นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (แหวนปฐพีไร้พ่าย)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย konun88, 20 มิถุนายน 2016.

  1. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    แรงเกินพิกัด รุ่นนี้สร้างน้อย แค่ 10 องค์ ยอดจองเต็มแล้วครับ !!

    รุ่นนี้ใช้เวลานานหน่อยประมาณ 1 เดือนครับ ไว้ผมจะค่อยๆลงรายละเอียดให้ทราบครับ
    ulzy68.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2021
  2. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    16a111a4bde517dc235c43b43ff67362.jpg
    8b332182b16671bdb01eddc0941080c2.jpg
    90bc4308d734ec1ed50e86e98082e8f1.jpg

    มวลสารสำคัญอีกประการ ผงทิ้งทวนตรงตามหลักวิชาของหลวงปู่ท่าน

    ผมจะติดธุระประมาณ 2-3 อาทิตย์จึงรีบตรวจสอบการจองรุ่นนี้ครับรุ่นนี้ทำน้อยมากอย่างที่เห็น

    และจะเสกปิดท้ายอาจต้นเดือนธันวาคม

    ในช่วงกลางเดือนนี้ ผมอาจได้รับมวลสารวิเศษสุดมาอีกอย่าง ซึ่งจะลองเตรียมการว่าจะใช้สร้างอะไร

    เพราะรอจากผู้มอบให้มา 3 เดือนกว่าได้55 ส่วนจะวิเศษสุดอย่างไรคงต้นปีหน้าได้เห็นครับ...
     
  3. lordsir

    lordsir Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +65
    อนุโมทนา กับผู้ได้รับครับ เทวดากับครูบาอาจารย์ ท่านคงเลือก ไว้แล้ว…
     
  4. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    uDxbqt.jpg
    5a30415427d7ea218da2405330684ee9.jpg
    b06f46481e5a3dded027f362dbab8d69.jpg
    2d2febac181ce92b7610899cf4ff3439.jpg
    0cd3cadefe5c3a6ca3f4d5ba0aa1b724.jpg


    เคล็ดลับความศักดิ์สิทธิ์ของพระที่สร้าง

    ยอดบูชาพระต่างๆ ผมนำไปทำบุญเป็นระยะ ๆ นะครับ ตามความรู้ที่ได้ศึกษามา

    1. เนื้อนาบุญอันประเสริฐ จริงๆ ก็มีสอนในพระไตรปิฎกด้วยนะ เรื่องการทำบุญกับพระอริยบุคคลต่าง ๆ กำลังบุญที่ตอบกลับมาก็ต่างกันตามศีลธรรมแต่ละท่าน

    ซึ่งเรื่องพวกนี้ หลวงปู่บอกว่า ...มารศาสนาไม่ค่อยบอกหรอกครับ กลัวตัวเองจะอด 55 แถมอวดอุตริส หลอกคนซะอีกว่าตัวเองสูงส่ง

    อันบุญสูงสุดฝ่ายทานก็คือ ธรรมทาน และอภัยทานเป็นต้น แม้วิหารทานต่างๆ ก็ต้องดูสาระสำคัญประโยชน์ด้วย

    ผมเคยพิสูจน์มาหลายปีนะครับเรื่องนี้ พอคัดเลือกเนื้อนาบุญเห็นผลต่างกันเลย แต่ห้ามหวังผลเป็นอันขาด ประเภทยกของถวายแล้วขอให้รวย มีแต่ความสุขนี้ห้าม

    ถ้าอธิษฐาน สุทินนังฯ ที่ว่าให้ทานนี้นำซึ่งการหลุดพ้นอีกเรื่องครับ หรือขอให้อย่าได้พบกับคำว่าไม่มี นี่ก็ตามรอยพระอนุรุทธเถระ แล้วแต่...

    ดังนั้นเงินใช้ให้เป็นประโยชน์นะครับ ผมเคยลำบากทำบุญที 5 บาท 10 บาทก็มีสมัยก่อนเคยอ่านหนังสือฟรีในห้าง ที่คนเล่า ขอให้มั่นคงในการทำทาน จนคนที่เคยทำบุญที 5 บาท สามารถทำบุญได้ทีละแสนก็มีมาแล้ว ซึ่งผมก็ได้ลองมาเป็นเช่นนี้จริง แต่ขอให้พิจารณาดี ๆ

    ศรัทธาต้องประกอบด้วยปัญญาด้วย (คำนี้คงไม่ต้องอธิบายนะครับ)

    ช่วงนี้ช่วงกฐิน ก็โปรดใช้ปัญญากับศรัทธาให้ดีครับ

    2. การทำบุญทำทาน หลวงปู่เคยสอน นอกจากห้ามหวังผล สิ่งสูงสุดคือ บุญคือการยกระดับจิต

    ผมเคยถามบางที่ที่ผมเลิกคบไปไม่นานนี้ล่ะครับ ทำมาสอน ๆ บุญคืออะไรยังไม่รู้เลยมั่ง ????

    ก็เงียบจริง ๆ ตอบเราไม่ถูก บุญคืออะไร ?? ทั้งที่ควรรู้ดีกว่าเรา

    บุญคือยกระดับจิต เราให้ทานเพื่อละตระหนี่ สาระสำคัญคือยกระดับจิต

    การให้ทานต้องแบบพระโพธิสัตว์ ให้ไม่เลือกชนชั้น ไม่ว่าคนหรือสัตว์

    มีครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือสอนวิธีแก้กรรม (กรรมแก้ไม่ได้นะแค่บรรเทา)

    1. ผู้ใดขาดบารมี คนไม่เคารพให้ทำทานคนแก่มาก ๆ

    2. ผู้ใด มีปัญหาบริวารเพื่อน แบบมีแต่เพื่อนเลว ๆ ลูกน้องเนรคุณให้ทำทานกับหมาแมว

    เพราะหมาแมว เราให้ข้าวทีเดียวมันจำได้นะ จะไม่เนรคุณเจ้าของหรือผู้เลี้ยงเป็นอันขาด

    ผมทำมาหลายปีก็ดีขึ้นนะครับ สั่งให้บ้านที่ดูแลไป (เราไม่ต้องไปให้เองถึงที่ แต่ต้องพิจารณาดี ๆ ว่าเขาทำจริงนะ เพราะมีหลอกลวงมาก)

    และหลักหว่านพืชเช่นใดให้ผลเช่นนั้นก็ใช้ได้ อย่างเช่น มีปัญหาโรคผิวหนังคันบ่อย พอแนะนำไปช่วยซื้อยาให้หมาขี้เรื้อน ก็ดีขึ้นจริง ๆ (ยังไม่หายนะ แค่ดีขึ้น)

    เมื่อนำค่าบูชามาทำบุญให้มากที่สุด เพราะผมก็มีงานการทำ ไม่ต้องเอาเงินออกวัตถุมงคลมาใช้เอง ก็เลยทำให้พระศักดิ์สิทธิ์ไปด้วยนี่เอง ...

    ผมจะทำบุญถวายของก่อน แล้วกรวดน้ำให้เทพเทวดา เจ้าของมวลสาร จากนั้นค่อยยกวัตถุมงคลขอครูบาอาจารย์เสก
     
  5. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    uDHwK1.jpg

    ฝากพรรคพวกทำบุญครับ เพราะมวลสารมีมวลสารที่ท่านเสกมาให้ด้วย
     
  6. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    ef1ef92ae821fc27e758e3e0dbfa34c9.jpg

    ผงจากตำบดชานหมาก ผสมผงพุทธคุณรวมของหลวงปู่ที่ท่านเสกทิ้งทวนให้ (รอคอยมา 9 เดือนกว่า)

    โดยสรุป รุ่นพระเจ้าครอบไตรภพนอกจากมวลสารเดิมรุ่นมณีรัตนมงคล ก็ได้เพิ่มเติมดังนี้
    8e75b5cb4bf936badaabeeba1c3b1427.jpg
    ab85c42ca80e38242153e601f49b44e9.jpg
    7642f7f0a0de7d389205bdbc3e982c96.jpg
    น้ำมันอาถรรพ์ กับน้ำมันมหาอำนาจ

    8b332182b16671bdb01eddc0941080c2-jpg.jpg uAaKo1.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2021
  7. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    06bd5aac77967b9b6dfe22d518d48799.jpg
    f2f76b44f1bd8f5bdad5bcf018f292eb.jpg

    ชุด Full option ฝังตะกรุด 3 กษัตริย์ ทองคำ เงิน นาค...

    86de1620ddaa1ed5137b07519758f078.jpg

    แบบลองพิมพ์ ทดสอบเนื้อ ไว้ให้ครูบาอาจารย์ชมตอนท่านเสก

    รุ่นนี้ได้มวลสารอันอัศจรรย์ที่ได้มายากเย็นแสนเข็ญ รอเกือบปี บวกกับคำแนะนำ หรือพยากรณ์จากครูบาอาจารย์ตั้งแต่ 2 ปีก่อน

    พอกดเสร็จ ตัวผมเองก็ได้พบความอัศจรรย์มากมาย ได้พบเรื่องดีๆ มาไม่ขาดสายครับ จนขี้เกียจบรรยาย เพราะเราผู้จำหน่ายไม่ควรบรรยายโอ้อวด55

    แต่สร้าง 10 องค์ก็หมดภายในเวลาไม่กี่ ชม.
    รุ่นนี้ตั้งใจเสกนานจนสิ้นเดือนล่ะครับ รอวาระโอกาสด้วย ตามแต่องค์พระจะบรรดลบันดาลไป

    ซึ่งรอเสกครบตามวาระที่ตั้งใจ รอรีวิวกระแสพลังว่าจะขนาดไหน..

    อานุภาพคงไม่ต้องบรรยาย ...

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2021
  8. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    d4880f5e05369137620326207201a6f3.jpg

    สร้าง 8 ดอก ตามตำราเป็นความชุ่มเย็น ไว้ดับอาการร้อนรุ่ม หรือจิตใจไม่ปกติ อันเกิดจากอาถรรพ์ต่างๆ

    ที่พบได้ชัดเจนคือมีของดีมากไป รังสีของวัตถุมงคลส่งผลต่อจิตใจ (ผมก็เป็นครับ) คือหงุดหงิด ๆ แบบไม่ทราบสาเหตุ หรือนอนใกล้วัตถุมงคล หิ้งพระแล้วนอนไม่หลับเป็นต้น

    ผมเองยังมีอาการนี้จนต้องไปถามครูบาอาจารย์โดนคุณไสยป่าวครับ55 ท่านบอกไม่ใช่ ให้แผ่เมตตาระงับจิตใจไป
     
  9. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    a134b20fee1fef60caf87b292778f396.jpg

    วันนี้ไปทำบุญที่หนึ่งครับ ก็ร่วมทำบุญสร้างเจดีย์ไปด้วย พอท่านให้พร สัมผัสกระแสจิตหลวงปู่ท่านได้ตกใจเลย รีบทำบุญเพิ่มเลย (ต้องจัดเพิ่ม)

    เหลืออีกที่หนึ่งผมไป 2 ครั้งแล้วไม่พบ กะว่าอาทิตย์หน้าไปอีกรอบ รอบที่ 3
     
  10. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    การทำบุญที่เป็นการทำบุญ

    เรื่องนี้มาจากการศึกษาสอบถามครูบาอาจารย์ของผมเอง และทดลองทำมาหลายสิบปี ตั้งแต่ผมเคยบวชปี 2549 เดือนกว่าๆ ซึ่งก่อนบวชผมก็ไปมาหาสู่วัดที่ผมเคยบวชมาหลายปี จนเลือกวัดนี้ล่ะบวช ซึ่งเป็นการบวชแก้บนด้วย

    ช่วงเวลาผมบวช ผมตกใจมาก555 เพราะภาพไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด คือเรามาทำบุญเราศรัทธาครูบาอาจารย์สายหลวงปู่ใหญ่ ยอมรับในอภินิหารความอัศจรรย์ของครูบาอาจารย์ ประเภท แค่คิดท่านก็ดักจิตดักใจทายเราได้

    และได้พบคำชี้แนะ พยากรณ์จากครูบาอาจารย์ที่ท่านบอก "หลวงปู่ใหญ่เปิดให้" จนผมพอตั้งหลักชีวิตได้ หลังเคลียร์สะสางงานได้เวลา ก็เลยบวชเดือนกว่าๆ

    คำว่าตกใจนี้เกิดจากเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ของพระในวัดนั่นล่ะครับ พูดตรงๆ นอกจากครูบาอาจารย์ผม สงสารญาติโยมที่มาทำบุญด้วย 555 เรื่องผิดศีลผิดธรรมเพียบ

    ผมเข้าใจนะ ตามคำสอนของหลวงปู่ผู้ผ่านโลกหลายท่าน โลกคือโรงเรียนของเรา ของผู้ปฏิบัติ ย่อมมีสอบตกสอบผ่าน...

    แต่พอสึกมา ยิ่งเข้าใจไปอีก เพราะแม้แต่ ผู้ที่เรายึดเป็นที่พึ่งอาจสอบตกได้

    จนมีครูบาอาจารย์ที่เชี่ยวชาญเลยแนะนำ เวลาเรามีค่า ไปทำบุญกับพระอริยเจ้าดีที่สุดครับ

    พระอริย ก็คือผู้ไม่กลับไปโลกียะอีกแล้ว คือพ้นจากความเสื่อมแล้วนี่เอง

    พอผมจับทางเปลี่ยนแนวทางการทำบุญ แน่นอน ผมเคยลำบากทำที 5 บาท 10 บาทมาแล้ว ก็ค่อยๆ ตั้งหลัก คัดเลือกสถานที่ดี ๆ ที่นาดี ๆ เนื้อนาบุญดี ๆ ผลกลับคืนกลับมาจนน่าตกใจ

    เรียกว่าถ้าย้อนเวลาไปสมัยวัยรุ่นจำความได้ คงรีบทำบุญที่ถูกต้องดี ๆ ไปแล้วชีวิตคงดีกว่านี้แน่

    มีนะ ที่เห็นบางคนตักบาตรมาทั้งชีวิต จนแก่ ชีวิตก็ไม่ร่ำรวยขึ้นมีแต่ความทุกข์ยาก แน่นอน หากว่ากันด้วยผลกรรม กรรมเก่าอาจมาก แต่นั่นล่ะครับ เราจะมัวคิดแต่กรรมไม่ได้ เราต้องพยายามดิ้นรน


    คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร...

    การทำบุญที่ถูกต้องผมเคยพูดไปแล้วในกระทู้หลวงปู่เหิร
    https://palungjit.org/threads/อภิญญาจิต-ธรรม-ของดี-หลวงปู่เหิร-พระอริยเจ้าผู้ซ่อนกายในเมืองหลวง.634039/

    เหมือนการปลุกเสกนั่นล่ะครับ ดังเคยแชร์ให้อ่าน เด็กประถมมา พันคนมาช่วยเสก ก็ไม่เท่าระดับปริญญาเสกท่านเดียว...
    ถ้าเราเลือกเนื้อนาบุญดี ๆ หรือ ทำทานแก่สัตว์ทุกข์ยากด้วยใจกุศล ยังไงก็ไม่ขาดทุนครับ

    ไม่ใช่ทำแค่ครั้งสองครั้ง มันต้องพยายามจนจิตเราสะอาดกว่าเดิมไปด้วย บวก ศีล ภาวนา

    ทำกับผู้ไม่มีศีล ก็ขาดทุนนั่นเอง... (ผมเลิกคบแน่นอนผู้ไม่มีศีล)
     
  11. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    uAaKo1.jpg

    uAaZGy.jpg

    หนึ่งในมวลสารครับ... ล่าสุดวันนี้ผู้มอบมวลสารให้ส่งข่าว มีคนนำพระที่ท่านเสกไปตรวจกระแส ฮือฮา...

    จริงผมรู้มานานเป็นสิบๆปีแล้วนะ 55 เพราะทำบุญกับหลวงปู่ท่านมานานแล้ว...
     
  12. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    7d681c7dd68d4aec99c3e485c5100575.jpg

    พึ่งทราบข่าว ครูบาคำ วัดแม่หาด จ.ลำพูนได้ละสังขารเมื่อ 3 วันที่แล้วครับ น้อมส่งท่านสู่นิพพาน

    ท่านคือ ผู้อธิษฐานเสกปิด พญาหรมานที่ผมสร้างขึ้นมา และได้เมตตาเสก รุ่นเหนือพยัคฆ์ และเจ้าเวหาพญาสุบรรณด้วย

    หลังจากนั้นทราบว่าท่านเริ่มอาพาธจึงไม่ได้ไปรบกวนให้ท่านลงอะไรเพิ่ม

    1. ในการเสกพญาหรมาน ผมได้นำผงมวลสารขอท่านเสกให้ด้วย จึงมีพลังจิตของท่านในมวลสาร
    2. เม็ดชนวนสร้างหรมานที่ฝังด้านหลังพระผง ก็ได้นำเข้าเสกด้วยครับ
    a6b8b11d14972d4e88094fd23284ff47.jpg
    40e5648d6e976496b2db190769be78a4.jpg
     
  13. lotary01

    lotary01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,053
    น้อมส่งครูบาสู่นิพพานครับ
     
  14. ton 2499t

    ton 2499t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +435
    น้อมกราบครูบา สู่นิพพาน ครับ
     
  15. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    uaako1-jpg.jpg

    28bacac1c1c75c50afc55fbd921df314.jpg
     
  16. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    ffa1fa731e4de9dd8a8f5e50b3d887f2.jpg

    ปฐมฤกษ์การอธิษฐานจิต โดยหลวงปู่...อายุ 98 ปี

    ผมเคยไปทำบุญกับท่าน 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกคือไปทำบุญปกติ ถวายน้ำมันนวด พอดีท่านปวดเมื่อยอยู่ ศิษย์ท่านเลยให้ผมนวดให้ท่าน ก็โชคดีไป

    สัมผัสแรกที่เห็นก็ดูท่านเหมือนพระทั่วไป ดูธรรมดาแต่พอได้นวดท่านเลยชักไม่แน่ใจ "เอ๊ะ สูงส่งคืนสู่สามัญนี่หว่า (คิดในใจนะ)"

    จนแน่แก่ใจว่าท่านสูงส่งคืนสู่สามัญชัวร์ ๆ จนศึกษาประวัติท่านเลยหายสงสัย

    ครั้งที่ 2 นำผงมวลสารขอท่านอธิษฐานจิตเพื่อสร้างล็อคเก็ตหลวงปู่ใหญ่

    ท่านบวชมายาวนานตั้งแต่อายุ 20 และได้ออกธุดงค์ ปฏิบัติธรรมกับครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นหลายรูป ไม่ว่าเป็นหลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ขาว หลวงปู่ดูลย์ ฯ และได้ปฏิบัติกับสายหลวงปู่มั่นมาแล้วด้วย ออกธุดงค์มายาวนาน เชี่ยวชาญวิปัสสนาและวิทยาคมอย่างยิ่ง

    จึงไม่แปลกใจในความสงบ สูงส่งของท่าน

    ตอนที่ไป ฝนก็ตก พอไปถึงวัด ซึ่งเป็นการไปครั้งที่ 3 เห็นป้ายหน้ากุฏิท่านสะดุ้งเลย55

    "ช่วงโควิดห้ามเข้าใกล้หลวงปู่ จะทำบุญถวายของให้ถวายพระที่ดูแล" (ยุ่งล่ะสิ สงสัยอดได้เสก55)

    ก็รอจนพระดูแลท่านมาก็หยิบของไปถวายทำบุญ กรวดน้ำ พระที่ดูแลก็เมตตา บอก "หลวงปู่ท่านหลับอยู่ " จนผมกรวดน้ำเสร็จ เห็นหลวงปู่ในห้องกระจกท่านลุก ๆขึ้นมาดู เลยบอกพระท่าน

    พระที่ดูแลท่านก็ใจดี บอก "เอ้าเข้ามาเลย" เลยได้นำของถวายทำบุญกับหลวงปู่เอง (ผมฉีดพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ของ ปัจจัยหมดแล้วเด้อ)

    จากนั้นเลยได้โอกาส ยกรุ่นพระเจ้าครอบไตรภพ ขอความเมตตาท่าน

    ท่านก็หยิบพิจารณาพระแล้วอธิษฐานให้สมใจ... นับว่าโชคดีเกือบเสียเที่ยว55

    ไม่ต้องถามถึงความขลังครับ แค่ทิชชู่ห่อพระยังขลังขนาด ยังว่า จบได้เลยนะเนี่ย แต่ยังไม่พอ ... นับว่าสมฤกษ์ชุ่มเย็นเพราะฝนตกหนักมาก ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2021
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 5
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • รักเลย รักเลย x 1
    • ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย x 1
    • ดูรายการ
  17. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    fbbc374af91393390314dd5ede966a75.jpg

    ได้คุยกับรุ่นพี่ท่านมอบผงหลวงปู่โตให้ คุยไปคุยมาทราบว่าแต่อดีตพี่เขาได้สร้างพระเหรียญหลวงปู่เอี่ยมมาแล้ว

    ผมได้ถามเรื่องการหลอมทำเหรียญ เพราะตอนไปบ้านเขา พี่เขาได้หยิบเหรียญหลวงปู่เอี่ยมที่สร้างให้ชม คือทราบว่าชนวนมาก แต่ผมไม่ทราบว่าจะมากขนาดแทบช็อค

    เขาได้นำเหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนังแท้ๆ ทันท่านผสมด้วย บวกกับตะกรุดโสฬสในตำนานหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูงผสมด้วย

    พี่เขาบอกเองตอนจะหยิบหลอม โรงงานยังขอซื้อต่อเลยในราคาหลักแสน แต่พี่เขาใจเด็ดผสมหลอมทันที55

    และคุยไปคุยมาถึงมีด พี่เขาก็มีมีดหลวงพ่อเดิมด้วย????

    ซึ่งแน่นอน ยุคปัจจุบันจะเสกให้เท่ามีดหลวงพ่อเดิมยากแล้ว อาจารย์ฆราวาสเขาก็ยืนยัน

    มีดหลวงพ่อเดิมพี่เขาบอก ตอนไปซื้อมา ไม่ว่าหนังเหนียวแค่ไหนก็เฉือนเข้าทั้งที่มีดหลวงพ่อเดิมไม่ได้ทำคมมากนะครับแต่เฉือนเนื้อคนได้

    โดยได้มีการลองเฉือนเนื้อดู หากเป็นแผลแล้วไม่ว่าจะเย็บยังไงแผลจะไม่ติด นอกจากวิธีแก้คือ นำตัวใบมีดไปฝนกับหินผสมน้ำล้างแผล (ตรงนี้ผมถามอ่านมาไม่ใช่เอาด้ามมีดฝนกับน้ำล้างแผลเหรอ พี่เขาบอกไม่ใช่ใช้ตรงใบมีดเลย ซึ่งต้องบิ่น) โดยได้ทดลองแล้วแผลถึงจะปิด

    ฟังไว้เป็นสาระครับ

    ในภาพ เป็นการร่างแบบมีดโดยอาจารย์ฆราวาสที่พี่เขานับถือ ซึ่งเราจะทดลองตีมีดขึ้นมาใช้เอง แน่นอน ทำน้อยต้นทุนสูงเพราะทำไม่เกิน 10 เล่ม อาจไม่ทำเหล็กลายเพราะจะใช้ชนวนมวลสารได้น้อย คิดว่าจะทำ 5 นิ้วพกพาง่าย ด้านชนวนมวลสารไม่ต้องกังวล ผมเห็นภาพเหล็กสังขวานรแล้วแทบช็อค เพราะแต่ละแห่งหาได้ยากยิ่งไม่มีขายตามท้องตลาด...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2021
  18. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการปลุกเสกแบบจัดเต็ม จัดหนัก โดยชุดนี้เป็นการสร้างพระเจ้า 5 พระองค์ ผมจึง plan ว่าจะขอครูบาอาจารย์ 5 ท่าน เพื่อให้ครบ 5 พระองค์

    เนื่องจากมีเวลาอีกถึงสิ้นเดือน ก็จะค่อยๆ ให้ชมการเสก อาทิตย์ละท่านนะครับ...

    ชุดนี้ บางท่านเรียกร้องมาขอด้านโชคลาภ เรียกเงินเรียกทอง ก็จัดให้ครับ เพราะผมก็ต้องการ...

    กระซิบอีกนิด ผมได้นำมวลสารที่เหลือจากการสร้างพระเจ้าครอบไตรภพ ใส่กะปุกเล็ก ๆ ไปร่วมเสกด้วย เพื่อว่าหากได้สร้างชุดต่อไป สร้างเสร็จก็จะได้ทุ่นแรง เพราะ plan ไว้หากมีโอกาสได้ทำรุ่นถัดจากนี้จะฉีกแนวคือ เสกพระ 1 ฆราวาส 1 แต่ เสกปิดท้ายฆราวาสจะเสกนาน โดยเป็นแนวทางที่ยังไม่เคยทำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องรอมวลสารครับ เพราะผู้ให้บอกจะให้ แต่ก็ต้องรอประมาณ 3 เดือนนิด ๆ ซึ่งเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนเขาแจ้งมาว่าจะส่งให้หลังสิ้นเดือนตุลาคม ก็รออยู่นี่ล่ะครับ

    หากได้ทำนะ ก็นำมวลสารที่เข้าเสกรุ่นนี้ 5 ยก (ปกติก็เสกมามากแล้ว) สร้าง แล้วเสกตามที่วางไว้เลย โดยอาจทำเยอะหน่อยประมาณ 15 องค์ แต่ ก็ต้องรอมวลสารครับ ถ้าเขายังไม่ให้ ก็ไม่ต้องทำ55
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2021
  19. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    22dd658e6a9bb44cded816f981f0927b.jpg

    การเสกยกแรก ๆ ก็จะเน้นหนัก ดังองค์ปฐมฤกษ์ คือเชื่อมตรงกับกระแสพุทธบารมีไปเลย องค์ถัด ๆ มาก็เป็นการอัดลงให้แน่น และค่อยๆเสริมด้านทางโลกไปทีละขั้นๆ จนปิดท้ายก็รวมธาตุรวมกระแสเสริมในสิ่งที่ต้องการไปเลยซึ่งก็คอยรอชม ทีละท่าน ๆ ไปแต่ planที่ออกมาจากแนวทางครูบาอาจารย์ชี้แนะได้มาแล้ว... คือพอเข้าใจแล้วว่าจะไปขอท่านใดลงให้บ้าง ก็อาทิตย์ละท่านไปครับ...

    แต่ละท่านก็จะมีความแตกต่างตามหลักวิชาของท่านไป
     
  20. konun88

    konun88 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    5,057
    ค่าพลัง:
    +55,533
    อ้างอิงให้เครดิต ที่มา


    คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ย หรือ คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า
    ที่หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง กรุงเทพฯ ถวายล้นเกล้า ร.๕ ก่อนเสด็จประพาสยุโรป จนกลายเป็นตำนานเล่าขานที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
    พระคาถาว่าดังนี้
    "อิติปิโส วิเสเสอิ
    อิเสเส พุทธะนาเมอิ
    อิเมนา พุทธะตังโสอิ
    อิโสตัง พุทธะปิติอิ "ฯ
    ผู้มีวาสนาได้พบเห็น จงร่ำเรียนเอาเถิดประเสริฐนักแล ฯ ความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่เอี่ยมนั้น เป็นที่เล่าขานกันมายาวนานของคนเฒ่าคนแก่ย้านฝังธน ด้วยความเป็นพระผู้ทรงศีลบารมี มีตบะบารมีธรรม และอำนาจจิตแก่กล้า ทั้งเป็นพระผู้ประกอบด้วยเมตตาธรรมสูงแก่ญาติโยมและศิษยานุศิษย์ ในยุคนั้นศิษย์วัดหนังขึ้นชื่อในเรื่องความคงทนหนังเหนี่ยว อย่างที่แมลงวันไม่ได้กินเลือดเลยก็ว่าได้ จนเป็นที่เลืองลือและเกรงขามของบรรดานักเลงต่างถิ่น ด้วยคำคุ้นหูที่ว่า "หนังไม่เหนี่ยว อย่าริเที่ยววัดหนัง" วันนี้เพจ (ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญาครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม) จึงขอนำเอาเรื่องราวอันเป็นตำนาน เกี่ยวกับคาถาอิติปิโสเรือนเตี้ย หรือคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า มาเล่าสู่กันฟัง..................
    เล่ากันว่า เมื่อล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๕ ได้รับคำแนะนำจากพระเจ้าน้องยาเธอ "กรมหลวงนเรศวรฤทธิ์" ให้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ เข้านมัสการ "หลวงปู่เอี่ยม" วัดโคนอน เพื่อขอรับคำพยากรณ์ก่อนที่จะเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่ ๑ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ นั้น ภายหลังที่กำหนดการเสด็จวัดโคนอนได้ถูกกำหนดขึ้นเป็นการส่วนพระองค์เรียบร้อยแล้ว ก็ได้ส่งหมายกำหนดการไปถวายแด่หลวงปู่เอี่ยม เป็นการภายใน เพื่อที่จะได้เตรียมตัวรับเสด็จ
    ขบวนเสด็จประกอบด้วย เรือพายสี่แจวที่ทรงประทับ และขบวนเรือคุ้มกัน ควบคุมโดยพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงนเรศวรฤทธิ์ ได้เคลื่อนที่เข้าคลองลัดสู่วัดโคนอน ชาวบ้านละแวกนั้นไม่ได้ไหวตัวหรือเอะใจแต่อย่างใด เพราะเห็นเป็นขบวนเรือธรรมดา มิได้ประดับประดาธงทิวให้แปลกไปกว่าเรือลำอื่นดูเหมือนกับเรือที่ขุนนางหรือเศรษฐีผู้มีทรัพย์ใช้กันทั่วไป และผู้ที่ขึ้นมาจากเรือสี่แจวต่างก็แต่งกายแบบธรรมดา มีหมวกสวมไว้บนศีรษะ ใบหน้าบ่งบอกถึงเป็นผู้มีบุญ หนวดบอกถึงผู้มีอำนาจดวงตาฉายแววแห่งความเมตตาปราณีตลอดเวลา เวลาเดินมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง ทุกคนไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า "บุรุษผู้ขึ้นมาจากเรือสี่แจวนั้น คือ เจ้าชีวิตแห่งกรุงสยาม พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า ผู้ทรงประกาศเลิกทาสโดยสิ้นเชิง"
    พระปลัดเอี่ยมนั่งรออยู่บนอาสนะอันสมควรแก่ฐานานุรูป ภายในพระอุโบสถอันแคบ แบบวัดราษฏร์ในเขตอันไกลจากพระบรมมหาราชวัง กรมหลวงนเรศวรฤทธิ์ก้าวนำเสด็จเข้ามาภายในพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้าทรงจุดธูปเทียนบูชาสักการะพระประธาน กราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วจึงเสด็จกลับมาถวายนมัสการพระปลัดเอี่ยม ซึ่งกราบทูลให้ทรงประทับนั่งธรรมดาตามสบายพระองค์
    "ที่รูปมาในวันนี้ ("รูป" เป็นคำที่พระมหากษัตริย์สมัยก่อนใช้แทนพระนามเมื่อมีพระราชดำรัสกับพระสงฆ์) เพื่อขอให้ท่านปลัดได้ช่วยตรวจดูเหตุการณ์ว่า การที่รูปจะเสด็จไปยุโรปเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักในยุโรปนั้น จักเป็นอย่างไรบ้าง ด้วยหนทางไกลและอันตรายมีอยู่รอบด้าน"
    "มหาบพิตร อาตมาจักตรวจสอบให้ อย่าได้ทรงมีพระหทัยกังวล ทั้งนี้ด้วยพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นสมมติเทพแบบพระองค์นั้น มีบุญญาธิการ สามารถผ่านพ้นความทุกข์ได้อย่างมั่นคง"
    พระปลัดเอี่ยมลุกจากที่นั่งไปคุกเข่าลงหน้าพระประธาน ก้มลงกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ระลึกถึงองค์พระรัตนตรัย และหลวงปู่รอดผู้มรณภาพไปแล้ว ขอบารมีในการจะเข้า "ฌาน" เพื่อดูอนาคตด้วย "อนาคตังสญาณ" จากนั้นก็กลับเข้ามาสู่ท่านั่งสมาธิตัวตรง เจริญอานาปานสติ แล้วเข้าสู่ฌานที่ ๔ ตามลำดับ จากนั้นเข้าสู่อนาคตังสญาณ โดยกำหนดจิตไว้มั่นเพื่อให้นิมิตเกิด
    ในท่ามกลางความคะนองของท้องทะเล และคลื่นลมตลอดจนวังวนของทะเล เรือพระที่นั่งกำลังอยู่ในปากแห่งวังวนนั้น น้ำในวังวนเชี่ยวกราก และส่งแรงดูดมหาศาล ภายใต้วังวนนั้น ซากเรือใหญ่น้อยจมอยู่เป็นอันมาก พ้นจากทะเลมาสู่บก พลันภาพของกลุ่มคนที่นั่งกันอยู่เป็นชั้น ๆ ส่งเสียงจ้อกแจัก ด้านล่างเป็นผืนหญ้า และมีผู้จูงม้าเข้ามาในที่นั้น ม้าตัวนั้นมีคนถือเชือกที่ล่ามขาทั้งสี่คอยดึงไว้ไม่ให้พยศ ดวงตาของมันเหลือกโปน น้ำลายฟูมปาก
    ภาพของฝรั่งแต่งตัวด้วยเครื่องแบบประหลาด ผายมือให้พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้าทรงเสด็จไปรับม้าเพื่อประทับ แล้วทุกอย่างก็ดับวูบหายไป ถึงวาระที่ออกจากญาณพอดีลุกขึ้นเดินมานั่งบนอาสนะที่เดิม ก่อนจะกราบทูลความถวายว่า
    "มหาบพิตร การเสด็จพระราชดำเนินสู่ยุโรปครั้งนี้ จะต้องประสบภัยสองครั้ง ครั้งแรกในทะเลที่วังวน อาตมาจะถวายผ้ายันต์พิเศษและคาถากำกับ เมื่อเข้าที่คับขันขอให้ทรงเสด็จไปยืนที่หัวเรือ แล้วภาวนาคาถากำกับผ้ายันต์แล้วโบกผ้านั้น จะเกิดลมมหาวาตะพัดให้เรือหลุดจากการเข้าสู่วังวนได้
    ภัยครั้งที่สองเกิดจากสัตว์จตุบท (สี่เท้า) คืออัศดรชาติอันดุร้ายที่ฝ่ายตรงข้ามจะทดลองพระองค์อาตมาจะถวายคาถาพิเศษสำหรับภาวนาเวลาถอนหญ้าให้อัศดรอันดุร้ายนั้นกิน จะคลายพยศและสามารถประทับบังคับให้ทำตามพระราชหฤทัยได้เหมือนม้าเชื่อง"
    ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เล่าลือกันมาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าหลวง ปู่ย่าตายายได้เล่าสืบทอดกันมาอันมีส่วนหนึ่งเกี่ยวพันกับพระบรมรูปทรงม้าที่ลานพระราชวังดุสิต
    คาถาเสกหญ้าให้ม้ากินที่หลวงปู่เอี่ยมถวายนั้น คือ "คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ย" หรือ "มงกุฎพระพุทธเจ้า" มีตัวคาถาว่า "อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ "
    หลังจากได้ทรงมีพระราชดำรัสกับพระปลัดเอี่ยมพอสมควรแก่เวลาแล้ว ก็ทรงถวายจตุปัจจัยไทยทานแด่พระปลัดเอี่ยม จากนั้นได้เสด็จทอดพระเนตรโดยรอบวัดโคนอน ซึ่งตอนนี้มีผู้จดจำพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้าได้แม่นยำ ได้บอกกันออกไป ทำให้มีผู้มาหมอบเฝ้ารับเสด็จกันเป็นจำนวนพอสมควร ครั้นทรงสำราญพระอิริยาบถพอสมควรแล้ว ก็เสด็จกลับสู่พระบรมมหาราชวัง เพื่อเตรียมพระองค์ไปทวีปยุโรปต่อไป
    การเสด็จประพาสยุโรปในครั้งแรก เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๔๐ (ร.ศ. ๑๑๖) ได้ทรงเตรียมการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดียิ่ง ในส่วนที่เป็นกิจการภายในประเทศ ได้ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต่อหน้ามหาสมาคม จากนั้นได้ทรงถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้ามหาสมาคมซึ่งประกอบไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เหล่าเสนามหาอำมาตย์ ข้าราชบริพาร และพระราชาคณะอันมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน ในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร บางลำภู กทม. มีใจความสำคัญ ดังนี้
    ๑. จักไม่เปลี่ยนแปลงจากพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาอื่น
    ๒. จักเสวยน้ำจัณฑ์ (เหล้า) ต่อเมื่อไม่เป็นการผิดพระราชประเพณีต่อฝ่ายที่จะกระชับสัมพันธไมตรี และจะเสวยเพียงเพื่อไมตรีไม่ให้เสียพระเกียรติยศ
    ๓. จะไม่ล่วงประเวณีต่อสตรีไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติใด ตลอดเวลาที่พ้นออกไปจากพระราชอาณาเขตสยาม
    ซึ่งท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า การเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ ไม่ได้เป็นไปเพื่อความสำราญส่วนพระองค์ แต่ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อประเทศชาติโดยแท้ จากจดหมายเหตุและพระราชหัตถเลขา ที่ทรงมีมายังพระพันปีหลวงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ทรงบอกชัดเจนว่า
    ทรงต้องผจญภัยในท้องทะเล กับคลื่นลมที่แปรปรวน ทรงพบกับความลำบากนานาประการอาทิ ต้องทรงงดเสวยพระโอสถหมากและพระโอสถมวน (หมาก พลู บุหรี่) และต้องให้ช่างมาขูดคราบพระทนต์ (ฟัน) ที่เกิดจากคราบหมากคราบปูนออกเพื่อให้พระทนต์ขาว ห้องพระบรรทมในเรือพระที่นั่งก็ไม่สะดวกสบาย อากาศร้อนเป็นที่สุด การเสวยก็ไม่เป็นไปตามที่ทรงพระประสงค์ ฯลฯ ซึ่งความยากลำบากเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาแรมเดือน ในช่วงที่ต้องใช้ทะเล มหาสมุทร เป็นเส้นทางเสด็จและในช่วงที่เสด็จรอนแรมในท้องทะเลนั่นเอง คำพยากรณ์ข้อที่ ๑ ของหลวงปู่เอี่ยม วัดโคนอนก็เป็นจริง
    เมื่อเรือพระที่นั่งแล่นอยู่ในบริเวณใกล้กับ สะดือทะเล หรือ "ซากัสโซ ซี" อันบริเวณนั้นมักจะเกิดน้ำวนเป็นประจำ และเรือลำใดบังเอิญหลงเข้าไปในวังน้ำวนนั้น ก็มีหวังจมลงอับปางเป็นแน่แท้ และแล้วเรือพระที่นั่งมหาจักรี ก็พลัดเข้าไปในวังวนนั้นจนได้
    กัปต้นคัมมิง (Commander Cumming) แห่งราชนาวีอังกฤษซึ่งไทยได้ขอยืมตัวมาเป็นผู้บังคับการเรือพระที่นั่งเป็นการชั่วคราว ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มสติกำลังความสามารถ บังคับเรือให้สู้กับแรงหมุนและดูดอย่างเต็มที่ ด้วยหากเรือพระที่นั่งเข้าปากวังวนแล้ว การรอดออกมานั้นหมดหนทาง
    ในขณะที่วิกฤตินั้น ได้มีผู้เข้าไปกราบทูลให้ทรงทราบ เมื่อระลึกถึงคำพยากรณ์ของพระปลัดเอี่ยมข้อแรกขึ้นมาได้ ก็ทรงจัดฉลองพระองค์ให้รัดกุม อาราธนาผ้ายันต์ของพระปลัดเอี่ยมติดมาด้วย เมื่อเสด็จมาถึงตอนหัวเรือ กัปตันกำลังแก้ไขสถานการณ์สุดกำลัง ทรงไม่รบกวนสมาธิของกัปตัน แต่เสด็จไปยืนอธิษฐานจิตถึงพระรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช และบารมีทศพิธราชธรรม และการเลิกทาสที่ทรงพระวิริยะอุตสาหะในการช่วยเหลือพสกนิกรให้พ้นจากการเป็นทาส จบลงด้วยพระปลัดเอี่ยมและผ้ายันต์ ทรงโบกผ้ายันต์นั้นไปมาด้วยความมั่นพระราชหฤทัย แล้วปาฎิหาริย์ก็ปรากฎ เหตุการณ์ก็แปรเปลี่ยน จู่ ๆ ก็เกิดลมมหาวาตะพัดมาในทิศทางที่อยู่ในแนวเดียวกับวังวน แรงลมทำให้เกิดกระแสคลื่นสะกัดกระแสวนของวังน้ำ ดันเรือพระที่นั่งให้พ้นจากแรงดูดสามารถตั้งเข็มเข้าสู่เส้นทางได้ ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนว่า "ฮูเรย์" ของกัปตันและลูกเรือ
    ส่วนผู้ติดตามเสด็จนั้นอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก จนทรงพับผ้ายันต์เก็บแล้วนั่นแหละ จึงค่อย ๆ ร้องว่า สาธุ สาธุ คำพยากรณ์ข้อแรกเป็นที่ประจักษ์แก่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงว่า "แม่นยำยิ่งนัก" คงเหลือแต่คำพยากรณ์ข้อที่สองซึ่งยังมาไม่ถึง แต่ก็ทรงเตรียมพระองค์รับสถานการณ์หากจะเกิดขึ้น
    เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินนั้น มีช่วงที่รอนแรมในมหาสมุทรอินเดียยาวนานถึง ๑๕ วัน ๑๕ คืน คือเส้นทางระหว่างเมืองกอล (Galle) ประเทศศรีลังกา ไปยังเมืองเอเดน (Aden) เมืองท่าปากทางเข้าสู่ทะเลแดงของประเทศเยเมน ช่วงนี้แหละที่น่าจะเป็นช่วงอันตรายที่สุดและลำบากที่สุด เหตุการณ์ตามคำพยากรณ์ข้อที่ ๑ ข้างต้น คงเกิดในช่วงเส้นทางนี้ คือระหว่างวันที่ ๒๓ เมษายน ถึง ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ (ขอย้ำอีกครั้ง เป็นเรื่องเล่า ไม่ได้มีบันทึกไว้ในพระราชหัตถเลขา - เล็ก พลูโต)
    ขอรวบรัดตัดตอนเส้นทางเสด็จ ไม่ขอนำความมากล่าวโดยละเอียด ณ ที่นี้ เมื่อพระองค์เสด็จถึงประเทศฝรั่งเศส ประธานาธิบดี เฟลิกซ์ ฟอร์ ได้ถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่แรกไม่คิดจะต้อนรับขับสู้อย่างดีหรอกครับ แต่สืบข่าวดูแล้ว ทุกประเทศที่พระองค์เสด็จผ่านมาก่อนหน้าที่จะเข้าฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ออสเตรีย ฮังการี รัสเซีย เดนมาร์ก อังกฤษ เบลเยี่ยม เยอรมัน ต่างก็ถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ โดยเฉพาะรัสเซีย พระเจ้าซาร์ นิโคลัสทรงยกย่องนับถือเสมือนหนึ่งพระอนุชาร่วมอุทรของพระองค์เอง มีการฉายภาพพระบรมฉายาลักษณ์คู่กัน เผยแพร่ไปทั่วยุโรป แล้วอย่างนี้ "เจ้าเศษฝรั่ง" จะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อย่างไร
    ในช่วงที่ทรงพำนักในกรุงปารีส ฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๑๑ กันยายน ถึง ๑๗ กันยายน ๒๔๔๐นี่เอง ที่พระองค์ได้ประสบกับความแม่นยำในอนาคตังสญาณของพระปลัดเอี่ยม ข้อที่ ๒ หากไม่ได้เตรียมการ หรือเตรียมพระองค์ล่วงหน้าแล้ว มีหวังที่จะต้องเอาพระชนม์ชีพไปทิ้งเสียที่นี่กระมัง
    โบราณว่าไว้ "หากไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้ลูกเสืออย่างไร ? " เป็นบทท้าทายคำพิสูจน์ให้เห็นเด่นชัดตอนที่ล้นเกล้า ร.๕ พระปิยมหาราชเสด็จพระราชดำเนินเหยียบดินแดนของผู้ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นศัตรู ที่ร้ายกาจ หวังจะครอบครองแผ่นดินไทยให้ได้ทั้งหมด แม้จะได้เป็นบางส่วนแล้วก็ตามก็หาเป็นที่พอใจไม่
    ในช่วงที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนทวีปยุโรปครั้งแรก เมื่อ ร.ศ. ๑๑๖ (พ.ศ. ๒๔๔๐) นั้น สยามประเทศของเรายังคงมีกรณีพิพาทต่อกันในเรื่อง "สิทธิสภาพนอกอาณาเขต" กล่าวคือเราต้องยอมให้อังกฤษและฝรั่งเศสตั้งศาลกงสุลของตนในดินแดนไทย สำหรับตัดสินคดีความต่าง ๆ เมื่อคนของเขา หรือคนใดก็ตามแม้แต่คนไทยหัวใสบางคนที่ยอมตนจดทะเบียนเป็นคนในบังคับ (คล้าย ๆ กับการโอนสัญชาติ แต่ไม่ใช่ เพราะยังไม่มีสิทธิที่จะพำนักในประเทศของเขา ) ซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อย เพราะเวลาทำผิดแล้วไม่ต้องขึ้นศาลไทย ไม่ใช้กฎหมายไทยตัดสิน คนไทยเองก็เถอะ หากทำความผิดต่อคนของเขาแล้ว ต้องขึ้นศาลเขาและต้องยอมเขาทุกอย่าง แม้ศาลไทยจะตัดสินว่า "ถูก" หากเขาเห็นว่า "ผิด" คนผู้นั้นก็ต้องถูกลงอาญา ซึ่งเป็นหนามยอกอกของคนไทยในสมัยนั้นมาก ต้องยอมให้คนต่างชาติต่างแดนมากดหัวเรา มาเอาเปรียบเรา เป็นการยั่วยุให้เราหมดความอดทน หากก่อสงคราม ก็มีหวังสูญเสียเอกราชของชาติแน่นอน
    กรณี "พระยอดเมืองขวาง" แขวงเมืองคำเกิดคำมวน วีรบุรุษไทยที่รักผืนแผ่นดินไทย รักในองค์พระมหากษัตริย์ไทย ได้ดับความอหังการ์ของทหารฝรั่งเศส ที่บุกรุกอธิปไตยของไทยที่เมืองขวาง จนต้องถูกจำคุกเสียหลายปี แม้ศาลไทยจะให้ปล่อยตัวเพราะเป็นการทำตามหน้าที่ แต่ศาลกงสุลของฝรั่งเศสในไทยตัดสินให้จำคุก ท่านก็ต้องติดคุกเพื่อชาติ เรื่องนี้คนไทยทั้งแผ่นดินในขณะนั้น แค้นแทบจะกระอักเลือดเลยครับ เกือบจะทำสงครามกันรอมร่ออยู่แล้ว ดีแต่องค์พระปิยมหาราชเจ้า ท่านทรงดำเนินวิเทโศบายด้านต่างประเทศด้วยการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ในยุโรปเสียก่อน แล้วพระองค์ก็ทรงทำสำเร็จเสียด้วย ผู้ที่แค้นแทบจะกระอักเลือดแทน ก็คงจะเป็น "เจ้าเศษฝรั่ง" น่ะเองซึ่งมันก็รอจังหวะและโอกาสที่จะล้างแค้นเหมือนกัน มันคิดว่า
    "หากไม่มีล้นเกล้า ฯ ร.๕ เสียพระองค์หนึ่ง สยามประเทศเราก็เปรียบเสมือนมังกรที่ไร้หัว" ที่นี้คงมีโอกาสมากขึ้นหากจะฮุบประเทศชาติของเราไว้ในกำมือ และแล้วแผนการอันแยบยลก็อุบัติขึ้นเมื่อพระองค์เสด็จเยือนประเทศฝรั่งเศส แม้เขาจะต้อนรับพระองค์อย่างสมพระเกียรติก็ตาม แต่นั่นเป็นเพียงหน้าฉากเท่านั้น หลังฉากน่ะหรือ ? ได้กำหนดขึ้นเพื่อต้อนรับพระองค์ไว้เรียบร้อยแล้ว ในสนามแข่งม้าชานกรุงปารีสนั่นเอง เมื่อพระองค์ได้รับคำทูลเชิญให้เสด็จทอดพระเนตรการแข่งม้านัดสำคัญนัดหนึ่งซึ่งมีขุนนาง ข้าราชการ พระบรมวงศานุวงศ์ฝรั่งเศสมาชมกันมาก พวกมันได้นำเอาม้าดุร้ายและพยศอย่างร้ายกาจมาถวายให้ทรงประทับ โดยถือโอกาสขณะที่อยู่ท่ามกลางมหาสมาคม แม้รู้ว่าม้านั้นดุร้าย พระปิยมหราชเจ้าก็จะไม่ทรงหลีกหนี ด้วยขัตติยะมานะที่ทรงมีอยู่ในฐานะผู้นำประเทศ หากทรงพลาดพลั้งนั่นคือ "อุบัติเหตุ" ใครก็จะเอาผิดหรือต่อว่าเจ้าเศษฝรั่งไม่ได้
    ม้าตัวนั้นเล่าลือกันว่า เคยโขกกัดผู้เลี้ยงดูและผู้หาญขึ้นไปขี่ตายมาแล้วหลายคน จะเอาไปไหนต้องมีคนจูงด้วยเชือกล่ามเท้าทั้งสี่ไว้ เพื่อป้องกันการพยศและขบกัดผู้คน นัยว่าเป็นม้าของเจ้าชายแห่งฝรั่งเศสพระองค์หนึ่ง เมื่อถูกนำเข้ามาในสนาม ทุกคนก็ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัว ตัวแทนรัฐบาลฝรั่งเศสเริ่มวางหลุมพราง โดยกราบบังคมทูลว่า
    "ไม่ทราบเกล้าว่าเมื่ออยู่ในสยามประเทศเคยทรงม้าหรือไม่ พระเจ้าข้า"
    "แน่นอน ข้าพเจ้าเคยทรงอยู่เป็นประจำ เพราะในสยามประเทศก็มีม้าพันธุ์ดีอยู่มาก"
    "โอ วิเศษ ขออัญเชิญพระองค์ทรงเสด็จขึ้นทรงม้า ตัวที่กำลังถูกจูงเข้ามานี้ให้ประจักษ์ชัดแก่สายตาของผู้คนในสนามม้านี้ด้วยเถิดพระเจ้าข้า"
    ตัวแทนรัฐบาลฝรั่งเศสกราบทูลด้วยความกระหยิ่มใจ
    "แน่นอน ข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านทั้งหลายได้ดูว่า กษัตริย์แห่งสยามประเทศนั้นไม่เคยหวาดหวั่นกลัวแม้แต่อัสดรที่พยศดุร้าย หรือผู้คุกคามที่มีอาวุธพร้อมสรรพ "
    จบพระราชดำรัสก็ทรงลุกขึ้นเปิดพระมาลาขึ้นรับการปรบมืออันกึกก้องสนามม้าแห่งนั้น แล้วเสด็จพระราชดำเนินลงจากอัฒจันทร์ สู่ลู่ด้านล่างซึ่งขณะนั้นม้ายืนส่งเสียงร้องและเอากีบเท้าตะกุยจนหญ้าขาดกระจุยกระจาย
    คำพยากรณ์ของพระปลัดเอี่ยมยังกึกก้องอยู่ในพระกรรณ ทรงก้มพระวรกายลงใช้พระหัตถ์ขวารวบยอดหญ้าแล้วดึงขึ้นมากำมือหนึ่ง ทรงตั้งจิตอธิษฐานถึงพระรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราชและพระปลัดเอี่ยม เจริญภาวนาพระคาถาอิติปิโสเรือนเตี้ยที่พระปลัดเอี่ยมถวายสามจบ ทรงเป่าลมจากพระโอษฐ์ลงไปบนกำหญ้านั้น แล้วแผ่เมตตาซ้ำ ยื่นส่งไปที่ปากม้า เจ้าสัตว์สี่เท้าผู้ดุร้ายสะบัดแผงคอส่งเสียงดังลั่นก่อนจะอ้าปากงับเอาหญ้าในพระหัตถ์ไปเคี้ยวกินแล้วก็กลืนลงไป
    ผู้แทนรัฐบาลฝรั่งเศสโบกผ้าเช็ดหน้า เป็นสัญญาณให้แก้เชือกที่ตรึงเท้าม้าออกไปพ้นทั้งสี่เท้าบัดนี้เจ้าสัตว์ร้ายพ้นจากพันธนาการ และบรรดาผู้ที่จูงมันเข้ามาก็ผละหนี เพราะเกรงกลัวในความดุร้ายของมัน พระปิยะมหาราชเจ้าทรงทอดสายพระเนตรจับจ้องอยู่ที่นัยน์ตาของม้านั้น ก็เห็นว่ามันมีแววตาอันเป็นปกติ มิได้เหลือกโปนดุร้าย ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปตบที่ขาหน้าของมันสามครั้ง เจ้าม้านั้นก็ก้มหัวลงมาดมที่พระกรไม่แสดงอาการตื่น หญ้าเสกสำริดผลตามประสงค์
    อาชาที่ดุร้ายกลับเชื่องลงเหมือนม้าลากรถ เจ้าชีวิตแห่งสยามประเทศยกพระบาทขึ้นเหยียบโกลนข้างหนึ่งแล้วหยัดพระวรกายขึ้นประทับบนอานม้าอย่างสง่างามไร้อาการต่อต้านของม้าที่เคยดุร้ายเสียงคนบนอัฒจันทร์ส่งเสียงตะโกนขึ้นเป็นเสียงเดียวกันว่า "บราโวส บราโวส" อันหมายถึงว่า "วิเศษที่สุด เก่งที่สุด ยอดที่สุด" ทรงกระตุ้นม้าให้ออกเดินเหยาะย่างไปโดยรอบสนาม ผ่านอัฒจันทร์ที่มีผู้คนคอยชม เปิดพระมาลารับเสียงตะโกนเฉลิมพระเกียรติบางคนก็โยนหมวก โดยมีดอกกุหลาบลงมาเกลื่อนสนามตลอดระยะทางที่ทรงเหยาะย่างม้าผ่านไปจนครบรอบ จึงเสด็จลงจากหลังม้ากลับขึ้นไปประทับบนพระที่นั่งตามเดิม
    บรรดาพี่เลี้ยงม้าก็เข้ามาจูงม้านั้นออกไปจากสนาม คำพยากรณ์ข้อที่สองและคาถาที่พระปลัดเอี่ยมแห่งวัดโคนอนถวาย ได้สำริดผลประจักษ์แก่พระราชหฤทัย ทรงระลึกถึงพระปลัดเอี่ยมว่า เป็นผู้ที่จงรักภักดีโดยแท้จริง และได้ช่วยให้ทรงผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายมาถึงสองครั้งสองครา และทั้งหมดนี้คือจุดเล็ก ๆ ในเกร็ดพระราชประวัติ เป็นปฐมเหตุแห่งพระบรมรูปทรงม้า หน้าพระราชวังดุสิต ที่เล่าขานกันต่อมาช้านาน และยังคงกึกก้องในโสตประสาทของปวงชนชาวไทยต่อไป ชั่วกาลปาวสาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...