ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    IMG_8129.JPG
    คลื่นความร้อนของออสเตรเลียคาดว่าจะดำเนินต่อไปในสัปดาห์หน้าด้วยอุณหภูมิบันทึกที่ 50.7 ° C (124 องศา F) ภายใต้การคุกคาม


    บางส่วนของรัสเซียลดลงถึง -60 ° C ในวันเสาร์ที่ ....


    ทางหลวงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทัศนวิสัย (การมองเห็น)ใกล้เป็นศูนย์และคลื่นความเย็นที่หนาวเหน็บถึงกระดูก กระทบส่วนหนึ่งของแคนาดา


    อุณหภูมิจะลดลงถึง - 40 องศา... (-40 องศาเซลเซียส) ในสหรัฐอเมริกา


    Australian heatwave expected to continue next week with record temp of 50.7 °C (124 deg F) under threat.


    Parts of Russia plunged towards -60 °C on Saturday -76 deg F


    Snow-covered highways, near-zero visibility and a bone-chilling cold wave hits part of Canada


    Temperatures to plummet to - 40 degrees Fahrenheit (-40 deg C) in the U.S.


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk


    การระบาดของกระแสน้ำสีแดง (red tide outbreak) ฟลอริดาใกล้ถึง 16 เดือน ได้ฆ่าเต่าทะเลมากกว่าเหตุการณ์น้ำสีแดงในครั้งก่อน ๆ ที่บันทึกไว้และการตายของพะยูนก็อยู่ไม่ไกลนัก มันเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่และน่าเศร้าที่สุดของ The Big Wobble ในช่วงหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา


    A Florida red tide outbreak close to 16 months old has killed more sea turtles than any previous single red tide event on record, and manatee deaths are not far behind. It has been one of The Big Wobble's biggest and most tragic stories of the last one and a half years.


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk


    พบนกหลายพันตัวตายในพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลียตะวันตก: Heatwave และสาหร่ายมีส่วนเกี่ยวข้องสูง


    Thousands of birds found dead at one of Western Australia's most important inland wetlands: Heatwave and algae bloom responsible


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk


    22 วันในปี 2562 และเหตุการณ์สภาพอากาศภัยพิบัตินำสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนเป็นปีที่มีความร้อนที่รุนแรงหนาวและหิมะทำลายสถิติข้ามโลก น่สตกใจ ที่ทำให้สัตว์ตายไม่หยุด


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    J Lynn Cole

    เฝ้าระวังสึนามิ

    แผ่นดินไหว ขนาด 6. 7-ภูมิภาค หมู่เกาะ prince edward - วันพุธที่ 23 มกราคม 2562 เวลา 02:01:44 น. (ไทย)

    IMG_8131.JPG IMG_8132.JPG
    ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.volcanodiscovery.com/earthquakes/quake-info/2225233/info.html

    ผ่านแอพภูเขาไฟและแอพพลิเคชั่น -


    HEADS UP FOR A TSUNAMI


    Earthquake M6.7 - Prince Edward Islands Region - Tue, 22 Jan 2019 19:01:44 UTC (14:01 EST) - 17 minutes ago

    more info: https://www.volcanodiscovery.com/earthquakes/quake-info/2225233/info.html

    via Volcanoes & Erthquakes App - https://play.google.com/store/apps/details?id=com.volcanodiscovery.volcanodiscovery


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แดง วงศ์ทวิชาติ

    IMG_8134.JPG
    22 Jan 2019

    #yellostone #SuperVonacno #eruptionvolcano

    #ถ้าเยลโลว์สโตนดังสนั่นฉันควรไปที่ไหน..!!!

    #อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง..?

    #ทำไมฉันถึงต้องเป็นกังวลในตอนนี้...?

    วันที่: 20 มกราคม 2562ผู้แต่ง: รายงานใหม่

    คุณรู้หรือไม่ว่า Yellowstone supervolcano สามารถปะทุในเวลาใดก็ได้ที่ทำให้เกิดความตายถูกทำลายความโกลาหลและอาจถึงฤดูหนาวนิวเคลียร์ที่สามารถกำจัดประชากรโลกจำนวนมากได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณจะไปไหน

    โดยShepard Ambellas -16 มกราคม 2019

    Have คุณเคยสงสัยว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเยลโลว์สโตน supervolcano อื้อ?

    ลองคิดดู คุณจะทำอย่างไร คุณจะไปไหน?

    ครอบครัวของคุณพร้อมหรือยัง?

    สัตว์เลี้ยงของคุณล่ะ


    Scientist are closely monitoring 465 mile long piece of Magma Under Yellowstone that Is Rising




    SCIENTISTS are closely monitoring a 465-mile-long piece of molten rock rising below the Yellowstone caldera, a bombshell documentary has revealed.


    Learn More: https://apnews.com/33e12cf640a6408bb1...


    ภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ที่โพสต์ลงในช่องTeam Life Hack Youtube เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเรื่องการระเบิดของภูเขาไฟเยลโลว์สโตน เผยให้เห็นถึงความเป็นจริงที่สะเพร่าว่าชาวอเมริกัน. ที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้จริงๆสำหรับเหตุการณ์เช่นนี้โปรดจำไว้ว่าถ้าเยลโลว์สโตนต้องปะทุการระเบิดครั้งใหญ่จะนับเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ครั้งที่สี่. ตลอดประวัติศาสตร์โลก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการปะทุครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 640,000 ปีก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสมรภูมิแคลดีรานั้นค่อนข้างเกินกำหนดสำหรับอีกปีหนึ่ง


    ดังที่ฉันได้รายงานไปแล้วในอดีต สัญญาระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯกับรัฐบาลอื่น ๆ ของโลก เพื่อสร้างพลเมืองที่พลัดถิ่นมีอยู่แล้วและมีมูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์.


    ท้ายที่สุดแล้วทำไมรัฐบาลสหรัฐฯจึงเรียกร้องและจ่ายเงินให้กับประเทศอื่น ๆ หลายสิบพันล้านดอลลาร์ต่อปีตลอดทั้งทศวรรษเพื่อเป็นบ้านของผู้พลัดถิ่นของสหรัฐฯโดยเฉพาะในช่วงระหว่างปี 2557 ถึง 2567 เว้นแต่เจ้าหน้าที่ทราบแน่ชัดว่าภัยพิบัติสำคัญบางประเภท

    เหตุการณ์ระดับ การสูญพันธุ์กำลังจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาสิบปีนั้นหรือไม่ คุณเห็นไหม....? ภายในตัวของมันเองแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่มีแนวโน้มที่จะรู้มากขึ้นแล้ว. พวกเขากำลังบอกกับประชาชนทั่วไปในเวลานี้ และคำถามก็ยังคงอยู่: รัฐบาลสหรัฐจะเตือนประชาชนทั่วไปล่วงหน้าหรือไม่..?

    ถ้าเป็นเช่นนั้นพลเมืองจะได้รับคำเตือนล่วงหน้ากี่เดือนสัปดาห์วันชั่วโมงหรือนาที คำเตือนจะใช้งานได้. หรือคำเตือนจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายมากขึ้นหรือไม่..?


    หากเกิดการปะทุเกิดขึ้นจำนวนขี้เถ้าที่ไม่น่าเชื่อจะกินที่ดินซึ่งอาจทำให้เกิดสถานการณ์นิวเคลียร์ในฤดูหนาว. และทำให้ยากมากหากไม่สามารถปลูกพืชได้. และในที่สุดจะทำให้สูญเสียทั้งมนุษย์และสัตว์ ตลาดหุ้นจะพังและเงินก็จะไร้ค่าหลายร้อยหลายพันคนอาจจะตาย. ในขณะที่การคาดการณ์โดยDeagel รายงาน


    “ ในเวลาน้อยกว่าสิบนาทีหลังจากเกิดการระเบิดรัฐมอนแท

    นาไอดาโฮและไวโอมิง” จะต้อง“ เช็ดออกจากแผนที่” ผู้บรรยายของภาพยนตร์อธิบาย “ การระเบิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั้นจะใหญ่กว่าการระเบิดของภูเขาไฟประมาณสิบเท่าSt. Hellens การระเบิดเทียบเท่ากับ ระเบิดนิวเคลียร์ฮิโรชิม่าสิบห้าร้อย”


    หนึ่งพันไมล์ของสหรัฐอเมริกาจะถูกปกคลุมด้วยเถ้าสิบฟุตซึ่งจะทำให้ 70% ของประเทศอยู่ไม่ได้ และทำให้อากาศไม่เอื้ออำนวย เครื่องบินจะยังคงมีสายดินและเครื่องยนต์สันดาปภายในส่วนใหญ่จะไม่ทำงาน


    ที่เกี่ยวข้อง:

    USGS เตือนการปล่อยก๊าซพิษในอุทยานแห่งชาติ


    แม้ว่าวิดีโอแนะนำว่าชาวอเมริกันจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกหากผู้บังคับบัญชากำลังจะระเบิดมุ่งหน้าลงใต้ไปยังเม็กซิโก หรืออาจไปทางเหนือสู่แคนาดาอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการเพิ่มโอกาสในการเอาชีวิตรอดของคุณ คำถามคือ: ถ้าและเมื่อถึงเวลาเม็กซิโกและแคนาดาจะเปิดประตูให้ชาวอเมริกันได้หรือไม่


    ภาพต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่า fallout จาก caldera จะปกคลุมสหรัฐอเมริกาได้อย่างไร


    Team Life Hack / YouTube

    หากมีการปะทุครั้งใหญ่เกิดขึ้นสิ่งใดก็ตามที่อาศัยอยู่ในโซน 1, 2, 3 น่าจะตายอย่างรวดเร็ว การตกลงมาในโซน 4 จะทำให้มนุษย์และสัตว์รอดชีวิตได้ยาก ผู้คนและสัตว์ในโซน 5 และ 6 อาจมีโอกาสต่อสู้ถ้าพวกเขาทำอย่างรวดเร็วก่อนที่ปอดของพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นซีเมนต์จากการเข้าไปในเถ้ามาก


    https://nworeport.me/2019/01/20/if-...what-will-happen-why-should-i-be-worried-now/

    Cr.คุณมาร์...


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    E903D41E-D201-4801-8346-435BACD715D8.jpeg

    แผ่นดินไหว ขนาด :3.2

    วัน-เวลา *ประเทศไทย :

    2019-01-22 23:00:50

    2019-01-22 16:00:50 UTC

    Latitude degrees :18.97°N

    Longitude degrees :99.03°E

    ลึก : 2 km.

    Phase : 19

    บริเวณศูนย์กลาง :อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

    http://www.earthquake.tmd.go.th/inside-info.html?earthquake=5505
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #ข่าวภัยพิบัติ

    น้ำตกไนแองการาเมื่อมองจากฝั่งแคนาดาในออนแทรีโอแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของภาวะเยือกแข็งในช่วงที่อากาศหนาวจัด

    ภาพ 21 ม.ค. 2019

    เครดิต ;ABC NEWS

    #Watchers


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers



    #ข่าวภัยพิบัติ

    22/01/19

    อาคารและรถยนต์ที่เหลืออยู่ในน้ำแข็งหลังจากนักดับเพลิงฟิลาเดลเฟียต่อสู้กับไฟที่ลุกโชนในสภาพอากาศเย็นจัด (งงไหม)


    วันนี้นักดับเพลิงทำงานท่ามกลางความหนาวเหน็บ มีสัณญาณเตือนภัยไฟไหม้ดังถึง 3 ครั้ง Queens, New York


    อุณหภูมินั้นหนาวแบบโหดร้ายบนชายฝั่งตะวันออก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีลมหนาวจัด -30 องศาในอัลบานี ,-17 ในนิวยอร์กซิตี้ ,-16 ในบอสตัน ,-10 ในฟิลาเดลเฟีย

    Cr: ABC NEWS

    #Watchers
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers





    หิมะวันนี้ใน #ปารีส #ฝรั่งเศส 22/01/2019

    #Paris #Fr
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #Volcano #Agung

    // ภูเขาไฟอากุงใน อินโดนีเซียกำลังปะทุขึ้น //

    22/01/19

    ภูเขาไฟอากุงภูเขาไฟตั้งอยู่บนเกาะบาหลีในอินโดนีเซียและในช่วงสายวันนี้ที่ผ่านมาศูนย์ภูเขาไฟและการบรรเทาความเสี่ยงด้านธรณีวิทยาในอินโดนีเซียได้รายงานว่ามีการปะทุขึ้น


    กิจกรรมภูเขาไฟใช้เวลา 1 นาทีและ 12 วินาที ทำให้สภาพอากาศปิด ที่มีเมฆปกคลุมทำให้หอสังเกตการณ์ไม่สามารถวัดปริมาณเถ้าร้อนที่ถูกพ่นทิ้งในระหว่างการปะทุ

    ศูนย์จัดตั้งค่าเตือนภูเขาไฟระดับ 3 ของระบบเตือนภัย 4 ระดับและเตือนว่าผู้คนควรย้ายออกจากเขตอันตรายภายในรัศมีสี่กิโลเมตรจากปากปล่องภูเขาไฟ

    #Warchers


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #ข่าวภัยพิบัติ

    // หิมะทำให้หอไอเฟลต้องปิด //

    22/01/19


    ทางตอนเหนือของฝรั่งเศสมีปัญหาการจราจรเนื่องจากมีหิมะตกตั้งแต่เช้าวันอังคาร


    รถเมล์มากกว่าหนึ่งร้อยสายในเมืองถูกระงับการบริการและหอไอเฟลถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้า #Paris #France

    Vía @transdocnoticia #Watchers


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #Volcano

    22/01/19

    กิจกรรม การระเบิด ของภูเขาไฟแห่งไฟ #VolcanDeFuego ใน ประเทศกัวเตมาลา #Guatemala เมื่อชั่วโมงที่แล้ว (~22:00)

    การระเบิด 15 ถึง 25 ครั้งจะถูกบันทึกได้

    จากการปะทุแบบเบา ถึง การระเบิดรุนแรง


    เขม่าเถ้าที่ พ่นออกมาสูง 4800 เมตร เสียงดังก้อง และ พ่นเมฆภูเขาไฟเป็นเขม่าและสะเก็ดหินไปทั่วจากความสูง 100 ถึง 300 เมตร

    ผ่านทาง @ConredGuatemala

    #Watchers


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คุ้มค่ากับการถามคือความร้อนของออสเตรเลียจะเป็นอย่างไรใน 10 ปี? 20 ปีละหรอ


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คิดว่าวันที่ 30 มกราคม จะได้ประชุมหารือหรือ ทรัมป์ ยัง shut down อยู่

    นักวิทยาศาสตร์เรียกประชุมอย่างเร่งด่วนหลังจากการเปลี่ยนแปลงในสนามแม่เหล็กของโลก โดย Kike วันที่ 22 มกราคม 2019

    IMG_8137.JPG
    นักวิทยาศาสตร์เรียกประชุมอย่างเร่งด่วนหลังจากการเปลี่ยนแปลงในสนามแม่เหล็กของโลก


    มีบางอย่างแปลก ๆ เกิดขึ้นในทางเหนือของโลกและนักธรณีวิทยาไม่สามารถเดาได้ว่ามันคืออะไร สิ่งที่อย่างน้อยที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อระบบนำทางของโลกทั้งโลกและทำให้จำเป็นต้องมี "การแทรกแซงอย่างเร่งด่วน" ของผู้เชี่ยวชาญในด้าน geomagnetism การทบทวนเบื้องต้น


    ความจริงก็คือขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กยังคงเคลื่อนที่ตามเหล็กเหลวและในการหมุนแกนของดาวเคราะห์ ในขณะนี้ตามที่ตีพิมพ์ในธรรมชาติในสัปดาห์นี้ขั้วโลกเหนือแม่เหล็กกำลังเคลื่อนตัวออกห่างจากแคนาดาไปสู่ไซบีเรียและดำเนินการอย่างรวดเร็วจนผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในด้าน geomagnetism ถูกบังคับให้ทำแบบไม่เป็นทางการ .


    ในความเป็นจริงวันอังคารที่ 15 มกราคมนี้ล่วงหน้าสองปีก่อนการประชุมผู้เชี่ยวชาญได้มีการประชุมเพื่อปรับปรุง Global Magnetic Model อย่างเร่งด่วนซึ่งจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ของสนามแม่เหล็กและเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับระบบในการทำงาน การนำทางจากผู้ที่นำทางเรือในทะเลหลวงไปยังเส้นทางของเครื่องบินหรือแผนที่ Google ที่เราดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือ


    อย่างไรก็ตามการประชุมจะต้องถูกเลื่อนออกไปจนถึงวันที่ 30 มกราคมเนื่องจากการเป็นอัมพาตของการบริหารของทรัมป์ในปัจจุบัน


    https://www.climaseveromundial.com/2019/01/cientificos-convocan-reunion-urgente.html?m=1


    Científicos convocan a reunión urgente tras alteraciones en el campo magnético de la Tierra. Kike enero 22, 2019


    Científicos convocan a reunión urgente tras alteraciones en el campo magnético de la Tierra.


    Algo muy extraño está sucediendo en el extremo norte de la Tierra, y los geólogos no aciertan a adivinar de qué se trata. Algo que, como mínimo, afectará a los sistemas de navegación del mundo entero y que ha hecho necesaria una “intervención urgente” de los expertos en geomagnetismo, reseña ABC.


    Lo cierto es que el Polo Norte magnético se sigue moviendo, impulsado por el hierro líquido y en rotación del núcleo del planeta, y lo hace cada vez más deprisa. En estos momentos, según se publica esta misma semana en Nature, el Polo Norte magnético se está alejando de Canadá, en dirección a Siberia, y lo hace tan rápidamente que los expertos mundiales en geomagnetismo se han visto obligados a actuar de una forma poco convencional.


    Para este martes 15 de enero, en efecto, dos años antes de lo previsto, estaba convocada una reunión de expertos para actualizar de urgencia el Modelo Magnético Mundial, que describe con detalle la situación del campo magnético y resulta imprescindible para que funcionen los sistemas de navegación, desde los que dirigen a los barcos en alta mar hasta las rutas de los aviones o los mapas de Google que llevamos en el teléfono móvil.


    La reunión, sin embargo, ha tenido que ser pospuesta hasta el próximo 30 de enero debido a la actual parálisis de la administración Trump.


    https://www.climaseveromundial.com/2019/01/cientificos-convocan-reunion-urgente.html?m=1
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    23 ม.ค.2557 ระวังปรากฏการณ์โพล่าโค ไทยจะมีหิมะ
    วันนี้ในอดีต : 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา
    adjga5ib878ca5aagh6g5.jpg
    จำได้มั้ย ไทยเราเคยเกือบเจอ ปรากฏการณ์ "หนาวสองชั้นอากาศ" คืออากาศเย็นจากขั้วโลกเหนือ และลมแรงกระทบพื้นที่สูงมากผิดปกติ !
    สำหรับคนไทยอีกจำนวนมาก เชื่อได้เลยว่าเมือ่ได้ยินว่าเมืองไทยจะมีหิมะ จะรู้สึกดีอกดีใจว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้สัมผัสช่วงชีวิตในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งสีขาวโพลนกันบ้าง

    แต่สำหรับ ผู้ชี่ยวชาญตัวจริงอย่าง สมิทธฺ ธรรมสโรช บอกเลยไม่ขำ!

    คงจำกันได้ช่วงวันนี้เมื่อ 5 ปีก่อน หรือตรงกับวันที่ 23 มกราคม 2557 กระแสข่าวที่ทำเอาคนไทยฮือฮาก็คือข่าวที่ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิภัยพิบัติแห่งชาติ ออกมาเผยว่า สถานการณ์ภัยหนาวปีนี้รุนแรงกว่าทุกปี เกิดจากโพล่าโคหรือโพล่าคูล (polacool)



    7ahe8jgcfa89ic86gca5g.jpg



    โดยระบุว่า ความหนาวเย็นจากขั้วโลกเหนือ ยกตัวดันพรวดขึ้นมาปกคลุมทั่วโลก ทำให้หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยหนาวเย็น ซึ่งอากาศหนาวนี้ยังเกี่ยวข้องกับสภาวะโลกร้อน ปรากฎการณ์เอลนินโญ่และการเปลี่ยนทิศทางของกระแสน้ำอุ่น ทำให้ภาคอีสานและภาคเหนือเกิดอากาศหนาว

    โดยประเทศไทยเกิดสภาพอากาศหนาวแบบที่เรียกว่า “หนาวสองชั้นอากาศ” คืออากาศเย็นจากขั้วโลกเหนือ และลมแรงกระทบพื้นที่สูงมากผิดปกติ ส่งผลให้ลมหนาวลงมาถึงภาคใต้ตอนบน บางจุดของประเทศไทยหนาวมากถึงขั้นติดลบ เกือบจะเกิดหิมะตก เช่น ภูกระดึง ยอดดอยต่างๆ

    และกับประโยคที่ว่า “ถ้าช่วงนี้มีลมมรสุมเข้ามาจากอ่าวเบงกอลเข้ามาทางพม่า ประเทศไทยจะมีหิมะตกทันที” ทำเอาชาวบ้านร้านตลาดร้องว้าว!

    แต่มันไม่ขำ!!! เพราะ ประธานกรรมการมูลนิธิภัยพิบัติแห่งชาติ ชี้ในท่วงทำนองที่ว่าสิ่งนี้มันหมายถึงความไม่ปกติของสภาวะอากาศ

    6gbjkfbgk8fadkggf8h9g.jpg

    ภาพโดย กอบภัค พรหมเรขา ศูนย์ภาพเนชั่น

    โดยปรากฎการณ์โพล่าโค (polacool) คือความหนาวเย็นจากขั้วโลกเหนือยกตัวดันพรวดเข้ามาปกคลุมทั่วโลกเผชิญความหนาวจนมาถึงมาไทยที่บริเวณเส้นศูนย์สูตรซึ่งตอนนี้เกิดสภาวะโลกร้อนหรือปรากฏเอลนีโญที่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกแล้วเกิดจากกระแสน้ำอุ่นเปลี่ยนเส้นทางจากฝั่งตะวันตกมามหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันกออกจะเห็นว่าเกิดพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่หลาย 10 ลูก จากระดับอุณหภูมิทะเลสูงมากถึง 27 องศาเซลเซียส การยกตัวของอากาศร้อนขึ้นสูงกว่าเดิมส่งผลให้อากาศเย็นจากขั้วโลกหนือเข้ามาแทนที่เร็วมาก

    การเกิดอากาศหนาวเย็นเข้ามาไทยปกคุมภาคเหนือและภาคอีสานเกือบหมด ซึ่งประเทศไทยเกิดมีอากาศหนาวถึงสองชั้นอากาศเย็นจากขั้วโลกเหนือและลมแรงกระทบพื้นที่สูงมากผิดปกติมีความเร็วลมแรงมาก 35-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้ลมหนาวลงมาลึกถึงภาคใต้ตอนบนหนาวมากบางแห่งใกล้จุดติดลบ เกือบจะเกิดหิมะตกได้เช่นแถวภูกระดึง ยอดดอยแม่ฮ่องสอน หากในช่วงนี้มีลมมรสุมตะวันตกมากจาทะเลอ่าวเบงกอลมหาสมุทนอินเดียเข้ามาทางพม่า ประเทศไทยจะมีหิมะทันที

    adk5k8kabbdbg697b9kbb.jpg

    ภาพโดย ประเสริฐ เทพศรี (ศูนย์ภาพเนชั่น)

    มีหลายประเทศในตะวันออกกลางที่ไม่เคยมีหิมะตกก็ไปแล้ว เช่น อิสราเอล ดูไบ อียิปต์ ถ้าเมืองย่างกุ้งในพม่าหิมะตก ไทยก็จะมีหิมะไทยก็ด้วย แม้ว่าตอนนี้อากาศหนาวเย็นเริ่มเบาลงแล้วแต่ไว้ใจไม่ได้อาจลงมาอีกระลอกสองเพราะโลกเราเจอกับสภาวะโลกร้อนอะไรก็เกิดขึ้นได้หมดทำให้ผิดฤดูกาล

    และปีนี้ไทยจะเกิดภัยแล้งเร็วขึ้นจากเอลนีโญ จะแห้งแล้งไปถึงเดือนมิถุนายน กรกฎาคม จะมีภาวะฝนทิ้งช่วงอากาศร้อนจัดจะเจอคลื่นความร้อนจากมหาสุมทรอินเดีย เป็นการคาดการณ์จากอุตุนิยมวิทยาโลกว่าเกิดปรากฏการณ์แห้งแล้งในภูมิภาคนี้ หากเดิอนพฤษภาคม ฝนไม่ตกคนไทยจะเดือดร้อนมากปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่มีน้ำน้อยกว่าทุกปีไม่มีน้ำทำนาแน่นอน

    hib679jbb5ibdk5c99jbb.jpg

    ภาพโดย ประเสริฐ เทพศรี (ศูนย์ภาพเนชั่น)

    “ทำงานมา 30 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ลมหนาวความกดอากศสูงลงมากและในสถิติทะเลมีไต้ฝุ่นสูงผิดปกติฟิลิปปินส์ซ้ำหนัก เตือนประชาชนให้เก็บกักน้ำไว้ก่อนที่จะมีปรากฏการณ์แห้งแล้งนาน เก็บน้ำไว้ใช้หน้าแล้งกลางเดือนพ.ค. อันตรายไม่มีฝนตกแห่งยาวนานถึงก.ค. เลยอันตรายมากระวังคนเราขาดน้ำไม่มีน้ำกิน ไม่มีน้ำเลี้ยงสัตว์ปริมาณน้ำเขือนปีนี้น้อยมาก”


    if9bi5fbjh5ii8iakehce.jpg

    ภาพโดย จรูญ ทองนวล (ศูนย์ภาพเนชั่น)

    มาวันนี้ แม้ว่าคนไทยยังโชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ขนาดนั้น แต่ที่ผ่านมา เราคงไม่เถียงกันว่าโลกเรามีสภาวะอากาศที่ไม่ปกติให้เห็นกันปีละหลายครั้งหลายหน

    โดยเฉพาะพายุที่วนมาไม่รู้กี่ลูก และแต่ละครั้งก็รุนแรงทั้งสิ้น กับหิมะก็เช่นเดียวกัน ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าประเทศไทยจะมีหิมะตก เราควรจะดีใจหรือตั้งรับกับชีวิตที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปของมวลมนุษยชาติกันดี

    ///////////

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/398336

    http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/359849
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2019
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    biznews.com%2Fimage%2Fmedia%2Fimage%2Fnews%2F2019%2F01%2F22%2F824854%2F750x422_824854_1548138221.jpg

    (Jan 22) ภัยไซเบอร์สะพัดโซเชียล สมาคมแบงก์หวั่นคนตื่นจ่อแถลงข่าวพฤหัสนี้ : สมาคมธนาคารไทย นำโดย TB-CERTเตรียมสกัดภัยไซเบอร์ ออกโรงแถลงข่าวพฤหัสนี้ เพื่อป้องกันประชาชนตื่นตระหนกจากภัยไซเบอร์ พร้อมหาแนวทางรับมือภัยไซเบอร์ในอนาคต

    นายยศ กิมสวัสดิ์ ประธานสำนักระบบการชำระเงิน สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวแพร่สะพัด เกี่ยวกับการหลอกลวงผ่านช่องทางดิจิทัลโซเชียล ของกลุ่มมิฉาชีพ เพื่อให้มีการทำธุรกรรมธนาคาร หรือยืนยันตัวต้นผ่านทางอีเมล์ต่างๆที่เข้ามาในระยะนี้ เพื่อหลอกหลวงเอาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการการเงินเพื่อหวังจรกรรมเงินของผู้ใช้บริการ จนเกิดความหวั่นวิตกของผู้ใช้บริการการเงินบนดิจิทัลค่อนข้างมาก

    ซึ่งทางสมาคมธนาคารไทยและ “ศูนย์ประสานงานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร หรือ Thailand Banking Sector & Computer Emergency Response Team หรือ TB-CERT ได้เห็นปัญหาดังกล่าว และอยู่ระหว่างร่วมแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อลดความตระหนกตกใจของประชาชน โดยในวันพฤหัสนี้ TB-CERTเตรียมจะแถลงข่าววันพฤหัสนี้ เพื่อหาแนวทางป้องกัน และแนะนำการระวังข้อมูลของผู้ใช้บริการทางการเงิน เพื่อป้องกันการถูกจรกรรมข้อมูลจากภัยไซเบอร์

    ด้านนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เห็นปัญหาดังกล่าวเช่นกัน แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีความเสียหาย จากการหลอกหลวกของกลุ่มมิฉาชีพ และยืนยันว่า ในส่วนของธนาคารไม่มีการให้ลูกค้ายืนยันตัวตนผ่านช่องทางอีเมล์แน่นอน

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/824854
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    yHDwnPOB2YfCaZc4dEYsJFU5BymUx2-fuqQ-S8xoXuSQ4qph4aOJgqE_kx6AUYNXsfex9gbfg&_nc_ht=scontent-sin2-1.png

    (Jan 22) เศรษฐกิจไทยปี 2562 ชะลอลง แต่ยังเติบโตดี : ในปี 2561 ที่ผ่านไป เศรษฐกิจไทยขยายตัวดี ในช่วงครึ่งปีแรกโดยมีแรง ขับเคลื่อนหลักทั้งจาก อุปสงค์ต่างประเทศ และในประเทศ แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีแรงส่งของอุปสงค์ ต่างประเทศแผ่วลงอย่างชัดเจนโดยเฉพาะ ภาคการส่งออกสินค้าของไทย เนื่องจาก เริ่มได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้า (Trade war) ระหว่างสหรัฐและจีน และ การชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าที่มาจากปัจจัย อื่นๆ และคาดว่าผลกระทบจากสงคราม การค้าจะเริ่มชัดเจนขึ้น และเป็นปัจจัยสำคัญ ที่กดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ในปีนี้

    ภาคการส่งออกสินค้าคาดว่าจะชะลอตัวลง หลังจากขยายตัวได้ดีต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 2 ปี โดยนักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าสงคราม การค้าจะยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อการ ขยายตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของทั้ง ภาคธุรกิจและผู้บริโภค โดยเฉพาะนักลงทุน ที่อาจตัดสินใจเลื่อนการลงทุน

    อย่างไรก็ดี ประเทศไทยอาจได้รับ ผลดีบ้างจากการย้ายฐานการผลิตหรือ การโยกคำสั่งซื้อในบางสินค้าจากจีน แต่คาดว่ายังไม่เพียงพอที่จะชดเชย การชะลอตัวของปริมาณการค้าโลก โดยรวม

    ดังนั้น เมื่อเครื่องยนต์หลักของ เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่เศรษฐกิจไทยในปี 2562 นี้จะมีแนวโน้ม ขยายตัวชะลอลงตามไปด้วย โดยคาดว่า การส่งออกที่ชะลอตัวลงนี้จะเป็นไปใน ทิศทางที่สอดคล้องกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค

    ภาคการท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องภาคการท่องเที่ยวของไทยที่ขยายตัวดี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ต้องสะดุดลง จากเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตในเดือน ก.ค. 2561 ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน อย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยว เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากภาครัฐบาลเร่งยกระดับมาตรฐาน ความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว รวมถึง ใช้มาตรการกระตุ้นต่างๆ ส่งผลให้ นักท่องเที่ยวจีนเริ่มมีสัญญาณปรับดีขึ้น นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศอื่นๆ ยังขยายตัวดี และน่าจะมีแรงส่งต่อเนื่องมา ในปี 2562 อย่างไรก็ตาม ปัญหาการใช้งาน เกินศักยภาพของสนามบินต่างๆ ยังเป็น ข้อจำกัดด้านอุปทานที่สำคัญต่อภาค การท่องเที่ยวไทย

    การบริโภคภาคเอกชนในภาพรวม ยังไปได้ต่อ ในปี 2561 การบริโภคภาคเอกชน ของไทยขยายตัวสูงเกินความคาดหมาย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากยอดขายรถยนต์ ขยายตัวสูงเพราะเงื่อนไขผูกพันในโครงการรถยนต์คันแรกทยอยหมดลง นอกจากนี้ การจ้างงานที่ปรับดีขึ้นและ กระจายตัวมากขึ้นในหลายภาคเศรษฐกิจ และหลายกลุ่มรายได้ทำให้กำลังซื้อนอก ภาคเกษตรกรรมฟื้นตัวต่อเนื่อง ผนวกกับ มาตรการภาครัฐที่ในหลายโครงการมีบทบาท สำคัญในการช่วยสนับสนุนการบริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

    สำหรับในปี 2562 คาดว่ายอดขายรถยนต์ อาจชะลอตัวลงจากฐานที่สูงในปีที่ผ่านมา ส่วนมาตรการภาครัฐคาดว่าจะยังมีผล ต่อมายังปี 2562 ขณะที่รายได้เกษตรกร อาจมีแนวโน้มไม่ดีนักจากปัญหาราคาพืชผล ทางการเกษตรตกต่ำ ทำให้การบริโภค ในภาพรวมยังไปต่อได้แต่มีทิศทางชะลอตัวลง

    การเลือกตั้งและความต่อเนื่องของ โครงการลงทุนภาครัฐยังคงเป็นสิ่งที่ ภาคเอกชนจับตามอง คงต้องยอมรับว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อนั้น เป็นปัจจัยที่บั่นทอนความน่าดึงดูดการลงทุน ในประเทศไทย หากการเลือกตั้งครั้งใหม่ ในปี 2562 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่อยู่ในแผนงาน ของรัฐบาลเดิมมีความต่อเนื่อง ก็คาดว่า จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับ ภาคเอกชนได้เป็นอย่างดี โดยปี 2562 เป็นปี สำคัญที่โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของ ภาครัฐจะมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งโครงการ รถไฟทางคู่ห้าสาย และโครงสร้างพื้นฐาน ของระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) อีกทั้งปัญหาความไม่เข้าใจใน พ.ร.บ. จัดซื้อ จัดจ้างที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ภาครัฐ มีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ไม่เต็มที่ ในปีที่ผ่านมาก็คาดว่าจะทยอยคลี่คลายลง ในปีนี้

    การลงทุนภาคเอกชนเริ่มจุดติด ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ภาคการส่งออกของไทย สามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง และการ บริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีเกินความ คาดหมาย รวมทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือ Mega-project เริ่มเป็นรูปธรรม มากขึ้นได้ช่วยจุดเครื่องยนต์การลงทุน ภาคเอกชนให้ติดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

    นอกจากนี้ ในปี 2562 อาจเกิดกระแส การย้ายฐานการลงทุนของบริษัทข้ามชาติ จากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ซึ่งการที่ไทย มีความชัดเจนในโครงการ EEC และการมี นโยบายส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติม น่าจะมีส่วนช่วยให้ไทยสามารถช่วงชิง ความได้เปรียบในการเป็นฐานการผลิต ในบางอุตสาหกรรมได้เมื่อเทียบกับประเทศ ตัวเลือกอื่นๆ ในภูมิภาค สำหรับอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ แม้อัตรา เงินเฟ้อพื้นฐานจะมีทิศทางเพิ่มขึ้นบ้าง จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง แต่เป็น การปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากปัจจัย เชิงโครงสร้าง เช่น การแข่งขันทางธุรกิจ ที่สูงขึ้นทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถ ปรับเพิ่มราคาได้มากนัก สำหรับอัตราเงินเฟ้อ ทั่วไปถูกกดดันเพิ่มเติมจากแนวโน้มราคา น้ำมันที่มีทิศทางปรับลดลงสอดคล้องกับ แนวโน้มอุปทานน้ำมันดิบที่มีมากขึ้น

    กล่าวโดยสรุป ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 2562 นี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโต ประมาณ 4% ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับ ระดับศักยภาพ แม้จะมีทิศทางชะลอลงบ้าง จากปีก่อนจากปัจจัยด้านอุปสงค์ต่างประเทศ โดยในปีนี้คาดว่าอุปสงค์ในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน จะมีบทบาทสำคัญสำหรับการขยายตัว ทางเศรษฐกิจของไทย ส่วนอัตราเงินเฟ้อ คาดว่าจะอยู่ภายในกรอบเป้าหมาย

    อย่างไรก็ดี ภายใต้โลก VUGA นี้ เศรษฐกิจไทยจะยังคงเผชิญกับความเสี่ยง ทั้งจากปัจจัยภายในและต่างประเทศ รวมถึงเสถียรภาพของระบบการเงิน ที่แม้จะยังอยู่ในเกณฑ์ดีแต่ยังคงมี บางจุดที่เปราะบาง เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ และพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่ มาพร้อมกับการประเมินความเสี่ยง ที่ต่ำกว่าควร (underpricing of risks) ที่สืบเนื่องมาจากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ เป็นเวลานาน จึงอาจกล่าวได้ว่าปี 2562 จะเป็น "ปีหมูที่อาจจะไม่หมู"

    สำหรับเศรษฐกิจการเงินไทย และ หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำนโยบาย ทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงผู้ประกอบการ ต่างๆ ที่คงต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับ ทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่อาจมาถึง ในปีหมูที่ไม่หมูนี้

    คอลัมน์ แจงสี่เบี้ย:โดย สิรวิชญ์ วรมงคล
    สายนโยบายการเงิน
    ธนาคารแห่งประเทศไทย

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    F7%252F2%252F9%252F7%252F18897927-1-eng-GB%252FA20190115%2520China%2520pesion%2520fund_2048x1152.jpg
    (Jan 22) การเงินไม่พร้อม 'เอเชีย'ยากรับสังคมสูงวัย: "สังคมสูงวัย" ถือเป็นสถานการณ์ ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะในเอเชียที่ประชากรสูงวัยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 2 เท่า จาก 9.2% ในปี 2020 ไปอยู่ที่ 18% ในปี 2050 ตามคาดการณ์ของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี)

    สำหรับความท้าทายใหญ่ในการตั้งรับสังคมสูงวัยเริ่มปรากฏขึ้นมาแล้วในขณะนี้ คือเรื่อง "ความไม่พร้อมทางการเงิน" ของหลายชาติเอเชีย โดยเฉพาะเกาหลีใต้และจีน รวมถึงบรรดาชาติอาเซียน

    ความไม่พร้อมส่วนหนึ่งนั้นมาจากระบบกองทุนเงินบำนาญที่ยังไม่มีความยั่งยืนและเสถียรภาพมากพอ สะท้อนออกมาจาก Melbourne Mercer Global Pension Index (MMGPI) จัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษาเมอร์เซอร์ ซึ่งให้คะแนนระบบบำนาญทั่วโลกอ้างอิงตามความเพียงพอของเงินออม (40%) ความยั่งยืน (35%) และจริยธรรม (25%) โดย 2 ชาติเอเชีย คือเกาหลีใต้และจีน ทำคะแนนได้น้อยอย่างน่าตกใจ อยู่ที่ 47.3 และ 46.2 ต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยทั่วโลกที่ 60.5

    ในกรณีของ "เกาหลีใต้" นั้น หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน เปิดเผยเมื่อต้นเดือนนี้ว่า กองทุนบำนาญแห่งชาติให้ผลตอบแทนต่ำกว่าเกณฑ์ อยู่ที่ 1.88% ตลอดช่วง 9 เดือนแรกของปี 2018 แม้ปริมาณสินทรัพย์ของกองทุนเพิ่มขึ้นมา 2.2% ในช่วงดังกล่าวก็ตาม ซึ่งผลตอบแทนเมื่อปีที่แล้วต่ำกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ 2.39%

    สาเหตุที่กองทุนบำนาญของเกาหลีใต้เผชิญปัญหาในการให้ผลตอบแทนต่ำลง มาจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยต่ำทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกโตชะลอ ซึ่งฉุดมูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลก จนส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์ที่กองทุนบำนาญเข้าไปลงทุนใน 10 เครือยักษ์ธุรกิจ (แชโบล) ลดลงมาอยู่ที่ 66.45 ล้านล้านวอน (ราว 1.87 ล้านล้านบาท) ในปี 2018 จาก 80.81 ล้านล้านวอน (ราว 2.28 ล้านล้านบาท) เมื่อปี 2017

    ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่มีผลไม่แพ้กัน คือการเกษียณอายุของประชากรวัยทำงาน ซึ่งอยู่ที่ 5.83 ล้านคน เมื่อปี 2017 โดย 42.1% ของคนกลุ่มดังกล่าวเป็นสมาชิกกองทุนบำนาญ ขณะที่ประชากรวัยทำงานในเกาหลีใต้คาดว่าจะลดลงเรื่อยๆ ถึง 10% ช่วงปี 2017-2030 หมายความว่าเงินสมทบเข้ากองทุนจะหายไปนั่นเอง

    ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงเริ่มวิตกมากขึ้นว่ากองทุนบำนาญจะถังแตกภายในปี 2056 และไม่มีเงินจ่ายให้คนเกษียณอายุตั้งแต่ปี 2057 นับเป็นสถานการณ์น่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะกองทุนบำนาญเกาหลีใต้ ซึ่งมีขนาดใหญ่สุดอันดับ 3 ของโลก โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ประมาณ 638 ล้านล้านวอน (ราว 17.9 ล้านล้านบาท) เป็นแหล่งเงินหลังเกษียณสำหรับชาวเกาหลีใต้เกือบทั้งประเทศ

    สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้รัฐบาลต้องเร่งปฏิรูปกองทุนบำนาญให้สำเร็จหลังล้มเหลวมาโดยตลอด เพราะเผชิญเสียงคัดค้านจากสาธารณชนและความไม่ลงรอยทางการเมืองระหว่างพรรคต่างๆ โดยล่าสุดนั้นรัฐบาลเกาหลีใต้เสนอแนวทางปฏิรูปกองทุนบำนาญ 4 รูปแบบ คือ 1.รักษาประสิทธิภาพการบริหารจัดการของกองทุนในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มเงินบำนาญพื้นฐาน/เดือนมาอยู่ที่ 3 แสนวอน ในปี 2021 2.เพิ่มเงินบำนาญพื้นฐาน ส่วนข้อเสนอ 3 และ 4 เป็นการเพิ่มอัตราทดแทนรายได้หลังเกษียณควบคู่กับการเพิ่มเบี้ยประกัน

    ขณะที่ปัญหาในระบบบำนาญของ "จีน" ค่อนข้างจะมีความซับซ้อนมากกว่าของเกาหลีใต้

    แม้ระบบบำนาญจีนคล้ายคลึงกับหลายประเทศ โดยประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ ส่วนแรก คือระบบบำนาญแห่งชาติ บริหารจัดการโดยรัฐ ส่วนที่สองคือระบบบำนาญของลูกจ้างภาคบังคับ ซึ่งภาครัฐกำหนดให้นายจ้างต้องจัดตั้งกองทุนบำนาญ และลูกจ้างต้องหักเงินเข้าสมทบ และส่วนที่สาม คือระบบบำนาญภาคเอกชนแบบสมัครใจ แต่ภายใต้ระบบบำนาญที่ว่าก็มีการซอยลงเป็นรูปแบบย่อยๆ อีก คือสำหรับแรงงานในเมือง แรงงานในชนบท แรงงานที่อพยพเข้ามาในเมือง และข้าราชการ ดังนั้น ความซับซ้อนดังกล่าวจึงเป็นหนึ่งในความท้าทายบริหารจัดการระบบบำนาญของประเทศ

    อย่างไรก็ดี ปัญหาสำคัญของระบบบำนาญจีนคือพึ่งพาภาครัฐสูงมาก โดยส่วนแรกนั้นคิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของระบบบำนาญทั้งหมด

    ด้วยเหตุนี้ระบบบำนาญจีนที่มีรัฐเป็นผู้แบกภาระหลัก จึงเริ่มประสบปัญหาทางการเงินเมื่อประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะรัฐต้องจ่ายเงินบำนาญให้แรงงานที่เกษียณไป ขณะที่เงินสมทบก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมามากนักทำให้ส่วนต่างเงินสมทบกับรายจ่ายยิ่งถ่างออกขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้รัฐต้องควักเนื้อจ่ายเงินส่วนต่างที่ขาดไปนับตั้งแต่ปี 2014

    ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการคลังจีน ระบุว่า รายจ่ายเบี้ยบำนาญเพิ่มขึ้น 11.6% มาอยู่ที่ 2.58 ล้านล้านหยวน (ราว 12 ล้านล้านบาท) ในปี 2016 ซึ่งทำให้รัฐต้องจ่ายเงินอุดส่วนที่ขาดไป 4.29 แสนล้านหยวน (ราว 2 ล้านล้านบาท) ซึ่งเงินส่วนดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.9 แสนล้านหยวน (ราว 4.1 ล้านล้านบาท) ในปี 2020 ตามคาดการณ์สถาบันสังคมศาสตร์จีน (ซีเอเอสเอส)

    ขณะที่ในกลุ่ม "ชาติอาเซียน" นั้น ความไม่พร้อมทางการเงินหลังเกษียณก็เป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงเช่นกัน ซึ่งหลักๆ มาจากการไม่มีเงินเก็บมากเพียงพอ สะท้อนออกมาจากผลการสำรวจพลเมือง 5 ชาติอาเซียน คือ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย โดย FT Confidential Research (FTCR) หน่วยงานวิเคราะห์ของไฟแนนเชียล ไทม์ส เมื่อปีที่ผ่านมา

    จากผลการศึกษาของ FTCR หนึ่งในประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือชาวอาเซียนจำนวนมากระบุว่า ไม่ได้เข้าถึงระบบบำนาญหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยสัดส่วนของไทยสูงถึงกว่า 50% ตามด้วยเวียดนามที่เกือบ 40% และอินโดนีเซียราว 30%

    แม้กระทั่งในชาติที่คนมีเงินบำนาญหรือเงินจากกองทุนอื่นๆ สำหรับช่วงหลังเกษียณ เช่น มาเลเซีย ซึ่งสัดส่วนผู้ไม่มีเงินกองทุนดังกล่าวอยู่ที่ไม่ถึง 30% แต่กองทุนประกันสังคมมาเลเซีย (EPF) เปิดเผยว่า ชาวมาเลเซียส่วนใหญ่ไม่มีเงินออมเพียงพอสำหรับช่วงหลังเกษียณ ซึ่งควรจะอยู่ที่อย่างน้อย 2.28 แสนริงกิต (ราว 1.76 ล้านบาท) สำหรับคนวัย 55 ปี แต่จากข้อมูลพบว่า 68% ของคนอายุ 54 ปี มีเงินไม่ถึง 5 หมื่นริงกิต (ราว 3.86 แสนบาท)

    สัญญาณความไม่พร้อมทางการเงินจึงเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ที่บรรดาชาติเอเชียต้องเร่งแก้ไขเป็นการด่วน ขณะที่ภาวะสังคมสูงวัยขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

    โดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์

    Source: Posttoday

    เพิ่มเติม
    - Asia must navigate pensions crunch
    https://asia.nikkei.com/Opinion/Asi...YGAbrmhZHq8a_TxQ3cpbjb6QRFAhzt_mAL-rwfw4vCh-E
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,804
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    GmFe8XOuSCmXSUyXlwgJN3q2Hapkqwcb5cBB-n57XEdn8Jxl7gbH_Wd9jP9xFBO0aXXXBUEiw&_nc_ht=scontent-sin2-1.png

    (Jan 22) เศรษฐกิจซบ โลกแห่เลย์ออฟ : ผ่านเข้าสู่ปีใหม่ 2019 มาได้เพียง ครึ่งเดือน ทิศทางหนึ่งที่เริ่มปรากฏ ในหน้าข่าวต่างประเทศให้เห็นแล้วก็คือ การประกาศลดพนักงานในหลายภาคธุรกิจ ตั้งแต่กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ การเงิน สื่อสาร ไปจนถึงอวกาศ และเกิดขึ้นตั้งแต่ในยุโรป สหรัฐ ไปจนถึงจีน ที่รายหลังกำลังเริ่มเกิดกระแสความกังวลเรื่องการจ้างงานกันอยู่ในขณะนี้

    จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ (Jaguar and Land Rover) ค่ายรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในฝั่งอังกฤษ ประกาศลดพนักงานทั่วโลกลง 4,500 อัตรา คิดเป็นราว 10% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดรายจ่าย 2,500 ล้านปอนด์ (ราว 1 แสนล้านบาท) จนถึงปี 2563

    บลูมเบิร์กและบีบีซี รายงานว่า ประเด็นเบร็กซิตมีผลต่อการตัดสินใจล่าสุด โดยยอดขายของจากัวร์ลดลง 4.6% เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายรถทั้งหมดในอังกฤษลดลง 6.8% เมื่อปี 2561 ต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตการเงินในช่วง 10 ปีก่อน ก่อนหน้านี้ จากัวร์ เปิดเผยว่า กรณีที่อังกฤษไม่สามารถทำข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้ ทำให้กำไรของบริษัทเสี่ยงที่จะลดลงถึง 1,200 ล้านปอนด์ (ราว 4.8 หมื่นล้านบาท) ต่อปี

    ขณะที่ ฟอร์ด (Ford) ค่ายรถยนต์รายใหญ่จากฝั่งสหรัฐ ประกาศลดพนักงานหลายพันอัตราในยุโรป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างธุรกิจหลังกำไรในยุโรปร่วงหนัก นอกจากนี้ยังมีแผนปรับการดำเนินงานส่วนอื่นๆ ของบริษัท โดยจะเตรียมออกจากตลาดรถตู้ ระงับการปรับระบบโรงงานเป็นแบบอัตโนมัติในฝรั่งเศส และทบทวนแผนตั้งกิจการร่วมค้าในรัสเซีย

    ทั้งนี้ ฟอร์ด ยุโรป ซึ่งมีพนักงานทั้งหมด 5.3 หมื่นคน ยังไม่สามารถทำกำไรได้ โดยกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีของฟอร์ดลดลง 245 ล้านยูโร (ราว 9,016 ล้านบาท) คิดเป็น 3.3% เมื่อไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ขณะที่เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ฟอร์ดประกาศแผนปรับโครงสร้างไปแล้วหลังขาดทุนทั้งในเอเชียและยุโรป

    นอกจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ภาคการสื่อสารโทรคมนาคมก็เริ่มเห็นการเลย์ออฟเช่นกันในยุโรปและสหรัฐ โดยบริษัท โวดาโฟน (Vodafone) ประกาศว่ามีแผนจะลดพนักงาน 1,200 อัตรา จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 5,100 คนในสเปน เพื่อปรับองค์กรให้เตรียมรับกับรายได้และกำไรที่คาดว่าจะลดลง เนื่องจากการแข่งขันอย่างดุเดือดในตลาดโทรคมนาคม ทำให้รายได้และกำไรลดลงไปแล้วในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน และทำให้บริษัทประกาศแผนลดรายจ่าย 1,200 ล้านยูโร เมื่อเดือน พ.ย.ก่อนหน้านี้

    ทางด้าน โนเกีย (Nokia)เป็นรายล่าสุดที่ประกาศลดพนักงาน โดยเบื้องต้นระบุจำนวนเลย์ออฟ 350 อัตรา ในประเทศบ้านเกิดฟินแลนด์ แต่จำนวนเลย์ออฟในฝรั่งเศสและเยอรมนีอาจสูงกว่านี้ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังจากที่บริษัทเข้าซื้อกิจการอัลคาเทล ลูเซนท์ มาจากฝรั่งเศส โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดค่าใช้จ่าย 700 ล้านยูโร ที่ประกาศไปเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา

    ขณะที่สายธุรกิจการเงิน ซึ่งโดยปกติจะมีการเลย์ออฟเกิดขึ้นในกลุ่มธนาคารจากผลพวงของ Digital Disruption ปัจจุบันเริ่มขยับไปสู่หน่วยอื่นๆ มากขึ้น จากผลพวงของสภาพเศรษฐกิจและตลาดเงินที่มีความผันผวนมากขึ้น

    บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากสหรัฐ แบล็กร็อก (BlackRock) ประกาศลดพนักงานลง 3% จากพนักงานทั้งหมดทั่วโลก หรือประมาณ 500 คน ซึ่งเป็นการลดครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ปี 2016 โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะความผันผวนที่สูงขึ้นในตลาด และนักลงทุนหันไปหากองทุนอื่นที่มีค่าธรรมเนียมถูกลงกันมากขึ้น อีกทั้งบริษัทเองยังนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้นในหลายส่วนเพื่อประหยัดต้นทุนด้วย ขณะที่บริษัทจัดการสินทรัพย์และรับฝากทรัพย์สิน สเตท สตรีท (State Strret Corp.) ลดพนักงานในกลุ่มการจัดการอาวุโสลง 15%

    ส่วนทางฝั่ง "จีน" ซึ่งเศรษฐกิจร้อนแรง มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มสตาร์ทอัพ จนว่ากันว่าเป็นฟองสบู่ลูกใหญ่นั้น ก็เริ่มมีกระแสเลย์ออฟเกิดขึ้นแล้วเช่นกันบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ Qunar ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวรายใหญ่ในจีนรองจาก Ctrip กำลังลดพนักงานมากกว่า 100 คน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนี้หลายคนถูกบีบบังคับให้ออกโดยไม่ได้รับเงื่อนไขที่พึงพอใจ และกำลังเป็นกรณีขัดแย้งกันอยู่ แต่ทาง Qunar เปิดเผยกับสื่อว่าเป็นเพียงการให้ออกภายใต้การประเมินปลายปีเท่านั้น

    แน่นอนว่าหากเป็นการให้ออกเพราะการประเมินปลายปีตามปกติ คงไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวลนัก แต่สิ่งที่กำลังมีการพูดถึงกันในจีนตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาก็คือ การปลดพนักงานทำนองนี้กำลังเกิดขึ้น "เป็นวงกว้าง" กับหลายบริษัท โดยเฉพาะในบริษัทไอทีและภาคอุตสาหกรรมการผลิต จนไม่น่าจะเป็นเรื่องปกติเหมือนปีที่ผ่านๆ มา

    MoBike ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นเช่าจักรยานแบบไบค์แชริ่ง ยอมรับกับสื่อออนไลน์ในจีนเมื่อปลายเดือนที่แล้วว่า มีแผนจะลดพนักงานลง 30% หรือประมาณ 300 คน ส่วน Zhihu ซึ่งเป็นเว็บกระดานถามตอบชื่อดังในจีน ระบุว่า มีการปลดพนักงานบางทีมออก เช่น ฝ่ายขายโฆษณาและฝ่ายปฏิบัติการ ขณะที่ Smartisan ซึ่งเป็นบริษัทผลิตสมาร์ทโฟนและพัฒนาซอฟต์แวร์มือถือ เคยปฏิเสธข่าวลือการเลย์ออฟเมื่อเดือน พ.ย. แต่สุดท้ายได้ออกมา ยอมรับเมื่อไม่นานมานี้ว่าบริษัทกำลังประสบภาวะวิกฤตอยู่

    ทวิตเตอร์สัญชาติจีนอย่างเว่ยป๋อ (Sina Weibo) ยังสะพัดไปด้วยข่าวว่า บริษัท Maimai ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์ด้านอาชีพการงานคล้ายกับ Linkedln กำลังจะลดพนักงานลง 10% ในเร็วๆ นี้ และแม้แต่ตัวบริษัท Weibo เองก็มีข่าวลือเช่นกันว่าได้ยุบหน่วยวิจัยและพัฒนาในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน แต่ทางบริษัทออกมาปฏิเสธในภายหลังโดยระบุว่าเป็นเพียงการปลดพนักงานในการประเมินผลปลายปีเท่านั้น

    สัญญาณการลดคนในจีนอาจยังไม่ถูกตีความว่าเป็นเรื่องน่าวิตก เพราะสเกลของแต่ละบริษัทยังไม่เปรี้ยงปร้างในหลักพันหลักหมื่นเหมือนในฝั่งสหรัฐและยุโรป แต่ก็เป็นเรื่องที่คนจีนเองไม่วางใจนัก

    เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าจีนคือคู่ขัดแย้งโดยตรงของสงครามการค้ากับสหรัฐ ซึ่งกำลังกระทบต่อภาคการผลิตและส่งออกอย่างหนัก โดยผลสำรวจบริษัทในภาคการผลิต 200 แห่ง เมื่อไม่นานมานี้ของธนาคารยูบีเอส บ่งชี้ว่าบริษัทส่วนใหญ่ต้องปรับแผนเพื่อรับมือยอดคำสั่งซื้อที่ลดลง โดย 23% เลือกลดพนักงาน 27% ลดรายจ่ายของบริษัท และ 18% ลดค่าแรงลง จึงไม่น่าแปลกใจที่คณะรัฐมนตรีจะต้องออกมาตรการมาคุมสถานการณ์และบรรเทาความกังวลของประชาชนเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ด้วยการเสนอมาตรการช่วยเหลือบริษัทโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี เพื่อไม่ต้องเลย์ออฟพนักงานลง

    สถานการณ์ในภาวะเช่นนี้อาจยังไม่ถึงขั้นน่าวิตกเหมือนวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า สงครามการค้าที่ยืดเยื้อมาเป็นปี และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกใกล้จะกลับเข้าสู่ภาวะขาลงอีกครั้ง เริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมแล้วผ่านมหกรรมการเลย์ออฟในวันนี้

    โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ

    Source: Posttoday
     

แชร์หน้านี้

Loading...