ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    บุญ ไม่ใช่จะมีเงิน ไปหาซื้อ หาขอเอาที่ไหนก็ได้น่ะ บุญเกิดจากทาน…เสียสละ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความตระหนี่ เป็นทาน นี่แหละยอดบุญ ให้กันพากันจำไว้น่ะ…

    โอวาทธรรมหลวงปู่อว้าน เขมโก

    -ไม่ใช่จะมีเงิน-ไปหาซ.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ปัจจุบันชาวต่างชาติได้หันมาสนใจในพุทธศาสนากันมากขึ้นจนกระทั่งวัดกว่า 300 สาขาสายหนองป่าพงทั่วโลกไม่เพียงพอต่อความต้องการบวชเรียนของผู้คนที่แสวงหาทางพ้นทุกข์ด้วยวิธีนี้กัน ซึ่งปัจจุบันมีผู้เตรียมบวชในต่างประเทศมากกว่าจำนวนวัดที่จะรองรับได้

    พระอธิการเฮนนิ่ง เกวลี ชาวเยอรมัน เจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ จังหวัดอุบลราชธานี ขึ้นธรรมาสน์เทศน์ในช่วงงานอาจาริยบูชาหลวงพ่อชา สุภัทโท 12-16 มกราคม 2556 ที่ผ่านมาท่ามกลางพระกว่าพันรูปซึ่งเป็นศิษยานุศิษย์หลวงพ่อชาที่เดินทางมาจากทั่วโลก และประชาชนเรือนหมื่นที่มาปักกลดกางเต็นท์ปฏิบัติบูชากันเต็มวัดในทุกพื้นที่ ว่าการที่ท่านพบแก่นธรรมคำสอนจากพระพุทธเจ้าที่แท้จริงทางภาคอีสานของประเทศไทยทำให้ท่านเปลี่ยนไปอย่างไร และพุทธศาสนาได้ช่วยเหลือผู้คนให้พบกับความสงบเย็นได้มากเพียงใด…

    “อาตมาขอโอกาสพูดในฐานะที่เป็นผู้ใหม่ในศาสนา และในฐานะที่อยู่ร่วมกับลูกศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อชา สุภัทโท แม้ไม่ได้เจอหลวงพ่อชา เพราะอาตมาบวชไม่ทันที่จะเจอท่าน แต่ครูบาอาจารย์ชาวต่างประเทศหลายรูปที่ได้บวชหลังจากที่พระราชสุเมธาจารย์ (หลวงพ่อสุเมโธ) ได้บุกเบิกทางแล้ว ก็ยังมีโอกาสอยู่ในข้อวัตรปฏิบัติโดยตรง ยังมีโอกาสอุปัฏฐากท่านประมาณ 10 ปี อาตมามาทีหลัง ช่วงที่พระราชทานเพลิงศพเรียบร้อยแล้ว ยังถือว่า มีความโชคดีที่ได้เจอคำสั่งสอนของท่าน และได้เจอครูบาอาจารย์ลูกศิษย์ของท่าน ที่เป็นพระอุปัชฌาย์ของอาตมา คือพระราชภาวนาวิกรม (หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม)เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานีในปัจจุบัน

    อาตมารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้บวชเรียนที่นี่เพราะว่า เรื่องข้อวัตรปฏิบัติ เรื่องรูปแบบ คำสั่งสอนของหลวงพ่อชารู้สึกว่ายังมีทางที่จะเข้าถึงได้ เพราะมีหลายคนมาช่วยกันรักษาไว้ อาตมากำเนิดมาจากประเทศเยอรมนี ในต่างประเทศอีกหลายแห่งจะหารูปแบบที่เจอในประเทศไทยนี้ไม่ได้

    ประเทศของอาตมาเป็นประเทศอุตสาหกรรม เป็นประเทศที่เขาว่าเจริญ และเน้นทางด้านการศึกษาทางโลก แต่ละคนที่เป็นญาติพี่น้องทางโน้นมีความรู้สึกต่อชีวิตของตัวเองเหมือนคนอื่นๆ ทั่วโลกคือ เราพัฒนาความสงบเย็นเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรถ้าเราไม่มีวิธี ไม่มีส่วนรวมที่จะร่วมมือ ร่วมกำลังได้ก็อาจจะยาก ทางศาสนาเดิมของอาตมา คือศาสนาคริสต์ ก็สอนความดีให้คนบำเพ็ญเมตตาจิตพอสมควร ส่วนหนึ่งก็เข้าถึงวัฒนธรรมของชาวตะวันตกได้ทุกที่ เสมือนคำสอนของพระพุทธองค์เข้าถึงวัฒนธรรมของชาวเอเชีย ชาวไทย แต่ถ้าชาติไหน สังคมไหน ไม่รักษาต้นฉบับ ทางที่จะเข้าถึงสิ่งที่ทางศาสนาสอน ก็อาจจะหายาก

    ช่วงนี้ที่อาตมาอยู่ในผ้าเหลืองมาสิบกว่าปีในประเทศไทย รู้สึกว่าเจอรูปแบบที่ดีที่เป็นต้นฉบับให้พวกเราทั้งหลายได้ ในขณะที่เรารักษาข้อวัตรปฏิบัติ รักษาพระธรรมและพระวินัย โดยความเคารพต่อการนับถือ และลงมือในการเสียสละในการรักษาไว้ โดยใจเอื้อเฟื้อ ใจบุญ ด้วยใจเสียสละ

    ในสังคมเดิมของอาตมา หลายคนก็อยากจะทำเหมือนกัน แต่หลายคนก็เจอปัญหาชีวิต เช่นความทุกข์ก็ต้องปรากฏขึ้น ที่จะเกี่ยวข้องอย่างชัดเจนต้องอาศัยการช่วยกัน และหาวิธี ถ้าเป็นลักษณะที่แต่ละคนต้องหาทางเองก็ลำบาก เราทั้งหลายก็ถือว่าโชคดี อาตมาก็รวมอยู่ในคนโชคดี ที่ยังได้เจอทางที่สมบูรณ์แบบที่มีการรักษาไว้ ก็เช่นพ่อแม่ครูบาอาจารย์บางท่านบอกว่า วิธีการปฏิบัติในสายวัดป่าอาจจะเป็นเรื่องของสมัยก่อน แต่ว่า หากมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เราสามารถตอบคำถามกับคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เข้าใจได้ ถ้าปฏิบัติอยู่ เราก็อธิบายได้ เพื่อคนรุ่นหลังจะได้มีวิธีเช่นนี้อยู่ ถ้าไม่ปฏิบัติก็น่าเสียดายว่า หลักเดิมที่มีการตรวจสอบ มีการทดลองมาพอสมควร ค่อยๆ จะหายไป

    ถ้าเรามีหลักอันเดียวกัน และจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน ก็ทำให้เราเกิดกำลังด้วย ในสังคมเมืองนอกไม่ได้เน้นเรื่องสามัคคีเท่าไหร่ แล้วรูปแบบที่เคยมีเมื่อก่อน บางส่วนก็หายไปแล้ว เป็นสังคมที่แต่ละคนต้องหาทางเอง แต่ละคนต้องคิดเอง ต้องมีความสร้างสรรค์เป็นพิเศษเฉพาะตัว และกว่าจะได้เจอหลักที่เป็นสากลอาจจะใช้เวลานาน อาจหลงทางเป็นบางช่วง อาจทำสิ่งที่ผิดแล้วแก้ไขได้ยาก ก็ขาดหลักความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต

    ในขณะเดียวกัน แต่ละคนที่ประสบความสำเร็จโดยลำพังก็มีความภาคภูมิใจเหลือเกิน ที่ทำให้เกิดขึ้นกับตัวเอง เช่น เด็กเมืองนอกถ้าเขาได้ตอบปัญหาที่ครูตั้งให้ถูกต้อง โดยไม่ได้ดูหนังสือ ไม่ได้ท่อง แต่คิดเอาเอง เขาจะมีความภาคภูมิใจ เขามีความฉลาด สามารถที่จะหาทางเองก็ดี สำหรับคนที่ฉลาดพอ คนที่มีปัญญาพอ ก็หาทางเองได้ บางคนก็อาจจะหลง ไปสู่ทางที่เขาต้องการเองไม่ได้

    ถ้าเป็นสังคมที่มีวัฒนธรรม มีหลักจริงๆ ก็มีเครื่องแบบ มีเครื่องมือให้คนได้อยู่กัน เป็นผาสุก สงบเย็น แต่สังคมที่เน้นเรื่องความหลากหลาย เน้นเรื่องความเป็นตัวของตัวเอง อาจจะไม่สามารถหาจุดที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันง่ายๆ อาจเกิดความตึงเครียดขึ้นในจิตใจของคน

    อาจจะเป็นเพราะคนส่วนหนึ่งได้ทิ้งรูปแบบเก่าที่เคยมี เช่นทางศาสนาที่เป็นจังหวะของชีวิตคน ที่เคยซึมซับอยู่ในชีวิตประจำวันของคนแต่ก่อน สังคมคริสต์ก็มี เช่น วันอาทิตย์ทางคริสต์ศาสนาให้หยุดทำงาน ไม่ใช่ว่าเพื่อจะได้ขี้เกียจ ไม่ทำอะไร แต่เพื่อจะได้ประกอบศาสนกิจ คือมีการหยุดเพื่อจะได้ไม่ต้องไปมีกิจกรรมทางโลก แต่ให้หันหน้าสู่จิตใจของตนเอง โดยคนที่ได้สัมผัสเห็นประโยชน์ว่า ได้ผ่อนคลายและมีโอกาสที่จะวางสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เกิดความกังวลได้ลง

    แต่ปัจจุบัน โบสถ์ในคริสต์ศาสนาที่เคยมีอยู่ทุกหมู่บ้านที่เราเห็นปัจจุบันเป็นวัตถุโบราณ ค่อนข้างจะร้างและบาทหลวงก็เหลือน้อย เป็นอาชีพที่เขาว่าล้าสมัย รูปแบบนี้คนก็ไม่เอา อันนี้อาจจะมีสาเหตุหลายอย่าง เรื่องคำสั่งสอนก็มีส่วน อันนี้พูดในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้เปลี่ยนศาสนาจากคริสต์มาเป็นพุทธ แต่ว่าโดยทั่วไป ถ้าเราดูหลักที่ศาสนาสอน เรื่องความดี การเอื้อเฟื้อต่อกัน คริสต์ศาสนาก็ไม่ผิดกันกับพุทธศาสนา เพราะมาปรากฏชัดในสังคมที่มีหลักจริงๆ เขาก็จะปฏิบัติตามนี้ แล้วก็มีวิธี จังหวะ การแบ่งเวลาให้

    อันนี้เป็นสิ่งที่อยากให้สำนึกถึงว่า ถ้าศาสนามีรูปแบบในการจัดการชีวิตที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเราจริงๆ มันเป็นประโยชน์แก่เรา แล้วเราจะหาจุดยืนของเราได้อย่างดี ถ้าทิ้งหลักนี้ เหมือนกับที่เกิดขึ้นในเมืองนอกแล้ว เป็นลักษณะว่าของใครของมัน ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ในอนาคตอาจจะไม่เหลือมากเท่าไหร่ ซึ่งถ้าเราเห็นภาพอันงดงามของคนที่ตั้งใจปฏิบัติร่วมกัน รักษาระเบียบ เห็นประโยชน์ต่อผลกระทบต่อจิตใจของเราเองด้วย เราควรจะรักษาไว้และส่งเสริมต่อ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราต้องการด้วยในสังคมของเรา
    ถ้าคนไทยไม่รักษาไว้ก็หายได้

    อาตมามาจากสังคมที่ศาสนาหายไป แต่ยังเจอทางพุทธศาสนาที่เป็นต้นฉบับสมบูรณ์ ทำให้เราเห็นทางสำหรับตัวเองในประเทศไทยนี้ ซึ่งพระพุทธองค์ได้สอนอย่างชัดเจน และเข้าถึงจิตชาวพุทธในประเทศไทยโดยไม่รู้สึกตัว ถ้าคนไทยไม่รักษาไว้ก็หายได้เหมือนกัน เพราะเป็นการสอนที่มีการปฏิบัติที่ลึกมาก อย่างเช่น เราไปบิณฑบาตกันทุกเช้า อาจจะเปลี่ยนไปได้ ถ้าไม่ระวัง

    พระบางทีไม่ได้บิณฑบาตด้วยการเดิน แต่นั่งรถ บางทีนั่งรถอยู่แล้วให้โยมมาใส่บาตรที่รถ อันนี้จะทำให้ต้นฉบับหายไปได้ วิถีชีวิตก็จะเปลี่ยนไปพอสมควร เพราะการบิณฑบาต เรามีส่วนเกี่ยวข้องกันในเรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตนทุกเช้า มีอิทธิพลต่อเราพอสมควร ถ้าเป็นพระไม่ต้องบิณฑบาต มาเรียนหนังสืออย่างเดียว นั่งสมาธิอย่างเดียว ต้นฉบับจะหายไป

    เมื่อปลายปีที่ผ่านมา อาตมาโชคดีได้ไปร่วมการประชุมกับองค์ดาไลลามะ ประมุขสายทิเบตที่อินเดีย ทางโน้นเอง ท่านไม่อยากเรียกว่าสายทิเบตเท่าไหร่ ท่านบอกว่า พุทธะไม่ได้ขึ้นอยู่กับชาติ การเรียกว่า พุทธศาสนาไทย พุทธศาสนาทิเบตเป็นเรื่องชาตินิยม แต่จริงๆ แล้ว ควรเรียกว่า พุทธภาษาสันสกฤตจากมหาวิทยาลัยนาลันทา และของเราก็เป็นพุทธภาษาบาลี อาตมามีความซึ้งใจมากที่มีการเกี่ยวข้องกับชาวพุทธคนละอย่าง ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น

    เมื่อก่อนอาตมา เปรียบเทียบพุทธกับคริสต์ศาสนาในสังคมตะวันตก ก็เป็นอย่างหนึ่ง แต่พอมาเทียบระหว่างพุทธด้วยกันในเอเชีย ทำให้เปลี่ยนมุมมอง เกิดความรู้ใหม่ เห็นว่า เราโชคดีได้เจอสายพระป่า และได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์ที่เป็นศิษย์หลวงพ่อชา ในภาพรวมที่เป็นต้นฉบับจากพุทธกาลที่สืบทอดมาโดยพระป่าของเราควรอนุรักษ์จริงๆ เพราะจะเป็นเครื่องมือให้อีกหลายรุ่นได้ใช้สะดวก

    คุณธรรมขององค์ดาไลลามะ เน้นเรื่องเมตตา กรุณา ซึ่งเป็นพรหมวิหารสายโพธิสัตว์ คุณธรรมนี้เป็นใหญ่เช่นเดียวกับคริสต์ศาสนา ในตะวันตกพุทธสายนี้จึงเป็นที่รู้จักและมีผู้ปฏิบัติตามมากมาย

    องค์ดาไลลามะได้พูดถึงหลักของศาสนาพุทธควรเน้นอะไรในปัจจุบัน ในสังคมอุตสาหกรรม สังคมที่เจอปัญหานานัปการซึ่งห่างเหินจากจิตวิญญาณพอสมควร ตามที่ท่านได้สัมผัสอยู่เมืองนอก อยู่นอกประเทศของท่าน ซึ่งสังคมเมืองนอกห่างจากจิตใจของตัวเอง เน้นรูปธรรม วัตถุสิ่งของ แต่ตัดเรื่องจิตใจออกไป ทางพุทธศาสนา เน้นเรื่องคุณธรรมด้านจิตใจ ทำอย่างไรจึงจะโปรดโลก ช่วยโลก ท่านก็มองด้วยสายตามหายาน มองชนทั้งหลายเป็นใหญ่ พูดในอุดมการณ์ของพุทธศาสนา

    จริงๆ ก็เข้ากับหลักของเราได้ดี ท่านเน้นเรื่องหลักแท้ของพุทธศาสนาทุกสาย ท่านพูดถึงศีล สมาธิ ปัญญา อริยมรรคมีองค์ 8 ต้องปฏิบัติเรื่องนี้โลกจะได้เจริญทางจิตใจ ท่านพูดเรื่องศีลปาติโมกข์ ของเถรวาทกับสายนาลันทาไม่ต่างกันเท่าไหร่ เช่น การไม่ฉันในเวลาวิกาล หลักอันเดียวกัน ท่านบอกว่าไม่มีอุปสรรคในเรื่องพระวินัย ศีลของคฤหัสถ์ก็ไม่มีอุปสรรค ให้บำเพ็ญ ศีล สมาธิ เป็นประเด็นของคนทางโลกที่ต้องการผ่อนคลาย และต้องปฏิบัติกรรมฐานเพื่อให้เกิดปัญญา

    หลักของพุทธศาสนาสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ ท่านบอกว่า อิทธิพลของการนั่งสมาธิมีผลกับสมอง อารมณ์ดีชั่วมีผลกับร่างกายและจิตใจ การละความคิดอกุศล ทำให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ องค์ดาไลลามะ เน้นเรื่องพุทธศาสนาให้ทันสมัยตามความรู้ทางโลก และควรมีการเทียบกับระบบสากลที่นักปรัชญาในหลายๆ สาขา เช่นนักวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ เป็นต้น

    อาตมาเองได้สัมผัสกับประเทศของอาตมาในเยอรมัน ล้วนให้เกียรติพุทธศาสนา เพราะมีเหตุผล ไม่ชักชวนในทางที่งมงาย สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง

    คนไทยเล่า มีแก่นธรรมอยู่กับตัวหากไม่ปฏิบัติก็น่าเสียดาย!

    1504448347_242_ปัจจุบันชาวต่างชาติได้.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    จะไม่ให้มีอุปสรรคเลยนั้น
    เป็นอันไม่มี
    โลกนี้จะให้มีแต่ความราบรื่น
    เป็นอันไม่มี
    ก็ถือว่าต้องอดทน
    แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เหนือบ่ากว่าแรง
    ทนไม่ไหวจริงๆ ก็ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    หลักอันนี้แหละจะเป็นจุดยืน

    อย่าไปมองว่าคนนั้นดี คนนั้นเลว
    คนนั้นเกลียดเรา คนนั้นรักเรา
    ถ้าเรามองในแง่อย่างนี้
    เราจะหลงไปในทิศทางมืด
    ถ้าเราวางความรู้สึกของเราในสภาพว่า
    เป็นสภาวะธาตุ สภาวะขันธ์
    มันเป็นกฎธรรมชาติแล้ว
    จะทำให้เรามีอารมณ์เป็นปกติ…

    มนุษย์ส่วนใหญ่มัววุ่นวายอยู่กับเรื่องกาม
    เรื่องกินและเรื่องเกียรติ
    จนลืมนึกถึงสิ่งหนึ่ง
    ซึ่งสามารถให้ความสุขแก่ตนได้ทุกเวลา
    สิ่งนั้นคือ ดวงจิตที่ผ่องแผ้ว

    ถ้าเราไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับความทุกข์
    มันก็ทำให้เราลืมตัว..
    เพราะความทุกข์ เป็นบ่อเกิดของปัญญา
    แต่ความสบาย มันทำให้ปัญญา อ่อน

    ถ้ามีความถึงพร้อมด้วยสติ รู้จักอารมณ์
    เห็นจิตกับอารมณ์ เห็นอารมณ์กับจิตแยกกันออกได้
    แล้วพยายามดูตัวของตัว ให้เห็นว่าอารมณ์ก็สักแต่ว่าอารมณ์
    ในที่สุดก็วางอารมณ์ได้ มันเป็นเรื่องที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง

    คนที่ไม่เคยอ่านตำราเลย
    แต่เคยพิจารณาอย่างละเอียดลออ
    ทุกครั้งที่ความทุกข์เกิดขึ้นแผดเผาจิตใจของตน
    นี้แหละเรียกว่า เขากำลังเรียนตำราพระไตรปิฏกโดยตรง
    และอย่างถูกต้อง

    หากท่านพากเพียรบากบั่นแล้ว
    ไม่มีสิ่งใดจะเป็นความยากสำหรับท่าน
    ท่านจึงต้องพากเพียรอย่างสุดกำลัง
    และจงทำตนให้เสมือนกับหยดน้ำเล็ก ๆ
    ที่หยดอยู่เสมอไม่ขาดระยะ
    ย่อมสามารถเจาะหินให้ทะลุเป็นทางไปได้ฉันนั้น

    การกระทำของเราอย่างต่อเนื่อง
    เป็นสัมมาปฏิปทา
    ถ้าเราทำในลักษณะอย่างนี้นะ
    วันหนึ่ง กาลหนึ่ง เวลาหนึ่ง
    จุดแห่งความเป็นอิสระ
    มันต้องมาให้เราจนได้
    “เดินทางไม่ถึงจุดหมาย
    มันไม่มีหรอก”

    หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” แก้ติดดีนี้แก้ยาก เพราะความไม่ดีนั้นแก้ง่าย เพราะเห็นว่าไม่ดีอยู่แล้ว ผู้ที่ติดดีต้องพยายามแก้หลายอย่าง เพราะมันเป็นชั้นปัญญาที่เกิดขึ้นภายใน มีพร้อมทั้งเหตุผลจนทำให้เชื่อจนได้ วิปัสสนาไปสู่อริยสัจอยู่แล้ว แต่ดำเนินไม่มีความรู้รอบพอก็เลยเป็นวิปัสสนูไป ”

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    -เพรา.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ถ้าอยากทราบว่าตนเป็นพระโสดาบันหรือไม่นั้น ก็มีแผนที่สอบคือ

    สอบตนว่าตนเสียดายอยากล่วงละเมิดศีล ๕ หรือไม่
    เสียดายอยากจะถือศาสดาอื่นนอกจากพระพุทธศาสนาไปหรือไม่
    เสียดายอยากจะจองเวรท่านผู้อื่นหรือไม่
    เสียดายอยากจะเล่นอบายมุขหรือไม่
    เสียดายอยากจะถือฤกษ์ดียามดีหรือไม่
    เสียดายอยากจะค้าขายเครื่องประหาร ค้าขายมนุษย์ ค้าขายสัตว์เป็นและเนื้อสัตว์ที่ตัวฆ่าเพื่อเป็นอาหาร
    ค้าขายน้ำเมา ค้าขายยาพิษ ทั้งหลายเหล่านี้หรือไม่
    ถ้าไม่เสียดายอยากล่วงละเมิดทั้งหลายเหล่านี้แต่ต้นมาก็ตัดสินเอาเองว่าเรานี้แหละคือพระโสดาบัน
    ถ้าไม่อย่างนี้แล้วก็เป็นโมฆะทั้งนั้น
    ให้เข้าใจว่าสิ่งใดที่เราไม่เสียดายอยากล่วงละเมิด
    เพราะเห็นชัดด้วยปัญญา ด้วยดวงตาเห็นธรรม
    คือเห็นว่ามันเป็นเวรเป็นภัยจริงๆ ไม่มีศาลอุทธรณ์
    ถ้าเราเห็นชัดอย่างนี้ความเสียดายอยากล่วงละเมิดของเราก็ไม่มี เราก็ไม่หนักใจด้วย คล้ายๆ กับเราเห็นหลุมถ่านเพลิงอย่างชัดแจ้ง เราไม่เสียดายอยากไปลุยเลย และก็ไม่สงสัยอีกด้วย
    นี้แหละคือภูมิพระโสดาบัน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วก็เป็นพายเรือในอ่าง ดังกล่าวมาแล้ว

    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี – ภูจ้อก้อ

    1504448300_614_ถ้าอยากทราบว่าตนเป็นพร.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” นี่ล่ะสุดขีดพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นที่แก้ธรรมะเรา ปัญหาเรา ขึ้นไปนี่พอกราบเรียนจบแล้วนิ่งเลย ท่านปุ๊บขึ้นมาเลย ใส่ปั๊วะๆ “ฟังนะ” นั่นอย่างหนึ่ง “เอา ! ฟัง” ใส่ปั๊วะๆ “เข้าใจหรือยัง” ถ้าเรายังนิ่งอยู่ ท่านซ้ำอีกๆ พอเราเข้าใจแล้วกราบเลย ท่านรู้แล้วว่าเราเข้าใจ ท่านล้มนอน ที่ท่านจะห้ามว่า มาทำไมเรากำลังลำบากลำบนไม่เคยมี ไม่ทราบเป็นอย่างไร มันอะไรพูดไม่ถูกนะ ท่านไม่เคย กับเราแล้วท่านไม่เคยว่า เคยห้าม เคยดุ เคยด่า ว่าขึ้นมาทำไมอะไรอย่างนี้ไม่เคยมี จะเวลาไหน หนักเบาขนาดไหนในธาตุขันธ์ เราขึ้นไปไม่มีเลยแหละกับพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น เป็นอย่างนั้นนะ เราจึงได้เทิดทูนสุดหัวใจ ”

    เล่าโดย : หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ธรรมะวันครู

    ” ครูผู้รับภาระอันหนัก ขยายศัพท์ออกมาอีกเป็น คารวะ แปลว่าผู้ที่ควรเคารพบูชา คล้ายคลึงกับบิดามารดา เราควรเทิดทูนเสมอ อย่าดูถูกเหยียดหยาม อันเป็นความรู้และการแสดงออกอย่างเลวทราม ไม่สมควรแก่เราผู้เป็นนักเรียน

    เวลาไปพบครูอาจารย์สถานที่ใด ให้ยกมือไหว้และทำความเคารพอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนจริงๆ อย่าทำตัวแข็งกระด้างและเฉยเมยไป เหมือนความรู้วิชาของเราเกิดขึ้นมาจากดินจากหญ้า ไม่เกิดขึ้นมาจากความอุตส่าห์พยายาม น้ำพักน้ำแรง ความเมตตาสงสารของครู

    ให้เราคิดถึงครูว่าเป็นผู้มีคุณค่าอยู่บนหัวใจเรา หรืออยู่บนกระหม่อมจอมขวัญของเราเสมอ อย่าได้ลืม อย่าได้ลบหลู่ดูหมิ่น เราจะเป็นผู้เจริญในอนาคตไม่อับเฉาเศร้าหมอง เวลาเราเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นครูอาจารย์คน ย่อมมีคนเคารพสนองตอบความดีของเรา

    ผู้ใดเป็นผู้รู้จักบุญรู้จักคุณของพ่อของแม่ ของครูของอาจารย์ ผู้นั้นจะมีความเจริญ จะเป็นผู้มีเสน่ห์ ไปที่ไหนมีคนรักชอบ เพราะเป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ย่อมเป็นที่รักที่เคารพนับถือของเพื่อนฝูง ตลอดถึงผู้ใหญ่ก็มีความเมตตา ผู้น้อยก็มีความเคารพรักและนับถือ เพื่อนฝูงกันก็มีความสนิทตายใจเพราะความเป็นคนดี

    คำว่าของดีนั้น ไม่ว่าเสื้อผ้า เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ อาหารเครื่องบริโภค มีคนต้องการทั้งนั้น คนดีใครจะไม่ต้องการ ยิ่งคนเป็นคนดี นั่นละคนทั้งประเทศเรานี้ต้องการด้วยกันทั้งนั้น ไม่ต้องการความเลวทราม คนเลวทราม สิ่งเลวทรามทั้งหลาย จงพากันตั้งใจฟังให้ดี ให้เกิดประโยชน์ หลวงพ่อมีเวลาเพียงเล็กน้อย ฟังให้ได้เป็นสิริมงคลแก่จิตใจของตน เมื่อได้ยินได้ฟังแล้วให้นำไปคิด นำไปปฏิบัติเพื่อความเป็นคนดี

    วันนี้พูดเรื่องวันครู วันไหว้ครู คือทำความเคารพครูของเรา เรามีความรู้วิชามาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันวันนี้ ต้องอาศัยฝึกและเรียนจากครูจากอาจารย์เป็นผู้แนะนำสั่งสอนและฝึกซ้อมให้เรื่อยมา พ่อแม่ของเราเลี้ยงดูให้ข้าวป้อนน้ำนมและความรู้ในเบื้องต้น แต่ความรู้ที่จะเป็นหลักเป็นเกณฑ์เป็นอาชีพของเราในอนาคต และเป็นพลเมืองดี มีความเฉลียวฉลาดในสังคม ตลอดหน้าที่การงานต่างๆ ต้องอาศัยเรียนจากโรงร่ำโรงเรียน ที่ไปจากครูเป็นผู้พร่ำสอน ”

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” เพราะใจเป็นผู้คิดรู้ ผู้คิดผู้พาทำกรรมดีกรรมชั่ว
    พาทำบุญทำบาป
    เพราะฉะนั้นใจจึงเป็นเจ้าของบุญเจ้าของบาป เจ้าของกรรมเจ้าของเวร ที่ใจเป็นผู้ก่อผู้ทำเอาไว้
    เพราะฉะนั้นก็เป็นเพราะกรรมที่เฮาได้กระทำเอาไว้นี่ล่ะ จึงได้ชักนำให้จิตให้ใจเฮามาเวียนว่ายตายเกิด
    รับบุญรับบาปรับกรรมรับเวรอยู่ในสงสารวัฏฏ์
    วนเวียนตายเกิดอยู่อย่างนี้ โดยบ่มีบ่ฮู้จักเงื่อนต้นเงื่อนปลายอยู่อย่างนี้ ก็เพราะใจดวงนี้ล่ะ.”

    หลวงปู่พัน ฐิตธัมโม
    วัดป่าน้ำภู บ้านน้ำภู อ.เมือง จ.เลย
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    -ผ.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระโพธิสัตว์

    พระโพธิสัตว์หมายถึงผู้ปรารถนาที่จะช่วยเหลือเหล่าเพื่อนมนุษย์และปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตแบ่งออกเป็นสองประเภทคือพระนิยตโพธิสัตว์และพระอนิยตโพธิสัตว์
    -พระนิยตโพธิสัตว์คือผู้ที่สั่งสมบุญบารมีเพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต และได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่าจะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน
    -พระอนิยตโพธิสัตว์คือผู้ที่สั่งสมบุญบารมีเพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตเช่นกัน แต่ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดเลย อาจจะล้มเลิกความตั้งใจก่อนก็ได้และก็มีโอกาสที่จะได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าในอนาคตเช่นกันหากพยายามและไม่ล้มเลิกความตั้งใจเสียก่อน
    จากตำนานเล่าขานมายาวนานและพุทธทำนายว่าในอนาคตแผ่นดินสุวรรณภูมิหรือสยามประเทศจักเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนา พระอริยบุคคล(โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์) จะปรากฏขึ้นไม่ขาดสาย และพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะลงมาบำเพ็ญบารมีสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน(พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้าหรือพระโคตมพุทธเจ้า) ให้ยืนยงครบถ้วนเหมาะสมแก่กาลเวลาอันเหมาะสมประวัติศาสตร์ของสยามประเทศก็ได้จดจำพระโพธิสัตว์ “ที่มีบทบาทและมีบุญบารมี” ไว้ได้ดังนี้

    ๑ หลวงปู่ทวด หรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด, ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเต็มเปี่ยมเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไปเป็นอย่างดี จากบทสวดบูชาประจำองค์ของท่านมีใจความว่า “นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา” อันแปลว่า “ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่เจ้าประคุณสมเด็จหลวงปู่ทวด ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นผู้มีโชคซึ่งเข้ามาสถิตอยู่ในตัวของข้าพเจ้านี้”ก็เป็นที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ปรารถนาพระโพธิญาณ

    ๒ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) จากประวัติขรัวโตของพระยาทิพโกษา ได้บันทึกรายละเอียดอันน่าพิจารณาว่าสมเด็จฯท่านเป็นพระโพธิสัตว์ไว้ว่า ครั้งหนึ่งมีหมอนวดประจำองค์สมเด็จฯท่านมานวดถวาย ตัวแกนั้นชำนาญการนวดมานานนวดให้เจ้านายมาก็มากแต่แกนึกสงสัยว่าเวลานวดแขนสมเด็จฯท่านนั้นรู้สึกว่ามีกระดูกแขนท่อนล่างเป็นท่อนเดียว ครั้นมานวดถวายก็นวดย้ำๆที่เดิม สมเด็จฯท่างคงรู้ความในใจกระมังจึงเอ่ยถาม “นวดมากี่ปีแล้ว” แกก็กราบเรียนว่า “๑๐ปีแล้วขอรับ” สมเด็จฯท่านถามต่อว่า “เคยเห็นคนมีกระดูกแขนท่อนล่างเป็นแท่งเดียวอยู่หรือคุณ” แกตอบว่า ไม่เคยขอรับนอกจาก….” สมเด็จฯท่านจึงเอ่ยว่า “จำเอาไว้นะถ้าไปพบเห็นที่ไหนเข้า นั่นแหละพระโพธิสัตว์ท่านมาบำเพ็ญบารมีละ” นอกจากนี้ท่านยังเป็นพระสงฆ์คู่พระทัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๔อีกด้วย ซึ่งพระองค์ท่านเองก็เคยถูกกล่าวถึงว่าเป็นพระเจ้าปเสนทิโกศลกลับพระชาติมาเกิดเพื่อช่วยค้ำจุนพระศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันตามที่เคยให้สัตย์กับพระพุทธเจ้าไว้เมื่อสมัยพุทธกาล เรื่องนี้ก็ได้รับการยืนยันจากองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตพระอาจารย์ใหญ่ของพระกรรมฐานไว้ว่ารัชกาลที่๔ก็ทรงเป็นพระโพธิสัตว์เช่นกัน

    ๓ ครูบาศรีวิชัย (พระอินท์เฟื่อน สิริวิชโย) ครูบาศรีวิชัยท่านเป็นนักบุญแห่งล้านนาที่รู้จักกันไปทั่ว ครั้งหนึ่งหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตได้พบปะกับครูบาศรีวิชัยและได้ชักชวนมาปฏิบัติกรรมฐานด้วยกันแต่ครูบาศรีวิชัยท่านได้ปฏิเสธและให้เหตุผลว่าท่านได้บำเพ็ญบารมีมาในทางพระโพธิสัตว์และได้รับพุทธพยากรณ์แล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต่อมาท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) อยากทราบถึงภูมิธรรมและปฎิปทา ที่ครูบาศรีวิชัยได้ดำเนินอยู่จึงสอบถามกับหลวงปู่มั่น ซึ่งหลวงปู่มั่นก็ได้ยืนยันและกราบเรียนให้ท่านเจ้าคุณทราบว่า “พระศรีวิชัยองค์นี้เป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพระโพธิญาณ ขณะนี้กำลังบำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมีอยู่ ซึ่งต้องเวียนว่ายในวัฏสงสารอีกนาน จนกว่าการสั่งสมบารมีธรรมจะสมบูรณ์”

    ๔ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่ทราบกันอย่างดีในเหล่าสานุศิษย์ว่าหลวงปู่ดู่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มเปี่ยม ซึ่งตัวหลวงปู่เองจะเน้นสอนธรรมเสียมากกว่า แต่กิติศัพท์ของท่านนั้นก็ขจรขจายไปไกลเช่นครั้งหนึ่ง หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรีเดินทางไปเยี่ยมหลวงปู่ดู่และได้เทแป้งใส่ฝ่ามือหลวงปู่ดู่พร้อมกับกล่าวว่า “วันนี้ผมนำมงกุฎพระพุทธเจ้ามามอบให้คุณ นิมนต์อยู่ต่อเถิด ถ้าไม่อยู่ต่อก็ไม่เป็นไร ที่คุณปรารถนานั้นสำเร็จแน่ ต่อไปคุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้า” ซึ่งเป็นการยืนยันได้อย่างดีว่าหลวงปู่ดู่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ และแป้งนั้นหลวงปู่ดู่ก็ได้นำมาทาศีรษะท่านเอง ลูกศิษย์จึงถามว่าทำไมนำไปทาบนนั้น หลวงปู่ดู่ตอบอย่างมีเมตตาว่า “ของที่พระอรหันต์ให้ แกจะเอาไปทาที่ไหนละจึงจะสมควร เดี๋ยวจะไม่เป็นการเคารพนอกจากบนหัวของเราเอง” ซึ่งหลวงปู่ดู่ท่านก็บอกตามตรงว่าหลวงปู่บุดดาเป็นพระอรหันต์นั่นเอง

    ๕ หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ท่านได้รับการยืนยันจากหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม แห่งวัดป่าสาลวัน ศิษย์เอกของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มาอย่างเปรยๆสมัยเป็นสามเณรว่า “สามเณรจามขี้โรค ข้อยตรวจตราดูแล้วยืดยาว อุปนิสัยของเจ้าของผู้เอาแบบอย่างขององค์พระพุทธเจ้า ทั้งเอาแบบและเป็นผู้เดินตามแบบ ต่อไปข้างหน้าของเจ้าอีกก็ยืดยาว สุดแท้แต่บุญพาวาสนาส่ง” เป็นการเปรยๆว่าหลวงปู่จามก็คือผู้เอาแบบอย่างพระพุทธเจ้าหรือก็คือพระโพธิสัตว์นั่นเอง ต่อมาครั้งหนึ่งหลวงปู่จามท่านมุ่งทำความเพียรเพื่อกำจัดกิเลสให้หมดไปก็เกิดนิมิตว่าการที่มุ่งทำความเพียรเพื่อละกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นเพื่อความหลุดพ้นทุกข์ในชาตินี้ คงเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว เสมือนว่ามีอะไรสักสิ่งหนึ่งปิดกั้นไว้ ปัญญาไม่ทะลุแจ้ง ฉุกคิดถึงแนวทางปฏิบัติของพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาพุทธภูมิมาแล้ว ชะรอยเราจะเคยปรารถนามาแล้วกระมัง ท่านจึงถอนจิตออกจากสมาธิแล้วไปที่หน้าองค์พระพุทธรูป ห่มผ้าจีวรจรดไหล่เรียบร้อย กราบแล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า “ถ้าได้เคยปรารถนาพุทธภูมิบำเพ็ญมาเพื่อการเป็นพระพุทธเจ้า ในภายภาคหน้าแล้วก็ขอให้จิตสงบเยือกเย็น ขอให้ภาพนิมิตเหล่านั้นหายไป และให้เกิดความรู้แจ้งเห็นชัดเป็นที่ประจักษ์เถิด” จึงได้พักผ่อนหลับ คืนต่อมาในคืนต่อมาการภาวนาได้ผลดี จิตสงบถอนขึ้นมาเองอยู่ในขั้นอุปจารสมาธิ เกิดญาณทัศนะสามารถรู้เห็นเหตุการณ์ต่างๆได้ว่าเคยอธิษฐานตั้งความปรารถนาพุทธภูมิไว้แล้วในอดีตชาติและได้รับพุทธพยากรณ์ แล้ว ไม่สามารถถอนออกได้ จึงจะต้องบำเพ็ญบารมีเพิ่มขึ้น จะต้องเกิดตายอีกหลายชาติ จนกว่าบารมีจะเต็ม ซึ่งเป็นระยะเวลาอีกนานเท่าใดไม่สามารถจะประมาณได้การสั่งสมอุปนิสัยบุญบารมีในแนวทางของความเป็นพระพุทธเจ้าและได้รับการพยากรณ์แล้วนั้น ก็เป็นเรื่องเฉพาะตน การจะบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นใครก็เป็นเรื่องเฉพาะของการเป็นใครคนนั้น กรณีบำเพ็ญสาวกบารมีก็จะเป็นสาวก บำเพ็ญอัครสาวกบารมีก็จะเป็นอัครสาวก บำเพ็ญปัจเจกบารมีก็เป็นปัจเจกพุทธเจ้า ถ้าบำเพ็ญพุทธบารมีก็ต้องเป็นพระพุทธเจ้า ต่อมาพระอาจารย์อินทร์ถวาย ได้ถามหลวงปู่ว่า “เกิดตายอีกหลายชาติไม่เบื่อหรือ” หลวงปู่จามตอบว่า “เบื่อไม่ได้เพราะเป็นหน้าที่ต้องมาเกิดตายจนกว่าจะหมดภาระหน้าที่นั้น”

    ๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ไม่ต้องสาธยายท่านทั้งหลายคงประจักษ์ใจว่าในหลวงทรงพระบารมีอย่างยิ่ง พระองค์จะเป็นพระโพธิสัตว์หรือไม่นั้นไม่อาจทราบได้แต่ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ของชาวไทยทั้งประเทศแน่นอน อย่างไรก็ได้พระมหาเถระผู้ทรงญาณอภิญญาหลายรูปได้กล่าวถึงความเป็นพระโพธิสัตว์ของพระองค์ไวดังนี้

    (๑) พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) ได้กล่าวเตือนญาติโยมว่า “การที่คุณเอาธนบัตรที่มีรูปในหลวงไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนั้น ไม่ดีเลย เพราะในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ การเอาพระรูปของท่านไปไว้ในที่ต่ำอย่างนั้น ย่อมบังเกิดโทษเป็นอันมาก ทีหลังอย่าพากันทำ..”

    (๒) หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ได้ยืนยันว่า ความเป็น “พระโพธิสัตว์” ของในหลวงนั้น ก็เป็นถึงระดับ “นิยตโพธิสัตว์” ผู้เที่ยงแท้ต่อพระโพธิญาณในอนาคตกาลเบื้อง หน้าโน้นอย่างแท้จริง

    (๓) พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) “พระองค์ทรงมีกระแสจิตแรงมากฉันเองยังสู้ท่านไม่ได้ เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่พระองค์ (ในหลวง) ปรารถนามานานแต่เวลานี้บารมีเป็น “ปรมัตถบารมี” เหลืออีก ๕ ชาติและที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้วไม่ใช่ไม่สำเร็จพุทธภูมินี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น “วิริยาธิกะ” ต้องบำเพ็ญถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่เกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว “แสนกัป” อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ”

    (๔) พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ได้ถวายพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับพุทธภูมิและพุทธกิจ๕ของพระพุทธเจ้าให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสดับเมือครั้งเสด็จมานมัสการที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

    (๕) พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) “วันหนึ่งข้างหน้า ในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ”

    (๖) พระครูภาวนาภิรัต (หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ) “นี้รูปพระเจ้าแผ่นดิน เก็บดีๆ เด้นั้น เอาไว้ในห้องพระ กราบไหว้บูชา พระพุทธเจ้านะนั้น”

    .png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “เนื่องในเทศกาลวันสำคัญมีแต่คนมาขอพร มันขอกันไม่ได้หรอกพรนะให้ทำเอา เฮ็ดดีทำดีก็ได้ดี เฮ็ดชั่วทำชั่วก็ได้ชั่ว ไม่ใช่ว่าวันสำคัญจะมาวัดแล้วมาขอศีลขอพรกับพระ ถ้าขอกันได้เจ้าของสิไม่บวชแล้วสิไปวัดหาขอแต่พรนั้นแล้ว มันให้กันได้ปานนี้อาจารย์คือจะไม่เหลือแล้วละศีล ศีลมันไม่ได้อยู่กับพระมันอยู่กับเจ้าของ ประพฤติปฎิบัติเอา คนไม่มีศีลไม่ธรรมไม่แตกต่างจากสัตว์ คนที่รักษาศีลห้าครบสมบูรณ์ตายไปไม่ตกต่ำแน่นอน สุขภูมิเป็นที่ตั้ง ให้พากันถึงสรณะ ศาสนาเป็นเรื่องการกระทำบาปบุญไม่ใช่เรื่องของพิธีต่าง…”

    ธรรมคำสอน:องค์หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    มีคุณครูมาหาหลวงปู่ชา เมื่อหลวงปู่ทราบว่า เป็นคุณครู หลวงปู่จึงถามว่า

    “เป็นครูสอนตัวเอง หรือสอนคนอื่น ?”

    หลวงปู่ชา ท่านมอบโอวาทให้คุณครู ไว้ว่า

    “เราควรจะเอาเยี่ยงอย่างพระพุทธเจ้า

    มีอยู่คราวหนึ่ง พระองค์เทศน์ให้พระภิกษุทั้งหลายฟังในที่ประชุม พระสารีบุตรก็นั่งฟังอยู่ด้วย พอพระองค์เทศน์จบลง จึงตรัสถามพระสารีบุตรต่อหน้าภิกษุทั้งหลายนั้นว่า สารีบุตร ที่เราแสดงธรรมให้เธอฟังนี้ เธอเชื่อไหม?

    …พระสารีบุตรเป็นผู้มีปัญญา จึงประนมมือตอบว่า ยังไม่เชื่อพระเจ้าข้า

    พระพุทธเจ้าท่านได้ฟังดังนั้น พระองค์จึงตรัสว่าดีละ สารีบุตร ผู้มีปัญญาไม่ควรเชื่ออะไรง่ายๆ เมื่อได้ฟังอย่างใดแล้วจะต้องนำไปพิจารณาด้วยปัญญาของตนเองก่อน เมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นถูกต้องดีแล้ว มีเหตุมีผลดีแล้ว จึงเชื่อ อย่างนี้จึงจะชื่อว่า เป็นคนมีปัญญา อย่างนี้เป็นต้น

    เราสังเกตดูซิว่า พระพุทธเจ้าของเราท่านเก่งขนาดไหน?

    ถ้าเป็นพวกเราทุกวันนี้ ลูกศิษย์ไม่เชื่อเป็นไล่หนีทันทีเลย โกรธให้เขาเสียแล้ว ชอบจะเป็นกันอย่างนี้

    ดังนั้น เราทั้งหลายจะต้องสอนตัวเองด้วย สอนผู้อื่นด้วย เราจึงจะไม่เป็นทุกข์ ไม่แบกไม่หามลูกศิษย์ ถ้าไม่อย่างนั้น อาจารย์ก็ต้องเป็นทุกข์ทรมาน เพราะลูกศิษย์

    เด็ก ๆ สมัยนี้ไม่เหมือนก่อน มันคอยจะสู้อาจารย์อยู่เรื่อย ข้อนี้ต้องระวังให้ดี สอนเขาแล้วเราต้องปฏิบัติตัวเองด้วย เด็กเขาต้องการตัวอย่าง เราต้องทำให้เขาดู ไม่ใช่ดีแต่พูดอย่างเดียว และถ้าเขาไม่เชื่อ เราก็ต้องหันมาสอนใจเราเอง อย่าไปโกรธให้เขา นี้จึงจะได้ชื่อว่า เป็นอาจารย์สอนคนอื่นได้ แต่ถ้าเราเองก็สอนตัวเองไม่ได้แล้ว เราจะไปสอนใครที่ไหนได้”

    -เ.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ให้ขันธ์ห้า เป็นทาน ท่านกล่าวว่า
    ย่อมสูงกว่า เงินทอง ของทั้งสิ้น
    พินิจขันธ์ห้า ให้ว่าง เป็นอาจิณ
    ทุกข์ดับสิ้น จิตสงบ พบนิพพาน

    หลวงพ่อชา สุภัทโท

    -เป็นทาน-ท่าน.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระจูเลียน หมู่บ้านปูทา ม.1 ต.สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน

    พระท่านจะออกบิณฑบาตอาทิตย์ละประมาณสามครั้งเนื่องจากท่านมองว่าชาวบ้านเองก็มีความลำบากยากจนและข้าวก็ไม่ค่อยจะพอกินกันเองในครอบครัว เลยไม่อยากรบกวนมากเกินไป ปกติท่านจะฉันแต่ผลไม้เป็นหลัก อาหารที่ชาวบ้านใส่บาตรก็จะเป็นพวกข้าวเปล่า ผลไม้ แล้วก็ผักสด (พระท่านฉันเจ)
    .
    เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆหมู่บ้านท่านก็ใช้วิธีสั่นกระดิ่งครับเพื่อส่งสัญญาณว่ามีพระมาบิณฑบาต เพราะท่านไม่ได้บิณฑบาตทุกวันและเปลี่ยนสลับหมู่บ้านไปด้วย และอากาศก็เย็นจัดมากๆส่วนใหญ่ชาวบ้านจะอยู่ในบ้าน
    .
    พระจูเลียน ดีซิเลต ชาวแคนนาดานักเรียนแลกเปลี่ยนวิชาเกษตรกรรม
    .
    อาตมาฝึกสมาธิมาเป็นเวลามากกว่า 20 ปี การฝึกสมาธิทำให้พบความสุขที่แท้จริงที่เกิดอยู่ภายใน การฝึกสมาธินั้น ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อหาความสุขนั่นแล อาตมาสนับสนุนให้ทุกท่านใช้การปฏิบัติสมาธิในการดำเนินชีวิต
    .
    การนั่นสมาธิคือหนทางเดียวที่จะไปสู่ความอิสระที่แท้จริง
    เดิมอาตมามีพื้นเพอยู่ที่ประเทศแคนนาดา ซึ่งจัดได้ว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยพอสมควรประเทศหนึ่ง สมัยที่อาตมาเรียนหนังสือนั้น อาตมานับว่าเป็นนักเรียนที่ฉลาดเฉลียว เมื่อทำงานหาเงิน ก็หาเงินได้มาก แต่ในประเทศแคนนาดานั้นก็เหมือนกับประเทศอื่นทั่วๆไปตามแบบฝรั่ง
    .
    อาตมาไม่มีความสุข มีแต่ความเคร่งเครียด
    หลังจากนั้นจึงได้ทิ้งทุกอย่าง และได้เข้าสู่การเป็นผ้าขาวและเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เมื่อ 17 ปี ที่แล้ว จากนั้นเป็นต้นมา ใจของอาตมาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ อาตมาจนมาก แต่กลับมีความสุขมาก
    .
    อาตมาคิดว่าสิ่งนี้คือหนทางที่แท้จริง
    อาตมามั่นใจเกินร้อยว่า อาตมากำลังเดินอยู่บนทางที่ถูกต้องเพื่อมุ่งไปสู่หนทางการดับทุกข์
    .
    อาตมาเริ่มสนใจการทำสมาธิมาตั้งแต่เมื่อยังเป็นวัยรุ่น เริ่มศึกษาด้วยตนเองตั้งแต่สมัยที่อยู่แคนนาดา เมื่ออายุ 16-17 ปี
    ศึกษาการนั่งสมาธิจากการอ่านหนังสือ ทั้งแบบเซนของพระญี่ปุ่น(Zen) และการฝึกโยคะ
    .
    การนั่งสมาธินั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอาตมา เมื่อตอนเริ่มต้นอาตมาก็ได้เข้าถึงสมาธิได้โดยง่าย อาจจะเป็นเพราะว่าคงจะติดมาจากชาติที่แล้วกระมัง แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่อาจจะทราบได้ อาตมามีความปรารถนาที่จะมาเมืองไทย
    .
    ดันนั้นอาตมาจึงมาเมืองไทยครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 18 ปี ในโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน ในด้านการทำเกษตรกรรม
    เมื่อมาถึงได้ไม่นาน อาตมารู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า อาตมาเคยอยู่ที่นี่มาก่อนและอาตมาจะอยู่ที่นี่ตลอดไป ระหว่างที่อยู่ในโปรแกรมของนักเรียนแลกเปลี่ยน อาตมาก็ได้ไปนั่งสมาธิตอนเย็นทุกๆวัน ที่วัดใกล้ๆหมู่บ้านที่อาตมาอาศัยอยู่ ในจังหวัดสระบุรี
    .
    อาตมากลับไปยังแคนนาดาและได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2541 ตอนแรกนั้นอาตมาได้อาศัยอยู่กับเพื่อนชาวไทยที่ได้พบกันในโครงการแลกเปลี่ยน ที่นอกเมืองทางภาคใต้ ทำงานบ้าง นิดๆ หน่อยๆ ที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ จากนั้นจะได้เข้าสู่การเป็นผ้าขาว ถือศีล 8 อยู่ 1 ปี ในที่ต่างๆ ในประเทศไทย เช่น วัดสวนโมกข์ วัดอัมพวัน (จ.สิงห์บุรี) และ วัดจอมทอง
    .
    เมื่อครั้งนั้นอาตมาไม่ได้สนใจเรื่องของการบวชเรียนมากสักเท่าไหร่ สนใจแต่เพียงการนั่งวิปัสสนาสมาธิ ต่อมาอาตมามีความคิดที่จะกลับแคนนาดาเพื่อเรียนวิชาฝังเข็ม
    แต่เนื่องจากอาตมาได้ฝึกปฏิบัติมาตลอดเวลาและทราบดีว่าอาตมากำลังทำสิ่งที่ควรทำอยู่ และสมควรที่จะบวชเป็นพระเสียที
    หลายๆ คนถามอาตมาว่า จะบวชเพื่ออะไร อาตมาตอบไม่ได้ในชาตินี้
    .
    แต่อาตมาคิดว่า อาตมาอยู่ในระหว่างการเดินทาง ต่อจากชาติที่แล้วๆ โยมพ่อโยมแม่ของอาตมาไม่สามารถที่จะเข้าใจในเรื่องนี้ พวกท่านได้ปรึกษานักจิตวิทยาและสงสัยว่าพวกท่านทำอะไรผิด อาตมาถึงอยากบวชเป็นพระในพุทธศาสนา
    .
    คนฝรั่งคิดไม่เหมือนคนไทย สำหรับฝรั่งแล้ว หากท่านต้องการที่จะทำประโยชน์ให้แก่โลกนี้ ท่านต้องไปเรียนหนังสือ ทำงานและหาอาหาร/ขนมปังมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร มันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากในการทำความเข้าใจสำหรับโยมพ่อ อาตมารู้สึกไม่ประสบความสำเร็จในการสื่อสารกับโยมพ่อนิดหน่อย โยมพ่อเกิดในครอบครัวที่ยากจน และมีพี่น้อง 11 คน
    .
    โยมพ่อบวชในศาสนาคริสต์เพื่อที่จะได้เรียนหนังสือ ท่านออกจากการเป็นนักบวชเมื่อพบกับโยมแม่ของอาตมา
    .
    แต่ปัจจุบันท่านก็ค่อยๆ ทำความเข้าใจในการเดินทาง ในแบบของอาตมา โยมแม่มาเมืองไทยทุกๆ 2 ปี โยมพ่อไม่ได้มาเมืองไทยสัก 6 ปี แล้ว ท่านควรจะมาเมืองไทยในหน้าหนาวที่จะถึงนี้
    อาตมาออกจากประเทศไทย เพียง 1 ครั้งใน 18 ปีนี้ หากโยมพ่อโยมแม่จากไป อาตมาคงไม่ไปจากเมืองไทยอีกเลย
    .
    ประเทศไทยได้กลายเป็นบ้านของอาตมาไปเสียแล้ว

    -หมู่บ้านปูทา.jpg
    1504241163_864_พระจูเลียน-หมู่บ้านปูทา.jpg
    1504241164_704_พระจูเลียน-หมู่บ้านปูทา.jpg
    1504241164_958_พระจูเลียน-หมู่บ้านปูทา.jpg
    1504241164_722_พระจูเลียน-หมู่บ้านปูทา.jpg
    1504448184_316_พระจูเลียน-หมู่บ้านปูทา.jpg
    1504241165_263_พระจูเลียน-หมู่บ้านปูทา.jpg
    1504241165_236_พระจูเลียน-หมู่บ้านปูทา.jpg
    1504241166_489_พระจูเลียน-หมู่บ้านปูทา.jpg
    1504241166_909_พระจูเลียน-หมู่บ้านปูทา.jpg
    1504241166_945_พระจูเลียน-หมู่บ้านปูทา.jpg
    1504241167_418_พระจูเลียน-หมู่บ้านปูทา.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” ชีวิตวันหนึ่งคืนหนึ่ง รู้สึกว่าจะน้อยมาก สำหรับที่จะทำความเพียร ไม่เพียงพอเลย วันหนึ่งๆ มีแต่ต้อนรับผู้คน พูดคุยเรื่องต่างๆ เสียเวลาทำความเพียร เป็นการทำชีวิตให้เป็นหมัน เพราะเรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องข้างนอกทั้งนั้นเป็นการคลุกคลีด้วยหมู่คณะจนเกินไป อันเป็นทางให้เกิดความประมาท เป็นปปัญจธรรม คือธรรมอันเป็นเหตุให้เนิ่นช้าในคุณธรรมอันยิ่งขึ้นไป หลงตัวลืมตัวมัวเมามืดมนอนธการ คิดๆ ดูแล้ว ก็สงสารหมู่คณะที่อยู่ในเมือง ”

    พระอริยเวที (หลวงปู่เขียน ฐิตสีโล)
    วัดรังสีปาลิวัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    147 ปี ชาตกาลหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    วันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2560 ครบรอบ 147 ปี ชาตกาลหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2413 ณ บ้านคำบง ต.สงยาง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี

    ขอกราบอภิวาทวันทา น้อมรำลึกถึงคุณธรรมสัมมาปฏิบัติของพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เหนือเศียรเกล้า

    147-ปี-ชาตกาลหลวงปู่มั่น-ภู.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “เมื่อตอนหลวงพ่อชา ได้เดินทางมาประเทศอังกฤษ คณะลูกศิษย์พระที่เดินทางติดตามมาด้วยมีตั๋วเครื่องบินไป-กลับทุกองค์ เช้าวันหนึ่งหลวงพ่อชา เรียกเราเข้าไปหา แล้วพูดว่า’สุเมโธ ให้อยู่นี่แหล่ะ ไม่ต้องกลับ อยู่เพื่อสั่งสอนชาวอังกฤษต่อไป”

    “เราฟังหลวงพ่อแล้วก็ช็อค ตกใจมาก
    เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้องมาอยู่ประเทศอังกฤษ
    หลวงพ่อก็สั่งให้เราทิ้งตั๋วเครื่องบินขากลับ
    และอยู่ต่อที่นี้ จะปล่อยให้เราอยู่ที่นี้
    เราก็ฝืนและข่มความรู้สึกอันนั้น
    ให้ตั้งใจทำตามที่หลวงพ่อท่านสั่งให้ดีที่สุด
    ตามธรรมวินัยที่ทำได้
    เนื่องจากเราตั้งใจถวายชีวิตต่อหลวงพ่อชาแล้ว”

    พระอาจารย์สุเมโธเกิดความกังวลใจเกี่ยวกับการดำรงเพศบรรพชิต ในประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะเรื่องการรักษาพระวินัยและข้อวัตรปฏิบัติ จึงหาโอกาสเข้าไปกราบเรียนปรึกษาหลวงพ่อชา

    “เวลาเราสงสัยว่า ‘เราจะอยู่อย่างไร ถ้าเราไม่มีเงิน คนอังกฤษก็คงจะไม่รู้เรื่อง บิณฑบาตร ใส่บาตร ถวายทาน ทำบุญ วัฒนธรรมต่างกัน ออกบิณฑบาตรคงจะไม่มีใครรู้เรื่อง เราจะรับอาหารจากใคร จะฉันอาหารอย่างไร’ แต่หลวงพ่อชา ก็ถามกลับมาว่า ‘ที่ประเทศอังกฤษจะไม่มีคนดีเลยเหรอ คนอังกฤษจะไม่มีคนใจดี คนใจบุญเลยเหรอ ”

    คำถามที่หลวงพ่อชาย้อนถามพระอาจารย์สุเมโธดังกล่าว “เราก็พิจารณาว่า ‘สงสัยมีอยู่’ ท่านก็ว่า’ไปได้นะ’ แล้วก็จับใจเรา” นับเป็นคำตอบที่ยุติคำถาม กลับกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดพลังปัญญาอันชาญฉลาด

    สามารถมองข้ามปัญหา อุปสรรคต่างๆ ที่เป็นปัจจัยภายนอกได้ ทำให้คลายความกังวล และยึดถือข้อนี้เป็นธรรมนูญปฏิบัติสืบมาว่า ‘ไม่ว่าประเทศอังกฤษ หรือประเทศอื่นใดก็ตามย่อมมีคนที่มีจิตใจดีงามอาศัยอยู่ หากเพียงคนเหล่านั้นแค่ล่วงรู้ถึงล่วงรู้ถึงวัตถุประสงค์และธรรมเนียมปฏิบัติของเรา เขาย่อมพร้อมให้การสนับสนุน ด้านปัจจัยสี่และส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างไม่มีข้อกังขา

    “เราก็เห็นว่าหลวงพ่อชี้ทางที่ดี เราเคยคิดว่า ความดีอยู่ที่เมืองไทย เราเห็นความดีเป็นเรื่องเมืองไทย เป็นชาวพุทธอยู่เมืองไทย เป็นเรื่องคนชาวบ้านอยู่ใกล้วัดหนองป่าพง แต่เราไม่เคยคิดเปิดกว้าง เหมือนที่หลวงพ่อแนะนำ”

    คำถามของหลวงพ่อชา ได้ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติ มีมุมมองกว้างไกลมากขึ้น เห็นว่าการสืบทอดพระพุทธศาสนามิได้จำกัดเพียงอาศัยศรัทธาของชาวพุทธไทยเท่านั้น หลักธรรมที่แท้จริงคือการมีน้ำใจและตั้งอยู่ในความดี นี่คือหลักความจริงอันเป็นสากลของมนุษย์ทั่วโลก

    “เมื่อเราได้ไปอยู่ในประเทศอังกฤษแล้ว ก็ได้เห็นนานาจิตตัง มีอยู่หลายประเภท เห็นของแปลกแล้วไม่ชอบก็มี ถ้าเห็นพระภิกษุบิณฑบาตร อาจมีคนสงสัยบ้าง เยาะเย้ยบ้าง รังเกียจบ้าง หรือไม่สนใจ รู้สึกเฉยบ้าง บางคนเห็นมีความเอ็นดูสงสารเข้ามาให้ถามให้ความช่วยเหลือแล้วเกิดศรัทธา บ้างก็สงสัยว่าพระองค์นี้ทำอย่างนี้ทำไม จะช่วยท่านได้อย่างไร บ้างก็สงสัย ว่าเป็นขอทานหรืออยากได้เงิน เราก็บอกว่า ‘เรารับเงินไม่ได้’ บางคนก็ซื้ออาหารมาถวายเหมือนกัน ที่จริงนั้นจิตของมนุษย์แท้ๆนั้น เป็นสิ่งบริสุทธิและเป็นธรรมอยู่แล้ว”

    ก่อนที่หลวงพ่อชาจะกลับเมืองไทย ท่านก็ได้เน้นย้ำให้ศิษย์ของท่านอยู่อย่างสมถะภายใต้พระธรรมวินัย เพื่อรักษาแบบอย่างของวัดป่าอย่างที่เคยถือปฏิบัติในประเทศไทย เพื่อร่วมกันรักษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาสืบไป

    “หลวงพ่อชา ต้องการให้เรารักษาแบบอย่าง ที่เราเคยถือปฏิบัติที่วัดป่าเมืองไทย ท่านต้องการให้เราอยู่กันอย่างธรรมดา ภายใต้พระธรรมวินัย”

    “หลวงพ่อชาปล่อยให้เราต้องอยู่ที่ประเทศอังกฤษต่อไป
    เมื่อเราไปถึงสนามบินเพื่อจะส่งหลวงพ่อกลับเมืองไทย
    ก็แยกกับหลวงพ่อที่ช่องทางเดินของผู้โดยสารขาออก
    พอหลวงพ่อท่านเดินหายเข้าไปข้างในเพื่อขึ้นเครื่องบินแล้ว
    เราก็รู้สึกเหมือนเด็กกำพร้าพ่อแม่ไม่มีแล้ว”

    ช่วงเวลา 10 ปี ที่เราได้อยู่กับหลวงพ่อชา ที่วัดหนองป่าพง
    ถือเป็นช่วงเวลาของความเปลี่ยนแปลง
    จากคนที่ไร้ความสุข วุ่นวาย สับสน
    ไปเป็นคนที่เชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า”

    หลวงพ่อชาปรารภไว้เสมอว่า
    “การมาก็เป็นของธรรมดา
    การไปก็เป็นของธรรมดา
    ถ้าเราตั้งอยู่ในพระธรรมวินัยแล้ว
    เหมือนเราไม่ได้จากกัน”

    -ได้เด.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    โยม: หลวงปู่เจ้าขา ทำไมศาสนาพุทธถึงมีแต่ให้ทาน เดี๋ยวก็ถวาย เดี๋ยวก็ถวาย นี่อย่างวันนี้ก็ถวายเทียน ถวายผ้าอาบน้ำฝน ถวายผ้าป่า กฐิน มีแต่ถวายเต็มไปหมด แสดงว่าจะได้บุญมา ต้องเสียเงินเสียทองสิเจ้าคะ

    หลวงปู่: อือ บุญเป็นชื่อของความสุข ทำแล้วทุกข์ อย่าทำ

    โยม: โยมก็ไม่ได้ทุกข์ แค่สงสัยว่า ทำไมศาสนามีแต่การให้ทาน

    หลวงปู่: การทำบุญในพระศาสนาน่ะมีหลายแบบ มีหลายระดับ ระดับทาน ระดับศีล ระดับภาวนา คนใจยังไม่สูง ก็มัววุ่นอยู่กับทานอย่างเดียว คนใจสูงมากอีกหน่อย ก็ทำบุญเรื่องศีล เมื่อใจถึงระดับแล้ว เขาจะทำบุญด้วยการภาวนา เพราะทานกำจัดกิเลสอย่างหยาบ ศีลกำจัดกิเลสอย่างกลาง ภาวนากำจัดกิเลสอย่างละเอียด

    บางคนทำบุญ แล้วไม่รู้เรื่องบุญ ก็มัวแต่หาว่า มีแต่ทาน แต่ทาน คนบ้าทานก็ทำทานเอาหน้า ทำทานเอาตรา ทำทานเพื่อโฆษณา แท้จริงแล้ว การทานมีจุดประสงค์ เพื่อละตัวเรา เพื่อละของเรา อาศัยสิ่งของ เพื่อละความเห็นแก่ตัว ละความถือตัวถือตน บางคนทำบุญทำทานไม่เป็น ให้แล้ว ยังถือว่าเป็นของเรา เป็นของเรา บางคนทำทานแล้ว ประสงค์นั่น อธิษฐานนี่ วุ่นวายไปหมด อันนี้ให้ทานเอาตัณหา ให้ทานเอาโลภ ให้ทานเอากิเลส ทานที่แท้จริงต้องทานเพื่อละ เพื่อทิ้ง

    เอาของมาทานให้หลวงปู่แล้ว มาให้หลวงปู่เสกนั่น เป่านี่ อธิษฐานเอานั่นเอานี่ เหมือนหลวงปู่จะบันดาลให้ได้ คนที่เอาข้าวให้หมากิน เขายังได้อานิสงส์มากกว่าคนพวกนี้ เพราะเขาให้ทานเพื่อละ ให้ทานเพื่อนุเคราะห์สัตว์ตกยาก เขาให้ทานโดยไม่มีความเป็นตัวเป็นตน ไม่อธิษฐานเอานั้นเอานี่จากหมา ไม่ต้องบอกหมาว่าต้องฉันของโยม ของหนู ของฉัน

    นั่นคนพวกนั้นเขาทานเพื่อละเพื่อวาง คนที่วางตัววางตน ก็ไม่มีตัว ไม่มีตน คนไม่มีตัว ไม่มีตน มันจะทุกข์มาจากไหน เพราะมีตัว อะไรก็ของตัว ได้ – ตัวก็ได้ เสีย – ตัวก็เสีย กระทบอะไร – ตัวก็กระทบ มันจึงทุกข์จึงยาก แต่ละตัวละตนเสียแล้ว จะทุกข์กับอะไร ถ้าคุณเข้าใจอย่างนี้ หลวงปู่เรียกคนเหล่านั้นว่า เขาทำทานเพื่อพึ่งพา ให้ทานเพื่อละ เพื่อวาง เขาจะไม่ทุกข์กับการให้ทาน เขาเป็นนักทานที่แท้จริง เข้าใจนะ

    หลวงปู่หา สุภโร (หลวงปู่ไดโนเสาร์)

    ที่มา: หนังสือ “ตามตอยหลวงปู่ภูกุ้มข้าว (ฉบับปฐมบท),

    -หลวงปู่เจ้าขา-ทำไมศ.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” การกำจัดความสกปรกของสิ่งภายนอก เช่น เสื้อผ้า
    ก็เปรียบเสมือนการกำจัดความสกปรกที่เป็นมลทินภายในใจคือ โลภะ โทสะ โมหะ ให้ใจมีความสะอาดด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เป็นบุคคลมีความขยัน ให้ตั้งมั่นในการปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติที่กล่าวมานี้ ธรรมะไม่เกิด ไม่เห็นทางที่จะพ้นทุกข์ได้ ”

    หลวงปู่กิ ธัมมุตตโม
    วัดป่าสนามชัย ต.โพธิ์ไทร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลฯ
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” สรณะทั้ง ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มิได้เสื่อมสูญอันตรธานไปไหน ยังปรากฏอยู่แก่ผู้ปฏิบัติเข้าถึงอยู่เสมอ ผู้ใดยึดถือเป็นที่พึ่งของตนแล้ว ผู้นั้นจะอยู่ในกลางป่า หรือเรือนว่างก็ตาม สรณะทั้งสามก็ปรากฏแก่เราอยู่ ”

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    -๓-คือ-พระพุทธ-พร.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขี้หมาก็ยังมีฤทธิ์

    โยม : หลวงปู่ครับ ตะกรุดหลวงปู่ดีด้านไหนครับ
    หลวงปู่ : ดีหมดแหละ ขึ้นชื่อว่าวัตถุมงคลดีหมดแหละ ดีกว่าวัตถุ
    อัปมงคล
    โยม : แล้วทำยังไงถึงรู้ว่า วัตถุมงคลอันนี้ อันนั้นขลังล่ะครับ

    หลวงปู่ : คุณเชื่อไหม คุณเชื่อไหม ถ้าคุณเชื่อมันดีหมดแหละ
    ถ้าคุณมีศรัทธา แม้แต่ขี้หมายังมีฤทธิ์เลย แต่ถ้าคุณไม่มีศรัทธา แม้จะลอยลงมาจากฟ้าก็ช่วยคุณไม่ได้ เหมือนโทรศัพท์โทรไปไม่มีใครรับก็คุยกันไม่ได้ เขาโทรมาเราไม่รับก็คุยกันไม่ได้ มันต้องประกอบกันนะหาว่าแต่ของนั้นไม่ดี ของนี้ไม่ดี เจ้าของไม่ดีก็ไม่ว่า……….

    .png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...