จิตไม่เกิดดับ เพราะจิตไม่ใช่ขันธ์ ๕ จิตจึงไม่ใช่กองทุกข์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 16 สิงหาคม 2011.

  1. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ผู้ที่มีศีล แม้กล่าวคำดุดันก็ดูน่าฟัง ต่างจากผู้ที่ศีลพร่อง แม้กล่าวคำหวาน ยังดูหยาบกระด้าง
    เพราะศีล แปลว่า ใจที่ปกติ
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    การจะเอาของครูบาอาจารย์มาแย้งหรือแจงให้เข้ากับความคิดเห็นของตนเองนั้น

    ควรแยกให้ชัดเจนด้วยว่าตรงไหนเป็นคำกล่าวของท่าน

    อันไหนเรามีมติคิดขึ้นเอง อย่าพยายามมั่วๆให้เกิดความเข้าใจผิดกับผู้อ่าน

    การแอบอ้างครูบาอาจารย์ เพื่อเอาดีใส่ตัวนั้น มีบางคนชอบจัง

    ท่านพระอาจารย์หลวงพ่อชาหรือท่านพระอาจารย์หลวงเทียน

    ที่กล่าวว่าจิตผู้รู้คืออวิชชานั้น ดูบริบทที่ตามมาท่านได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า

    จิตผู้รู้ที่ยังติดข้องอยู่ในโลกนี้ ล้วนมีอวิชชาครอบงำอยู่ทั้งนั้น

    ไม่ได้หมายความว่า จิตเป็นตัวอวิชชาเสียเอง

    ถ้าจิตป็นอวิชชาเสียเอง ก็ง่ายๆ สบายๆ ลัดสั้น

    ไปฆ่าตัวตายซะ เมื่อตาย(ดับจิต)อวิชชาก็ดับตามไปด้วย

    เมื่ออวิชชาดับก็พ้นทุกข์ใช่หรือไม่?

    จะสมมุติอะไรขึ้นมา ของสิ่งนั้นต้องมีอยู่จริง ไว้สื่อสารให้เข้าใจกัน

    ที่เอามาแอบอ้างหนะ อ่านเข้าใจบ้างหรือเปล่า

    พูดมาได้ "จิตก็คือความคิด(ใช่) เมื่อจิตผู้รู้ตั้งมั่น อยู่ในระดับฌาน 2 3 จิตผู้รู้จะเห็นการดับไปของความคิด"

    ไม่รู้สึกหรือว่าพูดขัดกันเองชัดๆ ไม่รู้จริงแล้วพยายามจะสอนก็แบบนี้หละ

    จิตผู้รู้จะตั้งมั่นได้นั้น ต้องหยุดคิดได้ก่อน จิตจึงจะตั้งมั่นได้

    แปลกมั้ย เมื่อจิตตนเองตั้งมั่นได้ กับเห็นจิตตัวเองดับไป แล้วพูดมาได้ยังไงว่าจิตตั้งมั่น

    ถ้าผู้รู้ตั้งมั่น การตั้งมั่นความหมายก็ชัดเจนในตัวแล้วว่า ไม่เอนเอียงไปมา ไม่เกิดๆดับๆใช่หรือไม่?

    การจะพูดอะไร ถัาพูดแบบกำกวม เดี๋ยวใช่ เดี๋ยวไม่ใช่ เดี๋ยวมี เดี๋ยวไม่มีฯลฯอย่าพูดซะดีกว่า
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เข้าใจผิดน่า ที่พูดถึงหนะ คนอื่นจะกล่าวหาว่าร้ายได้นั้น เพราะโดนเป็นประจำ

    แตกต่าๆกันโดยสิ้นเชิง อยู่โดยรู้ กับอยู่โดยไม่รู้

    เห็นท่านอื่นตอบให้แล้ว...
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    อย่าบอกนะว่ามีแต่การหลุดพ้น ผู้หลุดพ้นไม่มี

    มีแต่การปล้น ผู้ปล้นผู้ติดคุกไม่มี เด็กมันยังเชื่อเลย

    เชื่อมั้ยว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนิพพาน มีอยู่จริงมั้ย?
     
  5. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075

    จะบอกว่าหลุดพ้นเป็นผล ผู้หลุดพ้นเป็นเหตุ

    ภวหลุดพ้น พ้นทั้งตัวเหตุและเหตุของเหตุ



    เชื่อสิ ว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนิพพาน มีอยู่ในสภาพอนัตตา


    มีทุกข์แต่ไม่มีผู้เสวย

    ปัญหา อเจลกัสสปปริพพาชกได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่าทุกข์จนทำเองหรือผู้อื่นทำให้ หรือทั้งตนทั้งผู้อื่นทำ หรือไม่ใช่ทั้งตนทั้งผู้อื่นทำ ?

    พระผู้มีพระภาคทรงห้ามว่า อย่างกล่าวอย่างนั้น อเจลกัสสปทูลถามต่อไปว่า ทุกข์ไม่มีหรือ ? พระพุทธองค์ตรัสว่า ทุกข์มีแน่ และพระองค์ทรงรู้จักดี เมื่ออเจลกัสสปทูลขอให้อธิบายทุกข์

    พระพุทธองค์ตรัสตอบดังต่อไปนี้....พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนกัสสป เมื่อบุคคลถืออยู่ นั่นผู้กระทำ นั้นผู้เสวย ถ้าเราจักกล่าวว่า ทุกข์ตนกระทำเอง ดังนี้ อันนี้เป็นสัสสตทิฐิไป

    “เมื่อบุคคลถูเวทนาทิ่มแทงอยู่ (ย่อมเข้าใจไป) ว่า ผู้กระทำคนหนึ่งผู้เสวยเป็นอีกคนหนึ่ง ถ้าเราจักกล่าวว่า ทุกข์ผู้อื่นกระทำให้ดังนี้ อันนี้เป็นอุจเฉททิฐิไป

    “.....ดูก่อนกัสสป ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุดทั้ง ๒ นั้น ว่าเพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ.... นามรูป... สฬายตนะ.... ผัสสะ.... เวทนา.... อุปาทาน.... ภพ....
    ชาติ ชรา มรณะ โสกปริเทวทุกข์โทมนัส อุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลย่อมมีได้ด้วยประการฉะนี้

    “เพราะอวิชชานั่นแหละดับ ด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ สฬายตนะดับ.... ผัสสะ.... เวทนา.... อุปาทาน.... ภพ.... ชาติ.... ชรา..... มรณะ....จึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวล ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.....”

    อเจลกัสสปสูตร นิ. สํ. (๕๐)
    ตบ. ๑๖ : ๒๔-๒๕ ตท. ๑๖ : ๑๖-๒๐
    ตอ. K.S. II : ๑๖
     
  6. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    เอาน่า น้าภูต วันไหน ไม่โดนนี้ก็คงแปลก เนอะ
    มันจะแปลกก็เพราะจิตมันไปรับมานี่ล่ะ อืม ไม่คิดดีกว่า ว่าจิตดวงไหน แค่ทราบ
    เขาตอบ ก็อนุโมทนาค่ะ แต่เขายังตอบไม่ถูกนัก เท่าไร
    เพราะต้องเข้าใจ สภาวะที่เป็น ต่างจากสภาวะตรงหน้า


    หน้าฝนนี้ ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    พูดแบบนี้ เอาสีข้างเข้าถูชัดๆ

    หลุดพ้นเป็นผลนั้น อะไรหละที่หลุดพ้นทำให้เกิดผล?

    หลุดพ้นเฉยๆลอยไปลอยมาไม่มี เมื่อมีการหลุดพ้นต้องมีผู้หลุดพ้น

    ภวหลุดพ้น คำนี้ใครบัญญัติ อย่ามั่วเดาสวดบัญญัติกันขึ้นเองสิ

    ภวคือภพ ถ้าจะเขียนให้ถูกต้อง ภวหลุดพ้นคือภพที่หลุดพ้น
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าเชื่อ ต้องเรียกว่า เถียงพระพุทธวจนะของพระพุทธองค์ชัดๆ

    มีพระพุทธพวจนะตรัสไว้ว่า

    "สิ่งใดเป็นอนัตตา พวกเธอพึ่งละสิ่งนั้นเสีย" ชัดๆว่า คืออย่าให้เข้าใกล้อนัตตาธรรม

    (เชื่อสิ ว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนิพพาน มีอยู่ในสภาพอนัตตา)
    การพูดแบบแบบนี้ไม่เป็นการหมิ่นพระเกียรติของพระพุทธองค์หรือ?

    อะไรที่ไม่เที่ยง อะไรที่เป็นทุกข์ นั่นเป็นอนัตตาธรรม ชัดเจนขนาดนี้

    ยังจะให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนิพพานเป็นอนัตตาอีกหรือ เวรกรรม เวรกรรม
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    การจะเอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์มาลงแย้งนั้น

    ควรอ่านให้รอบคอบเสียก่อน อย่ารีบมั่วเพื่อจะเอาชนะเท่านั้น

    เห็นแค่คำว่าสัสสตทิฐิ ก็กระโดดเข้าใส่เลย มันน่าอายนะ

    ดูบริบทข้างล่างให้ดีๆ จะเห็นว่าพระพุทธวจนะตรัสไว้ชัดๆแล้ว

    ไม่มีคำว่า "ถ้า" เพราะคำนี้ไม่มีใช้กันในครั้งกระนั้น

    กับคำว่าขอให้พระพุทธองค์ให้อธิบายนั้น ต้องใช้คำว่าขอจงแสดงจึงจะถูกต้อง

    มักมีการเอาที่เพิ่มเติ่มเสริมแต่งกันขึ้นเองตามมติที่ตนชอบใจมาเสนอ
    v
    v
    เมื่อข้าพเจ้าถามว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านพระโคดม ย่อมไม่รู้ไม่เห็นความทุกข์
    ท่านตรัสว่า เราย่อมไม่รู้ไม่เห็นความทุกข์หามิได้ เรารู้เห็นความทุกข์อยู่ กัสสป
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงตรัสบอกความทุกข์แก่ข้าพเจ้า
    และขอพระผู้มีพระภาคจงทรงแสดงความทุกข์แก่ข้าพเจ้าด้วย ฯ


    [๕๐] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกัสสป เมื่อบุคคลถืออยู่ว่า นั่นผู้กระทำ
    นั่นผู้เสวย [ทุกข์] เราจะกล่าวว่า ทุกข์ตนกระทำเองดังนี้ อันนี้เป็นสัสสตทิฐิไป
    เมื่อบุคคลถูกเวทนาทิ่มแทง [รู้] อยู่ว่า ผู้กระทำคนหนึ่ง ผู้เสวยเป็นอีกคนหนึ่ง
    เราจะกล่าวว่า ทุกข์ผู้อื่นกระทำให้ดังนี้ อันนี้เป็นอุจเฉททิฐิไป
    ^
    ^
    พระพุทธวจนะชัดเจนว่า "เราจะกล่าวว่า ทุกข์ตนกระทำเองดังนี้"

    บริบทนี้รับรองไว้ "ท่านตรัสว่า เราย่อมไม่รู้ไม่เห็นความทุกข์หามิได้ เรารู้เห็นความทุกข์อยู่ กัสสป"

    เพราะอะไร? เพราะทุกข์ตนกระทำเองดังนี้

    ทุกข์ไม่ใช่ตนเองกระทำ พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า

    เมื่อบุคคลยึดถือตนเองว่าเป็นสุขอยู่ เที่ยวเพ่งโทษว่าทุกข์เป็นของคนนั้นคนนี้

    นั่นเป็นผู้กระทำ นั่นเป็นผู้เสวย ไม่เกี่ยวกับตนเพราะตนเองเป็นสุขเที่ยงอยู่ อันนี้เป็นสัสสตทิฐิ

    ส่วน อุจเฉททิฐิ ก็ชัดเจนเช่นกันว่า

    "เราจะกล่าวว่า ทุกข์ผู้อื่นกระทำให้ดังนี้"

    ทุกข์ไม่ใช่คนหนึ่งกระทำแล้ว อีกคนหนึ่งเป็นผู้รับไป

    เมื่อเที่ยวโทษคนอื่นเป็นผู้ทำให้แล้ว และมีคนอื่นเป็นผู้รับไป

    ตนเองไม่ต้องรับผลในสิ่งเหล่านั้น ไม่เกี่ยวกับตนที่แสวงหาแต่ความสุขอยู่ อันนี้เป็นอุจเฉททิฐิ.

    การจะยกพระไตรปิฏกมาอ้างอิงนั้นควรเทียบเคียงกับพระสูตรให้ดีๆเสียก่อน

    เมื่อมีการยกในส่วนที่มีการเพิ่มเติมเสริมแต่งมาให้เสียความหมายไปนั้น

    เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเลย เพราะเป็นบาปอย่างยิ่งนั้นเอง
     
  10. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน เป็น อนัตตา(ของบุคคลคนนั้น)อะไรที่เกิด จาก กายใจ ของ บุคคลแต่ละคน ก็เป็น อนัตตา ของแต่ละคน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้า ยกมาแล้วจัดอยู่ใน อุปาทานขันธ์5 ก็ ย่อมเป็นอนัตตา...
     
  11. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน เป็น อนัตตา(ของบุคคลคนนั้น)อะไรที่เกิด จาก กายใจ ของ บุคคลแต่ละคน ก็เป็น อนัตตา ของแต่ละคน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้า ยกมาแล้วจัดอยู่ใน อุปาทานขันธ์5 ก็ ย่อมเป็นอนัตตา...
     
  12. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ทำไมคิดว่าผู้ตบหน้าหมายเตือนสติคิดเอาชนะเหล่า ธรรมภูติ

    ก็อะไรเล่าที่ทำทิฏฐิธรรมภูติดิ่งลงเหวเกินอำนาจพุทธะฉุดลาก

    การที่ชี้สัสสตทิฏฐินั้นควรแล้วที่จะกล่าว เหตุผลก็นำมาคานทุกคำตอบที่ธรรมภูติเข้าพง

    ในแง่พระอภิธรรมปิฏก ธรรมภูติก็ออกมาเถียงคอเป็นเอ็น เชื่อไม่ได้

    ต้นตอความเชื่อจิตดวงเดียว นั้นเที่ยง ผู้รู้นั้นเที่ยงไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร

    ธรรมภูติไปเถียงอยู่หลายเว็บ โดนตอกมาหน้าหงาย อันนี้ก็ควรพิจารณาไดแล้ว

    ว่าบุรุษท่านใดปลูกถ่ายกรรมพันธุ์ความคลาดเคลื่อนนี้ ให้แพร่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า

    ตนคลาดเคลื่อนไม่พอ พาเอาผู้อื่นดิ่งตามคำตีความพระไตรปิฏก พอค้านบ่อยๆ

    ก็ต้องไปลำบากพระธรรมหลวงปู่มายืนว่าตนพูดถูก หาความมั่นใจในธรรมไม่มี

    คณาจารย์ท่านว่าไว้ได้สวยแล้ว ว๋า อนันตริยกรรม ยังพอสำนึกกลับมาในทิฎฐิกุศลได้

    แต่มิจฉาทิฏฐิมีแต่ดิ่งเกินเยียวยา

    ก็ใน ๒๐๐ปีหลังพุทธกาลนั้น ความเห็นอย่างธรรมภูติมีอยู่มากไม่น่าจะแปลกอะไร

    เพราะ คณาจารย์ท่านก็ได้รจนา แยกวาทะ จิตดวงเดียวเที่ยงแท้ไม่ดับเกิด มิให้เป็นภัยศาสนา

    ธรรมภูติควรเปฺดอ่านบ้าง คำภีร์นั้นชื่อกถาวัตถุ ถ้ากระจ่างแก่ใจแล้ว

    ก็ควรเผื่อแผ่ความรู้นั้น ให้บุรุษผู้ล้างสมองธรรมภูติด้วย จะได้ชื่อผู้ตรงต่อธรรม


    ก็ในเมื่อความละอายใจไม่มี เพราะคิดว่าผู้พูดต้องคับแคบมุ่งเอาชนะเหมือนที่ธรรมภูติหวัง

    มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะวุ่นวายหาธรรมมาชี้ ผู้กล่าวได้นำพระสูตรเต็มๆมาให้พิจารณา

    ว่า พระพุทธะท่านชี้ไปที่เหตุปัจจัยสายกลาง ซึ่งถึอเป็นมติกระจ่างแล้ว

    ปัญญาธรรมภูติมีเท่าไหร่ หัวในตัวมีกี่หัว ให้นำมาใช้พิจารณาดูเถิด


    โพสนี้ไม่ขอมีสาระ เพราะเบื่อหน่าย ขอหักซอทิ้งดีกว่า ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2011
  13. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    โอยยยยยยย........

    แล้วต่อไปจะใช้อะไรมาสี*


    ------------------------

    * สี เป็นคำเชิงไหหลำ แปลว่าเย็น เย็นแบบเนปาล แปลว่า Nivarana
     
  14. ผืนแผ่นดิน

    ผืนแผ่นดิน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมคิดว่าจิตไม่เกิดดับ แบบคุณ ธรรมภูติ

    แต่อยากจะขอเตือนคุณ ธรรมภูติ ว่าการให้ธรรมทานนั้น ไม่ควรไปบังคับผู้อื่นนะครับ

    ใครไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วย ก็ต้องปล่อยเค้าไป พระพุทธเจ้าท่านยังไม่สามารถสอนได้ทุกคน

    การมีเมตตา ก็ต้องรู้จักวางอุเบกขาด้วย

    (ถ้ามีคนบอกว่าคุณเข้าใจผิด คุณยังไม่ยอมเลย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2011
  15. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2011
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ดีแล้วที่เตือน การเตือนด้วยเหตุด้วยผล คนฟังก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย

    ส่วนใหญ่แล้วพวกนักตำรานิยมชมชอบเอาชนะเหมือนกันหมดทุกตัวทั่วพร้อม

    คือ เมื่อจนแต้มด้วยเหตุและผลที่ตริตรองตามความเป็นจริงได้

    ก็ออกอาการเดียวกันหมดคือกล่าวหาว่าร้ายฝ่ายตรงข้ามไว้ก่อน

    โดยไม่เคยคิดที่จะตอบคำถามที่ถามไปเลย

    มักเลี่ยงที่จะตอบคำถามหรือเบี่ยงประเด็นออกไป เค้าเรียกว่าพวกน้ำตกเหวนรก

    มักเอาพวกมากเข้ามาลากไปจนรู้สึกว่าพวกตนเองถูก หรือไม่ก็หยาบคายไว้ก่อน

    อย่าคิดว่าผมไม่ยอมพวกนี้ โดนมามากกว่านี้ก็ยังยอมเลย เพราะรู้อยู่ว่าสายบุญสายกรรมของใครของใครมัน

    แต่การที่คนพวกนี้ชอบครอบงำผู้ศึกษาใหม่ด้วยธรรมะที่ไม่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น

    แต่กลับแอบอ้างพ่อแม่ครูบาอาจารย์ว่า เห็นด้วยกับพวกตน

    เป็นการทำให้ธรรมะเกิดการปฏิรูป โดยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะหมดไปในอนาคต

    อันนี้สิยอมไม่ได้ ปล่อยวางไม่ลง จึงต้องพยายามนำของที่ถูกต้องมาลง

    เพื่อให้เกิดมีการเปรียบเทียบกันเองของผู้ที่ยังศึกษาใหม่
     
  17. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนา ที่มีจิตใจเผื่อแผ่ บุคคลทั่วไป ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์

    ผู้ปฎิบัติพึ่งเห็นได้ด้วยตนเอง ถึงแม้มีผู้ที่ไม่ประสงค์ดีได้แนะนำ

    แต่หากถึงพร้อมด้วยจิตตั้งมั่น สิ่งที่ผู้ไม่ประสงค์ดีแนะนำ ก็สลายหายไปจากจิตใจผู้ปฎิบัติ

    บุคคลที่คิดคดทำลายพระศาสนานั้น มีกรรมเป็นของตน ผลแห่งกรรมนั้น จักส่งผลให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือ ตนเองก็ไม่พบกับพระธรรม และ ยังมีผลไปอีกนานเท่านาน

    ไม่ว่าผู้นั้นจะเกิดอีกกี่ครั้ง ทิฐิที่ไม่ดีก็ยังติดตามไปอีกนาน จนกว่าจะได้พบพระอริยะบุคคลมาให้คำสั่งสอน(ซึ่งไม่รู้จะมีโอกาสไหม)

    พี่ธรรมภูต วางคนจำนวนไม่กี่คนนี้เถิด ยังมีผู้คนอีกมากที่ปฎิบัติมาดีแล้ว ที่เข้ามาศึกษาในเว็บแห่งนี้ และ ไม่ได้มาออกเสียงอะไร

    แต่บุคคลภายนอกเหล่านั้น เขาก็จะรับรู้ว่าใครเป็นอย่างไร ใครปฎิบัติมาจริง ใครไม่ได้ปฎิบัติมาจริง

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ยินดีในธรรมที่ได้เข้าถึงด้วยจิตที่สงบตั้งมั่น

    ได้ปล่อยวางบุคคลดังกล่าวไปนานแล้ว ตามสายบุญสายกรรมที่ตนเองมีมา

    ส่วนที่ยังต้องตอบข้อเท็จจริงกลับไปบ้างนั้น เหตุเพราะว่า

    ในปัจจุบันพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายปฏิบัติกรรมฐานภาวนา

    กำลังถูกกลุ่มตำรานิยมที่แอบแฝงมักแอบอ้างวิปัสสนาปัญญา เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของท่าน

    โดยที่ท่านพ่อแม่ครูบาอา่จาย์ทั้งหลายนั้น ไม่สามารถมาตอบข้อข้องใจเองได้

    หรือหลายท่านได้มรณะภาพไปแล้ว กลับถูกนำมาแอบอ้างโดยไม่ละอายใจเลย

    ว่าท่านพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายนั้น ได้รับรองภูมิวิปัสสนาปัญญาให้

    ถ้าไม่มีผู้ยืนหยัด ที่นำของที่ถูกต้องมาวาง เพื่อคนอ่านได้นำไปพิจารณาบ้างยิ่งจะหมดเร็วไปกว่านี้

    เท่าที่ไปท่องตามเวบต่างๆมานั้น พวกนักตำรานิยมมักมีนิสัยถาวรเหมือนกันหมด

    มักไม่ตอบคำถามที่ถามไป เพราะหาเหตุผลที่จะตอบไม่ได้

    เมื่อไม่ได้ก็เบี่ยงเลี่ยงออกนอกประเด็นไปเรื่อยๆ พอโดนทวงถามมากๆเข้า

    ก็ออกอาการหน้าแตกแบกความทุกข์ โดยการกล่าวหาว่าร้ายฝ่ายตรงข้ามไว้ก่อน

    เมื่อกล่าวหาว่าร้ายไม่สำเร็จเพราะขาดเหตุผล ก็เอาพวกมากมาลากถูลู่ถูกังกันไปจนได้

    คนพวกนี้หลงอยู่ในวิปัสสนึกที่คิดเองเออเองว่า ตนเองมีภูมิธรรมจากความคิดที่ตกผลึกแล้ว

    ไม่เคยได้สัมผัสรสชาดของความสงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหวของจิตใจที่อิสระจากความคิดนั่นเอง

     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ผู้ตบหน้าหมายถึง ตบตนเองเพื่อความมั่นใจว่าหน้าแตกไปถึงไหน

    ไม่รู้จริงๆหรือว่าใครที่หน้าแตกกันแน่ ที่ยกพระสูตรที่ถูกดัดแปลงมาแล้ว

    เพื่อมารับรองคำพูดตนเองที่พูดมั่วไปเรื่อยว่า มีแต่การกระทำผู้กระทำไม่มี

    แค่ตรรกะง่ายๆเพียงแค่นี้ยังไม่ผ่านเลย เพราะเป็นเด็กไร้เหตุผลหา่ประโยชน์ไม่ได้

    จะมาพูดถึงธรรมะที่ละเอียดลึกซึ้งกว่านี้คงเข้าใจไม่ได้อย่างแน่นอน

    ถ้าในโลกนี้มีเพียงการกระทำเท่านั้น หาผู้กระทำไม่ได้แล้ว

    จะต้องไปกลัวอะไรกับ บาป บุญ คุณ โทษ กุศลและอกุศลหละจริงมั้ย?

    ในเมื่อผู้กระทำกรรมหามีไม่ ผู้รับกรรมก็ต้องไม่มีไปด้วยเช่นกันใช่หรือไม่?

    พูดง่ายๆตามภาษาชาวบ้านว่า อะไรๆก็ไม่มี ที่มีก็ไม่ใช่ ที่ใช่ก็ไม่มี ไม่มีอะไรทั้งนั้น

    แบบนี้ต้องไปกลัวอะไรอีกหละ ก็ผู้กระทำกรรมก็ไม่มี ผู้รับกรรมก็ไม่มีซะอย่าง

    จะกลัวไปทำไม บาป บุญ คุณ โทษ ไม่สงสัยเลยว่า

    ทำไมคุกจึงมีไม่พอขังคนชั่วช้าลามก เพราะเหตุแห่งความคิดเห็นแบบนี้

    เค้าเรียกพวกที่มีทิฐิแบบนี้ในสมัยพุทธกาลว่า พวกนัตถิกทิฐิ ที่เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใสคนอื่น

    อย่ามาทำเท่เลย บอกมาได้ว่าเบื่อหน่าย ไร้สาระ เมื่อโดนจำผิดได้ หน้าแตกเป็นชิ้นๆแล้ว

    กลับตัวกลับใจก็ยังไม่สาย หันมาปฏิบัติสมาธิกรรมฐานอย่างจริงจังเถอะ จะรู้เองเห็นเอง

    การยกพระสูตรมาเพียงเพื่อรองรับทิฐิของตนเองนั้น เป็นบาปทางใจไปอีกนาน

    การแปลพระสูตรในพระไตรปิฏกนั้น มีทั้งแปลโดยอรรถ และแปลโดยพยัญชนะ

    ถ้าพบที่แปลโดยอรรถ เราต้องนำมาเทียบเคียงกับพยัญชนะว่าลงกันได้มั้ย?

    เมื่อพบที่แปลโดยพยัญชนะ ก็ต้องนำมาเทียบเคียงกับอรรถหรือบริบทรอบข้างว่าเข้ากันได้หรือไม่?

    พระสูตรที่ยกมานั้นแปลโดยพยัญชนะ จึงเข้าใจได้ยากเป็นธรรมดา

    ต้องดูทั้งอรรถและบริบทรอบข้างว่าลงกันได้หรือไม่?

    บริบทรอบข้างชัดเจนว่า

    เมื่อข้าพเจ้าถามว่าความทุกข์ไม่มีหรือ ท่านพระโคดม
    ท่านตรัสว่า ความทุกข์ไม่มีหามิได้ ความทุกข์มีอยู่ กัสสป

    เมื่อข้าพเจ้าถามว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านพระโคดม ย่อมไม่รู้ไม่เห็นความทุกข์
    ท่านตรัสว่า เราย่อมไม่รู้ไม่เห็นความทุกข์หามิได้ เรารู้เห็นความทุกข์อยู่ กัสสป

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงตรัสบอกความทุกข์
    แก่ข้าพเจ้า และขอพระผู้มีพระภาคจงทรงแสดงความทุกข์แก่ข้าพเจ้าด้วย ฯ

    ู^
    ^
    ทุกข์มีอยู่จริง แล้วใครหรืออะไรที่รู้เห็นหละ?

    ถ้าทุกข์มีอยู่ แต่ผู้กระทำให้เกิดทุกข์และผู้รับทุกข์ไม่มีอยู่จริง

    จะต้องไปกำหนดรู้ทุกข์และละเหตุแห่งทุกข์ไปทำไมให้เสียเวลาใช่หรือไม่?

    ที่ถามๆไปหนะหัดตอบกลับมาบ้าง อย่าใช่วิธีกล่าวหาว่าร้ายแล้วก็หนีไป น่าอายจริงๆนะ
     
  20. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เห็นเถียงกันตาดำตาแดงหาข้อสรุปกันไม่ได้
    เพราะเชื่อแต่ความคิดความเห็นของตน
    อย่างนี้ยังไง ยังไง ก็ไม่มีทางจบ

    ผมจะลองเสนอความเห็นดูบ้าง
    เผื่อจะได้แง่มุมใหม่ ๆ
    นาน ๆ ทีโพสต์ซักครั้ง
    อ่านโพสต์คนนั้นคนนี้แล้วมันคันไม้คันมือ
    คันหัวใจ อยากจะโพสต์

    ตัวจิตที่เป็นอิสระจากขันธ์ 5
    ก็ยังมีอาการอันละเอียดของจิต
    อาการอันละเอียดเหล่านี้เป็นอาการของจิตล้วน
    ไม่ได้เกี่ยวกับขันธ์ทั้ง 5

    หลวงตามหาบัวท่านว่า
    เดี๋ยวว่าเศร้าหมองเดี๋ยวว่าผ่องใส
    เดี๋ยวว่าสุข เดี๋ยวว่าทุกข์
    เป็นอาการอันละเอียดของจิต
    เกิดขึ้นแล้วดับไป
    เพียงแค่แย็บ ๆ เท่านั้น

    อาการที่หลวงตาท่านว่า
    จะว่าเป็นจิตหรือเปล่าก็ลองพิจารณากันก็แล้วกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...