ตามหาคู่แท้ ให้หลวงพ่อท่าน ภาค ๒ ครับ

[FONT=&quot]เหรียญอาร์มพระพรหมจตุรพักตร์[/FONT]
[FONT=&quot] หลวงปู่ดู่เสกเดี่ยว ออกวัดโคกมะยม [/FONT][FONT=&quot]ปี [/FONT][FONT=&quot]29[/FONT]





​

[FONT=&quot]พระพรหมของวัดโคกมะยม ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยานั้น เกิดจากการที่ท่านเจ้าอาวาส[/FONT][FONT=&quot]วัดโคกมะยม [/FONT][FONT=&quot]ท่าน มีประสงค์จะหาทุนทรัพย์เพื่อทำการซ่อมแซมศาลาวัด แต่ยังขาดปัจจัยอยู่เป็นจำนวนมาก และการที่จะหาให้ได้ซึ่งเงินแสน เงินล้านสำหรับท่านนั้นเป็นเรื่องยากเย็นนัก เนื่องเพราะท่านยังอ่อนอาวุโสอยู่มาก ท่านจึงดำริว่าควรขอความช่วยเหลือจากพระเกจิที่ทีชื่อเสียง เพื่อสร้างวัตถุมงคลออกตอบแทนผู้ที่สละปัจจัยให้กับทางวัดในการ[/FONT][FONT=&quot]ซ่อมแซมศาลาวัดครั้งนี้[/FONT][FONT=&quot] แล้วท่านก็คิดถึง "หลวงปู่ดู่" เพราะในช่วง ปี พ.ศ.[/FONT][FONT=&quot] 2528 นั้น ชื่อเสียงเกียรติคุณของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่ง วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา กำลังขจรขจายไปทั่ว เพราะหลวงปู่สี พินทสุวัณโณ พระเถระผู้พี่ได้ทิ้งขันธ์จากหมู่ศิษย์ไปเสียแล้วเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2526
[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ทาง วัดโคกมะยมจึงมาขออนุญาตจากหลวงปู่ดู่เพื่อสร้างวัตถุมงคลขึ้น เมื่อหลวงปู่ดู่พิจารณาเห็นว่าเป็นไปเพื่อพระศาสนาท่านจึงอนุญาต ทางวัด[/FONT][FONT=&quot]โคกมะยม[/FONT][FONT=&quot]จึง กลับไปดำเนินการสร้างวัตถุมงคลเป็นรูป "พรหม" โดยยึดตามรูปแบบเดิมของท่านปรมาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ด้วยการทำเป็นเหรียญโลหะรูปอาร์มขึ้นจำนวนหนึ่ง ชนิดเนื้อที่จำได้คือ เงิน และ ทองแดงรมดำ และได้จัดสร้างพรหมเนื้อผงรูปอาร์มขนาดเล็กกว่าเหรียญขึ้นมาจำนวนประมาณ [/FONT][FONT=&quot]10,000 องค์ แล้วนำมาถวายหลวงปู่ดู่อธิษฐานจิตที่วัดสะแก ตลอดไตรมาสปี พ.ศ. 2528 นั่นเอง

ท่านที่มีความประสงค์ ต้องการวัตถุมงคลที่องค์หลวงปู่ดู่ท่านเสกไว้อาราธนาติดตัว เหรียญพรหมของวัดโคกมะยมนี้น่าเก็บบูชามากครับ เพราะวัตถุมงคล[/FONT][FONT=&quot]ที่หลวงปู่ดู่เสก และออกที่[/FONT][FONT=&quot]วัดสะแกนั้น มีอัตรการเช่าบูชาสูงจนจะเกินเอื่อม แล้วยังมีของเทียมมากกว่าของแท้อีกด้วย แต่[/FONT][FONT=&quot]เหรียญ พรหมของวัดโคกมะยมนี้ อัตราค่าบูชายังไม่สูงนัก อีกทั้งรูปแบบการสร้างก็เป็นสายของวัดสะแก หลวงปู่ดู่ท่านก็เสกเดี่ยวให้ และเจตนาในการสร้างก็บริสุทธิ์ ไม่เก็บตอนที่ยังเก็บได้ ไม่แน่ว่าต่อไปจะหายากกว่าตอนนี้ครับ[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]

ปิดครับ​

 

2 IN 1 เหรียญ + ล็อกเก็ต

เหรียญอิทธิมหาลาภ
หลวงพ่อเปิ่น ปี27 กะไหล่ทองลงยา

เหรียญละ ๕๕๙. - บาทพร้อมจัดส่ง

[FONT=&quot]หลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ[/FONT]​

[FONT=&quot]หากเราย้อนหลังไปซักสิบปีที่ผ่านมา...ชื่อเสียงของ [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]หรือ [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]พระอุดมประชานาถ[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]เจ้า อาวาสวัดบางพระ อำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐม...โด่งดังขึ้นอย่างสุดขีด ถือว่าเป็นพระเกจิอาจารย์อันดับต้นๆ ของเมืองไทย เนื่องจากเพราะวัตถุมงคลที่หลวงพ่อได้ปลุกเสกไว้นั้น ก่อเกิดประสบการณ์อภินิหารอยู่เสมอๆ เช่นด้านเมตตามหานิยม ค้าขายคล่องและมีโชคลาภอยู่เนืองๆ....และ “สุดยอดที่สุด” ก็คือด้าน[/FONT][FONT=&quot]“รอยสัก คาถาอาคมและวิชาอยู่ยงคงกระพัน”[/FONT][FONT=&quot]ที่มีให้เห็นแจ้งชัด...[/FONT]



[FONT=&quot]จึง ไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมวัตถุมงคลของหลวงพ่อเปิ่น แม้จะมีการสร้างและปลุกเสกอยู่เสมอๆ หลายรุ่นหลายรูปแบบ จำนวนมากมาย จึงไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกศิษย์ และผู้ที่มีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสในหลวงพ่อ ที่นับวันแต่จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากปากต่อปาก จนโด่งดังขจรขยายไปกว้างไกลทั่วประเทศ และในต่างแดนก็รู้จักกิตติศัพท์ความแก่กล้าสามารถในด้านสมาธิและพลังจิตของ หลวงพ่อ ตลอดจนวัตรปฏิบัติของหลวงพ่อก็น่าศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งและมากล้นด้วย ความเมตตาอย่างสูงส่ง.....[/FONT]



[FONT=&quot]ถ้าจะว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว หลวงพ่อเปิ่นท่านโด่งดังในละแวกนครชัยศรีมานานปีแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของท่าน [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]ดังแบบพลุแตก[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]ก็ ด้วยข่าวที่ว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้ เพราะไม่ใช่ญาติ) ถูกฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหดโดยถูกไม้ไผ่เสียบเข้าประตูหลัง...เมื่อคนร้ายถูก จับได้ และรับสารภาพว่าได้เคยลอบฆ่าชายหนุ่มคนนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่แคล้วคลาดไปซะทุกที..แม้จะลอบยิงด้วยปืน เจ้ากรรมกระสุนก็ด้านซะหมด จนเกิดความสงสัยในสมองเป็นอย่างมาก..หมอนี่เลยสืบหาความจริงได้ความว่าคู่ อริคนนี้มีของดีอยู่ที่รอยสักที่ผ่านการครอบครู และเสกมาแล้วโดย [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT][FONT=&quot]นั่น เอง ถึงได้มีความอยู่ยงคงกระพัน และแคล้วคลาดเสมอ จึงได้ทำการค้นคว้าก็ทราบว่าคนที่มีรอยสักนั้นจะทำร้ายได้เฉพาะทาง ปตล.เท่านั้น จึงได้แอบซุ่มเอาไม้ไผ่เสียบเข้าทางนั้น จนชายหนุ่มคนนี้ถึงแก่ความตายไปในที่สุด..[/FONT]



[FONT=&quot]นี่ คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และผมก็เชื่อว่าบางท่านก็เคยได้ยินข่าวนี้มาบ้างแล้ว เพราะข่าวนี้โด่งดังสุดขีดเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อเปิ่นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางกว่าแต่เก่าก่อน เป็นอันมาก ใครที่ไม่เคยรู้จักก็ได้รู้จักหลวงพ่อเปิ่นกันในคราวนั้นนั่นเอง...[/FONT]


​

​

<fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>

 

พระชัยวัฒน์รุ่น "มังกรทอง" วัดสุทัศน์

หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน และพระเกจิชื่อดังแห่งยุค ประมาณ 400 รูป ร่วมเสก

ปิดครับ

[FONT=&quot]พระกริ่งพร้อมพระชัยวัฒน์ รุ่น มังกรทอง วัดสุทัศน์เทพวราราม พ.ศ.[/FONT][FONT=&quot]2543 พิธีมหาพุทธาภิเษก ปีมังกรทอง เสาร์ 5 และพิธีมหาพุทธาภิเษก 45 วัดดังทั่วประเทศไทย ตอกโค๊ตด้านหลัง 2 ตัว สภาพสวยมาก[/FONT]

[FONT=&quot]สำหรับ "พระกริ่ง" แล้วเห็นต้องให้สำนักวัดสุทัศนเทพวราราม ที่สืบทอดต้นตำรับการสร้างพระกริ่งไทยมาแต่อดีตกาล โดยสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทวมหาเถร) ผู้ทรงสร้างพระกริ่งเป็นครั้งแรกในนาม "พระกริ่งเทพโมลี" ซึ่งมีผู้สืบทอดตำรับการสร้างต่อมาคือ พระมงคลราชมุนี (สนธิ์ ยติธโร) หรือที่รู้จักกันในนามของ "พระศรีสัจจญาณมุนี (สนธิ์ ยติธโร)[/FONT]

[FONT=&quot]ภาย หลังท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) แล้ว การสร้างพระกริ่งสายสำนักวัดสุทัศนเทพวรารามยังคงสืบเนื่องต่อมา ดังเช่นในสมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม จันทสิริ)[/FONT]

[FONT=&quot]ว่า ไปแล้วความเข้มขลังของการสร้างพระกริ่งสายสำนักวัดสุทัศนเทพวราราม ในยุคปัจจุบันที่นับว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งแล้ว ภายหลังการสร้างพระกริ่งรุ่น 100 ปี พระกริ่งไทย เมื่อ พ.ศ. 2541 แล้ว มนต์เสน่ห์แห่งตำนาน "พระกริ่ง" สำนักวัดสุทัศนเทพวรารามก็เจือจางหายไป[/FONT]

[FONT=&quot]แต่ สำหรับผู้ชื่นชอบพระกริ่งสายสำนักวัดสุทัศนเทพวราราม ที่เสาะแสวงหา "ของดีราคาถูก" แล้วละก็ ยังมีพระกริ่งอีกรุ่นหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยพระมงคลเทพโมลี (ดร.สุพจน์ โชติปาโล) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม คณะ 3 ซึ่งได้สร้างพระกริ่งในนาม "พระกริ่งมังกรทอง" ขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ.2532 เพื่อสมนาคุณแก่ผู้บริจาคทุนทรัพย์สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมพุทธจักรมงคล ชยาราม และเพื่อซื้อที่ดินสร้างอาคารโรงเรียนอนุบาลเด็กกำพร้า เด็กยากจน[/FONT]

[FONT=&quot]สมเด็จ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นองค์ประธานเททอง เมื่อปี พ.ศ.2532 และทำพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวราราม มีพระเถราจารย์และพระเกจิอาจารย์ร่วมบริกรรมปลุกเสก ประกอบด้วย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา[/FONT][FONT=&quot], สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม,หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ศรีสะเกษ , หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จังหวัดสิงห์บุรี, หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวกการาม จังหวัดกาญจนบุรี, หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม, หลวงปู่ธูป วัดแค นางเลิ้ง กรุงเทพมหานคร, หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า จังหวัดระยอง, หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา แล้วในปี พ.ศ.2534 ได้ประกอบพิธีปลุกเสกอีก ณ วัดทุ่งมังกร[/FONT]

[FONT=&quot]เป็น พระกริ่งที่น่าสนใจ ไม่เพียงอายุกาลการสร้างที่นับถึงบัดนี้ได้ 18 ปี ย่างปีที่ 19 แล้ว พระเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกล้วนเป็นพระเกจิอาจารย์มีชื่อเสียงเป็นยิ่งในยุค นั้น กรรมพิธีการสร้างตามขั้นตอนเข้มขลัง[/FONT]
​

<fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend>


</fieldset>

 

วันนี้จัดส่งให้ 2 รายการครับ

คุณ คนศรีสะเกษ - ล็อกเก็ตพระพุทธชินราช

ระหัส EI696284943TH

น้องนอกเว็ป - พระปิดตาวัดโพธิ์ปรือแวง

ระหัส RG057490916TH

 

พระขุนแผนบล็อกสองสวยมากครับ

 

ขอบคุณครับ ที่แวะเยี่ยมชม
​

 

สวัสดีครับ พี่อาทิตย์
รายการของผม รบกวนฝากไว้ก่อนนะครับ กำลังดูรายการอื่นอยู่ครับ
ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ คุณ jewthana และ ทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม

วันนี้ผมโชคดีได้ไปร่วมทำบุญกับหลวงปู่ครูบาคำพอง ขันติโก เจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง ต.น้ำหมาน อ.เมือง จ.เลย ที่บ้านของคุณ ลูกวัดท่าซุง เลยขอแบ่งบุญครั้งนี้ให้กับทุกท่านด้วยครับ

หลวงปู่ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่น่านับถือมากครับ ท่านเมตตาสูงมาก ได้ทราบมาว่า ตะกรุดของท่าน ปืนยิงไม่ออกครับ อันนี้เป็นคำกล่าวของหลวงปู่ท่อนครับ

งานนี้ผมได้เอาพระพิฆเนศวร์ของผม (ที่ผมสร้างให้หลวงพ่อพระอาจารย์กำจัด เจ้าอาวาสวัดเขาน้อยราษฎร์บำรุง จ.ลพบุรี พระอาจารย์ของผมท่านเสก และแจกแก่ญาติโยมที่ไปกราบท่าน ผมขอท่านมาประมาณ 10 กว่าองค์) ให้ท่านเสกให้ด้วยครับ ผมตั้งใจว่าจะไม่จำหน่าย แต่เอาไว้แจกเป็นของที่ระฤกกับท่านทั้งหลายที่เข้ามาบูชาพระในกระทู้นี้ของผมในช่วงเดือนเมษายนนี้ เพราะพอดีเป็นช่วงเดือนเกิดผมครับ แต่ถ้าพระพิฆเนศวร์เกิดหมดก่อน ผมจะหาของดีอย่างอื่นที่ทดแทนกันได้แจกให้แทนครับ

อัตโนประวัติ หลวงปู่ท่านเกิดในสกุลแสงจันทร์ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2478 ที่บ้านชนบท ต.ชนบท อ.ชนบท จ.ขอนแก่น โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายภูและนางทองมาก แสงจันทร์

อายุ 19 ปี ได้เข้าพิธีบรรพชา ณ พัทธสีมาวัดป่าธรรมวิเวก โดยมีพระครูศีลสังวราภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

หลังจากบวชเป็นสามเณรแล้ว ได้อยู่จำพรรษาที่วัดป่าธรรมวิเวก จนอายุครบ 21 ปี ถึงวัยต้องถูกคัดเลือกเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ปรากฏว่านายคำพองจับได้ใบดำ ไม่ต้องเป็นทหาร

หลวงปู่คำพอง บวชเป็นพระภิกษุสายธรรมยุต ได้ยึดหลักการในการปฏิบัติตนตามแบบอย่างหลวงปู่เสาร์ วัดเรียบ จ.อุบลราชธานี

แนวปฏิบัติของหลวงปู่เสาร์ คือ การอยู่คนเดียวให้รักษาจิต อยู่กลางมิตรให้รักษาวาจา และยึดถือแนวปฏิบัติของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ เป็นแนวปฏิบัติมาตั้งแต่ท่านบวช และออกธุดงค์มาโดยตลอด

เมื่อครั้งออกธุดงควัตรในครั้งหนึ่ง หลวงปู่คำพองได้นิมิตว่าได้นั่งบนธรรมาสน์ใหญ่ เทศนาให้พระเถระฟัง จึงได้ตั้งอธิษฐานเอาไว้ตั้งแต่บัดนั้นว่า จะครองตนในเพศบรรพชิตตลอดชีวิต

ในการออกธุดงค์ของหลวงปู่คำพอง ได้ท่องธุดงค์ขึ้นไปทางภาคเหนือ บางครั้งข้ามไปประเทศพม่าและลาว ในช่วงแรกจะอยู่ในภาคเหนือ โดยได้ปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงปู่แหวน เป็นประจำ

ช่วงที่อยู่ภาคเหนือ หลวงปู่คำพอง เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเจริญธรรม อ.สันป่าตอง, วัดห้วยน้ำริน อ.แม่ริน, วัดสันติบถ อ.แม่แตง, วัดช่อแฮ อ.แม่แตง, วัดสระหลวง อ.แม่ริน, วัดผาเด้น อ.แม่ริม เป็นต้น

ในส่วนของภาคอีสาน ก่อนที่จะมาอยู่จำพรรษาที่ จ.เลย เมื่อออกจากทางภาคเหนือ ส่วนใหญ่ หลวงปู่คำพองจะอยู่ที่เชียงใหม่ และลำปาง

ก่อนย้ายไปจำพรรษาอยู่ทางภาคกลางระยะหนึ่ง และเดินทางมาอยู่จำพรรษาที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครพนม สกลนคร

รวมทั้ง ยังเคยไปจำพรรษาอยู่ที่วัดของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และอีกหลายวัดในภาคอีสาน

หลวงปู่คำพองรู้จัก และสนิทสนมกับหลวงปู่ซามา อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง ต.น้ำหมาน อ.เมือง จ.เลย ปัจจุบันท่านมรณภาพไปนานแล้ว

ครั้งหนึ่ง หลวงปู่คำพอง พร้อมด้วยหลวงปู่ซามา ได้พากันเดินทางไปที่วัดดอยแม่ปั๋ง เพื่อปฏิบัติและศึกษาธรรมกับหลวงปู่แหวน

ต่อมา ได้พากันเดินทางกลับ จ.เลย หลวงปู่แหวน ได้มอบเงินมา 400 บาท ให้มาแบ่งเป็นค่ารถคนละ 200 บาท เพื่อเดินทางกลับ จ.เลย

แต่หลวงปู่คำพอง เดินทางท่องธุดงควัตรต่อไปในภาคกลาง ไม่ได้กลับ จ.เลย พร้อมกับหลวงปู่ซามา

ภายหลังหลวงปู่ซามา มรณภาพลง ญาติโยมที่บ้านไร่ม่วงและพระผู้ใหญ่ในจังหวัดเลย ได้นิมนต์หลวงปู่คำพอง ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2523 ตราบจนถึงปัจจุบัน ตามที่หลวงปู่ซามาได้ฝากฝังเอาไว้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ

หลวงปู่คำพอง เป็นพระนักปฏิบัติรูปหนึ่ง แม้ชื่อเสียงจะไม่โด่งดัง ด้วยความเป็นพระที่มีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายและสงบ

แต่หลวงปู่คำพอง เป็นพระเถระที่พุทธศาสนิกชนชาวเมืองเลย ให้ความเลื่อมใสศรัทธามาโดยตลอด



.............................................................

คัดลอกมาจาก ::
นสพ.ข่าวสด หน้า 31
คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6 โดย วิชัย จินดาเหม

วันพรุ่งนี้ ผมจะเอารูปพระพิฆเนศวร์ลงให้ชมกันก่อนครับ
​

 

เอามาลงให้ดูแล้วครับ

พระพิฆเนศวร์
ที่หลวงปู่คำพองเสก และจะแถมเป็นของที่ระฤกครับ ​

 

ขอจองท่านท้าวเวสสุวํณ หลวงปู่หมุน 2 องค์ตามที่คุยกันครับ เดี๋ยววันจันทร์โอนให้ครับ
ขอบคุณในน้ำใจและความเป็นกันเองของท่านครับ

 

ครับผม รับทราบการจองครับ

และอีกซักครู่ จะเอาพระสมเด็จแหวกม่าน หลวงก่อกวยให้ดูครับ
​

 

พระสมเด็จแหวกม่าน หลวงพ่อกวย
เนื้อดินผสมพระกรุเก่าบด



ปิดครับ

​

 

พระสมเด็จหลวงปู่นาค วัดระฆัง
พิมพ์ฐานแซม ประมาณไม่เกินปี 2500



๑,๕๕๙
พร้อมค่าจัดส่งครับ
​

 

พระสมเด็จแหวกม่าน หลวงพ่อกวย
ขอจองครับ

 

พระสมเด็จวัดระฆัง ๑๑๘ปี พ.ศ. ๒๕๓๓
พิมพ์ฐานแซม กล่องเดิมจากวัดครับ
เริ่มมีคราบน้ำผึ้งแล้วครับ

เนื่องในวันที่ 22 มิถุนายน พุทธศักราช 2533 อันเป็นวันคล้ายวันมรณภาพของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมํรังสี) ครบรอบ 118 ปี ซึ่งมาถึงอีกครั้งหนึ่ง คณะกรรมการวัดระฆังโฆสิตารามพร้อมด้วยบรรพชิตและฆราวาสมีความประสงค์พ้องต้องกันว่า จะจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นอนุสรณ์ครบรอบวันคล้ายวันมรณภาพของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมํรังสี) ซึ่งเวียนมาบรรจบครบ 118 ปีในครานี้

ทั้งนี้ปัจจัยที่ได้นำไปใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับกิจการงานต่าง ๆ ของมูลนิธิเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) บูรณะศาลาการเปรียญของวัดซึ่งเป็นโบราณสถานของชาติแห่งหนึ่งให้คงสภาพเดิม และจัดสร้างศาลาศาลาเอนกประสงค์เพื่อเป็นถาวรวัตถุรำลึกถึงเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต)

วัตถุมงคลรุ่นอนุสรณ์ 118 ปี สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) ซึ่งจัดสร้างขึ้นในครานี้มีด้วยกันหลายลักษณะดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งพระพุทธรูปบูชา พระรูปเหมือนขนาดบูชา พระรูปเหมือน รูปเหมือนหยดน้ำ พระผงลักษณะต่าง ๆ และเหรียญปั๊ม เป็นต้น

การจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นอนุสรณ์ 118 ปี กระทำเป็นพิธีใหญ่ดั่งเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาทั้งพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย และประธานนั่งปรกเจริญภาวนาประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก ร่วมกับคณาจารย์ทั่วประเทศกว่า 118 รูป ภายในอุโบสถวัดระฆังโฆสิตาราม เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2533

๖๕๙.- บาท
พร้อมค่าจัดส่งครับ
​

 

รับทราบการจอง และขอบคุณครับ
​