จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

จิตเกาะพระ โกอินเตอร์
เพราะต้องสมัครเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น...
ขออภัยแทนน้องหว้า สาวไทย ใจเกาหลี จิตบุญ ท่านนี้ด้วยนะครับ

 

ไหนใครยังตามหาดวงจิต(จิตเดิมแท้) ของตนเองยังไม่เจอกันบ้าง???

เพราะจิตเดิมแท้นั้น ใส สะอาด บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ประภัสสร
เพราะดวงจิตปราศจากกิเลสต่างๆทั้งปวง

(เฉลย)
ทำจิตเกาะพระไปเรื่อย จนกว่าจิตจะจำพระได้เอง
หรือ สติเกิดบ่อย จนตามจิตทัน
หรือ สติกับจิตรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน
หรือ จิตเป็นสมาธิ

ทั้งหมดนี้พอจะเข้าใจกันไหม๊?
แต่ถ้าไม่เข้าใจกัน ก็ยิงคำถามกันมา เดี๋ยวจะมีคนแย่งกันตอบ เหมือนปลาแย่งกินเหยื่อ

 

ขอตั้งคำถามรอครูเพ็ญ ครูใหญ่มาตอบเรื่อง...

ตัวรู้ คืออะไร?
ผู้รู้ คืออะไร??
และตัวผู้รู้ นั้นคือะไร???

ปล.แต่ถ้าผู้ใดทราบ เฉลยแทนก็ได้นะ
(คำตอบอยู่แถวนี้แหล่ะ! สติ จิต ปัญญา ไปเรียงคำตอบเอากันเองนะ)
ผิดถูกไม่เป็นไร ขอให้เราได้มีส่วนร่วมธรรมะกัน
ธรรมะพี่ๆน้อง
ธรรมะเป็นแบบธรรมชาติ เป็นกันเอง
อย่ารู้สึกว่า ธรรมะนั้นไกลเกินไป
เพราะที่แท้ธรรมะนั้น ก็อยู่รอบๆ ตัวเรานี่แหล่ะ!
เหมือนอากาศธาตุ ซึ่งก็มีอยู่ทั่วๆไป

ปล.ธรรมะรู้และเข้าใจกันได้โดยง่าย แต่ต้องทำจิตให้นิ่งเสียก่อน
เพราะจิตนิ่งจึงรู้ จิตไม่นิ่งจึงหลง (จริงไหม๊?)
ก็เหมือนตัวรู้ ผู้รู้ ตัวผู้รู้ นั่นแหล่ะ! เอาไปจำกัน เพราะถ้าท่านใช้สมองจำกัน
อีกไม่นานก็ลืมอีก เพียงแต่ทำจิตให้นิ่งๆ นั้นก็คือ สติ
สติเกิดบ่อยๆ เดี๋ยวก็เจอจิต
พอสติกับจิตไปด้วยกันก็คือ จิตรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือจิตเป็นสมาธิ
เมื่อจิตเกิดสมาธิแล้ว ต่อไปจิตปัญญาก็เกิด

เราจะเข้าใจธรรมะกันนั้นไม่ยาก แต่จะยากทำจิตให้นิ่งๆกัน
นี่แหล่ะ!ยากยิ่งกว่า
หรือทำสมาธินั้นไม่ยาก แต่ทำอย่างไรให้สมาธิเกิดอย่างต่อเนื่อง
อันนี้ก็ยากยิ่งกว่า
และตรงนี้จึงถือได้ว่า สำคัญสำหรับนักภาวนา

ผู้ปฎิบัติจะเก่งธรรมะ หรืออยากพัฒนาจิต ยกจิต หรืออยากมีดวงตาเห็นธรรมกันไวๆ
ต้องละความเฉลียวฉลาดทางโลก หรือวางอีโก้กันก่อน หรือทำอย่างไรให้จิตโง่ จิตว่างที่สุดก่อน เพราะจิตจะได้มีที่ว่างรับธรรมะเข้าไปเยอะๆ
เพราะจะได้ไม่มีความขัดแย้ง หรือลังเลสงสัยอยู่ภายในจิตใจกัน

 

เกาะสมเด็จองค์ประฐมแบบใจเบาๆได้วันเดียว วันต่อๆมารู้สึกนึกไม่ค่อยออก จึงหันกลับไปเกาะองค์เดิมบางองค์ที่เคยเกาะ สงสัยช็อปปิ้งถี่ไปหน่อยเพลินจนหลุดถอยหลัง จิตจะนิ่งมาก็ตอนตื่นนอนนี่ล่ะค่ะ เพราะตอนนอนรู้สึกตัวทีไรก็นึกถึงพระตลอด ลินดาขอเดินเตาะแตะตามไปด้วยนะคะ

 

จับตัวได้แล้ว เพราะเราไปอยู่กับโลกมากเกินไปนี่เอง
และเธอก็เป็นคนสบายๆ ไม่ค่อยจะมีความทุกข์อะไรกับเขาหรอก
เพียงแต่ภายในของเธอมันใฝ่ดีอยู่แล้ว
และอีกอย่างเธอต้องเป็นทุกข์มากกว่านี้ก่อน ค่อยจะกระตือรือล้นมากกว่านี้
ขยันมากกว่านี้

แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะกำลังใจเธอยังไม่พอ
เพิ่มความเพียรอีกนิดสิน่ะ
ผมว่าเธอ(จิต)ยังไม่ถึงเวลาทำน่ะ
เหมือนพี่ภู เมื่อก่อนสบายเกินไป อะไรก้ไม่เอา ยิ่งกว่าอีก คือทำตรงข้ามกับฝ่ายธรรมะเลย
พอมีทุกข์ผ่านมาเยือนจิตใจเท่านั้นแหล่ะ! ร้องระงมเลยคราวนี้
วิ่งหนีทุกข์แทบไม่ทัน
แต่พอเราเข้าใจจิตของตนเอง เพียงอย่างเดียว ทรู้ำจิตให้นิ่งเป็นนะ
จิตเห็นธรรมดาของสมมุติ ของไม่เที่ยง มองเห็นความเกิด-ดับของทุกๆธรรม
ที่แท้แค่ธรรมดา เราไปวิ่งตามทำไม๊???

ผมว่านะ คนเราเนี๊ย! ขอให้เข้าใจจิตตัวเดียว ทุกอย่างจบเลย เพราะมันมีคำตอบให้กับตนเองทั้งหมด (ขอย้ำว่า ทั้งหมด)
เพราะไม่มีผู้ใดตอบเราได้ดี เท่ากับตนเองอีกแล้ว...แน่นอน

 

สวัสดีค่ะ พี่ภู พี่เพ็ญ คุณลูกหว้า พี่ดชน. พี่นก พี่วิทย์ ทุกคนนะค่ะ วันนี้แวะมาส่งการบ้านก่อนไปปั่นงานต่อค่ะ

ตอนนี้ใจก็แอบหวั่นๆกับงานที่ปั่นไม่ทันอยู่ค่ะ แต่ก็รูสึกว่ามีสติมากขึ้นนะค่ะ ตอนนี้สามารถนึกภาพพระขณะลืมตาได้แล้วค่ะ พอล่ะจากการคิดเรื่องงาน ก็สามารถนึกภาพพระได้ทันทีที่ต้องการค่ะ ตอนนี้คิดถึงท่านเหมือนที่คิดถึงพ่อแม่เลยค่ะ คิดถึงทุกวันทุกเวลา เหมือนกับท่านอยู่ใกล้เราตลอดคอยเตือนให้เราคิดถึงท่านนะค่ะ
ในตอนนี้กลับมาเห็นภาพพระท่านเป็นใสๆได้แล้วค่ะ ตอนที่นึกภาพท่านขณะลืมตาก็จะเห็นเป็นลางๆค่ะไม่ชัดเลย แต่พอหลับตาก็ชัดขึ้นมาหน่อยค่ะ (ตอนนี้เห็นภาพพระพุทธชินราชบ่อยทีสุดค่ะ เพราะระหว่างทำงานนี่ เอารูปท่านตั้งไว้ข้างๆเลยค่ะ เอาให้เหลือบเห็นท่านได้ตลอดเวลาที่นึกได้^^) จะพยายามฝึกเรื่อยๆไปอีกนะค่ะ สองวันนี้คงจะไม่ได้นอนอีกแล้ว T^T ต้องปั่นงานต่อ คงต้องเอารูปท่านมาวางไว้ข้างๆอีกเช่นเคย T^T (แต่วันนี้ลืมเอาออกมาวางข้างๆ แต่ก็มีใจคิดถึงท่านตลอดเท่าที่สติเราว่างจากงานค่ะ เห็นแค่กระเป๋าที่ใสรูปไว้ก็คิดถึงท่านแล้ว คิดถึงยิ่งกว่าแฟนอีกค่ะ ฮ่าๆ)

 

วันนี้หลังจากเปลี่ยนภาพพระ ก็จับได้ดีกว่าเมื่อวานค่ะ ถึงแม้จะไปช็อปปิ้ง(อีกแล้ว) ก็ยังคอยนึกถึงค่ะ ขอค่อยๆไปนะคะ(วิ่งตามเต่า) เผื่อตายขึ้นมากระทันหัน จะได้ไม่เสียชาติเกิดไปเปล่าๆปลี้ๆ ขออนุโมทนากับท่านที่มีความก้าวหน้าที่ดีีค่ะ เด๊วลินดาเพิ่มความเพียรนะคะ ขอบคุณที่เมตตาค่ะpig_ballet

 

คุณดัชนี อ่านปฏิบัติการ ๑๕ วันของคุณแล้ว อนุโมทนาด้วยค่ะ สุดยอด เกินคุ้มจริงๆค่ะ ที่ไหนพอจะเปิดเผยได้มั้ยคะ
ลินดาเคยปฏิบัติแค่ ๕-๗ วันก็โหยแล้วค่ะ ขากลับเจอร้านส้มตำระหว่างทาง กระโจนใส่เลยค่ะ อิอิqsqu

 

สวัสดีครับ
เอ่อ! เธอนี่ก็ขยันดีนะ และอีกไม่นาน เธอทำได้อย่างแน่นอน
ความสำเร็จนี่มันอยู่ที่ผู้ปฎิบัติอย่างเดียวเลยนะ
เพราะพวกเราก้แค่ผู้ชี้แนวทาง หลักการปฎิบัติทำให้จิตนิ่งเท่านั้น
อย่าไปคิดเป็นอย่างอื่นนะ ที่ให้ทำจิตเกาะพระกันนี่ไม่ใช่อะไรหรอก
ก็อยากทำให้จิตของทุกๆท่านนิ่ง แต่ถ้าจิตนิ่งแล้ว
เพราะสติของเรานั้นมีมากขึ้น นั่นเอง
และต่อไปนี้เมื่อจิตนิ่ง เธอก็จะถึงบางอ้อเองแหล่ะ!
เพราะเราเริ่มรู้เท่าทันการเกิด-ดับของกิเลสตนแล้ว
หรือเริ่มมองเห็นความเกิด-ดับของความโกรธของตนแล้ว
วันหน้าเราก็จะไม่ต้องไปวิ่งตามกระแสต่างๆ หรือสิ่งต่างๆที่มากระทบจิต
อีกแล้ว เพราะมันเหนื่อยใจน่ะ

แต่ถ้าจิตใจเรามันนิ่งได้ทีนะ เราก็แค่มีสติตามดู ตามรู้จิต และคอยระวังมิให้จิตเราไหลไปอยู่กับฝ่ายต่ำ หรืออกุศลเท่านั้นก็พอแล้ว

ประโยชน์อีกอย่างนึงก็คือ จิตใจก็จะไม่ต้องรู้สึกว่าตนเองเป็นทุกข์กันแล้ว
และถ้าเราปฎิบัติให้เข้มยิ่งๆขึ้นไปอีก หลุดพ้นทุกข์กันได้
ด้วยจิตทรงสมาธิ จิตทรงฌานนี้เอง ที่ช่วยระงับกิเลส(ชั่วคราว)
แต่ถ้าให้ระงับกิเลสแบบถาวร เราก็ต้องใช้ปัญญา หรือจนจิตจะวิปัสสนาอยู่ภายในจิตเขาเอง ถึงจะระงับกิเลสเบาบางลงไป จนหมดสิ้น

อยู่ที่ความมุมานะ ความขยันหมั่นเพียรของตนเอง เท่านั้น
เพราะทำแทนกันไม่ได้

ตอนนี้ขอให้เธอทำแบบนี้ไปเรื่อย จนจิตจำพระได้เองโน้นแหล่ะ
เธอก็จะสบายแล้ว

ทำไปๆ เกือบดีแล้ว
สงสัยเธอต้องไปเข้ากลุ่มกันชาวจิตเกาะพระ หรือจิตบุญกับพวกเขาแน่ๆ คอยดูสิ!

 

​

สะเก็ดความดี​

ในพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าทรง
ตรัสไว้ใน อุทุมพริกสูตร และก็การเข้าถึง เปลือกความดี คือ

๑. ไม่ทําลายศีลด้วยตนเอง
ไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นทําลายศีล
ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทําลายศีลแล้ว
๒. สามารถระงับนิวรณ์ได้ทันทีทันใดที่ต้องการ
๓. จิตทรงพรหมวิหาร ๔
๔. และขอแถมอีกนิดหนึ่ง คือ ใจยอมรับนับถือความดี ของพระพุทธ
เจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
มีความรู็สึกว่าชีวิตนี้มันต้องตาย ถ้าตายเมื่อไร
ขอไปนิพพานเมื่อนั้น

คิดถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำฯ ผมก็เลยนำธรรมะสั้นๆของพ่อมาให้ลูกหลานอ่านกัน

 

ส่งการบ้านค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ภู,พี่เพ็ญ,คุณ dutchanee และทุกๆท่าน
คำถามที่พี่เพ็ญให้ถามลูกสาวนั้น น้องเขายอมรับและสามารถ
ทำได้ เพราะก่อนหน้านี้ตอนอายุประมาณ 5 ขวบกว่าๆ ผึ้งได้
ฝึกให้เขามีจิตรักในพระนิพพาน เพราะเขาเคยตั้งคำถามว่า
ทำไมหนูต้องเกิดมา หนูไม่อยากเกิด หนูอยากเป็นเจ้าหญิงสวยๆ
ตอนหนูยังไม่เกิดหนูอยู่ที่ไหน ฯลฯ ซึ่งผึ้งก็ตอบไปตามความ
สามารถที่พอจะตอบได้ และผึ้งเองก็สนใจและรักในพระนิพพาน
โดยเห็นทุกข์มากมายในชีวิตประจำวันของตนเองนี่แหละ จึงได้
มาเจอเว็บพลังจิตเมื่อ 2 ปีก่อน และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพระ
นิพพานและปฏิบัติตนขั้นต้นตามไปด้วย คือ
1.รักและเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ โดยไม่ลังเล
สงสัยในคุณพระรัตนตรัย
2.รักษาศีล 5
3.ระลึกถึงความตายว่า เราต้องตาย บุคคลที่เรารักก็ต้องตายเหมือนกัน
ถ้าเราตายไม่ขอเกิดอีก ขอไปนิพพาน

ผึ้งก็จะสอนลูกสาวไปด้วย ให้เห็นโทษของการเกิด ความสกปรก
ของร่างกาย ความเจ็บป่วยของร่างกายทำให้เราทุกข์ไหม
ต้องกินยาขมๆ และโดนฉีดยาแทบทุกครั้งที่ป่วย เพราะช่วง
ที่เขาเข้าเรียนใหม่ๆป่วยบ่อยมาก แทบทุกเดือนต้องไปหาหมอ
และเคยต้องนอนอยู่โรงพยาบาลหลายๆวัน เห็นทุกข์ได้ชัด
ทั้งแม่ทั้งลูกเลยค่ะ ยังมีลูกชายคนเล็กตอนนี้ 4 ขวบครึ่ง ก็ป่วย
บ่อยมาตั้งแต่ยังไม่ขวบ เพราะติดพี่สาวเขานี่แหละ แต่คนนี้
ยังสอนอะไรไม่ค่อยได้มากนัก เพราะยังเล็กความเข้าใจยังไม่มาก
พอ นอกจากให้เขาดูภาพพระหลายๆภาพ
ซึ่งเขาชอบรูปพระสีขาวลอยอยู่บนน้ำที่พี่ภูนำมาลงไว้
ก็จะพยายามให้เขาดูรูปนี้บ่อยๆค่ะ
ขอจบการบ้านแค่นี้ก่อนนะคะ

 

สวัสดีทุกคนในกระทู้นี้ครับ ผมตั้งใจว่าจะเข้ามาอ่านนานแล้วแต่ยังค่อยไม่มีเวลา ส่วนตัวผมก็ติดตามอ่านกระทู้ของคุณอัญญาสิทธิ์ คุณปู และคุณsunny430 อยู่ เลยไม่ค่อยได้แวะเข้ามาอ่าน ผมคิดว่าคุณภูทยานฌาน2 โพส เรื่องที่ดีน่าสนใจมาก ขอบคุณคุณภูทยานฌาน2 ที่ตั้งกระทู้ดีๆนี้ขึ้นมา ผมจะเป็นอีกคนที่จะติดตามอ่านกระทู้ของคุณภูทยานฌาน2ครับ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าในความรู้สึกส่วนผมคิดว่าคุณภูทยานฌาน2มีความเมตตาสูงมาก

 

สมัครไม่ได้ค่ะเนื่องจากคอมไม่มีเลขไทย ก๊อบปี้เลขไทยมาแปะก็ไม่รับค่ะ ใช้safariค่ะ

 

ขออภัยผู้ใช้งานทุกท่านค่ะ
ขณะเว็บไซต์กำลังปรับปรุง...
เป็นว่ายังไม่ต้องสมัครสมาชิกนะคะ
ตอนนี้ทางทีมงานกำลังย้ายโฮสต์ที่สามารถรองรับได้ทุก web browser
หากดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทุกท่านในกระทู้ได้ทราบนะคะ...
ส่วนท่านที่สมัครสมาชิกแล้ว ทางทีมงานขออภัยอย่างสูงค่ะ
มือใหม่หัดขับ หัดทำเว็บเลยมีปัญหานิดหน่อย... (ไหม? ฮ่าๆ)
เอาเป็นว่าอดใจรอสักอาทิตย์หนึ่งนะคะ...
รับรองเว็บใหม่ (hosting ใหม่) เป๊ะเวอร์!!
(ฮ่าๆ.. หมายถึงใช้งานง่ายกว่านี้แน่นอนค่ะ)


ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจกับเว็บชุมชนจิตเกาะพระนะคะ
ต้องขอโทษจริงๆ ที่ย้ายไปๆ มาๆ
ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันเน้ออออ

ช่วงนี้เกาะพระ เกาะครูเพ็ญ เกาะพี่ภู และท่านอื่นๆ ไปก่อนนะคะ
**อย่าทิ้งพระนะคะ**

ไว้เว็บไซต์เรียบร้อยสมบูรณ์แล้วจะแจ้งให้ทุกท่านทราบค่ะ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ

 

การให้ธรรมทาน ยังผลให้เกิดกุศลทานสูงสุด...
อนุโมทนากับคุณภูและทีมงานด้วยครับ...

 

ส่งเมล์ไปหาพี่เพ็ญแล้วนะคะ รับด้วยนะคะ

 

ชาวจิตเกาะพระ
นำโดยครูเพ็ญ ท่านจะค่อยๆเริ่มฝนจิตให้เข้มข้น ทีละคนๆแล้วนะครับ
เรียกได้ว่า จะยกจิตเป็นรายบุคคล เพราะท่านเป็นครูละเอียด ส่วนครูละไม รอสักครู
พวกเราจะช่วยยกจิตสำหรับผู้ที่พร้อมเท่านั้น แต่จะดูได้จากกำลังใจของผู้ปฎิบัติเท่านั้น พวกเรามิได้เลือกผู้ใดเป็นพิเศษ เพราะเราก็ต่างไม่เคยเห็นหน้าตา หรือรู้จักกันมาก่อน

วันนี้ฯ
ผมจะขอกล่าวถึงท่านที่พอจะเกาะพระกันได้บ้างแล้ว
หรือสำหรับผู้ที่พอทำให้จิตตนเองนิ่งแล้ว หรือจิตเป็นสมาธิกันบ้างแล้ว
ขอให้จิตปัญญา หรือใช้วิปัสสนาญาณ หรือจิตพร้อมใช้งานนี้
ไปพิจารณาธรรมต่างๆ
หรือไปพิจารณาสิ่งต่างๆที่มากระทบจิตของตนทุกครั้งกันได้แล้ว

เพราะจะเป็นการฝึกสติและจิตให้ตามเท่าทันการเกิด-ดับของธรรม(ธรรมดา)
หรือกิเลส โดยเฉพาะความโกรธ(กิเลสหยาบที่ดูง่ายที่สุด)กันให้ได้
ฝึกตามดู ตามรู้จิตของตนให้ทันนะ ทันบ้าง ไม่ทันบ้าง ก็ไม่เป็นไร
นี่ถือว่าเรากำลังฝึกสติ หรือพยายามทำสติให้เกิดขึ้นบ่อยๆไปเรื่อยๆ
แต่ถ้าเราฝึกสติเกิดขึ้นบ่อยๆแล้ว คงจะมีสักวันที่สติเราก็อาจจะตามจิตของตนเองได้
เมื่อสติเิกิดขึ้นบ่อยๆ เราก็สามารถตามดู ตามรู้จิตของตนเองได้ทัน
หรือจะค่อยๆ รู้สึกว่าเราคือ จิต หรือดวงจิต นั่นเอง
และเราจะพบเจอจิต ดวงจิตของตนกันตอนนี้
เราคือ ในระยะเริ่มแรก ที่เรามีความรู้สึกตัวมากขึ้น หรือมีสติสัมปชัญญะ
ก็ต่อเมื่อสติกับจิตรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวกัน
(มาถึงกันตรงนี้แล้ว เราพอจะรู้ตัวกันแล้วนะ สำหรับผู้ที่กำลังตามหาจิต หรือดวงจิตของตนอยู่)

เมื่อจิตเป็นสมาธิ จิตก็จะเกิดปัญญา (สติมา ปัญญาเกิด)
ขณะที่จิตเป็นสมาธิ หรือจิตทรงฌานกันอยู่นั้น หรือเรียกกันว่า สมถสมาธิ

กรรมฐานภาวนามี 2 อย่าง คือ...
สมถะ เป็นอุบายที่ทำให้กิเลส นิวรณ์ทั้งหลายให้สงบ ระงับ
วิปัสสนา เป็นปัญญา โดยมองเห็นอาการต่างๆนั้น มีความไม่เที่ยง

พอใครทำได้ถึงตรงนี้กันแล้ว ก็มักจะติดปิติ สุข ฌานกัน
แต่อย่าติดนานนัก เพราะจิตจะต้องเดินทางต่อ คือยังไม่จบเท่านี้
นักภาวนาส่วนใหญ่มักจะติด หรือจิตพักกันตรงนี้กัน บางคนติดเป็นปี
แต่เมื่อใดจิตรู้ หรือเบื่อเมื่อไหร่ จิตเขาจะถอนออกมาเอง

และต่อไปนี้ ขอให้เราใช้จิตพร้อมใช้งาน จิตปัญญา นำไปพิจารณาธรรม หรือสิ่งต่างๆที่มากระทบจิต หรือเรียกกันว่า วิปัสสนาญาณ
ค่อยๆ ตามดูธรรม(ปัจจุบัน)ไปทีละเรื่องๆ จนกว่าจิตจะเข้าใจ และยอมรับในกฎธรรมดา กฎธรรมชาติ หรือกฎไตรลักษณ์
ผู้ปฎิบัติจะต้องจบด้วยหลักธรรมอันสุดนี้กันให้ได้นะ
คือเหมือนเราพยายามคุยกับจิต หรือพยายามคุยกับลูกๆของเรา ให้เข้าใจ
เพราะทั้งจิต หรือว่าลูกนั้น เขามักขี้สงสัย หรือชอบถาม ส่วนตัวเรานั้นมีหน้าที่หาคำตอบ

(คำตอบ) ก็อยู่ที่เราทำจิตให้นิ่งมากเท่าใด เพราะจิตยิ่งนิ่ง ก็ยิ่งรู้มากกันเท่านั้น

 

สวัสดี และยินดีต้อนรับครับ
กระทู้ที่คุณว่าดีนั้น จริงๆหรือ?
คุณจะต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ครับ อย่าเดานะครับ
คือพิสูจน์โดยการเข้ามาปฎิบัติกันจริงๆก่อน เห็นผลอย่างไรแล้ว ตัวท่านเองจะเป็นฝ่ายที่จะต้องตอบตนเองว่า ดีหรือไม่ ตามที่ตนคิดไว้ก่อนหน้านั้น
ขอโทษนะครับ ที่ผมอาจจะพูดดูแปลก แต่ผมพูดจริง ทำจริง

เพราะของดีมีอยู่ภายในด้วยกันทุกท่าน
เพียงแต่จะหาเจอกันหรือไม่

ผมจะบอกคุณให้นะว่า คุณไม่ต้องไปตามหาพระอรหันต์กันที่ไหนหรอกนะครับ
ขอให้เปลี่ยนจากการตามหาพระอรหันต์ มาเป็นตามหาจิต ดวงจิตของตนก่อน แล้วน้อมนำเอาหลักธรรม หรือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
นอกจากเรามาเรียนรู้พระธรรมกันแล้ว เท่านั้นยังไม่เพียง
เราจะต้องน้อมมาซึ่งการปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ปฎิบัติธรรม หรือปฎิบัติตามพระพุทธเจ้ากันด้วย

อย่ามัวหลงไปยึดติดกับตัวบุคคล สำนัก(สถานที่) หรือมัวไปทำบุญภายนอกกันอยู่เลย
ขอให้เอาแต่แก่นธรรมและนำไปปฎิบัติกันให้จริงๆจังกันด้วย
และท้ายที่สุด ท่านก็จะพบจิตอรหันต์ของท่านเอง ซึ่งจะอยู่ภายในจิตของท่า เท่านั้น

ขอโทษด้วยที่กล่าวหนักไปนิดนึง เพราะบางท่านที่ทำบุยภายนอกกันก็เพื่อจะมาต่อยอด หรือกำลังสร้างกำลังใจ เพื่อนำไปสู่ที่จะอยากปฎิบัติธรรมกันต่อไป
อันนี้ผมไม่ได้ปฎิเสธถึงการทำบุญภายนอกกันนะครับ อันนี้ผมเข้าใจถึงกำลังใจของกันและกันดี
แต่ถ้าผมมีเวลา หรือโอกาสผมก็ทำเหมือนกัน
แต่ไม่เน้น จะเน้นแต่ทำบุญภายใน
เพราะการสร้างบุญภายในนั้นถือเป็นบุญใหญ่หลวง
เพราะผลของการทำบุญภายในนั้น มีที่ไหนสูงสุดก็คือ พระนิพพาน
แต่การสร้างบุญภายนอกนั้น จะมีกำลังไปถึงกันแค่สวรรค์ชั้น1-6
กันเท่านั้น

ผมขออนุญาตเปรียบเทียบให้เห็นกันจ๊ะๆกันแบบนี้เลยนะครับ
และผมมิได้มีเจตนานำบุญของตนเองไปเปรียบเทียบว่า บุญของเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าบุคคลอื่นๆ ผมไม่เคยไปดูจิตผู้ใด หรือไปดูบุญของผู้ใด
ผมจะดูแต่จิตของตนเอง แต่เพียงผู้เดียว(เท่านั้น)
ว่ามิให้จิตไปตกอยู่กับอกุศล กิเลสของฝ่ายต่ำของตนเอง
หรือกระแสโลก
หรือกระทั่งแม้นแต่ กระแสภัยพิบัติ ที่พวกเรากำลังเผชิญกันอยู่นี้

ขอให้ทุกๆท่าน ก้าวพ้นกันให้ได้
เพราะว่า มันไม่มีอะไรใหญ่เกินกว่าจิตของตน ไปได้เลย
(สำหรับผู้ปฎิบัติ ที่ปฎิบัติถึงกันแล้ว มักมีจิตใจอันเข้มแข็งกันทุกคน
และที่พวกเราไม่เกลัวตายกันเพราะ จิตมองเห็นทุกสิ่ง คือสมมุติ และจิตน้อมยอมรับกฎไตรลักษณ์(กฎธรรมดา กฎธรรมชาติ)หมดแล้ว เรื่องตายเรื่องเล็ก จิตก็เลยไม่ได้กังวลใด เพราะจิตไม่ยึดเกี่ยวกับร่างกายนี้อีกต่อไปแล้ว
พวกเราจิตเกาะพระ คือจิตบุญ เกาะแต่พระ เกาะแต่พระนิพพานกันเท่านั้น พวกเราจะไม่เสียเวลานำจิตไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เป็นอกุศล หรือภัยพิบัติมากเกินไป เพราะนอกจากจะไม่ตั้งอยู่กับฝ่ายบุญแล้ว ยังต้องนำจิตไปตั้งอยู่แต่อกุศลกันเท่านั้น และจะมีที่ไปกันก็คือ อบายภูมิเป็นที่หมายกันเท่านั้น(จิตจุติ)

ขอให้พวกเรานำจิตเกาะพระกันไปเรื่อยๆเถิด และมีสักวันเมื่อจิตเกาะพระได้เองแล้ว จิตจะวิปัสสนาญาณภายในจิตของเขาเอง
และต่อไปจิตได้ฌาน ได้ญาน
และญาณนั้นจะเป็นผู้นำพาดวงจิตของท่านไปสู่พระนิพพานเป็นที่หมาย หรือเป็นที่สุดกันได้
ขอให้ทุกๆท่าน โชคดี...

 

สาร์นเตือนดวงจิต!!!

​

ขอให้ทุกดวงจิตตั้งอยู่แต่ฝ่ายบุญ กุศลกันนะ
เพราะช่วงนี้ เหตุการณ์นี้ดูน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
เพราะกระแสโลก กระแสภัยพิบัติกำลังมาแรง
นี่ยังไม่นับเจ้ากรรมนายเวรเก่ากันนะ
เพราะ ณ.ขณะนี้ กำลังมีคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งกำลังไม่เข้าใจทั้งทางโลก และทางธรรม(ดีพอ)
ขออย่าพวกเรานำจิตไปเกี่ยวข้อง อย่าหลงไปออกความคิดเห็น โดยเฉพาะกับผู้ปฎิบัติ
โดยเฉพาะชาวจิตเกาะพระทั้งหลาย จงนำจิตของตนเองออกมาจากบาป อกุศล หรืออบายภูมิกันให้ได้
เพราะพวกเราไม่มีหน้าที่จะไปว่ากล่าว ตักเตือน หรือไปลงโทษกับมุนษย์ด้วยกัน แต่จะเป็นหน้าที่ของกฎแห่งกรรม เท่านั้น
เพราะต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไม่มีผู้ใดหนี หรือก้าวข้ามพ้นกฎแห่งกรรมกันได้สักคนเดียว

ขอให้ถือคติว่า: เมื่อเรามอบความรักให้กับเขา เขาก็ย่อมมอบความรักให้กับเรา เช่นกัน
เพื่อเป็นการตอบแทนซึ่งกันและกัน โลกใบนี้จึงจะน่าอยู่
เพราะใจเราก็เหมือนใจเขา ใจเขาก็เหมือนใจเรา

ยกเว้นผู้ที่นำจิตขึ้นเหนือขันธ์5(รูป1 นาม4) พระอรหันต์ จิตอรหันต์
หรือที่เรียกกันว่า คนเหนือโลก เท่านั้น

เพราะจะอาศัยตามลำพังกำลังใจ หรือสติของตนนั้น ยังมีมากไม่พอ ที่สามารถแยกแยะกับสิ่งต่างๆเหล่านั้นกันได้

นี่เป็นเหตุ ที่ผมพยายามให้ทุกท่าน ทำจิตเกาะพระกัน
เพราะเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้สติของเราเกิดขึ้นบ่อยๆ
มีสติมากพอที่จะตามจิตทัน แต่ถ้าสติมาก จิตก็จะนิ่งมากขึ้นตามไปด้วย
เมื่อจิตนิ่งสงบมาก จิตก็จะรู้เท่าทัน(การเกิด-ดับ)กิเลสของเรา(เป็นธรรมดา)
จิตเราก็จะไม่ต้องไหลไปตามกระแสโลก กระแสภัยพิบัติ
แต่ถ้าจิตของเรานิ่งดีแล้ว เราก็จะไม่ต้องรู้สึกว่าเป็นทุกข์ โดยเฉพาะทุกข์ทางใจ

โปรดรักษาจิตของตนให้ดีๆ อย่าปล่อยจิตให้ไหลเหมือนกระแสน้ำ
คือน้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ
แต่ถ้าผู้ใดส่งจิตออกนอกบ่อยๆ จิตก็ไปรับทุกข์จากภายนอกกลับมาสู่ใจของเรา

จิตใคร จิตมัน เราจะต้องดูแลกันเอง
เพราะทั้งทุกข์ ทั้งเวรกรรมนั้น จะเข้ามาสู่ที่ใจของเราได้ประตูเดียว
ก็คือจิต
แต่ถ้าท่านรักษาจิตตนเองให้ดี คือทำให้จิตนิ่งสงบ หรือสำรวมกาย วาจา ใจกันให้ดี ให้อยู่แต่กรรมดีในปัจจุบัน
และท่านจะไม่ต้องเป็นทุกข์ กลัวตาย หนีตายกันอย่างทุรนทุราย ดูอันน่าสมเพศเวทนายิ่งนัก
เป็นเพราะพวกเขาเหล่านั้น ยังไม่รู้จัก หรืออาจจะรู้จัก วิธีทำให้จิตตนเองนิ่ง แต่ไม่ยอมกระทำกันเอง พอจิตไม่นิ่ง ใจเราก็ไม่นิ่งตามไปด้วย
ในที่สุดทั้งกาย ทั้งจิตใจต่างก็พากันไปสู่ความไม่นิ่ง หรือความไม่สงบสุขตามไปด้วย
แล้วอย่างนี้ เราจะเรียกว่า เป็นความสุข หรือนำไปสู่ความปรองดองกันได้อย่างไร

แต่ถ้าจิตทุกคนนิ่ง จิตสงบกันเท่านั้น ความสุข ความปรองดองจึงจะเกิดขึ้นกันได้

ขอบพระคุณ

 

วันนี้มีโอกาสได้ไปพูดเรื่องจิตเกาะพระให้ชาวธรรมที่วัดดอยเปาฟัง‏​

เรื่องนี้ต้องขยาย ต้องเป็นธรรมทาน
ขอประกาศว่า ณ.ขณะนี้ ชาวจิตเกาะพระ กำลังคืบ(วิ่ง)หานักภาวนา หรือผู้ใฝ่ธรรมกันไปตามวัดกันแล้ว
(เริ่มจากวัดดอยเปา อ.หางดง จ.เชียงใหม่)
โดยมีลูกหว้า ไปแผ่ทางเวป(เปิด)ใหม่ ส่วนป้าเพ็ญ(ครูเพ็ญ)ไปตามวัด (แถมชาวลับแล(บังบด) และเหล่าเทพเทวา หรือเทวดากับนางฟ้า)
(ขอโทษด้วยนะครู)ที่ไม่ได้ทันขออนุญาต(ก็ครูหลับไปแล้ว...อิอิ) บอกแล้วความลับในโลกนี้ไม่มี แม้นกระทั่งโลกทิพย์ ผมก็กล้านำมาเปิดเผย เพราะนี่คือ ความจริง
ผมไม่กลัวถูกคนด่าว่า ตำหนิ เพราะผมจะได้ดูจิตของตนด้วยว่า มันยังมีอัตตา มานะ หลงเหลืออยู่หรือไม่??? (เพราะคนด่าเรา ที่แท้เขาก็คือ ครูธรรมะของเราดีๆนี่เอง)
ผมขอโมทนาบุญกับครูเพ็ญด้วยนะครับ

(อ่านต่อ)
วันนี้ไปสอนจิตเกาะพระให้ชาวธรรมที่วัดดอยเปาเป็นครั้งแรก ความประหม่าไม่มี อาราธนาท่านพ่อมาช่วยสื่อให้ลูกพูดได้คล่อง ให้คนฟังเข้าใจง่าย มีคนมาสวดมนตร์ไหว้พระและฟังเรื่องจิตเกาะพระประมาณ 12 คน ส่วนใหญ่นั่งฟังด้วยความสนใจ มีการสอบถามพูดคุยกันเหมือนพี่น้อง ถามว่ามีใครต้องการไปนิพพานในชาตินี้บาง มียกมือประมาณ 6 คน เราก็เลยรับปากว่าจะช่วยจนกว่าจะยกได้

วันพระหน้าจะไปสอบอารมณ์ท่าน ๆ ใครพร้อม เราจะเปิดจิตยกขึ้นโสดาบันให้ เพราะเท่าที่เอาจิตสัมผัสส่วนใหญ่จิตไม่ได้เกาะกรรมอะไรกันมากมาย รู้สึกว่าหลายท่านกำลังคลำทางขึ้นนิพพานอยู่ และมีใจอยากไปนิพพานกันแล้ว จึงคิดว่าพอจะช่วยได้ สาธุ ยกขึ้นโสดาบันพร้อมกันทั้ง 6 คนทีเต๊อะ

มีแม่ชีอยู่หนึ่งท่าน ตอนแรกท่านก็ไม่เข้าใจ คิดว่าเราจะไปสอนเดินจงกรม(อันนี้ต้องรอครูดัช) ตอนแรกท่านบอกว่านึกภาพพระไม่ออก พอคุยไปคุยมาท่านบอกว่าเห็นพระเป็นแก้ว ที่เคยไปชมที่วัดที่สระบุรี(หรือป่าวจำไม่ได้) ตามที่ท่านอธิบายลักษณะน่าจะเป็นพระวิสุทธิเทพ องค์ที่เป็นแก้วใส ท่านบอกว่าเห็นพระอยู่ในจิตที่กลางอก เราก็บอกว่านั่นคุณแม่เข้าฌาน 3 แล้วนะคะ ถ้าเป็นประกายแก้ว หรือประกายพรึกก็จะเข้าฌาน 4 แล้ว ถ้าเข้าถึงฌาน 4 จะเกิดวิปัสสนาญาณได้ง่าย แล้วจะเกิดปัญญาญาณตามมา

ที่แน่ ๆ เห็นแววคุณแม่ชีนี่แหละได้แน่ ดูท่านปีติปลื้มอกปลื้มใจมาก ดีใจที่พระอาจารย์เชิญครูมาสอนจิตเกาะพระ เราก็ไม่นึกว่าตรงนั้นจะมีดวงจิตพร้อมยกเยอะขนาดนั้น ตอนแรกยังแอบบ่นในใจว่า ฮึ ขี้เกียจเดินสาย แค่อีเมลก็ตอบจะไม่ทันแล้ว ยังจะให้เดินสายสอนอีก แต่พอเห็นท่านสนใจและบอกเล่าประสบการณ์ของตนเองที่พบเจอมา เราก็เกิดความเมตตาอีก เห่ย ดวงจิตนี้มันช่างเมตตาเสียจริงนิ

หลายท่านจับภาพพระในจิตได้แล้วแต่ไม่รู้ตัว ก็เลยทำบ้างทิ้งบ้างด้วยความไม่เข้าใจ จนเราไปช่วยเปิดจิตให้วันนี้หลายทานดีใจกันใหญ่ เหมือนตามหาดวงจิตตนเองเจอแล้ว โมทนา สาธุ ขอบารมีสมเด็จพ่อองค์ปฐมช่วยให้ลูกยกจิตคนกลุ่มนี้ขึ้นนิพพานพร้อมกันที่เดียวทั้ง 6 ดวงจิตด้วยเทอญ

เมื่อเช้าตอนหัวรุ่งฝัน(เหมือนจริง)ว่า เราไปนั่งอยู่ที่ศาลาวัดดอยเปารวมกับคนกลุ่มหนึ่งเพื่อจะสวดมนตร์(เหมือนบรรยากาศค่ำวันนี้เลย) มีคุณนายแต่งตัวสวยงามด้วยชุดไทย หลายคนมานั่งรอสวดมนตร์ด้วย บางคนก็ใช่ชุดขาว แต่ละคนมีหนังสือสวดมนตร์มาด้วย คนมากันเยอะแยะเลยน่าจะประมาณสักเกือบ 100 คนได้ เห็นพระอาจารย์เดินไปเดินมาเตรียมตัวมานำสวดมนตร์

ตอนนั้นนึกว่าเป็นเรื่องจริง เพราะคล้ายตัวเราไปนั่งอยู่ในฝันด้วย พอตื่นขึ้นก็งงว่า อ้าว ฝันอะไรก็ไม่รู้ สอบจิตตนเองว่าตื่นเต้นหรือเปล่า จิตมันก็บอกว่าป่าว รู้สึกเฉยมากกว่า มาพิจารณาดูว่าฝันหรือนิมิตหว๋า ก็เกิดรู้ขึ้นมาว่า ที่เห็นเป็นคนมารอสวดมนตร์กับเราและพระอาจารย์เยอะ ๆ น่ะ เป็นชาวเมืองลับแลจะมารอฟังเรื่องจิตเกาะพระ เพราะตอนนี้บนสวรรค์ก็กำลังดังกันใหญ่

ตอนแรกก็ตามเคย คิดไปเองป่าวหว๋า เหมือนพระท่านจะรู้ใจ ดลใจให้น้องหนูโทร.มาแล้วเราก็เล่าให้น้องหนูฟัง พูดยังไม่ทันจบเลยน้องหนูก็บอกว่า เทวดานางฟ้ามารอฟังธรรมเรื่องจิตเกาะพระด้วยล่ะพี่เพ็ญ เราก็ เหอ เป็นไปได้หนอ

พอมีคนมาช่วยยืนยันเราก็ชักมั่นใจ ประกอบกับที่เคยได้ยินคุณดัชเล่าเรื่องลูกชายที่เสียชีวิตไปเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน มาในร่างของพระภิกษุ ท่านเป็นเทวดาเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ มาถามโยมแม่ในนิมิตว่าจิตเกาะพระทำยังไง คุณดัชก็เลยอธิบายให้ลูกชาย(พระเทวดา)ฟัง เราก็เลยรู้กันว่าตอนนี้บนสวรรค์ก็กำลังสนใจเรื่องจิตเกาะพระด้วย

ข้าพเจ้าตั้งจิตอธิษฐาน ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมีสมเด็จพ่อองค์ปฐมได้โปรดดลบันดาลให้บุญกุศลที่ข้าพเจ้าเคยทำไว้ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันและที่ได้อริยมรรคอริยผล จงสำเร็จแก่ดวงจิตดวงวิญญาณของเหล่าเทวดา นางฟ้า พรหมทุกองค์ ตลอดจนดวงจิตดวงวิญญาณที่ได้ฟังเทศน์ฟังธรรมในวันนี้ทุกท่าน ขอให้ทุกดวงจิตจงระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ระลึกถึงการจุติเป็นอารมณ์ และรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ด้วยกันทุกท่าน ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้อุทิศให้ไปนี้จงช่วยส่งเสริมให้ทุกดวงจิตสำเร็จอรหันต์ยกจิตขึ้นนิพพานโดยเร็วพลันเทอญ

พี่เพ็ญ
ปล. ไปวัดตั้งแต่ห้าโมงเย็น ชาวธรรมมาหกโมงกว่า ออกจากวัดสี่ทุ่มกว่า ระหว่างที่อธิบายธรรมเรื่องจิตเกาะพระได้ปิดมือถือไว้ ถ้าใครโทร.มาไม่ติดต้องขออภัยด้วยค่ะ



--
^...^ ชุมชนจิตเกาะพระ ^...^
www.jitkohphra.com
บล๊อกโมทนา เล่าประสบการณ์ปฏิบัติธรรม
http://moothana.blogspot.com/
nawajan-ที่เด็กดี
http://my.dek-d.com/nawajan/
blognawajan
http://nawajan.blogspot.com/