่งใหญ่ เพื่อประกาศความรักที่คนไทยมีต่อในหลวงให้โลกรู้ใน โครงการ " 29,500 ก.ม.ประกาศให้โลกรู้ว่า ... ผมรักในหลวง" และตั้งเป้าที่จะทำลายสถิติโลกจากของเดิมที่ชาวอังกฤษได้ทำไว้แล้ว ด้วยระยะทาง 29,000 ก.ม. ใน 165 วัน

    นายอลัน เปิดเผยว่า เมื่อพ.ศ.2548 ตนเดินทางมาประเทศไทยเพื่อขี่จักรยานท่องเที่ยวรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว เวียดนาม กัมพูชา แต่ได้รับอุบัติเหตุจึงต้องพักรักษาตัวอยู่ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ทำให้แผนการเปลี่ยนและต้องพักอยู่ในเมืองไทยนานกว่าที่ตั้งใจไว้ ซึ่งทำให้ตนได้รู้จักเมืองไทยมากขึ้นในหลายแง่มุม และซาบซึ้งใจอย่างมากที่ในหลวงทรงห่วงใยและทุ่มเทพระวรกายเพื่อประชาชน ทำให้ตนรักในหลวง อีกทั้งภูมิประเทศที่สวยงาม วัฒนธรรมที่โอบอ้อมอารี ทำให้ตนหลงรักเมืองไทย รู้สึกเสมือนว่าเมืองไทยคือบ้านเกิด จึงได้ตัดสินใจย้ายมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยและแต่งงานกับนางธัญญาพร คำนิล อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นชาวเชียงของ และมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน ถึงแม้ว่าตนจะมีภรรยาและลูกอยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่ภรรยานั้นตนได้แยกทางกันมานานแล้ว

    นายอลันกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยปั่นจักรยานเทิดพระเกียรติให้พระองค์ท่าน ระยะทางไกลสร้างสถิติเอเชียมาแล้วถึง 3 ครั้งแบบไม่หยุดพัก ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ตั้งแต่ปี 2549 จากเชียงใหม่-กทม. ระยะทาง 700 ก.ม. ปี 2550 ภูเก็ต-กทม. ระยะทาง 930 ก.ม. และปี 2552 จาก อ.เชียงของ-อ.เมือง จ.เชียงราย ระยะทาง 105 ก.ม. และในครั้งนี้ถือเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ โดยจะสร้างสถิติโลกใหม่ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีอันยิ่งใหญ่ กับการปั่นจักรยานรอบโลกโดยในวันนี้จะเริ่มออกเดินทางปั่นลงภาคใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ ข้ามไปประเทศออสเตรเลีย แคนนาดา อเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ และขึ้นยุโรป เป็นต้น

    "ผมอยากบอกว่าการปั่นจักรยานรอบโลกเพื่อทำลายสถิตินั้นถึงแม้ว่าผมจะทำได้หรือทำไม่ได้ แต่ก็อยากนำสารแห่งความรักนี้บอกให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงความมีพระเมตตาและความเสียสละของพระองค์ท่านว่าเป็นอย่างไร ซึ่งผมก็ยังมีความหวังว่าจะสามารถนำชัยชนะกลับมาให้คนไทยถึงจะทราบว่ามีชาวอังกฤษอีก 4 คน ก็ปั่นจักรยานเหมือนกับผมเช่นกัน แต่ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดด้วยจิตวิญญาณความเป็นไทยและด้วยพระบารมีของพระองค์จะคุ้มครองผมตลอดระยะการเดินทาง" นายอลันกล่าว

    จากนั้นเวลา 17.29 น. นายอลันเริ่มปฏิบัติภารกิจปั่นจักรยานคู่ชีพ ในโครงการ "29,500 ก.ม.ประกาศให้โลกรู้ว่า...ผมรักในหลวง" อย่างเป็นทางการจุดเริ่มต้นที่ประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง (วัดพระแก้ว) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย โดยปั่นอ้อมไปหน้าศาลหลักเมือง เลาะข้างสนามหลวง ก่อนจะขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้ามุ่งหน้าลงใต้ตามเส้นทางที่กำหนดไว้ โดยจะผ่านประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ก่อนจะข้ามไปยังประเทศออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป ก่อนจะวกกลับเข้าเอเชีย กลับมายังประเทศไทยทาง อ.เชียงของ จ.เชียงราย และสิ้นสุดการเดินทางที่กทม. รวมทั้งสิ้น 19 ประเทศ เป็นระยะทาง 29,500 ก.ม. ภายในเวลาน้อยกว่า 165 วัน เส้นทางที่ นายอลัน เลือกในครั้งนี้ มีความท้าทายมากกว่าและระยะทางไกลกว่า โดยนายอลันตั้งเป้าที่จะทำให้ได้ภายใน 149 วัน ซึ่งมีตัวเลข 9 ที่สื่อถึงรัชกาลที่ 9 และรถจักรยานคู่ชีพก็มีเลขเก้าไทย ติดไว้ด้วย
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พายุหิมะถล่ม สก็อต-ไอร์แลนด์เหนือ

    [​IMG]

    พายุหิมะถล่มสก็อตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือ ไฟฟ้าถูกตัด ชาวบ้านเดือดร้อนหลายหลังคาเรือน รวมถึงสภาพการจราจรบนท้องถนนย่ำแย่ กรมอุตุฯแจ้งอากาศยังคงเลวร้ายโดยเฉพาะตามพื้นที่สูง...

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกิดพายุรุนแรงและหิมะตกหนักทั่วพื้นที่ของสก็อตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ทำให้ มีผู้ไม่มีไฟฟ้าใช้ เกือบ 50,000 คน รวมถึง สร้างความโกลาหลทั่วท้องถนน ทั้งการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์และเหตุรถราติดค้างหิมะบนถนนหนทางและทางหลวงทั้งในสก็อตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือ

    โดยที่สก็อตแลนด์ มีนักเรียนบาดเจ็บสาหัส 4 คนจากอุบัติเหตุรถตกถนน ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษ คาดว่าสภาพอากาศเลวร้ายจะมีไปตลอดวันพุธโดยเฉพาะตามพื้นที่สูง

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ.2553

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

    สถานการณ์น้ำท่วมในสหรัฐอเมริกา

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สถานการณ์น้ำท่วมในเขตนิว อิงแลนด์ ชายฝั่งด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ยังน่าวิตกเนื่องจากน้ำยังไม่ลด ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศเขตภัยพิบัติทางธรรมชาติในรัฐโร้ด ไอร์แลนด์แล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด

    ประชาชนหลายร้อยคนในเขตนิว อิงแลนด์ ตั้งแต่รัฐเมนไปจนถึงคอนเนคติกัต ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน หลังจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องตลอด 3 วันที่ผ่านมา ทำให้หลายพื้นที่ต้องจมอยู่ใต้น้ำ โดยเฉพาะที่รัฐโร้ด ไอร์แลนด์ เผชิญกับอุทกภัยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 200 ปี และคาดว่า อีก 4 -5 วันน้ำจึงจะลด รายงานระบุว่า เมื่อวานนี้วัดปริมาณน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับปกติ โดยวัดได้ 3.6 เมตร

    ทั้งนี้เกิดฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ในหลายพื้นที่นอกจากที่โร้ด ไอร์แลนด์ ที่เมืองบอสตั้น รัฐแมสซาชูเซ็ตส์ ก็เกิดฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯยังประกาศเตือนภัยน้ำท่วมในรับคอนเนคติกัต แมสซาชูเซ็ทส์ และนิว แฮมเชอร์

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ต้องประกาศเขตภัยพิบัติทางธรรมชาติในโร้ด ไอร์แลนด์ เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ทางการประกาศเตือนให้ประชาชนเก็บสำรองน้ำไว้ใช้บริโภค รวมทั้งสำรองไฟฟ้า เนื่องจากโรงงานบำบัดน้ำเสียและสถานีย่อยจ่ายไฟ ยังคงจมอยู่ใต้น้ำ

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2010
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พายุถล่มหนองบัวลำภูรวดเดียวบ้านพัง 200 หลัง

    [​IMG]

    เกิดพายุฤดูร้อนซัดถล่มพื้นที่ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู ทำให้บ้านพังกว่า 200 หลัง โรงเรียนอีก 1 แห่ง ปภ. อบจ. อบต. เร่งให้ความช่วยเหลือ....

    เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นายประมวล ลาภจิตต์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.หนองบัวลำภู พร้อมด้วย นางศรัญญา สุวรรณพรหม ประธานสภา อบจ.หนองบัวลำภู และ ส.อบจ.เขต อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ต.ปางกู่ อ.โนนสัง หลังถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม พบว่าที่บ้านดอนกู่มีบ้านได้รับความเสียหาย 109 หลัง รุนแรง 30 หลัง ส่วนบ้านโสกแคนมีบ้านเรือนเสียหาย 96 หลังรุนแรง 20 หลัง นอกจากนี้ พายุยังพัดถล่มโรงเรียนบ้านโสกแคนหนองหญ้าปล้องจนหลังคาและฟ้าเพดานถูกลมพัดปลิวหายด้วย

    นายสมภาร นามโยธา นายก อบต.ปรางกู่ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากพายุมากเท่าครั้งนี้ ถือว่าเป็นภัยพิบัติรุนแรง เบื้องต้นสั่งให้เจ้าหน้าออกสำรวจความเสียหายและเร่งช่วยเหลือต่อไป

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ.2553

    โจรใต้อำมหิต ยิง 6 ศพ วางระเบิดตำรวจเจ็บ 10 นาย

    [​IMG]

    โจรใต้สุดเหี้ยม ไล่ถล่มยิงด้วยปืนอาก้าและเอ็ม 16 ใส่คนหาของป่าที่จ.นราธิวาสตายสยอง 6 ศพ ก่อนวางระเบิดลวงตำรวจ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 10 นาย ขณะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณเชิงเขาบูโด อ.บาเจาะ เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเร่งค้นหากลุ่มโจรแล้ว...

    เมื่อเวลา 16.00 น. 1 เม.ย. พ.ต.ต.สานิตย์ สุวรรณโณ สวป.สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตบริเวณเชิงเขาบูโด บ้านบาดง หมู่ 6 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บาเจาะ รวม 10 นาย นั่งรถกระบะสายตรวจตราโล่ 1 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 3 คัน เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และระหว่างที่เจ้าหน้าที่ขับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ผ่านบริเวณสวนยางพารา ก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน ซึ่งแฝงตัวอยู่ภายในสวนยางพารา ใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 15 ก.ก. แล้วลอบนำไปฝังไว้ใต้ผิวถนน จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 10 นาย มีอาการหูอื้อและแน่นหน้าอก ส่วนรถกระบะถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณตัวถัง ได้รับความเสียหาย

    ต่อมา พ.ต.ต.สานิตย์ ได้ประสานขอกำลังสนับสนุนไปยังร.ต.อ.สุชาติ หมีลำพอง ร้อยเวร สภ.บาเจาะ พ.ต.ท.เลียบ พรหมจันทร์ สว.นปพ.จ.นราธิวาส พ.ต.ต.เนติธร วัตตธรรม สารวัตรกองพิสูจน์หลักฐาน และน.ท.นฤมิต ศุขสมิติ ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตำรวจและทหารจำนวนหนึ่ง นำกำลังเข้าที่เกิดเหตุ โดยพบว่าจุดที่คนร้ายวางระเบิดนั้นมีหลุมกลางถนนลึก 1 เมตร กว้าง 2 เมตร และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่อง รวมทั้งสายไฟที่คนร้ายได้ลากยาวเข้าไปในป่า 150 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจได้นำตัวส่งรักษาตัวที่รพ.บาเจาะ

    หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่กลุ่มคนร้ายประมาณ 5-6 คน ใช้อาวุธปืนสงครามถล่มยิงเข้าใส่คนหาของป่าเสียชีวิต เมื่อถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบรถกระบะ ยี่ห้อฟอร์ด สีบรอนซ์ ทะเบียน บค 2923 นราธิวาส ซึ่งจอดอยู่บนถนนลูกรัง ทางลงจากเทือกเขาบูโด ซึ่งอยู่ในสภาพถูกกระสุนปืนพรุนทั้งคัน และมีศพผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นดิน ข้างประตูรถทั้งสองฝั่ง รวม 2 ศพ และที่กระบะท้าย เจ้าหน้าที่พบมีผู้เสียชีวิตนอนกอดก่ายกันอีก 4 ศพ รวมทั้งสุนัขอีก 2 ตัว และหมูป่าขนาดหนักกว่า 100 ก.ก. อีก 1 ตัว โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คน มีบาดแผลถูกกระสุนปืนอาก้าและเอ็ม 16 พรุนทั้งร่าง

    จากการตรวจสอบชื่อผู้เสียชีวิตคือ 1.นายดำรงค์ ทองจินดา 2.นายสุคนธ์ แก้วสำอาง 3.นายธนู เซ่งสีแดง 4.นายนิติพงษ์ เซ่งสีแดง 5.นายสมัย เซ่งสีแดง และ 6.นายกำพล พรายแก้ว จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนสงคราม ทั้งอาก้าและเอ็ม 16 ตกอยู่บนถนนด้านหน้าและด้านหลังของรถกระบะกว่า 60 ปลอก ซึ่งก่อนหลบหนี กลุ่มคนร้ายได้หยิบอาวุธปืนลูกซองยาวและอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม. รวม 2 กระบอกของผู้ตายไปด้วย

    ล่าสุด น.ท.นฤมิต ได้สนธิกำลังร่วมกับพ.ต.อ.จำลอง งามเนตร ผกก.สภ.บาเจาะ รวม 50 นาย พร้อมสุนัขสงคราม ออกติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่หลบหนีขึ้นเทือกเขาบูโด ซึ่งเป็นเขตรอยต่อระหว่างอ.บาเจาะ จ.นราธิวาส กับอ.รามัน จ.ยะลา แล้ว

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ.2553
    <FORM id=searchform action=/search method=get>ที่มา http://www.thairath.co.th

    </FORM>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2010
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เยาวชนร่วมโครงการบวชเณรฤดูร้อนถวายสมเด็จพระเทพฯ กว่า 3 แสนคน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 เมษายน 2553 18:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ศน.เปิดโครงการบวชเณรภาคฤดูร้อน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสคล้ายวันพระราชสมภพ ปลื้มเด็กเข้าร่วมกว่า 3 แสนคน พร้อมให้นโยบายเน้นคุณภาพ มอบหมาย วธ.จังหวัด ลงพื้นที่ติดตามพฤติกรรมเด็กหลังบวช

    นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) แถลงข่าวเปิดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน ณ วัดยานนาวา กรุงเทพฯ ว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่มีเด็กและเยาวชนสมัครใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าวแล้วกว่า 3 แสนคน ซึ่งถือว่าเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเด็กเหล่านี้จะได้ใช้เวลาในช่วงปิดภาคเรียนให้เป็นประโยชน์ ด้วยการบรรพชาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพฯ อีกทั้งยังได้มีโอกาสทดแทนพระคุณบิดา มารดา และผู้ปกครอง นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังช่วยลดความกังวลของผู้ปกครองในเรื่องปัญหาเด็กติดเกมที่อาจเพิ่มปัญหามากขึ้นในช่วงปิดเทอม และยังช่วยให้เด็กๆ สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมระหว่างเข้าร่วมโครงการไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

    “ศน.มีการเตรียมโครงการด้วยการฝึกอบรมพระวิทยากร ซึ่งมีประสิทธิภาพอย่างมาก และมีจำนวนเพียงพอสำหรับกระจายไปตามวัดต่างๆ ในโครงการ ซึ่งมีจำนวน 2,489 วัด ดังนั้น เชื่อว่า ผู้ประสงค์จะบรรพชาอุปสมบท และบวชศีลจาริณี ที่มีจำนวน 363,232 คน แบ่งเป็นผู้ประสงค์บรรพชาอุปสมบทเป็นภิกษุสามเณร จำนวน 209,959 คน และบวชศีลจาริณี จำนวน 153,273 คนนั้น จะได้รับการเรียนรู้ที่ดี โดยหลังจากจบโครงการแล้ว ทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศจะได้ลงพื้นที่ติดตามผลของการฝึกอบรม โดยการสอบถามผู้ปกครองถึงความประพฤติที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ของเด็ก ทั้งนี้ เพื่อให้การเข้าร่วมโครงการได้เกิดประโยชน์ต่อเด็กอย่างแท้จริง” นายธีระ กล่าว

    ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000045514
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171

    อ้าว ผมปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเลยเหรอเนี่ย 55555

    ขออภัย นึกว่าเป็นข้อความของคุณดอนdon เองเสียอีก

    ถ้างั้นก็ควรรีบมีได้แล้วครับ มัวช้าอยู่ไย....




    .
     
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>รถน้ำมันชนแหลก ระเบิดเละ พระเพลิงเผาวอด3คัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>รถน้ำมันบรรทุกน้ำมันเต็มถังกว่า 20,000 ลิตร ชนรถเทเลอร์ ก่อนเสียหลักไปชนท้ายรถทัวร์ที่จอดอยู่ข้างทาง ทำให้ระเบิดและเกิดไฟลุกไหม้ วอดหมด ทั้ง 3 คัน ยังหาคนขับรถน้ำมันไม่เจอ...

    เมื่อเวลา 01.30 น. 2 เม.ย. พ.ต.ท.อานนท์ เชื้อมีแรง สารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางบัวทอง

    รับแจ้งเหตุรถชนกันกลางสะพานพระพิมลราชา ม.3 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ฝั่งขาออก จึงเดินทางมาที่เกิดเหตุ พบรถทัวร์สองชั้นสีชมพูขาว ทะเบียน 31-5315 กทม. ขับโดยนายนุกูล เขียวแก้ว อายุ 48 ปี ชนท้ายรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ทะเบียน ฎฉ 8090 ขับโดยนายพงษ์ธร กานหาญ อายุ 23 ปี และรถกระบะไปชนท้ายรถเทเลอร์เทเลอร์ หัวลาก 18 ล้อ สีขาว ทะเบียน 77-1201 กทม. และทะเบียน พ่วงท้าย 77-1207 กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงแยกรถ และนำไปจอดข้างทาง แล้วนำคนขับรถทั้ง 3 คนเสียค่าปรับ ที่สภ.บางบัวทอง

    ต่อมา มีรถบรรทุกหัวลาก ทะเบียน 73-4137 กทม บรรทุกน้ำมันดีเซลกว่า 20,000 ลิตร วิ่งมาด้วยความเร็ว

    ก่อนจะพุ่งชนท้ายรถพ่วง ลากไปไกลกว่า 60 เมตร และไปชนท้ายรถทัวร์ที่จอดอยู่ข้างทาง ทำให้เกิดระเบิด และไฟลุกท่วมรถน้ำมัน จนลามไปติดรถทัวร์ จนไฟไหม้ทั้งคัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเรียกรถดับเพลิง เทศบาลเมืองบางบัวทอง 6 คัน อบต.บางบัวทอง อบต.ละหาร และอบต.บางรักพัฒนา อีก 5 คัน โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ ทำให้รถทั้งขาเข้าและขาออกติดนับสิบกม.

    ภายหลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่พบคนขับรถน้ำมัน ไม่ทราบว่าคนขับหายไปไหน

    ต่อมาได้สอบถามนายสายัณห์ บุญตาทิพย์ อายุ 25 ปี ทำงานอยู่ที่บริษัท คอนกรีตกรุป ใกล้ที่เกิดเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ มีรถชนกันอยู่ลัว และจอดอยู่ข้างทาง ต่อมาได้มีรถน้ำมัน วิ่งมาด้วยความเร็ว เพราะตรงที่เกิดเหตุ เป็นขาลงสะพาน จึงพุ่งชนท้ายรถเทเลอร์ที่จอดอยู่ข้างทาง แล้วลากมาไกลกว่า 60 เมตร จากนั้นจึงมาชนท้ายรถทัวร์ อีกที ทำให้เกิดเสียงระเบิดขี้น และมีไฟลุกตามมา ต่อมาได้ลุกลามมาติดรถทัวร์จนไหม้ไปอีกคัน

    ทั้งนี้ ไม่เห็นคนขับรถน้ำมันออกมาจากรถเลย แต่พอเพลิงสงบ เข้าไปดู แต่ก็ไม่เห็นมี

    ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดต่อเจ้าของรถบรรทุกน้ำมัน มาสอบสวนเพื่อตามหาคนขับรถน้ำมันต่อไป ไม่ทราบว่าคนขับไปไหนหลังเกิดเหตุ เพราะดูสภาพหัวรถแล้ว น่าจะติดอยู่ในรถ แต่ก็ไม่มี โดยจะให้เจ้าหน้าที่ ตรวจดูอีกครั้ง ว่าถูกเผาอยู่ในรถหรือไม่ เพราะตอนไฟลุกนั้นไหม้รุนแรงมากกว่า 2 ชั่วโมง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>แปลก! ผลเป็นสตรอเบอร์รี่ รสชาติเป็นสับปะรด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพจาก guardian.co.uk</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ซูเปอร์มาเก็ตผู้ดีวางขายผลไม้แปลกครั้งแรก ชื่อพายเบอร์รี่ ผลเหมือนสตรอเบอร์รี่ แต่รสชาติเป็นสับปะรด ถิ่นกำเนิดอยู่ที่อเมริกาใต้ พบเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา แต่เพิ่งดัง...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมียม "เวทโทรส" (Waitrose) จำนวน 45 แห่ง ทั่วเกาะอังกฤษ เริ่มวางขายผลไม้หน้าหน้าใหม่ "พายเบอร์รี" (Pineberry) เป็นครั้งแรกในวันนี้ (1 เม.ย.)

    สำหรับผลไม้ที่ว่า รูปลักษณ์หน้าตาละม้ายคล้ายสตรอเบอร์รี่ ต่างกันที่พายเบอร์รี่นั้น เป็นผลสีขาว

    ขณะที่สตรอเบอร์รี่มีผลสีแดง แต่ทั้งนี้ดันเหมือนสับปะรดอย่างกับแกะ ถิ่นกำเนิดของพายเบอร์รี่นั้น มาจากอเมริกาใต้ เริ่มนำมาขายในท้องตลาดชุมชนเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา โดยชาวนาเชื้อสายดัตช์ ส่วนพายเบอร์รี่ที่วางขายในซูเปอร์มาเก็ตเจ้าใหญ่ในครั้งนี้ ข่าวระบุว่า พนักงานแบ่งขายกระจาดละ 125 กรัม สนนราคาอยู่ที่ 2.99 ปอนด์ (ราว 148 บาท)

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. kowmoo

    kowmoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,896
    หลานชายดิฉัน 2 คนก็จะบวชเณชเสาร์นี้คะที่วัดปทุมคงคา แถวตลาดน้อยใครผ่านมาแถวนี้มาร่วมบุญได้นะคะ
     
  17. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================

    2 เม.ย. 53


    เจาะน้ำบาดาล

    คราวที่แล้ว------เรื่องเจาะน้ำ-------ตกลงกัน
    สี่สิบพัน---------จากความลึก------สี่สิบเมตร
    มาเที่ยวนี้--------จากการวัด-------ก็ทำเหตุ
    ต้องเพิ่มเลข-----จากสี่สิบ---------เป็นหลักร้อย

    ผมต้องหา--------ตัวเงินเพิ่ม-------ให้ครบแสน
    เร่งหาแกน--------แนวร่วมมา-------ช่วยอุดหนุน
    จึงแจ้งมา--------ให้ท่านทราบ------เพื่อเป็นทุน
    ช่วยเกื้อหนุน-----เหล่าคนดี---------มีที่ไป

    ถ้าสนใจ---------ก็แจ้งมา--------Lazaza
    ท่านเจ้าขา------ท่านผู้นี้---------คนมีบุญ
    ได้ช่วยผม------ทำทุกอย่าง------ทดแทนคุณ
    เพื่ออุ้มบุญ------คนดีดี-----------ที่หนีภัย




    องค์อินทร์ - ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ตอนอวสาน

    [​IMG]
    นายกิจจา ทวีกุลกิจ (หมอนิด)

    นับจากนี้ไปอีกไม่กี่วัน ประชาชนทุกคนคงจะได้เห็นเหตุการณ์ อันดุเดือดของการเมืองไทยที่จะเดินทางมาถึง “ตอนอวสาน” แล้วเพราะการชุมนุมของคนเสื้อแดงในครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของ สงครามครั้งสุดท้าย เช่นกันเขาคนนั้นคงจะไม่ยอมแพ้อย่างง่ายๆ ตายเป็นตาย แต่คนที่ตายคือประชาชน การเจรจาถ้าไม่ได้ตามที่เขาคนนั้นต้องการ คิดว่าประชาชนทั้งหลายที่อยู่ในกรุงเทพต้องระวังตัวให้ดีเพราะการชุมนุมครั้งนี้(3 เม.ย) คงจะไม่ใช่มานั่งฟังการปราศัยที่เวทีเพียงอย่างเดียว และถ้ามีการเคลื่อนพลก็จะไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ครั้งนี้จะรุนแรงในการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่และพร้อมที่จะลุยทุกที่ให้มัน “เละทั้งเมือง”

    การปะทะกันระหว่างประชาชนกับผู้ชุมนุมมีโอกาสเกิดขึ้นสูง ถ้าหลีกเลี่ยงได้ควรจะหลีกเลี่ยงไว้ ปิดประตูเปิดดูทีวีอยู่ในบ้านจะปลอดภัยกว่า การยั่วยุหรือการก่อกวนจะเกิดเป็นจุดๆ รัฐบาลคงจะหัวปั่นเพราะพิษสงของคนเสื้อแดง ผู้ดูแลความสั่นคลอนต้องวางแผนให้ดี บอกตรงๆว่าอาการน่าเป็นห่วงเพราะดวงของผู้ดูแลความสั่นคลอนก็มืดเหมือนอยู่ในถ้ำเกรงว่าคำสั่งจะไม่ศักดิ์สิทธ์หรือการวางแผนสั่งการผิดพลาด คงต้องยอมรับว่างานนี้หนักยิ่งกว่าอุ้มช้างไปอาบน้ำ ศึกในครั้งนี้นักการเมืองไม่เจ็บไม่เจ๊ง คนที่ต้องรับกรรมจากศึกชิงอำนาจทางการเมืองคือประชาชนและพ่อค้านักธุรกิจ

    ผมจะพยายามลืมขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่และรัฐบาล เพราะรัฐบาลเองก็ยังน่วมซ้ำเจ้าหน้าที่เองก็แทบจะไม่มีบทบาทอะไร ขบวนการของเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานก็ทำงานไม่เต็มที่ ประชาชนต้อง ช่วยตัวเอง ไปก่อนเพราะไม่รู้ความรุนแรงมันจะขนาดไหนเหมือนกัน แต่คิดว่าวุ่นไปทั่วเมืองสร้างความปั่นป่วนไปทั่ว ถ้ารัฐบาลไม่เด็ดขาด ก็เป็นกรรมที่ประชาชนต้องทนรับไปก่อน หลายๆสื่อหลายๆนักวิเคราะห์การเมืองก็วิเคราะห์ไปทางเดียวกันว่า รัฐบาลอ่อนหัดไม่มีประสบการณ์และมีความเห็นตรงกันว่า นายกอภิสิทธ์ไม่ควรยุบสภา หลายๆแห่งก็เห็นว่าทั้งนายสุเทพและ นายสาทิตย์ ทำงานไม่เอาไหน

    มันก็จะเป็นกรรมของประเทศที่ต้องมาเจอผู้นำที่เก่งและดีแต่ไร้ประสิทธิภาพมีแต่ขนมจีนเพียงอย่างเดียวยังหาน้ำยาไม่ได้ มันเป็นกรรมของผู้นำและรัฐบาลนี้ที่ต้องมาสู้รบกับอดีตผู้นำที่มีแต่ความแค้นฝังหุ่นมุ่งแต่ต้องการอำนาจคืนเพียงอย่างเดียวบ้านเมืองและเศรษฐกิจจะพังและเสียหายอย่างไรไม่สนใจ ไม่สนใจแม้กระทั่งสถาบันเบื้องสูง สงครามครั้งสุดท้ายในครั้งนี้คงจะเป็น “ตอนอวสาน” แห่งเขาคนนั้น อีกไม่นานเกินรอประเทศไทยก็จะได้รับแสงทอง ผ่องอำไพ ขอให้พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายอดทนอีกสักนิด มารจะแผลงฤทธ์ครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นรายการถอนรากถอนโคนจะเริ่มเข้มข้นขึ้น
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]http://www.mornid.com/home.php
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2010
  19. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    [​IMG]


    เจอบันทึกนี้ ให้เอาคำต่อไปนี้ของกู ไปประกาศให้คนรู้ว่า

    "กู กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

    ผู้เป็นโอรสของพระปิยะมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า

    แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษได้เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิตเข้าแลกไว้

    ไอ้อีมันผู้ใด คิดบังอาจทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

    ฤา กระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม

    จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว

    ก่อนที่กูจะสั่งทหาร ผลาญสิ้นทั้งโคตร

    ให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยาม อันเป็นที่รักของกู

    ตราบใดที่คำว่า "อาภากร" ยังยืนหยัดอยู่ในโลก

    กู จะรักษาผืนแผ่นดินสยามของกู

    ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใด ให้เรากำเนิดมา

    แผ่นดินใด ให้ที่ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข

    มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น"



    (จาก บันทึกของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์)
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ไอซ์แลนด์-รอยแยกใหม่ของภูเขาไฟ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    นักดูภูเขาไฟไอซ์แลนด์ ได้มีโอกาสเห็นภาพที่น่าตื่นใจกว่าเมื่อวานนี้ เมื่อมีเถ้าถ่านและลาวาพวยพุ่งขึ้นมาจากรอยแยกใหม่ของภูเขาไฟฟิมมาวอร์ดูฮัลส์ ทางตอนใต้ของประเทศ ที่เริ่มประทุมาตั้งแต่วันที่ 21 เดือนที่แล้ว

    เครือข่ายโทรทัศน์แห่งชาติ RUV ของไอซ์แลนด์ รายงานว่า พัฒนาการล่าสุดนี้ สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิทยาศาสตร์พอสมควร แต่นักภูเขาไฟวิทยา เชื่อว่า รอยแยกใหม่นี้จะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อความเข้มข้นของการระเบิดของภูเขาไฟลูกนี้ เพราะเป็นแค่การหาทางออกใหม่ของสายธารแม็กมา หรือหินที่ยังร้อนที่หลอมเหลวอยู่ใต้เปลือกโลก

    ลาวาจากรอยแยกใหม่นี้ ไหลลงไปในอ่าวเล็กๆอ่าวหนึ่ง-ภูเขาไฟฟิมมาวอร์ดูฮัลส์นี้ตั้งอยู่บนธารน้ำแข็งชื่ออ่านยาก อายาฟียาพลายูกุลล์ ภูเขาไฟลูกนี้ สงบมานานถึง 200 ปี

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...