บรรลุธรรมแล้วเป็นเช่นไร?!?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย DR-NOTH, 20 มกราคม 2013.

  1. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ทำไมไปกล่าวว่าพระอรหันต์ยังต้องกระวนกระวายจากทุกข์อีกหละท่าน
    แล้วกระวนกระวายนี้ จิตกระเพื่อมไหม? มีจิตที่จะพาไปเกิดไหม? แล้วจิตที่มีด้วยอาการกระวนกระวายนี้ จะพาไปอบายภูมิไหม?
     
  2. 2554

    2554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +719
    ขอแสดงความเห็นเป็นตัวสีน้ำเงิน

    ผู้รู้ธรรมเห็นธรรม

    ผู้ปฏิบัติ ต้องผ่าน การสะสมกำลังสติ กำลังสมาธิ จนเต็มเปี่ยมก่อน


    ผู้รู้ธรรมเห็นธรรม จะรู้จะเห็นธรรมตามกำลัง

    สติ ปัญญา หรือ กำลัง

    สมาธิ ของแต่ละคน เป็นลำดับๆจากขั้นหยาบไปขั้นละเอียด

    หรือค่อยๆรู้ค่อยๆเห็นไปทีละเล็กละน้อยๆสะสมไปเรื่อยๆ ตามลำดับ


    ธรรมปฏิบัตินั้น ไม่สามารถอธิบายด้วย ธรรมปริยัติ


    เมื่อธรรมปริยัติบัญญัติจากสัจจะ แล้ว

    ธรรมปฏิบัติ ย่อมสามารถ อธิบายได้ด้วย ธรรมปริยัติ เช่นกัน
     
  3. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ความหมาย ผู้รู้ธรรม เห็นธรรม ของครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุติ

    ขออนุญาตครับ

    ดูชื่อเรื่องด้วยนะครับ ผมขึ้นชื่อเรื่องว่า


    "ความหมาย ผู้รู้ธรรม เห็นธรรม ของครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุติ"

    และครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุติท่านบอกเล่า ท่านสอนว่า

    "ธรรมปฏิบัตินั้น ไม่สามารถอธิบายด้วย ธรรมปริยัติ"

    นั้นก็ถูกของท่านแล้ว เพราะแม้แต่องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านก็บอกว่า

    "ให้ผ่านฌาณสี่ ก่อน ค่อยส่งเข้ามาที่วัดป่าบ้านตาด"
    "ครูบาอาจารย์นี่อย่างไรนะ แค่สอนให้ผ่านฌาณสี่ ใครก็สอนได้"
    "ไม่ผ่านฌาณสี่ แล้วจะส่งมาให้ผมสอนอะไร เอากลับไปก่อน"
    "ผ่านฌาณสี่ แล้วค่อยส่งมาใหม่"


    หลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต ท่านบอกเล่าว่า
    "ครูบาอาจารย์รุ่นก่อนๆ ถ้าไม่ผ่านฌาณสี่ ท่านจะไม่สอนต่อ"
    "ต้องปฏิบัติ ซ้ำอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะผ่าน จึงจะสอนต่อให้ได้"


    ส่วนหลักสูตรของทางฝั่งลาว ก็ลูกศิษย์ หลานศิษย์ขององค์หลวงปู่ใหญ่นี่ละครับ
    ต้องฝึกฌาณระดับเดินบนน้ำได้ โน่นละครับ ถึงจะเริ่ม พิจารนาธรรม
    ท่านไม่ให้เร่ง ไม่ให้รีบ ไปไหน
    แต่พอท่านผ่านฌาณระดับสูง (เอาเดินบนน้ำเป็นเกณฑ์ก็แล้วกัน)
    จึงจะเริ่มพิจารนาธรรมได้

    ส่วนท่านที่เข้าใจว่า ธรรมสามารถ พิจารนา ตามกำลังฌาณนั้น
    ก็ถูกของท่าน เหมือนกัน

    แต่หัวข้อเรื่องนั้น ผมตั้งเอาไว้ว่า

    "ความหมาย ผู้รู้ธรรม เห็นธรรม ของครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุติ"

    ผมก็ต้องเขียนตามหัวข้อเรื่อง

    ส่วนครูบาอาจารย์ท่านใด ครูบาอาจารย์สายไหน จะอนุญาต จะบอก จะสอนกันว่า

    "ให้พิจารนาธรรมกันไปเลย มีกำลังฌาณเท่าไร ก็พิจารนาธรรมไปเท่านั้น"
    ก็เป็นเรื่องของครูบาอาจารย์ท่านนั้นๆเอง มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมเขียน

    ส่วนเรื่องเอาธรรมปริยัติไปอธิบายธรรมปฏิบัตินั้น
    ใครจะเอา ของหยาบไปอธิบายของละเอียด ก็ตามใจ


    เพราะท่าน อ.ปู่ หลวงปู่มหาบัว ท่านก็ถามกลับ ธรรมปริยัติว่า
    "แล้วมันต้องทำอย่างไรละ"
    แล้วอย่างนี้ จะไปเอาธรรมปริยัติที่ไหนมาตอบ

    เหมือนอย่าง มหาเปรียญ๙ ท่านบอกว่า
    "อย่ามาคุยโม้เลย ภาษาที่พูดมามันไม่ใช่ภาษาอะไรเลย"
    "บาลีิ ก็ ไม่ใช่ สันสกฤษ ก็ไม่ใช่"


    แล้วท่านจะมาพูดมาคุยกับ กับศิษย์สายเทพสายพรหม ที่เขานั่งสมาธิเรียน
    วิชา หมอรักษาคนบ้าง เรียนธรรมชั้นสูงบ้าง

    ได้อย่างไร ความจริงท่านเหล่านั้น ไม่ว่าท่านพูด ภาษาอะไร
    ท่านก็รู้ ท่านก็เข้าใจลงที่จิตได้หมด
    แต่ถ้าท่านกำหนดเพื่อฟังเสียง ก็จะเป็น "ภาษาเทพ" ซึ่งไม่มีในโลกมนุษย์
    แล้วมหาเปรียญจะรู้ได้อย่างไร

    เหมือนการปั้มน้ำใส่ถัง การปั้มใส่ให้เต็มถังก่อนแล้วค่อยเปิดใช้งาน
    ย่อมจะดีกว่า การปั้มน้ำไป และเปืดใช้น้ำไปด้วย
    เผลอๆน้ำหมดตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

    คุณก็ดูผลเอาก็แล้วกันว่า ทำไมศิษย์สายธรรมยุติ ถึงได้มีพระอริยะสงฆ์มากกว่าสายอื่นๆ

    ที่ผมเขียนธรรมในเว็บนี้ ผมไม่ได้สนใจว่า ท่านผู้อ่านจะเป็นใคร
    ผมแค่หวังว่าจะมีท่านผู้มีบุญบารมี ที่พอจะเข้าใจได้ผ่านมาอ่านบ้างเท่านั้นเอง

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
  4. 2554

    2554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +719
    จะตอบให้เป็นตัวสีแดง ที่เราเขียนความเห็น เราไม่ได้สนใจว่า

    ผู้อ่านจะเป็นใคร เพราะความจริงก็เป็นความจริง สัจจะ ย่อมเป็นสัจจะ

    username นี้ ตั้งหัวข้อ เราก็แสดงความเห็นตามหัวข้อ

    เข้าใจอย่างไรก็ตามนั้น ส่วนจะเข้าใจแค่ไหน

    ก็เป็นเรื่องของ username นี้เอง เรื่องการนับถือครูบาอาจารย์

    เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องมีปัญญา ในการนับถือศรัทธา

    .........
     
  5. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ปัญญานั้นผมมี แต่ของท่านละอยู่ตรงไหน

    ขออนุญาตครับ

    การเข้ามาในเว็บนี้ ผมก็พยายาม พูด พยายามอธิบาย พร้อมกับ โน้มนำ
    ให้ท่านที่ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ช่วยกันแสดงความคิดเห็น
    ช่วยกันบอกเล่าประสบการณ์ เพื่อเป็นแนวทาง
    ให้ผู้อื่นได้ปฏิบัติได้ง่ายขึ้น
    ไม่ใช่เอาแต่ นำข้อเขียนของครูบาอาจารย์มาลงเท่านั้น

    ร้ายกว่านั้น สำหรับบางท่านเข้ามาตอบเพียงเพื่อ
    จะแสดงว่า "ข้าแน่กว่าเอ็งโว้ย" อย่างนี้ก็มี

    เห็นแล้วสลดหดหู่แทนยิ่งนัก
    กระทั่งอ่านธรรมที่เขาบอกเล่า ยังไม่เข้าใจ

    ผมก็อยากถามท่านเหล่านั้นว่า "ปัญญาของท่านอยู่ที่ไหน"

    ครูบาอาจารย์บางท่านๆอาจจะสอนให้


    "ปฏิบัติไป ก็พิจารนาธรรมไปด้วยเลย"

    เพราะท่านเห็นว่า ท่านนั้นๆ ชาตินี้ทั้งชาติ จะปฏิบัติไปได้ไม่ถึงไหน
    ท่านก็เลยแนะให้ใช้วิธีนี้

    แต่สำหรับผู้มีบุญบารมีจริงๆ ท่านจะแนะให้สร้างพื้นฐานให้มั่นคง
    ให้แน่นหนาถาวรก่อนเสมอ

    ท่านผู้ใดอยากเล่นคำ ในเว็บ ก็เล่นไป
    คนเขาเข้ามาอ่านเขาพิจารนาได้ว่าอะไรเป็นอะไร

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ ร่วมกับผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
  6. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ตกลงนี่ใครบรรลุถึงขั้นไหนบ้างนี่ 555 ท่านทั้งหลายดูจากการบรรยายธรรมเอาเองครับ ..
    โมทนา....
     
  7. 2554

    2554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +719
    จะตอบให้เป็นตัวสีแดง เราแค่แสดงความเห็น แบบตรงไปตรงมา

    เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ว่ากันไป ถ้าจะถามเรา หรือ สงสัยในตัวเรา

    อละต้องการคำตอบ ให้ username นี้

    เข้าไปถามได้ แล้วจะชึ้ หรือ จะตอบให้ แต่ต้องวาง อคติ ทิฏฐิ

    มานะ เสียก่อน แล้วเราจะตอบ หวังว่าตงจะเข้าใจ

    กล้าๆหน่อย...........
     
  8. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ใครเก่ง ใครแน่ ก็เผื่อแผ่ เพื่อนฟ้อง น้องพี่ ชาวเว็บ บ้าง

    ขออนุญาตครับ

    คำว่า "555" ของท่าน มันบอกระดับภูมิรู้ ภูมิธรรม ของท่านเองแล้ว

    ขออนุญาตครับ

    ถ้าท่านรู้ธรรม เห็นจริง ก็ขอเมตตาเพื่อนฟ้อง น้องพี่ ชาวเว็บท่านอื่นๆ ด้วยนะครับ

    สำหรับผม ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องถามใครอีก
    เพราะแค่ที่บ้าน เปิดวิทยุ สถานีเสียงธรรม แทบจะ 24 ชั่วโมง เกือบจะทุกวันอยู่แล้ว

    และผมบรรลุธรรมระดับสูง ด้วยการปฏิบัติด้วยตนเอง ก่อนเข้า วัดธรรมยุติเสียอีก

    แค่ครูบาอาจารย์ พระเถระผู้ใหญ่ฝ่ายธรรมยุติ ท่านบอกเล่าว่า


    "ปฏิบัติมาได้อย่างไร ไม่มีครู ไม่มีอาจารย์ แล้วมันมาถึงนี่ได้ อย่างไร"

    ท่านยังบอกอีกว่า

    "ถ้าปฏิบัติเอง ยังมาถึงนี่ได้ ก็ไม่ต้องไปถามใครอีก ให้ปฏิบัติเองต่อไป"

    แล้วท่านก็มอบ พระรูปหล่อ ของท่าน อาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปันโน
    เนื้อทองคำ รุ่น ๑ ให้ไว้กราบไหว้บูชา

    องค์ที่ท่านมอบให้ผมมานั้น โค๊ต หมายเลข ๖ ครับ

    ครูบาอาจารยฝ่ายธรรมยุติบ้างท่านถึงกับบอกว่า


    "ถ้าโยมเป็นพระ นะ เลยนี่ไปหน่อยเดียว ก็ถึงขั้น อ น า ค า มี แล้ว"

    ร่ำๆว่า จะออกกระทู้ "การปฏิบัติตั้งแต่เบื้องต้น จนได้ อภิญญาญาน" เขียนแบบรู้เอง เห็นเอง

    ก็ไม่รู้จะเขียนให้ใคร อ่าน เพราะคนในเว็บนี้ เก่งๆ ทั้งนั้น

    แต่เอ เขียนเอง อ่านเอง ก็น่าจะดี แต่ถ้าจะให้เขียนในเว็บนี้ น่าจะชาติหน้าตอนบ่ายๆ

    ส่วนที่ท่าน อ.ทิพากร รินไธสงค์ บอกเรื่อง การปฏิบัติของผมนั้น
    บอกใครไม่ได้ เพราะ ท่านพูดกับผมโดยตรง สองต่อสอง
    ถ้าท่านอยากให้ผู้อื่นรู้ ท่านจะบอกผู้อื่นเอง

    เมื่อคืน ท่าน อ.ทิพากร รินไธสงค์ ท่านบอกว่า

    อีกไม่กี่วัน เว็บพระใหญ่ชัยภูมิ.คอม จะมีโฮสท์ ของตนเองแล้ว ไม่ต้องไปพึ่งใครอีก

    ถ้าคิดว่าท่านเก่ง ถ้าคิดว่าท่านแน่ ก็ขอเรียนเชิญ เมตตา เพื่อนฟ้องน้องพี่ ชาวเว็บท่านอื่นๆ

    แต่ถ้าจะเอา "ปริยัติ" มาอธิบาย "ปฏิบัติ" ก็ตามใจท่าน ถ้าคิดว่า มันจะพอมีประโยชน์

    หรือถ้าจะเอา ธรรม "555" มาบอกมาเล่า ก็ตามใจท่าน ถ้าคิดว่า มันจะพอมีประโยชน์

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ ร่วมกับผู้มีบุญบารมี ทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2013
  9. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154

    ขอโอกาศครับ

    เพื่ออะไรครับ

    ไม่เห็นประโยชน์ครับ
     
  10. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    หลวงตามหาบัว ท่านเทศของท่านตั้งมากมาย ไม่เห็นมีศัพท์แสงวุ่นวายอะไร

    ขออนุญาตครับ

    หลวงตามหาบัว ท่านแสดงธรรมของท่านตั้งมากมาย ไม่เห็นมีศัพท์แสงวุ่นวายอะไร
    รู้อะไร เห็นอะไร ก็บอกเล่าออกมา แค่นี้เอง
    จะเอาไปเปรียบเทียบกับอะไรอีกทำไม

    ผมยังเชื่อคำสอนขององค์หลวงปู่มั่น ที่ท่านสอนว่า


    "เรียนอะไรมา รู้อะไรมาลืมให้หมด"
    "อยากรู้อะไรให้ปฏิบัติเอา"
    "กิเลสอยู่ที่ใจ ไม่ต้องไปตามหาที่ไหน"


    แล้วเราลองมาตามดูว่า ท่านที่รู้มากๆนั้น ท่านจะปฏิบัติได้ง่ายขึ้นกันหรือเปล่า

    ขอโมทนา ขออนุโมทนา ร่วมกับญาติธรรมทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2013
  11. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    ขอโอกาศครับ

    ก็ได้แค่แนะนำ หรือสกิดบอกกันครับ

    ขอแค่นี้ก่อนน๊ะครับ มีธุระต้องทำ.
     
  12. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ขอยกข้อความเดิมมาให้ดูอีกที

    ขออนุญาตครับ

    ข้อความเดิมที่ผมได้เขียนไว้ เมื่อ 23-08-2010 เวลา 9:07 AM ในกระทู้ที่ถูกปิด โดย จขจก


    สมาธิ ปัญญา การรู้ลงที่จิต ใน สภาวะธรรมที่เกิดขึ้น

    ขออนุญาตครับ
    ขอกราบนมัสการ สมเด็จพระบรมครูพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ขอกราบนมัสการ พ่อแม่ครูบาอาจารย์พระอริยะสงฆ์ทุกๆท่าน
    ขอกราบนมัสการ องค์เทพ องค์พรหม ทั้งหลายที่ได้ให้ความเมตตาตลอดมา
    ขอกราบนมัสการ ครูอาจารย์ที่เป็นฆราวาสทุกๆท่าน
    กระผมขออนุญาตตอบปัญหาธรรมเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้แก่ผู้สนใจใคร่รู้ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ของเหล่าฆราวาสทั้งหลาย

    เฉพาะผู้ที่มีภูมิรู้ ภูมิธรรม ต่ำกว่า หรือ ใกล้เคียง กับ ข้าพเจ้าเท่านั้น

    ไม่ได้มีเจตนาจะอวดโลกแต่ประการใด กระผมเข้าใจว่า ธรรม นั้น กว้างขวาง ละเอียด ลึกซึ้ง สุดประมาณ

    การที่กระผมรู้มานั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ประมาณ เศษธุลีดิน ยังเปรียบไม่ได้

    สำหรับท่านที่มีภูมิรู้ ภูมิธรรม สูงส่งอยู่แล้ว ขอกราบนมัสการผ่านไป อย่าได้เสียเวลามาอ่านเลย

    ขอกราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูงสุด
    ลุงมหา


    อ้างอิงตาม เว็บลิ้งค์ ข้างล่าง

    http://palungjit.org/threads/สติดีดออกจากสมาธิ.253359/page-2#post3693147

    ท่านที่เข้ามาอ่าน หรือเข้ามาตอบ ข้อเขียนใดๆ ของผม
    ขอให้ทราบว่า ผมไม่มีเจตนาใดๆ
    ที่จะพบปะพูดคุย กับท่านที่มี ภูมิรู้ ภูมิธรรม อันสูงส่ง

    ข้อเขียนของผม ก็บอกชัดเจนอยู่แล้ว

    เหตุผลเพราะผมเป็นคนที่ชอบ คิด พิจารนา ด้วย ตนเอง

    เพราะฉะนั้น ถ้ามีท่านผู้ใดมาบอกอะไร มาสอนอะไร ท่านจะเสียเวลาเปล่า

    แม้ผมจะเคยพบเจอ องค์หลวงปู่ใหญ่ ท่านก็ไม่ได้บอก อะไร ไม่ได้สอน อะไร
    ท่านเพียงแต่ ให้พรเท่านั้น

    ครูบาอาจรย์ฝ่ายธรรมยุติ ท่านยิ่งเข้าใจดีว่า

    ผมเป็นคนประเภท ไม่ควรบอก ไม่ควรสอน ให้คิด ให้ พิจารนา เอาเอง จึงจะดีที่สุด

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ ร่วมกับผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
  13. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ผมสนใจเรื่องภาษาเทพขอรับ
    ภาษานี้มีสื่อเป็นตัวหนังสือ
    หรืออักขระใดหรือไม่เพื่อให้เข้าใจศึกษา
    หรือใช้อะไรสื่ออย่างนั้นขอรับ
     
  14. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ภาษาเทพ ภาษาใจ ต้องแลกด้วยอะไร?

    ขออนุญาตครับ

    ศิษย์สายเทพ สายพรหม นั้น ที่พบที่เจอ ที่ท่านพูดภาษเทพได้ มีสองกลุ่ม

    กลุ่มแรก เป็นที่ๆคนทั่วไปเรียกว่า "ร่างทรง" กลุ่มนี้ เมื่อเทพท่านบอกอะไร
    คนทรง ก็ต้องแปลเป็น ภาษาต่างๆที่ผู้ฟังเข้าใจ
    เทพบางองค์ บางท่าน ก็พูดภาษาเทพ

    กลุ่มที่สอง ก็คือกลุ่มที่ "เป็นหมอ" รักษาโรคแบบต่างๆ
    เวลาเรียนวิชาแพทย์ เวลาพูดคุยกับเทพ องค์ต่างๆ
    ท่านก็ต้องนั่งสมาธิเรียน เทพก็มาบอก มาเล่า มาอธิบาย
    มาทดลองรักษาให้ดู เช่น
    โรคอะไร รักษา ด้วยวิธีไหน สอนไปทีละเรื่อง ที่ละโรค
    ที่มาสอนก็เป็นเทพหมอ ท่านต่างๆ
    บางวันหมอใหญ่ระดับ ท้าวมหาพรหม ก็มาสอนเอง

    ทำให้ท่านเหล่านี้ สามารถ สื่อ ภาษาเทพได้

    ศิษย์สายเทพ สายพรหม ที่ผมว่า แท้ที่จริง ก็คือ ผู้ปรารถนา พุทธภูมิ นั่นเอง
    แต่บารมียังอ่อนอยู่ ท่านเลยไม่บอก ไม่พูดอะไรมาก ทำหน้าที่ของท่านอย่างเดียว

    ศิษย์สายนี้ จะไม่มีการเรียกร้องเอาอะไร จากใคร
    หรืออย่างมากสุด ก็ขอทุนคืนเท่านั้น

    แตถ้าเป็นสำนักต่างๆ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า

    "เขาไม่รู้ว่า เรารู้ภาษาเทพ ที่พูดเจื้อยแจ้วอยู่นั่น"
    "ก็เห็นพูดวนอยู่แค่ ทานข้าวหรือยัง ทานกับอะไร"
    "ไปใหนมาสามวาสองศอก .... จับใจความอะไรไม่ได้"

    ในความเป็นจริง ผู้มีบุญบารมีสูงๆ ท่านพูดผ่านจิต
    คือมันเข้าใจไปเอง โดยไม่ต้องไปสนใจว่า พูดภาษาอะไร

    ผมเคยไปกราบ หลวงพ่อองค์ตื้อที่หนองคาย
    ท่านก็พูดผ่านจิตเข้ามา ที่กลางศรีษะ
    แม้เดินออกมาจากวิหาร ท่านก็ยังตามมาพูดคุยด้วย

    ว่าแต่ว่า ที่ท่านอยากเรียนภาษาเทพนั้น ถ้าท่านไม่ยอมสร้างบารมีร่วมกับพวกเทพ
    เพราะท่านเหล่านั้น ไม่มีร่างกาย จึงต้องร่วม อาศัยร่างมนุษย์ร่วมสร้างบารมี

    ท่านต้องเลือกเอาว่า จะเอาสายไหน ท่านจะร่วมสร้างบารมีด้านไหน
    แต่ไม่ว่าเลือกอะไร ก็ลำบากพอๆกัน

    ครูบาอาจารย์สายฤทธิ์ท่านบอกว่า
    "บารมี สร้างเองก็ได้ จะให้เทพเขาใช้เราร่วมสร้างบารมีอีกทำไม"
    "ดีไม่ดีไปหา พระเถระผู้ใหญ่ฝ่ายธรรมยุติ โดนชี้หน้าคาดโทษ ต่อหน้าคนเต็มศาลาก็เคยมี"

    ความจริงเรื่องการสัมผัส รับรู้ทุกภาษานั้น มันก็อยู่เลย
    "การรู้ตัว ทุกอิริยาบถ" ไปนิดเดียว
    ใครเคยสร้างสะสมไว้ อย่างพอเพียง มันจะปรากฏ ออกมาเอง
    ใครที่ไม่เคยสร้างเอาไว้ อายุขัยมนุษย์แค่นี้ สร้างไม่ทัน เสียเวลาเปล่า

    คุณป้าท่านหนึ่ง ท่านอยู่ที่ นครนายก ท่านเคยมีอดีตชาติเป็น
    มังกรคู่บารมี เจ้าแม่กวนอิม
    มาชาตินี้ ท่านกลับไปได้แค่ "คนทรงเจ้า" เท่านั้นเอง

    แต่ท่านยังมีฤทธิ์เดช เสกลูกแก้ววิเศษ ถวาย องค์ดาไลลามะ ตั้งหลายลูก

    ลองคิดดูนะครับ ที่จะได้มา กับที่จะเสียไป มันคุ้มกันไหม

    เห็นเพื่อนพ้องน้องพี่ ชาวเว็บแล้วเมื่อยแทน

    แทนที่จะเร่งสร้างบุญ-บารมี กลับพากันมองหาแต่ความรู้
    อยากรู้โน่น อยากได้นี่ มั่วไปหมด

    ความจริงที่ท่านต้องหา ที่ท่านต้องเลือก คือ ท่านจะปฏิบัติแบบไหน สายไหน

    สายปัญญา สายฤทธิ์ สายพุทธภูมิ

    แล้วก็เร่งความเพียรให้รู้เอง เห็นเอง โดยเร็วที่สุด

    เมื่อท่าน สามารถรู้เอง เห็นเอง ได้ ก็ไม่ต้องไปถามใครอีก

    อยากรู้อะไร ก็ถามที่จิตของตนนั่นละ

    ถ้าบารมีไม่ถึง ถ้ากำลังไม่ถึง ก็เร่งสะสมไป ก็เท่านั้นเอง

    อยากได้แต่ไม่ยอมแลกมา อยากรู้ แต่เอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้

    แล้วจะอยากได้ไปทำไม แล้วอยากรู้ไปทำไม

    ภาษาจิต รู้ทุกภาษา เข้าใจทุกภาษา

    ไม่เชื่อลองศึกษาธรรม สายหลวงปู่ชาดู
    ธรรมอะไร มันจะง่ายปานนั้น
    ธรรมอะไร มันจะกล้วยปานนั้น
    ธรรมอะไร มันจะหมูปานนั้น

    แล้วท่านที่ชอบแสดงธรรม อย่างละเอียดลึกซึ้ง นั้น
    อย่าลืมใส่ ขั้นตอนการปฏิบัติลงไปด้วยนะ
    เผื่อจะมีคนเขาอยากปฏิบัติบ้าง เขาจะได้ทำได้ถูก

    ธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งนั้น ก็เหมือน พระราชวังของคนอื่น
    ต่อให้ชื่นชมขนาดไหน ก็เข้าไปกินอยู่หลับนอนไม่ได้

    สู้กระต้อบไม้ไผ่ของตัวเราเองไม่ได้

    นอกจากท่านจะสามารถ ยกพระราชวังของท่านให้เรา
    นอกจากท่านจะบอกวิธี ให้ได้มาโดยชอบธรรม ซึ่งพระราชวังนั้นแก่เรา

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2013
  15. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ศรัทธา ศิล สุตตะ จาคะ ปัญญา โสดาบันจะต้องมีสิ่ง5อย่างนี้
     
  16. โลน้อย

    โลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +695
    ผมบรรลุหรือยังลุงมหาดช่วยแนะนำ
     
  17. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    เรื่องส่วนรวมสำคัญกว่าเยอะ

    ขออนุญาตครับ

    เห็นหลายๆท่านในเว็บนี้ โต้กันไป โต้กันมา ความจริงคือ

    ใครปฏิบัติไปถึงไหน คนที่ท่านมีภูมิรู้ภูมิธรรมสูงกว่า
    เขามอง เขาอ่าน แค่ ประโยคเดียว ในข้อเขียน ของท่าน เขาก็อ่านขาดแล้วครับ

    ยิ่งท่านที่ใช้ชีวิตที่ผาดโผน ก่อนเข้ามาปฏิบัติธรรม ยิ่งมองเห็น ชัดเจน

    เห็นบางท่าน แม้ภูมิรู้ ภูมิธรรมสูงส่ง แค่อ่านโพ้สเดียวก็รู้แล้ว ก็เข้าใจแล้ว
    แต่ท่านกลับมองส่วนรวมไม่ออกว่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่เขาเข้ามาในเว็บนี้ เขาต้องการอะไร

    แน่นอน เขาต้องการแนวทางในการปฏิบัติที่ได้ผล เร็วที่สุด
    ที่เหมาะกับ อายุขัยของคนสมัยนี้

    เห็นบางท่าน บ้างก็ถามธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง ผมอ่านไป ก็ให้นึกถึง องค์หลวงปู่มั่น ท่านกำลังสนทนาธรรมกับศิษย์ผู้ใหญ่ของท่านก็ไม่ปาน

    เห็นบางท่าน ตอบปัญหาธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง ลึกเสียจน ผมก็สงสารคนอ่าน
    อ่านแล้ว คงจะสับสน จนปฏิบัติต่อไปไม่ได้
    ลึกเสียจน ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ท่านกลัวว่าคนเขาจะไม่เชื่อว่า
    ท่านมีบุญบารมีสูงส่ง
    ลึกเสียจน ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ท่านกลัวว่าคนเขาจะไม่เชื่อว่า
    ท่านรู้จริง เห็นจริง

    ผมก็ตามอ่านไปเรื่อยๆ อ่านไปก็เซ็งไป ธรรมที่วิจิตรเพริดแพร้ว เขาจะพากันอยากรู้กันไปทำไม

    เพราะเมื่อท่านปฏิบัติไป จนถึงระดับรู้เอง เห็นเอง
    เพราะเมื่อท่านปฏิบัติไป จนถึงระดับ พิจารนาธรรมได้เอง
    ท่านอยากรู้อะไร ท่านก็จะรู้ได้ในอึดใจเดียว
    และถ้าท่านรู้ยังไม่ละเอียดพอ ก็พิจารนาไปเรื่อยๆ ก็จะรู้ก็จะเข้าใจ

    ที่เห็นกันส่วนมากนั้น พื้นฐานยังไม่แน่นพอ
    แต่ก็ยังพากัน อยากรู้โน่น อยากรู้นี่ อยากรู้ในส่วนที่ สติสมาธิของตนรองรับไม่ถึง

    คนอ่านก็มัน คนตอบก็มัน มันในอารมณ์ แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไร
    มันช่วยให้ผู้ถาม ปฏิบัติได้เร็วขึ้นไหม
    มันช่วยให้ผู้ถาม รู้แนวทางการปฏิบัติของตนหรือไม่

    บางทีผู้ถามเพิ่งหลุบๆโผล่ๆ เขามา กลับพากันยกย่องว่า รู้แล้ว เห็นแล้ว ผ่านแล้ว
    ทั้งๆที่ ยังไม่มีความชำนาญอะไรเลย ลึมพิจารนาว่า

    "ชำนาญในการเข้า"
    "ชำนาญในการออก"
    "ชำนาญในการตั้งอยู๋"

    มันเป็นอย่างไร เข้ามาไม่ทันไร ก็เก่งเสียแล้ว

    ผมเคยกราบนมัสการถาม ครูบาอาจารย์ศิษย์สายหลวงปู่ใหญ่ ว่า
    ทำไมชาวบ้านมาตามกลับวัดบ่อยๆ ท่านตอบว่า

    "ชาวบ้านเขาไม่เข้าใจว่า พระคืออะไร ธรรมคืออะไร"
    "เขารู้แต่ว่า เจ้าอาวาสไปไหน หรือ หนีไปอยู่ที่อื่นแล้ว"
    "อย่าว่าแต่เขาเลยโยม อาตมาเอง ถ้าไม่มาอยู่นี่ อยู่กับครูบาอาจารย์ที่นี่"
    "ก็คงจะไง่ไปอีกนาน เพิ่งจะรู้ว่า พระ คือ อะไร ธรรม คือ อะไร"

    "ตอนนี้เลย เร่งปฏิบัติกันใหญ่ เพราะรู้แนวรู้ทางแล้ว เหลือแต่เร่งปฏิบัติเอา"

    "ก็เลยเป็นว่า พอชาวบ้านมาตามก็กลับไป กลับไปไม่นาน ก็กลับมานี่อีก"
    "บอกอย่างไร เขาก็ไม่ฟัง กลัวแต่สมภารหายอยู่นั่นละ"
    "ปฏิบัติได้ดีกว่านี้ จะกลับไป ก็ไม่ฟัง ก็ไม่พากันเข้าใจ"

    ฟังแล้วเป็นอย่างไรบ้างละครับ ท่านทั้งหลาย

    สิ่งที่ท่านต้องติดตามถามหาก็คือ

    "ท่านจะปฏิบัติแบบไหน สายไหน"
    "ท่านจะปฏิบัติ อย่างไร"
    "ตอนนี้ ท่านปฏิบัติ ถึงไหนแล้ว"
    "ขั้นตอนต่อไปท่านจะทำอย่างไร"

    แต่สำหรับผมๆมองไกลไปขนาดว่า
    องค์หลวงตามหาบัว ยอมลำบากอดทนแทบเป็นแทบตาย ทำผ้าป่าช่วยชาติ
    หาเงินมาได้ สองสามหมื่นล้านบาท

    หุ้นร่วงแค่สามวัน เงินหายไปทันที แสนกว่าล้านบาท แล้วจะแก้อย่างไร

    ครูบาอาจารย์ผู้เก่งกาจมีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง

    สึนามิ เข้า ปักษ์ใต้เมื่อหลายปีก่อน ก็มีแต่อ้อมๆ แอ้มๆ
    บ้างก็ว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
    บ้างก็ว่า "กรรมแก้ไขไม่ได้"
    บ้างก็ว่า "กรรมแตะต้องไม่ได้"

    ซ้ำร้าย น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ก็เข้าอีหรอบเดิมอีก

    นี่ถ้า พระเจ้าพระสงฆ์ ผู้เก่งกาจ ออกมาบอก ออกมาเตือน ซัก สี่สิบ ห้าสิบท่าน
    เราก็คง เสียหายน้อยกว่านี้

    นี่ก็เอาอีกแล้ว จะกู้เงิน 2.2 ล้านๆบาท ดอกเบี้ยอีก ไม่น้อยกว่า 3 ล้านๆบาท
    แค่จะเอาเงินมาสร้าง รถไฟฟ้าเท่านั้นเอง

    ผิดพลาดอะไรขึ้นมา คงต้องขายประเทศ(ให้ต่างชาติซื้อที่ดินในประเทศได้อย่างเสรี)กินกันละคราวนี้

    ครูบาอาจารย์ ท่านใดแก้ปัญหาใหญ่ๆอย่างนี้ไม่ได้
    ผมไม่เดินตามก้นให้เสียเวลาหรอกครับ

    ใกล้ๆจะหมดอายุขัยกันแล้ว คิดอะไร ทำอะไร หาที่มันพอจะเป็นประโยชน์กันบ้าง

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ ร่วมกับผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
  18. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    รู้ธรรม เห็นธรรม รู้ลงที่จิต ผู้ไม่รู้ ก็เห็นแค่ธรรมกระดาษ ธรรมสัญญาความจำ

    ขออนุญาตครับ

    เห็นหลายๆท่าน บอกเล่าสนทนาธรรมกันในเว็บนี้แล้ว
    ผมพูดไม่ออก ผมบอกไม่ถูกว่าผมรู้สึกอย่างไร

    ผมเคยถามครูบาอาจารย์ว่า

    "ทำไม พ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่มหาบัว ท่านไม่สอนธรรม ให้กระจ่างชัดในคราวเดียว"

    ครูบาอาจารย์ท่านตอบว่า
    "ทำอย่างนั้นไม่ได้ เดี๋ยวคนไม่รู้ธรรมจริงๆ จะลอกเลียน อวดอ้าง เอาไปสอนต่อ"

    ท่านยังบอกอีกว่า แม้ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ก็บอกเล่าเช่นนี้

    เมื่อผู้ไม่รู้ธรรมเห็นธรรมจริงๆ เพราะปฏิบัติไม่ถึง
    แม้เขียนกระทู้ แม้ตอบกระทู้ ก็ยังมีช่องว่าง มีช่องโหว่อีกเยอะ

    ส่วนท่านที่รู้ธรรมจริงๆ เห็นธรรมจริงๆ ผมก็ยังสามารถมองเห็นจุดอ่อน ช่องโหว่
    อยู่นั่นละ เพราะมันเป็นธรรมชาติของผมเอง

    เมื่อท่านที่ปฏิบัติไม่ถึง ทำให้ไม่รู้ธรรมจริงๆ ทำให้ไม่เห็นธรรมจริงๆ

    ก็จะมีแต่ ท่านที่รู้ธรรม พอๆกัน เห็นธรรมพอๆ เขียนตอบกระทู้กันอยู่นั่นละ

    เห็นบางท่านก็ปฏิบัติจริงๆ แม้รู้ธรรม เห็นธรรมอันใด กลับไม่กล้าเขียนบอกเล่าออกมา

    กลับยกเอาแต่คำสอนของครูบาอาจารย์ออกมา ก็เลยไม่โดนเป้าจังๆ

    ถ้าท่านที่ปฏิบัติจริงๆ แม้ยังไม่ รู้ธรรมมากนัก ก็ควรบอกเล่า ความจริงออกมา
    เพื่อว่าตนจะได้พัฒนาต่อไป

    น่าเห็นใจ ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ไม่ทราบว่าพอจะรู้ธรรมเห็นธรรมพอที่จะเป็นกรรมการได้หรือไม่

    หรือคอยแต่หาวิธีทำให้มีผู้เข้ามาเว็บเยอะๆก็พอแล้ว


    สรุป

    ผู้รู้ธรรมจริงๆ กับผู้ไม่รู้จริง ยังไงๆ ก็มีช่องว่างช่องโหว่อีกเยอะ


    ขอโมทนา ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
  19. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    การบรรลุธรรมคือจิตเป็นพุทธะ...
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ดิฉันว่า พระอริยะเจ้าคือ บุคคลที่ตัดสังโยชน์ 10 ครบ และ รักมนุษย์และสัตว์ทุกคนเท่าเทียมประหนึ่งชีวตตัวเอง อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ตถาคตรักราหุลลูกของเราเท่าไหร่ เราก็รักเทวทัตเท่านั้น"
     

แชร์หน้านี้

Loading...