ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สรรพสามิต เปิดแนวทางการเก็บ “ภาษีคาร์บอน” โดยไทยเตรียมเก็บเป็นประเทศที่ 2 ในอาเซียน เริ่มจากการเก็บจากภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ยันช่วงแรกไม่กระทบราคาน้ำมันขายปลีก
    .
    อ่านต่อ : https://moneyandbanking.co.th/2024/132501/

    https://www.facebook.com/share/p/CxDepoS5qnDHkmTv/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1728228788910.jpg

    สถานการณ์น้ำท่วมในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ยังวิกฤติหนัก แม้น้ำเริ่มลดระดับลง แต่เป็นไปุอย่างช้าๆ เนื่องจากมวลน้ำที่ล้นตลิ่งกระจายเป็นเต็มพื้นที่ โดยย่านช้างคลาน-ไนท์บาซาร์น้ำยังท่วมสูงเกือบ 1 เมตร และไหลเชี่ยวเป็นแม่น้ำใจกลางเมือง ด้านอำเภอสารภีเริ่มอ่วมหนัก โดนน้ำไหลบ่าแรงท่วมขึ้นสูงและขยายวงกว้าง

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000094870

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    https://www.facebook.com/share/p/AbT62FUDDfXqNpM9/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1728228937317.jpg

    กู้ภัยฮุก 31โคราช เผยภาพมุมสูงน้ำท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เป็นบริเวณกว้าง จมน้ำกว่า 1 เมตร บางจุดท่วมสูงกว่า 2 เมตร เร่งใช้เรือยางติดเครื่องยนต์ฝ่ากระแสน้ำช่วยเหลือชาวไทยและชาวต่างชาติที่ติดอยู่ในบ้านเรือน อพยพไปอยู่ที่สูง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095002

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    https://www.facebook.com/share/p/15yC4ZH5Hpkydrwq/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1728229443846.jpg

    สุดตระหนก! ภาพจากอวกาศโชว์ “โลกร้อน” ทำน้ำแข็งขั้วโลกใต้ละลาย พบพืชสีเขียวปกคลุมกลายเป็นทุ่งมอส
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์ - ทีมนักวิทยาศาสตร์อังกฤษตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการชื่อดังวันศุกร์ (4 ต.ค.) ถึงการศึกษาใหม่ค้นพบว่ามีพื้นที่ในทวีปแอนตาร์กติกาที่เคยมีหิมะจับตัวแข็งสีขาว ปัจจุบันมีบางส่วนละลายและมีพืชมอสสีเขียวปกคลุมเห็นได้ชัดไกลจากอวกาศ เกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลกจากฝีมือมนุษย์ ระอุมากหน้าร้อนนี้ตั้งแต่กลางกรกฎาคมเป็นต้นไป บางส่วนของขั้วโลกใต้เจออุณหภูมิสูงลิ่ว 50 องศาฟาเรนไฮต์เหนือระดับปกติ
    .
    CNN ของสหรัฐฯ รายงานวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์อังกฤษประจำมหาวิทยาลัยเอ็กเซิตเตอร์ (University of Exeter) และมหาวิทยาลัยเฮิร์ตฟอร์ดเชอร์ (Universities of Hertfordshire) และสำนักงานสำรวจแอนตาร์กติกอังกฤษ (British Antarctic Survey) ตีพิมพ์ผลการศึกษาครั้งใหม่ลงวารสารธรณีย์วิทยาในวันศุกร์ (4)
    .
    ในการค้นพบที่ประกอบด้วยภาพถ่ายจากอวกาศเผยให้เห็นบางส่วนของทวีปแอนตาร์กติกา หรือขั้วโลกใต้ปราศจากน้ำแข็งหนาจับตัว แต่กลับเผยให้เห็นพื้นที่ส่วนเป็นหินและพืชสีเขียวปกคลุมเป็นบริเวณกว้างอย่างน่าตกใจ
    .
    นักวิทยาศาสตร์ศึกษาด้วยการใช้ภาพถ่ายทางดาวเทียมและข้อมูลต่างๆ เพื่อวิเคราะห์ระดับการโตของพืชสีเขียวที่ส่วนใหญ่จะเป็นมอสในทวีปแอนตาร์กติก เทือกเขายาวป็นแนวที่ชี้ไปทางทิศเหนือแหลมของทวีปอเมริกาใต้
    .
    ทั้งนี้ UPI เปิดเผยว่าในการศึกษาระบุว่าธารน้ำแข็ง (glacier) ของคาบสมุทรแอนตาร์กติกสูญเสียมวล (mass)ไปกว่า 90% นั้นตั้งแต่ยุค 1940s เป็นต้นมา
    .
    พืชที่ปกคลุมไม่ถึง 0.4 ตารางไมล์ของคาบสมุทรแอนตาร์กติกในปี 1986 แต่ได้แผ่ขยายไปเกือบ 5 ตารางไมล์ภายในปี 2021 อ้างอิงจากการศึกษาใหม่
    .
    ถือเป็นอัตราที่ขั้วโลกใต้ที่ขาวโพลนกำลังเริ่มมีสีเขียวขึ้นในช่วงระยะเวลาเกือบ 40 ปีนั้นกำลังมีอัตราเร่งขึ้นกว่า 30% ระหว่างปี 2016-2021
    .
    โธมัส โรแลนด์ (Thomas Roland) ผู้แต่งซึ่งทำการศึกษาและเป็นนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมประจำมหาวิทยาลัยเอ็กเซิตเตอร์ กล่าวว่า พื้นที่สีเขียวได้เพิ่มอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ช่วงกลางของยุคปี 1980s
    .
    “การศึกษาของพวกเรายืนยันว่า อิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลกที่มาจากน้ำมือมนุษย์ไม่มีขอบเขตสิ้นสุด” เขากล่าวให้สัมภาษณ์ต่อ CNN
    .
    และเสริมต่อว่า การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถเห็นได้ชัดจากอวกาศและพื้นที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงต่อขั้วโลกใต้ที่ถือเป็นจุดที่มีอุณหภูมิต่ำที่สุดในโลกแต่ยังหนีไม่รอดสภาพอากาศร้อนจัดไปได้
    .
    เพราะฤดูร้อนปีนี้ บางส่วนทวีปพบกับอุณหภูมิสูงทำลายสถิติแตะ 50 องศาฟาเรนไฮต์จากระดับปกติตั้งแต่กลางกรกฎาคม
    .
    และก่อนหน้าเมื่อมีนาคมปี 2022 พบว่าอุณหภูมิบางส่วนของทวีปมีอุณหภูมิสูงถึง 70 องศาฟาเรนไฮต์เหนือระดับปกติ กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่สูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมาในโลกใบนี้
    .
    และจากที่มนุษย์ยังคงใช้พลังงานน้ำมันที่ทำให้เกิดมลพิษที่ทำให้โลกเกิดภาวะโลกร้อน ทวีปแอนตาร์กติกาจะยังคงอุ่นขึ้นและเกิดพืชสีเขียวขึ้นมากขึ้นในลักษณะที่เป็นอัตราเร่งต่อไป นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์
    .
    ทั้งนี้ การที่ขั้วโลกใต้มีสีเขียวจะส่งผลต่อการลดความสามารถของขั้วโลกใต้ในการสะท้อนรังสีจากพระอาทิตย์กลับไปยังอวกาศเป็นเพราะพื้นผิวดำมืดมากกว่าจะสามารถดูดความร้อน
    .
    ออลลี บาร์ตเล็ตต์ (Olly Bartlett) ผู้เชี่ยวชาญด้านรีโมตเซ็นเซอริงและภูมิศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยเฮิร์ตฟอร์ดเชอร์กล่าวว่า
    .
    “สภาพพื้นที่โดดเด่นนี้อาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาล”
    .
    ในการศึกษาพบว่าพืชสีเขียวที่ส่วนใหญ่จะเป็นพืชมอสเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในตลอดระยะเวลา 40 ปี
    .
    UPI รายงานต่อว่า การมีสีเขียวเพิ่มขึ้นจากพื้นที่ขนาดไม่ถึง 1.1 ตารางไมล์ในปี 186 มาอยู่ที่เกือบ 14.3 ตารางไมล์ในปี 2021
    .
    โดยมีการคาดการณ์ว่า ขั้วโลกใต้น้ำแข็งละลายและคาดว่าจะมีสีเขียวขึ้นมีแนวโน้มจะอยู่ในอัตรากว่า 30% จากปี 2016-2021 เทียบกับการศึกษาโดยสมบูรณ์ระหว่างระยะเวลาปี 1986-2021
    .
    พืชสีเขียวจะเพิ่มขึ้นกว่า 478,396 ตารางหลาต่อปี
    .
    ผู้สนใจสามารถชมคลิปเพิ่มได้ที่...https://mgronline.com/around/detail/9670000094930

    https://www.facebook.com/share/p/mJk2scQ7u7QCTnRJ/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮือฮามาก! ปธน.ไต้หวัน “ไล่ ชิงเต๋อ” ประกาศยากที่จะคิดว่า “จีน” เป็นแผ่นดินแม่ “ธิงแทงก์อเมริกัน FDD ” เตือนดุ “ปักกิ่ง” อาจทำสงครามเศรษฐกิจ-ไซเบอร์ปิดล้อม
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    รอยเตอร์/เอพี/เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีไต้หวัน ไล่ ชิงเต๋อ เปิดแถลงวันเสาร์(6 ต.ค) ยืนยันยากที่จะคิดว่า จีนแผ่นดินใหญ่เป็นมาตุภูมิ ด้านธิงแทงก์อเมริกันชื่อดัง สถาบันการปกป้องประชาธิปไตย FDD เตือนไทเปอาจโดนปักกิ่งทำสงครามทางการค้า-ไซเบอร์ปิดล้อมเกาะ หลังเดือนที่ผ่านมากองทัพสหรัฐฯออกหลักการต่อต้านภัยคุกคามจีนภายในปี 2027
    .
    รอยเตอร์รายงานวานนี้(5 ต.ค)ว่า ประธานาธิบดีไต้หวัน ไล่ ชิงเต๋อ แถลงวันเสาร์(6 ต.ค)ในคอนเสิร์ตก่อนวันชาติไต้หวันที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 ต.ค
    .
    ในการแถลงผู้นำไทเปชี้ว่า จีนเพิ่งผ่านการเฉลิมฉลองวันชาติปีที่ 75 ในวันที่ 1 ต.คที่ผ่านมาและในไม่กี่วันหลังจากนั้นจะเป็นวันชาติไต้หวันปีที่ 113
    .
    ประธานาธิบดีไล่กล่าวว่า มันเป็นไปไม่ได้สำหรับไต้หวันที่จะมองจีนเป็นแผ่นดินแม่เพราะไต้หวันมีรากฐานทางการเมืองอายุเก่าแก่กว่า
    .
    “ดังนั้นแล้วในเงื่อนไขว่าด้วยอายุ ทำให้เป็นไปไม่ได้สำหรับประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจะเป็น “มาตุภูมิ” ของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)ที่มีอายุ 75 ปี” ไล่กล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือ
    .
    และเขากล่าวต่อว่า “หนึ่งในความหมายสำคัญที่สุดของการเฉลิมฉลองเหล่านี้คือพวกเราต้องจำให้ได้ว่าพวกเรามีอธิปไตยและเป็นประเทศเอกราช”
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า ไล่ถูกปักกิ่งมองว่าเป็น พวกแบ่งแยกดินแดน และก่อนวันชาติจีนเมื่อวันที่ 1 ต.ค ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ย้ำว่า รัฐบาลจีนของเขามองไต้หวันเป็นดินแดนของจีน
    .
    ขณะเดียวกันเอพีรายงานว่า รานงานที่เผยแพร่ในวันศุกร์(4)จากธิงแทงก์สหรัฐฯชื่อดังในกรุงวอชิงตัน ดีซี สถาบันการปกป้องประชาธิปไตย( Foundation for Defense of Democracies ) หรือ FDD ได้เตือนธงแดงว่า มีความเป็นไปได้ที่ปักกิ่งอาจจะใช้วิธีปิดล้อมไต้หวันด้วยการทำสงครามเศรษฐกิจและทางไซเบอร์
    .
    เอพีชี้ว่า จากการที่มีชาวไต้หวันอาศัยและทำงานอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ราว 1 ล้านคนส่งผลทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจมีความใกล้ชิดเพิ่มขึ้น และส่งผลทำให้มีความเป็นไปได้ต่อการใช้ยุทธวิธีบีบทางเศรษฐกิจ บอยคอต และการปิดล้อมทางการทหารซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่กว่า
    .
    FDD กล่าวในรายงานออกคำเตือนธงสีแดงว่า ปักกิ่งสามารถทำสงครามทางเศรษฐกิจและทางไซเบอร์เพื่อให้ไต้หวันยอมจำนนโดยที่ไม่ต้องใช้กำลังทางการทหารโดยตรงให้เสียเวลา
    .
    สถาบันธิงแทงก์อเมริกันFDD ได้เดินทางมาที่กรุงไทเปและใช้เวลาทำงานร่วมกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางการธนาคารและการเงินในไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้
    .
    ในการเตรียมพร้อมระหว่างธิงแทงก์อเมริกันและไต้หวันรวมไปถึงการระดมศึกษายุทธวิธีโจมตีทางพลเรือนจากปักกิ่งเป็นต้นว่า การทำสงครามจิตวิทยาเพื่อสั่นคลอนความเชื่อถือของสาธารณะ สั่งแบนสินค้านำเข้าจากไต้หวัน หรือการขึ้นภาษีนำเข้า ขายหุ้นช็อตเซลล์ไต้หวัน สั่งระงับธุรกรรมทางการเงินข้ามช่องแคบไต้หวัน ตัดสายเคเบิลไฟเบอร์ออปติก และมีเป้าหมายไปที่สินค้านำเข้าทางพลังงานและการบรรจุทางคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
    ..
    ทั้งนี้ฟ็อกซ์นิวส์เคยรายงานเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า กองทัพสหรัฐฯได้ออกหลักการใหม่มีเป้าหมายเพื่อรับมือในกรณีที่อาจเกิดวามขัดแย้งทางการทหารกับจีนต่อภัยคุกคามทางการทหารของกองทัพปลดแอกจีน PLA ที่เพิ่มขึ้นในไม่กี่ปีข้างหน้า
    .
    แผนการทางนาวีสหรัฐฯที่เผยแพร่ต่อสาธารณะถูกออกแบบเพื่อให้กองทัพสหรัฐฯเข้าสู่จุดยืนที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพปลดแอกจีนภายในปี 2027 ผ่านการเพิ่มกำลังพลและความก้าวหน้าทางยุทธศาสตร์เทคโนโลยี
    .
    ในรายงานกล่าวว่า เป้าหมายการปรับปรุงกองทัพเรือสหรัฐฯให้ทันสมัยภายในปี 2027 นั้นเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนตั้งเป้าประกาศเตรียมพร้อมกองทัพจีน PLA เพื่อทำสงครามบุกไต้หวันภายในปี 2030
    .
    “ความท้าทายโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน PRC ต่อกองทัพเรือสหรัฐฯของเราในเวลานี้นั้นไปไกลกว่าแค่ขนาดของฝูงเรือรบกองทัพจีน”
    .
    และในอีกช่วงได้กล่าวว่า เมื่อวิเคราะห์ผ่านแนวรบเชิงปฎิบัติเช่น การทำสงครามหลายโดเมน ทั้ง gray zone และทางเศรษฐกิจ การขยายของการใช้สิ่งปลูกสร้างที่ใช้ได้ทั้ง 2 แง่(การทหารและการพลเรือน) เป็นต้นว่า ลานบิน และการใช้กองกำลังในกิจการกึ่งทหารเป็นต้นว่า กองกำลังทางน้ำของจีน และการเพิ่มของจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ ส่งผลทำให้ชี้ว่า จีนเป็นภัยคุกคามหลายด้านต่อสหรัฐฯ
    .
    ขณะเดียวกันแผนเป้าหมายใหม่ของกองทัพเรือสหรัฐฯยังชี้ว่า ในขณะที่รัสเซียยังคงเข้ามาเกี่ยวข้องในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ที่ถึงแม้ตามความเห็นของเพนตากอนจะมองว่า รัสเซียนั้นบาดเจ็บและถูกโดดเดี่ยวจากการความขัดแย้งที่ยังดำเนินกับยูเครน แต่ทว่า “รัสเซีย” ยังคงเป็นภัยคุกคามเชิงปฎิบัติและทางเทคโนโลยี

    https://www.facebook.com/share/p/E4VGAWmm2YTE79og/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายหลัน ฝออัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจีน แถลงเรื่องแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเช้าวันนี้ (12 ต.ค.) โดยระบุว่า รัฐบาลกลางยังมีพื้นที่สำหรับการเพิ่มหนี้และขาดดุลงบประมาณ รวมถึง มีนโยบาย 4 เรื่อง กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการคือ การสนับสนุนธนาคารของรัฐ, การจ้างงานกลุ่มเยาวชน, การสนับสนุนรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดการความเสี่ยงด้านหนี้สิน, และการสร้างเสถียรภาพในภาคอสังหาริมทรัพย์
    .
    "แผนเพิ่มหนี้และขยายการขาดดุลงบประมาณ มีเป้าหมายเพื่อใช้พันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่นเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูความเชื่อมั่น"
    .
    อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีนจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมในวงเงินตั้งแต่ประมาณ 2 ล้านล้านหยวน (283.1 พันล้านดอลลาร์) ถึง 10 ล้านล้านหยวน แต่ทางการยังไม่ได้ประกาศตัวเลขวงเงินมาตรการที่จำเพาะเจาะจงแต่อย่างใด
    .
    การแถลงมาตรการนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความหวังสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ เพื่อกระตุ้นการเติบโตและความเชื่อมั่น หลังจากการลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 24 กันยายน และมาตรการอื่นๆ จากธนาคารกลางจีน (PBOC)
    .
    ที่มา: Bloomberg ,CNBC

    https://www.facebook.com/share/p/VB2cJzUrw4UhHSfJ/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดรามาเดือด “ธุรกิจขายตรง” จากอาชีพสร้างรายได้เสริมสู่เครือข่าย “ธุรกิจการตลาดแบบตรง” โตเร็ว โตแรง ดันบอสใหญ่รวยขึ้นแท่นระดับเศรษฐีหมื่นล้าน
    .
    กลายเป็นกระแสร้อนแรงสุดๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากับธุรกิจขายตรงรายหนึ่ง ที่ผู้บริหารรวยอู้ฟู่ระดับหมื่นล้าน ขึ้นระดับมหาเศรษฐีของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าย้อนไทม์ไลน์กลับไปกลับพบว่าใช้ระยะเวลาในการเติบโตของธุรกิจเพียง 5–6 ปีเท่านั้น จึงกลายเป็นที่จับตาของสังคม และมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนสื่อสังคมออนไลน์อย่างมาก เพราะดันมีลูกข่ายหรือเครือข่ายในธุรกิจออกมาร้องเรียนถึงผลกระทบและความเสียหายที่เกิดกับตนเองและครอบครัว จนกลายเป็นประเด็นดรามาและเชื่อว่าหลายคนก็ยังคงเกาะติดประเด็นนี้กันอยู่
    .
    กระแสวิจารณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีการตั้งคำถามถึง “ธุรกิจขายตรง” ในปัจจุบันว่าปกติแล้วเขาทำธุรกิจกันอย่างไร ทำไมภาพลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ถึงดูสวยหรู ทั้งที่ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาด
    .
    <ธุรกิจขายตรงอยู่คู่คนไทยมายาวนานแล้ว>
    หากย้อนกลับไป “ธุรกิจขายตรง” ก็นับว่าก่อเกิดในประเทศไทยมายาวนาน รูปแบบเดิมของธุรกิจนี้ก็จะเป็นการนำเสนอสินค้า ถ้าให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือธุรกิจที่ผลิตหรือเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า เช่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ถือเป็นอาชีพเสริม ตัวแทนขายตรงมักจะต้องนำเสนอ สาธิตหรือแสดงให้เห็นถึงการใช้งาน การอธิบายประกอบก่อนการขายหรือก่อนการเชิญชวนให้ผู้บริโภคซื้อหรือสมัครเป็นสมาชิก สมัยก่อนมีถึงขั้นกดกริ่งหน้าบ้านเพื่อนำสินค้าไปนำเสนอกับผู้บริโภคเลยก็มี แต่ก่อนที่จะเกิดการสมัครของบรรดาตัวแทนเกิดขึ้น บริษัทขายตรงส่วนใหญ่ก็มักจะมีการชักชวนให้ไปเข้าฟังการบรรยาย นำตัวแทนที่ประสบความความสำเร็จมาแชร์ประสบการณ์ โชว์ความสำเร็จ ความมั่งคั่งของตัวแทนที่มีความพยายาม มุมานะในการทำธุรกิจด้านนี้ ซึ่งก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวแทนจำหน่ายและดึงให้สมัครเข้าร่วมในธุรกิจขายตรง
    .
    ซึ่งในธุรกิจขายตรง ก็จะมี 2 รูปแบบ คือ
    1. ขายตรงแบบเดี่ยว (Single-Level Direct Selling : SLS) คือการที่ “ตัวแทน” ซื้อสินค้ามาจากบริษัทและนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วไปโดยตรง ตัวแทนจะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อและราคาขาย
    2. ขายตรงแบบเครือข่าย (Multi-Level Marketing: MLM) จะเป็นรูปแบบที่ผู้ขายสร้าง “ทีมขาย” หรือเครือข่ายได้ เมื่อสมาชิกในเครือข่ายขายสินค้า ผู้ขายที่แนะนำก็จะได้รับส่วนแบ่งรายได้เป็นค่าคอมมิชชันในรูปแบบของ “การขายทางอ้อม” นอกจากนี้ยังมีระบบการจ่ายค่าตอบแทนที่สร้างแรงจูงใจให้ผู้ขายขยายเครือข่ายของตนเองเพิ่มขึ้น
    .
    แต่ในปัจจุบันกลับพบว่า “ธุรกิจขายตรง” ที่เราเข้าใจกันแบบเดิมนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น และที่สำคัญต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นจากหลายธุรกิจที่มีช่องทางออนไลน์ เข้ามาดิสรัป แย่งส่วนแบ่งทำเงินจากช่องทางขายสินค้าที่แค่กดสั่งผ่านแอปฯ บนสมาร์ทโฟน โอนเงิน ก็จะมีสินค้าไปส่งถึงหน้าบ้าน โดยแทบไม่ต้องเสียแรงส่งตัวแทนไปกดกริ่งหน้าบ้านอีกต่อไป และในช่วง 3–4 ปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดขายตรงอยู่ระดับ 6–7 หมื่นล้านบาท การเติบโตขึ้นๆ ลงๆ ตามแต่ภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภคนั้นแหละ
    .
    <ความต่างของ “ธุรกิจขายตรง” กับ “การตลาดแบบตรง”>
    ต่อมาเมื่อมีประเด็นดรามาเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง ซึ่งต่างก็มีความเข้าใจถึงรูปแบบการสร้างแรงบันดาลใจตามสูตรสำเร็จ แต่ได้มีคนดัง ดารา นักแสดงมาเกี่ยวข้องด้วยทำให้ “สมาคมการขายตรงไทย” ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจขายตรงที่ถูกต้องก่อนที่จะเหมารวมซะทีเดียว โดยได้ชี้แจงด้วยว่าธุรกิจขายตรงแบบดั้งเดิมนั้นไม่ใช่รูปแบบธุรกิจเหมือนบริษัทที่เป็นประเด็นในตอนนี้ ซึ่งรูปแบบธุรกิจขายตรง “ที่ถูกต้อง” จะแตกต่างจากธุรกิจ “การตลาดแบบตรง” ได้แก่
    1. ผู้ประกอบการธุรกิจต้องจดทะเบียนก่อนการประกอบธุรกิจขายตรงกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
    2. ค่าธรรมเนียมในการสมัครเป็นผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงต้องมีความเหมาะสม เงินค่าสมัครจ่ายเพื่อคู่มือความรู้ เอกสารฝึกอบรม และสินค้าตัวอย่างเท่านั้น
    3. มีความรับผิดชอบต่อผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงโดยมีแผนธุรกิจที่เป็นไปได้จริง และคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจในระยะยาว
    4. การจ่ายผลตอบแทน รายได้ และตำแหน่ง ให้แก่ผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรง ต้องมาจากการขายสินค้าหรือบริการ “ไม่ใช่การระดมทุนหรือใช้เงินซื้อตำแหน่ง” โดยผู้ประกอบการจะต้องยื่นแผนธุรกิจในการจ่ายผลตอบแทน เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณาและอนุมัติ
    5. เน้นการจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพ ยอดขายมาจากการจัดจำหน่ายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง ไม่ได้มาจากการกักตุนสินค้าของผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรง และคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ
    6. มีการรับประกันความพึงพอใจของสินค้า โดยลูกค้าสามารถคืนสินค้ากับบริษัทภายในระยะเวลาที่กำหนด
    7. มีกฎระเบียบที่เข้มงวดในการดำเนินธุรกิจ เพื่อปกป้องผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรง และผู้บริโภค
    8. ผู้ประกอบการธุรกิจ ผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรง ต้องไม่กล่าวอ้างหรือโฆษณาสรรพคุณของสินค้าเกินจริง
    .
    ส่วนธุรกิจ “การตลาดแบบตรง” ที่เป็นโมเดลธุรกิจของบริษัทที่เป็นนประเด็นอยู่ตอนนี้ สมาคมการขายตรงไทยให้ข้อมูลว่า มักจะไม่มีพนักงานขาย เป็นการขายสินค้า หรือบริการในลักษณะของการสื่อสารข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถจับต้องสินค้าหรือเห็นรูปร่างลักษณะของสินค้าได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค ก็คือ “สินค้าไม่ตรงปก” ไม่ตรงตามคำโฆษณา และยังมีการขายแบบ “ระบบปิระมิด” ซึ่งต่างจากขายตรง เนื่องจากค่าธรรมเนียมจากการสมัครสูง มีการให้ผู้สมัครจ่ายค่าฝึกอบรม และซื้อสินค้าเกินความต้องการ รวมทั้งผลกำไรของระบบพีระมิดส่วนใหญ่จะมาจากการรับสมัครสมาชิก รายได้จะมาจากการรับสมัครสมาชิกใหม่ ซึ่งจะถูกบังคับให้ซื้อสินค้าที่มีราคาสูงเป็นจำนวนมาก ไม่มีนโยบายรับซื้อสินค้ากลับคืน เพราะนโยบายนี้จะทำให้ระบบพีระมิดล้มได้ ดังนั้นจึงร่ำรวยในเวลารวดเร็ว และด้วยรูปแบบธุรกิจยังเป็นเครือข่าย ทำให้บรรดาพ่อข่ายแม่ข่ายที่อยู่ระดับ “ยอดพีระมิด” มีไม่กี่คน และรวยจากผู้เข้าร่วมจำนวนมากซึ่งเป็น “ฐานของพีระมิด” ที่ควักเงินจ่ายค่าสินค้าเพิ่มยอดนั่นเอง
    .
    ขณะเดียวกันธุรกิจรูปแบบ “การตลาดแบบตรง” ยังมีการทำการตลาดโดยให้ดารา นักแสดง หรือบุคคลมีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัท หรือดึงลูกค้าจากฐานแฟนคลับจากบรรดาพรีเซ็นเตอร์เหล่านั้นด้วย
    .
    <คดีสะเทือนวงการธุรกิจ>
    อย่างไรก็ตาม จากกรณีมีกลุ่มผู้เสียหายจากธุรกิจเครือข่าย ดิไอคอน กรุ๊ป (The Icon Group) รวมตัวกันนำหลักฐานการร่วมลงทุนมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.)เพื่อตรวจสอบนั้น ล่าสุดกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ยังมีผู้ร่วมลงทุนและอ้างว่าเสียหายเข้าแจ้งความต่อเนื่องรวม 200 คน ความเสียหายมากกว่า 70 ล้านบาท
    .
    พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าคดีนี้จะต้องดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่มีการออกหมายเรียก แต่เป็นการออกหมายจับเลย เพราะมีอัตราโทษเกิน 3 ปี ซึ่ง ผบ.ตร.พูดชัดเจน ทุกคนที่อยู่ในกระบวนการ โลดแล่นในบริษัทต้องได้รับผลกรรมพร้อมกัน
    .
    ขณะนี้พนักงานสอบสวนนำหลักฐานเตรียมเสนอศาลขอหมายจับผู้บริหารบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป จำนวน 3 คนที่เข้าข่ายความผิดตามข้อกล่าวหา
    .
    สำหรับดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและความงาม โดยมีรูปแบบธุรกิจที่เน้นการตลาดแบบเครือข่าย โดนผลดำเนินงาน 5 ปีที่ผ่านมา มีรายได้หลักหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะในปี 2564 สามารถโกยรายได้เฉียด 5 พันล้านบาท และมีผลประกอบการเป็นกำไรกว่า 813 ล้านบาท โดยผู้บริหารดังมีวลีฮิตที่ว่า “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” ซึ่งนับเป็นคำคมที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน จนเข้าไปร่วมอยู่ในธุรกิจรายนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3U1JYaP
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #ธุรกิจขายตรง #ขายตรง #ธุรกิจ #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/mfMbg3NTKf9HNsw5/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1728750248261.jpg

    เลขบัตรประชาชนหลักที่ 1
    เลขหลักนี้หมายถึงประเภทบุคคลค่ะ ซึ่งประเภทบุคคลแบ่งเป็น 8 ประเภทด้วยกัน มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

    เลข 1 : คือคนที่เกิดและมีสัญชาติเป็นคนไหน และแจ้งเกิดภายในกำหนดเวลา คือภายใน 15 วันนับแต่เกิดตามที่กฎหมายกำหนด

    เลข 2 : คือคนที่เกิดและมีสัญชาติไทย แต่แจ้งเกิดเกินกำหนดเวลาที่กำหนด คือไม่ได้แจ้งเกิดภายใน 15 วันนับแต่เกิดตามที่กฎหมายกำหนด

    เลข 3 : คือคนไทยและคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่อในทะเบียนบ้านสมัยเริ่มแรก

    เลข 4 : คือคนไทยและคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญต่างด้าว แต่แจ้งย้ายเข้าโดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชนตั้งแต่เริ่มแรก

    เลข 5 : คือคนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อเข้าไปในทะเบียนบ้านจากการตกสำรวจ หรือเป็นกรณีที่มี 2 สัญชาติ

    เลข 6 : คือคนที่ไม่ได้เข้าเมืองมาตามกฎหมาย หรือคนที่เข้าเมืองมาตามกฎหมายก็จริงแต่ยังไม่ได้สัญชาติไทยหรืออยู่ในลักษณะชั่วคราว

    เลข 7 : คือบุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ที่เกิดในประเทศไทย

    เลข 8 : คือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คนที่ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวหรือได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทยแล้ว อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/articles/meaning-of-id-card-number?ref=ct
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อเมริกาส่งระบบป้องกันขีปนาวุธสุดไปให้อิสราเอล อ้าว!!!??? ไม่ใช่ของอิสราเอลคือแข็งแกร่งที่สุดในปฐพีหรอกเหรอ ไหงเข้าใจเช่นนั้นมาตลอดล่ะ
    THAAD (Terminal High-Altitude Area Defense) คือ ระบบป้องกันขีปนาวุธเลื่องชื่อของอเมริกา --- ว่าง่ายๆ คือ ใช้ดักสกัดมิสไซล์ที่ข้าศึกยิงมา
    สร้างสรรค์งานดีมีคุณภาพโดยบริษัท Lockheed Martin
    กองทัพสหรัฐอเมริกาอภิมหาอำนาจเลือกใช้!

    แต่ไหนแต่ไร ว่ากันว่าระบบป้องกันขีปนาวุธที่เลิศล้ำสุดในพิภพคือของอิสราเอล --- ก็แน่ล่ะ โดนล้อมกลางวงเสือสิงห์ในตะวันออกกลาง ด้วยเขี้ยวด้วยเล็บที่แหลมคมปานนั้น โล่ก็ย่อมต้องยิ่งฉกาจฉกรรจ์

    Iron Dome + David’s Sling + Arrow
    ผนึกกำลัง 3 ประสาน --- ด้วยระบบนี้ ในโลกหล้า มิมีใดที่ต้านทานไม่ได้
    หน้าแตกเพล้ง! ม่านฟ้าก็มีรั่ว . . . ฮามาสยิงเมื่อ 7 ต.ค. 2023 นั่นกระชากความเป็นจริงให้โลกแตกตื่น
    โดนรัวกระหน่ำเช่นห่าฝน ก็รับมือไม่ไหวเหมือนกัน --- ผู้ใดว่าปริมาณไม่สำคัญไปกว่าคุณภาพ!
    จากนั้น ก็มีอิหร่านยิงในเดือน เม.ย. 2024 ซึ่งผลลัพธ์ก็ประจักษ์แล้ว
    และล่าสุด เฮซบอลเลาห์ก็ระดมยิงอยู่ตำตา

    THAAD ของอเมริกาจะไปเสริมอะไรตรงไหน

    Iron Dome : ป้องกันรัศมีไม่เกิน 70 กิโลเมตร
    David’s Sling : ป้องกันรัศมีไม่เกิน 300 กิโลเมตร
    Arrow : แผ่คลุมรัศมีถึง 2,400 กิโลเมตร

    มันแบ่งตามรัศมีทำการ
    ซึ่ง THAAD มันถึง 200 กิโลเมตร --- ก็จะไปเสริม David’s Sling นั่นเอง

    (Iron Dome เมด อิน อิสราเอล / David’s Sling กับ Arrow อิสราเอลจับมือกับอเมริกา)

    หลักการทำงานก็คล้ายกันน่ะแหละ ประสิทธิภาพก็ไม่น่าจะเหลื่อมล้ำกว่ากันเท่าไหร่
    ประเด็นอยู่ที่ปริมาณ!
    (*ก็เห็นๆ แล้วว่าต่อให้ efficiency สูงเพียงใด แต่ถ้าถูกโหมด้วย sample เข้าไปเยอะๆ ก็เสร็จ!
    % เล็ดลอดมันต่ำ และต่อให้ % นี้ไม่รวนเมื่อโดนกระหน่ำเยอะๆ แต่ % มันคือ เศษหารส่วน ฉะนั้น เราใส่ส่วนเข้าไปแบบไม่ยั้ง รัวๆ ๆ ๆ ก็ย่อมได้ปริมาณที่เล็ดลอดมากขึ้น)
    อเมริกาจึงต้องส่งมาช่วยๆ กัน

    ที่พล่ามมายืดยาว ไม่ใช่ประเด็นหรอก
    จุดใหญ่ใจความ คือ การที่อเมริกาส่งระบบป้องกันขีปนาวุธมาให้อิสราเอลเช่นนี้ มัน "เปลี่ยนหน้าศึก"
    (ทหารอเมริกาก็ต้องเข้ามาอิสราเอลด้วย ; ทหารที่ประจำการระบบนี้)

    เพราะถ้าอิหร่านยิงทะลวงมาได้ จะไม่ได้หมายความว่าแค่ทะลวงอิสราเอล
    แต่คือทะลวงอเมริกาด้วย

    อเมริกามาหนุนอิสราเอลแบบเต็มตัวแล้ว
    ?

    มาเพื่อคุมเชิง มาตรึง เพื่อให้อิหร่านต้องตัดสินใจใคร่ครวญหนักขึ้นหากจะโจมตี
    หรือว่ามาเพื่อท้าทายยั่วยุ เชื้อเชิญให้อิหร่านกระโจนเข้ามา

    อิหร่านคิดยังไง
    โล่ที่แน่นหนาขึ้น หอกดาบของอิหร่านคมพอมั้ย แล้วต้องย่นระย่อหรือไม่

    พร้อมทดสอบ???
    FB_IMG_1728898830078.jpg FB_IMG_1728898831939.jpg FB_IMG_1728898834025.jpg FB_IMG_1728898835967.jpg FB_IMG_1728898837969.jpg
    https://www.facebook.com/share/p/5v4azS6JqvdBXZnt/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนโฉมใหม่ ยอมเป็น "หนี้" มากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ!?!?!? ผิดจากขนบเดิมที่ conservative ระมัดระวังกุม (ตรงข้ามกับฝรั่งที่พร้อมจะมี "ท่าพิสดาร" unprecedented แบบ QE)
    ล่าสุด กระทรวงการคลังของจีนออกมาแถลง จะ "กู้" มากขึ้น!!! ทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น
    กู้มาทำไม --- ก็ระบุแนวทางชัด รัฐบาลท้องถิ่นออกพันธบัตร เพื่อเอาเงินมาซื้อบ้านที่ขายไม่ออก แล้วก็ทำเป็นบ้านเอื้ออาทรให้คนจนมาซื้ออยู่
    แก้วิกฤติอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง

    ย้ำชัด รัฐบาลเป็น "หนี้" ได้มากขึ้น และ ขาดดุลงบประมาณ ได้อีกมาก

    ตลาดหุ้นไม่ได้ชอบเท่าไหร่ เพราะอยากเห็น "แจกเงิน" แบบจัดหนัก
    แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะอยากชี้ให้เห็นการปรับเปลี่ยนนโยบายขนานใหญ่ของจีนมากกว่า
    ซึ่งไม่ธรรมดา ...

    มีไหม ที่จีนจะมามุ่งมั่นอยากเป็น "หนี้" มากขึ้น?????
    แต่สถานการณ์ขณะนี้มันจำเป็น

    ทั้งนี้ รัฐบาลกลางของจีน ปัจจุบัน มีหนี้สาธารณะ 24% ของ GDP
    (*ของไทย 64% ของ GDP / ของอเมริกา 120% ของ GDP --- จะเห็นว่าของจีน สัดส่วนหนี้ต่ำมาก)
    แต่ถ้ารวมทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น หนี้จะเป็น 116% ของ GDP

    จีนขาดดุลงบประมาณ 6-7% ของ GDP (ตรงนี้สูสี ไล่ๆ กับอเมริกา ; ส่วนไทย หลังจาก "แจกเงิน" แล้ว จะทำให้ขึ้นไปอยู่ที่ 4.5% ของ GDP)

    กู้เพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ --- ต้องพลิกกระบวนท่า เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องลดวินัยทางการคลังลง
    เพราะตอนนี้ อสังหาฯ ร่อแร่จริงๆ และกระทบไปถึงการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน
    ยาวไปไม่ดี ต้องเร่งแก้

    หมายเหตุ นอกจากนี้ ขณะนี้ รัฐบาลท้องถิ่นของจีนยังมีเงินในมือ รวม 2.3 ล้านล้านหยวน (11 ล้านล้านบาท) ที่ได้จากการขายพันธบัตรไปก่อนหน้านี้
    ก็จะเอาตรงนี้มาใช้ได้ ก่อนสิ้นปี

    รอดไม่รอดไม่รู้
    กระบวนท่าที่ทำจะเพียงพอไหม ไม่รู้
    ติดตามดู

    https://www.facebook.com/share/p/BrP8hWVVYEDXWxVo/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1728899754942.jpg

    หลักการวางแผนลงทุนให้ประสบความสำเร็จ "แม้วันที่เผชิญกับภาวะวิกฤต" คุณจำเป็นต้องเข้าใจอะไรบ้าง ?
    .
    การลงทุนให้ประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงนั้น จำเป็นต้องเข้าใจถึงวัฏจักรเศรษฐกิจโลกและเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา การวางแผนการลงทุนที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้เรารับมือกับความผันผวนของตลาดได้ แต่ยังช่วยสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง แม้ในสภาวะวิกฤตอีกด้วย

    บทความนี้ "Business Tomorrow" จะพาไปสำรวจวัฏจักรเศรษฐกิจ 4 ระยะ พร้อมแนวทางการเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงอย่างไร..

    —————————

    มาร่วมฟังมุมมองพร้อมเปิดโอกาสการลงทุนของคุณไปกับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เจ้าของฉายา "Warren Buffett เมืองไทย" นักลงทุนระดับตำนาน ได้ในงาน Follow The Future 2024 - Unravel The New Era พร้อมพบกับวิทยากรระดับประเทศอีกมากมาย อาทิ "ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" อดีตรองนายกรัฐมนตรี, "บรรยง พงษ์พานิช" นักการเงินชั้นแนวหน้าผู้ผ่านทุกสนามธุรกิจการเงินระดับโลก

    #ห้ามพลาดแล้วพบกันวันที่ 30 พ.ย. 2567 ณ สมาคมราชกรีฑาสโมสร ร่วมพบปะเพื่อนนักลงทุน ทานอาหารเย็นและ Networking เปิดขายบัตร Early Bird ราคาพิเศษแล้ววันนี้!! รายละเอียดซื้อบัตร ใน Comment

    —————————

    ✅ ระยะฟื้นตัว (Recovery)

    ช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มขยายตัว หลังจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จะเห็นได้ว่า การปรับตัวดีขึ้นของ GDP, การผลิตและการจ้างงานสูงขึ้น ผลประกอบการภาคธุรกิจสูงขึ้น นอกจากนี้ดอกเบี้ยสินเชื่อของธนาคารและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภท

    • หุ้นคุณค่า (Value Stocks)
    • หุ้นกู้เทศบาล (Municipal)
    • หุ้นขนาดเล็ก (Small Cap)
    • ตราสารหนี้ผลตอบแทนสูง (High Yield Bonds)

    —————————

    ✅ ระยะเฟื่องฟู (Boom)

    ถือเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างเต็มที่ อัตราการว่างงานในระดับต่ำ ครัวเรือนมีกำลังซื้อสูง แต่อัตราเงินเฟ้อ ราคาสินค้า และอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินมีการปรับตัวขึ้นด้วย ช่วงนี้ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภท

    • สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)
    • ลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Overseas Equities)
    • หุ้นขนาดใหญ่ (Large Cap)

    —————————

    ✅ ระยะชะลอตัว (Slowdown)

    เศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ช่วงชะลอตัว หลังจากมีการเติบโตอย่างเต็มที่มาแล้ว สังเกตุได้จาก GDP เริ่มชะลอการเติบโต, ผลประกอบการของภาคเอกชนเริ่มลดลง รวมไปถึงเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และต้นทุนการผลิตมีการปรับตัวสูงขึ้น อัตราการว่างงานก็เริ่มสูงขึ้นเช่นกัน ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภท

    • พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น (Short-Term Treasuries)
    • กลุ่มอุตสาหกรรมที่มั่นคง (Defensive Sectors)
    • สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง (High Quality Assets)

    —————————

    ✅ ระยะถดถอย (Recession)

    เป็นช่วงที่เศรษฐกิจหดตัวอย่างเต็มตัว ถือได้ว่าจุดต่ำสุดของภาวะเศรษฐกิจ GDP หดตัวจนไปถึงขั้นติดลบ อัตราการว่างงานสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง ภาคครัวเรือนมีกำลังซื้อที่น้อยลง ส่งผลให้ภาคเอกชนหรือธุรกิจก็ลดกำลังการผลิตลง ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภท

    • พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว (Long-Term Treasuries)
    • หุ้นเติบโต (Growth Stocks)
    • หุ้นเอกชน (Corporate Bonds)

    #BusinessTomorrow #FollowtheFuture2024

    https://www.facebook.com/share/p/RvauGUG1eXb5xHH3/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1728900340498.jpg

    ช่วยโลกร้อน! โตโยต้าเปิดตัวเปลี่ยนเกมส์แห่งอนาคต เตรียมโชว์แบตเตอร์รีไฮโดรเจนรุ่นถ่าน AA ขนาดยักษ์ใส่รถไฟฟ้า แก้ปัญหารอชาร์จแบตนานที่สถานี
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์ - บริษัทโตโยต้าประสบความสำเร็จครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดเพื่ออนาคต สร้างเซลล์แบตเตอร์รีไฮโดรเจนที่มีหน้าตาเหมือนถ่านไฟฉาย AA ใส่รถยนต์ไฟฟ้า นำไปสู่แก้ปัญหาปวดหัวชาร์จแบตนานในอนาคต เตรียมเปิดตัวโชว์งาน Japan Mobility Show Bizweek 2024 เดือนนี้
    .
    TechRadar ของสหรัฐฯรายงานวันพุธ(9 ต.ค)ว่า อาจจะไม่ใช่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไปที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ประสบปัญหากับแบตเตอร์รีจะสามารถมีเซลล์แบตเตอร์รีไฮโดรเจนที่มีหน้าตาเหมือนถ่านไฟฉาย AA ที่สามารถเปลี่ยนได้เป็นพลังงานให้กับรถยนต์ไฟฟ้า
    .
    ค่ายโตโยต้าของญี่ปุ่นที่บุกเบิกด้านพลังงานไฮโดรเจนประสบความสำเร็จสามารถสร้างเจนใหม่ของพลังงานแบตเตอร์รีไฮโดรเจนให้รถไฟฟ้าสำเร็จ ที่รู้จักในชื่อ Hydrogen fuel cell electric vehicles หรือ FCEVs
    .
    และกำลังเตรียมจะเปิดโชว์ของจริงที่งาน Japan Mobility Show Bizweek 2024 ภายในเดือนนี้
    .
    เซลล์แบตเตอร์รีไฮโดรเจนรุ่นใหม่นี้จะมีขนาดเล็กที่มีหน้าตาเหมือนถ่านไฟฉาย AA ขนาดยักษ์ที่ถือได้ด้วยมือเดียว
    .
    ถือเป็นการ break through ครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเพราะคนขับสามารถเติมพลังงานให้กับรถของตัวเองได้ทันทีที่เห็นพลังงานของรถลดต่ำ จะแก้ปัญหาหาสถานีเติมไม่ได้หรือการสร้างสถานีพลังงานไม่เพียงพอ
    .
    TechRadar รายงานว่า บริษัทโตโยต้ามองว่า ถังพลังงานไฮโดรเจนนี้เหล่านี้จะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้งและเป็นถังที่ใช้เติมพลังงานได้และนอกจากที่จะใช้ในรถยนต์แล้วจะสามารถขยายไปสู่การใช้ในชีวิตประจำวันเป็นต้นว่า การให้พลังงานในบ้านพักหรือแม้กระทั่งเพื่อการหุงต้มในครัวเรือน
    .
    ความโดดเด่นของถังถ่านไฮโดรเจนรถยนต์ไฟฟ้านี้ โตโยต้าเชื่อว่าจะสามารถมีราคาประหยัดได้และความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้นให้กับประชาชนที่มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบเช่นทั้งในกรุงโตเกียว เมืองนิวยอร์ก ซิตี้ หรือกรุงลอนดอน โดยปราศจากที่ต้องวางระบบท่อส่งเครือข่ายขนาดใหญ่

    https://www.facebook.com/share/p/bJoUPzd1c86QHmrM/
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บรรดาแกนนำกลุ่มผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณู ที่เพิ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ กล่าวเตือนในวันเสาร์(12ต.ค.) ว่าความเสี่ยงของสงครามนิวเคลียร์กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมส่งเสียงเรียกร้องอีกรอบให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์

    "สถานการณ์ระหว่างประเทศกำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง และประเทศต่างๆที่กำลังทำสงครามกันในตอนนี้ ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์" จากคำกล่าวของ ชิเกมัตซุ ทานากะ หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุสหรัฐฯทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มนางาซากิเมื่อปี 1945 และหัวหน้ากลุ่มนิฮอน ฮิดันเคียว (Nihon Hidankyo) ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวรากหญ้าของเหยื่อที่รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา และนางาซากิ กลุ่มซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีล่าสุด

    "ผมหวั่นกลัวว่าเราในฐานะมนุษยชาติ กำลังอยู่บนเส้นทางของการทำลายล้างตนเอง หนทางเดียวที่จะหยุดยั้งสิ่งนั้นก็คือกำจัดนิวเคลียร์"

    ในการมอบรางวัลแก่พวกผู้รอดชีวิต ทางคณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ เน้นย้ำถึงความเลวร้ายของระเบิดปรมาณูที่ทำลายล้างฮิโรชิมาและนางาซากิ และยกย่องการทำงานของกลุ่มนิฮอน ฮิดันเคีย องค์กรญี่ปุ่น ที่ทำงานมานานหลายทศวรรษ ในความพยายามกำจัดโลกแห่งอาวุธนิวเคลียร์

    คณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ ระบุด้วยว่าความพยายามของกลุ่มนิฮอน ฮิดันเคีย มีความสำคัญยิ่งกับโลกทุกวันนี้ ไม่ใช่กับประเทศหนึ่งประเทศใดโดยเฉพาะ

    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ส่งสัญญาณเมื่อเดือนที่แล้ว ว่ามอสโกจะพิจารณาตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์หากว่าสหรัฐฯและพันธมิตร ไฟเขียวให้ยูคเรนโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกมอบใหม่

    ขณะเดียวกันในอีกความขัดแย้งหนึ่งในตะวันออกกลาง อิหร่าน ก็ประกาศกร้าวว่าพร้อมอย่างเต็มกำลังในการปกป้องตัวเองและแก้แค้นอย่างทัดเทียมต่อความเป็นไปได้ใดๆ ที่อิสราเอลจะลงมือโจมตี ในนั้นรวมถึงที่ตั้งทางน้ำมันและนิวเคลียร์ของเตหะราน

    (ที่มา:รอยเตอร์/เอเจนซี)

    https://www.facebook.com/share/p/da7wXxk4YX3JmTgg/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มีผู้เสียชีวิต 4 รายทางตะวันตกของฝรั่งเศส ในช่วงเย็นวันเสาร์(12ต.ค.) หลังรถไฟฟ้าเทสลาคันหนึ่ง เกิดไฟลุกไหม้ที่ยังไม่สามารถสรุปถึงสาเหตุได้ จากการเปิดเผยของอัยการในวันอาทิตย์(13ต.ค.)

    อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นนอกเมืองดิออร์ ส่งผลให้คนขับและผู้โดยสารอีก 3 คนเสียชีวิต โดยคนเหล่านี้เป็นพนักงานของร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเมลเลอ ที่อยู่ใกล้ๆกัน ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าวใกล้ชิดกับตำรวจ

    ผู้พิพากษาท้องถิ่นรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า "ได้มีการเปิดการสืบสวนเพื่อสรุปถึงสาเหตุและกรณีแวดล้อมของอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตในครั้งนี้แล้ว ระหว่างการสืบสวนนั้นจะมีการร้องขอผู้เชี่ยวชาญด้านยานพาหนะเข้ามาตรวจสอบด้วย"

    จากรายงานในเบื้องต้น พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวพุ่งชนป้ายสัญญาณจราจรหลายป้ายด้วยความเร็วสูง ก่อนเกิดไฟลุกไหม้ที่ยังไม่สามารถสรุปถึงสาเหตุได้

    ตำรวจเปิดเผยว่าตอนที่พวกทีมกู้ภัยเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ พบว่าคนขับและผู้โดยสารบนรถยนต์คันดังกล่าว เสียชีวิตไปก่อนหน้าแล้ว

    ที่ผ่านมา เทสลา ซึ่งมีอภิมหาเศรษฐี อีลอส มัสก์ เป็นผู้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งซีอีโอ ถูกพินิจพิเคราะห์ตรวจสอบในด้านประเด็นความปลอดภัยบ่อยครั้ง

    ในเดือนเมษายน ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งนี้ บรรลุข้อตกลงยอมความกับครอบครัวของวิศวกรรายหนึ่ง ที่เสียชีวิตในเหตุรถยนต์เทสลา เอ็กซ์ ประสบอุบัติเหตุในซิลิคอน วัลเลย์ เมื่อปี 2018 ความเคลื่อนไหวที่หลีกเลี่ยงการเข้าสู่การพิจารณาคดี

    จากคำร้องระบุว่าคนขับรายนี้ใช้ฟีเตอร์ออโตไฟล็อตของเทสลา ขณะกำลังแล่นอยู่บนถนนหลวงสายหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย แต่ระหว่างนั้นรถยนต์กลับขับพุ่งชนเกาะกลางถนนที่ทำจากคอนกรีต

    เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เทสลา เรียกคืนรถยนต์มากกว่า 2 ล้านคันในสหรัฐฯและแคนาดา สืบเนื่องจากความเสี่ยงต่างๆที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ออโตไฟล็อต ซึ่งก่อความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชน

    (ที่มา:เอเอฟพี)
    https://www.facebook.com/share/p/ZTKHSSws8MoFom5Z/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    PSX_20241014_174209.jpg

    #ซาอุดิอาระเบีย : ภาพแตงโมซาอุดีอาระเบีย กำลังเป็นไวรัลอย่างมากในโซเชียลมีเดีย
    ซึ่งภาพนี้แสดงถึงคุณภาพของแตงโม แหล่งผลิตในซาอุดีอาระเบีย ที่ลูกใหญ่ ยาว สีสวยงาม ประกอบกับช่วงนี้ฤดูร้อนในภูมิภาคอ่าว ผู้คนต่างหาผลไม้มารับประทานแก้กระหาย

    หากคุณเคยทดลองรับประทานแตงโมซาอุดีอาระเบีย มาแล้ว โปรดรีวิวรสชาติ แบ่งปันในความเห็น

    พิกัด เมล็ดพันธุ์แตงโม ชาร์เลสตัน เกรย์ Charleston Gray Watermelon
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิกฤตหนี้หนักกว่าต้มยำกุ้ง ลูกหนี้รายได้น้อยกำลังเผชิญภาวะสภาพคล่องกำลังตึงตัว และภาวะ ‘หลุมรายได้-ภูเขาหนี้’ ลามถึงผู้มีรายได้สูงก็เริ่มมีสัญญาณค้างชำระแล้ว
    #TheStandardWealth

    วิกฤตหนี้หนักกว่าต้มยำกุ้ง เสี่ยงลามรายได้สูง เงินเดือน 5 หมื่นมีอาการ!
    ▶️ ชมคลิป:


    https://www.facebook.com/share/LZ1Dow7oEcaw3wr2/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: อินโดนีเซียร้องขอให้ Google และ Apple บล็อก Temu และ SHEIN ปกป้องธุรกิจ SMEs ในประเทศ
    .
    รัฐบาลอินโดนีเซียร้องขอให้ Google และ Apple บล็อก Temu แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแฟชั่นจากจีน ในร้านค้าแอปพลิเคชันของตน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานในประเทศดาวน์โหลดแอป เพราะหวั่นทำลายธุรกิจ SMEs
    .
    Budi Arie Setiadi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศของอินโดนีเซีย กล่าวว่า มาตรการนี้มีขึ้นเพื่อปกป้องธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของประเทศจากสินค้าราคาถูกของ Temu ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ PDD Holdings แม้ว่าทางการอินโดนีเซียจะยังไม่พบธุรกรรมใดๆ ของผู้ใช้ในประเทศบนแพลตฟอร์มนี้ก็ตาม
    .
    Temu เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยโมเดลธุรกิจที่เชื่อมโยงผู้บริโภคโดยตรงกับโรงงานในจีน เพื่อลดราคาสินค้าลงอย่างมาก ซึ่ง Budi มองว่าเป็น ‘การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม’
    .
    “เราไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อปกป้องอีคอมเมิร์ซ แต่เราปกป้อง SMEs เพราะมี SMEs หลายล้านรายที่เราต้องปกป้อง” เขากล่าว
    .
    Reuters รายงานว่า จนถึงขณะนี้ Apple และ Google ยังไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอดังกล่าว โดยแอปพลิเคชัน Temu ยังคงสามารถดาวน์โหลดได้จากร้านค้าแอปของทั้งสองบริษัท
    .
    รัฐบาลอินโดนีเซียยังมีแผนที่จะขวางการลงทุนของ Temu ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศ หากบริษัทมีแผนดังกล่าว และจะขอให้ Google และ Apple บล็อก SHEIN ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มช้อปปิ้งจากจีนด้วย
    .
    ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียเคยบังคับให้ TikTok ปิดบริการอีคอมเมิร์ซในประเทศ เพื่อปกป้องผู้ค้าในประเทศและข้อมูลผู้ใช้ ต่อมา TikTok ตกลงซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซของ GoTo เพื่อที่จะยังคงอยู่ในตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    .
    อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซียคาดว่าจะขยายตัวเป็นประมาณ 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.3 ล้านล้านบาทภายในปี 2030 จาก 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.06 ล้านล้านบาทในปี 2023 ตามรายงานของ Google, Temasek Holdings และ Bain & Co.
    .
    ขณะเดียวกัน Reuters ยังรายงานอีกว่า คณะกรรมาธิการยุโรปส่งคำร้องขอข้อมูลไปยัง Temu แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดัง ภายใต้กฎหมายว่าด้วยบริการดิจิทัล (DSA) โดยขอให้ Temu ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการที่บริษัทดำเนินการเพื่อป้องกันการขายสินค้าผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์ม
    .
    คำร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้รับรายงานเกี่ยวกับสินค้าผิดกฎหมายจำนวนมากที่วางขายบน Temu ซึ่งรวมถึงสินค้าลอกเลียนแบบ สินค้าอันตราย และสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
    .
    Temu มีเวลาจนถึงวันที่ 21 ตุลาคม 2024 ในการส่งข้อมูลที่ร้องขอ โดยคณะกรรมาธิการยุโรปจะใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการประเมินและพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
    .
    อ้างอิง:
    https://www.reuters.com/business/re...inas-temu-protect-small-merchants-2024-10-11/
    https://www.reuters.com/business/re...ing-against-illegal-product-sales-2024-10-11/
    .
    #TheStandardWealth

    https://www.facebook.com/share/p/ek5wQs6LQeY6mfku/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1729172150982.jpg

    เซอร์ไพรส์! บาทมีลุ้นไปถึง 34 บาท/ดอลลาร์เลยมั้ย เมื่อแบงก์ชาติไทยพลิกโผ ลดดอกเบี้ยแบบไม่น่าเชื่อ! เวลาทอง แค่ครึ่งเดือนเท่านั้น
    บาทส่อเค้า เข้า "ขาอ่อน" --- อย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าจะ 7 พ.ย. ที่ "เฟด" แบงก์ชาติอเมริกาอาจจะลดดอกเบี้ย
    เท่ากับว่า ช่วงเวลา "ครึ่งเดือนนี้" บาทจะอ่อนไปก่อน (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะอ่อนหลุดไปถึงไหน)

    แบงก์ชาติของเรา ทำท่าแข็งขืน เหมือนจะยืนไว้ ไม่ยอมลดดอกเบี้ยนะครับท่าน
    ทำไปทำมา ก็ทำเอาช็อกไปตามๆ กัน! ตามคำเรียกร้องของรัฐบาลที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา ทางแบงก์ชาติก็ยอมลด --- ลดแบบซอฟท์ๆ 0.25%
    แต่ลดก็คือลด

    เอาเข้าจริง ตามภาพที่ผมวาดไว้เหมือนจิตรกรรมอันวิจิตร บาททะยานไปแข็งค่าสุดในรอบ 2 ปีครึ่งเลยนะครับท่าน หลัง "เฟด" ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี (วันที่ 18 ก.ย. - สีน้ำเงิน ; ยิ่งกราฟลง คือบาทยิ่งแข็ง)
    เทรนด์มันก็ "ขาแข็ง" ต่อเนื่องมาตั้งแต่ ก.ค. แล้วล่ะ ทีนี้พอเจอ "เฟด" มาย้ำ ก็เรียบร้อยเลย

    ที่จริง "หน้าต่าง" ความแข็งของบาท น่าจะยาวกว่านั้น --- อย่างน้อยที่สุด คือ ถึง 16 ต.ค. (วันนี้) ที่ กนง. จะตัดสินใจ
    แต่อย่างที่เพจเดือดฯ โพสต์ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
    ความแข็งจะถูกสู้ด้วย "ดิจิทัล วอลเล็ต" (supply ของเงินในระบบเยอะขึ้น ฉุดให้บาทอ่อนลง)
    ผมฟลุคๆ เดาถูก แต่บอกตามตรงว่าคิดไม่ถึง ว่าจะฉุดได้แรงขนาดนี้
    บาทกลับมาอ่อนเท่าๆ กับจุดที่ก่อน "เฟด" จะหั่นดอกด้วยซ้ำ

    และก็เปรี้ยง! สรุป แบงก์ชาติไทยมีมติลดดอกเบี้ย เท่ากับบาทจะอ่อนลงตามทาง (อ่อนลง คือกราฟขึ้นข้างบน)

    อย่างน้อยที่สุด ก็ถึง 7 พ.ย. ซึ่ง FOMC งวดใหม่ของ "เฟด" จะมีมติ
    ถ้าลดดอกเบี้ย ความอ่อนของบาทก็จะเพลาลงหน่อย
    แต่ขืน "เฟด" ดันมาแปลก คงดอกเบี้ยไว้ก่อน ทีนี้ล่ะ บาทจะ "ขาอ่อน" มาเต็ม

    กลับไปที่คำถามเริ่มต้น
    เห็น 34 มั้ย?

    https://www.facebook.com/share/p/BS3y7VgAph2WD1sX/
     

แชร์หน้านี้

Loading...