ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    =====================================


    3 ต.ค. 54


    คนแถวบ้าน-------ต่างโจษจัน---------เรื่องภัยน้ำ
    มันจะพัง----------บ้าน สิ่งของ--------เมื่อมาถึง
    ยอดเจดีย์---------วัดปรมัย------------เทียบความสูง
    ก่อนมาถึง---------ชาวกรุงเทพฯ--------รีบเตรียมตัว

    คลองรังสิต--------ติดชนบท----------น้ำท่วมแล้ว
    อีกทั้งแนว---------คลองประปา--------น่าเป็นห่วง
    น้ำเริ่มนอง---------ไหลท่วม-----------เป็นช่วงๆ
    ที่น่าห่วง-----------ผู้ประมาท---------ไม่เตรียมการ

    ขอเขียนซ้ำ--------ย้ำเตือน-----------เรื่องที่อยู่
    เพื่อให้รู้-----------ที่อยู่--------------ที่ปลอดภัย
    เป็นที่สูง-----------รอยพระบาท-------ประทับไว้
    จะปลอดภัย--------กว่าที่อื่น----------ผมย้ำเตือน

    ขอให้ไป-----------รวมกัน----------เป็นกลุ่มๆ
    เพื่อหมายมุ่ง-------ช่วยเหลือ--------กันและกัน
    อย่าไปอยู่---------ครัวเดียว---------ให้ห่างกัน
    ช่วยไม่ทัน---------โจรมันมา---------ขอแบ่งกิน

    อีกความดี---------ต้องมี-----------ไว้ปกป้อง
    ใช้คุ้มครอง--------ครอบครัว--------ให้อยู่รอด
    ถ้าไม่มี------------มีไม่พอ----------ก็ไม่รอด
    ขอให้รอด---------ปลอดภัย---------ทุกครัวเรือน


    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    บันทึกแกนโลกพลิกเปลี่ยน(Pole Shift)ในครั้งอดีตกาล

    [​IMG]
    ภาพจารึกภัยพิบัติของชนพื้นเมืองชาวมายา และเรื่องราวต่างๆศึกษาหาได้จากตำนานของบรรพชนคนโบราณบันทึกไว้ใน เรือโนอาร์(ไบเบิ้ล), ตำนานการหนีน้ำของกิลกาเมซ(เมโส-โปเตเมีย), พระมนู(อินเดีย), ตำนานบันทึกของทวีปมู-รีมูเลีย ซึ่งเป็นช่วงยุคเวลาใกล้เคียงกันคือ ๑๐,๐๐๐-๑๓,๐๐๐ ปีล่วงมาแล้ว

    สัญญาณเตือนล่วงหน้าของพิบัติภัย แกนโลกพลิกเปลี่ยน(Pole Shift)ทุก ๑๐,๐๐๐ ปี

    มีสัญญาณให้สังเกตเห็นล่วงหน้าประมาณ ๒-๓ สัปดาห์ เบื้องต้นผู้คนทั่วไปสังเกตุเห็นความผิดปกติได้ทั้ง ๓ ระนาบ คือท้องฟ้า พื้นแผ่นดิน และทะเลมหาสมุทร ให้สังเกตเห็นสิ่งที่ผิดปกติ ที่มนุษย์ในรุ่นยุคปัจจุบันไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเริ่มเปลี่ยนแปลงผันผวน แรงโน้มถ่วง ลาวา การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกก็ผันผวนผิดปกติ

    ท้องฟ้า

    ๑.ฟ้าจะคำรามติดต่อกันนานแทบทั้งวัน เพราะการปลดปล่อยประจุไฟฟ้าสถิตย์ในชั้นบรรยากาศที่สะสมมาเนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกผันผวนหนัก
    ๒.กลางวันมืดหลายวัน เพราะมีแสงน้อย มีเมฆสีเทาเข้มปกคลุมบังดวงอาทิตย์เป็นเวลานานติดต่อกันหลายวัน
    ๓.เมื่อเข้าถึงเวลากลางคืน ๒ ทุ่ม ถึง ๓ ทุ่ม บางวันก็ยังไม่มืด ยังสว่างเหมือนเวลา ๔-๕ โมงเย็นปกติ
    ๔.มองเห็นสิ่งแปลกปลอมบนท้องฟ้า จำพวกวัตถุบินได้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    พื้นแผ่นดิน

    ๕.มีสัตว์บางชนิดที่อาศัยใต้ดินลึก ที่มนุษย์ไม่เคยเห็นมาก่อนขึ้นมาให้เห็น รูปร่างหน้าตาสัตว์เหล่านี้ไม่มีในพจนานุกรมสัตว์โลกที่เคยอ่านกัน เพราะไอกำมะถัน ไอร้อนจากก๊าซใต้เปลือกโลกดันตัวขึ้นมา บ้างก็สัตว์บางตัวก็มีชีวิตได้ไม่นาน บ้างก็ขึ้นมาตาย
    ๖.มีแผ่นดินไหวเป็นระลอกใหญ่ ต่อเนื่องกันทุกมุมโลก

    ทะเลมหาสมุทร

    ๗.มีสัตว์บางชนิดที่อาศัยใต้ทะเลมหาสมุทรในระดับที่ลึกมาก ที่มนุษย์ไม่เคยเห็นมาก่อนขึ้นมาให้เห็น รูปร่างหน้าตาสัตว์เหล่านี้ไม่มีในพจนานุกรมสัตว์โลกที่เคยอ่านกัน เพราะไอกำมะถัน ไอร้อนจากก๊าซใต้เปลือกโลกดันตัวขึ้นมา บ้างก็สัตว์บางตัวก็มีชีวิตได้ไม่นาน บ้างก็ขึ้นมาตาย
    ๘.มีแผ่นดินไหวใต้ทะเลระดับที่รุนแรงจนมีซึนามิหลายประเทศในเวลาที่ใกล้เคียงกันหลายจุดในโลก

    แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เหล่านี้ที่จะเกิดขึ้น อาจจะยังนานอีกหลายปีหรือระยะเวลาอันใกล้ที่จะถึง ทุกอย่างในโลกล้วนมีความผันแปรไม่มีอะไรเที่ยงแท้ ผู้มีปัญญาควรไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ควรศึกษาธรรมะ รักษาศีล ทำทาน มอบความรักเมตตาอารีย์เพื่อนมนุษย์ หมั่นละลดอัตตาตัวตน ดูแลรักษาธรรมชาติให้ดี เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นดังกล่าวมนุษย์ยุคเราอาจได้เห็น และอยู่ในช่วงเวลาที่จะข้ามผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ ด้วยกัน

    เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอนาคตโดยลำดับ

    -สงครามสู้รบกลางเมืองปะทะกันทางอุดมการณ์ทางการเมืองไทย
    -สงครามระหว่างประเทศมหาอำนาจแถบเอเชีย ที่ปะทุจากประเทศเล็ก
    และ/หรือ อุบัติเหตุความผิดพลาดจากการทดลองทางเทคโนโลยีชั้นสูงที่ควบคุมปฏิกิริยาการแตกตัวไม่ได้แถบยุโรป
    -แกนโลกพลิกเปลี่ยน Pole Shift

    บันทึกแกนโลกพลิกเปลี่ยน Pole Shift ในครั้งอดีตกาล

    โลกมนุษย์คล้ายผลส้มกลมๆ ห่อหุ้มด้วยชั้นบรรยากาศ ที่มองไปแล้วขอบฟ้าห่างเท่ากันรอบทิศ เมื่อจังหวะพลิกเปลี่ยนเป็นเวลากลางวันในเอเซีย จะรู้สึกพื้นที่ยืนอยู่เอียงไปราวๆ 10-15 องศา ท้องฟ้าด้านนึงจะกว้าง อีกด้านตรงข้ามจะแคบ จะสังเกตเห็นได้ชัด แล้วพลิกเอียงกลับระดับเดิม ถัดจากนั้นไม่ถึง 5 นาที แผ่นดินไหวรุนแรงระดับความรุนแรงสูงสุดนี้ไม่เคยมีมาก่อนศูนย์กลางของแผ่นดินไหว ไม่ได้อยู่แถบเอเชีย

    จังหวะการพลิกเอียงครั้งแรกทำให้สร้างแรงน้ำในมหาสมุทร ไหลทะลักคืนสู่แผ่นผืนทวีปที่มีระดับความสูงมากกว่าตึก 10 ชั้นแถบพื้นที่ใกล้ทะเลแล้วลดหลั่นไปตามระยะทางหลายสิบกิโลเมตร แต่เนื่องจากแผ่นดินไหวตามมา จึงทำให้คนตกใจลงมาจากตึกสูงทำให้เจอกับคลื่นที่ไหลทะลักเข้ามา เขื่อนเก็บน้ำบางแห่งก็แตกมีน้ำทะลักท่วมเข้ามาเสริม

    คนที่รอดจะต้องข้ามผ่านความมืดอีกหลายวัน พร้อมกับความหิว ความตื่นตระหนก ความหวาดระแวง ความกลัว ความเสียใจเสียขวัญ ตาเปล่าสามารถเห็นวิญญาณและสัตว์ร้ายโลกวิญญาณได้บางขณะ บางคนต้องเสียสติจากความสูญเสียความพลัดพรากจากคนที่รัก และความตื่นกลัว... คนที่ครองสติได้ดีคอยดูแลและปลอบประโลมทุกข์โศกให้แก่คนรอบข้างส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพวกที่มีอินทรีย์แก่กล้าผ่านการเพาะบ่มประสบการณ์ธรรมะมามากแล้ว

    เกือบสัปดาห์ผ่านไป ชีวิตใหม่จึงเริ่มต้นพร้อมแสงสว่าง อากาศบรรยากาศใหม่พร้อมการเปลี่ยนแปลงเชิงชีวภาพของร่างกายคนและสัตว์ให้อายุยืนยาวกว่ายุคก่อนหน้า ลมหายใจใหม่ ความหวังใหม่ บางเกาะทวีปเล็กที่ผุดขึ้นมาจากแผ่นน้ำใกล้ๆกลางอ่าวไทย....

    เนื้อหาดังกล่าวมาจากผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์ในอดีต (ตำนานบันทึกของทวีปมู-รีมูเลีย) ที่มีการเปลี่ยนผ่านในรอบอดีตมาครั้งสองครั้ง เป็นความรู้เพื่อบรรเทาความสูญเสียและให้พลังในการล่วงรู้เพื่อข้ามผ่านเหตุการณ์อนาคตอย่างมีสติ แต่ปัจจุบันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงในกายและจิตของผู้อ่านเท่านั้น จึงควรฝึกฝนสังเกตตัวนี้ไปก่อน

    บทความโดยคุณ svt Mon Sep 15, 2008 2:23 pm

    ที่มา http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=475
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • polesshiftasis.jpg
      polesshiftasis.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.8 KB
      เปิดดู:
      118
    • mayaboat.jpg
      mayaboat.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.7 KB
      เปิดดู:
      2,790
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2011
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เหตุที่ทำให้โลกพินาศ !!!

    [​IMG]

    ในพระอภิธรรมได้กล่าวถึงเรื่องของกิเลสไว้อย่างน่าสนใจว่า..

    สมัยใดที่มนุษย์มากไปด้วยโลภะ..สมัยนั้นย่อมมีอันตรายที่เกิดจากความแร้นแค้น ข้าวยากหมากแพง และภัยธรรมชาติมาก ที่สำคัญ ราคะ จะทำให้โลกพินาศด้วยไฟ (ราคะร้อนเหมือนไฟ)

    สมัยใดที่มนุษย์มากไปด้วยโทสะ...สมัยนั้นย่อมมีอันตรายที่เกิดจากศาตราวุธ มีภัยสงครามมาก ที่สำคัญโทสะ จะทำให้โลกพินาศด้วยน้ำ (โทสะร้ายเหมือนน้ำกรด)

    ถ้าหนาแน่นด้วย โมหะ(ความหลง) โลกจะพินาศด้วยลม (โมหะเหมือนลมกรด)

    มนุษย์ส่วนใหญ่ แต่ละคน จะสะสมอกุศลกรรมกันไว้คนละมาก ๆ อกุศลกรรมเหล่านั้น ย่อมเป็นมูลเหตุบันดาลให้โลกธาตุวิปริต ธรรมชาติในโลกแปรปรวน เกิดภัยพิบัติ พายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ร้ายแรงนานัปการดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

    ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ทำให้โลกใบนี้พินาศในช่วงหลายปีนี้ น่าจะเป็นส่วนผสมของราคะ โทสะ โมหะ แต่ที่สำคัญที่สุด น่าจะเป็นความหลงหรือโมหะ ตามด้วยโทสะและโลภะ มนุษย์หลงผิดคิดว่าชนะธรรมชาติได้แล้ว รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งหลงพัฒนาความเจริญทางวัตถุมากเท่าไร ยิ่งทำให้โลกร้อนเพราะเกิด Greenhouse Effect ซึ่งจะทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย และทำให้เกิดทำให้เกิดทั้งพายุและน้ำท่วม แต่มนุษย์ในทุกชาติก็ไม่สนใจ ต้องการให้ประเทศอื่นช่วยลดความร้อนของโลก แต่ตัวเองไม่ยอมช่วยลด ถ้าช่วยก็ช่วยน้อยที่สุด

    การประชุมเรื่องโลกร้อนทุกครั้ง ลงมติไม่เคยสำเร็จสักที เนื่องจากไม่มีชาติไหนต้องการลดคาร์บอนไดออกไซด์ และลดการใช้เชื้อเพลิงปิโตรเลียมของตนลง ทั้งๆที่รู้ว่า การเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ และการเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงปิโตรเลียม เป็นตัวการทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นไปอีก

    บทความโดยคุณ phonsak1 Sun Sep 11, 2011 2:24 pm

    ที่มา http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=738
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 42.jpg
      42.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.9 KB
      เปิดดู:
      15,650
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2011
  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม

    [​IMG]

    อัพเดตสถานการณ์น้ำท่วม 5 ตุลาคม 54

    10.02 น. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ หรือ ศภช. ได้แจ้งเตือนภัยในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลากในวันนี้ มีดังนี้
    1. จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ อ.แม่สะเรียง อ.สบเมย
    2. จังหวัดตาก ที่ อ.แม่ระมาด อ.สองยาง
    3. จังหวัดกำแพงเพชร ที่ อ.คลองลาน
    4. จังหวัดจันทบุรี ที่ อ.ขลุง
    5. จังหวัดตราด ที่ อ.เกาะช้าง อ.บ่อไร่
    6. จังหวัดระนอง ที่ อ.กระบุรี อ.กะเปอร์
    7. จังหวัดพังงา ที่ อ.กะปง อ.ท้ายเหมือง อ.ตะกั่วป่า
    8. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ อ.บ้านตาขุน
    9. จ.ชุมพร
    10. จ.ภูเก็ต
    11. จ.กระบี่
    10.00 น. ปทุมธานี : น้ำท่วมถนน 3 สายของปทุมธานี ได้แก่ ถนนปทุมธานี-เสนา ในเขต อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เสียช่องการจราจรไป 2 ช่องทาง / ถนนปทุมธานี สายใน ต.บางหลวง อ.เมืองปทุมธานี เสียช่องการจราจรไป 1 ช่องทาง / ถนนสายซ่อมสร้าง ต.บางพูน อ.เมือง น้ำท่วมหลายจุดเป็นระยะทางกว่า 2 กม.
    09.10 น. ลำปาง : น้ำป่าทะลักจากดอยพระบาท ทำอ่างเก็บน้ำพัง น้ำไหลหลากเข้าท่วม ต.กล้วยแพะ ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง อย่างรวดเร็ว ส่วนถนนสายเอเชีย ลำปาง-กรุงเทพมหานคร บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 639-641 ถูกน้ำท่วมสูง แนะเลี่ยงไปใช้ถนนสาย อ.วังชิ้น จ.แพร่ แทน
    09.02 น. ตาก : เขื่อนภูมิพล ปริมาณน้ำล้นเขื่อน ต้องผันน้ำ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อวัน
    09.00 น. อุทัยธานี : อุทัยธานียังวิกฤติ ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ได้รับผลกระทบทั้งจากแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำสะแกกรัง ซึ่งมีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้ว 5 อำเภอ 37 ตำบล และเทศบาลเมืองอุทัยธานี ถูกน้ำท่วมสูง กว่า 3 เมตร
    08.40 น. ปทุมธานี : น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วม ถนนปทุมธานี-เสนา ต้องปิดการจราจร 2 ช่องทาง
    08.30 น. ลพบุรี : ระดับน้ำยังท่วมสูงต่อเนื่อง และขยายวงกว้างออกไปเกือบเต็มพื้นที่ของจังหวัดลพบุรี
    ประกาศเตือนภัย พายุนาลแก ฉบับที่ 6 ลงวันที่ 05 ตุลาคม 2554
    เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (5 ต.ค.) พายุโซนร้อน “นาลแก” บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 200 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 18.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในวันนี้ และจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป
    อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย


    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ภาคตอ.-กลาง- อีสาน- ใต้ ฝนตก 70-90 % ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ( 6 ต.ค. )

    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดบึงกาฬ อุดรธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ตอุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เตือนภัยพายุ“นาลแก” </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>พายุ“นาลแก” บริเวณอ่าวตังเกี๋ย อ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดขึ้นฝั่งเวียดนามวันนี้

    เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (5 ต.ค.) พายุโซนร้อน “นาลแก” บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 200 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 18.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในวันนี้ และจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป

    อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก

    ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

    ประกาศ ณ วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ออกประกาศ เวลา 05.30 น. สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>วิกฤตน้ำท่วมทั่ว "เอเชีย"น่าห่วงสมิทธิชี้ไทยต้องเร่งบูรณาการหน่วยงานน้ำ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชีย

    เมื่อพิจารณาตัวเลขความเสียหาย ความสูญเสียต่างๆ น่าเป็นห่วงว่าสถานการณ์นี้จะบานปลายและซ้ำรอยกันในปีหน้าหากไม่มีการวางแผนบริหาร "น้ำ" ในระยะยาว โดยเฉพาะปริมาณน้ำที่มาจากพายุ "ประชาชาติธุรกิจออนไลน์" ได้รวบรวมสถานการณ์น้ำท่วมประเทศไทยและประเทศรอบบ้านมีข้อมูลที่น่าสนใจมาพิจารณากันในระยะยาว


    @เขมร-ไทย-ฟิลิปปินส์-จีน-ปากีฯ-อินเดีย "น้ำท่วม" อ่วม


    กัมพูชา ขณะนี้ประสบภาวะน้ำท่วมเช่นเดียวกัน และถือเป็นน้ำท่วมรุนแรงในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์พายุและน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. จนถึงปัจจุบัน 150 ราย พื้นที่เกษตรกรรมเสียหาย 494,000 เอเคอร์ หรือ 1.2 ล้านไร่


    ขณะที่ฟิลิปปินส์ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 60 ราย มูลค่าความเสียหายราว 9,000 ล้านเปโซ หรือราว 6.3 พันล้านบาท


    ส่วนประเทศจีนประสบปัญหาน้ำท่วมจากพายุตั้งแต่กลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบ 3 มณฑลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน คือ เสฉวน เหอหนาน ฉานซี ที่มีประชาชนได้รับผลกระทับรวมกัน 12 ล้านคน โดยเฉพาะที่มณฑลเสฉวนประสบปัญหาน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 164 ปี มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 9 แสนคน และฉานซีที่น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 50 ปี มีประชาชนเดือดร้อน 2 ล้านคน


    ด้านอินเดีย ที่รัฐโอริสสา ฝั่งตะวันออกของประเทศติดกับอ่าวเบงกอลประสบภาวะน้ำท่วม 2 ระลอก มีผู้เสียชีวิต 80 ราย ผู้เดือดร้อน 2.3 แสนคน เป็นน้ำท่วมที่รุนแรงในรอบ 29 ปี พื้นที่เพาะปลูกได้รับผลกระทบ 5 แสนไร่

    ส่วนปากีสถานที่ปีที่แล้วถูกน้ำท่วมหนักมาหนนึง ปีนี้ที่แคว้นสินธุ์ประสบปัญหาน้ำท่วมมีประชาชนเดือดร้อน 5.4 ล้านคน รัฐบาลปากีสถานต้องประสานให้นานาชาติเข้าให้การช่วยเหลือ โดยสหประชาติ (ยูเอ็น) กลุ่มเอนจีโอ มีการขอรับบริจาคเงินราว 1 หมื่นล้านบาทเพื่อช่วยเหลือ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>สำหรับประเทศไทยสถานการณ์ล่าสุด ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)

    รายงานจังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วม 25 จังหวัด คือ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี เชียงใหม่ ยโสธร และร้อยเอ็ด ประชาชนเดือดร้อน 2,247,128 คน และมีผู้เสียชีวิต 224 ราย โดยพื้นที่เกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 7,528,805 ไร่ พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 107,732 บ่อ


    ขณะที่มีเส้นทางหลวงที่ไม่สามารถสัญจรได้ 47 สาย ใน 12 จังหวัด ทางหลวงชนบทที่ถูกตัดขาด 121 สาย ใน 20 จังหวัด โดยกรมชลประทานคาดหมายสถานการณ์น้ำว่าหลายลุ่มน้ำยังมีน้ำล้นตลิ่ง

    @เสนอบูรณาการหน่วยงานน้ำทั้งประเทศวางแผนระยะยาว

    ทั้งหมดนี้คือสถานการณ์โดยรวมของน้ำท่วมในประเทศไทยและหลายประเทศในเอเชียอย่างพร้อมๆไล่เรียงกัน อย่างไรก็ตามมีแนวคิดข้อเสนอจาก ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และอดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจออนไลน์" ถึงแนวคิดการบริหารจัดการ "น้ำ" ว่า สถานการณ์น้ำท่วมหนักในปีนี้รัฐบาลจะต้องเร่งพิจารณาเพื่อวางแผนระยะยาวในปีหน้า เพราะจะมีเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำซากได้อีก แนวทางที่ควรดำเนินการคือการ "บูรณาการ" ทุกหน่วยงานน้ำที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีกว่า 20 หน่วยงานให้สามารถทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่กรมอุตุนิยมฯ กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน หน่วยงานเตือนภัย หน่วยงานป้องกัน เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งหมดต้องประชุมร่วมกัน และศึกษาผ่านข้อมูลที่สามารถวางแผนระยะยาว อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีความพยายามผลักดันแนวคิด "คณะกรรมการน้ำแห่งชาติ" ซึ่งหากไม่ดำเนินการก็ควรเร่งวางแผนการทำงานบูรณาการหน่วยงานน้ำทั้งหมดให้มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเช่นปัจจุบันที่สถานการณ์ต่างคนต่างทำ


    ทั้งนี้เสนอว่าทุกหน่วยงานต้องมาประชุมศึกษาหาข้อมูล โดยนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัดว่าฤดูฝนที่จะถึง (ปีหน้า) มีปริมาณน้ำที่ฝนที่จะตกเท่าไหร่

    มีพายุมากน้อยกี่ลูก พายุเข้าต้นฤดูฝน ช่วงกลาง หรือท้ายฤดู ต้องมีข้อมูลนี้อย่างแน่ชัดก่อน ถ้าเรารู้ข้อมูลนี้แน่ชัดเราสามารถวางแผนรับมือได้ เช่นถ้าพายุเข้าต้นฤดูฝน ก็จะมีการคำนวณน้ำในเขื่อนว่าจะเก็บน้ำไว้เท่าไหร่ เพื่อให้ช่วงปลายฤดูฝนบริหารจัดการน้ำในเขื่อนได้ไม่เช่นนั้น ถ้าพายุเข้า น้ำมามากในช่วงฤดูฝน แต่ช่วงปลายฤดูน้ำมาซ้ำก็จะส่งผลน้ำท่วม เพราะไม่ได้บริหารจัดการน้ำในเขื่อนให้มีที่ว่างเก็บ ไม่ต้องปล่อยให้ล้นเขื่อนและไหลออกมาภาคกลางตอนล่าง"อดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งช่าวกล่าว


    ดร.สมิทธ กล่าวว่า ในต่างประเทศใช้วิธีการวางแผนระยะยาวเช่นนี้ได้ผล โดยคำนวณทางวิทยาศาสตร์วางแผนสถานการณ์น้ำฝนล่วงหน้าทั้งหมดว่าพายุจะมากี่ลูก และไปในทิศทางใด ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนที่จะมามีเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อมีการคำนวณจากการพยากรณ์ล่วงหน้าได้ก็จะมาบริหารน้ำในเขื่อนช่วงต้น กลาง ปลายฤดูฝนทั้งหมดจะช่วยลดการสูญเสียได้มาก

    "ต่างประเทศมีการบูรณาการหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องโดยนำข้อมูลการพยากรณ์อากาศระยะไกล ซึ่งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ใช้วิธีนี้ และมีข้อมูลพร้อมที่จะสามารถพยากรณ์การเกิดพายุในมหาสมุทรแปซิฟิค ซึ่งประเทศเหล่านี้สามารถคำนวณรู้ว่ากี่เดือนจะมา ไปกี่ทิศทางขึ้นเหนือลงใต้ไปประเทศใดบ้าง เค้ารู้ล่วงหน้า การผิดพลาดน้อยมาก ถ้าประเทศไทยขอความร่วมมือ ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยามีเครื่องมือพยากรณ์ล่วงหน้าระยะ 3-7 วัน ทั้งหมดนี้เมื่อนำมาเชื่อมโยงจะทำให้ประเทศไทยประเมินสถานการณ์น้ำฝนที่จะมากับพายุได้เช่นกัน และใช้ข้อมูลนี้มาบริหารน้ำเพื่อลดความสูญเสีย"ดร.สมิทธกล่าว


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>อดีตผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังน่าห่วงว่ายังมีพายุที่อาจะเข้าประเทศไทยระหว่างนี้ถึงต้นเดือนธ.ค. อาจไม่เข้าในภาคกลาง

    แต่จะลงในภาคใต้เป็นพายุดีเปรสชั่นเข้าภาคใต้ฝั่งตะวันออกของประเทศเหมือนช่วงพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งวางแผนรับมือระยะยาว โดยสถานการณ์ขณะนี้การสร้างเขื่อนจะไม่เกิดประโยชน์และไม่สามารถทำได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการทำแก้มลิงในพื้นที่ต่างๆ


    "แผนระยะยาวคือหาแหล่งเก็บกักน้ำ การสร้างเขื่อนเลิกพูดได้ เราควรทำสิบปีที่แล้ว ทำตอนนี้ไม่ได้แล้วหมู่บ้านน้ำจะท่วมมากทำให้เขาเดือดร้อนไม่ได้แล้ว เราทำแหล่งกักเก็บน้ำเป็นแก้มลิงสามารถทำได้ตามภาคต่างๆ อาทิ บึงบอระเพ็ด สามารถปรับเป็นแก้มลิงอย่างดีตามธรรมชาติ มีปริมาณกว้างของบึงหลายแสนตารางกิโลเมตร โดยขุดลอกดินบึงบอระเพ็ดให้ลึก 1-2 เมตร สามารถเก็บน้ำได้ล้านลูกบาศก์เมตร ถ้ามีฝนตกหนักช่วงกลางหรือปลายฤดูฝน น้ำก็จะไม่ท่วมกทม. และเก็บน้ำไว้ใช้ฤดูแล้งได้ ซึ่งน้ำในบึงบอระเพ็ดสามารถใช้ทำนาปรัง เพาะปลูก ไล่น้ำเค็ม กรณีตัวอย่างนี้รัฐบาลต้องวางแผนทำงานระยะยาว ไม่เช่นนั้นปัญหาน้ำท่วมจะเยียวยาไม่จบสิ้น"เขากล่าวสรุป


    นี่คือสถานการณ์พิษน้ำท่วมทั่วเอเชียล่าสุด และมุมมองจากนักวิชาการที่หวังเห็นแผนจัดการน้ำระยะยาวที่ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ยังไม่ขยับให้เห็นภาพชัดเจน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ท่วมถนน 3 สาย ในปทุมธานี </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>น้ำเจ้าพระยาเอ่อกลางดึก ทะลักท่วมถนน 3 สาย ของปทุมธานี เสียช่องการจราจรบางส่วน

    เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 4 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เอ่อสูงขึ้น ทำให้มีกระแสน้ำไหลเอ่อเข้าท่วมถนนปทุมธานี-เสนา ในเขตอ.สามโคก และอ.เมือง จ.ปทุมธานี โดยระดับน้ำได้เอ่อเข้าท่วมพื้นถนน หน้าทางเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง ขาเข้าจ.ปทุมธานี จนเสียช่องการจราจรไป 2 ช่องทาง เจ้าหน้าที่เทศบาลบางเตย และเจ้าหน้าที่อบจ. ต้องนำสิ่งกีดขวางมาวางไว้เพื่อให้ผู้ที่ขับรถยนต์ผ่านบริเวณดังกล่าวได้ใช้ความระมัดระวัง

    ส่วนบริเวณถนนปทุมธานี – เสนา ต.บางเตย อ.สามโคก ระดับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10-15 ซม. และยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำเข้าท่วมบนผิวการจราจรบนถนนปทุมธานี – เสนา โดยเฉพาะบริเวณปากทางเข้าตลาดบางเตย และสถานีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเอ่อออกมาตามเส้นทางเข้าตลาดจนถึงด้านหน้าถนนปทุมธานี-เสนา เส้นทางฝั่งขาเข้าปทุมธานี รถยนต์สามารถสัญจรไปได้เพียงเลนเดียว ซึ่งในช่วงเช้าถ้าระดับน้ำยังคงขึ้นไม่หยุด คงต้องประสานงานกับทางกรมทางหลวงเพื่อปิดช่องการจราจรบางส่วนเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถให้ถนน

    ทางด้านถนนปทุมธานี สายใน ในเขตพื้นที่ หมู่ 4 ต.บางหลวง อ.เมืองปทุมธานี เป็นถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ระยะทางกว่า 5 กม. ก็ถูกน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วม จนเสียช่องการจราจรไป 1 ช่องทางเช่นกัน ผู้ใช้รถใช้ถนน ในเส้นทางดังกล่าวต้องใช้ความระมัดระวังเนื่องจากไม่มีป้ายสัญญาณเตือน

    นอกจากนี้ ยังพบว่าถนนสายซ่อมสร้าง เส้นทางลัดจากรังสิต-ติวานนท์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ในเขตพื้นที่ ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม

    ต้องปิดการจราจรไป 1 ช่องทาง รถยนต์ต้องใช้อีก 1 ช่องทางวิ่งสวนทางกัน และน้ำเริ่มล้นจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ บริเวณฝั่งตรงข้ามศูนย์ซ่อมสร้าง ระดับน้ำปริ่มถนน เจ้าหน้าที่และแม่บ้านของศูนย์ซ่อมสร้างรถยนต์ทหาร จำนวนกว่า 50 นาย ได้ออกมาช่วยกันนำกระสอบทรายมาวางเป็นแนวกั้นน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมถนนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ถูกน้ำท่วมหลายจุดเป็นระยะทางกว่า 2 กม.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. patratyon

    patratyon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    10,434
    ค่าพลัง:
    +6,293
    สยอง!! หมอผ่าเอาพยาธิ 300 ตัว ออกจากท้องเด็ก

    [​IMG]

    สำนักข่าวของเวียดนามรายงานข่าวสุดสยอง เมื่อเด็กชายอายุ 3 ขวบ เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง พ่อและแม่ของเด็กจึงได้พามาที่โรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์

    ซึ่งเมื่อถึงโรงพยาบาล แพทย์ต้องนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน หลังพบว่าอาการปวดท้องดังกล่าวเกิดจากมีพยาธิจำนวนมากอยู่ภายใน โดยแพทย์ได้ทำการผ่าเอาพยาธิกว่า 300 ตัว ซึ่งมีน้ำหนักรวมประมาณครึ่งกิโลกรัม ออกจากท้องเด็กชายคนดังกล่าว แต่รายงานไม่ได้ระบุถึงสาเหตุของโรคว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

    Mthai News
     
  7. patratyon

    patratyon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    10,434
    ค่าพลัง:
    +6,293
    เผยชีวิตแฮปปี้หลังผ่าตัด เด็กอินเดียถูกเพื่อนล้อเป็นปีศาจ มีแขนขา 8 ข้าง

    [​IMG]

    เผยชีวิตแฮปปี้หลังผ่าตัด เด็กอินเดียถูกเพื่อนล้อเป็นปีศาจ มีแขนขา 8 ข้าง

    Mthainews: สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เด็กชายดีพัค พาสวาน วัย 8 ขวบชาวเมืองบูซาร์ ทางตะวันออกของอินเดีย โชว์ร่างกายที่เหมือนคนปกติทั่วไป ด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข หลังจากที่เมื่อปีทีผ่านมา ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลบังกาลอร์ ทำการผ่าตัดแขนและขาของฝาแฝดที่เติบโตผิดปกติจนติดอยู่ที่บริเวณหน้าท้อง เป็นส่วนเกินและสร้างปมด้อยให้กับเขา

    [​IMG]

    แขนขาของฝาแฝดที่โตผิดปกติ ติดกับร่างของดีพัคจนเป็นปมด้อย

    [​IMG]

    [​IMG]

    โดยเด็กชายดีพัค หลังจากรับการผ่าตัด ก็แสดงออกถึงความดีใจ ที่แต่ก่อนต้องคอยปกปิดความผิดปกติในร่างกาย และเพื่อนๆต่างล้อว่า ตนเองเป็นปีศาจกลับชาติมาเกิด บ้างก็ว่าเป็นมนุษย์ปลาหมึก แต่ปัจจุบันสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้เหมือนคนทั่วไปแล้ว

    [​IMG]

    “ผมสามารถวิ่งได้เร็วกว่าพี่ชายอีกสองคน ผมรู้สึกสนุกกว่าแต่ก่อน และมีความสุขมากที่ร่างกายเหมือนคนปกติ สุขภาพแข็งแรง ” เขากล่าว
     
  8. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    รัฐบวมหลายประเทศชอบหมกเม็ดไม่บอกความจริงกับประชาชน เพราะ กลัวเสียหน้าว่าทำงานไม่ได้เรื่อง สมมติว่าเหตุการณ์จริงวิกฤติระดับ 9 จะบอกแค่ 4 ซึ่งอ้างว่า เพื่อขวัญและกำลังใจของประชาชน

    แต่อย่างนี้แหละ เวลามีอะไรตูมตามมา ชาวบ้านไม่ทันระวันตัว ก็....กันเป็นเบือ

    ส่วนคนใหญ่คนโตน่ะหรือ โน่น ขี่ ฮ. ด้นเมฆไปแล้ว แถมมองจากข้างบนลงมา เห็นชาวบ้านกระสือกกระสนหนีภัยกันเหมือนมดปลวก
     
  9. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width=227 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>โชว์ยึดน้ำมันเตาเถื่อน5หมื่นลิตร
    สรรพสามิต โชว์ยึดน้ำมันเตาเถื่อน 5 หมื่นลิตร มูลค่ากว่าล้านบาท พุ่งเป้าปราบสินค้าทำลายสุขภาพ-สิ่งแวดล้อม และเลี่ยงภาษี
    เมื่อวันที่ 5 ต.ค. นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตยึดน้ำมันเตาเถื่อน 50,000 ลิตร มูลค่า 1.031 ล้านบาท ค่าปรับ 515,880 บาท รวมมูลค่าของกลางและค่าปรับทั้งสิ้น 1.547 ล้านบาท จากบริเวณท่าเทียบเรือร้าง ช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. ซึ่งเป็นน้ำมันที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น จึงเชื่อว่าจะลักลอบไปขายให้โรงงานอุตสาหกรรมในบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าจะมีการขนน้ำมันเตาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสรรพสามิต จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจสำนักตรวจสอบ ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวและพบผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลาง จึงเข้าตรวจสอบ ไม่พบหลักฐานการชำระภาษีสรรพสามิต

    สอบสวนเบื้องต้นสารภาพว่า ซื้อน้ำมันเตามาจากเรือบรรทุกสินค้าต่างประเทศ บริเวณปากอ่าวแม่น้ำเจ้าพระยา จ.สมุทรปราการ จึงตรวจยึดของกลางและเปรียบเทียบปรับ 515,880 บาท ทั้งนี้ หากนำน้ำมันเตาดังกล่าวไปจำหน่ายในท้องตลาดจะมีมูลค่า 1.031 ล้านบาท รวมของกลางและค่าปรับทั้งสิ้น 1.547 ล้านบาท

    นางเบญจา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ 54 ที่ผ่านมานี้ กรมสรรพสามิต ได้ปราบปรามผู้กระทำผิดทั้งสิ้นได้กว่า 42,484 คดี รวมเป็นเงินค่าปรับทั้งสิ้น 516 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเถื่อนเป็นหลัก อย่างไรก็ดีในปีงบประมาณ 54 นี้ จะบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสกัดกั้นสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต โดยเน้นไปที่สินค้าที่ทำลายสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และสังคม

    นอกจากนี้ยังจะกวดขันดูแลสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษี รวมถึงการดำเนินการเชิงรุกในเพื่อป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต เช่น น้ำมันเถื่อน สุราเถื่อน และบุหรี่เถื่อน เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ที่เสียภาษีโดยสุจริตและจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบ ให้เข้ามาสู่ระบบภาษี รวมถึงคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภค โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามแหล่งสถานบริการ แหล่งชุมชน และพื้นที่เป้าหมายอื่น ๆ ซึ่งคาดว่าอาจกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง.



    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width=227 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>ผอ.ไอเออีเอเยือนไทยอย่างเป็นทางการพร้อมให้ความร่วมมือพัฒนาด้านนิวเคลียร์
    กระทรวงการต่างประเทศ 5 ต.ค.- นายยูกิยะ อามาโนะ ผู้อำนวยการใหญ่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) แถลงผลการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่า ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศหุ้นส่วนที่สำคัญ และที่ผ่านมาได้ใช้ในทางสันติภาพเท่านั้น ไอเออีเอพร้อมสนับสนุนไทยในทุกด้านที่จะพัฒนาการใช้ปรมาณู ซึ่งพลังงานดังกล่าวไม่ได้มีแค่ใช้ในเรื่องการผลิตไฟฟ้าเท่านั้น ยังสามารถพัฒนาใช้ในด้านสาธารณสุข การเกษตรและโภชนาการ ร่วมทั้งการบริหารจัดการน้ำ

    ผอ.ไอเออีเอ กล่าวว่า การเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ถือว่าได้รับความร่วมมืออย่างดี โดยได้เข้าพบบุคคลสำคัญทั้ง นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งทั้งหมดมีส่วนในการตัดสินใจและเกี่ยวข้องกับเรื่องปรมาณู

    ด้าน นายชัยวัฒน์ ต่อสกุลแก้ว เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีโครงการดำเนินการร่วมกับไอเออีเอ สำเร็จแล้วกว่า 100 โครงการ ซึ่งไทยตระหนักถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยในปี 2555 ไอเออีเอจะส่งคณะผู้เชี่ยวชาญมาเยือนไทยเพื่อประเมินความต้องการและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องให้กับไทย ในการประยุกต์นำเทคนิคนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ศึกษาปรากฏการณ์โคลนถล่ม โดยการตรวจสอบอายุและรูปแบบการเคลื่อนที่ของดินโคลน เพื่อหาวิธีป้องกันและบรรเทาเหตุการณ์

    อย่างไรก็ตาม การตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ไม่ใช่ภารกิจของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ขึ้นอยู่กับกระทรวงพลังงาน สำนักงานมีเพียงหน้าที่กำกับดูแลหากมีการสร้างขึ้น และพัฒนาบุคลากรมาดูแล ซึ่งทราบว่าเรื่องการตั้งโรงไฟฟ้าอยู่ในระหว่างดำเนินการด้านกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งระยะเวลาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แต่ละโรงต้องใช้เวลา 10 ปี จึงจะแล้วเสร็จ.- สำนักข่าวไทย
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยุทธศาสตร์การทําสงครามกับจีนของอเมริกา

    [​IMG]

    องค์การนาซ่าของสหรัฐฯ ได้นำเสนอผลการศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของจักรวาล ๒ เรื่องคือ เหตุการณ์ดาวพฤหัสบดีถูกชน โดยขบวนดาวหางชูเมกเกอร์-เลวี ๙ ได้ถูกพยากรณ์ล่วงหน้าไว้เป็นเวลากว่าปีเศษทีเดียว โดยคณะนักดาราศาสตร์สามคน คือ "ยูจี ชูเมกเกอร์" (Eugene Shoemaker) ,"คาโรลีน ชูเมกเกอร์" (Carolyn Shoemaker) ภรรยาของยูชาลี และ "เดวิด เลวี" (David Levy) จากการค้นพบของคณะนักล่าดาวหางผู้ประสบความสำเร็จในการตามล่าดาวหางมาอย่างดี ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๙๓ โดยกล้องโทรทรรศน์ขนาด ๑๘ นิ้ว ที่หอดูดาวพาโลมาร์ และก็เป็นผลงานการค้นพบดาวหางร่วมกันของสองสามีภรรยาชูเมกเกอร์กับเดวิด เลวี เป็นดวงที่ ๙

    ขบวนดาวหางชูเมกเกอร์-เลวี ๙ เคลื่อนที่เข้าชนดาวพฤหัสบดีด้วยความเร็วกว่า ๑๓๐,๐๐๐ ไมล์ต่อชั่วโมง (๒๐๘,๐๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ผลจากการชนรุนแรงยิ่งกว่าอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดที่มีอยู่บนโลก มีผลทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนบนดาวพฤหัสฯ และแรงสั่นสะเทือนอันนั้น สะท้อนไปกระทบดวงดาวต่างๆ ในระบบสุริยะจักรวาล รวมทั้งกระทบต่อธรรมชาติของโลกด้วย ในส่วนของโลกมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้น เช่น แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง เกิดปรากฏการณ์เอลนีโน ลานีน่า เป็นต้น เกิดการเปลี่ยนแปลงสนามขั้วแม่เหล็กโลกอย่างรุนแรง จะส่งผลกระทบต่อพื้นผิวบนโลกอีกขนานใหญ่

    เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ จากการศึกษาอย่างขมักเขม้น ทำให้ทราบว่า พื้นที่เพาะปลูกหลายพื้นที่ถูกทำลายลง ทำให้การผลิตอาหารเลี้ยงพลโลกลดลง พื้นที่ที่เหลือจะประกอบไปด้วยประเทศน้ำเงินบางส่วน พื้นที่ในอาเซียนบางส่วน รวมทั้งพื้นที่ตอนใต้ของชิลี จากผลการศึกษายังมีรายงานต่อไปว่า ด้วยเหตุอันนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ความมั่นคั่งบนพื้นโลก และมีผลทำให้เปลี่ยนแปลงการเป็นมหาอำนาจของโลกด้วย ชิลีจะได้รับอานิสงอันนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งผลจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในอีกไม่ช้าไม่นานในอนาคตนี้

    การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นจากปรากฎการณ์ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ด้านความมั่นคงของโลกหลายประการ ซึ่งจะกล่าวพอสังเขป ดังต่อไปนี้

    ๑. เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ เช่น ทำให้ฤดูกาลในแต่ละพื้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติขึ้น เช่น พายุ Katrina ในประเทศยูนิฟอร์มและกรณีอื่น ๆ อีกในหลายพื้นที่ ผลกระทบประการหนึ่งคือ พื้นที่ผลิตอาหารบนผิวโลกถูกทำลาย ทำให้เกิดการแย่งชิงพื้นที่เพาะปลูกที่ยังเหลือบนพื้นโลก

    อันจะนำไปสู่การยึดกุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ ทางด้านการผลิตอาหารของโลก และจะสามารถใช้อาหารที่มีจำกัด เป็นอาวุธในการต่อสู้ในเวทีโลกที่เรียกว่า “โภชนาวุธ”

    พื้นที่ที่มีการคาดการณ์ไว้ว่า จะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของ เอล นีโน่ น้อยที่สุด และยังคงเป็นพื้นที่ที่สามารถผลิตอาหารได้เป็นปกติคือ พื้นที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศ และพื้นที่ตอนใต้ของชิลี พื้นที่เหล่านี้จะกลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีการแย่งชิงในอนาคต พื้นที่อื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากปรากฏการณ์ เอล นีโน่ ที่จะค่อย ๆ ถูกทำลายไปเรื่อย ๆ เช่น พายุ เฮอริเคนในประเทศยูนิฟอร์ม ที่นับวันจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ แผ่นดินถล่มที่ตุรกีและอิหร่าน แผ่นดินไหวที่ปากีสถาน เป็นต้น

    ๒. เกิดการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ยังผลทำให้เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม พื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือบริเวณที่มีรอยแยกเดิมของเปลือกโลกอยู่แล้ว เช่น พื้นที่ทางยุโรปตะวันออก ในประเทศสหรัฐฯ พื้นที่ทางตะวันตกของทวีเอเชีย จะเกิดภัยพิบัติบ่อยครั้งขึ้น ทำให้แหล่งทรัพยากรของโลกเปลี่ยนแปลงไป

    ทำให้ประเทศมหาอำนาจ มุ่งยึดครองพื้นที่ที่มีความมั่งคั่งของโลก เช่น แหล่งผลิตน้ำมันดิบ ที่สำรวจพบใหม่ในเวียดนาม ในกัมพูชา และ แหล่งผลิตอาหาร เป็นต้น

    ๓. เกิดการระบาดของเชื้อโรคชนิดใหม่ เช่น โรคซาร์ซ โรคไข้หวัดนก เป็นต้น เชื้อโรคดังกล่าวจะมีทั้งเชื้อโรคที่เกิดขึ้น จากการวิจัยพัฒนาของมนุษย์แล้ว ได้มีการพัฒนาการต่อไปเอง ในสภาวะแวดล้อมที่มีความเหมาะสม และเชื้อโรคที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ จากเอกสารวิจัยหลายฉบับ เช่น Emerging Viruses - AIDS and Ebola: Dr. Leonard Horowitz, Emerging Viruses: AIDS & Ebola—Nature, Accident or Intentional? SARS (Severe Acute Respiratory Syndrome):A Great Global SCAM รวมทั้งนักศึกษาวิชาการทางทหารในสายอดีตสหภาพโซเวียต ให้ข้อมูลตรงกันว่า

    ประเทศมหาอำนาจมีแหล่งวิจัยและผลิตเชื้อโรคต่าง ๆ มากมายหลายชนิดที่เตรียมไว้เพื่อทำสงครามชีวะ และแต่ละประเทศ ก็ยังคงมีการพัฒนาเชื้อโรคต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมการที่จะใช้ทำสงครามในยุคสมัยที่เหมาะสมต่อไป

    ๔. เกิดสภาวะโลกร้อน เมื่ออุณหภูมิของโลกสูงขึ้นผลกระทบอื่น ๆ ก็ตามมาเช่นช่วยเสริมให้ปรากฏการณ์ เอล นีโน่ ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ถ้าไม่มีการจำกัดหรือลดการทำลายความสมดุลธรรมชาติของโลก ปรากฏการณ์เรือนกระจก ก็จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อสภาพแวดล้อมของโลก และถูกพัฒนาเป็นภัยคุกคามทางธรรมชาติของมนุษยชาติอย่างร้ายแรง เช่น เกิดภัยแล้ง เกิดฝนตกหนัก เกิดลมพายุที่รุนแรงขึ้น สร้างความเสียหายให้กับพืชผลและทรัพย์สิน รวมทั้งชีวิตมนุษย์ ดังที่ปรากฏให้เห็นเป็นระยะ ๆ

    บทความโดยคุณ SpecialForce on Sat Jan 09, 2010 5:30 pm

    ที่มา ยุทธศาสตร์การทําสงครามกับจีนของอเมริกา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1209451816.JPG
      1209451816.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83 KB
      เปิดดู:
      1,694
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2011
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932

    *** กรรมปรากฏชัดขึ้น ****

    ขอเตือนเรื่องพิธีกรรมนอกศาสนามากมาย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. zare2021

    zare2021 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +381
    [​IMG]
    ดาวบีเทลจุส (Betelgeuse)

    [​IMG]


    ภาพที่คนบนโลกจะได้เห็น หากดาวบีเทลจุสระเบิด

    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก softpedia-static.com


    เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมล์ ของอังกฤษ รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์เผยโลกอาจจะเกิดปรากฎการณ์พระอาทิตย์สองดวงขึ้นในเร็ว ๆ นี้ หลังจากมีการตรวจสอบพบว่า ดาวบีเทลจุสกำลังจะระเบิด ซึ่งทำให้ชาวโลกได้เห็นแสงของมันสว่างเท่ากับดวงอาทิตย์ กินเวลานานประมาณ 1-2 สัปดาห์โดย แบรด คาร์เตอร์ อาจารย์ฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น ควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมาว่า ดาวบีเทลจุส (Betelgeuse) ดาวซูเปอร์ยักษ์แดงนอกระบบสุริยะที่มีขนาดเทียบเท่ากับดวงอาทิตย์ 1.6 พันล้านดวง อยู่ห่างจากโลกไปกว่า 640 ปีแสง กำลังจะหมดอายุขัยและเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ หรือ "ซูเปอร์โนวา" ขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยการระเบิดของบีเทลจุสนี้ จะทำให้ชาวโลกได้เห็นแสงสว่างของมันใหญ่เท่ากับดวงอาทิตย์อยู่บนฟ้า และเปล่งแสงสว่างจ้าทั้งยามกลางวันและกลางคืน เป็นเวลายาวนานกว่า 1-2 สัปดาห์ ก่อนจะค่อย ๆ หรี่แสงและดับลงในที่สุด โดยกินเวลาอยู่อีกหลายเดือนกว่าจะดับลง แต่ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับโลก นอกจากการมองเห็นแสงสว่าง เป็นดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 เท่านั้น


    [​IMG]

    ภาพแสดงขนาดดาวบีเทลจุส (Betelgeuse) กับดวงอาทิตย์ (ลูกศรชี้)

    แบรด คาร์เตอร์ เปิดเผยอีกว่า การระเบิดครั้งใหญ่ของมันครั้งนี้ ถือว่าเป็นซูเปอร์โนวาครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่กำเนิดโลกมาเลยทีเดียว เพราะมันเป็นดาวยักษ์ใหญ่แดงที่มีขนาดใหญ่มาก และเปล่งแสงมากกว่าดวงอาทิตย์กว่าแสนเท่า ดังนั้น เมื่อมีการระเบิดอย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้แสงสว่างจากการระเบิดของมันเปล่งไปถึงระบบสุริยะอื่นที่อยู่ห่างออกไปเป็นพันปีแสงได้อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ได้มีการคาดคะเนจากนักวิทยาศาสตร์หลายท่าน เกี่ยวกับการเกิดซูเปอร์โนวาของดาวบีเทลจุสนี้ แต่ไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าซูเปอร์โนวาครั้งใหญ่ที่สุดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด อาจในเร็ว ๆ นี้ หรือคลาดเคลื่อนไปจากการคาดคะเนกว่าพันปี ล้านปี ไม่มีใครรู้ แต่จากการสังเกตจากนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ พบว่า จากภาพที่เห็นบนโลกในขณะนี้ ดาวบีเทลจุสใกล้จะสิ้นอายุขัยเต็มที และอาจเป็นไปได้ว่า ดาวบีเทลจุสอาจจะระเบิดไปหลายร้อยปีแล้ว แต่แสงที่เกิดจากการระเบิดนั้นยังไม่เดินทางมายังโลกเท่านั้น และหากมันระเบิดขึ้นและแสงของมันเดินทางมาถึงโลกเมื่อไร ก็จะกลายเป็นปรากฎการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนอย่างแน่นอน
    ทั้งนี้ ดาวบีเทลจุส เป็นดาวซูเปอร์ยักษ์แดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในทุกค่ำคืน มีแสงสว่างเป็นลำดับที่ 9 บนฟ้า และเป็นดาวที่สว่างเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มดาวนายพราน เปล่งแสงสว่างไม่คงที่ในแต่ละปี โดยจะค่อย ๆ สว่างมากที่สุดและจางลงเรื่อย ๆ ก่อนกลับมาสว่างจ้าอีกครั้งทุก ๆ 5.8 ปี
    ส่วนอายุของดาวบีเทลจุสนั้น นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่ามันน่าจะมีอายุประมาณ 10 ล้านปีเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงอายุที่ใกล้จะถึงจุดจบของมันเต็มที เพราะโดยปกติแล้วดาวดวงใหญ่ ๆ นี้จะมีอายุขัยสั้นกว่าดาวดวงเล็ก ๆ มาก เนื่องจากเป็นดาวขนาดมหึมาที่มีมวลมาก สว่างมาก และมีอุณหภูมิสูงมาก จึงมีการใช้พลังงานมากกว่าและไฮโดรเจนภายในก็จะหมดไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อมันเกิดการระเบิด แรงระเบิดของมันจะขับไล่ดวงดาวและวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ให้กระเด็นออกไปด้วยความเร็วแสง เกิดคลื่นกระแทกระหว่างดาวอย่างรุนแรง ซึ่งการแพร่กระจายของคลื่นกระแทกจากการระเบิดนี้ สามารถทำให้เกิดดวงดาวน้อยใหญ่ดวงใหม่ ๆ ได้อีกมากมายเลยทีเดียว ขอบคุณข้อมูลจากเพื่อนเตือนภัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2011
  13. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เส้นตาย‘พระเกษม’ต้องสึกวันนี้ สั่งห้ามห่มผ้าเหลือง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เมื่อวันที่ 5 ต.ค. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)

    กล่าวถึงกรณีพระเกษม อาจิณณสีโล สำนักสงฆ์ป่าสามแยก บ้านห้วยยางทอง ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ที่ถูกคณะสงฆ์มีหนังสือสั่งให้สละสมณเพศ ฐานประพฤติปฏิบัติตนไม่ถูกต้องว่า การดำเนินการทางกฎหมายของคณะสงฆ์ถือเป็นที่สุด โดยได้กำหนดระยะเวลาไว้ ให้พระเกษมต้องสึกภายในวันที่ 5 ต.ค. ซึ่งถือว่าครบกำหนดแล้ว โดยสำนักพุทธฯ จะดูวันที่ 6 ต.ค.อีก 1 วันหากไม่ทำตามคำสั่งคณะสงฆ์ ก็จะต้องให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการกับพระเกษม เกี่ยวกับการแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์

    นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า กรณีที่พระเกษมจะดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายนั้น เป็นสิทธิที่พระเกษมจะทำได้

    ซึ่งก็ว่ากันไปตามเนื้อหา ส่วนสำนักพุทธฯ ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับพระเกษมไว้พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลจากคลิปยูทูป คำสั่งทางการปกครองคณะสงฆ์ ทางเราก็พร้อมรับมือกับการดำเนินการของพระเกษม อย่างไรก็ตาม หากพระเกษมไม่ยอมสึก ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ


    “เน้นย้ำว่า พระเกษมจะใส่เครื่องแต่งกายสีอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่จีวรผ้าเหลืองทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากคณะสงฆ์ไม่สังฆกรรมแล้ว หากทำตามคำสั่ง เลิกนุ่งเหลืองห่มเหลือง หลังจากนั้น ทางคณะสงฆ์ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับท่านอีก”

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>กทม.เร่งสูบน้ำกู้วิกฤติวิภาวดี </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ผู้ว่าฯ สุขุมพันธ์ สั่งการให้ใช้เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เร่งสูบน้ำ กู้วิกฤติวิภาวดีที่ต้องเป็นอัมพาต คาดรุ่งสางกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมเตือน 16-17 ต.ค. กทม.น่าเป็นห่วง


    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงเวลา 18.00 น. วันที่ 5 ต.ค. ได้มีพายุฝนพัดกระหน่ำเทลงมาทั่วกรุงเทพมหานคร ราวกับฟ้ารั่ว พร้อมกับมีฟ้าร้องและลมพัดกรรโชกแรงนานเกือบ 2 ชั่วโมง ส่งผลทำให้ถนนหลายสายในกรุงเทพมหานคร จมน้ำภายในพริบตาโดยระดับน้ำสูงเกือบเท่าหน้าแข้ง โดยเฉพาะถนนวิภาวดี-รังสิต ถนนรัชดา และย่านฝั่งธนฯ อีกทั้งยังทำให้การจราจรติดขัดเป็นอัมพาตไปทั้งแถบ


    นอกจากนี้ รถจยย.ยังดับต้องลงจากรถเข็นกันอีกเป็นจำนวนมาก หลังจากฝนได้ซาเม็ดลงไปราว 1 ชั่วโมง

    ปรากฏว่าพายุฝนได้เทลงมาอีกครั้ง เลยยิ่งทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นไปอีก และการจราจรที่ติดขัดอยู่แล้ว คราวนี้รถเลยต้องหยุดนิ่ง โดยเคลื่อนตัวไปได้ที่ละน้อย เนื่องจากถนนบางเลนโดนน้ำท่วมจนรถไม่สามารถจะวิ่งได้ ทำให้ถนนเหลือไม่กี่ช่องทาง


    ต่อมาเมื่อเวลา 01.45 น. วันที่ 6 ต.ค. ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.

    พร้อมนายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม. และคณะเดินทางมาตรวจดูปัญหาน้ำท่วมบนถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ซึ่งน้ำท่วมขังสูง 50 ซม. – 1 เมตร จนท่วมตลอดแนวหน้าบริษัทยาคูลท์ราว 500 เมตร ส่งผลให้การจราจรในฝั่งขาเข้าติดขัดต่อเนื่องหลายกม.ถึงห้างสรรพสินค้าเซียร์รังสิต รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ และจอดเสียระนาว โดยสำนักงานเดลินิวส์ได้เปิดให้ประชาชนนำรถเข้ามาจอดพักและนั่งพักผ่อนชั่วคราวบริเวณโรงอาหาร เพื่อรอให้ระดับน้ำลด พบว่ามีรถหลายสิบค้นเข้ามาจอด เพราะไม่อยากเสี่ยงไปดับเสียกลางถนน โดยเฉพาะที่มีลูกเล็กเด็กแดงมาด้วยต่างร้องไห้กันจ้าละวัน บางรายที่มีบุตรหลานเล็กก็ต้องนำลูกมานอนพักผ่อนในโรงอาหารเพื่อรอให้น้ำลดจนสามารถนำรถฝ่าไปได้ ทำให้บรรยากาศค่อนข้างทุลักทุเล แต่เมื่อพบผู้ว่ากทม.เดินทางเข้าเยี่มและชี้แจงสาเหตุที่น้ำท่วมพร้อมรับปากว่าจะเร่งดำเนินการระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด จึงทำให้ทุกฝ่ายคลายความวิตกกังวลลงไปได้


    ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ กล่าวว่า วันนี้ฝนตกในพื้นที่กรุงเทพด้านตะวันออกเป็นปริมาณสูงเกินกว่า 120 มิลลิเมตร เกินกว่าระบบระบายน้ำของกทม.จะรับได้

    โดยเฉพาะในเขตหลักสี่ พบว่าจุดที่มีปัญหาหนักสุดคือหน้าสำนักงานเดลินิวส์ เนื่องจากเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งอยู่ในสถานีหน้าบริษัทยาคูลท์ 3 เครื่องเสียไป 2 เครื่องเพราะกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ตนจึงเร่งสั่งการสำนักการระบายน้ำ นำเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่มาเสริมและเร่งสูบน้ำออก คาดว่าก่อนรุ่งสางวันนี้ จะสูบออกได้หมด รวมทั้งให้กองโรงงานเครื่องจักรกล นำรถกู้ภัยมาเคลื่อนย้ายรถและเร่งซ่อมรถที่มีปัญหา ทั้งนี้อีก 6 เดือน จะดำเนินการปรับปรุงสถานีสูบน้ำหน้าบริษัทยาคูลท์เพื่อเพิ่มกำลังสูบจากเครื่องละ 3 ล้านลบ.ม.ต่อวินาทีเป็น 6 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที

    และในปี55 เมื่อเปิดใช้อุโมงค์ยักษ์จากใต้สวนรถไฟระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยตรง จะช่วยระบายน้ำท่วมขังบนถนนวิภาวดี

    รวมทั้งในพื้นที่เขตหลักสี่และเขตจตุจักรได้รวดเร็วขึ้น ป้องกันและแก้ไขน้ำท่วมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพฯยังน่าเป็นห่วง ตนไม่เคยพูดว่าน้ำจะไม่ท่วมกรุงทพฯ แต่จะพยายามบริหารจัดการให้ดีที่สุด โดยเฉพาะวันที่ 16-17 ต.ค. ที่น้ำเหนือจะปล่อยมาอีกบวกกับช่วงน้ำทะเลหนุนพอดี และมีฝนตกมาซ้ำ 3 น้ำรวมกันกรุงเทพฯแย่แน่ ห่วงพื้นที่นอกคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบางจุด รวมทั้งบริเวณริมคลองต่างๆ และพื้นที่ด้านตะวันออก อาทิ มีนบุรี หนองจอกและคลองสามวา


    ด้านนายสัญญา กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณฝนรวมในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่ามีแล้วถึง 2,046 มิลลิเมตร เกินกว่าฝนเฉลี่ย 30 ปีที่มี 1,500 เมตร เหลืออีก 2 เดือนสิ้นปี คาดว่าตะตกอีกราว 300-500 มิลลิเมตร ถือว่า ฝนปีนี้ทุบสถิติในรอบ 30 ปี โดยเมื่อปี 2553 ฝนรวม 1,900 มิลลิเมตร

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากนานาประเทศ เตรียมร่วมมือออกสำรวจพื้นที่เคเมโรโว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของแคว้นไซบีเรีย เพื่อตามหา เยติ มนุษย์หิมะ หรือ สัตว์ประหลาดเเดนหิมะในตำนาน หลังมีการเล่าขานกันว่า พบในบริเวณนี้บ่อยครั้ง
    โดยการออกสำรวจดังกล่าว เป็นการร่วมมือกันของ นักวิทยาศาสตร์จากประเทศรัสเซีย, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, สวีเดน, เอสโตเนีย, มองโกเลีย และจีน ซึ่งจากบันทึกพบว่าในช่วงหลังนี้ มีการบอกเล่าว่าพบเจอเยติเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 20 ปีที่แล้วถึง 3 เท่า และยังมีการพบหลักฐานหลายๆ อย่าง เช่น รอยเท้าที่เชื่อว่าเป็นของเยติขนาด 35 เซนติเมตร กระท่อมที่สร้างจากกิ่งไม้ซึงคาดว่าเป็นที่พักอาศัย
    [​IMG]
    ภาพ : รอยที่เชื่อกันว่าเป็นรอยเท้าของ เยติ
    ทั้งนี้ หัวหน้าศูนย์วิจัยมนุษยวิทยานานาชาติ ประจำกรุงมอสโก เปิดเผยว่า เขาเชื่อว่า เยติ อาจจะเป็นมนุษย์ยุคหินหรือโฮโมเนแอนเดอร์ธัล ซึ่งเหลือรอดจากการทำลายล้างเผ่าพันธุ์โดยมนุษย์ยุคแรกสุดหรือพวกโฮโมซาเปียน และใช้ชีวิตอยู่ตามป่าเขา จนกลายมาเป็นเยติก็เป็นได้
    Mthai News

    …………………………………………………………………..
    [​IMG]
    ภาพถ่ายในระยะไกลของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นเยติในปี ค.ศ. 1986
    เยติ หรือ มนุษย์หิมะ (อังกฤษ: Yeti, Abominable Snowman) เยติ เป็นชื่อที่ใช้เรียกสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง ในความเชื่อของชาวเชอร์ปา ชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่แถบเทือกเขาหิมาลัย ในประเทศเนปาลและธิเบต โดยเชื่อว่าเยติ เป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่คล้ายมนุษย์ผสมกับลิงไม่มีหางคล้าย กอริลลา มีขนยาวสีน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลดำปกคลุมทั้งลำตัว โดยปรกติแล้ว เยติเป็นสัตว์ที่มีนิสัยสงบเสงี่ยม แต่อาจดุร้ายโจมตีใส่มนุษย์และสัตว์เลี้ยงได้ในบางครั้ง
    [​IMG]
    ภาพ : สิ่งที่เชื่อว่าหนังศีรษะของเยติ ในวัดลามะที่คุมจุงในปัจุบัน
    [​IMG]
    เยติ ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมของชาวเชอร์ปามาอย่างช้านาน โดยถูกกล่าวถึงในนิทานและเพลงพื้นบ้าน และเรื่องเล่าขานต่อกันมาถึงผู้ที่เคยพบมัน นอกจากนี้แล้วยังปรากฏในศิลปะของพุทธศาสนานิกายมหายานแบบธิเบต โดยปรากฏเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังในวัดลามะอายุกว่า 300 ปี และปัจจุบันนี้ ก็มีสิ่งที่เชื่อว่าเป็นหนังศีรษะของเยติถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในวัดลามะแห่งหนึ่งในคุมจุง ซึ่งนับว่าเยติเป็นสัตว์ที่ถูกกล่าวอ้างถึงยาวนานกว่าสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะคล้ายกันชนิดอื่นที่พบในอีกซีกโลก เช่น บิ๊กฟุต หรือ ซาสควอทช์
    เรื่องราวของเยติที่โจมตีใส่มนุษย์นั้น ได้ถูกทำเป็นรายงานส่งไปยังเมืองกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล ซึ่งปากคำของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อถูกบันทึกโดยอาสาสมัครชาวอเมริกันที่ทำงานในเนปาล โดยผู้ถูกทำร้ายเป็น เด็กหญิงชาวเชอร์ปาคนหนึ่ง โดยเธอบอกว่าขณะกำลังนำจามรีไปดื่มน้ำที่ลำธาร เยติตัวหนึ่งก็โผล่มาทำร้ายเธอ แต่เธอกรีดร้องลั่น จนมันปล่อยเธอ และหันไปทำร้ายจามรีของเธอจนมันถึงแก่ความตายด้วยการบิดเขาและหักคอ


    [​IMG]
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทแอปเปิลประกาศ สตีฟ จอบส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเสียชีวิตแล้วหลังป่วยมานาน ด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน ในวัย 56 ปี
    โดย สตีฟ จอบส์ เสียชีวิตหลังจากแอปเปิลเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ไอโฟน 4s (iPhone 4s) ที่สำนักงานใหญ่ในคูเปอร์ติโน แคลิฟอร์เนีย ได้เพียง 1 วัน
    ด้านครอบครัวเผย เขาจากไปอย่างสงบ พร้อมกับขอบคุณผู้ที่ให้กำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้ายตลอดหลายปีที่ผ่านมา
    [​IMG]
    [​IMG]
    ทั้งนี้ เมื่อกลางปี ค.ศ. 2004 สตีฟ จอบส์ ประกาศแก่พนักงานแอปเปิลคอมพิวเตอร์ว่าตรวจพบมะเร็งตับอ่อน ซึ่งตั้งแต่นั้นมา จอบส์ ก็มีปัญหาทางสุขภาพมาตลอด จนตัดสินประกาศลาออกจากการเป็นประธานกรรมการบริหารของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 2011 จนมาเสียชีวิตวานนี้
    Mthai News
    เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
    [​IMG]
    ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
    ………………………………………………………………..
    [​IMG]
    สตีฟ จ็อบส์

    สตีเฟน พอล “สตีฟ” จอบส์ (อังกฤษ: Steve Jobs, 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 – 5 ตุลาคม ค.ศ. 2011) เป็นผู้นำธุรกิจและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธาน อดีตประธานกรรมการบริหารของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ และยังเคยเป็นประธานกรรมการบริหารพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ และเป็นคณะกรรมการบริหารบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ใน ค.ศ. 2006 หลังดิสนีย์ซื้อกิจการพิกซาร์
    เขาร่วมก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์กับสตีฟ วอซเนียก ใน ค.ศ. 1976 เป็นผู้มีส่วนช่วยทำให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมา ด้วยเครื่อง Apple II ต่อมา เขาเป็นผู้แรกที่มองเห็นศักยภาพทางการค้าของส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์และเม้าส์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นในศูนย์วิจัยซีร็อกซ์พาร์ค ของบริษัทซีร็อกซ์ และได้มีการผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไว้ในเครื่องแมคอินทอช
    หลังพ่ายแพ้ในการแย่งชิงอำนาจกับคณะกรรมการบริหารใน ค.ศ. 1984 จอบส์ลาออกจากแอปเปิลและก่อตั้งเน็กซ์ บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในการศึกษาขั้นอุดมศึกษาและตลาดธุรกิจ การซื้อกิจการเน็กซ์ของแอปเปิลใน ค.ศ. 1996 ทำให้จอบส์กลับเข้าทำงานในบริษัทแอปเปิลที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นนั้น และเขารับหน้าที่ CEO ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ถึง 2011 จอบส์ยังเป็นประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูงของพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้นำด้านการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ ทั้งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ 50.1% กระทั่งบริษัทวอลต์ดิสนีย์ซื้อกิจการไปใน ค.ศ. 2006 จอบส์เป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดของดิสนีย์ที่ 7% และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของดิสนีย์
    แท็ก : สตีฟ จอบส์, เสียชีวิต
     
  14. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64

    ถ้าเิกิดระเบิดแล้วจะมีกระทบต่อมนุษย์ อย่างไรครับพวกรังสีต่างๆๆ รวมถึงคลื่นแรงระเบิดของดาวด้วย รบกวนผู้รู้ด้วยครับ
     
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม

    [​IMG]

    อัพเดตสถานการณ์น้ำท่วม 6 ตุลาคม 54
    09.46 น. นครสวรรค์ : น้ำได้บ่าทะลักเข้าท่วมชุมชนวัดไทร โดยที่ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว แนวป้องกันน้ำถูกน้ำเซาะพังตอนตี 2 วันนี้ ไม่มีใครขนของได้ทัน นายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์นำเจ้าหน้าที่เทศบาลเข้าไปซ่อมพนังกั้นน้ำแล้ว
    09.43 น. กทม. : บริเวณถนนแจ้งวัฒนะยังมีน้ำท่วมขัง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ให้เลี่ยงใช้เส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต แต่ให้ใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ และถนนกําแพงเพชร 6 (โลคัลโรด) หรือเลี่ยงไปใช้ถนนพหลโยธิน
    09.35 น.ลำพูน : อำเภอบ้านโฮ่ง เขตเทศบาลตำบลบ้านโฮ่ง ระดับน้ำยังทรงตัว และเป็นน้ำท่วมที่หนักที่สุดในรอบ 20 ปี
    - ถนนสายหลัก สายลำพูน-ลี้ (ทางหลวงหมายเลข 106) ช่วงระหว่างบ้านดอยก้อม ไป บ้านโฮ่ง และสะพานบ้านดงฤาษี รถทุกชนิด ไม่สามารถสัญจรไปมาได้
    09.33 น. อยุธยา : น้ำทะลักเข้าท่วมบริเวณเรือนจำจังหวัดและเรือนจำกลางจังหวัดสูง2ม. จนท.เตรียมอพยพนักโทษ5,000คนไปพื้นที่ปลอดภัย
    09.23 น.
    อุตุเผยอิทธิพลนาลแกหลายภาคฝนยังตกหนักเตือนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้
    …………………………………………………………………………………………………………..



    [​IMG]
    ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดคืน ส่งผลให้ ถ.วิภาวดีรังสิต ขาเข้า ตั้งแต่ดอนเมืองถึง ม.เกษตรฯ มีน้ำท่วมขัง 60 ซม. รถเสียนับร้อยคัน เนื่องจากเครื่องสูบน้ำเสีย
    ถ.วิภาวดีรังสิต ทั้งช่องทางด่วนและคู่ขนาน มีสภาพไม่ต่างจากคลอง รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เนื่องจากระดับน้ำสูงราว 60-80 เซนติเมตร ตั้งแต่ย่านดอนเมืองมาถึงบริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่งผลให้รถติดยาวกว่า 4 กิโลเมตร มีรถเก๋ง รถกระบะ และรถจักรยานยนต์ จอดเสียนับร้อยคัน สาเหตุที่น้ำท่วมถนนครั้งนี้ เกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อช่วงกลางดึก ปริมาณฝน 126 มิลลิเมตร และที่สำคัญเครื่องสูบน้ำคลองบางเขนเกิดเสีย ทำให้เครื่องไม่สามารถสูบน้ำจากถนนลงคลองได้
    ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่พร้อมผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ ก่อนเปิดเผยว่า กำลังเร่งนำเครื่องสูบน้ำเครื่องใหม่มาติดตั้งในพื้นที่ พร้อมขอโทษผู้ใช้รถใช้ถนนในเช้าวันนี้ (6 ต.ค.) ที่อาจได้รับความเดือดร้อน ส่วนระยะเวลาในการสูบน้ำ คาดว่าจะใช้เวลาถึงเช้าวันนี้ และจะพยายามเปิดช่องทางการจราจรให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
    ส่วนภาพรวมสถานการณ์น้ำ ผู้ว่าฯ กทม. เตือน 21 ชุมชน 1,200 ครัวเรือนริมน้ำเจ้าพระยา ให้เตรียมรับมือน้ำทะเลหนุนสูงในวันที่ 16-17 ตุลาคมนี้ พร้อมระบุน้ำปีนี้มากเท่ากับปี 2538
    คนขับแท็กซี่รายหนึ่งที่รถเสียเนื่องจากน้ำเข้าท่อ ชี้ให้ทีมข่าวดูภายในรถ หลังน้ำได้ไหลเข้าท่วมบริเวณที่วางเท้า พร้อมเล่าว่า ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที จากดอนเมืองมายังหน้าสำนักพิมพ์เดลินิวส์ ขณะที่ปกติใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น โดยน้ำสูงประมาณกลางประตูรถ
    อัพเดตล่าสุด
    @js100radio วิภาวดีหน้ายาคูลท์น้ำแห้งหมดทุกช่องทางแล้วแต่รถชะลอตัวบ้างขาเข้าจากดอนเมืองใต้โทลเวย์ทางโล่ง
    @js100radio 07.23 น. ถ.วิภาวดี ขาเข้ามีท้ายแถวหน้าคลังสินค้า พ้นจุดน้ำท่วมแล้ว ชะลอตัวหน้ารร.หอวังและเข้าใต้ด่วนดินแดงชะลอตัวหน้ารร.สุรศักดิ์มนตรี
    @js100radio 07.23น.ทางยกระดับฯโทลล์เวย์ ขาเข้าดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ มีรถเลี่ยง ถ.วิภาวดีมาใช้เส้นทางจำนวนมาก แต่ยังใช้การได้ พ้นแล้วใช้การได้ดี
    พล.ต.อ.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ให้เลี่ยงใช้เส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต แต่ให้ใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ และถนนกําแพงเพชร 6 (โลคัลโรด) หรือเลี่ยงไปใช้ถนนพหลโยธิน เนื่องจากรถเริ่มติดขัดบริเวณแยกหลักสี่ และบนถนนวิภาวดีมีรถจอดเสียจำนวนมาก
    ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย/ภาพ ครอบครัวข่าว 3
    โดย Mthai News
    เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
    [​IMG]
    ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
    [​IMG]
    [​IMG]
    แท็ก : ถ.วิภาวดี, น้ำท่วม, น้ำท่วมกรุงเทพ

     
  16. ironman

    ironman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +508
    ที่มาของข่าว อึ้ง! สาววัย26ปีแพ้ยากลายเป็นคนแก่

    <SCRIPT type=text/javascript src="http://p1.s1sf.com/sh/0/js/jquery.rating-1.0.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> (function() { var ctrt = document.createElement('script'); ctrt.type = 'text/javascript'; ctrt.async = true; ctrt.src = "http://app.sanook.com/weblog/ctrt/js/?zone=news&site_id=71&weblog_id=21&entry_id=1060805"; var s = document.getElementsByTagName('script')[0]; s.parentNode.insertBefore(ctrt, s); })(); </SCRIPT>[​IMG]
    อึ้ง! สาววัย26ปีแพ้ยากลายเป็นคนแก่
    ฮือฮาทั่วประเทศเวียดนาม เมื่อพบสาววัย 26 ปี แพ้ยารักษาอาการอักเสบของผิวหนัง ใบหน้าและผิวหนังเหี่ยวย่นจนดูแก่ขึ้นอีก 30 ปี
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า (6 ต.ค.) หลังจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเวียดนามได้ตีพิมพ์ภาพถ่ายของเหงียน ธิ เฟือง สตรีเวียดนามวัย 26 ปีที่มีผิวเหี่ยวย่นเหมือนคนชราเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจนสร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศ ล่าสุดโรงพยาบาลสามแห่งในนครโฮจิมินห์ ซิตี้ ได้เสนอให้ความช่วยเหลือ แพทย์แสดงความงุนงงอย่างมากที่เห็นผิวของเธอเหี่ยวย่น แต่ยังมีสีผมและท่าทางเหมือนสาวๆคนหนึ่ง และบอกว่า กรณีของนางเฟืองไม่ได้ถือว่าแก่ลง เพราะความจำ อวัยวะในร่างกาย เช่น หัวใจ ไต ตับ และปอดยังทำงานปกติตามวัยของเธอ
    ปัญหาของเฟืองเริ่มขึ้นเมื่อปี 2551 หลังจากรับประทานอาหารทะเล และใบหน้าก็เริ่มมีผื่นแดงและคัน แพทย์ได้สั่งยารักษาอาการอักเสบของผิวหนัง แต่หลังรับประทานยาได้หนึ่งสัปดาห์ ใบหน้าของเธอก็เริ่มบวม จากนั้นผิวหนังตามหน้า คอ และมือก็ค่อยๆเหี่ยวย่น และท้องบวมแตกลายเหมือนคนที่เคยตั้งท้องลูก 2-3 คน จากนั้นเธอได้หยุดกินยาแล้วเปลี่ยนไปหาแพทย์แผนจีนโบราณ และเมื่อรับประทานยาได้สักพัก อาการบวมก็ลดลง แต่น้ำหนักเพิ่มขึ้น และรอยเหี่ยวย่นก็ยังไม่หายไป จากนั้นเธอก็เริ่มสวมหน้ากากอนามัยตลอดทั้งวันเพื่อหลบเลี่ยงสายตาผู้คนที่มองเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น
    เฟือง กล่าวว่า ตนยอมรับว่าเรื่องนี้คงเป็นลิขิตจากพระเจ้า และตนหยุดขวนขวายหาวิธีรักษาแล้ว ขณะที่สามี นายเหงียน ทานห์ เตียน วัย 34 ปี ตอนที่แต่งงานกันเธอเป็นคนสวยมาก และเป็นเรื่องยากที่จะพูดเรื่องความสุขของชีวิตแต่งงานอย่างเปิดเผย แต่ขอให้เข้าใจว่าเขายังคงรักภรรยาเหมือนเดิม
    ปัจจุบัน ทั้งคู่อาศัยในจังหวัดบินห์ฟวก เธอมีอาชีพรับจ้างแกะเปลือกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และสามีเป็นช่างไม้

    <!-- Partner Thank--><!-- End Partner Thank--><!-- Gallery -->
    • [​IMG]
    • [​IMG]
    • [​IMG]
    • [​IMG]
    • [​IMG]
    • [​IMG]
     
  17. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    ฟ้ากลั่นแกล้ง สาวเวียดนามแพ้ยา จนหน้าเหี่ยวเป็นคนแก่
    Mthainews: หลังจากที่สื่อของเวียดนามมีการเผยแพร่ภาพของหญิงสาววัย 26 ปีที่มีอาการแพ้ยาแก้อักเสบของผิวหนัง จนผิวหน้าเหี่ยวย่นกลายเป็นหญิงชรา ก็มีโรงพยาบาลสามแห่งในนครโฮจิมินห์ ซิตี้ ได้เสนอให้ความช่วยเหลือเธอ
    หญิงโชคร้ายรายนี้มีชื่อว่า เหงียน ธิ เฟือง อาศัยในจังหวัดบินห์ฟวก มีอาชีพรับจ้างแกะเปลือกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ส่วนสามีเป็นช่างไม้ ซึ่งแม้ว่าร่างกายจะเป็นสาวสะพรั่ง ไร้รอยเหี่ยวย่น แต่ใบหน้ากลับเหี่ยวย่น สร้างความงุนงงแก่แพยท์ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
    [​IMG]
    เธอเปิดเผยเรื่องนี้ว่า อาการดังกล่าวเริ่มขึ้นจาก เมื่อปี พ.ศ.2551 ตนไปทานอาหารทะเลจนเกิดอาการแพ้ มีผื่นแดงและมีอาการคัน แต่หลังจากนั้นแพทย์ได้สั่งยารักษาอาการอักเสบของผิวหนัง เพื่อให้เธอรับประทาน แต่หลังจากที่ทานได้เพียง 1 สัปดาห์ ใบหน้าเริ่มมีสิ่งผิดปกติ คือ บวม บริเวณคอเริ่มมีรอยเหี่ยวย่น และท้องบวมแตกลายเหมือนคนที่เคยตั้งท้อง จนต้องหยุดยา จึงหันไปรักษากับแพทย์แผนจีนโบราณ ทำให้อาการบวมเริ่มลดลง แต่รอยเหี่ยวย่นกลับไปจางหาย ทั้งยังมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
    ความผิดปกติจนกลายเป็นใบหน้าคนแก่ทำให้ต้องสวมหน้ากากอนามัยปกปิดพรางอยู่ตลอดเวลา เพราะหลายคนเมื่อเห็นเธอแล้วก็ให้ความสนใจ อยากรู้อยากเห็นว่า ใบหนน้าเธอทำไมถึงเหี่ยวย่นแบบนี้ ทั้งที่ร่างกายยังแข็งแรงเป็นสาว
    [​IMG]
    อย่างไรก็ตาม หากว่าไร้หนทางรักษา เธอก็ถือว่าเป็นเรื่องของพระเจ้าที่ลิขิตให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้
    [​IMG]
    นายเหงียน ทานห์ เตียน วัย 34 ปี ก็ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ภรรยาเป็นคนสวย ความสุขหลังแต่งงานเป็นเรื่องยากที่จะพูดถึง แต่แม้ว่าภรรยาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เขาก็รักภรรยาเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
    Mthainews
     
  18. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นักวิชาการ เตือน พายุซัดไทย พร้อมแนะ วิธีแก้น้ำท่วม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>6 ตุลาคม 2554 </TD><TD vAlign=middle align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>

    <SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT>

    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศในการเสวนาวิกฤตมหาอุทกภัย 54</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นักวิชาการหน่วยศึกษาพิบัติภัยและข้อสนเทศเชิงพื้นที่ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ หวั่นไทยพบวิกฤต "มหาวาตภัยหนัก 54" จากลานีญ่าที่ต่อเนื่องจากปี 53 ทำให้ร่องมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพาดผ่านหลายพื้นที่

    ซ้ำยังพบพายุโซนร้อนลูกใหม่ NalGae ที่กำลังจะพัดเข้าภาคอีสานของไทยใน 1-2 วัน

    ทั้งนี้ นักวิชาการได้แนะนำถึงการรับมือ และการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ มาเสนออีกด้วย

    ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล นักวิจัยจากหน่วยศึกษาพิบัติภัย และข้อสนเทศเชิงพื้นที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงสภาพการแปรปรวนของภูมิอากาศแบบผกผันของไทยที่เกิดขึ้นอย่างหนักในปี 2554 ว่า

    สภาวะฝนตก เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก จากการศึกษาแบบจำลองทางตอมพิวเตอร์ของหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาชั้นนำของโลก พบว่า ในอนาคตสภาพการแปรปรวนของภูมิอากาศจะแปรปรวนมากขึ้น

    เห็นได้ชัดว่าภายในห้วงระยะเวลากว่า 2 เดือนเศษ พื้นที่กว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือ และภาคกลาง โดยเฉพาะ ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา กำลังเผชิญน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี

    และในเร็วๆนี้ พายุโซนร้อน NalGae กำลังจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย

    "ล่าสุด จากข้อมูลที่พบในแบบจำลองทางตอมพิวเตอร์ฯ ทำให้เห็นว่ากำลังจะมีพายุพายุโซนร้อน NalGae ซึ่งมีจุดศูนย์กลางปกคลุมทะเลจีนใต้ตอนบน มีทิศทางพัดผ่านเข้ามาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย

    โดยพัดเข้าประเทศเวียดนามก่อน ในช่วงเที่ยงของวันที่ 5 ต.ค. และพัดเข้าประเทศไทยประมาณวันที่ 6-7 ต.ค. ซึ่งก่อให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่

    เพราะเขื่อนเก็บน้ำต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ปริ่มเต็มเกือบทั้งหมด และมีคำเตือนให้ระวังดินถล่มในจังหวัดเพชรบูรณ์

    จากนั้น ายุจะอ่อนกำลังลงประมาณวันที่ 9 ต.ค. ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรรีบวางแผนเตรียมการรับมือ และมีการเตือนภัยให้ทันท่วงที"


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    พายุที่พัดเข้าไทยอีกครั้ง ภาพจากเอกสารของ ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ศ.ดร.ธนวัฒน์ กล่าวเสริมว่า ผลงานทางวิชาการเหล่านี้อยากให้ไปถึงมือผู้บริหาร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เนื่องจาก นักวิชาการมีข้อมูลจริงที่มีประโยชน์พร้อมสรรพ และอยากให้รัฐลงทุนไปกับการแก้ปัญหานี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    ไม่ใช่เพียงว่า การมีพิบัติภัยเกิดขึ้น กลายเป็นข้ออ้างให้มีโครงการใหม่ๆ แล้วยิ่งไปซ้ำเติมพิบัติภัย ซึ่งเห็นว่าไม่ควร

    "ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้ เราสามารถอธิบายกลไกของพายุได้ นักวิทยาศาสตร์อย่างเรา พยายามที่จะติดตาม หาสาเหตุ และพยายาม ที่จะทำความเข้าใจกับธรรมชาติ

    และเราคิดว่า การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ก็เป็นสิ่งที่เราน่าจะบอกได้ว่า อะไรที่มันมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต

    ซึ่งหวังว่า ผู้บริหารจะใช้ข้อมูลของนักวิชาการ เอาไปช่วยในการบริหารจัดการ วางแผนโดยเฉพาะเรื่องการเตือนภัยที่รวดเร็ว"


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=499><TBODY><TR><TD vAlign=top width=499 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    กราฟต่างๆ แสดงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ภาพจากเอกสารของ ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>นอกจากนี้ ศ.ดร.ธนวัฒน์ ได้อธิบายถึงผลกระทบของพายุที่ก่อให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย

    พร้อมแนะนำ วิธีการแก้ปัญหาน้ำท่วมว่า บ้านเรามีการแก้ไขปัญาน้ำท่วมในเชิงระบบ น้อยมาก เน้นใช้วิธีการ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า มากกว่า

    สิ่งที่นักวิชาการเป็นห่วง คือ ทางนักวิจัยมีข้อมูล มี Back up sheet ซึ่งทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ มองว่ามาตรการการรับมือแบบเดิมใช้ไม่ได้ ตนได้มีข้อเสนอ

    คือ 1.ควรเร่งปรับปรุงระบบเตือนภัยล่วงหน้า และควรจัดการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำใหม่ ให้มีประสิทธิภาพและทันเวลา

    2. ควรเร่งวางแผนแม่บท มาตรฐานการป้องกันน้ำท่วม โดยใช้สิ่งก่อสร้าง ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ให้มีหน่วยงานกลางมาเช็คข้อมูลเรื่อยๆ

    "ข้อสาม คือ ควรมีแผนพัฒนากรุงเทพฯ และเมืองบริวาร ได้แก่ ราชบุรี สุพรรณบุรี สระบุรี และฉะเชิงเทรา เนื่องจาก พื้นที่ของกรุงเพฯ มันเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ แล้วเรามาสร้างเมืองใหญ่ทับลงไปโดยที่เราไม่ควบคุม

    อีกหน่อย 20-30 ปี น้ำจะท่วมทั้งหมด ไม่มีที่ระบายน้ำ ต้องขีดกรุงเทพให้โตกว่านี้ แล้วมีเมืองบริวาร

    ต่อมา คือ ควรมีแผนระยะยาวในการสร้างเส้นทางด่วนระบายน้ำท่วม คือ เราไม่ต้องขุดแม่น้ำใหม่ แต่เราใช้คลองใดคลองหนึ่ง และกั้นพื้นที่ ต่อจากคลองสร้างเป็นถนน สัก 5 เมตร เผื่อไว้ให้เป็นทางน้ำ ให้สามารถระบายน้ำลงทะเลไปได้

    พอถึงหน้าแล้ง พื้นที่ตรงนั้นก็เอามาใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น สนามเทนนิส หรือ Park สำหรับพักผ่อนได้ ต้องทำ 2 link ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก"


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=332><TBODY><TR><TD vAlign=top width=332 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>นอกจากนี้ ศ.ดร.ธนวัฒน์ ยังเสนอการเก็บภาษีทางตรงเข้ากองทุน และชดเชยกับคนที่ถูกน้ำท่วม และภาษีทางอ้อม คือ พื้นที่ที่เป็นแก้มลิงธรรมชาติ ไม่ควรมีการปลูกสร้างโรงงาน แต่หากใครจะสร้างก็สร้างได้ แต่จะเก็บภาษีโรงเรือน 20 เท่า แล้วเอาเงินเข้ากองทุน และให้เงินชดเชยกับคนที่รักษาพื้นที่ตรงนั้นไว้

    ข้อ 5. ควรวางผังแม่บท ในการกำหนดการเพาะปลูกในลุ่มน้ำ ต้องมาดูว่าในพื้นที่ที่เป็นลุ่มน้ำท่วมต้องให้ปลูกและเก็บเกี่ยวก่อนน้ำมา หากไม่ปฏิบัติตามก็ปล่อยไป แต่หากน้ำท่วมก็ไม่ชดเชยให้ เป็นต้น

    และ 6. หน่วยงานต่างๆ ที่ดูแลเรื่องน้ำและพิบัติภัย ควรจะต้องมีการจัดการใหม่ ให้มีหน่วยงานเฉพาะ เพื่อดูแลเรื่องน้ำทั้งระบบ เอานักวิชาการเข้าไปดูแล และศึกษาในเชิงลึก


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>* หมายเหตุ : ลานีญา เป็นปรากฏการณ์ที่ตรงข้ามกับเอลนีโญ กล่าวคือ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตร ในมหาสมุทรแปซิฟิกกลาง และตะวันออก มีค่าต่ำกว่าปกติ บวกกับลมตะวันออกเฉียงใต้มีกำลังแรงกว่าปกติ

    ลมได้พัดพาผิวน้ำทะเลที่อุ่นจากแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออก ไปสะสมอยู่ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันตก จึงทำให้ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันตกมีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงกว่าทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออกมากขึ้น

    มีผลทำให้ ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันตกมีปริมาณฝนมาก ขณะที่ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออกจะมีความแห้งแล้งรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ปรากฏการณ์ลานีญาจะเกิดโดยเฉลี่ย 5 - 6 ปี ต่อครั้ง


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]
     
  20. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    6 ต.ค. 54

    อโยธยา น้ำมา เยือนถึงถิ่น
    ต่างได้ยิน เสียงทะเลาะ เบาะแว้งกัน
    ของข้าท่วม เองไม่ ก็ไม่ฟัง
    ต่างก็พัง คันดิน ที่ขวางน้ำ

    โลกนี้มี ผู้รับ มากกว่าให้
    ขาดน้ำใจ เมื่อภัย มาเยี่ยมเยือน
    ไม่เกื้อหนุน ให้กัน ใจสะเทือน
    ต้องขอเตือน แค่เริ่ม ของปวงภัย

    ข้าศึกเริ่ม ประชิด ติดเขตแดน
    ทั้งแว่นแคว้น กรุงเทพฯ ศรีวิไล
    เขตดอนเมือง ของผม น้ำเริ่มไหล
    ผมป้องภัย แต่เนิ่น เป็นเดือนๆ

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     

แชร์หน้านี้

Loading...