จิตแท้ จิตดั้งเดิม (หลวงปู่พุธ ฐานิโย)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 6 พฤษภาคม 2012.

  1. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สำหรับน้าปราบแล้ว .... หลงรอได้ ^^
     
  2. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    โมทนาสาธุคะ ทั้งคนถอดเทป และผู้นำมานะคะ ;41

    ........pity_pig(มันรู้สึก ปลื้ม)..........

    โมทนาสาธุคะ
     
  3. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เราบริสุทธิใจ นะ คุณปราบ เรามี ความละอาย
    เราโผงผางนะคุณปราบ เราไม่เสแสร้ง ทั้งหมด กลั่นมาจากใจ(ชักเลี่ยนละ)
    ไม่ชอบ พูดมาก (น้ำท่วมทุ่ง)
    อืม... แค่นี้นะคุณ ปราบ
    ท่าน กะ เรา นะไม่คิดมาก คนอยู่ ขอบๆๆเนี้ย โ-ค-ต-ร เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2012
  4. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    ถึง...น้าปราบเทวดา ให้ช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยค่ะ คือตอนนี้ดิฉันเหมือนกับว่าจะหายใจไม่เป็น(เล่าให้คนอื่นฟัง เขาคงขำกลิ้งเลย..น้าปราบห้ามขำนะ..!) ก่อนหน้านี้ก็เหมือนคนปฏิบัติโดยทั่วไปธรรมดา (สายพุทธโธ ตามทางของหลวงปู่ชา) เมื่อไม่นานมานี้ ได้ไปดำน้ำดูปะการัง โดยใช้เครื่องช่วยหายใจให้หายใจทางปากนั่นแหละ ดิฉันก็หายใจทางปากไม่เป็น ดำน้ำครั้งแรกก็แทบเป็นลม ครั้งต่อมาเริ่มหายใจได้บ้าง(หายใจทางปากเป็น) พอกลับมาบ้าน ตอนนี้สังเกตตัวเอง เหมือนลมหายใจหรือความรู้สึกรับรู้เรื่องการหายใจ อยู่ที่ทรวงอก (ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่นั่งสมาธิ) บางครั้งเวลาพูดให้คนอื่นฟัง ก็เล่นกลั้นลมหายใจซะงั้น ทำเหมือนหายใจไม่เป็น..ประมาณนี้ ขอบคุณค่ะ ...สาวอุทัย *
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ฮือฮา สาวใหญ่อุทัยเทวี พบลมคือกายกายคือลม แต่ลมหายใจที่รู้ตามปรกติหายไป

    รุดหาเทวดา ช่วยต่อลมหายใจให้กลับมาอยู่ที่จมูก แทนการรู้เป็นหนึ่ง มีธรรมเอก มี
    สติบริสุทธิอยู่ด้วยนามกาย

    สันนิฐานกันว่า โลกใต้ทะเลอันวิจิตรอัน ที่นกไม่เคยรู้ว่าว่ามีจริง เคยพร่ำเคยพรอดก้อง
    อยู่กับเต่า นั้นเป็นเหตุให้เกิดอาการ ลืมหายใจ จิตรวมเป็นวิบากเพื่อแสดงให้เห็นความ
    ไม่เที่ยงไรๆแม้ในสมาธิธรรม เพราะความกระหายกลับไปมีโลกแบบเดิมๆ นั้นยังปักคา
    ดั่งลูกศรปักอก ฉะนั้น
     
  6. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    แบบนี้เค้าเรียกว่ามีสติอยู่กับกายหรือปล่าวคะ คือหมายถึงรู้สึกตัวน่ะค่ะ
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846


    ถึง สาวหล่อ

    อ่าน เกร็ดธรรมหลวงปู่พุธ ดูแล้วกันนะ อ่านจบแล้ว เป็นยังไงค่อย ว่ากันอีกที









    เกร็ดธรรม​

    หลวงปู่พุธ ฐานิโย
    วัดป่าสาละวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา​

    การกำหนดรู้
    โดยที่เราตั้งใจกำหนดรู้ลงที่จิต ทำจิตให้ว่างอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
    โดยธรรมดาของจิตเมื่อเราตั้งใจกำหนดลง เราจะเกิดความว่าง
    ในเมื่อเกิดความว่างเกิดขึ้นมาแล้ว
    เราก็กำหนดดูที่ความว่าง
    ในเมื่อจิตว่างอยู่ซักพักหนึ่งความคิดย่อมเกิดขึ้น
    เมื่อความคิดเกิดขึ้น ทำสติตามรู้ความคิดนั้น​

    เพียงแต่สักว่ารู้ อย่าไปช่วยมันคิด
    ความคิดอะไรเกิดขึ้นกำหนดรู้ ความคิดอะไรเกิดขึ้นกำหนดรู้ ​

    ยกตัวอย่างเช่น
    คิดถึงสีแดง ก็เพียงแต่ว่า รู้ว่าสีแดง ไม่ต้องไปคิดว่า สีแดงคืออะไร
    ถ้าหากว่าจิตมันคิดไปโดยอัตโนมัติของมัน
    เราทำสติตามรู้ทุกระยะอย่าเผลอ​

    ในทำนองนี้จะเป็นอุบายทำให้จิตของเรารู้เท่าทันอารมณ์
    สติตัวนี้จะกลายเป็นมหาสติ
    ถ้าสติกลายเป็นมหาสติ จะสามารถ ประคับประคองจิต
    ให้ดำรงอยู่ในสภาพปกติ ไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์ได้ง่าย
    เมื่อสติตัวเป็นมหาสติแล้ว
    เพิ่มพลังขึ้น
    ด้วยการฝึกฝนอบรมกลายเป็นสตินทรี
    เมื่อสติตัวนี้กลายเป็นสตินทรีแล้ว
    พอกระทบอะไรปั๊ป
    จิตจะค้นคว้าพิจารณาไปเองโดยอัตโนมัติโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ
    ทีนี้เมื่อสติตัวนี้กลายเป็นสตินทรีเป็นใหญ่ในอารมณ์ทั้งปวง
    ซึ่งมีลักษณะ คล้ายๆกับว่า
    จิตของเราสามารถเหนี่ยวเอาอารมณ์
    มาเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ได้​

    หรือ เอากิเลสมาเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ได้
    เพราะสติตัวนี้เป็นใหญ่ ย่อมมีอำนาจเหนืออารมณ์
    และสามารถใช้อารมณ์ให้เกิดประโยชน์ได้
    เมื่อเป็นเช่นนั้น สติตัวนี้จะกลายเป็น สตินทรี อ่าจะกลายเป็น สติวินะโย
    ในเมื่อสติตัวนี้เป็นกลายเป็นสติวินะโย
    สมาธิ สติ ปัญญา ของผู้ปฏิบัติ มีสมรรถภาพดียิ่งขึ้น​

    อีกชั่วโมง เป็นสติสัมปชัญญะ เป็นสายสัมพันธ์ สืบต่อกันตลอดเวลา
    แม้หลับลงไปแล้ว จะรู้สึกว่าตัวเองนอนไม่หลับเพราะสติไม่ขาดตอน ​

    สติตัวรู้หรือสติตัวรู้สึกสำนึกหรือสติอันเป็นตัวการซึ่งเป็นสติวินะโยเนี๊ยะ
    มันจะคอยจดจ้องอยู่ที่จิตตลอดเวลา
    พออะไรเข้ามาปั๊บ
    มันจะฉกออกไปเหมือนกับงูเห่าฉกเหยื่อ อย่างงั้นล่ะ
    ถ้าสิ่งใดที่มันยังไม่รู้แจ้งเห็นจริง
    มันจะยึดเอามาแล้วก็พิจารณาค้นคว้า จนรู้ความจริง
    ถ้ามันรู้แล้วพอสัมผัสรู้ปั๊บมันก็มานิ่ง ​

    เวลาเราจะทำงานทำการสิ่งหนึ่งสิ่งใด

    สติตัวนี้มันจะคล้ายๆกับว่าเป็นตัวรู้ปรากฎอยู่ในท่ามกลางแห่ง ทรวง อก

    ส่วนที่ส่งกระแสออกไปทำงาน
    มันก็ทำงานของมันอยู่ตลอดเวลา ​

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น
    เราสามารถที่จะเอาพลังแห่งสมาธิไปใช้ในงานทุกประเภทได้ ​


    การทำสมาธิอันใด
    ทำให้ท่านเบื่อต่อโลก ต่อครอบครัวมันยังไม่ถูกต้องดอก
    ถ้าทำสมาธิ มีสติปัญญา รู้แจ้งเห็นจริงดีแล้ว
    ต้องสามารถเอาพลังของสมาธิไปสนับสนุนงานการที่เราทำอยู่ได้
     
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    (ต่อจากตอนที่แล้ว)

    เผื่อว่า มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น จะได้สังวรระวัง
    อ่ะอื๊มๆ

    ให้สังเกตุ ดูให้ดี ถ้าจิตมันมีความคิด แต่มันทำให้เราสะบาย

    ดูไปแล้ว มันทำให้เกิดมีปิติ มีความสุข
    เกิดมีความรู้ธรรม เห็นธรรมขึ้นมา
    ก็ปล่อยให้มันคิดไป ให้มันรู้ไป

    มันเป็นธรรมชาติของมันอย่างงั้น
    คือ ลักษณะของมันจะเป็นอย่างนี้
    เมื่อเราภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ

    จิตมันรู้สึกว่า บางที รู้สึกว่า ชา ตามตัวนิดหน่อย
    แล้วก็รู้สึกว่า กายเบา จิตเบา กายสงบ จิตสงบ

    วู๊บ ว๊าบ ลงไปนิ่ง สว่างโพร่ง ขึ้นมา

    เพราะฉะนั้น

    วันนี้จึงพาสวด ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร

    เรื่องราวในธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
    พระพุทธเจ้าทรงแสดง ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
    ให้ภิกษุเบญจะปัญจวัคคีฟัง ที่ป่าอิสิปะตะนะมิคะทายะวัน

    ขึ้นต้นด้วย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    ส่วนสุด 2 อย่าง พวกเธอทั้งหลายไม่ควรส่องเสพ

    ส่วนสุด 2 อย่างนั้น คืออะไร
    กามะสุขัลลิกานุโยค
    การประกอบตนให้พัวพันอยู่ในกามสุข หมายถึง
    ทำตนให้ สะบาย จนเกินไป
    เช่น อย่าง เห็นแก่หลับ เห็นแก่นอน เห็นแก่กิน เห็นแก่เที่ยว อะไรพวกหมู่นี่
    พวกกามะสุขัลลิิกานุโยค ทั้งนั้น

    อัตตะกิละมะถานุโยค ทรมานตนให้ได้รับความลำบาก
    ทีนี้พอ การปล่อยจิตให้ตกอยู่ในอำนาจของราคะ โทสะ โมหะ

    ภิกษุใหม่
    ทำความ ไม่สบายใจ ในโอวาท คำสั่งสอนของครูบาอาจารย์
    ทนความหิวไม่ได้ อะไรพวกหมู่นี่ มันเป็นอัตตะกิละมะถายุโยคทั้งนั้น

    อารมณ์ใดที่ทำให้เราทุกข์ใจ ไม่พอใจ
    นั่นคือ อัตตะกิละมะถานุโยค

    หรือ

    การประกอบตน ทรมานตนด้วยวิธิการต่างๆ

    2 อย่างนี้ บรรพชิตไม่ควรทำ

    ควรประพฤติปฎิบัติตามทางสายกลาง ไม่หย่อนนัก ไม่ตึงนัก
    ให้พอดิบพอดี บริโภคอาหาร

    ก็ โภชเนมัตตัญญุตา
    รู้จักประมาณในการบริโภค ไม่มากนัก ไม่น้อยนัก

    ชาคริยานุโยค
    ประกอบความเพียรอินทรี สังวร สำรวมอินทรี ให้มันอยู่ในระดับกลางๆ
    โดยไม่รู้สึกว่า เป็นการทรมาน แหล่ะ ไม่ควรสะบายจนเกินไป

    อันนี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา

    ทีนี้ พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงทุกข์
    มีเกิดทั้งหลาย
    ความเกิดมันเป็นทุกข์
    ความแก่เป็นทุกข์
    ความตายก็เป็นทุกข์
    โสกะปริเทวะ ความโศรกเศร้าร่ำไร

    ก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น

    นี่พระองค์ชี้ทุกข์ให้มองเห็น
    แล้วก็ นึกว่าทุกข์นั้นเกิดขึ้น

    เกิดการความไม่พอใจ ก็วิภวะตัณหา
    สุขเกิดขึ้น เกิดขึ้นเกิดความพอใจ ก็กามะตัณหา

    เมื่อเป็นเช่นนั้น จิตมันมี กามะตัณหา ภวะตัณหา วิภวะตัณหา
    มันก็มีทั้งสุข ทั้งทุกข์นั่นแหล่ะ คละเคล้ากันไป

    ทุกข์นี้ คือ ทุกอริยะสัจ
    ทุกขังอริยะสัจจัง คือ ทุกข์อริยะสัจ


    (อ่านต่อตอนต่อไป)​
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    (ต่อจากตอนที่แล้ว)


    ในเมื่อพระภิกษุเบญจวัคคี ฟังจบลง
    จิตของท่านอัญญาโกณฑัญญะ
    เป็นสมาธิก้าววู๊บ ลงไป นิ่งปั๊บ สว่าง
    รู้ ตื่น เบิกบาน

    ตอนแรกนี่ รู้อยู่เฉยๆ มันรู้อยู่ที่จิต

    การกำหนดรู้นิ่งอยู่ที่จิตเฉย อยู่นั้น เป็น ญาณ

    จิตกำลังมีญาณจะหยั่งรู้

    ถ้าจิตนิ่งอยู่ในสมาธิเพิ่มพลังงานขึ้น มีกำลังแก่กล้า
    เกิดไหวตัว คือความคิดขึ้นมา
    เรียก ว่า ปัญญา

    ปัญญาอุทะปาทิ ปัญญาบังเกิดขึ้นแล้ว
    จิตมีสิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก
    ในเมื่อมีพลังแก่กล้าขึ้น
    ก็สามารถกำหนด
    ปัญญาคือความคิดที่เกิดดับอยู่นั้น

    ในแง่แห่งความรู้แจ้งเห็นจริง

    วิชา อุทะปาทิ วิชาบังเกิดขึ้นแล้ว เมื่อ วิชชารู้แจ้งเห็นจริง
    จิต ตัดกระแสแห่งความรู้ ก้าวลงไปสู่ สมาธิขั้นละเอียดอีก

    จักขุง อาโลโก อุทะปาทิ พอจิตรู้แจ้งเห็นจริง
    สมาธิแก่กล้า เกิดความสว่างไสว
    มันจึงเป็น อาโลโก อุทะปาทิ

    ทีนี้ จิตของผู้ปฎิบัติแล้วมันก็เข้าไปสู่สมาธิอันละเอียด
    ก็มองเห็นแต่
    สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา
    อันนี่ คือ ความรู้ธรรมะขั้นละเอียดมันเป็นอย่างนั้น

    ท่านอัญญาโกณฑัญญะ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม
    ว่า สิ่งใด สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา

    ทีนี้
    พระพุทธเจ้า ก็สอนต่อไปว่า
    นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด
    นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ
    ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นดับไป

    ทุกข์เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้ ให้มันชัดแจ้ง
    ให้มันรู้ชัดแจ้งแล้ว ก็ควรจะไปกำหนดว่า
    ทุกข์เราได้กำหนดรู้แล้ว

    สมุทัย คือ เหตุให้เกิดทุกข์
    ได้แก่ ความยินดี แหล่ะ ความยินร้าย
    ซึ่งเรียก ว่า กามะตัณหา ภวะตัณหา วิภวะตัณหา

    ในเมื่อกำหนดรู้แล้ว แล้วต้องละ กำหนดละ มหาตัพธรรม

    แต่แท้ที่จริง ไม่ได้กำหนดละ ดอก
    มันตั้งใจละเอาไม่ได้

    ในเมื่อจิตมันรู้ทุกอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนแล้ว
    มันก็ควานหาเหตุ ว่า ทุกข์นี่มันเกิดมาจากไหนหนอ


    อ๋อ

    มันเกิดมาจากความยิดดี เกิดมาจากความยินร้าย
    ความยินดี ความยินร้ายมันเกิดอยู่ในจิตนี่

    ท่านก็กำหนดจิต ดูความยินดี ดูความยินร้าย
    ในเมื่อดูไป ดูมามันก็ จิตมันมีพลังแก่กล้าขึ้น
    มันก็กลายเป็นความเป็นกลาง
    ตัดกระแสแห่งความยินดี ยินร้ายได้เด็ดขาด

    ท่านจึงว่า สมุทัยเป็นสิ่งที่ควรละ

    ในเมื่อละได้แล้ว จิตย่อมรู้ว่า เราละได้แล้ว
    ในเมื่อ ละสมุทัย ได้เด็ดขาด

    จิตเป็นตัวปกติ
    ปกติ รู้ ตื่น เบิกบาน
    ความยินดี ยินร้าย
    กามะตัณหา ภวะตัณหา วิภวะตัณหา
    ดับไปหมดแล้ว มันจะเป็นอะไรเสียอีกล่ะ

    มันก็ นิโรธะ คือ ตัวดับนั้นเอง

    คำว่า นิโรธะ อย่าไปเข้าใจว่า
    จิต ก็ ดั๊บ อารมณ์ ก็ ดั๊บ อะไรอะไรก็ดับ
    ดั๊บหม๊ด ไม่มีเหลือ ไม่ใช่อย่างนั่นเด้อ


    จิตมันมีความคิด มีิปัญญาค้นคิดพิจารณาอยู่
    แต่ ความยินดี ยินร้ายไม่มี
    เมื่อความยินดี ยินร้าย มันดับไปแล้ว ทุกข์มันจะมาจากไหน

    เมื่อเราไม่มีความยินดี ความยินร้าย ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ มารบกวน
    จิตเป็นกลางโดยเที่ยงธรรม

    ท่านก็มองเห็นทางที่จะปฎิบัติต่อไป

    อะไรเกิดขึ้นกำหนดรู้
    อะไรดับไปกำหนดรู้

    เพียงแต่ สักว่ารู้
    รู้ แล้วก็ปล่อยไป
    ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด มันก็เป็น มัชฌิมาปฎิปทาเท่านั้น

    อ่ะอื๊มๆ

    ญาณัญ จะ ปะนะ เม ทัสสะนัง อุทะปาทิ

    ยาวะกีวัญ จะเม ภิกขะเว อิเมสุ จตูสุ อริยสัจเจสุ


    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

    สิ่งที่มันเกิดดับ เกิดอยู่กับจิตนั้น
    เป็นสิ่งที่ควร เพียง แต่กำหนดรู้เท่านั้นหนา

    อย่าไปพยายามดับมัน
    อย่าไปพยายามละมัน
    กำหนดรู้

    ธรรมชาติของจิตก็มี สิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก
    เมื่อสติ มีพลังแก่กล้าขึ้น
    มันจะทำหน้าที่ ละวาง ของมันเอง

    เพราะฉะนั้น

    ใคร ในเมื่อพลังจิต ศีล สมาธิ ปัญญา
    ยังไม่ประชุมพร้อม เป็น เอกายนมรรค

    อย่าไปคิดละกิเลสเป็นอันขาด เดี๋ยวจะเป็นบ้าตาย

    เพราะฉะนั้น ทางที่ถูก

    นี่ต้อง
    ต้องทำศีลให้บริสุทธิ์
    ทำจิตให้บริสุทธิ์
    ทำปัญญา คือ ความเห็นให้บริสุทธิ์

    ทำจิตให้บริสุทธิ์นั่นคืออย่างไร

    (อ่านต่อตอนต่อไป)​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 พฤษภาคม 2012
  10. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    ขอบคุณค่ะ..น้าปราบเทวดา (หายไป ๓ วัน เพราะไปธุระที่อุบลฯ เลยหายเงียบไป) ถ้าพูดถึงสภาวะของดิฉันในปัจจุบัน มันเหมือนมีอาการดูคิดบ้าง แต่รู้สึกว่าบางๆ แผ่ว ส่วนอาการที่ว่ารับรู้ลมหายใจที่ทรวงอกนั้น บางครั้งตอนนี้ก็เหมือน หายใจเข้ารู้ลมเด่นที่อก หายใจออกเด่นที่จมูก ปัจจุบันก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าไรแล้ว มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา อาจเป็นเพราะว่ากำลังใจดีมั้ง คืนแรกที่ไปนอนที่อุบลฯ ฝันว่ามีพระ ๓ รูป มาพรมน้ำมนต์ให้ ชัดๆ แบบรู้สึกตัวเลยแหละ แล้วเมื่อเข้ามาอ่านเกร็ดธรรมของหลวงปู่พุธ ตรงที่เป็นสีน้ำเงิน,แดง รู้สึกใจซาบซึ้ง..อย่างไรก็ตาม..ก็ขอขอบคุณน้าปราบเทวดา..อีกครั้งค่ะ สาวอุทัย..
     
  11. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    ขออนุญาตใช้พื้นที่ของน้าปราบเทวดานะคะ

    ขอบคุณนะคะ...ก็อยากสนทนาด้วยค่ะ แต่ติดว่าอธิบายอะไรยาวๆ แล้ว ตัวดิฉันจะงง แล้วพาคนอื่นงงตามไปด้วย แต่ตอนนี้เหมือนกับว่ามีสภาวะอะไรที่เกิดขึ้นและรับรู้ ดิฉันรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา ประมาณนี้ ..ขอขอบคุณนะคะ ที่ช่วยแสดงความคิดเห็น ...สาวอุทัย
    ฮือฮา สาวใหญ่อุทัยเทวี พบลมคือกายกายคือลม แต่ลมหายใจที่รู้ตามปรกติหายไปรุดหาเทวดา ช่วยต่อลมหายใจให้กลับมาอยู่ที่จมูก แทนการรู้เป็นหนึ่ง มีธรรมเอก มีสติบริสุทธิอยู่ด้วยนามกาย สันนิฐานกันว่า โลกใต้ทะเลอันวิจิตรอัน ที่นกไม่เคยรู้ว่าว่ามีจริง เคยพร่ำเคยพรอดก้องอยู่กับเต่า นั้นเป็นเหตุให้เกิดอาการ ลืมหายใจ จิตรวมเป็นวิบากเพื่อแสดงให้เห็นความ
    ไม่เที่ยงไรๆแม้ในสมาธิธรรม เพราะความกระหายกลับไปมีโลกแบบเดิมๆ นั้นยังปักคาดั่งลูกศรปักอก ฉะนั้น

    สำหรับการแสดงความคิดเห็นของคุณนิวรณ์...ดิฉันก็ขอขอบคุณเช่นเดียวกันค่ะ สาวอุทัย...
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    (ต่อจากตอนที่แล้ว)​

    เพียงแค่นั่งสมาธิภาวนาก็ได้เช่นว่า ต้องยศ สรรเสริญ
    ไม่ได้เช่นว่า เกิดมาเป็นผู้มาอุปถัมถ์ อุปทาก มุ่งตรงต่อผู้กระทำความดี
    มันก็ไม่มุ่งประสงค์ที่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างเดียว

    อย่าไปภาวนาว่า เอ่อ
    เราภาวนาไม่ยุ่งกัน เร่งแผ่เมตตาไปทางญาติทางโยม ไปบิณฑบาตรสายนั้น
    นี่ให้เอาแตงโม หน่วยโตๆ ทุเรียน เป็นห่อๆ มาใส่บาตรเด้อ อย่าไปว่าอย่างนั้น

    อันนั่น มันจิตไม่บริสุทธิ์

    ไปนั่งสมาธิ แล้ว อธิฐาน เอ๊อ.. ขอให้โยมมาวัดมากๆ
    ให้เขาเอาเงินมาช่วยเหลือ สร้างวัดมากๆ
    ให้เอาปัจจัยสี่ มาประเคนให้มากๆ
    ในเมื่อเค้ามาประเคนแล้ว ก็ทะเลาะกัน แย่งกันให้มากๆ

    นี่ นี่ นี่ นี่ นี่

    แกนี่ ใจมันไม่บริสุทธิ์
    จิตมันไม่บริสุทธิ์

    เพราะ ไม่ปฎิบัติ มุ่งตรง ต่อ ธรรมะคำสอน
    .
    ไปมุ่งตรงต่อความนิยมชมชอบ ที่ได้จากประชาชน
    ไปมุ่งตรงต่อลาภผล ที่มันจะบังเกิดขึ้นโน้น


    อันนั่นพระพุทธเจ้าท่านทิ้งแล้ว
    อย่าไปกังวลมันเลย

    เอาแต่ว่า

    ทำอย่างไรใจมันจึงสงบ
    ทำอย่างไรใจมันจึงสงบกิเลส

    ทำอย่างไร มันจะวิ่งหนีตัวกิเลส ลูกสาวพญามารได้ เนี๊ยะ
    นางตัณหา นางราคะ นางอรดีนี่

    มันกำลังมาห้อมล้อมอยู่นี่ ทำไงมันจึงจะหนีมันพ้น เอากันที่ตรงนี้

    เพราะฉะนั้น

    ถ้าจิต ตั้งปณิธานเอาไว้ผิด มิจฉาสมาธิ จิตตัง
    จิตที่ตั้งไว้ผิดแล้ว มันก็มีแต่ก่อทุกข์

    ถ้าเราไปตั่งใจเอาไว้ ปราถนาสิ่งที่เป็นอามิส ไม่ใช่คุณธรรม
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จิตมันไปติดอยู่ที่อามิส
    อามิส นี่มันแย่งกันได้ คุณธรรมไม่มีใครแย่งได้หรอก

    เพราะฉะนั้น คนปฎิบัติเก่งๆ
    ก้มหน้าก้มตาประพฤติ ปฎิบัติ ของใคร ของเราไป
    ใครจะเป็นไง ช่างใคร

    ใครจะลงนรก ใครจะขึ้นสวรรค์ ช่างใคร

    เรามากลัวแต่เราจะลงนรกฝ่ายเดียวเท่านั้น
    ตั้งใจปฎิบัติดี ปฏิบัติชอบ อยู่เท่านั้น

    นี่..มันอยู่ที่ตรงนี้

    เพราะฉะนั้น อย่า !! อย่าไปกลัวเลย

    ใครจะลงนรกหรือยังไง ก็ช่างใครซิ

    ถ้าคนทั้งโลกนี่ไปลงนรกหม๊ด
    เราไปนั่ง อยู่บนสวรรค์ อ่อมต้อม อยู่ตัวคนเดียว
    เอ๊อ
    นางเทวดามาห้อมล้อม ก็ไม่มีเทพบุตร พระอินทร์องค์ไหนอย่ามาแย่งเด้อ
    มันจะไม่ดีเหรอ

    เพราะฉะนั้น
    อย่าไปกลัวคนอื่นเขาจะลงนรก

    กลัวเรานี้ จะลงนรก

    บางทีเราไปกลัวคนอื่นเขาจะลงนรก
    ไปสอนเขา เรียกเขา เห็นเขาไม่ปฎิบัติตาม
    เราก็น้อยอกน้อยใจ
    บางทีเผลอไปด่าเขาบ้าง
    ไปประจานเขาบ้าง
    นั่นไม่กลัว นรกใส่หรือไง

    เพราะฉะนั้น

    อย่าไปก่อเรื่องก่อราวให้คนอื่นต้องเดือดร้อน
    อ่าวล่ะวันนี้ี้การอบรม เกี่ยวกับเรื่องสมาธิ วิปัสสนา
    ก็เห็นว่า สมควรแก่กาละเวลา
    อ่าว วันต่อต่อไป ก็ค่อยฟังข้อปฎิบัติจะได้เริ่มกันไปแล้ว
    ไม่ว่าพระเณรนั่นแหล่ะ อย่าไปเอาแต่คุยกัน

    พระเณรวัดเรานี่ ศีลข้อ นิจ นิจตานัจจะคี นี่ไม่มี
    พอเค้าประกาศว่า สละทุกข์ในโลกเมื่อใด พระไม่สร้างวัดเด้อจะบอกให้
    ฮึ๊ม ศีล แปดบ่อมี อุตริ กล่าวโวหารคิดเอาศีล 227 ถึงจิเริ่มต้น ฮึ๊ม

    เพราะฉะนั้น
    ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 นี่ ท่องให้มันได้แม๊ ลูกเอ๊ย หืม
    ไอ้เรื่อง ดูวัด ชมมวย ดูหมอลำ ขับร้อง มัน ไม่ใช่หรอก
    มัน มันเป็นศัตรูต่อพรหมจรรย์ ซั่ม

    นัจจะคีตะอ่า.. นัจจะคีตะวา วิสู กะ ทัสะนาเวระมณี
    ข้าพเจ้างดเว้น จากการ ดูการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี หรือการละเล่น
    อันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ ...นั่น

    (จบไฟล์นี้ เพียงเท่านี้ นิพพาน นิพพาน นิพพาน)





     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    บอร์ด สาธารณะ เต็มที่ในความพอดีเลย :cool:

    เป็ปซี่ เป็ปซี่
     
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ยู้ฮู หลงรูปงาม :cool:


    ทีนี้ แยกออกไหมว่า

    " แล้วถ้าคิดอกุศลล่ะ "

    1. เป็นด้วยการตั้งใจคิด
    2. เป็นด้วยจิตมันคิดเอง หรือ บางคนภาวนาไปได้ซักพัก แล้วไปรู้สึกว่า
    ตัวเองไปปรามาสพระ โดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ แต่รู้อยู่ ว่ามีสิ่งนี้อยู่ในจิต
     
  15. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    วันนี้ได้อ่าน " จิตแท้ จิตดั้งเดิม " ของหลวงปู่พุธ ที่คุณปราบเทวดาได้ถอดเทปออกมา แบบเต็ม ๆ ก็ขออนุโมทนากับคุณปราบเทวดาด้วยนะคะ ที่ได้ทำสิ่งที่เกิดประโยชน์ทั้งผู้ให้ และผู้รับ โดยแท้.... อนุโมทนา สาธุค่ะ ....สาวอุทัย
     
  16. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    หมายถึง ถ้าคิดแล้วสบายก็ปล่อยให้มันคิดไปเมื่อต้นกระทู้น่ะ

    คิดเรื่อยเปื่อย ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งข้อ ๑ และ ๒
     
  17. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เพื่อน สมาชิก มณีน้อยเค้าถอดเทปจ้า

    ข้าพเจ้า มาช่วยแก้คำผิดให้เฉยๆ เอาไว้เตรียมพิมพ์จ้า
     
  18. ลูกบัวผัน

    ลูกบัวผัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +295
    หลายคนไม่เข้าใจว่า ให้รู้ทันคิดเป็นอย่างไง

    ส่วนใหญ่คิดว่าไปตั้งหน้าตั้งคิดพอไปคิดอกุศล กลัวบาป

    เลยเกิดอาการ ที่สับสนในตัวเอง

    หากฟังไปเรื่อย ๆ ทำไปเรื่อยทางออกอยู่ที่เพียร ตามรู้

    สาธุธรรมของหลวงพ่อพุธ
     
  19. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846


    กรณี หากว่าเจ่หลง ตั้งใจคิดอกุศล งั้นก็แสดงว่า
    เจ่หลง ตั้งใจทำบาปแล้ว ภาวนาไปก็ไม่เกิดประโยชน์เพื่อสติปัฏฐาน

    ตั้งใจคิด อกุศล เป็นการตั้งใจทำกรรม ด้วยมโนกรรม เรียกว่า ผิดจากคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย


    ทีนี้ มาดูกรณี ที่ไม่ตั้งใจคิด อกุศล แต่แบบว่ามันมาเองและก็ยังรู้ตัว
    โดยที่ไม่ได้ไปตั้งใจคิดอกุศล
    กรณีนี้ ให้ปล่อยมันคิดไป ทำสติตามรู้เอา

    ทำสติ ตามรู้เอา ก็คือ ระลึกให้ได้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร
    โดยทำให้ได้บ่อยๆ ทำเนืองๆ ฝึกให้ชำนาญ


    มาถึงข้อสังเกตุ ของการฝึกฝน

    เราต้องมีเจตนารักษาศีลเป็นพื้น

    กรณีที่ตั้งใจคิดอกุศล นั่นแสดงว่าเริ่มออกนอกลู่แล้ว
    ก็ต้องฝึกฝืนให้คิดที่เป็นกุศล ในทางที่ดีเข้าไว้ จึงจะเรียกว่าเป็นการฝึก

    กรณีที่ไม่ได้ตั้งใจคิด แต่มันมาเอง ก็ต้องทำสติตามรู้ และฝึกฝืน ห้าม ยับยั้ง
    เมื่อมันจะลงมาทาง กาย วาจา
    ย้ำนะว่า ฝืนไม่ให้มันล่วงมาทางวาจา เรียกว่า ประครองจิตไม่ไหลไปกับความคิดที่เป็นอกุศลนั้น ไม่ไปย้ำความคิดที่เป็นอกุศลนั้นเพิ่ม

    มันเกิดคิดขึ้นมาก็กระทำอยู่แต่ภายในไม่ให้ไหลออกมาทางกาย วาจา จนกว่าจะมีความชำนาญ ชำนาญเมื่อไร นั่นล่ะตัววัดในระดับนึง
     
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ทำไปเรื่อยๆ ทางออกอยู่ที่เพียร ตามรู้ แม่นแล้ว ลูกแม่บัว :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...