ถึงคุณ สับสน

ขอบคุณอีกครั้งครับ ผมคงเข้าใจผิดไปเองน่ะครับ แต่ก็เป็นสิ่งที่ล่วงผ่านไปแล้วครับ

ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ครับ ได้แต่ยอมรับเท่านั้นครับ

สาธุครับ

 

ผมขออนุญาติถามนะครับ...
ที่คุณบอกว่าชี้ให้หลายๆคนเห็นจิตได้เนี่ย
1.คุณใช้อะไรเข้าไปดู ไปรู้ ไปเห็น ดวงจิตเค้าครับ หรือเห็นว่าเค้ามีแต่ความว่างเปล่าเฉยๆ..
2.และจิตที่ึคุณบอกว่า สามารถเห็นได้เนี่ย ลักษณะรูปร่างเค้าเป็น อย่างไร ตัวที่เค้าไปดู(ถ้ามีรูปร่างเป็นอย่างไร) ไม่มีอะไรอยู่ในจิตเลยหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณครับ

 

รู้สึกใหม ทำไมเวปนี้คนน้อยลง?

 

ขอบคุณครับ...
ข้อ 1. ถามว่าใช้อะไรไปดู สติที่พูดนะต้องบอกชัดๆว่าตัวไหนครับหน้าตาเป็นอย่างไร..ไม่ใช่แบบโลกๆหรือท่องจำหรือเข้าใจเองว่าตัวเองมีนะครับ..
ข้อ 2.ผมถามที่เป็นตัวจิต และเครื่องมือที่ใช้ดู ที่เป็นนามธรรมครับลักษณะเป็นอย่างไรถ้าเป็นรูปธรรม (สี่เหลี่ยม ห้าเหลี่ยมทำนองนี้) ผมยังไม่ได้พูดเรื่อง สภาวะธรรม เรื่องการหยุดคิด
ที่คุณบอกยังไม่เรียกว่าเห็นจิตหรอกครับ.ใจกับจิตเนี่ยมันคนละตัวหรือครับ..เป็นความคิดที่เกิดจากจิต ปรุงร่วมกับจิตเฉยๆครับ และคนละประเด็นกับที่ผมถามครับ..และยังไม่ทันเริ่มคลานเลยครับถ้าพูดเรื่องสภาวะธรรม
ขอบคุณอีกครั้งครับ..

 

เป็นกลางไว้ เป็นกลางไว้ ท่านทั้งหลาย
ค่อยๆคุยกัน มีดีกันทุกคนนั้นละนะ อย่า ประหัดประหารกันเองเลย ธรรมไม่แบ่งพรรค แบ่งพวกนาท่านนา แค่ ช้า เร็ว แค่นั้นเอง
ค่อยๆพูด ค่อยๆจานะ หนักนิดส์ เบาหน่อยก็ ค่อยๆคุยกันนะ
ช่วงนี้อากาสเปลียนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ นะจ๊ะ
รักทุกคนคราบ

 

555+ ไม่ไ้ด้โกรธหรือดุครับ...ขออภัยด้วยครับ...
ที่ตอบน้อมรับฟังไว้ครับ...ผมซิครับ..ต้องขอบคุณที่เล่าให้ฟัง..
จากที่ตอบข้อ 1.เห็นด้วยครับ..
แต่ข้อที่ 2. ยังมีอะไรๆ..มากกว่านั้นอยู่ครับ..แต่คงไม่บอกกล่าวต่อนะครับถ้าไม่ถาม(เอาไว้เห็นเองดีกว่าครับ)..
ขอบคุณครับ..

 

คุณนี่มันอยู่ลึกเกินไปจริงๆ..ทำยังไงก็เหนื่อยปล่าวกับคุณ แถมออกจะหลงตัวเองเข้าไปอีกนะ
นี่ไปร้องเรียน เวบโสนว์ ให้เตือนผมซะแล้วทั้งที่อนุญาตให้ผมด่าได้ ไม่ใช่รึ อธิเดช..!

 

ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ครับ.ผมก็เริ่มคลานครับและ.ผมก็ไม่ค่อยรู้ศัพท์แสงอะไรหรอกครับ..ปกติไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือครับ..ส่วนมากตำราให้แทนหมอนครับ..

 

คำถามคุณนพกาน นี่ผมกำลังอยากจะถามพอดี แต่อยากฟังอธิเดชเขาตอบมากกว่า ไม่อยากฟังลูกศิษย์ ถ้าอธิเดชว่างๆมาตอบเขาด้วยเนอะ จะได้กลับมายิ้มน้อยๆ ขำเล็กๆ อีก ....

 

สาธุ..กำลังปฏิบัติ กายานุปัสสนา และเวทนา อยู่ครับ ขอบคุณครับที่ชี้แนะ

 

ดีคับ ไปตั้งกระทู้ใหม่แล้วนั่งคุยกันดีกว่าใครเขาจะด่ากันปล่อยเขาเถอะ^^

 

คุณรู้ไหมครับว่าจิต มีพลังงานอยู่สองชนิด ๑.สติ ๒.สัมปชัญญะ

สติ สามารถระลึกได้ สัมปชัญญะ สามารถรู้ตัวทั่วพร้อม

นี่คือ จิตเห็นจิตครับ ทุกการกระทำของมนุษย์ จะมีสติ และ สัมปชัญญะ ทุกเมื่อ

แต่เพียงจะมีสิ่งไหนที่มากกว่ากัน จะหนักไปทางไหนมากกว่ากัน

ส่วนข้อ 2 รูปร่างของจิตมีลักษณะคล้ายๆวงกลม เพียงแต่ไม่มีความแน่นอนครับ

แล้วแต่อารมณ์ที่เข้ามา จะเปลี่ยนให้เป็นไปตามนั้นครับ แต่หากจะให้กล่าวโดยตรงแล้ว

จิตนั้นไม่มีรูปร่างครับ เป็นแต่เพียงการรับรู้ ที่จะคอยรับรู้ทุกอริยะบทของการกระทำครับ

ที่คุณ ปลา กล่าวมานั้น เป็นหนทางแห่งการ"เจริญมรรค"ครับ

ผู้ที่เห็นจิตจะเข้าใจได้ในทันที ว่ากายแยก กาย ใจ จิต เพื่อการหยุด การนึกคิด

ที่เกิดจากการปรุงแต่ง การปรุงแต่งนี้ จะขาดกายก็ไม่ได้ จะขาดใจก็ไม่ได้ จะขาดจิตก็ไม่ได้

ไม่เช่นนั้น การปรุงแต่งจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ครับ ผู้ที่เห้นจิตแล้ว

และ เข้าไปอยู่ในจิต (คงจะไม่ งง นะครับ) จะเป็นจิตในจิต เมื่อนั้น

จะเป็นธรรมในธรรม จะเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม อย่างชัดเจนครับ

สาธุครับ

 

ผมก็ไม่ได้ห้ามคุณแต่อย่างใด แล้วยังบอกอีกด้วยว่า หากคุณต้องการเช่นนั้น

ก็สุดแล้วแต่คุณ การที่จะให้ผู้อื่นสนใจ และ เข้าใจ ในสิ่งที่ตนเองบอกกล่าว

ต้องถามว่าเคยยอมรับในการบอกกล่าวของผู้อื่นหรือไม่

ผมได้อธิบายวิถีทางแห่งการหลุดพ้นอย่างชัดเจน และ ตอบทุกคำถามอย่างไม่หนีหาย

และ ตอบแบบไม่ได้แก้ไข คำอธิบายแม้แต่น้อย ผมตอบด้วยความรู้ที่มีในตนเอง

ไม่ได้นึกคิดขึ้นมาเอง และ ยังสามารถพิสูจน์ได้อีกด้วย ไม่ได้กล่าววาจาแบบลอยๆ

สาธุครับ

 

ต้องขอบคุณ คุณปลา ด้วยครับ ที่แสดงความคิดเห็น

นอกจากจะมีความรู้สึกตัวด้วยสัมปชัญญะแล้ว

ยังจะเห็นรูปที่เกิดจากความทรงจำด้วยสติอีกด้วยครับ

หวังว่า คุณปลา ยังเฝ้าดูจิตอยู่ทุกลมหายใจนะครับ

สาธุครับ

 

ตั้งแต่คุณตอบมา หรือจะกล่าวเรื่องใดที่เป็นธรรม คุณยังไม่ได้กล่าวอะไรที่ตรงตามธรรมเลย ไม่มีแม้แต่จะตรงกับพระธรรม ทั้งของพระศาสดา หรือของพระอรหันต์ มีแต่จะปฎิรูปธรรม แสดงความหลงออกมาก็เท่านั้น

 

ยังเฝ้าดูตลอดค่ะ
หากขาดสติ ก็จะเกิดอาการหมุนจนเวียนหัว
และรู้สึกสงบจากภายในมาก

 

ผมหวังว่าคุณยังคงจำได้นะครับ

หัดจิตอย่างเดียว พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต<!-- google_ad_section_end -->
<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 336x280 */google_ad_slot = "0551074580";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT>
หัดจิตอย่างเดียว


พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต


นิตยสารธรรมจักษุ ปีที่ ๘๒ ฉบับที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๔๐


ผู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์วินัยมาก มีอุบายมากเป็นปริยายกว้างขวาง ครั้นมาปฏิบัติทางจิต จิตไม่ค่อยจะรวมง่าย ฉะนั้น ต้องให้เข้าใจว่า ความรู้ที่ได้ศึกษามาแล้ว ต้องเก็บใส่ตู้ใส่หีบไว้เสียก่อน ต้องมาหัดผู้รู้ คือ จิตนี้ หัดสติให้เป็นมหาสติ หัดปัญญาให้เป็นมหาปัญญา กำหนดรู้เท่ามหาสมมติ-มหานิยม อันเอาออกไปตั้งไว้ว่า อันนั้นเป็นอันนั้น เป็นวันคืนเดือนปี เป็นดินฟ้าอากาศกลางหาว ดาวนักขัตตฤกษ์ สารพัดสิ่งทั้งปวง อันเจ้าสังขารคืออาการจิต หากออกไปตั้งไว้บัญญัติไว้ ว่าเขาเป็นนั่นเป็นนี่ จนรู้เท่าแล้ว เรียกว่า กำหนดรู้ทุกข์ สมุทัย เมื่อทำให้มาก เจริญให้มาก รู้เท่าเอาทันแล้ว จิตก็จะรวมลงได้ เมื่อกำหนดอยู่ก็ชื่อว่าเจริญมรรค หากมรรคพอแล้ว นิโรธก็ไม่ต้องกล่าวถึง หากจะปรากฏชัดแก่ผู้ปฏิบัติเอง เพราะศีลก็มีอยู่ สมาธิก็มีอยู่ ปัญญาก็มีอยู่ในกาย วาจา จิตนี้ ที่เรียกว่า อกาลิโก ของมีอยู่ทุกเมื่อ โอปนยิโก เมื่อผู้ปฏิบัติมาพิจารณาของที่มีอยู่ ปจฺจตฺตํ จึงจะรู้เฉพาะตัว คือมาพิจารณากายอันนี้ให้เป็นของอสุภะ เปื่อยเน่า แตกพังลงไป ตามสภาพความจริงของ ภูตธาตุ ปุพฺเพสุ ภูเตสุ ธมฺเมสุ ในธรรมอันมาแต่เก่าก่อน สว่างโร่อยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน ผู้มาปฏิบัติพิจารณาถึงรู้อุปมารูปเปรียบดังนี้


อันบุคคลผู้ทำนา ก็ต้องทำลงไปในแผ่นดิน ลุยตมลุยโคลนตากแดดกรำฝน จึงจะเห็นข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวสุกมาได้ และได้บริโภคดื่มสบาย ก็ล้วนทำมาจากของมีอยู่ทั้งสิ้น ฉันใดผู้ปฏิบัติก็ฉันนั้น เพราะ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็มีอยู่ใน กาย วาจา จิต ของทุกคนฯ


คัดลอกจาก ประตูธรรม http://www.dharma-gateway.com/monk/p.../lp-mun_11.htm

สาธุครับ

 

อนุโมทนาสาธุครับ ควรแล้วที่เจริญอยู่เป็นนิตย์ครับ

สาธุครับ

 

ขอบคุณที่ตอบครับทำให้รู้อะไรเยอะเลยครับ ผมไม่งงหรอกครับแค่รู้สึกปวดตับ

ผมขอกล่าวอย่างนี้ด้วยความเคารพนะครับ

จริงๆหลายๆคนนะ. ที่เค้าแย้งภูมิธรรรมคุณ เตือนก็แล้วยังไงเข้าพบ
อาจารย์ บ้างก็ดีนะครับ อย่างน้อยก็เป็นการตรวจสอบผลการปฏิบัติไปด้วย
ขอบคุณที่รับฟังด้วยเหตุด้วยผลครับ

 

ด้วยความเคารพ ท่านnopkhan..ผมว่าเขาผ่านการปฏิบัติมาไม่น้อย เพียงแต่กำลังจิตที่เขาใช้ หรือเห็น สภาวะธรรม หรือเห็นสติ..
ยังไม่แรงพอจะแยก สถาวะธรรม ที่เกิดกับเขาได้ชัดเจน จึงอธิบายออกมาแบบ ใช้ภาษาของเขาหรืออาจารย์เขาสอนครับ..
อีกอย่างผมว่าเขาติดนิมิตรลูกแก้ว จึงไม่เดินปัญญา..เขาเคยพูดถึงวิปัสสนาว่าต้องไม่คิดเอง ต้องคิดตามที่จิตส่งความรู้ออกมาจึงจะเป็นวิปัสสนา ..เขาไม่รู้จักปัญญาอบรมสมาธิว่าใช้ความคิดพิจราณาธรรมจนจิตสงบเป็นสมาธิได้
เขานั่งดู นั่งอ่านนิมิต ตามที่ความรู้ผุดจากจิตขึ้นมาเองนิมิตรลูกแก้วครับ..หากจะมองว่าเป็นสมาธิอบรมปัญญา..เขาก็ไม่สามารถยกการพิจราณาอะไรมาคุยได้เลย เท่าที่ตามอ่านมา
แต่ถ้าหากเป็น สมาธิอบรมปัญญา หรือปัญญาอบรมสมาธิ ได้จริงๆ..มันจะขาดและรู้ชัด เห็นโทษ เป็นเรื่องๆไปเลยขณะพิจราณาธรรมครับ
อาการต้องไม่หลง หรือเป็นอย่างนี้แน่ นะครับ แค่แสดงความเห็น ผิด-ถูกแย้งกันได้ครับ:'(