ประวัติ วัดไชโย-วัดระฆัง (ฉบับวัดระฆังถวายในหลวง พ.ศ.๒๕๐๔)....

ทำความเข้าใจก่อนน่ะครับ ผู้ที่จดบันทึกและตีความจากภาพเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือคือ ม.ล.พระมหาสว่าง เสนีวงศ์ วัดสระเกศ และนายพร้อม สุดดีพงศ์ ชาวตลาดเมืองไชโย จดบันทึกภาพเขียนเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ ๒๔๗๓ คนที่เห็นภาพเขียนฝาผนังโบสถ์แล้วเกิดความท้อใจ คือนายพร้อม สุดดีพงศ์ มีบันทึกไว้ว่า.นายพร้อมดูรูปภาพตั้งแต่ฉากที่๑ ถึงฉากที่ ๑๒ นายพร้อมออกจะเต็มตรอง เห็นว่ายากลำบากที่จะขบปัญหาในภาพต่างๆให้เห็นความกระจ่างแจ้งได้ นายพร้อมชักงันงอท้อน้ำใจไม่ใคร่จะจดลงทำยืนงงเป็นงันงันไป ม.ล พระมหาสว่างรู้ในอัธยาศัยของนายพร้อมว่าแปลรูปไม่ออก บอกเป็นเนื้อความเล่าแก่ใครไม่ได้ นายพร้อมอึดอัดตันใจสุดคาดคะเน ทำรวนเรสละละการจด ม.ล พระมหาสว่างจึงแนะนำให้นายพร้อมอุสห์จดเอาไปทุกภาพ...จะเห็นว่าตัวท่านพระยาทิพโกษา สอน โลหนันทน์ ไม่ได้เป็นผู้จดบันทึก และตีความภาพเขียนฝากผนังครับ พระยาทิพโกษาเป็นเพียงผู้เรียบเรียง และตีพิมพ์ออกมาเป็นเล่มในปี พ.ศ ๒๔๗๕ เท่านั้นครับ... ม.ล พระมหาสว่าง นายพร้อม ใช้เวลาตีความภาพเขียน ๑๒ ฉากออกมาเป็นตัวหนังสือ และค้นคว้ายกเอาพงศวดาร พระราชประวัติ นิยาย นิทาน เรื่องเล่าปากต่อปากของชาวบ้านลงไว้ในบันทึกฉบับนี้ ใช้เวลา ๒ ปี(๒๔๗๓--๒๔๗๕) จึงได้นำเอาบันทึกมามอบให้พระยาทิพโกษา สอน โลหนันทน์ ตีพิมพ์ออกมาเป็นเล่ม....เนื้อหาในบันทึกฉบับนี้แยกออกเป็นสามส่วน ส่วนที่หนึ่งเป็นเค้าโคลงการตีความจากภาพเขียนฝาผนัง ส่วนที่สองเป็นพงศวดาร พระราชประวัติ และส่วนที่สามเป็นเรื่องเล่าของชาวบ้าน...ตอนแรกผมอ่านบันทึกฉบับนี้ก็ไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไหร่ เพราะข้อมูลมันสับสนขัดแย้งกันเอง แต่พออ่านหลายๆรอบจึงพอเข้าใจขึ้นบ้างครับ.....

 

เข้าไปอ่านตามลิกค์นี้ดูก่อนครับ...

 

ในบันทึกฉบับของพระยาทิพโกษา สอน โลหนันทน์..ตีความจากภาพเขียนฝาผนังโบสถ์วัดอินทร์ ได้ความว่า...ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเกิด ณ.บ้านบางขุนพรหม กรุงเทพฯ ตอนเป็นเด็กแบเบาะแม่อุ้มไปถวายให้เป็นลูกบุญธรรมพระอาจารย์แก้ว วัดบางลำพูบน ต่อมาได้ย้ายเทครัวขึ้้นไปปักหลักค้าขายสินค้าทางเรือรวมกับญาติๆ ณ.แขวงเมืองพิจิต ถึงอายุครบบวชเรียน แม่เอาไปฝากให้บวชเรียนในสำนักท่านพระครู วัดใหญ่เมืองพิจิต และได้ไปเรียนในสำนักท่านพระครู วัดเมืองไชยนาทบุรี จากนั้นลงมาเรียนในสำนักพระอาจารย์แก้ว วัดบางลำพูบน และในสำนักพระโหราธิบดี และพระวิเชียร กรมราชบัณฑิต ต่อมาพระโหราฯพระวิเชียรพาเข้าเฝ้า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศสุนทร กรมพระราชวังบวรสถานมงคล(ในรัชกาลที่๑) สมเด็จเจ้าฟ้าฯทรงโปรดปรานสามเณรโตอย่างมาก ทรงรับสามเณรโตไว้ในอุปถัมภ์ ทรงมอบภาระให้แก่พระโหราฯพระวิเชียรและเสมียนตราด้วงเป็นโยมอุปัฎฐากช่วยอบรมสั่งสอนแทนพระองค์ รับสั่งให้ย้ายสามเณรโตลงมาอยู่กับสมเด็จพระสังฆราช(ศุข) วัดมหาธาตุฯ จะได้อยู่ใกล้ๆฟ้า. ถึงปี พ.ศ ๒๓๕๑ สามเณรโตอายุครบอุปสมบท สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร รับสั่งให้พระโหราธิบดี พระวิเชียรและเสมียนตราด้วง นำสามเณรโตขึ้นไปบวชนาคที่วัดตะไกร แขวงเมืองพิษณุโลก แทนฟ้า. พระราชทานเงินให้พระโหราฯ๔๐๐ บาทไปเป็นค่าใช้จ่าย รับสั่งให้เสมียนตราด้วงแต่งท้องตราบัวแก้วเชิญขึ้นไปวาง ณ.เจ้าเมืองพิษณุโลก รับสั่งให้สังฆการีในกรมพระราชวังฯวางฎีกาอาราธนาสมเด็จพระพนรัตน (นาค)เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม(รูปที่๒)ขึ้นไปบวชนาคที่วัดตะไกร เมืองพิษณุโลก นิมนต์พระอาจารย์แก้ว วัดบางลำพูบน เป็นพระคู่สวด นิมนต์พระอธิการวัดตะไกรเป็นพระคู่สวด.เหตุผลที่โปรดฯให้นำสามเณรโตขึ้นมาบวชนาคที่วัดตะไกรเพราะว่า ญาติโยมของนาคโตอยู่ที่เมืองพิจิต จะได้ลงมาร่วมจัดพิธีบวชนาคโตได้สะดวก.โปรดให้แต่งตัวเวียนเทียนทำขวัญนาคอย่างแบบนาคหลวง วันพิธีอุปสมบทตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ได้รับฉายาว่า พรหมรังสี..จากนั้นพระโตลงมาอยู่วัดมหาธาตุฯตามเดิม และได้ข้ามไปเรียนพระปริยัติธรรม พระธรรมวินัย และพระไตรปิฎกในสำนักของสมเด็จพระพนรัตน(นาค) พระอุปัชฌาย์ ณ.วัดระฆังโฆสิตาราม....ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องเล่าปากต่อปากของชาวบ้าน ส่วนมากจะเป็นนิยาย นิทาน เล่าเอามันส์เอาสนุกเฮฮา ไม่ได้อ้างอิงอะไร เล่าต่อเติมเสริมแต่งขึ้นมาเองตามโวหารของแต่ล่ะคน ส่วนมากจะเน้นเรื่องเล่าว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯทำตัวปฏิบัติแปลกๆไม่เหมือนใคร ไม่สนใจยศศักดิ์ หรือกล่าวอ้างยกเอาสำนวนโวหารของท่านฯอย่างโน้นอย่างนี้ เล่าว่าท่านฯเป็นนักเทศนาสาถกที่เก่งกาจมากๆ อันนี้น่าจะมีมูลความจิงอยู่บ้าง เพราะสำนักวัดฆังฯมีชื่อเสียงเรื่องทำนองเทศน์อย่างมาก ถ้าเป็นทำนองเทศน์สวดภาณยักษ์ภาณคน เขาว่าต้องยกให้สำนักวัดระฆังฯมาจนถึงปัจจุบันนี้......ครับ

 

ตามประวัติศาสตร์

สรุปเป็นที่แน่นอนแล้วว่า
พระใหญ่ ที่วัดเกษไชโย สร้างเมื่อปี 2430
โดยรัชกาลที่ 5 ท่านทรงรับไว้เป็นวัดหลวง
ซึ่งล่วงเลยสมเด็จโตถึงชีพิตักษัยไปแล้ว 15 ปี

ดังนั้น
จึงไม่มี พระเครื่องใดๆที่สร้างโดยสมเด็จโต บรรจุไว้ภายในองค์พระ






จึงไม่มีพระเครื่องแตกกรุออกมาจากพระใหญ่ (พระมหาพุทธพิมพ์) ที่วัดเกษไชโย

 

ผมยืนยันมาตลอดว่าพระพิมพ์เนื้อผงวัดไชโยวรวิหาร(ไม่ใช่วัดเกษไชโยฯ ครับ) ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯไม่ได้สร้างบรรจุในองค์หลวงพ่อโตครับ นับตั้งแต่โบราณมาไม่มีเคยมีธรรมเนียมสร้างพระพิมพ์บรรจุในองค์พระพุทธรูปไม่ว่ายุคใดสมัยใด เขาจะสร้างพระพิมพ์บรรจุในสถูป พระปรางค์ และเจดีย์เท่านั้น พระพิมพ์เนื้อผงวัดไชโยฯสร้างแจกชาวบ้านในช่วงปี ๒๔๓๘--๔๐ หลังจากเสร็จการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่.ประวัติคือเมื่อปี ๒๔๐๙--๑๐ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมหมื่นพิฆเนศวรสุรสังกาศ ได้รับโปรดเกล้าสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธยขึ้นเป็นที่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ(รัชกาลที่๕).ในวาระนี้สันนิฐานว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๔ ได้โปรดเกล้าสถาปนาพระธรรมกิตติ(โต พรหมรังสี) ยกขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฎที่ สมเด็จพระพุฒจารย์ โต พรหมรังสี...และในวาระนี้ทางวัดไชโยฯได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ(รัชกาลที่๕).โดยมีท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี เป็นองค์อุปถัมภ์การบูรณะปฏิสังขรณ์ แต่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯน่าจะไม่ได้ขึ้นมาควบคุมดูแลการบูรณะฯด้วยตัวท่านฯเอง เพราะช่วงเวลานั้นท่านฯก็ได้มาปักหลักบูรณะปฏิสังขรณ์วัดอินทร์ บางขุนพรหมอยู่ก่อนแล้ว... ทางวัดไชโยฯได้สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ก่ออิฐสอปูนนั่งกลางแจ้ง ชาวบ้านเรียกหลวงพ่อโต..ต่อมาถึงปี ๒๔๓๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่๕ โปรดให้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดไชโยฯขึ้นใหม่หมด โปรดเกล้าตั้งเจ้าพระยารัตนบดินทร (รอด กัลยาณมิตร)ที่สมุหนายกเป็นแม่กองงาน ระหว่างบูรณะฯองค์หลวงพ่อโตพังทลายลงมาถึงสามครั้ง ล้นเกล้ารัชกาลที่๕ จึงรับสั่งให้รื้อองค์หลวงพ่อโตลงมาจนเหลือแต่ฐาน ไม่มีบันทึกพบพระพิมพ์ในองค์หลวงพ่อโตแม้แค่องค์เดียวเลย ต่อมารัชกาลที่๕ มีรับสั่งให้พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ นายช่างฝีมือดีขึ้นไปช่วยปั้นพระพุทธรูปองค์ใหม่ จำลองแบบมาจากพระประธานวัดกัลยาณมิตร การบูรณะปฏิสังขรณ์วัดไชโยฯแล้วเสร็จในปี ๒๔๓๘ ล้นเกล้ารัชกาลที่๕ โปรดให้ยกวัดไชโยวรวิหารขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นโท พระราชทานนามพระพุทธรูปองค์ใหม่ว่า พระมหาพุทธพิมพ์ โปรดเกล้าสถาปนาพระมหาเกตุ (ป.ธ.๓) ขึ้นเป็นพระมหาพุทธพิมพาภิบาล.โปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไชโยวรวิหาร โปรดให้มีงานเฉลิมฉลองขึ้นวัดใหม่สามวันสามคืน พระราชทานหนังและละครอย่างล่ะหนึ่งโรงช่วยงานสมโภช พระพิมพ์เนื้อผงวัดไชโยฯสร้างแจกชาวบ้านในช่วงระหว่างนี้ โดยทางวัดไชโยฯได้ลงมาขอยืมแม่พิมพ์แบบเจ็ดชั้นฯจากวัดระฆังฯขึ้นไปสร้าง แต่เพราะเซียนขายพระสมเด็จยุคหลังๆหน้ามืดตามัวอุปโลกน์ จับพระพิมพ์วัดไชโยฯยัดเยียดให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นผู้สร้างเพื่อจะขายได้ราคาสูงๆแพงๆ มีคนหลงเชื่อกันทั้งบ้านทั้งเมือง เซียนใหญ่เซียนน้อยซื้อขายกันองค์เป็นล้าน. มีเซียนใหญ่แต่งนิยาย นิทาน ตำนาน ขึ้นมาประกอบการขายหลายเวอร์ชั่นด้วย..เรื่องประวัติการสร้างพระพิมพ์วัดไชโยฯผมเคยถูกเซียนใหญ่ในเวปพลังจิตออกมาเตือน และให้ใบเหลืองสองครั้งมาแล้วน่ะครับ55555555555555555555(deejai)(deejai)(deejai)

 

ทำไมล้นเกล้ารัชกาลที่๕ จึงได้มีพระมหากรุณาธิคุณกับวัดไชโยฯขนาดนี้ ก็เพราะเมื่อปี ๒๔๐๙--๑๐ เมื่อครั้งตอนที่พระองค์ได้รับโปรดเกล้าสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธยขึ้นเป็นที่ สมเด็จพระเจ้าลัูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ..ทางวัดไชโยฯได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และถวายเป็นพระราชกุศล ต่อมาถึงปี ๒๔๓๐ ล้นเกล้ารัชกาลที่๕ จึงได้โปรดเกล้ารับสั่งให้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดไชโยฯทั่วทั้งพระอาราม และโปรดเกล้าให้ยกวัดไชโยฯขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นโท.....ยังมีวัดที่เกี่ยวข้องกับล้นเกล้ารัชกาลที่๕ อีกวัดหนึ่งคือวัดมณีชลขันฑ์ เมืองลพบุรี..ประวัติคือเมื่อปี ๒๔๐๙--๑๐ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมหมื่นพิฆเนศวรสุรสังกาศ ได้รับโปรดเกล้าสถาปนาให้เฉลิมพระรามาภิไธยขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ(รัชกาลที่๕)...ในวาระนี้สันนิฐานว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๔ ได้โปรดเกล้ายกวัดเกาะแก้วขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี(ฝ่ายธรรมยุติ)โปรดเกล้าสถาปนาพระอาจารย์แสง พระครูแสง หรือขรัวตาแสง วัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ ขึ้นเป็นพระครูมหิทธิเมธาจารย์ โปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะแก้ว เมืองลพบุรี....ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๕ ได้โปรดเกล้าให้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดเกาะแก้ว เคยเสด็จพระราชทานถวายพระกฐินหลวง แล้วพระราชทานเปลี่ยนนามวัดเป็น วัดมณีชลขันฑ์ มีในประวัติวัดมณีชลขันฑ์ลองไปหาอ่านดูครับ.........

 

ผลประโยชน์ บางครั้ง ก็ยอมรับความเป็นจริงไม่ได้

 

เข้ามาอ่านเอาความรู้สนุกดีครับ

 

ลองพิจารณาดูสภาพพระพิมพ์เนื้อผงวัดไชโยฯ ที่เชื่อกันว่าสร้างขึ้นก่อนพระสมเด็จวัดระฆังฯและพระสมเด็จวัดใหม่บางขุนพรหม (๑).เชื่อว่าสร้างขึ้นประมาณปี ๒๓๙๕--๔๐๐ (๒).เชื่อว่าสร้างขึ้นประมาณปี ๒๔๐๙ และ(๓).เชื่อว่าสร้างขึ้นประมาณช่วงปลายชีวิตของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ มีสามเวอร์ชั่นหลักๆให้เลือกเชื่อครับ....

 

สภาพพระพิมพ์เนื้อผงกรุวัดใหม่บางขุนพรหม สร้างบรรจุในองค์เจดีย์ใหญ่ในราวปี ๒๔๑๓-๑๔...
(f)

 

สภาพพระพิมพ์เนื้อผงวัดระฆังฯ สร้างขึ้นในราวปี ๒๔๑๔--๑๕...

 

เรื่องวัดไชโย นั้นตามตำราของอ.ตรียัมปวาย ก็บอกว่าไม่ใช่ของสมเด็จโต อันนี้แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ

มาเจอพิมพ์นี้ ในรังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และสากลนิยมที่สุดในปัจจุบัน พิมพ์คะแนน(พัน) (หรืออกครุฑเล็ก) วัดระฆัง ครับ

*ขอบคุณหนังสือ king power สำหรับรูปประกอบครับ

 

ตามอ่านน่ะครับ แต่เลิกฝันถึงพระสมเด็จมาหลายสิบปีล่ะครับ เป็นบุญตาที่ได้เห็น แม้แค่ภาพก็ตาม

 

อาจารย์ตรียัมปวายบอกเอาไว้ว่าพระพิมพ์เนื้อผงวัดไชโยฯไม่ใช่พระของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างขึ้น อาจารย์ตรียัมปวายบอกไว้เป็นแนวทางเมื่อเกือบหกสิบปีผ่านมาแล้ว ในหนังสือลานโพธิ์ก็ได้ตั้งข้อสังเกตุไว้ว่าพระพิมพ์เนื้อผงวัดไชโยฯท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นผู้สร้างขึ้นจิงๆหรือ. แต่ทำไมเพราะเหตุอันใดเซียนยุคหลังๆถึงได้เชื่อว่าเป็นพระที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างขึ้นบรรจุไว้ในองค์หลวงพ่อโต มีข้อมูลชุดใดสนับสนุนความเชื่อนี้บ้างครับ เท่าที่เห็นยกมาใช้อ้างอิงก็มีเพียงแค่นิยาย นิทาน ตำนาน คำบอกเล่าของชาวบ้านพูดแบบปากเปล่าเล่าต่อๆกันมาเท่านั้น.......... :boo:

 

ผมขออนุญาติสงสัยน่ะครับ รู้ได้อย่างไรว่าพระองค์นี่เป็นพระพิมพ์คะแนนพันวัดระฆังฯครับ ก็เชื่อว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯท่านฯสร้างไปแจกไป แจกหมดแล้วสร้างใหม่ เชื่อว่าท่านฯเริ่มสร้างพระพิมพ์แจกชาวบ้านตั้งแต่ปี ๒๔๐๙--๑๕ เป็นเวลาถึง ๖ ปี ไม่มีบันทึกจำนวนพระที่ท่านฯสร้างไว้ พระองค์นี้บอกว่าเป็นพระพิมพ์คะแนนพัน ก็แปลว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯได้สร้างพระพิมพ์เนื้อผงขึ้นไว้ที่วัดระฆังฯครบจำนวนพันองค์ ถ้าวัดระฆังฯมีพระพิมพ์คะแนนพันจิง แล้วพระกรุวัดใหม่บางขุนพรหม มีพระพิมพ์คะแนนพันด้วยหรือเปล่า ผมว่าน่าคิดน่ะครับ......

 

สงสัยจะอ่านหลายตำราคงหลงประเดนมั้งครับ

เอาตามเอาสารฉบับวัดระฆังถวายในหลวงตามหัวข้อของกระทู้นี้นะครับ ได้กล่าวไว้และมีภาพประกอบ แล้วผมว่าคุ้นตา เลยไปเปิดหนังสือของรังใหญ่ ก็เห็นว่าพิมพ์เดียวกัน ถึงลงให้ดูครับ และผมก็บอกอยู่แล้วว่าแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคลนะครับ ส่วนตัวผมเชื่อว่าพิมพ์คะแนนมี และมีทั้ง 2 วัดละครับ ในหนังสือของรังใหญ่ก็มีพิมพ์คะแนนบางขุนพรหมนะครับ แต่ขอไม่ลง เพราะไม่มีตัวอย่าง แบบฉบับเป็นทางการแบบของกระทู้นี้มาเทียบครับ ต้องเข้าใจพิมพ์คะแนนตามโบราณ เป็นพิมพ์คะแนนจริง ๆ เช่น ถ้าสร้าง 10,000 องค์ พิมพ์คะแนน 1,000 ก็ควรจะมีแค่ 10 องค์เท่านั้นละครับ แต่ปัจจุบัน เรียกกันพิมพ์คะแนน แต่สร้างกัน บางทีแทบจำนวนจะเท่าพิมพ์นิยมซะด้วยซ้ำ และด้วยการมีน้อยมาก จึงไม่นิยมหรือหาดูยากกว่าพิมพ์นิยมนะครับ

 

จากหนังสือเล่มเดียวกันครับ

ประวัติ วัดระฆัง

 

ต่อๆๆๆ

 

เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ
ขอพักประวัติวัดระฆังไว้ก่อน

เอาประวัติวัดไชโย ไปอ่านศึกษาก่อนนะครับ
เช่นเดิมนะครับ ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย
พสมช อ่านแล้ว พิจารณากันเอง เสวนากันเอง
พสมช ท่านอื่นจะได้รับความรู้ไปด้วยครับ



จะมาเป็นช่วงๆนะครับ
เพราะผมต้องแปลงให้เป็นไฟล์รูปภาพก่อนนำมาลงครับ

 

เอาตามบันทึกฉบับนี้ชื่อวัดไชโยวรวิหาร มาแต่เดิมๆไม่มีวัด เกศ ไชโยฯครับ ประวัติการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดไชโยฯบันทึกบอกว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯได้ขึ้นมาบูรณะปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่๔ ได้สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่นั่งกลางแจ้งก่ออิฐสอดิน ชาวบ้านเรียกหลวงพ่อโต สร้างได้ไม่นานองค์หลวงพ่อโตได้พังทลายลงมาเองถึงสองครั้ง และต่อมาได้พังทลายลงในปี ๒๔๓๑ ในระหว่างบูรณะฯวัดไชโยฯ สรุปว่าองค์หลวงพ่อโตได้พังทลายลงมาสามครั้ง แต่ไม่มีบันทึกว่ามีพระพิมพ์แบบใดๆในองค์หลวงพ่อโตเลย ลองนึกภาพดูน่ะครับ องค์หลวงพ่อโตก่ออิฐตันทึบขึ้นรูปทั้งองค์ แต่ก็ยังพังทลายลงในเวลาต่อมาไม่นาน ช่างต้องรื้ออิฐลงมาทั้งหมด แล้วก่ออิฐขึ้นรูปองค์พระขึ้นใหม่ แต่มีขนาดเล็กลงกว่าหลวงพ่อโตองค์เดิมเล็กน้อย ลองคิดดูสิครับขนาดก่อองค์พระแบบตันทึบทั้งองค์ แต่ก็ยังแตกหักพังทลายลงมาในเวลาไม่นาน ถ้าสรัางพระพุทธรูปให้มีโพรงภายในองค์พระ เพื่อใส่พระพิมพ์เกือบแสนองค์ มันจะมีความมั่นคงแข็งแรงได้อย่างไรกัน ขนาดก่ออิฐตันทึบทั้งองค์ยังพังทลายลงอย่างง่ายดาย เจอฝนเจอแดดไม่กี่ครั้งก็แตกร้าวพังเสียหายแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพระพิมพ์เนื้อผงพิมพ์ทรงต่างๆบรรจุในองค์หลวงพ่อโต เป็นเรื่องโกหกเหลวไหลทั้้งเพครับ.....:boo: