บันทึกการ ปฏิบัติ (ครูสันตินันท์)

เอ้า ดริฟท์ ดริฟท์ ดริฟท์
โง่ก็รู้ว่าโง่ฮะ
ไม่ต้องปรุ่งแต่งให้มากความ
หึหึหึ

 

พอดีลองทำตามดู ว่าอะไรนะ รู้แต่ ดริฟท์ ๆๆๆ ไม่รู้เรื่องอ่ะ เป็นคนพูดภาษาไทยภาษาอะไร ไม่รู้เรื่อง

ทำตามคุณดูบ้าง รู้ไป ก็เลยรู้แค่ ดริฟท์ๆๆๆ

ไม่มีอะไรให้สงสัย
ไม่มีอะไรให้ไปค้น
รู้ว่าไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวรู้เอง ว่า ดริฟท์คืออะไร .....ฮ่าฮ่าฮ่า

 

ถ้างงก็ให้ฟังผม
อ่านโพสต์ของผมไปเรื่อย ๆ แล้วกัน

ผมโพสต์ที่ไหนให้ตามไปอ่านเลยนะครับ

ถ้าว่าโดยเจตสิก
สติ สัญญา สังขาร ล้วนเป็นเจตสิก

ถ้าว่าโดยขันธ์
สัญญา สังขาร เป็นขันธ์
ส่วนสติ ไม่ใช่ขันธ
สตินี้คือ มรรค

 

ก็เมื่อหลวงปู่ท่านกล่าวเอาไว้
ผมปฏิบัติ เข้าไป ปฏิบัติ เข้าไป
ก็ไปเจออย่างหลวงปู่ท่านพูดไว้อย่างจัง ๆ
ถ้าไม่อ้างหลวงปู่แล้วผมจะอ้างใคร

ก็รู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน
ก็ลงรอยกันได้น่ะสิครับ

ส่วนเรื่องกรรมฐานที่คุณถามน่ะครับ
ว่าท่านให้ทำกรรมฐานอะไร?

ไม่ว่าจะกรรมฐานอะไร
ถ้ามีสติสืบเนื่องเป็นสายน้ำแล้ว
จะรู้ทันอารมณ์หมดล่ะครับ

แล้วอารมณ์มาจากไหน ถ้าไม่มาจากจิต....

 

เมื่อยอมรับในเหตุผลซึ่งกันและกัน
นับว่าเป็นผู้หนักในเหตุในผล
และมีจิตใจที่เป็นธรรม

ความจริงผมไม่ได้มีเจตนาดูถูกเหยียดหยามผู้ใดนะครับ
แต่ผมเอาความจริงมาพูด
ถึงใครจะว่าโอ้อวด ก็ตามเถอะ
ผมหวังประโยชน์ต่อบุคคลทั้งหลายต่างหากล่ะ

ถึงใครจะสรรเสริญหรือไม่
หรือใครจะกล่าวตำหนิอย่างไร
ผมไม่ได้สนใจนะ
คุณค่าในหัวใจคนต่างหากล่ะที่ผมสนใจ

และไม่ว่าใครจะสรรเสริญ หรือตำหนิติเตียนใด ๆ ก็ตามเถอะ
ผมดูหัวใจตัวเองตลอด....

 

รู้ไปหมดเลยนะคุณ

แล้วตัวหนังสือนี่ไม่ใช่สมมติเหรอ
คำพูดคำจาภาษาต่าง ๆ นี่ไม่ใช่สมมติเหรอ

ถ้าไม่ให้เอาสมมติมาสอนจะให้เอาอะไรมาสอน
ผู้สอนก็สมมติ ผู้ถูกสอนก็สมมติ แม้แต่สื่อการเรียนการสอน ก็สมมติ
แล้วอะไรล่ะที่ใม่ใช่สมมติ

ท่านก็ใช้สมมติ ถอดถอน สมมติ นี่ล่ะ ถึงจะถึงวิมุตติ ได้

 

[quote=เตชพโล;3259767]
แล้วมีข้อบังคับข้อไหนครับ
ว่าเจตสิกเกิดร่วมกันไม่ได้
ตัวอย่างเช่น
สัญญา กับ สังขาร ทำไมเกิดร่วมกันได้
สังขาร ความคิด ความปรุง ก็ต้องมีสัญญาร่วมด้วย
จึงจะปรุงไปได้จนจบเรื่อง
เพราะหากขาดสัญญาไป
การคิดการปรุงก็จะขาดตอนไป
เหมือนคนแก่หลงลืมนั่นล่ะครับ[/quote]

ท่านเตชพโลท่านว่าเองนะครับว่า สติเป็นเจตสิกและเป็นมรรค ไม่ใช่ขันธ์
ผมเคยกล่าวกับท่านว่า สติเป็นเจตสิกที่เป็นกุศล ไม่สามารถเกิดพร้อมกับ
เจตสิกที่เป็นอกุศลได้ แต่ท่านก็ทั้งแถทั้งมั่วว่า ทำไมสัญญาและสังขารเกิดพร้อมกันได้(อันนี้ขอละไว้ก่อนเดี๋ยวท่านจะงง)
สังเกตุได้ว่าเรากำลังถกกัน เรื่องเจตสิกอยู่ท่านไม่มีความเข้าใจในบัญญัติดี
เลยเอาเรื่องขันธ์มาปน ผมแนะนำให้ท่านไปทำความเข้าใจกับปริยัติหรือบัญญัติให้ดีเสียก่อนแล้วจึงมาปฏิบัติ

.....สรุปเลยละกันว่า สื่งที่ท่านนำมาแย้งผมที่ว่า สติที่เป็นเจตสิกฝ่ายกุศล
ไม่สามารถเกิดพร้อมกับเจตสิกที่เป็นฝ่ายอกุศลได้ มันเป็นคนละเรื่องกัน

 

......ใครไปยอมรับเหตุผลของท่านกันครับ ข้อความของผมกับคุณไข่น้อย
เป็นข้อความเยาะเย้ยถากถางท่านครับโปรดเข้าใจตามนี้ด้วย
อะไรกันพูดมาได้เรื่องเหตุผล คุยกันมาตั้งนานผมยังหาเหตุผลจากคุณไม่ได้
เลย หาเนื้อหาจากท่านก็ไม่ได้ เห็นกล่าวมาแต่ละอย่างมีแต่อวดตัวเอง
ว่าปฏิบัติมารู้ทุกอย่างเห็นทุกอย่าง แต่พอถามก็ตอบไม่ได้ ยกครูบาอาจารย์
มาเป็นเกาะป้องกันตัว ทั้งๆที่เอาคำสอนของท่านมาอ้างแบบผิดๆ
หยิบตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยโดยขาดความเข้าใจมาโพส
......และสิ่งที่น่าอายที่สุดคือ พอให้เหตุผลคนอี่นไม่ได้ ก็โมเมว่าตัวเองรู้คน
อื่นไม่รู้ คนอื่นไม่มี ทาน ศีล ภาวนา ประเภทเอาดีใส่ตัวชั่วให้คนอื่น

 

ท่านกำลังพร่ำพรรณาอะไรอยู่ครับ กรุณาใช้ให้ถูกสถานที่และกาละเทศะครับ
ห้องนี้เป็นห้องเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม ท่านเล่นมาอวดเรียงความชั้นประถม
มันจะทำให้สมาชิกปวดหัวกันเสียเปล่าๆนะครับ

 

ตลกดี คุณยังไม่พ้นโลกียะ แต่ชอบพูดถึงโลกุตะระ

สิ่งที่กล่าว คุณก็ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย เคยเห็นพระอาจารย์เก่งๆ เวลาสอน

โยม ท่านยกตัวเปรียบเทียบบ้างไหม เคยสังเกตุหรือเปล่า และอีกอย่างนะ

สติที่ดี นี่ มันจะรู้และไปเห็นกิเลส ไปเห็น นิวรณ์ที่กำลังเกิด และต่อไป

หากเพียรไปเรื่อย ก็จะไปเห็นตัวที่กำลังจะเกิด และจะเห็นการเกิดดับ

จนกระทั่งไปเห็นตัวเอง ว่า เอ้ย เราคือตัวอะไรวะ ฉันถึง ตรงนี้อยู่

ไม่ได้มาอวด อะไร และสติเหมือนสายน้ำนี่ มันคืออะไร ของคุณ

เห็นชอบพูดจัง เข้าใจในสิ่งที่ตัวเอง พูดบ้างไหม แต่คุณคงจำคำพระมาพูด

อีกนั่นล่ะ

ตอนนี้ฉันพูดระดับโลกียะอยู่ เพราะศีลยังพร่องอยู่ ฉันเอาแค่ที่ได้ เป็นในสิ่งที่

เป็น กระโดดมากๆ ขาหัก

 

[/QUOTE]แล้ว มิจฉาสติ นี่เป็น กุศลหรืออกุศล

พวกคุณนี่บาปกรรมหนาจริง ๆ นะ
ทำลายหลักธรรม ของพระพุทธศาสนา
บาปกรรมหนานะพวกคุณ

เอาธรรมะมาปู้ยี่ปู้ยำหมด
เอากิเลสเข้ามาแทรกมาวิเคราะห์
จนมั่วไปหมด

แล้วยังจะมาอวดตัวว่ารู้อย่างนั้นอย่างนี้

ผมบอกแล้วนะว่าดูจิตของพวกคุณมันแค่สมถะ
เท่านั้นล่ะไม่ได้เป็นวิปัสสนาอะไรเลย

เดี๋ยวมีเวลามากกว่านี้ผมจะวิเคราะห์ให้ฟัง

ตกลง มิจฉาสติ เป็นกุศล หรือ อกุศล ล่ะ

สติ มีทั้งสัมมาสติ กับ มิจฉาสติ นะคุณ
พวกหนอนแทะกระดาษนะ
ที่มันเอากิเลสเข้ามาแทรกเวลามันเรียนธรรมะ
ของจริงมันไม่เคยปรากฎกับใจนี่สิ....

 

นี่น่ะเหรอนักปฏิบัติเยาะเย้ยถากถางผู้อื่น
มันปฏิบัติธรรมเพื่อชำระล้างกิเลส
หรือว่า ส่งเสริมกิเลส กันแน่...

 

คุณนี่ ตลกดีนะ....

รู้ไปหมดเลยนะว่าผมเป็นยังไง
รู้ไปหมด...

แต่รู้ผิด ๆ

 

ขี้เกียจ คุยกับคุณแล้ว

หลงตัวเอง ชมัด หรือคุณจะบอกว่าสติคุณเป็นสายน้ำแล้ว

คำนี่ล่ะ ที่ฉันบอกว่า คุณจำคำพระมาพูด

เลิกสนทนาด้วยดีกว่า ....:boo:

 

ใช่ครับ...สติผมเป็นสายน้ำแล้ว
และยิ่งช่วงที่ผมบวชอยู่นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย
สติเป็นสายน้ำ...ยาวนานมาก

ก็ของจริงปรากฏกับใจแล้ว
ทำไมมันจะพูดเต็มปากเต็มคำไม่ได้ล่ะครับ

ก็ถอดออกมาจากหัวใจมาเล่าให้ฟัง
กิเลสในใจคุณมันยังคอยคัดค้านต้านทานอยู่เหรอ...

ที่คอยคัดค้านต้านทานในใจคุณอยู่เดี๋ยวนี้
มันคือกิเลสคุณรู้มั้ย...

 

ยินดีที่ได้อ่าน สิ่งที่คุณเตช รู้จากการปฏิบัติ

 

ลูกบัวผันเอ๊ย ไม่จำคำพระมาพูดจะให้จำคำโจรเหรอ

ถ้าเอาพุทธพจจ์ มาอ้าง นี่ ถือว่าเป็นคำพระไม๊น้อ


...หึหึ ตัวเองก็จำ มาเหมือนกัน ไม่ว่าจะพระรูปใด สาวก หรือศาสดา ตัวเองก็จำเขามาเหมือนกันไม่ใช่หรือ

หรือว่าไง รู้เองแล้ว เห็นเองแล้ว ...

ตัวก็ไม่ได้มีดีกว่า ก็อย่ามาว่าเขาเลย

 

ถึงฉันจะเอาคำพระมาพูด ฉันก็จะอ้างอิงตลอด

ไม่ขี้ตู่ .. ไม่เหมือน เตช สติเป็นสายน้ำไปซะแระ

แต่ใครถาม อีตาเตช ไม่เคยอธิบาย ให้ชัดเจนได้สักที

บ้าน้ำลาย อย่ามาอ้าง ว่าบวช เคยอ่านมาหลายโพสแล้ว

หลาย ID ด้วย ก็เลยรู้ว่า คำพูดเขา แปรปรวนไปตามอารมณ์

เดี่ยวไม่มาเว็บพลังจิต เดี่ยวบวชตลอดชีวิต อ่านมานานแล้ว

แต่ฉันยังไม่แสดงออก แล้ว ยังไม่อายมาบอกว่า สติเป็นสายน้ำอีก

อายสาธารณะไหม เขาฮาขี้แตกกันหมดแล้ว อีตาสามคาวถ้าไม่รู้อะไร

ก็ถอยไป เถอะ

 

หากสติเป็นสายน้ำ..............ระดับผู้สูญสิ้นอาสวะหมดแล้วครับ


สติจะเกิดขึ้นเมื่อใจเห็นใจ หากไม่เห็นใจ กลัวจะเป็นสมถะเป็นสายน้ำมากกว่า

สมถะเป็นสายน้ำแล้วหาทางละร่างกายและเข้าไปสู่ใจได้ จะเห็นสติเกิดดับเกิดดับ

เดี๋ยวรู้เดี่ยวไม่รู้ แล้วจะต่อเนื่องรู้ตัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ....จนกระทั่งละตัวรู้ ไม่ยึดตัวรู้

.......ครับ

 

.....แล้วมรรคเป็นกุศลหรืออกุศล ท่านเตชพโลครับท่านนี้ทั้งมั่วทั้งแถ
แบบด้านไร้ยางอายจริงๆนะครับ เรากำลังคุยกันถึงสติตัวไหนอยู่ครับ ท่านก็
บอกเองว่า สติเป็นมรรค เท่ากับว่าเป็นสัมมาสติ

เอามิจฉาสติมาอ้างแบบด้วนๆไม่อธิบายด้วย แรกเริ่มเลยท่านบอกว่า"ต้องมี
สติเป็นสายน้ำจึงจะดูการปรุงแต่งได้" ผมแย้งว่า"สติเป็นเจตสิกฝ่ายกุศลไม่
สามารถเกิดพร้อมกับเจตสิกฝ่ายอกุศลได้

แล้วท่านเอามิจฉาสติบ้าบอของท่านมาอ้างทำไมกัน เซ็งเป็ด!จริงๆ
....คุยกันเรื่องดูจิตเรื่องกัมฐานอยู่ดีๆ ดันเอามิจฉาสติมาแถ
ถามจริงท่านไม่รู้หรือโง่กันครับ ว่าเราต้องใช้สติอะไรมาทำกัมฐาน

แล้วที่ถามผมว่า มิจฉาสติเป็นกุศลหรืออกุศล
ผมขอตอบว่า ถามโง่ๆครับท่านเตช..