ปรอทสำเร็จ ของดีจากตำนาน

ปรอทกรอ เป็นปรอทกรอเป็นของวิเศษอย่างหนึ่งสมัยก่อนเข้าใจว่าข้างในมีน้ำปรอทกลิ้งอยู่ ต่อมาจึงรู้ว่าเป็นปรอทซัดว่านยาจนแข็งตัว ภายในมีสาแหรกหุ้มชั้นนึงแล้วมีโลหะหุ้มอยู่อีกชั้น แต่ทั้งนี้การสร้างวิธีการหุ้มแต่ละสำนักอาจไม่เหมือนกันก็ได้ อย่างไรก็ตามลูกปรอทข้างในเป็นปรอทหุงสำเร็จชั้นดีมีชีวิตจิตวิญญาณภายใน ดังนั้นเมื่อเกิดภัยปรอทกรอจึงสามารถสั่นหรือส่งเสียงร้องเตือนให้เจ้าของรู้ตัวได้ทั้งมีอำนาจในการคุ้มครองได้อย่างดีอีกด้วย

 

ปรอททนสิทธิ์องค์นี้ตอนแรกที่ขอท่านอาจารย์โยธินมายังอ่อนปวกเปียก บี้ด้วยนิ้มมือได้ แต่เมื่อนำมาเลี้ยงด้วยทองคำนานวันเข้าตอนนี้แข็งเป็กแล้วครับ ปรอทองค์นี้หุงด้วยว่านยาสามารถทอสีได้สวยงาม จากขาววาวๆแปรเป็นทองหรือทองอมเขียวได้ น่าแปลกดีครับ

 

รบกวนถามคุณพี่ทิพยจักร ว่าปรอทที่ได้จากการขุดบ่อน้ำมันกลางทะเลมีคุณสมบัติดีอย่างไรบ้างครับ และต่างจากปรอทที่หุงไหมครับ และต่างจากปรอทวิทยาศาสร์อย่างไรครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

สวัสดีดีปีใหม่ขอให้ทุกท่านเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ และโภคะตลอดปี2556

 

เป็นพวกคตประเภทหนึ่งละครับ ของแบบนี้ครูบาอาจารย์ท่านถือคติว่าเป็นของจากเมืองลับแล มีอำนาจในการทำน้ำมนต์รักษาโรคได้ดียิ่งนัก

 

ขอบคุณครับของคุณพระรักษาครับ

 

ตอบดังนี้ครับ
๑ ปรอทวิทยาศาสตร์ ไม่ได้หมายความว่าเป็นการผสมเคมีขึ้นมาเอง แต่หมายถึง การถลุงแร่แล้วได้ปรอทที่เกาะหรือแทรกตัวอยู่ในแร่บางชนิดออกมา และหมายถึงปรอทที่ได้จากการขุดเจาะน้ำมัน

๒ ปรอทหุง หมายถึงการเอาปรอทเหลวซึ่งเป็นธาตุเบื้องต้นของมัน ไม่จำกัดว่าจะได้ปรอทนั้นมาจากวิธีไหน เอามาทำให้บริสุทธิ์ด้วยการซัดว่านยาลงไป จากปรอทเหลวๆจะกลายเป็นปนอทแข็งตัว

๓ ปรอทจากทะเลก็ดี ปรอทจากป่าช้า หรือปรอทจากน้ำครำ มีคุณสมับติเหมือนกันคือ กันไข้ป่า โรคระบาด กันภูติผีปีศาจได้ดี ถ้านำมาเสกแล้วบรรจุลงเบี้ยแก้จะเพิ่มพูนพลานุภาพมีอานุภาพสารพัดกันและกลับร้ายกลายเป็นดี หรือนำมาซัดว่านยาเพื่อให้ปรอทแข็งตัวจะทำให้ปรอทมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

๔ปรอททะเล คือปรอทที่มีธาตุพื้นเดิมเป็นของเหลว ส่วนปรอทหุง คือปรอทที่นำมาซัดด้วยว่านยาจนแข็งตัวเอง

 

วัตถุมงคลพวกปรอท
ผมมีพวกเบี้ยแก้ กับวัตถุมงคลของหลวงพ่อเณร วัดทุ่งเศรษฐี ราม 2
ผมได้ทราบว่าใช้ปรอทป่าในการสร้าง
ปรอทป่าเป็นอย่างไรครับ ?

 

สวัสดีปีใหม่ครับ......

 

ขออวยพรให้พี่ทิพยจักรได้พบแต่สิ่งที่ดีๆ

สวัสดีปีใหม่ 2556

 

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านเช่นกันครับ

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ คุณบิดามารดา พระสยามเทวา ครูบาอาจารย์ บารมีพระภรตมุนี พระพิราพ บารมีพระฤๅษี ๑๐๘ ตน จงดลบันดาลให้ทุกท่านประสบความสุข ความสำเร็จ ปราศจากโรคาพยาธิ และภยันอันตรายทั้งปวงตอลดปี ๒๕๕๖ ด้วยเทอญ

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกระทู้ครับ

 

วุัตถุมงคลงามทุกชิ้นเลยครับ

ปรอทป่าเป็นอย่างไร ตอบว่าลักษณะโดยทั่วไปของปรอทป่าก็เหมือนกันกับปรอททั่วไปครับ คือมีลักษณะเป็นโลหะสีเงินอมเทา เหลว ไหลลื่นไปมา มีฤทธิ์เป็นกรดในตัว หากนำไปฉาบทาโลหะอย่างอื่นจะเกิดการผุกร่อนขึ้นได้

ปรอทป่า อาจมีความแตกต่างจากปรอททั่วไปคือ ใสกว่าแวววาวกว่า เพราะปรอทป่ามีความบริสุทธิ์ตัวสูงกว่าปรอทน้ำครำครับ

ในปัจจุบันปรอทหาได้จากการถลุุงแร่่ การสูบน้ำมัน ปรอทที่ได้จากการถลุงแร่ก็เป็นปรอทป่าเช่นกันครับ ส่วนปรอทที่ได้จากการสูบน้ำมัน เป็นปรอทพรายทะเล อย่าลืมที่มาของมันครับ เพราะเหมือนแร่ก็อยู่ในป่านั่นเอง น้ำมันก็มาจากทะเล เพียงแต่ว่าปรอทที่ได้มาจากการถลุงแร่และน้ำมัน มันถูกหมกตัวอยู่ในชั้นดินกินเวลาอาจเป็นร้อยๆปีหรือพันๆปีหรือกว่านั้น ทำให้มันสะสมพิษหรือความสกปรกไว้มาก ตัวมันก็หนักมาก เพราะผ่านการเสพของต่างๆมาเยอะ จึงถือว่าปรอทเหล่านี้ล้างพิษยาก ส่วนปรอทป่ามีความปราดเปรียวว่องไวกว่า เพราะไม่ถูกกักตัวอยู่ในชั้นดินนานๆเหมือนปรอทจากแร่และน้ำมัน ประกอบกับปรอทป่าคือปรอทที่ลงมาจากหมอก จึงมีความเบากว่าปรอทใต้ดิน ความแวววาวและความใสก็มีมากกว่าด้วย เพราะมีสิ่งสกปรกในตัวน้อยกว่า คุณภาพของปรอทป่าจึงดีกว่าปรอทใต้ดินที่หมกตัวอยู่ในชั้นดินนานนับร้อยวันพันปีครับ

 

วิชาปรอทสำเร็จ หากกทำถึงขั้นสุดยอดแล้ว ปรอทจะแปรสภาพจากโลหะกลายเป็นแก้ว ในขั้นนี้มีสองลักษณะคือ
๑ แปรเป็นดวงแก้วจักรพรรดิ์
๒ แปรเป็นพระขรรค์แก้ว

ของสองอย่างนี้เนื่องในผู้บำเพ็ญบารมีเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์และพระโพธิญาณ ผู้ใดอบรมสั่งสมบารมีถึงแล้วย่อมสามารถสำเร็จปรอทถึงขั้นนี้ได้ แสดงให้เห็นถึงบุญบารมีว่าต่อไปข้างหน้าย่อมบรรลุพระโพธิญาณตามที่หวังหรทอได้เสวยชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นที่แน่นอน

ปัจจุบันคาถาเสกปรอทที่ผมใช้จึงยึดเอา คาถาพระจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่เป็นหลักและดวงแก้วหลวงปู่ทวดใช้สวดอธิษฐานกับองค์ปรอทอธิษฐานได้สารพัดเลยครับ แต่ปกติจะใช้อธิษฐานแผ่บุญปรับภพภูมิมากที่สุด

 

การหุงปรอทแบบพม่า.........Nagamasa Alchemy | Facebook..............

มีรูปอาจารย์ใหญ่สายพม่าที่สำเร็จปรอทที่ปิดตัวจะเปิดตัวเฉพาะในงานสำคัญจริงๆ...อายุหลายร้อยปี

 

ขอบคุณครับ ได้ความรู้เยอะเลย ^^

 

หลวงปู่ท่านนี้ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้วครับ ถ้าจำไม่ผิดท่านน่าจะมีอายุ ๕๐๐ ปีและศิษย์ของท่านอีก ๔ รูปก็มีอายุสามถึงสี่ร้อยปีทั้งสิ้น นานๆจะออกมาโปรดศานุศิษย์ซักครั้ง

วิชาปรอทนี่ลึกลับมหัศจรรย์พิสดารพันลึกจริงๆ เพราะมีหลายต่อหลายสาย มีทั้งผ่านไฟและไม่ผ่านไฟ แต่ทั้งสิ้นทั้งปวงมีจุดมุ่งหมายให้ปรอทบริสุทธิ์ตัวและสามารถสำแดงศักยภาพสูงสุดออกมาได้

อย่างวิชาของอาจารย์โยธิน ซึ่งคัดมาจากตำรับของฤๅษีทั้ง ๕ ใช้ว่านยาเคี่ยวให้แข็งตัวขึ้นรูปก่อนแล้วหุงต้มจนขึ้นเกล็ดเพชร

ส่วนของพม่าใช้การหลอมเข้าเบ้า เข้าลักษณะปรอทสยมภู หรือปรอทตายคาเบ้า เป็นปรอทวิเศษอีกประเภทหนึ่ง

แต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้นก็ถือได้ว่าปรอทสำเร็จจากแต่ละสายจะมีอานุภาพเด่นทางคุ้มครองป้องกัน รักษาโรค กันโรคภัยไข้เจ็บ ค้ำชูดวงชะตา ทำให้เจริญในศีลในธรรมหากผู้นั้นใคร่ในการปฏิบัติ รักในความวิเวก

การหุงปรอทั้นผู้หุงต้องอบรมบ่มใจตนเองไปพร้อมๆกัน เพื่อให้ตนเองและปรอทต่างสำเร็จกิจแห่งความบริสุทธิ์ ขณะที่ไล่โทษไล่ขี้ปรอท ผู้หุงก็หมั่นชำระใจตน ไล่กิเลสน้อยใหญ่ออกไป ไฟในการหุงปรอทต้องทำให้พอดี แรงเกินไปปรอทจะระเบิดหนีหายกลายเป็นอากาศธาตุ เย็นเกินไปก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง เหมือนกันผู้ฝึกฝนทางธรรมต้องเอาให้พอดีกับเส้นทางแห่งมัชฌิมาปฏิปทา ตึงเกินไปก็เสียผล หย่อนเกินไปก็ไม่เกิดผลแห่งการปฏิบัติ ที่สุดแห่งที่สุดของการหุงปรอทเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางย่อมได้ปรอทที่มีฤทธิ์เดชรอบด้าน เช่นกันกับนักปฏิบัติเมื่อเข้าสู่มัชฌิมาปฏิปทาแล้วก็ย่อมถึงความบริสุทธิ์ ดวงจิตดวงใจย่อมมีศักยภาพแห่งความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานได้อย่างเต็มภูมิ

 

แล้วไอ้ที่อมแล้วเหาะได้นี่เขาทำกันแบบไหนครับ.............

 

ปรอท ตั้งแต่ชั้นอะโลมะประสิทธิ อมแล้วจะตัวเบาจนลอยได้ การทำปรอทประเภทนี้ก็ทำชั้นต้นเหมือนที่พม่า หรือหลวงพ่อศรีอ่องหรืออาจารย์โยธินท่านทำ แต่ต้องทวีตัวยาหรือทองคำลงไปอีกหลายเท่าตัว เรียกว่าหุงซ้ำไปซ้ำมานั่นเอง จนกระทั่งเกิดการแปรธาตุไปกว่าเดิม ด้วยอาศัยการไล่ขี้ไล่โทษให้บริสุทธิ์จนถึงที่สุด ประกอบกับใช้ว่านยาอันมีฤทธิ์ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือบุญกุศลอันพร้อมเพรียงของผู้นั้น ความมีศีล สัจจะ ตั้งมั่นในสมาธิคือกุญแจสำคัญที่สุด

การทำปรอทหากได้ชั้นทนสิทธิ์ ก็เป็นคงกระพัน

หากได้ชั้นกายสิทธิ ก็เป็นยอดทางชาตรี และตัวเบาเดินบนน้ำ นั่งบนใบบัว กระโดดจากยอดเจดีย์ ยอดตาลหรือตึกสูง หน้าผาแห่งไหนก็ไม่เป็นอะไร

หากได้ชั้นอะโลมะประสิทธิ ขึ้นไปชั้นนี้จะเหาะลอยในอากาศได้

ตามตำราว่าให้หุงซ้ำด้วยการทวีตัวยา อาจารย์โยธินเองท่านก็พยายามพากเพียรหาตัวยา เช่นดอกลำโพงซ้อนกัน ๕ ชั้น ที่ผ่านมาแกได้ ดอกลำโพงกลีบซ้อนกัน ๓ ชั้นก็เจอแล้วมีแล้ว แต่ตามรำท่านว่าหากได้ดอกลำโพงซ้อน ๕ ชั้นจะเป็นตัวยาวิเศษ ซัดปรอททำให้เป็นกายสิทธิ์ได้ แต่อย่างว่าละครับของดีไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ ต้องอาศัยบุญกุศลนำพาจริงๆ

 

สุดยอดเลยครับ....ได้ความรู้เพิ่มเยอะเลยครับ.....เห็นบอกต้องเข้าสมาบัติได้ด้วยถึงจะทำให้เหาะได้เดี๋ยวนี้ไม่มีคนทำได้แล้ว.......ทำปรอทได้ก็ทำมาบัติไม่ได้ ....ทำสมาบัติได้ก็ทำปรอทไม่ได้....สงสัยต้องจับสองอย่างมารวมกัน......เหาะได้แน่ต้องรองซะแล้ว.....

 

ชี้แจงดังนี้ครับ ผู้ทำสมาบัติได้ ชำนาญกสิญ บรรลุแล้วซึ่งอภิญญา ย่อมสามารถเหาะได้เป็นปกติไม่มีปรอทสำเร็จท่านก็เหาะของท่านได้ อย่างหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแกท่านก็เหาะของท่านได้ แต่ท่านไม่แสดง หลวงปู่เกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ท่านก็เหาะของท่านได้แต่ท่านไม่แสดง หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรี ท่านเหล่านี้ชำนาญทั้งนั้น ถือเป็นเครื่องเล่นของท่านครับ


ผู้สำเร็จปรอทด้วยบุญวาสนาอบรม อาจไม่ได้ฌานสมาบัติ แต่เมื่อบุญสั่งสมมาดีแล้วย่อมสำเร็จปรอท ด้วยว่า พบตัวยาหายากล้ำลึก เช่นพญาริดตีนปู สิทธิการิยะกล่าวว่า ยาสิ่งหนึ่งชื่อ พญาริดตีนปู ยางของมันเมื่อถูกปูแล้ว ทั้งก้ามทั้งขาจะหลุดออกจากตัวหมด ยางของมันมาซัดปรอททำให้ปรอทแข็งตัวเป็นทนสิทธิ์ ซัดซ้ำเข้าไปกลายเป็นกายสิทธิ์และอะโลมะประสิทธิตามลำดับ หรือ ยาสิ่งหนึ่งชื่อ ฟ้าคำรน เกิดที่ใดเจ้าที่ผีแรง ในสถานที่มันเกิดนั้น ครั้นถึงวันเดือนดับจะคำรามดั่งเสียงฟ้าร้องกึกก้อง ยางของมันซัดปรอทเป็นกายสิทธิ์ ยังมีตัวยากว่า ๔๐ ชนิดที่ซัดปรอทก็สำเร็จโดยง่าย แต่เป็นไม้เทพธิคุณ ผู้มีบุญวาสนาอบรมมาดีแล้วจึงพบเจอ ปรอทสำเร็จด้วยยาวิเศษอย่างหนึ่ง ด้วยกุศลอบรมมาอย่างหนึ่ง หรือสำเร็จได้ด้วยตัวยาพื้นบ้านแต่ด้วยกุศลอบรมมาดีทำให้บรรลุเป้าหมายแห่งปรอทวิเศษ อำนาจจากปรอทวิเศาจะทำให้เหาะเหิรเดินอากาศได้ แม้บุคคลผู้นั้นไม่มีฌานสมาบัติ

อย่างหลวงปู่แก้มแดงก็ดี พู่พู่อ่องก็ดี รวมไปถึง อาจารย์บูดออี บูดอป๋วย บูดอห่าง อาจารย์โพมินอ่อง อาจารย์อุเมี๊ยะขิ่น และอีกหลายท่าน ท่านเหล่านี้สำเร็จทั้งสมาบัติและสำเร็จทั้งปรอท ด้วยจริตท่านสั่งสมมาทางนี้นับชาติไม่ถ้วน ท่านเหล่านี้แม้ไม่มีปรอทก็เหาะเองได้ครับ ส่วนปรอทเป็นเครื่องเล่นประกอบของท่านเท่านั้น

การทำปรอทสำเร็จนั้นท่านว่าหากทำสำเร็จแล้ว ผู้ทำนำไปถวายไว้ในพระพุทธศาสนาให้ประดิษฐานในเจดีย์วัดวาอารามย่อมเป็นบุญประเสริฐเลิศโลก ผู้ทำปรอทสำเร็จแล้ว มักปรารถนานิพพานเป็นที่พึ่งเป็นสรณะ จึงมักถวายปรอทวิเศษแล้วอธิษฐานให้ได้ซึ่งมรรคผลนิพพานในกาลต่อไป


เพราะที่พึ่งอันเกษมนั้นคือไตรสรณคมน์ ความสุขที่แท้จริงคือความหมดทุกข์ ปรอทเป็นเครื่องรางที่ใช้ประกอบการทำสมาธิ ตั้งแต่การดักจับ ไล่ขี้ และหุงจนสำเร็จล้วนผูกพันกับการฝึกจิตไปทุกขั้นตอน จนเมื่อสำเร็จแล้วผู้หุงก็พร้อมที่จะยกจิตใจออกจากโลกียะสมบัติทั้งปวง เพราะจิตได้ไต่ระดับมาเรื่อยจากการหุงปรอทนั่นเอง

ขอบใจน้องๆและทุกท่านที่ติดตามกระทู้นะครับ