นักวิชาการแนะเก็บภาษี วัง-วัด-สถานที่ราชการ

พูดไม่ออก

 

โห เก็บได้ไงวัดอะ วังด้วย ไม่ดีนะครับ นักวิชาการควรเข้าวัดด่วนเพื่อบำรุงจิต...

 

ตายไปคงโดนทรมาน. นานนนนน่าดูเนอะ

 

.

นักวิชาการหนุนพ.ร.บ.ภาษีที่ดินชงเข้าครม.

-http://tnnthailand.com/news/details.php?id=37344-

















นักวิชาการผลักดันพ.ร.บ.ภาษีที่ดินเข้าครม. หวังสร้างความเป็นธรรมในการเก็บภาษี-กระจายการถือครองที่ดินมากขึ้น

วาน นี้ (3 ก.พ.55) สถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยและแผนงานสร้างเสริมนโยบายสาธารณะ ที่ดี (นสธ.) ได้เปิดอภิปรายเรื่อง “ร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ที่ห้องประชุมนิคม จันทรวิทุร ตึกอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาของการผลักดันร่าง พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พศ... ทั้งในแง่ทฤษฎีและปฏิบัติ

โดย ก่อนการเข้าร่วมอภิปรายนั้น คุณจรูญศรี ชายหาด ผู้อำนวยการส่วนนโยบายท้องถิ่นและรายได้อื่น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องการผลักดันร่างพรบ.นี้โดยตรง ได้ปูพื้นฐานเกี่ยวกับความพยายามในร่างกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ฉบับใหม่ เพื่อทดแทนกฎหมายภาษีและที่ดิน พ.ศ. 2475 และกฎหมายภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 ที่ใช้บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันมาเป็นเวลานาน

จากนั้น ผศ.ดร.ดวงมณี เลาวกุล นักวิชาการจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้นำเสนอ สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยระบุว่ากฏหมายสองฉบับที่ใช้อยู่ยังไม่มีความเป็นปัจจุบันในการคำนวณภาษี เพราะประเทศไทยไม่ได้มีการจัดเก็บภาษีจากมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ประชาชนครอบครอง ทำให้ไม่มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดการถือครองที่ดินอย่างไม่เป็นธรรม

ทั้ง นี้ เรื่องการลดหย่อน-ยกเลิกภาษี เป็นหนึ่งในประเด็นปัญหาหลักในการอภิปรายครั้งนี้ ซึ่งศาสตราจารย์ ดร.ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ อาจารย์ประจำคณะพัฒนาเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า กล่าวว่า ไม่ควรมีการยกเว้นภาษีให้กับสถานที่ราชการ ศาสนสถาน หรือสถานที่ของราชการที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางสาธารณะได้ แต่ควรให้เป็นการลดหย่อนภาษี เพื่อสร้างบรรทัดฐานความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี และจะมีส่วนช่วยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่ม ขึ้น รวมไปถึงการกระจายการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเหมาะสม

ศาสตราจารย์ ดร.ดิเรก ยังเสนอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอข้อมูลการเสียภาษีให้เป็นข้อมูล สาธารณะเปิดเผยได้ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางสังคม (Social Norms) ลดการใช้อำนาจที่ไม่เหมาะสม

ขณะที่ผู้เข้าร่วม อภิปราย ผศ.อิทธิพล ศรีเสาวลักษณ์ นักวิชาการคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคุณจรูญศรี ชายหาด นั้นไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากข้อมูลภาษีไม่ควรเป็นเรื่องเปิดเผย ทำได้เพียงการระบุขนาดของที่ดินเท่านั้น แต่ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลเจ้าของหรือการเสียภาษี

ผศ.อิทธิพล เห็นด้วยกับการสร้างความเป็นธรรมในสังคม คนที่มีจำนวนทรัพย์สินมากควรจ่ายภาษีสูง แต่ปัญหาที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องของการประเมิน เพราะทรัพย์สินชนิดเดียวกันแต่ราคาอาจต่างกันมาก เช่นบ้านปูน บ้านไม้ บ้านหินอ่อน จะคิดราคาอย่างไรให้มีมาตรฐาน อีกทั้งอาจเกิดปัญหาว่าบางท้องถิ่นเก็บมาก บางท้องถิ่นเก็บน้อย เนื่องจากไม่มีองค์กรกลาง

“ถ้าถามว่า มีความหวังกับกฎหมายฉบับนี้แค่ไหน ตอบได้ว่า แค่ 10 เปอร์เซนต์ เนื่องจากมันจะเป็นการเปลี่ยนระบบทั้งหมด เจ้าหน้าที่ไม่มีความพร้อม รวมทั้งจะมีคนคัดค้านมากมาย” อาจารย์นิติศาสตร์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม การเสนอร่าง พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่นี้ หวังว่าจะเป็นมิติใหม่ที่ทำให้ประเทศไทยมีระบบการจัดเก็บภาษีจากฐาน ทรัพย์สินอย่างแท้จริง อีกทั้งเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสนับสนุนให้มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมากขึ้น ตลอดจนส่งผลให้มีการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม กล่าวคือจะทำให้ผู้ที่ถือครองที่ดินไว้เก็งกำไรจะต้องแบกรับภาษีมากขึ้น จนต้องปล่อยที่ดินออกไปหากไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทำให้มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินว่างเปล่า และกระจายการถือครองที่ดินมากขึ้น

คุณจรูญศรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เป็นร่าง พ.ร.บ.ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว เป็นเรื่องเสร็จที่ 194/2554 ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการยื่นให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป


-http://tnnthailand.com/news/details.php?id=37344-

.

 

ท่านนักวิชาการ น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นนักวิชาเกิน
อยากเรียนถามท่านว่าท่านเอาสมองส่วนไหนคิด?
(กราบขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านที่ดิฉันใช้ภาษาไม่สุภาพนะคะ)

 

พยายามเก็บภาษีจากธุรกิจให้มันได้เต็มที่เสียก่อน ไม่กล้าแตะพวกนักธุรกิจ ที่หมกเม็ดแต่งบัญชีผี ภาษีที่ต้องเสียเป็นร้อยล้าน เสียจริงแค่ 10-20 ล้านบาท หรือคนเสนอเรื่องตัวหมกเม็ด กล้าเก็บไหมภาษีสนามกอล์ฟ ,ภาษีมรดก,คนที่มีที่ดินเกินร้อยไร่,ขึ้นภาษีคนที่มีรายสุทธิเกิน 2 ล้านบาท/ปี พวกนักวิชาการโดนถ้วนหน้า หลายคนรับจ้างเป็นที่ปรึกษาบริษัท หน่วยงานราชการ/รับจ้างทำวิทยานิพนธ์ให้นักศึกษา สอนเองและรับจ้างทำให้ด้วย

 

แค่ค่าน้ำ ค่าไฟ ทางวัดก็ยังต้องอาศัยปัจจัยจากญาติโยม ถ้ามาเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอีก สงสัยวัดจะค่อย ๆ ปิดไปทีละวัดจนหมดไปจากประเทศไทยเป็นแน่

มันคนพุทธหรือเปล่าวะ ! อ้ายคนคิดเนี่ย ไปลงนรกเสียเถอะมึง ตอนนี้เขาคงรอมึงอยู่ในมหาอเวจีนรกแล้ว

 

กรรมของประเทศที่มีพวกนี้

 

ทำไมอาจารย์ไม่ไปอยู่ที่ประเทศนั้นเลยล่ะครับ...แหมทำไปได้

พาลทำให้นึกถึงตอนที่รัฐบาลรัฐบาลนึง จะออกกฎหมายให้สามารถนำเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดินของวัดไปกู้เงินจากธนาคารได้ โดนพระป่าทำพิธีคว่ำบาตรที่วัดอโศการาม คนอะไรจะซวยขนาดนั้น

 

ถูกต้องที่สุดเลยครับ นักธุรกิจ นี่แหละตัวโกงภาษีเลย ยิ่งฉลาด ยิ่งโกง

 

ไม่เห็นด้วย กับการเก็บภาษีวัด-วัง​

พระสงฆ์ไม่ได้ประกอบอาชีพเหมือนชาวบ้าน
เงินที่ก่อสร้างโบสถ์วิหาร และ เงินที่พระใช้ดำรงชีพ
ก็เป็นเงินที่ชาวบ้านถวายด้วยจิตศรัทธา
จึงไม่สมควรไปเก็บภาษีวัด เพราะเงินได้มาด้วยจิตศรัทธา​

วัง ก็เป็นโบราณสถานของชาติ ที่ต้องอนุรักษ์ไว้
บางแห่งต้องอาศัยเงินบริจาคตามศรัทธา ด้วยเช่นกัน
ถ้าไปเก็บภาษีวัง แล้วเงินจะไปพออนุรักษ์?​

ขอถามว่า...
จัดการกับ พวกบริษัทเอกชน / ห้างหุ้นส่วนเอกชน
ที่ทำตั้งแต่ 2 บัญชี ขึ้นไป
(เพื่อจ่ายภาษีน้อยกว่าที่ควรจ่ายจริง) อย่างไร?​

​

 

ความคิดแบบนี้ ไม่ควรเรียกว่า อาจารย์ ครับ ควรเรียกว่า อาจม วังและวัด ไม่ตวรเก็บภาษี นะ ไอ้ คนต้นคิด ไม่ทราบว่า จ่ายภาษี ครบ ถูกต้อง หรือเปล่า อย่า ทำอะไร ที่มันล้ำเส้นมากนัก จะไม่มีแผ่นดินอยู่ เหมือนกับ ไอ้เหลี่ยม

 

คนนี้ครับ ดิเรก ที่เห็นด้วยกับความคิดนี้

 

คนสมัยนี้ไม่ค่อยมีสมองเท่าไร คิดอะไรที่มันไม่สมควรจะทำ อุตส่าห์เรียนมามากมายแต่เสียเวลาเรียนเปล่าๆ นักวิชาการคนไหนขอหน้าด้วยครับ

 

ความคิดแห้งแล้งสุดๆอ่ะ เหมือนพวกที่ปฏิบัติธรรมใช้แค่ปัญญาอย่างเดียว เลยไม่รู้จักรสวิมุติ เหอะ

 

นักวิชาการ เดี๋ยวนี้มันเป็นพวกนายทุนไปหมดแล้ว จะเก็บภาษีแม้กระทั่งวัด วัง สถานที่ราชการ (ลืมมัสยิดไป)เพราะ ว่า การยิงนกในกรงย่อม มัน กว่าแน่ นอน ทุกวันนี้ผู้เสียภาษีจริงๆ คือ มนุษย์ เงินเดือน และห้างร้าน บริษัทที่จดทะเบียน ถูกต้องตามกฏหมาย (แต่ก็มีบางรายมีบัญชี 2บัญชีอีก) แต่หาบเร่ แผงลอยต่างๆ และ พวกมีกิจการเถือน ฯลฯ ไม่สามารถเก็บภาษีได้เลย ทำไมไม่ไปเรียกตามเก็บภาษีกับคนพวกนี้บ้าง แต่คนพวกนี้ จะได้ผลประโยชน์ และ สิทธิทางสังคมมากก่วาพวกเสียที่ภาษีซะอีก แต่วัดจะเอารายได้จากไหนนอกจาก เงินที่ได้จากผู้ใจบุญ ผู้มีศรัทธา ก็ไม่รู้ว่าพวกนักวิชาเกิน พวกนี้ ใช้สมองหรือใช้ หัวแม่ Teen คิด

 

ไอคนที่คิด ถ้ามันตายก็ไม่ต้องเอาไปวัด

 

เก็บภาษีวัด ก็เท่ากับบีบบังคับให้วัดไปหาเิงิน บาปกรรมจริงๆ ถ้าเก็บโดนต้านทั่วประเทศแน่ๆ

 

พูดได้ดูดีนะครับ...แล้วเคยทำประชาวิจารณ์กันไมหละครับว่าประชาชนเขาเห็นด้วยไม่เห็นด้วยกับบรรทัดฐานที่ว่าไม่เป็นธรรมนั่นหนะ.....

เอาเว้ยเฮ้ย...แนวคิดแม้ไม่ได้หยิบใช้ แต่อย่างน้องเจ้าตัวเขาก็ได้เสนอ...อีกหน่อยคนไทยยุคหลังมันโง่ลงกว่าตอนนี้อาจได้นำมาใช้ก็ได้...อย่างน้อยก็ดังหละนะ...

ดีนะเสาหลักของแผ่นดินยังมีไม่เห็นด้วย....

 

เห็นด้วยกับข้อความนีื้ "สูงแต่การศึกษา ปัญญาไร้คุณภาพ...."