ธรรมชโย วัดพระธรรมกาย จริงๆแล้วเป็นใคร??มีคำตอบ..

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย maxgatod, 16 มกราคม 2011.

  1. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ค่ะ

    -------------------------ค่ะ---------------------------
     
  2. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035

    ต้องดูว่าภิกษุมีเถยยจิตหรือไม่
    ถ้าไม่ก็ไม่มีอาบัติ พิจารณาอย่างนี้
    เรื่องนี้ผมว่าพระสงฆ์ท่านรู้ดีนะครับในรายละเอียดของสิขาบททั้งหลาย
    เป้นเรื่องของคณะสงฆ์ตัดสินสอบสวนกันเอง

    ฆารวาสต้องรู้ขอบเขตของตัวเองครับ ไม่มีหน้าที่ไปตัดสินแทนพระ
    อย่าไปตามกระแสโลกนัก มันจะพาให้ใจหม่นหมอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2011
  3. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    จะไม่เป็นปาราชิกาบัติในสิกขาบทนี้ คือ
    สำคัญว่าเป็นของ ๆ ตัว ถือเอาอย่าง ๑
    และวิสาสะคุ้นเคยกันอย่าง ๑
    ยืมมาใช้อย่าง ๑
    ของนั้นเป็นของยักษ์ เปรต และเป็นของสัตว์ติรัจฉาน ไม่เป็นของมนุษย์อย่าง ๑
    ถือเอาด้วยปังสุกุลสัญญา สำคัญว่าไม่มี เจ้าของอย่าง ๑
    และภิกษุเป็นบ้าเป็นต้น ไม่เป็นอาบัติ
    ................................................................

    ไม่มีเถยยจิตไม่มีอาบัติตามนี้ครับ
     
  4. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    นั่นสิแล้วไม่เป็นปาราชิกตรงใหน ทำไมไม่ตอบหรือไม่แก้ต่างตรงนี้ล่ะ อาบัติปาราชิก พระแท้นะกลัวหมดทุกองค์ และเข้าใจทุกองค์
    สำคัญว่าเป็นของตัวน่ะหมายถึง ของที่เป็นของตัวเองอยู่แล้วเช่น สมัยเป็นฆราวาส กับรับนิมนต์ถวายเพื่อตัวไม่ใช่เพื่อสงฆ์
    การถือวิสาสะ ถ้าเจ้าของไม่อนุญาติ หรือเป็นของหวง ฉะนั้นอย่าถือวิสาสะถ้าไม่ได้บอกกล่าวกันไว้ก่อน
    ยืมมาใช้ก็ต้องคืน หรือหามาคืนถ้าหากมีความเสียหาย
    ส่วน3อย่างหลังขึ้นอยู่กับคุณธรรมความเมตตาของท่านนั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2011
  5. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    ไม่มีเถยยจิตไม่มีอาบัติตามนี้ครับ __________________
    เพราะเราคือวงบุญพระโพธิสัตว์ จะรื้อสัตว์ ขนสัตว์ รื้อวัฏฏะนี้

    อาบัติ คือ การล่วงละเมิด พร้อม องค์3 หรือ อยู่ในองค์3 คือ กาย วาจา จิต
    ที่บอกกล่าวอย่างนี้ไม่ใช่ จะให้ท่านอยู่เฉยๆหรือไม่ต้องทำอะไรเลย
    มันมีหลักมหาปเทสอยู่ พระบรมศาสดาทรงวางเอาให้แล้ว ก็ทำตามนั้น
    ถ้าทำตามพระธรรมวินัยได้อย่างเคร่งครัดแล้ว ปัญหาทั้งหลายจะไม่เกิดขึ้น อกุศล3ก็จะเบาบาง ไม่รุนแรงหรือเกิดขึ้นใหม่
    งานเผยแผ่พระศาสนานั้นจะต้องใช้หลักธรรมวินัยมาปฏิบัติ ไม่ใช่ใช้หลักทุนนิยมมาทำ อย่างนั้นโอกาสที่จะถูกบิดเบือนอย่างทุกวันนี้มันง่าย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2011
  6. kamoochi

    kamoochi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +326
    ผมเห็นมีอยู่คนนึงนะครับที่เขาทำอย่างนั้นได้ พิมพ์เองตอบเอง ไม่สนใจใคร คุณบรัชน่ะครับ มองดูดีๆเรื่องที่คนว่าโพสต์แล้วรกเวปมันก็เท่ห์ไปอีกแบบนิ ^^
     
  7. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    ยากเหลือเกินกับการที่มนุษย์เราจะแยกแยะออกว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนชั่ว ขนาดคนที่ทำชั่วมา แค่ทำความดีแบบพยายามให้คนอื่นเห็นเพื่อกลบเกลื่อน มนุษย์เราบางพวกก้อหลงเชื่อเสียแล้ว ไม่รู้ว่าทั้งชีวิตพิจารณาอย่างไรถึงได้คิดเช่นนั้น....สาธุ
     
  8. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    เป็นเพราะไม่ใช้สติปัญญาของตนให้รอบคอบปล่อยให้ความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนมันพองโตคับไปหมด ใช้ความมานะอย่างแรงกล้ามาหักล้าง ปิดบังสติปัญญาด้วยวิปัสสนูปกิเลส
    ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะสมัยพุทธกาลมีตัวอย่างให้เห็นแล้ว คือ องค์คุลิมาร ก่อนที่ท่านจะสำเหร็จเป็นพระอรหันตเจ้า
    พระอริยะบุคคลระดับพระอรหันต์ไม่ผิดเพี้ยนในเรื่องพระธรรมวินัยทั้งองค์3คือ กาย วาจา จิต กล่าวธรรมของพระบรมศาสดาได้อย่างงดงามทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลาง และบั้นปลาย



     
  9. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    เป็นเพราะไม่ใช้สติปัญญาของตนให้รอบคอบปล่อยให้อคติทั้ง4มันพองโตคับไปหมด ใช้ความมานะอย่างแรงกล้ามาหักล้าง ปิดบังสติปัญญาด้วยอวิชชาคือความไม่รู้
     
  10. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035

    อาบัติทั้งหลายต้องเริ่มที่จิตครับ ถ้าไม่มีจิต มีแต่การกระทำท่านไม่ปรับเป็นอาบัติ ตรงข้ามถ้ามีจิตแม้ไม่มีการกระทำก็เป็นอาบัติแต่จะเป็นข้อรุนแรงขึ้นเมื่อมีการกระทำ ก้เหมือนองค์แห่งศีลไงครับ
     
  11. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035

    แก้ต่างกันไปมากมายแล้วครับแต่ไม่ค่อยมีคนสนใจเพราะคนปัจจุบัน
    ชอบพูดแต่เรื่องชั่วๆ
    ชอบฟังเรื่องชั่วๆ
    คิดแต่เรื่องชั่วๆกันซะส่วนใหญ่

    เรื่องดีๆไม่ชอบฟัง
    เรื่องดีๆไม่ชอบคิด
    เรื่องดีๆไม่ชอบพูดกัน

    สังเกตุจากข่าวปัจจุบันมีมั๊ยครับทีจะเอาเรื่องดีๆมาบอกเล่า
    ร้อยละ90 เป็นเรื่องไม่ดี เพราะเรื่องดีๆมันขายไม่ได้
     
  12. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    ก็ผมนี่ไงที่สนใจ ข่าวดีๆนะ่มีเยอะแยะไปหมด ถึงหน้าแรกไม่มีแต่หน้าถัดไปมีทุกหน้าครับ
    เช่นหงษ์ขยี้แมนยู3-1 เงี้ยะ
    ใจเย็นๆคุณ โตๆกันแล้ว ค่อยๆคิด ค่อยๆพูดไม่ต้องรีบร้อน เราต้องใช้เหตุผลหักล้างกัน
    เรื่องนี้จริงๆผมไม่อยากมาแตะต้อง แต่มันยังคาใจผมอยู่10กว่าปีแล้ว แค่เรื่องที่เราคุยกันเรื่องเดียวเท่านั้น
    ผมบอกไปแล้วอะไรดีผมก็ชื่นชมและสนับสนุน ปัจจุบันผมก็ยังทำตลอด แถวบ้านผมก็ห้อมล้อมด้วยศิษย์ธรรมกายทั้งนั้น ผมก็พูดคุยเรื่องนี้ บางทีหนักกว่านี้ด้วยซ้ำไป แต่ไม่เห็นจะมีอะไร ก็ยังรักกันช่วยเหลือกัน ผมเองก็ยังทำบุญร่วมกับเขาไปตลอด แต่ไม่เอ่ยนาม ผมทำบุญไม่เคยเอ่ยนามเจาะจงเฉพาะวัตถุประสงค์
    ลองใจเย็นๆนะครับ แล้วลองทบทวนใหม่
    อ่านข้อความผมให้ชัดเจน แล้วคิดให้ลึกครับ
    อย่าไปห่วงความดี ความชั่วคนอื่นเขาเลยครับ ห่วงว่าเราเดินถูกทาง หรือ หลุดจากทางหรือเปล่าครับ ( อันนี้เป็นแง่คิดเตือนสติกันครับ )

     
  13. tepamorn

    tepamorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    786
    ค่าพลัง:
    +1,081
    คุณนราสภามีอะไรกับผมส่วนตัวหรือป่าวครับ
    ถ้ามีพีเอ็มมา ผมก็บอกชัดเจนแล้วนะครับอย่าเอาผม
    เข้าไปเกี่ยวอีกคุณจะขุดมาทำไมครับ....
     
  14. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ไม่ได้ใจร้อนอะไรหรอกครับแต่บางครั้งต้องชี้แจงเรื่องเก่าๆมันทำให้
    คิดว่าทำไมคนไม่อ่าน หรือค้นหาที่เขาชี้แจงไว้แล้ว

    แต่เรื่องที่มันใส่ไข่มาทำไมหาขึ้นมากันจังทั้งที่มันจบกันไปตั้งนานแล้ว
     
  15. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    คุณติดใจเรื่องปาราชิกหนะหรือ
    ก็ถ้าเป็นเรืองการขโมย น่าจะเคลียนะ

    ต้องเข้าใจในความจริง ว่าการที่เราบอกบุญสร้างอะไรสักอย่างแล้วต้องใช้เงินมากๆ
    มันก็เป็นเรืองยุงยากในการจัดการ ว่าเงินมันจะเข้าไปเก็บที่ใหนแล้วกฎหมายมันว่าไว้กำหนดไว้อย่างไร และการนำมาใช้มันจะสะดวกต้องทำอย่างไร เพราะงานก่อสร้างเงินสะดุดไม่ได้ มันจะล่าช้า

    แต่เงินนั้นก็ได้ถูกใช้ประโยชน์ตามที่ผู้บริจาคตั้งไว้ทุกประการ

    จะผิดก็แค่ในแง่กฎหมาย จะเหมาเอาว่าหลวงพ่อมีจิตคิดขโมยมันไม่ใช่
    เพราะคนถวายเขาก็ตั้งใจถวายให้หลวงพ่อทั้งนั้น


    ขออภัยหากบางครั้งตัวอักษรมันอาจจะติดควันมาจากกระทู้อื่น
     
  16. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    การเผยแผ่ศาสนาเรา ไม่สามารถทำโดยวิธีอื่นเลยหรือครับ นอกจาก สร้างความอลังการ ชักจูงพุทธศาสนิกชนให้เข้าร่วมความยิ่งใหญ่ต่างๆนาๆ ที่จัดขึ้น ทำอะไรแต่ละอย่าง ประเภท เล็กๆไม่ ใหญ่ทำ ไม่ต่างอะไรกับเอาบริษัทเข้าตลาดหุ้น เห็นมีแต่แผนการตลาด โดยเอา สวรรค์ เข้ามาล่อแมลงเม่าทั้งหลาย มันจำเป็นขนาดนั้นหรือครับ ถ้าไม่มีความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้าง ศาสนาเราจะอยู่ไม่ได้หรือครับ เท่าที่รู้มา พระพุทธเจ้า ก้อไม่ได้ตรัสรู้ ในยานอวกาศ หรือสิ่งก่อสร้างอะไรเลยนี่ครับ แต่ก้อทำให้พุทธศาสนิกชนเลื่อมใสมาเป็นพันปี แต่มาตอนนี้ เรากลับยึดสิ่งก่อสร้างเป็นที่ยึดเหนี่ยวหรือครับ กิเลสยังคงอยู่ แม้กระทั่งพระในวัดเลยหรือครับ เอาไปทำไมครับ กิเลส ตัวนี้ ร้ายนัก แม้กระทั่งพระยังไม่ละเว้นผมถามมาหลายรอบแล้ว ไม่ยักจะมีคำตอบที่ฟังขึ้นเลยสักที...
     
  17. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    คุณครับ มันมีหลายแง่มุมที่จะพิจารณา
    ข้อแรก ความเจริญของศาสนาเราพิจารณากันที่อะไร
    หลายคนบอกว่าก็ดูที่จำนวนของผู้นับถือถ้าดีจริงก้มีคนนับถือมาก

    ก็มีคนแย้งอีกว่ามีแต่ปริมาณไม่มีคุณภาพจะเอามาวัดไม่ได้
    ต้องดูที่คุณภาพว่าคนที่ถือศาสนานั้นเข้าถึงแก่นแท้ของศาสนาหรือไม่

    มันก็จะว่ากันไปเรื่อยครับเถียงกันไปมา

    แต่ต้องยอมรับกันว่าถ้าหากเราจะรู้จักใครสักคนเราก้ต้องเริ่มกันที่คำว่า สวัสดี
    ถูกมัียครับ และต่อมาก็ต้องมาทำความรู้จักกัน มีการต้อนรับปฏิสันถาร ทำความรู้จัก พูดคุย
    แล้วถึงจะมีความคุ้นเคยจนสามารถสั่งสอนกันได้

    เช่นกัน วัดพระธรรมกาย สวัสดีสาธุชนครั้งละมากๆ ต้องต้อนรับคนมากๆก็ต้องใช้สถานที่ต้อนรับมากก็แค่นั้น คงไม่ถามนะครับว่าทำไมต้องไปสวัสดีคนมากๆชวนคนมากๆมาทำความดีด้วยกัน
     
  18. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ข้อที่สอง หากเราจะศึกษาประวัติศาตร์เราจะพิจารณาความเจริญของอาณาจักรใดเราพิจารณาจากอะไรครับ และจะพิจารณาอีกว่าช่วงนั้นศาสนาอะไรเจริญอยู่พิจารณาจากอะไรครับ และเจริญมากน้อยแค่ไหนพิจารณาจากอะไรครับ
    ในสมัยพุทธกาล วัดเชตวันใช้เงินเท่าไรในการก่อสร้างถ้าทราบประวัติคงรู้ว่าถ้าตีค่าในปัจจุบันเงินคงเป้นหมื่นล้าน
    ถ้าศาสนสถาน ใหญ่ๆไม่สำคัญ นางวิสาขาซึ่งเป็นอริยบุคคลคงไม่สร้างบุพพารามให้เป็นที่พักของสงฆ์มีห้องตั้ง1000ห้อง สิ้นเงินไปเป็น450ล้านกหาปนะตีเป็นเงินปัจจุบันเท่าไรคิดเอาและพระศาสดาส่งพระอัครสาวกมาช่วยคุมงานด้วยซ้ำ นั่นคือท่านเห็นถึงความสำคัญ
    และนาลันทามหาวิทยาลัยสงฆ์ ถ้าไม่ใหญ่จริงจะรวบรวมคำสอนไว้ให้คนทั่วโลกมาศึกษาได้อย่างไร ตอนโดนเผาไฟใหม้อยู่เป็นเดือน
    นี่ก็จะโดนเผาอีกรอบยังไม่รู้ตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2011
  19. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ข้อที่สาม หากมีภัยนอกศาสนาเขาพยายามทุ่มเทเงินทองเข้ามาเพื่อจะล้มพุทธศาสนา
    แล้วเขาไม่เห็นผลสำเร็จคือยังเห็นพุทธศาสนิกชนจำนวนมากประกอบพิธีกรรมในวันสำคัญ อันแสดงถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนายังคงมีอยู่
    นั่นคือความพยายามของเขาสูญเปล่าไม่สำเร็จ
    เงินสนับสนุนมันก็จะถูกตัดไป

    อย่าไปคิดว่าเป็นไปไม่ได้ อย่าให้เหมือนนาลันทาที่เขาเอามีดมาจ่อคอแล้วถึงจะรู้สึกตัว
    เขาทำมาหลายอย่างแล้วสำเร็จทุกอย่างติดอยู่ที่เดียวทียังไม่สำเร็จ

    แม้กระทั้งให้คนใหญ่คนโตในประเทศพูดว่าไม่ต้องระบุว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติเขาก้ทำได้สำเร็จแล้ว

    ลองสังเกตุดูความเป็นไป จะพบข้อสังเกตในเรื่องนี้ว่ามันจริงเท็จแค่ไหน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2011
  20. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ชื่อล็อกอินมันไม่ได้

    ติดป้ายไว้ว่าใครศาสนาอะไร

    คนที่เรียนรู้กฎหมาย

    บางทีก็เอามาใช้เพื่อโค่นล้มฝ่ายตรงข้าม

    เสียเวลา

    จะโจมตีอย่างไรก็ทำไม่ได้หรอก

    จนตายก็ไม่มีวัน รออีก 2500 ปี โน่นไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...