จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. 111dew

    111dew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +145
    หนักๆคงเป็นปลายปีน่ะครับ
     
  2. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    อนุโมทนาเป็นอย่างสูงกับกระทู้นี้ ตอนนี้เป็นกระทู้แนะนำแล้ว
    ฮอตติดบอร์ดแล้ว.. ขอเป็นกำลังใจให้กับสมาชิกทุกๆท่าน
    ...สาธุด้วยครับ
     
  3. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    ขอเป็นกระทู้ฮอตฮิตติดจิตติดใจของทุกท่านด้วยนะคะ?

    ฮ่าๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2012
  4. zaezae

    zaezae Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +34
    อนุโมทนาสาธุค่ะ

    วันแรกลองทำแบบสักแต่ว่าทำไป พอจะนึกภาพพระขึ้นมาได้ขณะหลับตา อ่านไปอ่านมา ส่ายแส่มองพระหลายภาพ กลายเป็นนึกไม่ออกไปเสียค่ะ เง้อ
     
  5. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    อยู่อย่างไรใน "กาลียุค"

    อยู่อย่างไร ใน “กาลียุค” ก่อนอื่นต้องขอโมทนากับท่าน ภูทยานฌาน2 เป็นอย่างมาก ที่กล้าจุดประเด็ำนเรื่องนี้ขึ้นมา ขอโมทนาด้วย และขอเสริมแนวความคิดท่าน ภูทยานฌาน2 ดังนี้
    ในปัจจุบันของเรา โบราณเขาเรียกว่า “เป็นกาลียุค” กาลี เป็นชื่อของพระแม่กาลี ว่ากันว่า พระแม่กาลี ท่านดุร้าย มีแต่ความตาย และทุกข์เวทนา คนโบราณเคยวาดภาพ กาลียุคเอาไว้ เป็นภาพของการฆ่าฟันกันอย่างไร้ความปรานี คนในยุคนั้น ไม่มีคำว่าเมตตา ปรานี ไม่มีคำว่า คุณธรรม หรือศีลธรรม ซึ่งพวกเราก็คงได้เห็นภาพลางๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วในยุคของเรา อีกทั้ง ขอให้นำภัยพิบัติในปี 2554 บางคนบอกว่าเป็นแค่ลางบอกเหตุ ยังไม่ใช่ของจริง แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนั้นถือเป็นบทเรียน กลับมาทบทวนกันอีกครั้งว่าปี 2554 เรายังเตรียมพร้อมได้มากน้อยแค่ไหน ยังขาดอะไร ยังบกพร่องอะไร คราวหน้าปีหน้า 2555 และปี ต่อ ๆ ไปเราจะเตรียมการณ์อย่างไร และภัยวิบัติยังคงเป็นเรื่องของน้ำ อยู่หรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องของ “น้ำ” ก็ถือเป็นเรื่องของโชค ถือว่าดี น้ำลดยังมีเหลือ ถ้าเป็น “ไฟ” เผาผลาญสิ้นไม่มีชิ้นดี เหลือแต่ซาก ถ้าเป็น “ดิน” แผ่นดินไหว สั่นสะเทือน พินาศย่อยยับ ก็มีตัวอย่างให้เห็น เหลือแต่ซากอีก ไม่มีชิ้นดีอีก นำมาใช้ประโยชน์อีกไม่ได้ กว่าจะฟื้นตัวยาวนาน แต่เสียหายน้อยกว่าไฟ ถ้าเป็นลม ก็มีตัวอย่างให้เห็น พายุ ทอร์นาโด ก็ถล่มทะลาย แต่ยังเหลือซาก ใช้ประโยชน์ไม่ได้อีกเหมือนกัน แต่ไอ้ที่น่ารำคาญมากที่สุด ก็เรื่องการเมือง การขัดแย้งทางการเมือง สร้างความฉิบหายให้กับประเทศไทยมากที่สุด มากกว่าภัยพิบัติทั้งปวง อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ “ฟ้าเป็นผู้กำหนด“ ถามตัวท่านเองก่อนว่า จะยอมจำนนโดยไม่สู้ หรือจะสู้โดยไม่ยอมจำนน ถ้าจะสู้ต้องคิดเตรียมการณ์ เอาปัจจุบันเป็นบทเรียน “ปฎิวัติ รัฐประหาร” “น้ำท่วมภัยธรรมชาติ” มองปัญหาก็ต้องมองกันเอาปี 2554 เป็นบทเรียน ทั้งภัยจากความโลภ ความโกรธ ความหลวง มาในรูปของ”ธรรมชาติ” และภัยจาก โลภะ โทสะ โมหะ ในรูปแบบ”การแตกแยกทางการเมือง” คนไทยลืมง่าย บางคนอาจจะลืมปี 2554 ไปแล้วก็ได้ ขอนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระองค์เป็นศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เหมือนกันกับพวกเรา พระราชทานไว้เมื่อปีใหม่ “อย่าประมาท มีสติ” ถ้าไม่ประมาทก็ควรเตรียมการณ์ไว้อย่างไร โดยนำเอาปี 2554 เป็นบทเรียน
    ๑.ที่พักอยู่อาศัยไม่ได้ โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ปฏิวัติ รัฐประหาร มีแต่ความตาย ความวุ่นวาย ทางแก้ ต้องหาที่พักสำรองที่ ๒ อย่าหวังเป็นผู้พักพิง อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ และต้องเตรียมการณ์ ตามข้อ ๓- ข้อ ๙ เช่นเดียวกัน
    ๒.ที่พักต่ำเกินไป ทางแก้ ต้องหาที่สำรองที่สูง หรือไปจังหวัดอื่น
    และต้องเตรียมการณ์ ตามข้อ ๓- ข้อ ๙ เช่นเดียวกัน
    ๓.ขาดน้ำสะอาด อาหารแห้ง ทางแก้ ต้องเตรียมสำรองอาหารแห้ง น้ำสะอาด โดยจะต้องอยู่รอดให้ได้ไม่น้อยกว่า ๖๐ วัน ถ้าสมาชิกมากก็เตรียมเอาไว้ให้มาก
    ๔.ขาดแสงสว่าง ทางแก้ เตรียมตะเกียงน้ำมันก๊าซ ไม้ขีด ไฟฉาย แก๊สหุงต้ม
    ๕.อาหารเป็นพิษ เจ็บป่วย เตรียมยาธาตุน้ำขาว สามัญประจำบ้านพื้นฐาน โดยดูตัวของท่านเองเป็นหลัก ว่าท่านมีโรคประจำตัวอะไร และต้องใช้ยาอะไรอยู่เป็นประจำ
    ๖.เครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์สื่อสารในครอบครัว ทางแก้ติดต่อกันให้ได้ ไปด้วยกันทั้งครอบครัว อย่าแยกกัน กำหนดจุดนัดพบหรือจุดรวมตัวเอาไว้ล่วงหน้า
    ๗.ถ้ามีรถ เติมน้ำมันให้เต็มถังอยู่เสมอ อย่าหวังน้ำบ่อหน้า ก่อนเข้าบ้านทุกครั้งเติมน้ำมันให้เต็มถังอยู่เสมอ ถ้านึกจะใช้รถอย่าไปเสียดายเงิน
    ๘.มุ้ง ถุงนอน อุปกรณ์กันฝน เครื่องนุ่งหุ่ม ให้เพียงพอในครอบครัว
    ๙.เตรียมอาวุธ หรืออุปกรณ์ป้องกันตัว
    ๑๐.ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ข้อสำคัญ อย่าประมาท พร้อมที่จะทำตามแผน ที่วางเอาไว้
    ๑๑.หมั่นทำบุญ ทำกุศล ใช้ปัญญาพิจารณาว่า ตัวเรานั้นเกิดมาชาตินี้ ยัง
    มีบุญ มีกุศลใด ที่เรายังไม่เคยสร้างหรือเคยกระทำ ก็จงทำตามกำลังความสามารถ บุญกุศลจะเป็นเกราะป้องกันภัยให้กับเราและครอบครัวแล้วใช้จิตเป็นตัวเลือกว่า “อันว่าความชั่ว อย่าทำเลยเสียดีกว่า”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2012
  6. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745

    นิดหนึ่งนะคะ แรกสุดเลย เลือกเอาภาพพระที่ชอบมากที่สุดมาหนึ่งภาพ เวลาจะนึกภาพพระให้ทำใจให้สบายๆก่อน นึกได้บ้างไม่ได้บ้างก้อไม่เป็นไรค่ะ
    พยายามให้เห็นภาพพระที่เราเลือกมา หากลืมก้อเอาภาพมาดูใหม่ พอจำภาพจำอารมณ์สบายๆได้ก้อจะทำได้เรื่อยๆ พยายามทำเมื่อนึกได้นะคะ ทำอยู่เนืองๆ อย่าไปซีเรียสมากค่ะ ดูๆแล้วคุณจะจับภาพพระได้ในเร็ววันอย่างแน่นอนค่ะ ขอพระคุุ้มครองคุณ zaezae
     
  7. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    คุณ shela คะ โมทนาสาธุกับคุณจริงๆค่ะ ฝึกเด็กนี่ง่ายกว่าฝึกผู้ใหญ่มากเลยนะคะ เพราะเด็กนั้นจิตเขาใสสะอาดสว่างไม่มีขยะในจิตเยอะเหมือนเราท่านผู้ใหญ่ ลูกสาวนี่บารมีเยอะนะนี่ ฝึกเค้าเลยค่ะ ดชน. เคยเขียนลงแล้วประสบการณ์การฝึกลูกสาวค่ะ ลองย้อนไปดูนะคะ กับคนเล็กก้อไม่ต้องเว้น ให้ทำเลยค่ะ เด็กเป็นเร็วอยู่แล้วค่ะ ขอพระคุ้มครองทั้งครอบครัวเลยนะคะ
     
  8. zaezae

    zaezae Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +34

    ขอบพระคุณค่ะ จะลองทำต่อแบบสบายๆดูค่ะ อนุโมทนากับคุณภู คุณดชน และทุกท่านที่มาชี้แนะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2012
  9. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=ky2ku9_a5do"]???????????? ???????.mpg - YouTube[/ame]
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอทำความเข้าใจสักเล็กน้อย​


    สำหรับผู้ที่จะรอดชีวิต หรือปลอดภัยจากภัยพิบัติธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า ตามที่ทุกท่านกล่าวกันมาแล้วฯ
    มีทั้งผู้มีญาณ ครูบาอาจารย์ พระอริยเจ้า แม้นกระทั้งเทพเทวาอารักษ์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ทั้งปวง ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...

    คือจะต้องเป็นบุคคลที่รักษาศีลครบบริบูรณ์(ศีล5เป็นอย่างต่ำ) ภาวนาอยู่เป็นนิจ หรือเป็นคนดีที่มีศีล มีธรรมอยู่ภายในจิตใจเท่านั้น ถึงจะสามารถอยู่รอดปลอดภัย

    ปล.บุคคลตามที่ผมกล่าวอ้างมาข้างต้นนั้น เอาเฉพาะแค่ประเทศไทยก็มีจำนวนน้อยมาก คือไม่ถึงครึ่งประเทศด้วยซ้ำไป หรือมีแค่ประมาณไม่น่าเกิน 30% เท่านั้น
    (ประเทศไทยโชคดีที่มีศาสนาพุทธ คือชาวพุทธจะเหลือเยอะกว่าประเทศอื่นๆ ประมาณ 30%)
    อย่าลืมนะ คนดีหมายถึงผู้ที่รักษาศีลครบบริบูรณ์ ผู้เจริญภาวนาเป็นเนืองนิจ หรือผู้ที่ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น มีจิตใจดีไม่โหดร้าย มีจิตใจที่เมตตา ผู้เสียสละ มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผู้ที่ชอบช่วยเหลือส่วนรวมเป็นนิจ เป็นต้น
    (เราๆท่านๆ ก็ลองประเมินตนเองกันดูก็รู้แล้ว ว่าเราจัดอยู่ประเภทใด)

    แต่ผมอยากจะแนะนำผู้ที่ไม่ได้อยู่ในกฎเกณฑ์ที่ว่ามานี้ คือ ศีลไม่ครบ ไม่ทำภาวนา ไม่สวดมนต์ ไม่ได้ทำบุญทำทาน
    หรือสรุปว่า....ข้าฯนี้มีนิสัยไม่ดีก็แล้วกัน
    (ผมทราบดีว่ามิใช่เรื่องง่ายๆที่ทุกท่านจะทำกันได้ เพราะที่รักษาศีลหรือทำภาวนากันไม่ได้ หรือไม่ได้ทำนั้น สาเหตุหลักๆก็คือ กำลังใจของตนไม่เพียงพอ นั่นเอง)

    แต่ไม่เป็นไร พอยังมีโอกาสรอดปลอดภัยกันอยู่นะครับ และก็จะขึ้นอยู่กับตนเองมากกว่า ว่าจะปฎิบัติตามกันไหม๊?
    (แต่ขอให้รีบๆปฎิบัติกันเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ไม่มีผู้ใดรับรองชีวิตให้กันได้ เพราะจิตท่านไม่ตั้งใจยึดพระ หรือตั้งอารมณ์พระนิพพานกัน และไม่ต้องไปโทษใคร)

    ง่านนิดเดียวผมจะขอแนะนำ ให้ทุกท่านทำแค่ระลึกหรือนึกถึงพระให้ได้ทุกวันก็แล้วกัน
    นี่ถือว่าเป็นการทำบุญง่ายที่สุดแล้ว แถมเป็นบุญใหญ่ด้วย เพราะจิตเกาะพระนี้ถือว่าเป็นการทำบุญภายใน และเป็นกรรมฐานกองนึงก็คือ พุทธานุสสติกรรมฐาน นั่นเอง
    แต่อาจจะกึ่งกสิณก็ได้ อย่าไปสนใจชื่อ ขอให้สนใจปฎิบัติกัน

    แต่ผมไม่ได้ยินดีกับผู้ที่ทำผิดศีลธรรมนะ แต่ผมอยากช่วย เพราะเห็นว่าคนที่ทำผิดศีลนั้นค่อนประเทศ ณ.ขณะนี้

    (ผู้เขียนนี้ก็หาใช่เป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดไม่ แต่จะเป็นคนธรรมดาเหมือนๆกับพวกท่านทั้งหลายที่เคยกระทำผิดศีลมาก่อน และไม่เคยสวดมนต์ ไม่เคยทำภาวนา(ทำสมาธิ)มาก่อนเลย
    แต่ผมมาเร่งทำแต่ดีในภายหลัง อะไรดีผมทำหมด อะไรไม่ดีผมหยุดหมด แต่จะเป็นผู้หมั่นเจริญแต่ศีลธรรมเท่านั้น นำจิตไปเกาะแต่ฝ่ายบุญ เกาะแต่พระ เกาะแต่พระนิพพาน หรือกระทำตรงกันข้ามกับฝ่ายไม่ดี เพราะผม(จิต)รู้แล้ว แยกแยะว่าอะไรคือดี อะไรคือชั่ว ได้อย่างชัดเจนแล้ว เมื่อจิตตนเองนิ่งสงบแล้ว)

    ผมเชื่อพวกท่าน(จิต)นั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์กันอยู่ แต่จะมีเพียงกิเลสเท่านั้น ไปบดบังจิตใจให้เศร้าหมอง และหลงระเริงกันอยู่ มัวหลงสนุกสนานกันอยู่
    และผมเชื่อมั่นว่าทุกๆท่านนั้น ก็ยังสามารถปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบกันได้ หรืออาจจะทำได้ดีกว่าผมด้วยซ้ำไป แต่โอกาสยังมาไม่ถึงเท่านนั้นเอง

    ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่าน ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ

    และผมเข้าใจดีว่า คนที่ไม่เคยทำบุญทำทาน ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ ไม่เคยฟังเทศฟังธรรม ไม่เคยรักษาศีล ไม่เคยทำภาวนา(ทำสมาธิ)นั้น
    จู่ๆจะให้มาทำในสิ่งที่กล่าวมานั้นก็ยากยิ่งครับ เพราะเหตุด้วย กำลังใจมีไม่พอ นั่นเอง

    แต่ไม่เป็นไร
    เดี๋ยวทำจิตเกาะพระไปก่อน แล้วท่านจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตใจของท่านเอง อีกไม่นานเกินรอ
    เพราะจิตเกาะพระได้แนบแน่นแล้ว จิตใจจะเปลี่ยนไปทันที
    จากจิตที่เคยกระด้าง หรือจิตหยาบ ก็จะกลายเป็นจิตละเอียดอ่อนลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเด็ก เด็กวัยรุ่น ที่คุณพ่อ คุณแม่สอนสั่งกันเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเชื่อฟัง
    หรือผู้ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรม แต่ถ้าจิตละเอียด เพราะจิตนิ่ง จิตนิ่งเพราะจิตเกาะพระนี้
    จะกลายเป็นผู้ที่มีสติ มีศีล มีธรมไปเอง ตามกำลังใจของตนเอง
    คนที่ไม่ค่อยรักษาศีล เพราะพวกเขามีสติกันน้อยมาก ศีลจึงไม่ปรากฎ

    ผมเชื่อว่าถ้าผู้ใดทำจิตของตนเองให้นิ่งได้ จิตก็ละเอียดได้เมื่อไหร่แล้ว
    จิตก็จะกลายเป็นผู้มีศีล มีธรรมไปโดยปริยาย
    (จิตเกาะพระทำให้เกิดจิตเป็นสมาธิง่าย จิตจึงนิ่งง่าย)
    แล้วอย่างนี้ท่านไม่รอดกันได้อย่างไร???
    ทั้งนั้น ทั้งนี้จะสำเร็จเร็ว หรือช้าก็ขึ้นอยู่กับตัวของท่านเอง ว่าจะมีความขยันหมั่นเพียร หรือบำเพ็ญเพียรในการปฎิบัติมากน้อยเพียงใด
    ผมขอเอาใจช่วยทุกๆดวงจิตนะครับ
    โชคดี

    ขอให้ทุกๆท่านรอดปลอดภัย ด้วยศีลธรรม และด้วยบุญ ตลอดกาลนานเทอญ...



    ขอให้สนใจจิตของตนเองก่อน แล้วท่านจะเข้าใจธรรมะ จะเข้าใจตนเอง และผู้อื่นไปเอง
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ประกาศ!!!​


    ผมไม่ทราบว่า ผู้ใดไปดันกระทู้นี้ เป็นกระทู้เรื่องเด่น
    แต่..ถึงอย่างไร
    กระผม และสมาชิกจิตเกาะพระทุกๆท่าน
    ขอขอบพระคุณWeb Master และทุกๆท่านที่ให้ความสำคัญของจิตตนเอง

    ขอขอบพระคุณด้วยความจริงใจ
    แต่ผมและสมาชิกมิได้มีความยินดีชื่อเสียงตรงนี้
    แต่จะยินดีที่มีส่วนช่วยยกจิตของทุกๆท่าน
    และมิได้หวังผลประโยชน์อันใดจากทุกๆท่าน

    เพียงแค่อยากเห็นจิตคนส่วนใหญ่ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของกระแสสังคม กระแสโลกอีกต่อไป
    และมุ่งหน้าหวังพัฒนาจิตใจคน ให้เป็นจิตใจมนุษย์ประเสริฐ หรือยกระดับจิตผุถุชนให้เป็นอริยบุคคลกันต่อไป

    เพราะถ้าผู้ใดยิ่งทำจิตของตนนิ่งมากเท่าใด
    เรานั้นก็จะเป็นมนุษย์ที่ฉลาด คือรู้เท่าทันการเกิด-ดับกิเลสทั้งหลาย ทั้งปวงกันได้ เพราะจิตที่มิได้รับการเรียนรู้ หริอฝึกจิตกันให้ถูกต้องแล้ว จิตก็จะตกไปตามอำนาจของกิเลสตน เช่นเราหนีทุกข์ไม่ได้ เพราะเราดับทุกข์เองไม่ได้ เพราะจิตไม่ยอมรับ เพราะจิตมิได้เรียนรู้และเข้าใจ
    แต่หากจิตเรียนรู้แล้ว เราจะต้องให้จิตเข้าใจด้วย เพราะถ้าจิตไม่เข้าใจแล้ว จิตจะไม่ยอมปล่อยวาง เมื่อจิตไม่อมปล่อยวางแล้ว ในที่สุดแล้วเราเองนี่แหล่ะจะเป็นทุกข์ไปตลอดเวลา เพราะจิตไม่ได้เรียนรู้ และจิตไม่เข้าใจ
    และมีเพียงสองอย่างเท่านี้ ที่ทำให้จิตใจของเรารู้สึกเป็นทุกข์ไปเสียทุกอย่าง เพราะเราไม่ค่อยสนใจจิตตนเอง เมื่อจิตมันอยู่ที่ตนเอง แต่ถ้าเราไม่สนใจ แล้วใครจะมาสนใจจิตของตนเองเล่่า
    เพราะความสุข ความทุกข์นั้น ทุกท่านก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า มันเกิดที่ไหน ก็ในใจของเราทั้งนั้น ทุกข์หรือสุขมิได้เกิดที่ใคร หรือที่ไหนๆ

    ธรรมะไม่มีผู้ใดสอนกันได้ ผู้เขียนเองก็เป็นแค่ผู้ชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องเท่านั้น หรือเป็นยามเปิดประตูพระนิพพานให้กับทุกๆดวงจิตเท่านั้น
    เพราะที่เหลือทุกๆท่านเท่านั้นที่จะเดินเดินเอง หรือปฎิบัติเอง
    สำหรับจะได้มรรค ผล หรือพระนิพพานนั้น ก็ต้องอยู่ที่ความเพียรของตนเองเป็นหลัก
    ธรรมะนั้นมิได้อยู่ที่วัด มิได้อยู่พระ มิได้อยู่ที่สำนักสงฆ์ หรือสถานที่ปฎิบัติธรรม มิได้อยู่ที่ชุดสวมใส่กัน
    แต่ธรรมะนั้นมีอยู่ด้วยกันทุกคน คืออยู่ที่ภายในดวงจิตของตนเองเท่านั้น
    แต่ก่อนอื่นเราต้องมาตามหาจิตเดิมแท้ของตนเองให้เจอเสียก่อน
    และถ้าเจอแล้ว เดี๋ยวก็จะพบธรรมะที่ผุดออกมาจากดวงจิตของตนเองนั้น
    หรือผู้นั้นปฎิบัติจนได้ปัญญาณ หรือญาณ หรือจิตเป็นพุทธะนั้น
    และท่านก็จะเข้าใจตนเอง เข้าใจคนอื่น รวมไปถึงเข้าใจโลก เข้าใจจักวาล

    แต่ผมขอบอกกันตรงนี้ว่า โลกใบนี้ไม่น่าอยู่เลย
    อย่านำจิตออกนอกกาย ขอให้นำจิตกลับเข้าไปทีเดิม คือนำดวงจิตกลับไปเรียนรู้ภายในจิต ในจิตของตนเอง แล้วพวกท่านก็จะรู้เองว่า
    โลกใบนี้ไม่น่าอยู่เช่นไร เพราะมีแต่จะทำให้เราเป็นทุกข์ใจกันทั้งนั้น
    เพราะจิตของพวกเราไปหลงยึดเกาะกับสิ่งที่เรียกว่า นามรูปสมมุติกัน
    เพราะพระพุทธเจ้าท่านก็ทรงตรัสสอนให้กับพวกเราแล้วว่า อย่านำจิตละเอียดไปยึดมั่นถือมั่นกับของภายนอก หรือของหยาบ
    ขอให้ร่างกาย ที่เรียกว่ากายหยาบนี้ไปมี อยู่ เป็น ได้กับสิ่งสมมุติกันเท่านั้น
    เพราะต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้ว ถึงท่านยึดไปก็จะมีแต่ทำให้จิตใจของเราเป็นทุกข์กันเท่านั้น

    แต่ถ้าเราตายจากโลกนี้ไป เห็นมีเพียงแต่บาปกับบุญที่ติดตัวเราไป
    แล้วเราเป็นมนุษย์สุดประเสริฐที่เรียกกัน โปรดทำตัว ทำใจให้ฉลาดพอ
    (แยกให้ออกกันชัดๆ แบบนี้ว่า)

    อะไรคือ ของจริงๆ
    อะไรคือ ของปลอมๆ

    ปล.ทำจิตนิ่งกันได้เมื่อไหร่ ท่านทั้งหลาย จะกลายเป็นคนฉลาดจริง
    (ฉลาดในธรรมนะ มิใช่ฉลาดในทางโลก อันนั้นเขาเรียกว่าโง่อวดฉลาดกัน)

    ขอโทษนะครับ ที่คืนนี้จัดหนัก
    และผมขอน้อมยอมรับทุกข้อคิดเห็น เพราะผมเองก็ต้องการปรับปรุง แก้ไป พัฒนาจิตของตนให้สูงขึ้นเหมือนกัน เหมือนกับทุกๆท่าน
    ได้โปรดชี้แนะให้ผมบ้าง เผื่อว่าวันหน้าผมจะได้ฉลาดมากกว่านี้ฯ

    ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

    ปล.เกาะพระให้ติดกันให้ได้นะ เพราะพระนิพพานมิได้อยู่ไกลตามที่ตนคิด
    แต่จะอยู่ข้างหลังพระ นั่นแหล่ะ!!!

     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    พระวิปัสสีพระพุทธเจ้า​


    ใครมีรูปพระสวยๆ มุมดีๆ
    อย่าลืมโหลดรูปมาให้ท่านอื่นๆดู หรือทำจิตเกาะพระกันนะครับ
    เพราะจริตคนต่างกัน หรือชอบไม่เหมือนกัน
    นอกจากเป็นธรรมาทานแล้ว ท่านจะได้บุญสองเด้ง
    หรือโชคสองชั้นนะครับ

    ขอขอบพระคุณมาก
     
  13. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ

    น่าเป็นห่วงเหมือนกัน บางทีเพราะความที่จิตเราไปรับเรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติมากจนขาดความสงบในจิตใจ ก็เป็นผลเสียได้เหมือนกัน เราเตือนเรื่องภัยกันได้ แต่ต้องมีสติพิจารณาด้วยครับ เพราะบางครั้งความเครียด ความกังวลใจ ที่เกิดขึ้นก็ทำร้ายเราโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน บางครั้งเราหาทางออกไม่ได้ด้วยเหตุปัจจัยต่าง ๆ กระทู้นี้น่าจะเป็นกระทู้หนึ่งที่แบ่งปันน้ำใจที่ให้กันเพื่อให้จิตใจของบางท่านผ่านเรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติไปได้ ด้วยสติและปัญญา ครับ และด้วย "ธรรม"
     
  14. Candle_Flame

    Candle_Flame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +240
    ผมขอนำเสนอภาพนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. Candle_Flame

    Candle_Flame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +240
    ภาพที่ถ่ายมาจากวัดต่างๆในเซี่ยงไฮ้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. สู่วันใหม่

    สู่วันใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +314
    ผมชอบมากๆเลยครับภาพนี้

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ
     
  17. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    กราบโมทนากับคุณภูด้วยค่ะ...

    ไม่ค่อยได้เข้าเว็บเท่าไหร่ เพิ่งจะมาเจอกระทู้คุณภูก็วันนี้เองค่ะ...

    เพิ่งจะอ่านได้ไม่เท่าไหร่... แต่มีประโยชน์ทั้งต่อผู้ที่ปฏิบัติมาบ้างแล้วและผู้ที่กำลังแสวงหาแนวทางความสุขสงบของจิตค่ะ...

    ทุกท่านที่มาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมก็ล้วนเป็นผู้ "ปฏิบัติ" เป็นส่วนใหญ่... ผู้ที่ปฏิบัติตามคงได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า (ถ้าปฏิบัติจริง ก็ได้จริงเช่นกัน)...

    กราบโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ...

    ภาพพระภาพนี้งามมากเลยค่ะ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2012
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    มีเรื่องเบาๆ มาเล่าสู่กันฟัง​


    เรื่อง ข้าพเจ้าอยากเป็นคนดี

    ที่เมื่อก่อนข้าพเจ้า นับตั้งแต่จำความได้ จิตของข้พเจ้าชอบที่จะไหลไปตามกระแสโลก
    เพราะมันดูท้าทายกับเราดี
    เพราะเป็นคนที่มีความมั่นใจตนเองสูง เชื่อตนเองกว่าคนอื่น หรือสิ่งใด
    แม้นกระทั่งคุณพ่อ คุณแม่ของตนเองก็ตาม

    เมื่อก่อนนั้นผมก็ทำแบบคนที่ส่วนใหญ่ที่กำลังทำกันอยู่นี้แหล่ะ!!!
    คือ...
    ไม่ค่อยทำบุญ ทำทาน
    ไม่ฟังเทศน์ ฟังธรรม
    ไม่สวดมนต์ ไหว้พระ
    ไม่รักษาศีล
    ไม่ทำภาวนา หรือทำสมาธิ
    ไม่สนใจจิตตนเอง ไม่สนใจจิตใจของผู้อื่น
    ไม่สนใจเรื่องศีลธรรม
    และก็ไม่ๆๆๆๆ (แค่นี้พอมั้ง)

    แต่อยู่มาวันหนึ่ง ไม่ทราบว่าจะด้วยผลกรรมมาครั้งในอดีต หรือว่าปัจจุบัน
    คือชีวิตของข้าพเจ้ามาถึงทางตัน ชีวิตล้มเหลว
    ล้มเหลวอะไรบ้าง เรามาดูกัน...
    คือล้มเหลวสามอย่างพร้อมกัน ได้แก่ การงาน การเงิน และความรัก
    แต่ถ้าเป็นคุณในขณะนั้น ก็ลองนั่งหลับตานึกกันเอาเอง
    คุณจะทำอย่างไร คุณจะคิดอย่างไร
    ตอนนั้นไม่ต้องมาพูดเรื่อง สติมาปัญญาเกิด
    เพราะแทบจะไม่มีอยู่ในหัวด้วยซ้ำไป
    พี่สติ พี่ปัญญาเวลานั้นมาถึงกันจริงๆ ไม่รู้ว่ามันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกันหมด

    เมื่อนาทีวิกฤติชีวิตมาถึง คิดว่าทุกคนก็ไม่น่าจะมีทางให้เลือกมากนัก
    นอกเสียจากสองทางนี้เท่านั้น ก็คือ
    หนึ่ง..เลือกไปทางมืดมนคือ กินเหล้าเมายา หรือปลิดชีวิตตนเอง
    สอง..เลือกไปทางสว่างคือ หันหน้าเข้าหาธรรมะ หรือปฎิบัติธรรม

    แต่ถ้าเป็นคุณหล่ะ! คุณจะเลือกทางไหน???

    แค่บางคนมีปัญหาเรื่องเดียวคือ หนึ่งในสามที่กล่าวมานี้ ก็แทบจะล้มทั้งยืนกันแล้ว
    โดยเฉพาะเรื่องของความรัก บางรายก็เสียผู้ เสียคน เห็นกันมามากตามสื่อ
    หรือบางท่านเลือกทำ เช่น ทำร้ายร่างกายคนรัก หรือฆ่าตนเอง ฆ่าคนที่ตนเองรัก
    และข้าพเจ้าจะบอกให้เอาบุญนะ

    สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาในชีวิตกันอยู่ ณ.ขณะนี้
    ขอให้ทุกท่านอดทน และเลือกข้อสองนะ
    เพราะเมื่อถึงนาทีวิกฤตินั้นมาถึงคุณ แต่ไม่ต้องไปตามหาสติปัญญากันหรอก
    และคนที่มักชอบเตือนคนอื่นๆว่า ขอให้มีสติก่อน แล้วพี่ปัญญาจะมาช่วยน่ะ มันนวนิยาย
    แต่ชีวิตจริงๆนั้นไม่เป็นอย่างนั้นเลย อันนั้นเป็นแค่บทฤษฎีแห่งชีวิตกันเท่านั้น

    นี่ข้าพเจ้าผ่านมาทั้งหมดแล้ว แถมระยะเวลาใกล้เคียงกันด้วย
    และตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังนั่งหัวเราะอยู่ในใจ (หัวเราะชีวิตตนเองที่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป มองเห็นความเกิด-ดับของชีวิต)
    เดี๋ยวถ้าคุณผ่านนาทีวิกฤติแห่งชีวิตกันมาได้สักระยะนึงก่อน
    แล้วคุณก็จะหัวเราะแบบข้าพเจ้าเหมือนกัน
    ขอให้อดทน และเลือกปฎิบัติข้อที่สองนะ แต่ถ้าคุณไม่เลือก
    ดันไปเลือกทำข้อหนึ่ง คุณก็จะไม่มีโอกาสมานั่งหัวเราะกับสิ่งที่ผ่านมานะ
    จะบอกให้!

    ปล.แต่ครั้งแรกสุดข้าพเจ้าเลือกทำข้อหนึ่งนะ คือเลือกทางมืดมน คิดว่าตายแล้วจะได้จบสิ้นกันไป
    (เพิ่งมาทราบในภายหลังว่า กายตาย แต่จิตมิได้ตายตาม)
    แต่ไม่ทราบว่าอะไรมาดลจิต ดลใจให้ต้องเลือกไปทางสว่างแทน

    ชีวิตผ่านเหตุการณ์ความเป็น ความตายมาทั้งหมด(พร้อมกัน)
    และข้าพเจ้ารอดมาได้อย่างไร???

    และข้าพเจ้าว่ามันหนักยิ่งกว่าภัยพิบัติกันตอนนี้กันเสียอีกนะ
    นี่ขนาดภัยพิบัติยังไม่เกิดกันจริงๆนะ แค่หูได้ยินว่าจะเกิด ภัยพิบัติจะมา
    แต่ตายังไม่ได้เห็นกันจริงๆเลย
    ยังมีเวทนา หรือรู้สึกกันมากมายถึงขนาดนี้
    แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกันจริงๆ ตามที่หลายสำนักเขาทำนายกันไว้

    ถามว่า...จิตคุณพร้อมรับภัยพิบัติกันไหม๊?

    แต่ถ้าคนที่ไม่เคยฝึกจิตมาดี ตอบได้คำเดียวว่ารอดยาก
    (คำว่ารอดในที่นี้หมายถึงรอดทั้งโลกนี้ และโลกหน้า)

    ถึงร่างกายรอดปลอดภัย
    แต่ถามว่าจิตคุณรอดไหม๊? แต่ถ้ารอดก็ดีไป
    แต่ถ้าไม่รอด คือคุณเป็นบ้า เป็นบอกัน
    เพราะหูได้ยิน ตามองเห็นคนที่เรารักต้องมาสูญเสีย จากเราไปไม่มีวันหวนกลับ
    แล้วคุณจะทำใจยอมรับกันได้ไหม๊???
    (เอาไปคิดเป็นการบ้านนะ ไม่ใช่ให้แม่บ้าน พ่อบ้านคิดเล่นๆกันนะ)


    ถามว่าเอาเรื่องส่วนตัวมาเล่าให้กับคนอื่นนั้น ไม่อายเขาหรือ???
    ตอบ...ว่าไม่อาย
    เพราะสิ่งที่ไม่ดีนั้นข้าพเจ้าหยุดกระทำทั้งหมดแล้ว
    แต่ถ้ายังไม่หยุดกระทำนั้นสิ! น่าอายกว่า
    และขอเล่าเรื่องนี้เพื่อเป็นธรรมาทาน เพื่อเป็นกำลังใจกันและกัน


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=R8jM7Y4hcnI&feature=related"]???????????.wmv - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 เมษายน 2012
  19. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    ใช้ปัญญาในการพิจารณา ใช้จิตเป็นตัวเลือก

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    หนังสือเล่มนี้ก็กล่าวถึง คำทำนายของสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ว่าต่อจากรัชกาลที่ ๙ แล้ว จะเข้าสู่ยุคของ พระศรีอาริยเมตไตรย
     
  20. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    อาตมาขึ้นเครื่องบินผ่านภูอันธพาล ไม่อยากเรียกว่า "ภูพาน" ดังที่เขาเรียกกัน เพราะภูนี้มีแต่พวกอันธพาลทั้งนั้น ได้พิจารณา ถึงเหตุการณ์บ้านเมืองและการสู้รบของทหารเห็นว่า<o </o
    เราทุกคนจะไม่แพ้ จะไม่ต้องตกเป็นทาสของใครๆ ดังที่พวกเราพากันวิตกกังวลกันอยู่ในขณะนี้ แม้แต่ พระบาทสมเด็จ พระ เจ้าอยู่หัวก็ทรงปริวิตกและทรงมีความห่วงใยประเทศชาติบ้านเมืองเป็นอย่าง ยิ่ง ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘ พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปยังวัดของอาตมา (วัดท่าซุง) และได้ตรัสถาม ความเป็นไป ของบ้านเมืองในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร<o </o

    อนาคตของชาติ<o </o
    อาตมาได้ถวายพระพรพระองค์ว่า "ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะไม่ตกเป็นทาสของใคร อาตมาขอถวายชีวิตเป็นประกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นจะเริ่มปรากฏ ความมั่งคั่ง สมบูรณ์จะมีขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชน แต่จะยังไม่ปรากฏชัดนัก แต่เราจะมองเห็นได้ชัดๆ ก็ต้องปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เปรียบเหมือนอรุณได้ขึ้นดีแล้วและเริ่มฉายแสงให้เห็นความมืดหมดไป"
    <o </o
    ที่อาตมากล้ายืนยันต่อพระองค์เช่นนั้น ก็เพราะเหตุผลหลายประการ คือ
    <o </oคำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์
    <o </o
    ในประการแรก อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นสมุดข่อย ซึ่งพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า ก่อนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ปรากฏ<o </o
    โดยท่านได้เขียนทำนายไว้ว่า


    "กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก แจ่จะเสียอิสรภาพไม่นานนัก จะมีคนดีของกรุงศรี อยุธยามากู้ชาติ แต่เมื่อกู้ชาติ ได้แล้ว จะต้องไปตั้งเมืองหลวงอยู่ใหม่"<o </o
    และเหตุการณ์ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาก็ได้เป็นจริงตามคำทำนายทุกอย่าง
    <o </o
    ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง ๑๐ รัชกาล<o </o
    ในสมุดข่อยเล่มเดียวกันนี้ พระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละรัชกาลดังนี้
    <o </o
    รัชกาลที่ ๑. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
    รัชกาลที่ ๒. ทำนายว่า รู้จักธรรม
    รัชกาลที่ ๓. ทำนายว่า จำต้องคิด
    รัชกาลที่ ๔. ทำนายว่า สนิทธรรม
    รัชกาลที่ ๕. ทำนายว่า จำแขนขาด
    รัชกาลที่ ๖. ทำนายว่า ราษฎร์ราชาโจร
    รัชกาลที่ ๗. ทำนายว่า นั่งทนทุกข์
    รัชกาลที่ ๘. ทำนายว่า ยุคทมิฬ
    รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว
    รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล
    <o </o
    ความแม่นยำของคำทำนาย<o </o
    เมื่อพิจารณาถึงคำทำนายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรัชกาลก็จะเห็นได้ชัดว่า คำทำนายนั้นถูกต้องเพียงใด
    <o </o
    รัชกาลที่ ๑. ผ่าน พระเจ้าตากสิน ขึ้นครองราชย์สมบัติ
    <o </o
    รัชกาลที่ ๒. ท่านว่างจากศึกสงครามก็หันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้พระสงฆ์ค้นคว้าพระธรรมวินัย รวบรวมกัน เป็นการใหญ่
    <o </o
    รัชกาลที่ ๓. ท่านมีหัวคิดริเริ่มหาเงินมาสร้างสรรค์บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้
    <o </o
    รัชกาลที่ ๔. ท่านสนิทธรรมก็เพราะพระราชาองค์นี้ทรงผนวชถึง ๒๗ พรรษา มีความคล่องตัวในพระธรรมวินัย ทรงไว้ซึ่ง พระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน และยังมีความสนิทสนมกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อย่างยิ่ง เป็นคู่บารมีกัน
    <o </o
    รัชกาลที่ ๕. จำแขนขาด เราเห็นได้ชัดมาก เพราะเราต้องเสียดินแดนไปหลายครั้งหลายหน โดยพระองค ์ทรงยอมเสียแขนขา ดีกว่าเสียตัวทั้งหมด คือยอมเสียผืนแผ่นดินบางส่วน เพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้
    <o </o
    รัชกาลที่ ๖. เป็นโจร เพราะทรงใช้จ่ายเงินในท้องพระคลังจนหมดสิ้น แต่อาตมาเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นนักชาตินิยม มีพระ ปรีชาสามารถปลุกใจประชาชนให้รักชาติบ้านเมือง เช่นมีเพลงบทหนึ่งทรงพระนิพน์ไว้ว่า "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะ ต้องบังคับขับไส เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำร่ำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย" ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงได้ทำทุกอย่าง ให้บุคคลอื่น เห็นว่า พระองค์ไม่ทรงถือพระองค์ เช่น แสดงมหรสพ เล่นโขนกับข้าราชบริพาร<o </o
    ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่ปรากฏแก่ชาวโลก โดยส่งทหารไปช่วยสงครามโลกครั้งที่ ๑ จึงจำเป็น ต้องใช้เงินมาก แม้จะใช้เงินมาก แต่ประโยชน์ก็เกิดแก่ประเทศชาติอย่างหนัก
    <o </o
    รัชกาลที่ ๗. นั่งทนทุกข์ พระองค์เสวยราชสมบัติอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอดี เงินในท้องพระคลังก็หมดมาแต่รัชกาลก่อนพระองค์ จึงทรงประทับอยู่บนกองทุกข์ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวน มาก เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาพระองค์ ต้องจำพระทัย สละราช สมบัติ ไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดน จนสิ้นพระชนม์
    <o </o
    รัชกาลที่ ๘. ยุคทมิฬ บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ ๒. ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตก อดอยากยากแค้น แสนสา หัส พระมหากษัตริย์ก็ถูกลอบปลงพระชนม์จนสวรรคต
    <o </o
    รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว เราก็เห็นแล้วว่าฝรั่งมาอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ล้วนแต่คนผิวขาวทั้งนั้น
    <o </o
    สำหรับรัชกาลต่อไปคือ รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล หมายความว่า บ้านเมืองเราได้ผ่านยุคเข็ญมาแล้วจะได้ประสบความ เจริญรุ่งเรืองกันเสียที เราจะมั่งคั่งสมบูรณ์เหมือนนานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย
    <o </o
    ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้นรึ?
    ปัญหาที่น่าคิดต่อไปก็คือว่า
    ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์จึงทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้น? กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง ๑๐ พระองค์เท่านั้นหรือ?
    <o </o
    เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับ หลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตของท่าน เป็นสมาธิ เข้า ถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่อง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆ องค์ในขณะนี้

    ทุกๆ รูป ที่อาตมาสอบถามจากท่าน ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า<o </o
    พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ พระองค์เท่านั้น
    แต่ที่พยากรณ์ ไว้เพียงแค่นั้น ก็เพราะว่า

    เริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐. เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทย จะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลาน ดังที่ แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก"<o </o
     

แชร์หน้านี้

Loading...