จิตไม่เกิดดับ เพราะจิตไม่ใช่ขันธ์ ๕ จิตจึงไม่ใช่กองทุกข์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 16 สิงหาคม 2011.

  1. กาน้ำ

    กาน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +153
    จิตไม่เกิดดับ เพราะจิตไม่ใช่ขันธ์ ๕ จิตจึงไม่ใช่กองทุกข์
    จิตเกิดดับ เพราะจิตเป็น๑ในขันธ์๕ จิตเป็นกองทุกข์อยู่ในก้อนทุกขอริยสัจ ๑๖๐ ประการ
     
  2. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    คิดถึง..ท่านขันธ์ ครับ ไม่ทราบท่านไปไหนคัรบ ..?
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ไม่แปลกใจเลยจริงๆ เพราะอคติธรรมนำแท้ๆ

    จิตไม่เกิดดับ จำเป็นต้องเที่ยงด้วยหรือ?

    ในบทความก็ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ไม่คิดอ่านให้รอบคอบเอง เพราะอคติธรรม

    จิตไม่เกิดดับ แต่จิตเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์นั้นๆตลอดระยะเวลาที่มีอารมณ์เข้ามากระทบจิต

    ยัดเยียดกันชัดๆ ยังจะกล้าเบี่ยงประเด็นไปอีก ทำไปได้

    การที่จิตไม่เกิดดับ เพราะจิตต้องยืนตัวรู้เห็นการเกิดดับของอารมณ์นั้นๆ

    ถ้าไม่มีจิตยืนตัวรู้อยู่ แล้วเอาอะไรมาพูดว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นสิ่งนั้นดับไป

    ก็แสดงว่า ที่เรียนรู้มานั้น เป็นการสอนเดาสวดเอาเองนะสิใช่หรือไม่?
     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ถามตรงตรง คุณ ทำมา นาน แล้ว ปัจจุบัน ยัง มี โลภะ โทสะ โมหะ อยู่ ใหม?
     
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คิดจะพูดอะไร เคยหยุดพิจารณาบ้างมั้ย?

    เอาแต่จำตำรามาพูดเท่านั้น ไม่รู้สึกว่าขาดเหตุหรือ?

    ถ้าตัวจิตเป็นกองทุกข์เสียเองแล้ว ก็ไปดับจิตซะจะได้หมดทุกข์ใช่หรือไม่?

    แบบนี้ก็หาบุคคลที่มีจิตใจที่เป็นสุขไม่ได้เลยสิ เพราะจิตเป็นกองทุกข์เสียเอง

    การจะเชื่ออะไรนั้น ควรยืนอยู่บนหลักของเหตุผล

    อย่าคนในศาสนาอื่นมาหัวเราะเยาะได้ว่า มีแต่เรื่องไร้เหตุผลสิ น่าอายนะ

    จิตของผู้ปฏิบัติเป็นผู้กำหนดรู้ทุกข์ ไม่ใช่เป็นตัวทุกข์เสียเอง

    ถ้าเป็นตัวทุกข์เสียเอง ผู้ปฏิบัตก็ควรตายไปซะจะได้พ้นทุกข์ใช่หรือไม่?
     
  6. กาน้ำ

    กาน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +153
    คิดจะพูดอะไร เคยหยุดพิจารณาบ้างมั้ย?
    พิจารณาแล้วว่าจะกล่าวอะไร

    เอาแต่จำตำรามาพูดเท่านั้น ไม่รู้สึกว่าขาดเหตุหรือ?
    จำสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงชี้แนะ ว่าด้วยเรื่องของเหตุและผล

    ถ้าตัวจิตเป็นกองทุกข์เสียเองแล้ว ก็ไปดับจิตซะจะได้หมดทุกข์ใช่หรือไม่?
    ใช่ค่ะ จิตเป็นอาสวะที่หมักดองอยู่ทุกภพทุกชาติ การทำให้จืด คลาย ดับไปเป็นเรื่องของการดับทุกขอริยสัจน์ โดยเจริญมรรคมีองค์๘

    แบบนี้ก็หาบุคคลที่มีจิตใจที่เป็นสุขไม่ได้เลยสิ เพราะจิตเป็นกองทุกข์เสียเอง
    แน่นอนค่ะ เพราะจิตมีหน้าที่เก็บทั้งอกุศล กุศล วิบาก กิริยา(พระอรหันตร์)

    การจะเชื่ออะไรนั้น ควรยืนอยู่บนหลักของเหตุผล
    สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงชี้แนะ ว่าด้วยเรื่องของเหตุและผล

    อย่าคนในศาสนาอื่นมาหัวเราะเยาะได้ว่า มีแต่เรื่องไร้เหตุผลสิ น่าอายนะ
    ดูจิตตัวเองให้ออกว่า ขณะนี้จิตเป็นกุศล หรือ อกุศล

    จิตของผู้ปฏิบัติเป็นผู้กำหนดรู้ทุกข์ ไม่ใช่เป็นตัวทุกข์เสียเอง
    จิตเป็นผู้ปฏิบัติผู้กำหนดไม่ได้ เพราะจิตเป็นตัวทุกข์

    ถ้าเป็นตัวทุกข์เสียเอง ผู้ปฏิบัตก็ควรตายไปซะจะได้พ้นทุกข์ใช่หรือไม่?
    การที่ยังมาเวียนเกิดเวียนตาย เป็นการเสวยวิบากทั้งกุศลและอกุศล
    ทุกกรรมที่ได้กระทำไม่ได้หายไปไหน แค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น
    ผู้มีปัญญา ควรเจริญมรรคมีองค์๘ เพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นอริยะบุคล
    จากพระโสดบัน สกิทาคามี อนาคามี พระอรหันตร์

    ตายแบบมีปัญญาคือเจริญมรรคมีองค์๘ ก่อนตาย
     
  7. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ทำไม จิต เจตสิก รูป ถึงเป็น สังขตธรรม สิ่งปรุงแต่ง เพราะคำว่าจิตหรือความหมายของจิตเองก็ตาม โดนปรุงแต่งภายหลังที่มีรูปนาม ที่มี อวิชชา เห็นเกิด เอง เห็นดับเอง ก็ ตาม เห็นไม่ดับก็ตาม ยังเป็นสิ่งปรุงแต่งอยู่ สังขตธรรมอยู่ อย่าไปนิยามเลยคุณ สิ่งที่ พระพุุทธองค์ ให้กล่าว คือ อริยสัจ4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค คุณพูดออกมามันก็เป็นสิ่งปรุงแต่งหมดแหละ ถ้า จะเข้าถึง มันจะพูดออกมาไม่ได้เลย แล้วมันจะไม่ใช่สิ่งปรุงแต่ง เชื่อ ผม เถอะ นะ จ้ะ.(k)
     
  8. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    กรณีที่มีสติสัมปชัญญะ แต่ยังวางทุกข์ไม่สิ้นเชิง การปรุงแต่งย่อมเกิดน้อย
    การผัสสะยังดำเนิน รูปยังคงเสื่อมสลายไม่หยุด เวทนายังรู้สึก สัญญายังมี
    สังขารจึงเกิด วิญญาณจึงยังรู้เห็น การเกิดดับย่อมมีอยู่ เมื่อการเกิดดับน้อยลง
    เพราะมีสติสัมปชัญญะ จึงรู้เห็นได้ ตามกำลังความตั้งมั่นของจิต
    ....จิตเกิดดับเพราะการปรุงแต่ง จากผัสสะ เกิดเป็นเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    เพราะประกอบด้วยอวิชาจึงเป็นอัตตา เกิดการเข้าไปยึดมาเป็นเจ้าของ จึงมองได้ว่า
    เมื่อ จิตไม่เกิดดับ เพราะจิตไม่ใช่ขันธ์ ๕ จิตจึงไม่ใช่กองทุกข์ กล่าวถูกต้องแล้ว
    ...การรู้เห็นอย่างเดียวในการรู้วาง จึงไม่ใช่ขันธ์ห้าแต่เป็น ขันธ์หนึ่ง ที่ไร้การปรุงแต่ง จิตจึงไม่ใช่กองทุกข์
    เหตุเพราะไม่ปรุงไม่รับมาเป็นอัตตาทุกข์หรือ กองทุกข์ อันเป็นเหตุให้เกิด เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    มาเป็นกองนามปรุงอยู่หลายๆรอบ แล้วลงกองรูปหลายๆลักษณะ โดยการปรุงแต่งที่ไม่เหมือนกันนั้น
    .....เมื่อผัสสะเกิดขึ้น รู้ ดู วาง ไม่ปรุงต่อ ไม่ยึด วางโดยส่วนเดียวจึง รู้ตลอดสาย รู้ตลอดทาง
    จึงเรียกว่ารู้แจ้งแทงตลอด โดยไม่เอาเข้ามาเป็นของตน เบา สุข เย็น อิสระ โดยความเป็นเช่นนั้นเอง

    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2011
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    [​IMG]
     
  10. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ปล่อยวางแล้ว ให้คำนิยาม ว่า จิต ไม่ได้หรอก มันจะกลายเป็นสิ่งปรุงแต่งอีก.
     
  11. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201

    เขาว่า ขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ : หลวงพ่อสงบ

    http://www.watpakhaodangyai.com/content_show.php?content=230
     
  12. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    [​IMG]


    เวลาใช้ ความคิดนึก ดุ่มๆไป ไม่ว่า อ้ายอีคนไหน จะทำสมาธิมา
    หรือไม่ทำสมาธิมา หากสุดท้าย มาใช้ นึกๆ คิดๆ หาทางพ้น

    มันจะหยิบขี้ มาเป็นผล

    นึกดูสิ จิตไม่เกิดไม่ดับ จะกี่ขันธ์กี่อะไร มันอ้างนะว่า มีรู้ไหม

    หากมี รู้ นั่นไง ไม่เกิดไม่ดับ อ้างสุ่มสี่สุ่มห้า แล้ว จับขี้ เอาข้ี
    ยัดปากให้พูดกัน มี รู้ไหม

    ขอโทษนะ

    ตอนที่ไปเกิดเป็น สัตว์นรก มี "รู้" ไหม อ้าว ทำไม มีรู้ หละ

    ตกลง "รู้" อะไรที่อ้างว่าเป็นจิตอะไรนั่น ทำมัน มี แล้วมันตกนรกหละ

    ตกนรกไปแล้ว มี "รู้" ไหม มันก็มีอีกนะ

    ดังนั้น อย่าโง่

    คำว่า จิตไม่เกิดไม่ดับ มันเอาไว้ สอนพวกนักวิทยาศาสตร์ ที่มันเห็น
    ตายแล้วสูญ ไม่เชื่อเรื่อง ภพภูมิ เวียนว่ายตายเกิด

    เมื่อ สอนให้ไอ้พวกนี้มันเชื่อในภพภูมิแล้ว ให้เลิกพูดว่า จิตไม่เกิดไม่ดับ
    ไปเสีย แล้วมาชี้ใหม่ว่า จิตนะมี ปฏิสนธิกิจ และ มี จุติกิจ เพื่อน้อม
    เข้ามาสู่ การเคลื่อนไปใน ภพภูมิ มีรู้ไหม มี รู้แบบโง่เต็มอัตรา มันเลย
    พาเวียนว่ายตายเกิด

    เมื่อสอนให้เห็นตรงนี้ หากยัง โง่ พูดจิตไม่เกิดไม่ดับ แล้ว มันจะไม่มีทาง
    ออกเลย คนจะไม่เห็นว่า ทางออกอยู่ตรงไหน

    แต่ถ้าพูด จุติกิจ(ดับ)มี และ ปฏิสนธิกิจ(เกิด) มี จิตมีเกิดมีดับ ตรงนี้
    มันจะเป็นช่องที่ทำให้เกิดการค้นคว้า

    ปฏิสนธิกิจ มีเมื่อไหร่ นั่นแหละ กิเลสมีทันที

    ปฏิสนธิวิญญาณ มีเมื่อไหร่ นั่นแหละ อุปปาธิมีทันที กิเลสมีทันที

    หยุดกิเลสหนะ หยุดที่การแจ้ง ในเงา ที่กำลังครองภพครองชาติ
    ปัจจุบัน แต่ ปฏิสนธิกิจ จะมีอีกไหม มันก็จะย้อนมาดูที่ กิเลส
    อาสวะ ว่ามีอีกไหม หากมี ปฏิสนธิกิจ(จิตเกิด) มีทันที นั่นหมาย
    ถึง จิตไม่หลุดพ้น

    ทีนี้ จุติกิจทำหน้าที่ แต่ ปฏิสนธิกิจ ไม่มี อันนี้เขาเรียกว่าอะไร

    ทนได้ไหมที่จะ รับฟังธรรมอันนี้ว่า มีอยู่ แล้ว เป็นหนทางพ้น

    หากรับไม่ได้ ก็ไปจับ ขี้ จับขันธ์1 โง่ดักดานไป
     
  13. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    .............
    คำบัญญัติ เรียกหาไม่ได้ เหตุเพราะ บัญญัติใช้กับสิ่งที่เรียกเพื่อแสดงอัตตา
    อาจเรียกได้ว่า จิตรู้ที่ไร้อัตตา เมื่อมีผู้รู้ จึงยังเรียกว่าจิต ต้องวางทั้งหมด
    จึงไร้ตัวตน จึงต้องวางเพียงส่วนเดียว วางทั้งหมด จึงว่าง
     
  14. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    โอวาทธรรมหลวงตา มหาบัว

    ท่านผู้ใดบำเพ็ญข้อวัตรปฏิบัติให้สมบูรณ์เต็มภูมิ ดังที่พระพุทธเจ้าได้สั่งสอนไว้แล้ว ธรรมชาตินี้ไม่ต้องมีใครมาบอกจะรู้เองเห็นเอง เพราะอำนาจแห่งมัชฌิมาปฏิปทาเป็นเครื่องบุกเบิกทำลายสิ่งที่รกรุงรังพัวพันอยู่ภายในใจ จะแตกกระจายออกไปหมด เหลือแต่ธรรมล้วนๆ จิตล้วนๆ ที่เป็นจิตบริสุทธิ์ จากนั้นจะเอาอะไรมาเป็นภัยต่อจิตใจ แม้สังขารร่างกายจะมีความทุกข์ความลำบากแค่ไหน ก็สักแต่ว่าสังขารร่างกายเป็นทุกข์เท่านั้น ไม่สามารถที่จะทับถมจิตให้บอบช้ำให้ขุ่นมัวได้เลย เพราะธรรมชาตินั้นไม่ใช่สมมุติ ขันธ์ทั้งหมดนี้เป็นสมมุติล้วนๆ ธรรมชาตินั้นเป็นวิมุตติ หลุดพ้นจากสิ่งกดขี่ทั้งหลายซึ่งเป็นตัวสมมุติแล้ว แล้วจะเกิดความเดือดร้อนได้อย่างไร เป็นก็เป็น ตายก็ตาย เรื่องของขันธ์สลายลงไปตามสภาพของมันที่ประชุมกันเท่านั้น
    จิตดวงนี้เป็นอย่างไร ต่อไปนี้จะไปเกิดที่ไหนก็ทราบอย่างชัดเจน จะไปเกิดที่ไหนเมื่อไม่มีเชื้อ ไม่มีเงื่อนต่อทั้งเงื่อนต้นเงื่อนปลาย ทั้งอดีต อนาคต แม้แต่ปัจจุบันก็รู้เท่าทันไม่ได้ยึดได้ถือ สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาไม่ถือมั่นแล้ว เพราะได้รู้ประจักษ์ใจแล้ว เมื่อรู้ประจักษ์ใจและปล่อยวางหมดแล้ว มีธรรมอะไรที่ไม่ใช่อนัตตาไม่ใช่อัตตา คือ วิสุทธิธรรม วิสุทธิจิต จะเรียกวิสุทธิจิตก็ได้ จะเรียกวิสุทธิธรรมก็ได้ จะเรียกนิพพานก็ได้ไม่มีปัญหาอะไรเมื่อถึงตัวจริง ไม่มีกิเลสสมมุติใดๆ เข้ามาขัดขวางแล้ว เรียกไม่เรียกก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น เพราะจิตหลุดพ้นจากปัญหาความยุ่งเหยิงทั้งมวลไปแล้ว
    เหล่านี้ได้พูดให้หมู่เพื่อนฟังหมดไม่เคยปิดบังลี้ลับ ซึ่งไม่เคยถามผู้ใดเลย ปรากฏขึ้นกับจิตเอง พระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายที่ท่านปฏิบัติ เมื่อตรัสรู้และบรรลุธรรมก็เป็น สนฺทิฏฺฐิโก ไม่ทรงถามและถามใคร สมกับพระธรรมที่ท่านแสดงไว้ว่า สนฺทิฏฺฐิโก ผู้ปฏิบัติจะพึงรู้เองเห็นเอง ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ ผู้รู้ทั้งหลายจะพึงรู้จำเพาะตน นั่น ท่านว่าไว้อย่างนั้น ธรรมนี้มิใช่ธรรมโกหกโลก ทำไมผู้ปฏิบัติเมื่อรู้เห็นได้ตามธรรมนั้นจะเป็นการโอ้อวดโกหก รู้เห็นได้ต้องพูดได้ตามนั้น ปฏิปทาธรรมทั้งหมดนี้แลเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะเปิดตู้พระไตรปิฎก ในขณะเดียวกันก็ปราบปรามกิเลสซึ่งเป็นข้าศึกและปิดบังธรรมในใจ ให้แตกกระจายออกไป กลายเป็นใจวิเศษ ธรรมวิเศษล้วนๆ ขึ้นมาอย่างไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลย

    ..............แวะพัก จิบน้ำเย็นๆ ก่อน แล้ว เว้ากันต่อ ให้ม่วนๆไปโลด........
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เขาไม่ได้ สุกเอาเผากิน แค่ วาง แล้ว ก็ ว่าง

    แบบนั้น มันก็เหมือนเป็น กบฏศาสนา ไม่ต่างกันเลยกับการ ก่อกบฏศาสนา

    วาง แล้ว ว่าง มันต้องมา พิจารณาว่า วางอะไร ว่างจากอะไร

    ไม่ใช่ วาง ว่าง ว้าง บ้า!!
     
  16. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    ในการวิเคราะห์มนุษย์เป็น ๕ ส่วนตามนัยแห่งขันธ์ ๕ นี้ แต่ละส่วนยังมีการวิเคราะห์ออกเป็นส่วนย่อยต่อไปอีกอย่างพิสดาร แต่ขันธ์ ๕ นี้ เมื่อพิจารณาในแง่ปรมัตถธรรม คือ จิต เจตสิก รูปและนิพพานแล้ว อาจจะย่อลงได้เป็น ๓ คือ รูป คงเป็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร เป็นเจตสิก วิญญาณเป็นจิต ส่วนนิพพานไม่มีในขันธ์ ๕ คือ เป็นขันธวิมุติ หรือจะย่อลงเป็น ๒ คือ รูป (กาย) และนาม (จิต) ดังนี้
    [​IMG]

    ธรรมชาติทางจิตของมนุษย์
    คำว่า “จิต” มีรูปวิเคราะห์ว่า จินเตติ วชานาตีติ จิตฺตํ ธรรมชาติใดย่อมคิด คือย่อมรู้แจ้ง เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อว่า จิต” ซึ่งธรรมชาติของจิตนั้นเป็นธรรมชาติที่คิดหรือรู้อารมณ์ จากนัยนี้ จิตจึงแตกต่างจากกายโดยสิ้นเชิง เพราะธรรมชาติของกายนั้นคิดและรู้อารมณ์ไม่ได้
    คำว่าจิตนี้ มีชื่อเรียกแทนหรือมีคำที่เป็นไวพจน์หลายคำ ในอภิธานัปปทีปีกาได้แสดงคำที่เป็นไวพจน์ของจิตไว้ ๖ คำคือ ๑. จิตตะ ๒. เจโต ๓. มโน ๔. วิญญาณ ๕. หทัย และ ๖. มานสะ ​

    ในขุททกนิกายได้แสดงคำที่เป็นไวพจน์ของจิตไว้ ๑๐ คำคือ ๑. จิต ๒. มโน ๓. มานัส ๔. หทัย ๕. ปัณฑระ ๖. มนายตนะ ๗. มนินทรีย์ ๘. วิญญาณ ๙. วิญญาณขันธ์ และ ๑๐. มโนวิญญาณธาตุ ​

    คำทั้ง ๑๐ คำนี้ เป็นชื่อของสิ่งเดียวกันคือจิต แต่ที่เรียกเป็นชื่อต่าง ๆ แปลกกันออกไปนั้น เพราะพิจารณาตามหน้าที่ที่จิตทำงานต่าง ๆ กันไปนั้น หรือไปตามขั้นตอน ในอรรถกถาอัฏฐสาลินี อธิบายไว้ดังนี้
    ๑) ธรรมชาติใดย่อมคิด ธรรมชาตินั้นชื่อว่าจิต
    ๒) ธรรมชาติใดย่อมน้อมไปหาอารมณ์ ธรรมชาตินั้นชื่อว่า มโน
    ๓) ธรรมชาติของจิตที่รวบรวมอารมณ์ไว้ในภายใน ชื่อว่า หทัย
    ๔) ธรรมชาติที่มีฉันทะคือความพอใจไว้ภายในจิต ชื่อว่า มานัส
    ๕) ธรรมชาติที่มีลักษณะผ่องใส ชื่อว่าปัณฑระ
    ๖) ธรรมชาติที่ต้องเข้าไปอาศัยอายตนะเป็นเครื่องติดต่ออารมณ์ที่มากระทบ ชื่อว่า มนายตนะ
    ๗) ธรรมชาติที่ครองความเป็นใหญ่ในกิจการทั้งปวง ชื่อว่า มนินทรีย์
    ๘) ธรรมชาติที่รู้แจ้งอารมณ์ ชื่อว่าวิญญาณ
    ๙) ธรรมชาติที่มีวิญญาณเป็นเหตุเป็นปัจจัยประกอบ ชื่อว่าวิญญาณขันธ์
    ๑๐) ธรรมชาติที่รับรู้อารมณ์ ชื่อว่ามโนวิญญาณธาตุ
    ในพระสุตตันตปิฎก ได้แสดงลักษณะของจิตว่า ดิ้นรน กวัดแกว่ง รักษายาก ห้ามยาก เที่ยวไปไกล (ทูรงฺคมํ) เที่ยวไปดวงเดียว (เอกจรํ) ไม่มีรูปร่าง (อสรีรํ) อาศัยอยู่ในถ้ำ (คุหาสยํ) ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2011
  17. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    ^_^ ขันธ์ 5 มารวมกันเมื่อไรทุกข์ก็เกิดละครับ
    ……………………………
    ปัญหา ขันธ์ ๕ กับทุกข์เกี่ยวข้องกันอย่างไร
    @พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเกิดขึ้น ความตั้งอยู่ ความบังเกิด ความปรากฏแห่ง รูป.... เวทนา...สัญญา... สังขาร...วิญญาณ นี้เป็นความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นความตั้งอยู่แห่งโรคทั้งหลาย เป็นความปรากฏแห่งชรา มรณะ
    “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความดับ ความสงบระงับความตั้งอยู่ไม่ได้ แห่ง
    รูป.... เวทนา...สัญญา... สังขาร...วิญญาณ นี้เป็นความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นสงบระงับแห่งโรคทั้งหลาย เป็นความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งชรา มรณะ
    อุปปาทสูตร ขันธ. สํ. (๖๖-๖๗)
    ตบ. ๑๗ : ๓๙-๔๐ ตท. ๑๗ : ๓๔
    ตอ. K.S. ๓ : ๓๐
    ………………………………
    @ที่ขันธ์ 5 เป็นทุกข์เพราะอยู่ในสภาพไม่เที่ยง ไม่ถาวร เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่สามารถควบคุมได้ แล้วรู้ได้ไงว่าไม่เที่ยงใช่เปล่าครับจะยกมาให้พิจารณานะครับ
    ……………………………..
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙
    สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
    ๗. ปัญจวัคคิยสูตร
    ว่าด้วยลักษณะแห่งอนัตตา

    [๑๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยง หรือ
    ไม่เที่ยง?
    ภิกษุเหล่านั้น กราบทูลว่า ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
    พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
    ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
    พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือหนอ ที่จะ
    ตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นตัวตนของเรา?
    ภิ. ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า.
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
    ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
    พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือสุขเล่า?
    ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
    พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือหนอ ที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นตัวตนของเรา?
    ภิ. ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2011
  18. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    ....................
    ขอบพระคุณที่พาทัวร์นรกครับ
    โทสะ ยังคงเป็นโทสะ ธรรมดา
    ทุกข์ยัง คงเป็นทุกข์ ธรรมดา
    กิเลสเกิดอยู่ตามธรรมดา
    บ้าก็แค่นั้น ดีก็แค่นั้น ไม่มีอะไรเลย
    ขี้ ก็แค่นั้น แค่คำเรียกหา เท่านั้นเอง
    นรกไร้ตัว ขี้ไร้ตน ไม่มีเรา ไม่มีท่าน
    เมื่อไม่เอา ก็ไม่มีอะไรเป็น เช่นนั้นแล
     
  19. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    กระทู้นี้พระไตรแน่นดีนะครับ....

    โมทนาสาธุธรรมครับ..
     
  20. Darkever

    Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +333

    ขอเถอะนะ โดยเฉพาะเรื่องนี้ ผมฟังมาจากปากท่าน
    อัดเทปไว้ หลักฐานไม่ผิดเพี้ยน

    เรื่องจิตบริสุทธิ์ ผมก็ฟังมาจนจำได้ทุกคำพูดละ

    ที่ท่านบอกว่า จิตเป็นอสุภะ ไม่ไช่ตัวจิตไม่ดี
    แต่ตัวจิตยังมีอวิชาเกาะเกี่ยวตังหาก จิตเลยเป็นอสุภะ
    ถอนอวิชาออกเสียได้ จิตก็บริสุทธิ์
    ท่านว่า "ให้พิจารณา ครอบจิตอีกทีนึง ถึงจะทลายอวิชาได้"
    นี้ผมไม่ได้ไปถามใคร เพราะฟังมาเอง

    เรื่องเทศธรรมขั้นสูง นานๆเป็นปีๆจะเทศลึกๆสักครั้งนึง
    ถ้าเป็นพระที่วัดป่าบ้านตาดบวชมานานๆจะรู้ ว่าไม่ได้เทศบ่อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...