ชีวประวัติและวัตถุมงคล : หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

'กูไม่เป็นไรด๊อก'พ่อคูณเริ่มดีขึ้น




หลวงพ่อคูณอาการดีขึ้น ไม่พบติดเชื้อในสมอง ส่วนผลเพาะเชื้อต้องรอ 3 วัน หมอยังห้ามเยี่ยม ยังไม่ให้กลับวัดหวั่นลูกศิษบ์แห่กวนไม่เป็นอันพักผ่อน
พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.9 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้วงวันที่ 27 เมษายนนี้ อาหารหลวงพ่อคูณดีขึ้นกว่าเดิมเป็นลำดับ จากที่มีอาการไข้ หนาวสั่น ซึม และสับสน

ทั้งนี้ หลวงพ่อคูณตื่นขึ้นเมื่อ 06.00 น. พร้อมกับความสับสนเล็กน้อยเมื่อถามลูกศิษย์ที่นอนเฝ้าว่า "ตอนนี้กูอยู่ที่ไหน"

จากนั้นแพทย์ได้ให้หลวงพ่อคูณทำกายภาพบำบัดบนเตียงคนไข้ด้วยการยกแขน ยกขา ขณะที่นายสมศักดิ์ เหมทานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เดินทางมาเยี่ยมอาการแต่เช้า
ต่อมา นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมด้วย นพ.ชัยวิวัฒน์ ตุงคะเสรีรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชายด้านระบบประสาท โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้เข้าตรวจอาการอีกครั้ง

นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ เปิดเผยว่า โดยภาพรวมอาการของหลวงพ่อคูณดีขึ้น เช่น เรื่องการรับรู้และการตอบสนองดีขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ค่อนข้างสูง ในวันนี้ก็ลดลง และอาการไข้มีแนวโน้มลดลง ได้แนะนำให้หลวงพ่อคูณฉันภัตตาหารให้มากเพื่อจะได้แข็งแรง ขณะนี้การรักษายังคงให้ยาฆ่าเชื้อต่อเนื่องพร้อมกับน้ำเกลือ

"ช่วงนี้ยังต้องงดเยี่ยม เพราะว่าหลวงพ่อติดเชื้อ ทำให้ภูมิต้านทานลดลง และมีแนวโน้มติดเชื้อได้ อาจทำให้การรักษายากขึ้น ทำให้แพทย์ซีเรียสมากขึ้นด้วยหากมีเชื้อใหม่เข้าไปอีก ฉะนั้น ถ้ารักหลวงพ่อก็ส่งกำลังใจมาก็พอ ถ้าท่านดีขึ้นเป็นปกติแล้วค่อยไปเยี่ยมท่านที่วัดบ้านไร่"

นพ.พินิศจัยกล่าวว่า ด้านการรับกิจนิมนต์ ได้มีการพูดคุยกับลุกศิษย์ว่า พวกเราก็ทราบกันอยู่แล้วว่าหลวงพ่อคูณอายุมากแล้ว ปีนี้ 86 ปี เคยผ่าตัดสมองและเคยผ่านการบายพาสหัวใจมาแล้ว ฉะนั้น การรับกิจนิมนต์ไกลๆ ก็ไม่สมควรอย่างยิ่ง จริงๆ แล้วไม่ควรจะให้ท่านไปไหนไกลหรือไปพักค้างที่อื่น เพราะท่านเป็นปูชนียบุคคลของชาวโคราชและชาวไทยทั้งหมด ฉะนั้น ถ้ารักท่านก็ให้ท่านอยู่กับเรานานๆ ดีกว่า อย่าไปนิมนต์ท่าน

ด้าน นพ.ชัยวิวัฒน์ ตุงคะเสรีรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชายด้านระบบประสาท กล่าวว่า หลวงพ่อคูณมีการตอบสนองที่ดี คุยได้ไวขึ้น ดีขึ้นและรู้เรื่อง เกือบหายเป็นปกติ ไม่พบการติดเชื้อในสมอง เชื่อว่าอาการไข้ที่เกิดขึ้นคงเป็นการติดเชื้อนอกสมอง แต่จุดใดหรือเป็นเชื้อชนิดใดยังไม่ทราบ ต้องรอผลการเพาะเชื้อก่อน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 วัน อย่างไรก็ตาม ถือว่าโดยรวมอาการทางสมองดีขึ้น

"ดีแล้วเน้อ ไม่เป็นไรด๊อก เดี๋ยวจะกลับวัดแล้ว" หลวงพ่อคูณกล่าวผ่านสื่อมวลชนถึงบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายเพื่อให้คลายความเป็นห่วง.



http://www.thaipost.net/x-cite/280409/3764<!-- google_ad_section_end -->

 

​

หลวงพ่อคูณดีใจจะได้กลับวัดบ้านไร่ ให้พรวันแรงงาน ขอให้คนไทยทุกคนมีงานทำ ไม่ตกงาน และร่ำรวยเงินทอง

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

ที่พักรักษาตัวอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จากอาการไข้หวัด และติดเชื้อในกระแสเลือด

ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 52 ที่ผ่านมา ตามข่าวที่เสนอไปอย่างต่อเนื่องนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 30 เม.ย. 52 อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณหายเกือบเป็นปกติแล้ว ไม่มีไข้ ระดับน้ำตาลในเลือดปกติ

ซึ่งคณะแพทย์อนุญาตให้หลวงพ่อคูณกลับวัดบ้านไร่ได้ในวันพรุ่งนี้ (1 พ.ค. 52) ทั้งนี้ตลอดทั้งวันหลวงพ่อคูณมีสีหน้าสดชื่นแจ่มใจ

และอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เนื่องจากทราบว่าแพทย์ได้อนุญาตให้กลับวัดบ้านไร่ได้แล้ว โดยหลวงพ่อคูณได้เดินออกกำลังกายบริเวณหน้าห้องพักผู้ป่วย

และทักทายญาติๆรวมทั้งผู้ป่วยที่พักรักษาตัวอยู่ห้องข้างๆอย่างเป็นกันเอง

ทั้งนี้หลวงพ่อคูณ ยังได้กล่าวให้พรกับผู้ใช้แรงงานเนื่องในวันแรงงานนี้ว่า ให้มีงานทำกันเด้อ อย่าได้ตกงาน อย่าได้ตกเงิน ให้มีคนจ้างมีงานทำ

ให้ประกอบกันได้ทั้งสองทาง มีงานให้ทำ มีเงินให้ใช้ ก็ดีแล้ว ให้ได้ทำกันเถอะ คนไหนจนก็ให้รวย คนไหนรวยแล้วก็ให้รวยยิ่งๆขึ้นไปเถอะลูกหลานเอ้ย

นายแพทย์พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ

ได้เข้ามาตรวจอาการไข้ของหลวงพ่อคูณ พร้อมเปิดเผยถึงอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณฯว่า ภาพรวมอาการของหลวงพ่อคูณฯ ถือว่าดีขึ้น สามารถฉันอาหารได้มาก

ไม่มีไข้ รวมทั้งยังสามารถออกกำลังเองได้ ถือว่าดี แต่สภาพร่างกายโดยรวมเริ่มปกติ อย่างไรก็ตามหากหลวงพ่อคูณฯมีอาการที่ดีขึ้นตามลำดับและดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้


“หลวงพ่อคูณฯ น่าจะกลับวัดบ้านไร่ได้ในวันศุกร์ที่ 1 พ.ค.52 นี้ แต่ก็ต้องดูอาการของหลวงพ่ออีกครั้งว่ามีอาการแทรกซ้อนหรือไม่

ในส่วนการรับกิจนิมนต์นั้นทางคณะแพทย์ผู้ให้การรักษาหลวงพ่อคูณฯมีความเห็นว่าหลวงพ่อคูณฯ ควรงดรับกิจนิมนต์นอกสถานที่ที่ต้องเดินทางไกลอย่างน้อย1เดือนภายหลังเดิน

ทางกลับไปพักฟื้นที่วัดบ้านไร่ โดยได้มีการกำชับศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อคูณฯอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันหลวงพ่อคูณฯอ่อนเพลียและเกิดการติดเชื้อซ้ำ” นายแพทย์พินิศจัย กล่าว



ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ไทยรัฐ<!-- google_ad_section_end -->

 

กราบ กราบ กราบ หล่วงพ่อคูณครับ

 

ครับ
อนุโมทนาครับ
ขอบคุณครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ถ้ามีของดีๆของหลวงพ่อเอามาให้ชมอีกนะครับ

 

ขอให้หลวงพ่อคูณ สุขภาพแข็งแรง หายอาพาธไวๆ ครับ

 

ข้อมูลดีๆ ทั้งนั้นเลยครับ

 

พระยอดธงพ่อคูณ80ปี ขวัญ"ทหาร-ตำรวจ-ครูใต้"

พระยอดธงพ่อคูณ80ปี ขวัญ"ทหาร-ตำรวจ-ครูใต้"

คอลัมน์ สดจากหน้าพระ

กิ่งศักดิ์ พูลทวี/รายงาน

พระเทพวิทยาคม หรือ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พระเกจิอาจารย์ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านการสร้างวัตถุมงคลพุทธคุณอยู่ยงคงกระพัน
ชาตรี และมหานิยม

ท่านได้บรรจงสร้างวัตถุมงคล "พระยอดธง" ขึ้นมาด้วยกัน 2 รุ่น คือ "รุ่น 80 ปี" และ "รุ่น 5" ซึ่งบางคนเรียกกันว่า รุ่นเล็ก แต่บางคนเรียกรุ่นนี้ว่า "พระยอดธง รุ่นท้ายิง" เนื่องพระยอดธงรุ่นนี้ สร้างเมื่อประมาณปี 2543 หลวงพ่อคูณจะเก็บเอาใว้ในลังไม้ภายในห้องจำวัดส่วนตัว ไม่มีการวางจำหน่ายภายในวัดบ้านไร่ ท่านปลุกเสกทุกๆ เช้าในเวลา 04.00 น.ของทุกวัน โดยเรื่องนี้ไม่มีศิษย์ใกล้ชิดคนไหนทราบแม้แต่คนเดียวว่าภายในลังไม้ที่ท่านประกอบพิ
ธีปลุกเสกมาเป็นเวลาถึง 5 ปีนั้นคืออะไร

วันหนึ่งหลวงพ่อคูณได้เรียก พระมหาสุริยา อภิวฑฺฒโน หรือพระมหาโอเล่ ซึ่งเป็นพระที่หลวงพ่อคูณได้ส่งเสียให้ไปศึกษายังกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาในระดับเปรียญธรรม 9 ประโยค โดยพระมหาโอเล่นี้ หลวงพ่อคูณได้เมตตาแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่แทนตัวท่าน ก่อนที่หลวงพ่อคูณต้องเข้ารับการผ่าตัดทำบายพาสหัวใจที่รพ.ศิริราช กรุงเทพฯ

หลวงพ่อคูณกล่าวกำชับกับพระมหาโอเล่ว่า หากตนเองเกิดมรณภาพในการอาพาธในครั้งนี้ ให้นำของในลังไม้ที่ปลุกเสกมาทุกวันนำออกไปให้ใครลองยิงดู หากยิงออกก็ให้นำไปทิ้งแม่น้ำชี หากยิงไม่ออกให้แจกแขกผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาร่วมในพิธีงานศพของหลวงพ่อ ซึ่งในขณะนั้นพระมหาโอเล่ก็นึกแต่เพียงว่าท่านอาจจะพูดเล่น พูดหยอกให้ตกใจเล่นจึงไม่ได้คิดอะไรนัก

แต่หลังจากที่หลวงพ่อคูณเข้ารับการผ่าตัดทำบายพาสหัวใจ สุขภาพท่านเริ่มดีวันดีคืน อารมณ์ของท่านแจ่มใส ยามที่มีคณะศิษย์ที่เป็นทหารตำรวจในระดับผู้นำหน่วย ท่านมักจะเรียกเข้าไปในห้องพักส่วนตัวของท่าน จากนั้นท่านจะถามว่า "พวกมึงพากันมากี่คน" โดยที่ไม่ยอมให้ศิษย์ใกล้ชิดตามเข้าไปด้วย จากนั้นท่านใช้ลูกกุญแจที่ผูกติดกับสายประคดรัดเอวท่านไขลังไม้ พร้อมหยิบพระยอดธง รุ่น 5 หรือที่เรียกกันว่า "รุ่นเล็ก" มอบให้กับมือ แล้วท่านจะพูดกับทุกๆ คนว่า "มึงรองเอาไปยิงดูเด้อหลาน" ทำให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดหลายคนเรียก พระยอดธง รุ่นนี้ว่า "รุ่นท้ายิง"

วันหนึ่งได้มีคนโทรศัพท์มาจากจังหวัดชลบุรี โทร.มาถามหลวงพ่อคูณว่า

"หลวงพ่อครับพระยอดธงที่อยู่ในห้องหลวงพ่อหมดแล้วหรือยัง" หลวงพ่อคูณ ตอบว่า "ยัง มึงจะทำไม" คนที่โทร.มาตอบว่า "ผมอยากได้ครับ" หลวงพ่อคูณตอบไปเล่นๆ ว่า "เอาไหมเล่ากูจะขายให้มึง" คนโทร.มาถามว่า "หลวงพ่อให้เช่าองค์ละเท่าไหร่" หลวงพ่อคูณตอบเล่นๆ ว่า องค์ละ 5 หมื่นบาท คนที่โทร.มาตอบว่า "เอาครับ ผมต้องการ 4 องค์"

ครั้นวันรุ่งขึ้น เมื่อเวลา 04.00 น. หลวงพ่อคูณตื่นจากจำวัด ต้องพบกลับความแปลกใจ เมื่อคนที่โทร.จากชลบุรีมานั่งรอหลวงพ่อคูณที่หน้าประตูห้องนอน พร้อมกล่าวว่า "หลวงพ่อครับผมมาเอาพระยอดธงที่ผมได้โทร.มาจากชลบุรีเมื่อวานนี้" หลวงพ่อเห็นถึงความอยากได้ของลูกหลานที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาจากชลบุรีถึงวัดบ้านไร่ จึงเดินกลับเข้าไปในห้องพร้อมทั้งหยิบพระยอดธงมาให้จำนวน 4 องค์ จากนั้นคนที่โทร.มาได้นับเงินจำนวน 2 แสนบาท ถวายให้แก่หลวงพ่อคูณ และได้กราบลาเดินทางกลับไป

หลวงพ่อคูณ กล่าวให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังอย่างชอบใจว่า "มันขายได้ด้วยหรือ" จากนั้นเป็นต้นมาหากใครอยากจะได้พระยอดธง หลวงพ่อคูณมักจะให้บูชาเอากับตัวหลวงพ่อคูณเอง คือองค์ละ 1 หมื่นบาท ซึ่งหลวงพ่อคูณจะบอกว่า "กูจะเอาเงินไปสร้างที่ว่าการอำเภอ โรงพยาบาล และสถานีตำรวจที่หนองบุญนาค"

แม้แต่ทุกวันนี้ใครจะเช่าบูชาต้องขอเช่ากับตัวหลวงพ่อโดยตรง ในราคาองค์ละ 1 หมื่นบาท ซึ่งหลวงพ่อคูณจะนำเงินที่ได้จากการเช้าบูชาไปสร้างสาธารณกุศลที่ยังสร้างค้างคาเอาไ
ว้ ซึ่งพระยอดธง รุ่น 5 นี้ หลวงพ่อคูณสร้างจำนวน 1 หมื่น 5 พันองค์ โดยใช้เวลาปลุกเสกในทุกๆ เช้าเป็นเวลานานกว่า 5 ปี

ส่วนวัตถุมงคล "พระยอดธง รุ่น 80 ปี" รุ่นนี้หลวงพ่อคูณสร้างเมื่อตอนอายุได้ 80 ปี โดยการสร้างเป็นเนื้อนวโลหะกับเนื้อตะกั่วเถื่อน จำนวน 1 หมื่น 5 พันองค์ เช่นกัน วัตถุประสงค์ในการก่อสร้างเพื่อที่จะปลุกเสกแล้วเก็บเอาไว้เป็นพระกรุ ซึ่งหลวงพ่อคูณคิดว่าตนเองก็ชราภาพมากแล้ว คงจะอยู่ไปได้ไม่นาน ท่านจึงได้สร้างพระยอดธงรุ่น 80 ปีเอาไว้อีก เมื่อยามที่ท่านมรณภาพไปแล้ว และวัดบ้านไร่ต้องมีการชำรุดทรุดโทรมเป็นธรรมดา เกรงว่าเมื่อไม่มีท่านอยู่ในโลกนี้จะไม่มีเงินบูรณะวัดบ้านไร่เมื่อยามทรุดโทรม จึงได้สร้างเอาไว้ โดยเก็บเข้ากรุเป็นทุนบูรณะวัดบ้านไร่ หรือมีใครมาเช่าบูชาก็ให้เช่าในราคาองค์ละ 1 หมื่นบาท ท่านก็จะเก็บเอาเข้าบัญชีวัดบ้านไร่เพื่อบูรณะวัด

แต่เมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้น ลูกหลานที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภาคใต้หลายคนเดินทางมากราบนมัสการขอพรจากหลวงพ่อคูณ ซึ่งหลายคนอยากจะเดินทางมากราบขอพรจากหลวงพ่อ แต่ก็ไม่มีโอกาสจะมา ท่านจึงตัดสินใจมอบให้แก่ลูกหลานที่เป็นทหารตำรวจปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งมอบผ้าจีวรที่ท่านห่ม ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แจกจ่ายไปคู่กับพระยอดธง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจอีกด้วย

พระยอดธงรุ่นครบรอบ 80 ปี จำนวน 5 พันองค์ มอบให้กับ "พล.ต.อ.อำนวย เพชรศิริ" รอง ผบช.ตร. นำไปมอบให้ตำรวจที่ทำหน้าที่อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า "กูขอฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ขอให้ภาวนา "พุทธสังมิ" ภาวนาอยู่ในใจทุกลมหายใจเข้าออก ไม่ให้ใครได้ยิน ไปไหนก็ภาวนา เราเป็นชาวพุทธต้องเอาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง"

วัตถุมงคลพระยอดธงหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ รุ่นครบรอบอายุ 80 ปี ที่จะมอบให้กับพล.ต.อ.อำนวยไปมอบให้ตำรวจ-ทหาร และครูใน 3 จังหวัดภาคใต้ เป็นพระเนื้อตะกั่วและเนื้อนวโลหะ จำนวน 5 พันองค์ ราคาองค์ละ 1 หมื่นบาท รวมเป็นเงิน 50 ล้านบาท
*********ผมได้รับในปี2548คนละ1องค์*********
ตำรวจที่ลงไปช่วยราชการในปีนั้นรอดกลับมาทุกคน<!-- google_ad_section_end -->

 

ขอเชิญร่วมทำบุญบูชาพระท่ากระดาน สร้างศาลาการเปรียญ วัดถ้ำกูป อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...ปรียญ-วัดถ้ำกูป-อ-ท่าม่วง-จ-กาญจนบุรี.223673/

 

หลวงพ่อคูณเจอนักเลงโต






ยาสูบหลวงพ่อคูณลูกศิษย์เก่าๆๆจะรู้ดีถึงกิตติศัพท์เล่ากันมาอย่างหนาหู มีเรื่องเล่าว่าหลวงพ่อคูณท่านไปฉันเพลที่บ้านลูกศิษย์ท่านหนึ่ง พอท่านฉันเสร็จสักพักท่านก็มานั่งมวนยาสูบและสูบบุหรี่ได้ซักพัก มีนักเลงโตประจำถิ่นคนหนึ่งผ่านมาเห็นหลวงพ่อคูณนั่งนั่งสูบยามวนโตในอริยาบทนั่งยองๆๆ นักเลงโตปากหมาคนนั้นเห็นหลวงพ่อคูณก็เอ่ยปากพูดว่าพระนั่งยองๆๆแบบนี้มีอะไรดี เค้าว่าขลังนักหรอ หลวงพ่อท่านได้ยินก็ทำทีเฉยๆๆไม่ว่าอะไร จนนานเข้าขี้เมาปากหมาลั่นว่าจาโผงผาง ท้าหลวงพ่อขึ้นมาว่าเห็นว่าขลังนักมีอะไรดี หลวงพ่อบอกกูไม่มีอะไรดีดอกไอ้นายเอ๊ย !!!! "มึงเอามวนยาสูบนี้ไปยิงทิ้งสักทีเถอะไอ้นาย" พอสิ้นคำหลวงพ่อบอก นักเลงโตท่านนั้นคว้ายาสูบของหลวงพ่อไปลองยิง ปรากฏว่าปืนดัง แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ นักเลงโตถึงกับหน้าถอดสี ด้วยความไม่เชื่อ คว้าเอาปืนยิงขึ้นฟ้าดังสั่นหวั่นไหว และหันปากกระบอกปืนลองยิงยาสูบมวนนั้นอีกด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง ปืนลูกโม่กระบอกนั้นนักสับลูกกระสุนดัง แช๊ะๆๆ เท่านั้นนักเลงโจปากหมาผูลำพองรู้ตัวเองแล้วว่ากำลังปรามาสดูถูกหลวงพ่อคูณอยู่ กลับรีบก้มกราบขอขมาหลวงพ่อคูณในทันที ลูกศิษย์ลูกหาต่างฮือฮาถามหลวงพ่อ หลวงพ่อกลับบอกว่าปืนมันเสีย ปืนมันไม่ดีดอกไอ้นาย นี่แหละครับประสบการณ์จริงส่วนหนึ่งแห่งความขลังของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่

 

หลวงพ่อคูณ สวดมนต์ถวายพระพรในหลวง




ขอให้ทรงมีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นมงคลของบ้านเมืองเรา ยิ่งๆขึ้นไป พร้อมเตือนสติคนไทยจงอยู่อย่างความไม่ประมาท อย่าเล่นสงกรานต์กันเลยเถิด และอย่าลืมกลับไปล้างเท้าพ่อแม่...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา19.00น.วานนี้ (10 เม.ย.) พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เป็นประธานคณะสงฆ์ในการประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล และถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา พ.ศ.2553 โดยมี พระครูศรีปริญัติวิสุทธิ์ เจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์จากทั่วอำเภอด่านขุนทด จำนวน 489 รูป พร้อมด้วย นาย มุรธาธีร์ รักชาติเจริญ นายอำเภอด่านขุนทด ร่วมกับ อุบาสถ-อุบาสิกา ประมาณ 1,000 คน(หนึ่งพันคน) ร่วมกันประกอบพิธี เจริญพุทธมนต์ โดยหลวงพ่อคูณฯให้ศีล แก่คณะอุโบสถ-อุบาสิกา



หลวงพ่อคูณฯ ได้อวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ว่า อัปมาเทนะ สัมปาเทถะ จงตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท สาดน้ำสงกรานต์ก็อย่าให้มันเลยเถิด ก็อย่าลืมไปล้างเท้า คุณพ่อคุณแม่ ของเราเด้อ ลูกหลานเอ้ย และ ขอให้ประเทศชาติบ้านเมืองของเรา อยู่เย็นเป็นสุข ให้มีความสามัคคีกัน และก็ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่เป็นมงคลของบ้านเมืองของเรา ยิ่งๆขึ้นไปเถิด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากนั้นพระครูศีปริญัติวิสุทธิ์ ได้นำคณะภิกษุสงฆ์ ประกอบพิธีสวดเจริญพุทธมนต์ และนั่งวิปัสสนากรรมฐาน นาน 9 นาที เพื่ออุทิศส่วนกุศล ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากนั้น นายมุรธาธีร์ รักชาติเจริญ นายอำเภอด่านขุนทด เป็นผู้นำในการประกอบพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร พร้อมกับร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา ก่อนเสร็จพิธี

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์<!-- google_ad_section_end -->

 

'หลวงพ่อคูณ' เตรียมวางศิลาฤกษ์ วัดบ้านไร่แห่งที่ 2

​

"หลวงพ่อคูณ" เตรียมเดินทางไปวางศิลาฤกษ์ศาลาการเปรียญ ที่วัดบุ่งไผ่ ซึ่งถือเป็นวัดบ้านไร่แห่งที่ 2 โดยหลวงพ่อคูณได้บริจาคเงินเพื่อใช้ในการก่อสร้างจำนวน30ล้านในวันที่ 30มี.ค.นี้...

เมื่อวันที่ 27 มี.ค. พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ประธานกรรมการวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา กล่าวถึงกรณีที่พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่ จะเดินทางไปวางศิลาฤกษ์ศาลาการเปรียญ ที่วัดบุ่งไผ่ ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งวัดบุ่งไผ่ นี้ถือเปรียบเสมือนเป็นวัดบ้านไร่ แห่งที่ 2

โดยหลวงพ่อคูณ ได้บริจาคเงินเพื่อใช้ในการก่อสร้างวัดบุ่งไผ่ จำนวนกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งวัดดังกล่าวมีเนื้อที่ทั้งสิ้น 15 ไร่ โดยกำหนดการจะมีขึ้นในวันที่ 30 มีนาคม นี้ ในเวลาประมาณ 06.00 น.

ทั้งนี้ หลวงพ่อคูณ จะออกรับบิณฑบาตจากญาติโยม ตั้งแต่ปากทางเข้าวัดบุ่งไผ่ จากนั้นจะมีการทอดผ้าป่า และหลวงพ่อคูณ จะวางศิลาฤกษ์ศาลาการเปรียญ ในเวลา 09.00 น. ก่อนเดินทางกลับวัดบ้านไร่

'หลวงพ่อคูณ' เตรียมวางศิลาฤกษ์ วัดบ้านไร่แห่งที่ 2 - ข่าวไทยรัฐออนไลน์<!-- google_ad_section_end -->

 

พระผงรุ่นเสกตะกรุดปี33ที่มีกริ่ง รุ่นนี้มีประสบการณ์ใหมครับ ที่มีอยู่เป็นรุ่นฝังตะกรุดเงินดอกเล็ก

 

กราบนมัสการหลวงพ่อคูณครับผม

 

ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ
กราบนมัสการหลวงพ่อคุณครับ

 

กราบหลวงพ่อคูณ ด้วยความเคารพอย่างสูง .........อนุโมทนาสาธุครับ

 

พระหลวงพ่อคูณ ดีทุกรุ่นครับ

 

คืบหน้าอาพาธหลวงพ่อคูณ เช้า 14 พ.ย.53

​

“พ่อคูณ” ลั่นกูยังไม่ตาย เดินออกกำลังกายได้แล้ว แพทย์ตรวจไม่พบไข้แต่ยังมีอาการติดเชื้อและกลวยไตอักเสบต้องพักรักษาตัวที่รพ.ต่ออีกอย่างน้อย 7 วัน

นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวประจำจ.นครราชสีมารายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่เข้ารักษาตัวด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือด สับสนเฉียบพลัน เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 11 พฤศจิกายน 2553 และต่อมาเมื่อวันที่ 13 พ.ย.53 หลวงพ่อคูณฯมีอาการไข้ขึ้นสูง ฉันอาหารไม่ได้ และนอนซมเพราะพิษไข้ตลอดทั้งวันตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเช้าวันนี้ 14 พ.ย.53 ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 ตึกเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา หลวงพ่อคูณฯตื่นจากจำวัดแต่เช้าด้วยสีหน้าที่สดชื่นแจ่มใส โดยลูกศิษย์ใกล้ชิดที่นอนเฝ้าอาการเปิดเผยว่าเมื่อคืนหลวงพ่อหลับได้ดีมากไม่สะดุ้งตื่นและมีอาการสับสนเหมือนคืนที่ผ่านมา ไข้ก็ลดลงจนเกือบปกติแล้วอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นพยาบาลได้วัดอุณภูมิในร่างกายได้ 36.7 องศาเซลเซียส ,ความดัน 100/60 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 72-80 ครั้งต่อนาที หายใจ 20 ครั้ง/นาที ซึ่งแพทย์ยังคงให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อและน้ำเกลือผสมวิตามินทางหลอดเลือด โดยหลวงพ่อคูณมีอาการไอเล็กน้อยและมีเสมหะปนด้วย

ต่อมานางสาววันนา พิจารณาธรรม กรรมการวัดบ้านไร่ฝ่ายอาหาร ได้นำอาหารเช้ามาถวายประกอบด้วย ปลานิลทอด หมูทอด น้ำพริกปลาฉลาด ผักต้ม ผัดผักคะน้า แกงจืดแตงกวาใส่เห็ดออรินจิและหมูสับ แกงบวบใส่กุ้ง กล้วยน้ำหว้า มะละกอ และขนมครก โดยหลวงพ่อคูณฉันภัตตาหารเช้าได้เป็นมื้อแรกหลังจากเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครราชสีมาและฉันได้มากพอสมควร

ต่อมานายแพทย์พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดพร้อมด้วยทีมแพทย์ที่ทำการรักษาได้เข้าตรวจร่างกายหลวงพ่อคูณฯ โดยนายแพทย์พินิศจัยฯ เปิดเผยว่า อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณฯดีขึ้นมาก ไม่มีไข้ ส่วนการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะที่ส่งผลให้กลวยไตอักเสบแพทย์ยังคงให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ น้ำเกลือและวิตามินเพื่อให้ร่างกายหลวงพ่อฟื้นตัว ซึ่งจะต้องดูอาการไปอีกอย่างน้อยประมาณ 1 สัปดาห์ จนกว่าจะหายเป็นปกติ คณะแพทย์จึงจะพิจารณาเรื่องอนุญาตให้หลวงพ่อกลับวัดบ้านไร่อีกครั้ง

ในเวลาต่อมานายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ เลขานุการหลวงพ่อคูณฯ พร้อมลูกศิษย์ใกล้ชิดได้ประคองหลวงพ่อคูณฯเดินออกกำลังกายบริเวณในห้องและหน้าห้องผู้ป่วยเพื่อช่วยย่อยอาหาร ซึ่งหลวงพ่อมีอาการร่างกายสั่นเล็กน้อยแต่ยังมีสีหน้าที่สดชื่นแจ่มใสและอารมณ์ดีพูดคุยกับลูกศิษย์อย่างร่าเริง
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ กล่าวว่า เออ...ลูกหลานเอ๊ยกูไม่เป็นอะไรแล้ว การเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ไม่ถึงคราวตายก็ยังไม่ตาย แต่เวลานี้กูสบายดีขึ้นมากแล้วไม่ต้องเป็นห่วงดอกลูกหลานเอ๊ย ผู้สื่อข่าวถามว่าลูกศิษย์เป็นห่วงเรื่องความจำของลูกพ่อเป็นอย่างไรบ้าง หลวงพ่อคูณฯตอบว่า กูก็จำได้และก็เรียกชื่อได้แล้ว จากนั้นหลวงพ่อก็เรียกชื่อลูกศิษย์ใกล้ชิด เช่น ไก่น้อย ตาผี วันนา เป็นต้น ผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรฝากถึงลูกศิษย์ทั้งในและต่างประเทศบ้าง หลวงพ่อคูณฯตอบว่าไม่มีอะไรดอกกูก็พูดไปแล้วขอให้ลูกหลานอย่าได้เป็นห่วงกูดีขึ้นแล้วใครห่วงกูก็ขอให้ทำความดีรักษาศีล 5 กันถ้วนหน้าทุกคนเด้อหลานเอ๊ย หลวงพ่อคูณฯกล่าว