น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง ความเห็นผิดจากความเป็นจริง เช่น
    ---- นัตถิกทิฏฐิ มีความเห็นว่า ตายแล้วสูญ ทำอะไรก็ตามผลที่พึงได้รับย่อมไม่มี คือ ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว คุณมารดาบิดาไม่มี ผีสางเทวดาไม่มี
    ---- ผู้ที่มีความเห็นผิดเช่นนี้ ย่อมไม่ลงปฏิบัติธรรมแน่ เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม ตายแล้วก็สูญเหมือนกัน ไม่เห็นต้องรอให้เป็นพระอรหันต์
    ---- สัสสตทิฏฐิ มีความเห็นว่า อัตตาและโลกเที่ยง เช่น ในพระสูตรที่ ที่พระพุทธเจ้าทรงตำหนิพระภิกษุชื่อสาติเกวัฏฏบุตร ที่เห็นว่าวิญญาณเที่ยงล่องลอยไปเกิดได้ตามกรรม หรือ เจตภูต อาตมัน ของพราหมณ์ เป็นต้น
    -- ความเห็นว่าวิญญาณเที่ยงนี้อาจจะเป็นอุปสรรค ต่อการเจริญวิปัสสนา ย่อมไม่เห็น อนิจจัง ในรูปนาม ขันธ์ ๕ นี้ได้ จึงไม่มีโอกาศบรรลุธรรม
     
  2. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน คนทุกคนถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว ย่อมได้บรรลุมรรคผลนิพพานด้วยกันทั้งนั้นหรือ
    พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ไม่ทั้งนั้นมีบางจำพวกซึ่งแม้จะปฏิบัติดีสักเท่าไร ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้บรรลุ
    ม. พวกนั้นได้แก่ใครบ้าง
    น. ขอถวายพระพร ได้แก่คนเหล่านี้ คือ -
    (๑) คนมิจฉาทิฐิ
    (๒) คนกระทำอนันตริยกรรม ๕ (ฆ่ามารดา ๑, ฆ่าบิดา ๑, ฆ่าพระอรหันต์ ๑,ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต ๑, ทำสงฆ์ให้แตกจากกัน ๑, ) แม้อย่างใดอย่างหนึ่ง
    (๓) คนปลอมเพศเป็นพระภิกษุ
    (๔) พระภิกษุกลับไปถือลัทธิอันผิด
    (๕) คนประทุษร้ายนางภิกษุณี
    (๖) พระภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วไม่ได้อยู่กรรม
    (๗) คนบัณเฑาะว์ (กะเทย)
    (๘) คนอุภโตพยัญชนก (คนปรากฏทั้ง ๒ เพศ )
    (๙) สัตว์เดียรฉาน
    (๑๐) เปรต
    (๑๑) เด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบ
    ม. สิบพวกข้างต้นนั้น ไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพานก็ตามที แต่เหตุไฉน
    เด็กอายุต่ำว่า ๗ ขวบ จึงไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพานเล่า
    น. เหตุว่าเด็กอายุเพียงเท่านั้น จิตยังไม่มีแนวความคิดที่จะให้เกิดความรู้สึกว่า ผลของความดีและความชั่วมีอยู่อย่างไร เมื่อไม่รู้จักผลก็ไม่เกิดความคิดที่จะให้สาวไปหาเหตุแห่งผลนั้นๆ ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น กำลังใจก็มีไม่พอที่จะให้ก้าวไปหามรรคผลนิพพานได้
    ม. เธอจงหาตัวอย่างมาเปรียบให้ฟัง
    น. ภูเขาสิเนรุ บุรุษพึงพยายามให้กำลังแรงของตนยกเอามา จะไหวหรือไม่
    ม. ภูเขาใครจะไปยกไหวเล่าเธอ
    น. ขอถวายพระพร นั่นเป็นเพราะอะไร
    ม. เป็นเพราะกำลังมีไม่พอกันน้ำหนักแห่งภูเขา
    น. นั่นแลฉันใด นี่ก็ฉันนั้นเหมือนกันการที่เด็กอายุต่ำว่า ๗ ขวบไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพานนั้น ก็เพราะว่ากำลังใจมีไม่พอกับน้ำหนักแห่งมรรคผล นิพพานเช่นเดียวกันแล ขอถวายพระพร พระโสดาปัตติผล สกทาคามิผลอนาคามิผล อรหัตตผล ทั้ง ๔ อย่างนี้กับพระนิพพานเป็นธรรมที่เผล็ดมาจากเหตุคือมรรค ๔ ก็เมื่อเด็กอายุเพียงนั้นยังไม่มีความคิดที่จะหยั่งลงไปสาวหาผลได้ดังนั้น แล้ว ไฉนเลยจะมีโอกาสได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ซึ่งเป็นเหตุและผลของกันได้เล่าถึงว่าจะได้อบรมบารมีมาแก่กล้าแล้ว และได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพียงไรก็ตาม ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้
    ม. เธอว่านี้ชอบแล้ว
    จบเอกัจจาเนกัจจานํธัมมาภิสมยปัญหา
     
  3. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
     
  4. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ยอมรับในข้อ 1 และข้อ 3 ส่วนวิญญาณนั้นอาจไม่อาจเรียกได้เต็มที่ว่าจิต เพราะ จิต เป็นการประชุมร่วมกัน ของ สังขาร สัญญา เวทนา และวิญญาณ
    โดยการทำงานร่วมกันนั้นสามารถสร้างสติขึ้นมาได้เพื่อกำหนดรู้ว่า ทำงานถึงส่วนไหน และรู้ว่าส่วนไหนเป็นเช่นไร ทำงานอย่างไร

    -----------------------------------

    ***เมื่อคุณ jinny95 มาอย่างสุภาพบุรุษ มีเหตุผล อย่างผู้มีปัญญา ก็จะสนทนาด้วย***

    ***เริ่มจากความจริงที่ว่า "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องมากจากเหตุปัจจัยเท่านั้น?" ***

    ***ขอให้ตั้งใจ(มีสมาธิ)พิจารณาให้ดีว่า ***

    ***(๑)สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากเหตุปัจจัยนั้น ถ้าไม่มีเหตุปัจจัย สิ่งนั้นก็ย่อมที่จะไม่เกิดขึ้น ใช่หรือไม่?

    ***(๒) สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากเหตุปัจจัย จะเรียกว่า (สังขาร) ที่หมายถึง สิ่งที่ถูกปรุงแต่งหรือสร้างขึ้นมา ใช่หรือไม่?

    ***(๓) ลักษณะของสังขารที่เราสังเกตุได้ก็คือ จะมีการ"เกิดขึ้นมา"(คือจากเดิมไม่มีแล้วมามีในภายหลัง) และ "ดับหายไป "(จากที่มีอยู่ก่อน แล้วดับหายไปในภายหลัง) ใช่หรือไม่?

    ***(๔) สังขารทั้งหลาย ย่อมขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย เมื่อเหตุหรือปัจจัยของมันเปลี่ยนแปลง หรือเสื่อมสลายหายไป สังขารนั้นก็ย่อมที่จะเปลี่ยนแปลงหรือเสื่อมสลายหายตามไปด้วยเสมอ ใช่หรือไม่?***

    ***(๕) เหตุปัจจัยที่มาปรุงแต่งให้เกิดสังขารทั้งหลายขึ้นมานั้น จะไม่สามารถตั้งอยู่อย่างถาวรได้ ดังนั้นสังขารทั้งหลาย จึงไม่เที่ยงแท้ถาวร คือไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องดับสลายหายไปอย่างแน่นอน(อนิจจัง) ใช่หรือไม่?***

    ***(๖) สังขารทั้งหลาย ต้องทนอยู่ด้วยความยากลำบาก มากบ้างน้อยบ้าง ในการที่จะต้องแสวงหาเหตุปัจจัยมาปรุงแต่งตัวของมันเอาไว้ (ทุกขัง)ใช่หรือไม่?***

    ***(๗) สังขารทั้งหลาย มันไม่มีตัวตนที่แท้จริงเลย (คำว่า อัตตา หมายถึงตัวตนที่แท้จริง ที่เที่ยงแท้ถาวร เป็นอมตะนิรันดร ซึ่งเป็นคำสอนของศาสนาฮินดู หรือพราหมณ์ ไม่ใช่ของพุทธ) เพราะมันเป็นแค่ สังขาร (สิ่งที่ถูกปรุงแต่งหรือสร้างขึ้นมาจากเหตุปัจจัย) เท่านั้น ใช่หรือไม่?***

    ***(๘)วัตถุและพลังงานทั้งหลาย ก็จัดเป็นสังขาร ใช่หรือไม่?***

    ***(๙) ร่างกายหรืออวัยวะทั้งหลายของร่างกาย ก็เป็นสังขาร ใช่หรือไม่?***

    ***(๑๐) จิต (หรือสิ่งที่รู้สึกว่าเป็นตัวเรา) ก็มีลักษณะเกิดและดับอยู่เสมอ ใช่หรือไม่?***

    ***(๑๒) เมื่อจิตก็มีการเกิดและดับ ก็แสดงว่า จิตก็เป็นสังขาร ใช่หรือไม่?***

    *** (๑๓) เมื่อจิตก็เป็นสังขาร มันจึง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่อัตตา ใช่หรือไม่?***

    ***(๑๔) เมื่อมีระบบประสาทที่ดีของร่างกายมาเป็นเหตุ และมีสิ่งภายนอกเป็นปัจจัยมากระทบ และมีความทรงจำจากสมองมาเป็นปัจจัยอีก มันจึงเกิดจิตที่สามารถ "รู้สึก และคิดนึก" ขึ้นมาได้ ใช่หรือไม่?***

    ***(๑๕) แต่ถ้าไม่มีระบบประสาทที่ดีของร่างกาย(หรือไม่มีร่างกายที่ยังเป็นๆอยู่) ก็ไม่มีทางเกิดจิตขึ้นมาได้ ใช่หรือไม่?***

    ***(๑๖) หรือแม้จะมีระบบประสาทที่ดีของร่างกาย และมีสิ่งภายนอกมากระทบ แต่ถ้าไม่มีความทรงจำจากสมอง จิตที่เกิดขึ้นก็ไม่สมบูรณ์ คือคิด หรือจำไมได้ ใช่หรือไม่?***

    ***ขอร้องว่าอย่างเพิ่งไปสนใจเรื่องอื่น(ทำจิตให้ว่างจากความเชื่อที่ยึดถือไว้ก่อนชั่วคราว) ขอให้ค่อยๆคิดพิจารณาตามหัวข้อเหล่านี้ไปตามลำดับ แล้วโต้แย้งว่ามีหัวข้อใดที่ผิด และผิดอย่างไรก่อน ***

    ***แต่ถ้ายอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ก็จะค่อยๆตอบปัญหาอื่นๆที่คุณสงสัยต่อไป***

    ***แต่ถ้าติดขัดหรือไม่ยอมรับข้อใด ก็จะตอบปัญหาที่สูงขึ้นต่อไปไม่ได้***

    ***ขอให้ใจเย็นๆ มีเหตุผล ยอมรับความจริง(คึอถูกก็ยอมรับว่าถูก ผิดก็ยอมรับว่าผิด) และเป็นสุภาพบุรุษ ที่มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์โดยเสมอหน้า ก็จะสนทนากันได้ต่อไป แม้ความเห็นจะไม่ตรงกันก็ตาม***

    ***แต่ถ้าเอาแต่อารมณ์(กิเลส)ใส่กัน โดยไม่ยอมฟังเหตุผล ไม่ยอมรับความจริง ก็คงจะสนทนากันไม่ได้***

    (ฉันคืออะไร? = เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  5. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ***ขอให้คุณ jinny95 วางมิลินทปัญญาไว้ก่อน***

    ***เพราะมันเป็นแค่ตำรา ที่สืบๆกันมาเท่านั้น***

    ***อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นในภายหลังพุทปรินิพพาน***

    ***สังเกตุง่ายๆว่าใครจะไปคอยบันทึกคำพูดทุกคำเอาไว้อย่างละเอียด***

    ***หลักกาลามสูตรก็บอกอยู่ว่าอย่าเชื่อจากตำรา เพราะตำราอาจถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนไปจากต้นตอได้***

    ***หรือคนแต่งก็อาจมีความเห็นผิดมาก่อนแล้วโดยเขาเองก็ไม่รู้ตัวก็ได้***

    ***ถ้าเราเชื่อตำรา แล้วบังเอิญตำรานั้นผิด เราก็จะพพลอยเกิดความเข้าใจผิดตามไปด้วยทันที***

    ***อันนี้เป็นความจริงที่คนมีปัญญาเขาไม่ปฏิเสธ***

    ***แต่ถ้าไม่ยอมรับหลักกาลามสูตร ก็แสดงว่าเป็นคนดื้อ ไม่ยอมรับความจริง***

    ***หรือใครจะโต้แย้งหลักกาลามสูตรมาบ้างก็จะดี***

    ***ส่วนเรื่องไม่มีศาสนานั้น ถ้ายังยึดติดอยู่กับคำว่า ศาสนา ก็จะไม่มีวันพบความจริง***

    ***เพราะความจริงไม่มีศาสนา ไม่ใช้ภาษาสวยหรู ไม่ใช้ความเชื่อ ไม่ใช้แม้ความคิดเห็นใดๆ**

    ***เอาไว้ถ้าสนใจ ก็จะค่อยๆอธิบายอีกทีในภายหลัง เมื่อได้รับคตอบจากตามหัวข้อทั้ง ๑๖ หมดแล้ว***

    (ฉันคืออะไร? = เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  6. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    แหมถามทีเดียว 16 ข้อเลยนะครับ ผมจะตอบได้ก็ต่อเมื่อ คุณใช้คำว่าสังขารสือว่าอย่างไร

    ความหมายแรก สังขาร ในส่วนขันธ์ห้า ที่เป็นนาม
    ความหมายที่สอง สังขาร ที่มักใช้แทนร่างกาย

    ต้องระบุให้ผมนะครับ ว่าจะใช้บัญญัติ อะไร จะได้สนทนาเรื่องเดียวกัน ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2008
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***ขอเถอะเตชะ ถ้าคิดได้เพียงเท่านี้ที่ถามมา ก็อย่าบอกใครหนะเป็นชาวพุทธ
    อายเขาเพราะความรู้ความเข้าใจที่มี ก็ไม่ต่างจากคนไร้ศาสนาสักหน่อยเลย
    แล้วอย่าไปเที่ยวคุยหละว่าอัจฉริยะ ไอ้ที่เป็นอยู่หนะ อัจฉริยะปัญญานิ่มซะมากกว่ามั๊ง

    ***ตอบ ๑-๒ ใช่ คนที่รักเหตุผลเค้ารู้กันทั้งนั้นแหละ
    เห็นถามมันซ้ำซาก เป็นคนย้ำคิดย้ำทำอยู่นั่นแหละเตชะ
    คนส่วนมากที่หันมาสนใจพุทธศาสนานั้นเพราะ
    พระบรมครูของเราเป็นผู้รู้แจ้งโลก เหนือโลก ได้ทรงกล่าวถึง
    ๑. สิ่งที่ถูกเหตุปัจจัยปรุงแต่งได้(สังขาร)
    ๒. สิ่งที่เหตุปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้อีกแล้ว(วิสังขาร)
    ๓. สอนวิธีดับเหตุแห่งปัจจัยปรุงแต่งนั้นด้วย(มรรค)

    หุหุ

    ;aa30
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    "(คือจากเดิมไม่มีแล้วมามีในภายหลัง)????????
    "(จากที่มีอยู่ก่อนแล้วดับหายไปในภายหลัง)???????<O:p</O:p

    ***เตชะ จะมั่วอะไรขอให้เนียนๆหน่อย ตกลงมีอยู่ก่อน หรือมีในภายหลังเอาให้แน่ๆซักอย่างสิ
    หุหุ

    ;aa30
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***๔-๗ เตชะจะบ้าไปกันใหญ่แล้วหละ ถ้ามันไม่มีตัวตนที่แท้จริงเลย
    แล้วจะต้องไปวุ่นวายกับมันไปทำไมให้โง่หละ
    จะไปกังวลว่ามันเป็นอนิจจัง ทุกขังไปทำไม ให้โง่หละ ก็มันไม่มี

    นิพพานเป็นของเที่ยงแท้ถาวร เป็นอมตะนิรันดรใช่มั้ย
    ถ้า
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ๘-๑๐ เตชะชอบมั่วเป็นกิจวัตรเลยนะ ไอ้ที่ว่าเกิด-ดับหนะอะไร พูดให้มันชัดๆหน่อยครับ
    หุหุ

    ;aa30
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***เตชะจะพูดอะไรให้มีเหตุผลหน่อย อัจฉริยะหนะเค้าไม่เดาๆเอานะครับ

    คำว่า
     
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***เมื่อจิตผสมกับอารมณ์เรียกว่าจิตสังขาร ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตน ถูกต้องแล้วครับ***

    ;aa30
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***ไม่ใช่ ทำเป็นอวดรู้ไปได้เตชะ ถ้าจะโม้เรื่องระบบประสาท
    ก็ควรศึกษาให้เข้าใจเรื่องสื่อประสาทให้ดีเสียก่อน ค่อยถามก็ยังไม่สายหรอก

    ทำไมคนที่สูญเสียความทรงจำไปแล้วยังรู้ได้อีกหละ ในเมื่อสมองเป็นใหญ่
    พูดไปได้ อยากโง่ก็โง่คนเดียวก็พอ อย่ามาสอนคนอื่นโง่ด้วย
    และอย่ามองคนอื่นโง่ไปเสียหมดสิจ๊ะเตชะ****

    หุหุ

    ;aa30
     
  14. dearestguardian

    dearestguardian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +1,418
    สวัสดีคุณเตช
    มาทวงรายละเอียดหนังสือจ้า รอบนี้เอา สรุปความมาให้อ่านอีกรอบแบบใช้ visio วาดรูปจำลองมาให้ด้วย
    ใ ช้เวลาวาดรูปตั้งนาน หวังว่าคงจะกระจ่าง ในสิ่งที่พยายามอธิบายนะค่ะ แต่จริงๆไม่หวังให้คุณเข้าใจหรอก หวังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆท่านอื่นมากกว่า

    ถ้าพิมพ์ผิดบ้างขออภัยนะค่ะ พยายามตรวจสอบแล้วแต่ตาลายค่ะ คีย์บอร์ด 2 ภาษางงๆค่ะ
    อ่านที่ attachmentดีกว่านะค่ะ มีรูปด้วย

    อนันตลักขณะสูตร กับ กรรมอันเป็นปฏิกริยา ของธาตุขันธ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2008
  15. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    อนุโมทนาค่ะ ^_^

    ธรรมะพระพุทธองค์อยู่บนหลักเหตุผล ที่ใครๆมิอาจปฏิเสธได้
    และต้องปฏิบัติทางจิตเท่านั้นจึงจะเข้าถึง

    เหตุ จิตติดในโลก(เป็นทุกข์)
    จิตปรุงแต่งตามเหตุปัจจัย (เป็นจิตสังขาร)
    ทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ (กิเลส กรรม วิบาก)
    ตกอยู่ใต้อำนาจพระไตรลักษณ์(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)

    ปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ตามเสด็จ

    ผล จิตหลุดพ้นจากโลก(พ้นทุกข์)
    จิตสิ้นการปรุงแต่ง(เป็นวิสังขาร)
    ไม่ต้องวนเวียนในสังสารวัฏฏ์แล้ว
    พ้นจากอำนาจพระไตรลักษณ์ บรรลุพระนิพพานเพราะสิ้นตัณหาแล้ว

    ^_^
     
  16. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    แหมถามทีเดียว 16 ข้อเลยนะครับ ผมจะตอบได้ก็ต่อเมื่อ คุณใช้คำว่าสังขารสือว่าอย่างไร

    ความหมายแรก สังขาร ในส่วนขันธ์ห้า ที่เป็นนาม
    ความหมายที่สอง สังขาร ที่มักใช้แทนร่างกาย

    ต้องระบุให้ผมนะครับ ว่าจะใช้บัญญัติ อะไร จะได้สนทนาเรื่องเดียวกัน ^-^
    -----------------------------
    ***คำว่า สังขาร แปลว่า ปรุงแต่ง ซึ่งมีความหมายกว้าง โดยจะหมายถึง สิ่งที่ไปปรุงแต่งให้เกิดสิ่งอื่นขึ้นมาก็ได้ หรือหมายถึง สิ่งที่ได้รับการปรุงแต่งให้เกิดขึ้นมาก็ได้ หรือหมายถึง กิริยาที่กำลังปรุงแต่งอยู่ก็ได้***

    ***อย่างเช่น คนปั้นหม้อดินก็เรียกว่าเป็นสังขารได้ ส่วนกิริยาที่ปั้นก็เรียกว่าเป็นสังขารได้ ส่วนหม้อดินก็เรียกว่าเป็นสังขารได้(เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเหตุปัจจัย) ***

    ***ความหมายที่อาตมาหมายถึงก็คือควมหมายทั้งหมดนี้***

    ***ส่วนสังขารขันธ์ที่เป็นนามขันธ์ หรือแม้ร่างกาย ก็จัดอยู่ในคำว่าสังขารในความหมายของอาตมาทั้งสิ้น***

    ***ดังนั้นคำว่า "สิ่งปรุงแต่ง" หรือ "สังขาร" ของอาตมาก็หมายถึง สิ่งที่เหตุปัจจัยมาปรุงแต่งให้เกิดขึ้น และมันก็สามารถปรุงแต่งให้เกิดสิ่งอื่นต่อไปได้อีก ซึ่งก็ใช้กับทั้งนามธรรมและวัตถุ***

    ***มองให้ออกว่า สิ่งที่มีลักษณะเกิดและดับ ล้วนเป็น "สิ่งปรุงแต่ง" ทั้งสิ้น***

    ***ส่วน "วิสังขาร" ก็คือสิ่งที่ไม่มีการปรุงแต่ง คือทั้งตัวของมันเองก็ไม่มีเหตุปัจจัยใดๆมาปรุงแต่งให้เกิดขึ้น รวมทั้งตัวของมันก็ไม่ปรุงแต่งให้เกิดสิ่งอื่นใดขึ้นมาอีกด้วย***

    ***สิ่งที่เป็น วิสังขาร นี้ ในทางวัตถุก็คือ สูญญากาศ หรือที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยแม้แต่อากาศ(ก็าซ)***

    ***แต่ถ้า วิสังขาร ในทางนาม ก็คือ ความดับ (นิโรธ) คือเป็นลักษณะที่ความทุกข์ได้ดับลง (ความดับไม่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยใดๆมาปรุงแต่ง มีแต่เหตุปัจจัยหายไปๆ)***

    ***เมื่อทุกข์ดับ จิตมันก็กลับคืนสู่สภาวะเดิมของมัน คือ สงบเย็น หรือ นิพพาน***

    (ฉันคืออะไร? = เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2008
  17. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ***เมื่อทุกข์ดับ จิตมันก็กลับคืนสู่สภาวะเดิมของมัน คือ สงบเย็น หรือ นิพพาน***
    ***เมื่อทุกข์ดับ จิตมันก็กลับคืนสู่สภาวะเดิมของมัน คือ สงบเย็น หรือ นิพพาน***
    ***เมื่อทุกข์ดับ จิตมันก็กลับคืนสู่สภาวะเดิมของมัน คือ สงบเย็น หรือ นิพพาน***

    แสดงว่า จิตไม่ได้ดับหายไปแล้วนะ แต่ทุกข์ดับไปจากจิต
    แสดงว่า จิตไม่ได้ดับหายไปแล้วนะ แต่ทุกข์ดับไปจากจิต
    แสดงว่า จิตไม่ได้ดับหายไปแล้วนะ แต่ทุกข์ดับไปจากจิต
    ^_^
     
  18. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ผมคงไม่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนดีกว่า ในเมื่อคุณคงรู้คำตอบอยู่แล้ว ผมถามสักข้อว่าคุณเตชปญฺโญ ภิกขุเคยถึงทุกข์ดับไหมครับ เพื่อเป็นความรู้ในการสนทนาลำดับต่อไป

    ถ้าเคยก็อนุโมทนาด้วย ถ้าไม่เคยก็ขอให้ดูรูปนามจนคลายซะ จะได้ตัดสงสารวัฏอย่างน้อยได้ซัก โสดา เหลือไม่เกิน 7 ชาติก็ดี

    สงสารมีแต่ทุกข์ ช้าไปก็ต้องลงเวทนา เวียนว่ายไม่จบไม่สิ้น

    สติฐาน คือ ทางออก ผลมรรค ก็มีอยู่ ^-^
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***วันหลังจะมั่วก็ให้เนียนหน่อยนะเตชะ เช่นน้ำบริสุทธิ์เป็น(วิสังขาร)
    ไหลผ่านเกลือมารวมกันกลายเป็นน้ำทะเล(สังขาร)<O:p
    โดนเกลือปรุงแต่งให้เค็ม แล้วน้ำจะกลับมาบริสุทธิ์อีกได้มั้ย ตอบสิเตชะ***
    หุหุ

    ;aa30
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***เตชะไปหาความรู้ให้กระจ่างก่อนนะ ค่อยพูด
    ให้เข้าใจก่อนนะว่าสภาพสูญญากาศที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้จากน้ำมือมนุษย์เท่านั้นหนะ <O:p
    ขวดใบหนึ่งข้างในเป็นสุญญากาศ แต่มีกรวดเม็ดนึงได้มั้ย เตชะตอบด้วย***
    หุหุ

    ;aa30
     

แชร์หน้านี้

Loading...