-> ตีแผ่ --> สมเด็จวังหน้า + สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

ขอขอบคุณในไมตรีจิตครับท่าน...


แต่ขอภัยที่ไม่สามารถรับพระชัยวัฒน์ที่ท่านจะมอบให้ใว้ได้


บางสิ่ง สำหรับความคิดผมการที่จะรับของจากคนที่ไม่เคยผูกพัน หรือ ไม่รุ้จักมักคุ้นกัน บางคนอาจว่าเราฉกฉวยโอกาสหรือแบบ ภาษาบ้านๆก็เห็นแก่ได้..ไม่ใช่ว่าของที่ท่านให้ไม่ว่าไม่ดีหรืออะไรนะครับ...เพราะสิ่งที่คนให้เราทุกอย่างนั้นดีหมดครับ..เพียงแต่..ตอนนี้อาจผิดเวลาหรือมารยาทแค่นั้นครับ...ผมขอน้อมรับไมตรี ใว้นะที่นี้ครับ เอาใว้โอกาสหน้าละกันครับ...ด้วยความเคารพ.จากใจจริง

 

สาธุ

 

ใครน้อจ้างท่านเป้นที่ปรึกษา
คือซวยแท้น้อ
ยกเมฆเก่งจริงๆ
ด้านศักราช ท่านพูดถูกต้องตรงที่ว่า
ในทางพุทธศานา ยังคงให้ใช้ พ.ศ. ต่อไป เพราะเป็นเรื่องของศาสนา ไม่เกี่ยวกับทางโลก ที่เปลี่ยนมาใช้ ร.ศ.

แต่ด้านตัวเลข
ไม่ว่าจะทางศาสนาหรือทางโลก ในปี พ.ศ.2411 ยังคงใช้เลขไทย คือ ๒๔๑๑
และใช้ต่อๆมาถึง ปี พ.ศ.2485 สมัยจอมพล ป. จึงให้ทางโลกใช้ตัวเลขเป็ยเลขอารบิค
โดยไม่ได้มีการบังคับให้ทางศาสนาใช้เลขอารบิก

สรุป คือ ก่อน 24 พ.ย.2485
ประเทศไทยสื่อสารกันด้วยเลขไทย

ภาษาไทยยุคจอมพลป.พิบูลสงคราม
ภาษาไทยมีวัฒนธรรมในการใช้ภาษาเป็นแบบแผนที่ดีงาม มีการพูด การอ่าน และการเขียนซึ่งมีลักษณะเฉพาะ ภาษาไทยมีวิวัฒนาการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย การใช้ภาษาสมัย จอมพลแปลก พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีในปีพุทธศักราช ๒๔๘๕ มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ตัวหนังสือ ไทยโดยตัดพยัญชนะ ตัวสระที่มีเสียงซ้ำออกโดยมีการประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการปรับปรุงตัวอักษรไทย นอกจากปรับปรุงตัวอักษรแล้วยังได้มีการยกเลิกตัวเลขไทยและนำเลขอารบิกมาใช้แทน โดยมีประกาศราชกิจจานุ เบกสา (ษา) ๒๔ พรึกส จิกายน (พฤศจิกายน) ๒๔๘๕ ว่าทางราชการให้ใช้เลขสากล (เลขอาหรับ) แทนเลขไทย เพื่อความสะดวกในการติดต่อทั่วไป

h ttp://www.culture.go.th/cday/index.php?option=com_content&view=article&id=689%3A2011-03-28-15-16-30&catid=51%3A0704&Itemid=79&limitstart=3

ประเทศไทยเริ่มใช้เลขอารบิค
สมัย จอมพล ป. โดยให้ยกเลิกการใช้เลขไทย เปลี่ยนมาใช้เลขอารบิกแทน ( ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉ. วันที่ 24 พ.ย 2485 )

h ttp://pantip.com/topic/30309750

 

ลัทธิชาตินิยมกับการสร้างไทยให้เป็นอารยประเทศในสมัยจอมพล ป พิบูลสงคราม

พลตรีหลวงพิบูลสงคราม (แปลก ขีตตะสังคะ) ได้รับการสนับสนุนจากคณะราษฎรให้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2481 รัฐบาลนี้มีนโยบายในการบริหารประเทศบนพื้นฐานอุดมการณ์ชาตินิยม มีความพยายามที่จะสร้างวัฒนธรรมใหม่เพื่อสร้างสังคมไทยให้เจริญทัดเทียมกับนานาชาติทางตะวันตก หลวงพิบูลสงครามได้สร้างวัฒนธรรมใหม่ทางการเมืองไทยโดยกำหนดให้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติแทนการใช้วันเฉลิมพระชนมพรรษา, เปลี่ยนชื่อทางการของประเทศจาก “สยาม” เป็น “ไทย”, เลือกเพลงที่ขึ้นต้นว่า “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” เป็นเพลงชาติ, รวมถึงการสร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่กลางถนนราชดำเนิน

ระหว่าง พ.ศ. 2482 – 2485 รัฐบาลได้ประกาศใช้กฎหมายที่เรียกว่า “รัฐนิยม” เพื่อสร้างความเป็นชาตินิยม มีการจัดตั้งสภาวัฒนธรรมขึ้นในปี พ.ศ. 2483 เพื่อรับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับการบำรุงวัฒนธรรม สร้างวัฒนธรรม เช่น การสวมหมวก สวมรองเท้า ผู้หญิงให้ไว้ผมยาว ขอร้องให้เลิกหมากพลู ประกาศยกเลิกบรรดาศักดิ์ ปรับตัวอักษรไทยใหม่ และใช้เลขอารบิกแทนตัวเลขไทย เคารพธงชาติทุกเช้าเวลา 08.00 น.

h ttp://teacher.kjn.ac.th/harinvid/?page_id=40


ดังนั้น
ในปี พ.ศ. ๒๔๑๑
ไม่ว่าทางโลกหรือทางศาสนา ต่างก็ ใช้ เลขไทย
ในการติดต่อสื่อสาร

---------------------

พระของท่าน เก้ 100%

------------------------

 

ดึกแล้ว
พรุ่งนี้ว่ากันใหม่ครับ

 

พี่ Pmorn มาแล้วผมฟังอย่างเดียวดีกว่าครับ คอยดูว่าบางคนจะมโนไปถึงใหนอีก

 

Methodology หรือแปลเป็นไทยว่ากระบวนวิธีการของ จขกท.นั้นใช้การสืบค้นในห้วงประวัติศาสตร์เพื่อหาจุดกำหนดเวลาว่าอะไรเริ่มเมื่อไร กำหนดเมื่อไร แล้วกล่าวว่าถ้าเป็นห้วงเวลาก่อนหน้านั้นเรื่องเหล่านั้นก็จะไม่เกิดขึ้น เช่นอ้างว่า จอมพล ป. กำหนดให้ใช้ตัวเลขอาราบิกหลังจากวันที่ ๒๔ พรึกสจิกายน (พฤศจิกายน) ๒๔๘๕ แล้วก่อนหน้านั้นจะไม่มีการใช้เลขอาราบิก วิธีการอนุมานผลเอาแบบนี้จะถูกก็ได้ จะผิดก็ได้ ขึ้นอยู่กับเรื่องที่กำหนดนั้นเป็นของเด็ดขาดหรือไม่

เรื่องที่เด็ดขาดเช่นเรื่องคนเกิด คนตาย ยกตัวอย่างเช่นนายพะมอน เกิดวันที่ ๒๔ พ.ย. ๒๔๘๕ แล้ว ดังนั้นก่อนหน้าวันที่ ๒๔ พ.ย. ๒๔๘๕ ก็สรุปได้ว่าไม่มีนายพะมอน หรือถ้าเป็นเรื่องความตาย เช่นนายพะมอนตายวันที่ ๒๗ ม.ค. ๒๕๕๘ ดังนั้นสรุปได้ว่าหลังจากวันที่ ๒๗ ม.ค. ๒๕๕๘ ก็จะไม่มีนายพะมอน แบบนี้สรุปได้เด็ดขาดศาลรับฟังเพราะว่าเป็นความจริงแท้ตามเงื่อนเวลา

แต่ถ้าบอกว่าจอมพล ป. ออกกฏหมายว่าให้ใช้เลขอาราบิกหลังวันที่ ๒๔ พรึกสจิกายน (พฤศจิกายน) ๒๔๘๕ แล้วไม่ได้หมายความว่าก่อนหน้านั้นไม่มีการใช้เลขอาราบิก เพราะเรื่องมันไม่เด็ดขาด จอมพล ป.จะไปสั่งอะไรย้อนหลังได้ หรือหลังจากนั้นก็ต้องมีคนแอบใช้เลขไทยอยู่ดี เช่นโหรก็คงลงดวงด้วยเลขไทยเหมือนเดิม

ในกระทู้ที่อ้างอิงมาจากพันทิบ
เลขอารบิก เริ่มใช้ในไทยตั้งแต่ช่วงไหนครับ - Pantip
ก็เห็นคนโพสว่ามีการใช้เลขอาราบิกตั้งแต่สมัยอยุธยา เลขอาราบิกนั้นเขียนง่ายอ่านง่ายใช้สะดวก จนปัจจุบันคนไม่นิยมใช้เลขไทยมีแต่หนังสือราชการเท่านั้นที่กำหนดให้ใช้เลขไทยตามระเบียบวิธีการด้านงานสารบรรณ

 

ผมทำ Consults ให้กับบริษัท ปตท. SCG, IZUSU, LOXLEY ฯลฯ ภาคราชการก็มี กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงพานิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ และล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข ถ้าคุณคิดว่าบริษัทพวกนั้นซวย คุณก็ซวยไปด้วยล่ะครับ

 

เข้ามาฟังนิทานต่อนะครับ แปลกนะครับยิ่งเล่าคนยิ่งไม่เชื่อ

 

เห็นยกเรื่องคนมา สำหรับผมมี 5 จำพวกครับ
1. มนุสสเนรยิโก มนุษย์สัตว์นรก ได้แก่ มนุษย์ผู้ดุร้าย หยาบคาย ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจี้ปล้นเอาทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยฆ่าเจ้าทรัพย์ตายบ้าง ทุบตีจนบาดเจ็บสาหัสบ้าง ข่มขืนแล้วฆ่าบ้าง เบียดเบียนผู้อื่นสัตว์อื่นทรมานผู้อื่นสัตว์อื่น เป็นคนไร้ศีลธรรม ไม่มีมนุษยธรรมคือศีล 5 ประจำตัวเลย นามว่า มนุสสเนรยิโก แปลว่า มนุษย์สตว์นรกคือเป็นมนุษย์แต่ชื่อ ส่วนความประพฤติทางกาย วาจา ใจนั้นเลวทราม ดุร้ายหยาบคายเหมือนสัตว์นรกฉะนั้น

2. มนุสสเปโต มนุษย์เปรต ได้แก่ มนุษย์ผู้มากไปด้วยความโลภ มากไปด้วยตัณหา ชอบลักเล็กขโมยน้อยโลภเอาของผู้อื่นมาเป็นของตน แย่งชิงวิ่งราวเป็นต้น แม้พวกที่เที่ยวขอทาน ก็สงเคราะห์เข้าในประเภทนี้ด้วย

3. มนุสสติรัจฉาโน มนุษย์สัตว์เดรัจฉาน ได้แก่ มนุษย์ทีขวางศีลขวางธรรม มีโมหะคือความหลงมาก ไม่รู้จักบาป ไม่รู้จักบุญ ไม่รู้จักคุณ ไม่รู้จักโทษ ไม่รู้จักประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณ เช่น บิดามารดา ครูบาอาจารย์ เป็นต้น เป็นมนุษย์ผู้ไรศีลธรรม ดืมสุรา เสพยาบ้า กินกัญชา ทำอะไรทางกาย วาจา ใจ ก็ขวางๆผิดทำนองคลองธรรม นามว่า มนุสสติรัจฉาโน แปลว่ามนุษย์สัตว์เดรัจฉาน เดรัจฉาน แปลว่า ผู้ไปขวาง
คือเดินทอดตัว ไม่ได้เดินตั้งตัวเหมือนคน คนเดรัจฉานก็ฉันนั้น ทำอะไรก็ขวางธรรม ขวางวินัย คือขาดศีลธรรมเสมอๆ

4. มนุสสภูโต มนุษย์แท้ๆ คือเป็นคนเต็มตัว ได้แก่คนรักษาศีล 5 มั่นเป็นนิตย์ไม่ขาด ไม่ประมาทต่อศีลเพราะศีลเป็นมนุษยธรรม คือเป็นธรรมประจำมนุษย์ ธรรมที่ทำให้คนเป็นคน มนุสสภูโต แปลว่ามนุษย์แท้ๆ เพราะมีคุณธรรมของคนคือศีล ศีล ท่านแปลว่า เศียร คือ หัว ถ้าคนขาดศีล ก็คือคนหัวขาดนันเอง เพราะขาดจากคุณธรรมของความเป็นคน

5. มนุสสเทโว มนุษย์เทวดา ได้แก่มนุษย์ผู้มีศีล 5 มั่นเป็นนิตย์ แล้วยังได้พยายามบำเพ็ญกุศลเพิ่มพูนบารมีอยู่เรื่อยๆ เช่น ให้ทาน ฟังธรรม เรียนธรรม ปฏิบัติธรรม ไหว้พระสวดมนต์ มีหิริคือความละอายต่อบาป มีโอตตัปปะ คือความสดุ้งกลัวต่อผลแห่งบาปอยู่เสมอ เรียกว่าเป็นผู้มีใจสูงดุจเทวดา เพราะประกอบด้วยเทวธรรม 7 ประการคือ

-บำรงเลี้ยงมารดาบิดา
-ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อบุคคลผู้เจริญ
-พูดจาไพเราะเสนาะหู อ่อนหวาน นุ่มนวล
- ไม่พูดส่อเสียดผู้อื่น
- ละความตระหนี่เหนียวแน่น
- รักษาคำสัตย์
- ไม่โกรธ
มนุษย์ที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ ท่านขนานนามว่า มนุสสเทโว แปลว่า มนุษย์เทวดา

พวกที่เจอบ่อย คือ 3. มนุสสติรัจฉาโน คนพวกนี้ไม่เกรงกลัวบาปกรรม เป็นพวกหลงพวกโลภ โกหกเจ้อเจ้อ อ้างพระอ้างเจ้า คนพวกนี้ถ้าใครเจอต้องหนีให้ไกลนะครับ

 

ขอบคุณครับที่นำธรรมะมาเผยแผ่
ผมเป็นมนุสสโพธิสัตว์โตครับ นอกตำรานิดหน่อยแต่ยอมรับได้ (f)

 

พูดถึงเรื่อง ปวเรศ ยังไม่หายสงสัยอีกหรือ?
ผมยกเอาข่าวพระราชสำนักมาให้ฟังแล้ว เนื้อข่าวก็พูดชัดเจนว่า สมเด็จพระปิ่นเกล้ามีชื่อเรียกกันในหมู่พระบรมวงค์ศานุวงค์ว่า "สมเด็จพระปวเรศ"

ข่าวในพระราชสำนักนั้น ทั้งเนื้อหาและภาพทั้งหมดจัดทำโดยสำนักพระราชวังซึ่งสำนักพระราชวังมีทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ มีทั้งข้อมูลเกี่ยวข้องกับองค์พระมหากษัตริย์ จดหมายเหตุต่างๆ พระราชกรณียกิจต่างๆเก็บมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ซึ่งท่านได้ตั้งโรงพิมพ์สิทธิการซึ่งตีพิมพ์พระราชกิจจานุเบกษาเป็นครั้งแรกของไทย (สมัยก่อนเขียนบันทึกไว้ในสมุดไทยแล้วเก็บไว้เป็นจดหมายเหตุ)

เรื่อง เจ้าฟ้าน้อย เจ้าฟ้าใหญ่ ก็เป็นชื่อเรียกตามถานันดรศักดิ์ของทั้งสองพระองคืคือประปิ่นเกล้า และพระจอมเกล้าซึ่งเป็นน้องพี่กัน อธิบายแบบนี้ยังไม่เคลียร์อีกหรือ?

ผมมีหลักฐานอีกอย่างเดี๋ยวหาก่อน...


ปล. เล่นบอร์ดครั้งนี้เหมือนเป็นข้ารับใช้พวกปทปรมะยังไงก็ไม่รู้ว้อย หุหุ :'(

เอาล่ะคิดเสียว่ายังมีพวกที่เป็นเนยยะขึ้นไปอีกมากที่จะเข้ามาอ่านภายหลัง บางคนอาจค้นกูเกิ้ลพบแล้วจะได้มีข้อมูลอีกด้าน

 

สาธุ... สาธุ... สาธุ.. ครับ

 

คราวนี้จะนำเสนอ "พระธาตุพนมจำลอง" ในวังหน้าซึ่งรูปนี้ผมได้มาจากหนังสือ "นำชมกรุงรัตนโกสินทร์" เป็นสมุดภาพสถาปัตยกรรมกรุงรัตนโกสินทร์คณะกรรมการการจัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสิน 200 ปี
จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสิน 200 ปี
พุทธศักราช 2525

รูปแรกเป็นรูปหน้าปกหนังสือเล่มนี้
รูปที่สองเป็นหน้าสารบัญ โปรดมองหา วัดบวรสถานสุทธาวาส หน้า 125 ซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของวัดพระแก้ววังหน้า
รูปที่สามเป็นรูปภาพพระอุโบสถ ด้านขวาจะเห็นรูปพระธาตุพนมจำลอง
รูปที่สี่เป็นรูปซูมไปว่าใต้รูปเขียนไว้ว่าอะไร ปรากฏว่าเขียนว่า

"พระอุโบสถวัดบวรสถานสุธาวาสด้านทิศเหนือ ตามลักษณะที่ปรากฏในสมัยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพ ทางด้านขวาของภาพจะมองเห็นเจดีย์พระธาตุพนมจำลองที่ทรงโปรดให้ถ่ายแบบสร้างไว้


Ubosot, Wat Bowonsathan Sutthawat in the time of the Prince of the Palace to the Front Maha Sakphonlasep.
On the right of the picture appears the imitation of Phratat Phanom."

ชัดไหมครับ หนังสือมี คนพิมพ์หนังสือเป็นคณะกรรมการในคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี จบไหมครับว่าพระธาตุพนมวังหน้ามีจริง

 

แปลว่าท่านไม่ได้อ่านกระทู้ผม ทุกหน้า

รูปของท่าน คือใช้โปรแกม ตัดต่อภาพ ครับ
ภาพต้นฉบับก็คือ คำตอบข้างบน

-----------------------------------

ภาพ ต้นฉบับ



-----------------------------------

ภาพแต่ง ด้วยโปรแกม กราฟฟิค



----------------------------------​

 

รูปพระะธาตุพนม ยังไม่จบหรือครับ

ท่านอาจจะเก่งกาจให้คำปรึกษาด้านอื่น
แต่ด้านพระเครื่อง งมงาย

 

เอาใหม่

 

ท่าน pmorn แน่ใจนะว่าข้อมูลของท่านถูก



ตอนนี้หนังสือเล่มนี้ผมไม่มี ผมหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตมาให้ก่อน แต่รู้ว่าที่กรมศิลปฯมีขายเล่มละ 300 บาท พรุ่งนี้จะไปซื้อมาเลยว่าในเล่มรูปเป็นเช่นไร

อีกอย่างเรื่องเลขอาราบิกยืนยันไหมว่าก่อนยุคจอมพล ป.ไม่มีการใช้เลขอาราบิกในระบบราชการ ถามย้ำอีกที

 

pmorn รีบค้นเร็วๆนะ ผมรู้ว่าค้นข้อมูลอยู่รอคำตอบท่านคนเดียวนะเนี่ย เรื่องเลขอาราบิกเนี่ย

ส่วนเรื่องพระธาตุพนมจำลองผมจะไปซื้อหนังสือเล่มจริงที่กรมศิลป์มาให้ดูเลย รอพรุ่งนี้
เรื่องที่ท่านสรุปว่าเป็นรูปตัดต่ออันนี้ผมรับไว้พิจารณา เพราะว่ามีความเป็นไปได้รู้ผลจริงพรุ่งนี้