ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Dec 9, 2024 ช็อกวงการ! ยอดบริษัทญี่ปุ่นล้มละลายปี 67 จ่อทุบสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี คาดทะลุ 10,000 ราย

    โตเกียวโชโกะรีเสิร์ช (TSR) เปิดเผยข้อมูลเอกชนในญี่ปุ่น พบว่าจำนวนบริษัทที่ยื่นล้มละลายในญี่ปุ่นปีนี้มีแนวโน้มทะลุ 10,000 ราย ซึ่งจะเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556 โดยรายงานนี้มีขึ้นก่อนการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ทุกฝ่ายจับตาในสัปดาห์หน้า

    โดย TSR ระบุว่า ในเดือน พ.ย. มีบริษัทญี่ปุ่นล้มละลาย 841 ราย ส่งผลให้ยอดรวมช่วงม.ค.-พ.ย. พุ่งแตะ 9,164 ราย ซึ่งสูงกว่ายอดรวมทั้งปีของปี 2566 ไปแล้ว และคาดว่าตัวเลขล้มละลายปี 2567 จะทะลุ 10,000 รายเป็นครั้งแรกนับจากปี 2556 ที่มีบริษัทล้มละลาย 10,855 ราย

    ขณะที่ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า BOJ มีกำหนดประชุมทบทวนอัตราดอกเบี้ยวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยคณะผู้กำหนดนโยบายจะพิจารณาตัวชี้วัดเศรษฐกิจล่าสุดเทียบกับการคาดการณ์ ขณะที่ตลาดยังคงคาดกันว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค. หรือไม่ก็ม.ค. 68

    #ญี่ปุ่น #บริษัทล้มละลาย #เอกชนญี่ปุ่น #BTimes

    https://www.facebook.com/share/FhptR6oruQFXhmFF/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Dec 9, 2024 ยุคฟอสซิล! ธุรกิจโรงไฟฟ้าฟอสซิลในไทยปี 2568 คาดมีแนวโน้มเติบโตช้าลง
    .
    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปี 2568 ธุรกิจไฟฟ้าฟอสซิลยังคงเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงจากสัดส่วนรายได้ราว 80% ที่เป็นการทำสัญญาขายระยะยาวกับภาครัฐ โดยแบ่งรายได้ออกได้เป็น 2 ส่วนหลัก ประกอบด้วย “ค่าความพร้อมจ่าย” ซึ่งจะได้รับตามสัญญาแม้จะไม่มีการผลิตไฟฟ้าส่งเข้าโครงข่ายภาครัฐ และค่าไฟฐานกับค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ที่กำหนดโดยภาครัฐ ซึ่งเป็นรายได้ต่อหน่วยไฟฟ้าที่จะได้รับเมื่อมีการผลิตและขายไฟฟ้า ในขณะที่สัดส่วนรายได้อีกราว 20% เป็นการขายให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมโดยจะทำสัญญาซื้อขายกันโดยตรง และมักอ้างอิงราคาค่าไฟของภาครัฐในการทำสัญญาซื้อขาย
    .
    รายได้ต่อหน่วยและต้นทุนเชื้อเพลิงของธุรกิจโรงไฟฟ้าฟอสซิลในปี 2568 รายได้ต่อหน่วยของธุรกิจโรงไฟฟ้าฟอสซิลในปี 2568 คาดว่าจะใกล้เคียงกับปี 2567 ในขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงเฉลี่ยปรับเพิ่มสูงขึ้น
    .
    ในปี 2568 รายได้จากการขายไฟฟ้าต่อหน่วยคาดว่าจะทรงตัว เนื่องจากนโยบายภาครัฐที่ต้องการรักษาระดับค่าไฟในประเทศ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ในขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก ราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยซึ่งเป็นเชื้อเพลิงการผลิตหลัก มีทิศทางขาขึ้นตามอุปสงค์ตลาดโลกที่ขยายตัวราว 2.5% (คาดการณ์โดยองค์การพลังงานระหว่างประเทศ: IEA) อย่างไรก็ดี อุปทานก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ซึ่งมีต้นทุนที่ย่อมเยากว่า จะสามารถกลับมาผลิตได้เต็มกำลังตลอดปี 2568 ทำให้ต้นทุนก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยอาจไม่เพิ่มสูงขึ้นนัก
    .
    แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าฟอสซิล โดยในปี 2568 ธุรกิจโรงไฟฟ้าฟอสซิลยังคงมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง ตามแนวโน้มรายได้ที่ยังคงเพิ่มขึ้นทั้งในตลาดผลิตไฟฟ้าเพื่อขายให้ภาครัฐ และตลาดผลิตไฟฟ้าให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของรายได้คาดว่าจะช้าลงจากปีก่อนหน้า ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นช้าลง
    .
    ตลาดผลิตไฟฟ้าเพื่อขายให้ภาครัฐในปี 2568 รายได้จากการผลิตไฟฟ้าฟอสซิลเพื่อขายให้ภาครัฐมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นช้าลงกว่าปี 2567 จากความต้องการใช้ไฟฟ้าในโครงข่ายภาครัฐที่ชะลอลงเป็น 1.4% ในปี 2568 จาก 3.5% ในปีก่อนหน้า ตามการเติบโตที่ช้าลงของการใช้ไฟฟ้าในภาคธุรกิจและครัวเรือนความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจ พบว่าในปี 2568 ความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจคาดว่าจะโต 1% ชะลอลงจาก 2.8% ในปี 2567 จากการใช้ไฟฟ้าในภาคการผลิตและภาคบริการที่เพิ่มขึ้นช้าลง ในปี 2568 ความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคผลิตคาดว่าจะโต 1.4% ขณะที่ภาคบริการคาดว่าจะโต 0.4% ชะลอตัวจาก 2.9% และ 2.6% ในปีก่อนหน้า ตามลำดับสำหรับภาคการผลิต การใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่มาจาก 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ อาหารและเครื่องดื่ม และเคมีภัณฑ์และปิโตรเลียม รวมกันคิดเป็นกว่า 66% ของการใช้ไฟฟ้าภาคผลิตทั้งหมด ซึ่งในปี 2568 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เฉลี่ยของ 3 อุตสาหกรรมดังกล่าว คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.2% ลดลงจาก 2.4% ในปี 2567 แสดงถึงกิจกรรมการผลิตที่โตช้าลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้ภาพรวมความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคผลิตในปี 2568 เติบโตช้าลง
    .
    ในขณะเดียวกันการใช้ไฟฟ้าภาคบริการก็มีแนวโน้มชะลอตัวเช่นกัน เนื่องจากกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจภาคบริการทยอยฟื้นตัวและกลับมาดำเนินการได้เกือบเป็นปกติแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2567 หลังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โควิด-19 นอกจากนั้นความต้องการใช้ไฟในธุรกิจ ขายส่ง/ขายปลีก โรงแรมและที่พัก และการจัดเก็บสินค้า ซึ่งรวมกันคิดเป็นเกือบ 70% ของการใช้ไฟฟ้าภาคบริการทั้งหมด ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นช้าลงตามจำนวนการจดทะเบียนนิติบุคคลของผู้ประกอบการใหม่ที่โตช้าลง
    .
    ความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือน พบว่าการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนคาดว่าจะโตขึ้น 2% ในปี 2568 ชะลอตัวจาก 5.2% ในปี 2567 ความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคครัวเรือนในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องตามการเติบโตของเศรษฐกิจและอัตราค่าไฟฟ้าที่ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า เนื่องจากไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบันอย่างไรก็ตาม ในปี 2568 ภาพรวมความต้องการใช้ไฟฟ้าคาดว่าจะเติบโตช้าลง จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนที่อยู่อาศัยตามทะเบียนบ้านสะสมที่ช้าลง โดยคาดว่าจะโต 1.1% จาก 1.3% ในปี 2567ตลาดผลิตไฟฟ้าเพื่อขายให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม รายได้จากการขายไฟฟ้าแก่ผู้ใช้งานในนิคมอุตสาหกรรมในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้จะชะลอลงตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นช้าลงจากปีก่อนหน้า รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าฟอสซิลเอกชนให้แก่ผู้ใช้งานในนิคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้อัตราการเติบโตจะชะลอลงเมื่อเทียบกับปี 2567 สาเหตุหลักมาจากความต้องการใช้ไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นช้าลง โดยในปี 2568 คาดว่าจะโต 0.9% จาก 2.7% ในปีก่อนหน้า เนื่องจากกิจกรรมการผลิตเติบโตช้าลงจากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากสินค้าจีนที่ล้นตลาด
    .
    ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าฟอสซิลเอกชนยังคงมีความสำคัญจากความสามารถในการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในด้านคุณภาพและความเสถียรของปริมาณไฟฟ้า ซึ่งพลังงานหมุนเวียนยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ราคาไฟฟ้าฟอสซิลที่ทำสัญญาซื้อขายกับผู้ใช้งานในนิคมอุตสาหกรรมมักเป็นราคาที่มีส่วนลดจากค่าไฟฐานและค่า Ft ทำให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมีแรงจูงใจในการเลือกใช้ไฟฟ้าจากเอกชนมากขึ้น ดังนั้น แม้ว่าการเติบโตของรายได้จากการขายไฟฟ้าจะมีเเนวโน้มชะลอลงในปี 2568 แต่ทิศทางในระยะข้างหน้ายังคงเป็นบวกจากอุปสงค์ที่จะยังเติบโต โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการใหม่ เช่น ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงความเสี่ยงของธุรกิจโรงไฟฟ้าฟอสซิลในระยะกลางถึงยาว มีดังนี้
    .
    ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (ร่าง PDP 2024) มีเป้าหมายในการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในระบบไฟฟ้า โดยกำลังการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลมีแนวโน้มลดลงจาก 38,108 MW ในปี 2566 สู่ 30,453 MW ในปี 2580 หรือลดลงราว 20% ขณะที่สัดส่วนอุปทานเชื้อเพลิงฟอสซิลคาดว่าจะลดลงจาก 72% ในปี 2566 สู่ 49% ในปี 2580 อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว การผลิตไฟฟ้าโดยเชื้อเพลิงฟอสซิลจะมีทิศทางลดลงได้อีก เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2608
    .
    ความจำเป็นในการปรับตัวและการเปลี่ยนผ่านสู่ประเภทเชื้อเพลิงใหม่ โดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียนเมื่อหมดสัญญากับคู่ค้า แม้โรงไฟฟ้าฟอสซิลโดยมากจะถือสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับคู่ค้า อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากกระแสรักษ์โลกและการพัฒนาของเทคโนโลยี ส่งผลให้ธุรกิจจำเป็นต้องมีการปรับตัวสู่พลังงานทางเลือกใหม่ ซึ่งต้องใช้เงินในการลงทุนในการพัฒนาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
    .
    ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มหันมาใช้ไฟฟ้าสะอาดมากขึ้น เนื่องจาก พ.ร.บ. Climate Change และกฎระเบียบการค้าโลกด้านสิ่งแวดล้อมที่เคร่งครัดมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีการส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรป ที่มีการใช้มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ซึ่งทำให้ผู้ผลิตในนิคมอุตสาหกรรมเริ่มหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนมากยิ่งขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดส่งออก
    .
    อุปทานก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในประเทศมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ต้องมีการนำเข้า LNG (ก๊าซธรรมชาติเหลว) ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า ร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2567-2580 (ร่าง Gas Plan 2024) ระบุว่าจากอุปทานทั้งหมด การจัดหาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในไทยมีแนวโน้มลดลงเหลือเพียง 36% ในปี 2580 จาก 55% ในปี 2567 สวนทางกับการนำเข้า LNG ที่เพิ่มขึ้น โดยราคา LNG สูงกว่าก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ในประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าฟอสซิลมีทิศทางเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อุปทานก๊าซธรรมชาติในไทยอาจมีการเปลี่ยนแปลง หากมีการเจรจาเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA) ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติ ที่ยังไม่ทราบผลแน่ชัด และต้องใช้ระยะเวลา
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3D29sPM
    .
    Website: https://btimes.biz
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #ศูนย์วิจัยกสิกรไทย #ก๊าซธรรมชาติ #ธุรกิจโรงไฟฟ้าฟอสซิล #ไฟฟ้า #พลังงาน #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/eiwnDQDicvJBkw4p/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Dec 8, 2024 ได้อย่างเสียอย่าง! เอกชนเกินครึ่งไม่ขึ้นเงินเดือนรับปี 68 แต่พร้อมจ่ายโบนัส สภาพเศรษฐกิจไทยซบเซา หลายบริษัทขาดสภาพคล่องยันสายป่านขาด

    ดร.ธนิต โสรัตน์ ประธานสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นการจ้างงาน การจ่ายโบนัสและการปรับค่าจ้าง ซึ่งคณะกรรมการสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ กอง ยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานได้ทำการสำรวจ

    โดยมีกลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามจำนวน 852 กิจการ ครอบคลุม 31 จังหวัด ทั่วประเทศ ในทุกประเภทกิจการ ตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ระหว่างวันที่ 1 - 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่า สถานประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 41.1 ระบุว่า พร้อมจ่ายโบนัส ส่วนที่ตอบว่าไม่จ่ายอยู่ที่ร้อยละ 31.1 และมีส่วนร้อยละ 27.1 ตอบว่า ไม่แน่ใจ

    ขณะที่แนวโน้มการปรับค่าจ้าง พบว่า สถานการณ์เศรษฐกิจปี 2568 ไม่เอื้อต่อการปรับค่าจ้าง โดยภาพรวมสถานประกอบการส่วนใหญ่ ระบุไม่ปรับค่าจ้าง คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 46.4 / แต่ก็มีถึงร้อยละ 42.1 ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มค่าจ้างเฉลี่ยปรับขึ้นร้อยละ 4- 5 อีกร้อยละ 11.5 บอกยังไม่แน่ใจว่าจะปรับหรือไม่ปรับ

    ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า เศรษฐกิจที่ยังอยู่ในภาวะซบเซา สถานประกอบการจำนวนมากขาดสภาพคล่อง ทำให้ส่วนใหญ่ สูงถึงร้อยละ 52.8 บอกว่า จะไม่มีการจ้างงานเพิ่ม และร้อยละ 24.2 บอกอาจลดการจ้างงานลง

    #เงินเดือน #โบนัส #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/mNikhkCC5u3GHkwg/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1️⃣ หากทำธุรกิจในนามบุคคลธรรมดา รายได้บุคคลที่ไม่ใช่เงินเดือน มาตรา 40 วงเล็บ 2-8 หากมีรายได้เกิน 60,000 บาทต่อปี ก็ต้องมีการยื่นแบบภาษี

    2️⃣
    เงินเข้าเกิน 1.8 ล้าน ต้องเสียภาษีเท่าไหร่
    ก็ต้องไปดูว่า รายได้ เป็นประเภทไหน
    เพราะรายได้ตามมาตรา 40 จะแบ่งเป็นทั้งหมด 8 ประเภท

    ซึ่งแต่ละประเภท
    #หักค่าใช้จ่ายได้แตกต่างกัน

    ประเภทที่ 1 เงินเดือน
    ประเภทที่ 2 ค่าแรง
    หัก 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

    ประเภทที่ 3 ลิขสิทธิ์
    หัก 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

    ประเภทที่ 4 ดอกเบี้ยเงินปันผล
    ไม่สามารถหักค่าใช้จ่ายได้

    ประเภทที่ 5 ค่าเช่า
    หักเหมาได้ 30%

    ประเภทที่ 6 อาชีพอิสระ
    หักเหมาได้ 30 ถึง 60%

    ประเภทที่ 7 รับเหมาก่อสร้าง
    หักเกมาได้ 60%

    ประเภทที่ 8 นอกเหนือจาก 1-7
    หัดเหมาได้ 60%

    3️⃣ การคำนวณภาษีบุคคลธรรมดาต้องนำรายได้ - ค่าใช้จ่าย ตามที่ข้อ 2 ได้เขียนเอาไว้ หลังจากนั้นต้องนำมาหักค่าลดหย่อน ซึ่งปริมาณของค่าลดหย่อนของแต่ละคนไม่เท่ากัน เช่นแต่งงานหรือยัง มีลูกกี่คน พ่อแม่แก่ชราอยู่ในความดูแลหรือไม่ ผ่อนบ้านหรือเปล่า ซื้อประกันหรือไม่ และอีกมากมาย

    4️⃣ ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องเตรียมข้อมูลตามข้อ 1 ถึงข้อ 3 ให้ครบถ้วน เข้าสู่การคำนวณภาษี

    รายได้
    หัก ค่าใช้จ่าย
    หัก ลดหย่อน
    เงินได้สุทธิพึงประเมิน

    เรามาคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า 5 ถึง 35% ตามที่สรรพากรกำหนด

    5️⃣ ขายสินค้าประเภทไหน หากรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ก็ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องบวกภาระภาษี 7% เข้าไปในราคาขาย แล้วเมื่อเก็บภาษีมาแล้ว ต้องนำมาคำนวณหักกับภาษีซื้อที่เรามีสิทธิ์นำมาหักได้

    และนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มทุกเดือน

    #สรุป
    หากถามนักบัญชีด้วยประโยคสั้นๆว่า

    รายได้เกิน 1.8 ล้านต้องเสียภาษีกี่บาท
    รายได้ปีละ 3 ล้านต้องเสียภาษีเท่าไหร่

    หากมีคนตอบคุณได้เป็นจำนวนเงินที่เป๊ะๆ นั่นหมายความว่าเขาก็ต้องเดาข้อมูลแล้วตอบแบบคร่าวๆ ซึ่งไม่ควรนำคำตอบนั้นมายึดถือ

    การประมาณการภาษีที่ถูกต้อง คือการมีความรู้ในระดับพื้นฐาน การมีเครื่องมือที่จะทำให้คุณคำนวณภาษีได้ง่ายๆ

    เมื่อเราคำนวณภาษีออกมาแล้ว เราจะตัดสินใจ #วางแผนภาษีได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ

    บางคนรายได้ 50 ล้าน ก็เป็นบุคคลจด vat ศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบของการเป็นบุคคลและการเป็นบริษัท

    ศึกษาข้อดีข้อเสีย
    ความพร้อมในการทำเอกสาร
    ความคล่องตัวในการใช้เงิน

    แต่ละรูปแบบธุรกิจมีความแตกต่างกัน

    แนะนำให้คุณเติมความรู้ความเข้าใจ
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง #ร้านค้าบุคคล

    ธนาคารส่งข้อมูลให้สรรพากร
    platform ส่งข้อมูลให้สรรพากร
    การค้าขายแบบนอกระบบ ใกล้หมดลงแล้ว

    https://www.facebook.com/share/DiB3JitQfAEaFdHy/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1733812662233.jpg

    สั่งอพยพด่วน! ภูเขาไฟฟิลิปปินส์ปะทุรุนแรงครั้งที่ 2 ในรอบปี ควันเถ้าถ่านลอยสูงกว่า 3 กม. - แนะประชาชนอยู่ห่าง 6 กม.
    อ่านข่าวต่อ : https://www.ejan.co/world/mr1k420o5xi
    https://www.facebook.com/share/p/a7Gctvr2JZAXH3Tq/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความจริง ผมสนับสนุน รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลังคนนร้มาก เพราะแนวทางภาษีของเขา เดือนร้อนตั้งแต่ชนชั้นล่าง ยันชนชั้นกลาง ซึ่ง ก็ เป็นที่แน่ใจว่า ถ้าแนวทางรัฐมนตรีทำได้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยน่าจะหายไป หรือ สส แทบไม่เหลือแน่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า มูลค่าเพิ่ม 15 % ภาษีบุคคลธรรมดา ดูเหมือนจะไม่มีค่าลดหย่อน และไม่มีขั้นบันได ซึ่งถ้าไม่มีค่าลดหย่อน บุคคล ที่ยื่นแบบเสียภาษี และ้ต้องเสียภาษีก็จะเพิ่มขึ้น เพราะเงินได้ที่ต้องเสียภาษีองบุคคลเหล่านั้น ไม่มีค่าอะไรมาลดหย่อน มีรายได้เท่าไหร่ก็เอารายได้นั้นมาคิดภาษีเลย และเมื่อบุคคลต้องเสียภาษีแล้ว ถ้ามีขั้นบันได ภาษี ขั้นต่ำสุด ก็ 5% ซึ่งถ้ายกเลิกขั้นบันได และคิด 15 % บุคคล ที่ยื่นแบบแสดงรายได้ ที่มีรายได้้เกิน 150000 บาท ก็จ่ายภาษีกันหนักเลย น่าชื่นชมรัฐมนตรีมาก ที่เพิ่มทั้งมูลค่าเพิ่ม ยันภาษีบุคคลธรรมดา เก็บภาษีทั้งฝั่งรับ และจ่ายอย่างหนักหน่วง คงจะมีอะไรไม่พอใจพรรค ถึงทำเพื่อให้ประชาชน คิดว่าทำแบบนี้ หลังจากนี้ใครจะเลือก. เป็นรฐมนตรีที่น่าชื่นชม จอแสดงความนับถือในคุณความดีครับ จะได้รายได้เยอะแน่ และจะมีโครงการดีๆ แบบจำนำข้าว ตามมาอีกหลายรายการ


    Screenshot_2024-12-10-16-20-00-97_40deb401b9ffe8e1df2f1cc5ba480b12.jpg

    Screenshot_2024-12-10-16-10-09-37_f9ee0578fe1cc94de7482bd41accb329.jpg
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รุมทึ้ง!!! (ภาพที่คุ้นตา?) กองทัพอเมริกา/ตุรกี/อิสราเอล ต่างก็กระโจนเข้าโจมตีศัตรูบนแผ่นดินซีเรีย --- ศัตรูใครศัตรูมัน แต่ฉวยโอกาส ห้ำหั่นให้แหลกลาญ
    เท่ากับว่ากบฏโค่นล้ม "อัสซาด" สำเร็จครั้งนี้ เป็นการเชื้อเชิญให้นานาอารยประเทศกลับเข้ามาเขย่าดินแดนซีเรียให้ลุกเป็นเพลิง
    ไม่ใช่ proxy war (ที่ประเทศใหญ่หนุนหลังกองกำลังในซีเรียรบกับอีกกองกำลัง) แต่ว่าเป็น สงครามย่อยแบบเฉพาะกลุ่ม (ที่กองทัพประเทศใหญ่ลุยกองกำลังเองเลย)

    อเมริกาประหัตประหาร "ไอเอส" --- มีทั้งโจมตีทางอากาศ และภาคพื้นดิน (มีทหารประจำการอยู่) เพื่อมิให้ผุดกำเริบขึ้นมา

    อิสราเอลเริ่มตามเก็บกวาดกองทัพของ "อัสซาด" --- ตามล้างตามเช็ดไม่ให้เหลือหน่อเชื้อได้ฟื้นกำเนิดใหม่ (โจมตีทางอากาศ)
    *ก่อนนี้ อิสราเอลเพิ่งประกาศว่าจะเคลื่อนพล (ภาคพื้นดิน) ไปตรึงตรงที่ราบสูงโกลัน โดยล้ำจากชายแดนเข้า "เขตกันชน" เป็นการชั่วคราว
    แต่ไม่ทันไร ไม่กี่อึดใจ ก็โจมตีทางอากาศซะแล้วจ้า
    (เหมือนแบ่งงานกันทำกับอเมริกา?)

    ตุรกีกวาดล้าง "เคิร์ด" --- นี่ยัง proxy อยู่ ไม่ต้องถึงมือกองทัพ ; ใช้กองกำลังแห่งชาติซีเรีย (SNA) สังหารกองกำลัง YPG แห่ง SDF ของเคิร์ด (ภาคพื้นดิน)
    *หมายเหตุ ยุทธการของตุรกีนี่ไม่ใหม่ มีทำเป็นระยะๆ เรื่อยๆ ไม่มีขาดอยู่แล้ว

    ภารกิจใครภารกิจมัน

    ตุรกีต้องปราบเคิร์ดในซีเรีย เพื่อมิให้เคิร์ดในตุรกีหือ (เพื่อมิให้โตแล้วเชื่อมเป็นเครือข่าย) --- เป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ
    อิสราเอล ... ก็ถือว่าซีเรียติดชายแดน มีความชอบธรรม (มั้ง)
    อเมริกา ... ก็ถือว่าต้องพิทักษ์โลก (มั้ง)

    ส่วนอิหร่านและรัสเซีย ยังไม่ว่าง

    ขณะที่ กองกำลังฮายัตฯ ที่เพิ่งยึดอำนาจมาได้
    ถามว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน
    ตราบใดที่ยังไม่มีเหตุผลให้ต้องถูกทำลาย

    อย่าลืม ... "เหตุผล" มันอยู่ที่ความคิด มันมีขึ้นมาได้ทุกเมื่อ

    ความโกลาหลก่อตัวขึ้นแล้ว
    นี่แค่ยกแรก
    ฟ้าหลังฝน คล้ายว่ามีฝุ่นควัน

    https://www.facebook.com/share/p/AnzXjXGT7PTNZ7dY/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อย่าไปกังวลกับ มูลค่าเพิ่มอย่างเดียว ภาษี บุคคล ธรรมดา ก็น่าห่วง เขาน่าจะเพิ่มจำนวนผู้ต้องจ่ายภาษี ไม่ใช้หน้าใหม่ แต่มาจากผู้ที่ต้องยื่นแบบแสดงรายได้ ถ้าไม่มีลดหย่อน คนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์จ่าย่าจะเพิ่มขึ้นมาก และเมื่อต้องจ่ายแล้ว ก็เห็นว้าอัตราเดียว 15 % ซึ่งมัคนจำนวนมากที่ต้องจ่ายโดยที่เดิม อาจจะจ่ายแค่ 15 % และเงินที่มาคำนวณภาษี ก็น่าจะเหลือไม่มากเพราะหักค่าลดหย่อนไปแล้ว

    รัฐมนตรี ฉลาดมาก เพิ่มจำนวนผู้จ่ายภาษีจาก ฐานผู้ยื่นแบบแสดงรายได้เดิม เพิ่มจำนวนรายได้จากการจัดเก็บภาษีอัตราเดียว 15 % โดยยกเลิกการเก็บภาษีขั้นบันได คนได้ประโยชน์คือคนรวย เพราะรายได้ที่เกิน กว่า 15 % ที่ต้องจ่ายเยอะ อาจจะ 20 หรือ 25 % ต่อไป เหลือ 15 % หมด vat ไม่ใช่คำตอบเดียว แต่มีคำตอบที่ 2 คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นอกจากที่อธิบายมาตอนต้นแล้ว ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล ก็มีผลกับราคาสินค้า เพราะร้านค้า บางแห่งยอกจากต้องชำระภาษีรายเดือน ภาษี vat รับ ลบ จ่ายแล้ว ทุกครึ่งปี หรือ หนึ่งปี บางร้านค้า อาจจะจดเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัท หรือห้างหุ้นส่วน บางร้านก็เป็นบุคคล ที่เป็นเจ้าของ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็มาจาก เอาเงินรายได้ ก็เป็นรายได้จากการจำหน่ายสินค้ารวม 1 ปี ลบจากรายจ่ายที่ซื้อสินค้า รวม 1 ปี เป็นรายได้สุทธิ มาลบออกจากค่าลดหย่อน และถ้าไม่มีการหักค่าลดหย่อนแล้ว และไม่มีภาษีขั้นบันได เกิดเป็นร้านค้าเล็กๆ ที่ไม่ได้จดเป็นนิติบุคคล หรือเป็นนิติบุคคลที่มีรายได้ไม่มาก จะมีรายจ่ายค่าภาษี เพิ่มขึ้นมาในปีหนึ่ง จากเดิมเท่าไหร่ และยิ่งมี vat เพิ่มอีก สุดท้ายเพื่อให้ร้านค้าอยู่ได้ ก็ต้องเพิ่มราคาสินค้า จากที่ก่อนเอามาคิด vat 15 % เพิ่มขึ้นอีก เพื่อให้มีรายได้พอจ่าย vat และภาษีบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ที่จะไม่มีค่าลดหย่อน และไม่มีขั้นบันได

    เดือดร้อนกันหนักเลย vat 15 % เป็นแค่กระไดก้าวแรก ก้าวต่อๆ ไปคือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล

    คนที่คิดวิธีเก็บภาษีแบบนี้ ไม่ธรรมดาเลย
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เฮา สุดท้าย ผมจะไม่เอาเรื่องรัฐบาลขึ้นภาษีมาพูดแล้วคนับ หัวข้อ สุดท้าย ผมเชื่อสูตร 15 15 15 ธุรกิจเล็ก ๆ ส่วนใหญ่ ธุรกิจ กลางๆ บางแห่ง ตายเรียบ ไม่ต้องไปคิดถึงประชาชนทั่วไป

    สุดยอด
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Dec 10, 2024 ขึ้นก่อนไทย! อินโดนีเซียเล็งเก็บภาษี VAT 12% ให้เริ่มมีผล 1 ม.ค. 68 นี้ บังคับใช้เฉพาะต่อสินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าด้านการศึกษาและสุขภาพได้รับการยกเว้น

    นายซัฟมี ดาสโก อาห์หมัด รองประธานรัฐสภาอินโดนีเซีย กล่าวว่า ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ผู้นำอินโดนีเซีย ได้เห็นพ้องต่อการปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สู่ระดับ 12% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 จากปัจจุบันที่ระดับ 11%

    อย่างไรก็ดี การปรับเพิ่มภาษี VAT ดังกล่าวจะมีการบังคับใช้เฉพาะต่อสินค้าฟุ่มเฟือย ขณะที่สินค้าอื่นยังคงเรียกเก็บภาษี VAT ในระดับ 11% ส่วนอาหาร, รายการสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและสุขภาพจะได้รับการยกเว้นจากการเรียกเก็บภาษี VAT

    รัฐบาลอินโดนีเซียระบุว่า การปรับเพิ่มภาษี VAT ดังกล่าวมีความจำเป็นสำหรับงบประมาณ รวมทั้งการใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลัง

    ประธานาธิบดีปราโบโวกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเขาต้องการเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษีสู่ระดับ 18% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จากปัจจุบันที่ระดับ 10%

    #อินโดนีเซีย #ภาษีแวต #VAT #ภาษีมูลค่าเพิ่ม #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/zjUKEc1HLhFu6YQG/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นอนหลับฝันดีครับ ไม่ได้ราตรีสวัสดิ์ มาหลายปีแล้ว ไม่น่าเชื่อน่ะว่า ผมจะเปิดกระทู้นี้ได้มายาวนานมาก ขอบคุณมากๆ น่ะครับ
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,765
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มกราคม 2568 ชุมชนเกาะบุโหลนเลจะผ่อนระบบ SHSDC:pAYGO ผ่านกลุ่ม ครบ 36 งวด = 100%
    ความสำเร็จนี้เกิดจากอะไร?
    1.) ชุมชนในพื้นที่เกาะห่างไกลที่ไฟฟ้าสายส่งเข้าไม่ถึงเลือกใช้ระบบ SHS แบบ DC แบบเติมเงิน จึงคุ้มค่าในการลงทุนที่ตอบโจทย์เชิง เศรษฐศาสตร์และในมิติความยั่งยืน
    2.) การเสริมพลัง EMPOWER กลุ่มบริหารจัดการผ่านเครือข่ายกระบวนการมีส่วนร่วม

    Solar Home : Pay As You Go คือ แพลตฟอร์มการจ่ายเงินที่คุ้มค่า ประหยัด เชื่อถือได้ ง่ายต่อการติดตั้ง+ซ่อมบำรุง ชุมชนสามารถจัดการเอง และถ้าเราเลือก ส่งเสริม SHS 12VDC 100% ทุกครัวเรือน ยกตัวอย่าง ชุมชนเกาะบุโหลนเล จ.สตูล จ่ายค่าระบบ DC 12 V ใช้พลังงาน 1 kw. แบตเตอรี่ต่อวัน (ทีวีหลอดไฟ พัดลม ตู้เย็น 6.5 คิว) DC จะจ่ายเดือนละ 900 บาท ผ่อนกลุ่ม 36 เดือน ถ้าตีเป็นหน่วย ไฟฟ้า คิดดังนี้
    900/30วัน = 30บาท ต่อ1 unit ด้วยอุปกรณ์ DC ทำให้ใช้นาน (18-24 ชม.)กว่าอุปกรณ์ AC เกือบ 4 เท่า (ยกตัวอย่าง TVled dc 32 นิ้ว กินไฟ 12 วัตต์/ชม. TVled AC กินไฟ 40 วัตต์/ชม.) และที่สำคัญเงินลงทุน DC ต่อครัวเรือนประมาณ 3X,XXX บาท (อ้างอิงจากชุมชนเกาะบุโหลนเล) (รวมค่าลงทุนอุปกรณ์แล้วทั้งหมด tv หลอดไฟ พัดลม ตู้เย็น) เมื่อเทียบกับ SHS AC ที่ลงทุนประมาณ 5X,XXX บาท (ไม่รวมอุปกรณ์ไฟฟ้า) (อ้างอิงจากโครงการ SHS ภาครัฐ) SHS DC จะประหยัดงบประมาณกว่า AC ถึง 40%
    หมายความว่า 1 เกาะ 100 ครัว shs dc ถึงตู้เย็น+พร้อมอุปกรณ์ใหทุกครัวเรือนจะใช้เงินลงอุปกรณ์ + ค่าพัฒนาพื้นที่ 4 คน จะใช้งบลงทุนต่อเกาะต่อโครงการ รวม 5 ล้าน ถ้าไมโครกริดปักเสาลากสาย จะใช้ประมาณ 15 ล้าน (อ้างอิงจากโครงการ Micro-grid ภาครัฐ) ยังไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า AC ครัวเรือนละ 8,000 บาท (ในกรณีที่เราจัดให้ทุกหลังแบบเท่าเทียม)

    นายพิรัฐ อินพานิช
    กพภ.สป.พน. (ทีมร่วมพัฒนาโครงการ)
    เรียบเรียบ

    1733898202471.jpg 1733898205440.jpg 1733898207290.jpg 1733898209076.jpg 1733898219492.jpg 1733898225831.jpg 1733898225700.jpg 1733898225541.jpg 1733898225347.jpg 1733898226889.jpg 1733898226275.jpg 1733898227391.jpg 1733898227775.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...