ดับ....จนสิ้นเชื้อได้อย่างไร โปรดชี้แนะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ทองชมพู, 17 ตุลาคม 2015.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,442
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    **********
    ;)
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ......................สัมมาทิฐฐิ....จึงเป็น องค์นำ................[SIZE="4"[/SIZE]ในนิกาย เซน zen นั้น จึงได้ เน้น เรื่อง สัมมาทิฐฐิ เพราะอะไร...เพียงแต่ว่า สัมมาทิฐฐิ นั้น สอนโดยรูปแบบให้ เกิด มี ขึ้น นั้น ยาก และ สุ่มเสี่ยงต่อการ ติดรุปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ยิ่งจะห่างใกล จาก คำสอนใน พุทธศาสนา ไปใกล...........อย่างเช่น บอกว่า " ทุกอย่างเกิดขึ้นตามหลัก อิทัปัจจยตา หรือ ปฎิจสมุปบาท" จะมีการฝีก หรือ แนวทาง ใด ที่ สามารถ เข้าใจ หรือ เกิด สัมมาทิฐฐิ ได้ จริง จริง:cool:[/SIZE][/SIZE]
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...............อวิชชา ปัจย สังขารา...แหละ ผู้มีอวิชชา คือ ผู้ ไม่รู้ใน อริยสัจ ทุกข สมุทัย นิโรธ มรรค:cool:
     
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ในดีตไม่ต้องถึงขนาดมีญาณมีฌาน
    ผมเห็นคนทำดี ก็พลอยยินดี
    ไม่เคยสงสัยในคุณความดีของใคร
    เพราะเห็นด้วยตาได้ยินด้วยหู
    แต่สมัยนี้คนที่คงแก่เรียนก็ใช้วิจารณญาณ
    หยั้งดูได้ การให้ธรรมะที่ดีกำลังใจที่ดี
    ความสำเร็จแก่คนอื่นนั่นเป็นสิ่งที่ใครก็ควรทำ
    ไม่ใช่เห็นเค้าทำดีดีกว่าสูงเลิศกว่า ก็หาทางกระแนะ
    กระแหนอยู่ตลอดเวลา Shinozuke นิสัยแบบนี้
    ไม่ได้เรียกว่าเป็นบัณฑิต เป็นนิสัยของบัณเฑาะก์
     
  5. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    หาก จขกท. เคยพิจารณาเห็นขันธ์5 ก็สามารถพลิกการระลึกชาติมาเป็นปัญญาได้
    ในชาติปัจจุบันนี้ลองสำรวจเข้ามาดูตัวเอง จะพบความมั่นหมายอยู่ว่า นี้เป็นตัวกู ร่างกายกู
    และเมื่อระลึกชาติไปเห็นการเกิด แต่ละคราว ก็จะสำคัญว่านั่น เป็นตัวกู ไปเกิดเป็นนั่น เป็นนี่
    กูเป็นกษัตริย์ กูเป็นเทวดา กูเป็นหมา กูเป็นคนรวย ซึ่งการระลึกชาติอย่างนี้ เอาประโยชน์ที่สุดไม่ได้

    การระลึกชาติ ถ้าพลิกมุมได้ ก็เกิดปัญญา เห็นการเกิด-ตาย แต่ละชาติ เป็นเพียงการเกิด-ดับของขันธ์
    ขันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย เกิดแล้วก็ดับ ดับแล้วก็เกิด ไปสร้างกาย ในภพภูมิต่างๆ ไม่สิ้นสุด
    การระลึกชาติ โดยการเห็นเป็นเพียงขันธ์5 นี้ ยิ่งระลึกย้อนได้เพียงเท่าใด จะยิ่งเบื่อหน่ายในการเกิด
    หาสาระอะไรไม่ได้... เดี๋ยวเป็นเทวดา เดี๋ยวเป็นหมา เดี๋ยวเป็นคนรวย เดี๋ยวเป็นหญิง เดี๋ยวเป็นชาย
    ย้อนระลึกได้เมื่อไหร่ น้อมกลับมาดูในตนจะเห็นกายใจ นี้เป็นแค่ขันธ์5
    ขันธ์5 ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอด ไม่คงที่ อาศัยสมาธิจิตในขณะระลึกชาติได้นั่นล่ะ
    พลิกกลับมา ทำสักกายทิฐิให้ขาดลง เพราะเมื่อสักกายทิฐิขาดลง
    เห็นการเวียนเกิดเวียนตาย เป็นแค่ขันธ์ เกิดดับสืบเนื่องกัน ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านั้น
    คือไม่สำคัญว่าจะเกิดเป็นอะไร จะเกิดดีเลิศซักแค่ไหน เพราะมันไม่อาจคงสภาพนั้นได้ตลอดไป
    ถ้าถอนความเห็นในความเป็นตัวกูได้ ด้วยการระลึกชาติ อย่างนี้ก็ถือเอาประโยชน์จากการเห็นครั้งนี้ได้
    แล้วจะต้องเกิด-ตายอีกกี่ล้านครั้ง เพียงพอไหมกับการจะเบื่อหน่ายกับการเกิด

    รูป-นามนี้ก็มีสภาพอย่างเดียวกัน คือมันดึงเข้า-และผลักออก
    จขกท. เองก็พอเอ๊ะใจ ได้ว่า เดี๋ยวเราก็พิศวาสรักใคร่คนนี้ ในชาตินั้นเป็นสภาวะดึงเข้า
    แต่ไม่นานเมื่อหมดความพอใจ รูป-นามนี้ ก็แสดงธรรมชาติของมัน คือการผลักออก
    ถ้าไม่รู้เท่าทัน ก็เกิดเป็นทุกขเวทนาได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว
    ธรรมชาติที่มันไม่คงที่นี้ ก็เป็นสภาพทุกข์อยู่แล้ว ...รูป-นามนี้ ดึงเข้า ผลักออก พยายามรักษาสภาพของมัน
    ตราบใดที่ไม่เห็นความจริง ทุกคนก็ไม่อาจจะพ้นไปจากความทุกข์นี้ได้
    เพราะมันเป็นธรรมชาติคู่ไปกับรูป-นาม กายใจนี้

    ถ้าจะดับก็ต้องพลิกไปให้เห็น"ตามจริง" ว่าการเกิดทุกครั้งเป็นเพียงแค่ขันธ์เกิด ดับ
    ไม่มีอะไรยิ่งกว่านี้ ไม่สำคัญว่าเกิดเป็นอะไร
    การจะไล่ดับ เราไม่ไล่ดับเป็นคนๆ เพราะอย่างนี้ไม่มีทางหมด
    เพราะเมื่อไหร่เผลอสติ ก็จะไปก่ออุปปทาน ก็สิ่งต่างๆแทบทุกขณะจิต
    เราไม่แก้กันที่ปลายทาง แต่ซัดไปที่ต้นเหตุของมัน
    เมื่อไหร่เห็น ไตรลักษณ์ของขันธ์5 เห็นว่านี่เป็นทุกข์ ได้เมื่อไหร่
    มันจะถอนความทุกข์หยาบๆ ออกมาทั้งยวง
    แล้วคน สัตว์ สิ่งของ ที่เคยรัก... เคยเป็นทุกข์เพราะความรักในสิ่งนั้น
    ต่อไปก็จะสามารถ มีความรักกับสิ่งนั้นได้ แต่ก็ไม่ทุกข์เพราะสิ่งนั้นอีก
    แบบที่อยู่กับโลกได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องผลักไสโลก หรือหนีโลก
    แต่อยู่เหนือโลก ไม่จมโลก ซึ่งอันนี้เป็นความอัศจรรย์ของธรรมของพระพุทธองค์
     

แชร์หน้านี้

Loading...