คู่มือรักษาโรคด้วย "พลังจักรวาล"

ก่อนหน้านั่นเธอก็ป่วยหนักอะเลยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
เธอลื่นล้มในห้องน้ำในโรงพยาบาล หัวฟาดพึ้น
ตอนแรกก็เลือดแค่ซิบๆ แต่ก็หัวไปกระแทกกับของแข็ง
ทำให้เลือดออกคับ
...ยังไงก็ช่วยรักษาต่อไปด้วยนะคับ อมุโนทนา..

 

จำเป็นต้องรักษาร่างกายไว้ไม่ไห้เสื่อมลงไปเรื่อยๆครับ ต้องค่อยๆรักษาครับ ส่วนหัวดูจะรุนแรงที่สุด ส่วนอื่นกลับไม่มีปัญหาอะไร ลองดูก่อนก็แล้วกัน ถ้ามีบุญวาสนาแล้วไซร้คงไม่ถึงกับเสียชีวิตไป

 

คนที่ฝึกจักระหรือกำลังบ้าตามกระแสนิยม อะไรๆ ก็จักระ จักระ พลังกสินแสงสว่างแท้ๆ ดันมาบอกว่าพลังจักรวาล คนที่ถ่ายทอดก็เป็นพระสงฆ์จากศรีลังกา แล้วเผยแพร่จากอาจารย์ชาวเวียดนาม แล้วนำกายภาพของมุนษย์ (Anatomy) มาประยุกต์ใช้กับ 7 จักระ กับการทำสมาธิ เพื่อบำบัดรักษาโรคต่างๆ ระวังตัวไว้เถิด รักษาผู้อื่นไม่ตรวจดูกฎแห่งกรรม ว่าเขามีวาระกรรมหรือวิบากรรมอะไรหรือเปล่า มีกรณีที่เกิดขึ้นไว้เป็นอุทาหรณ์ เศรษฐีนีคนหนึ่งอยากได้พลังจักรวาล พาครอบครัวไปเรียนถึงประเทศสเปนกับอาจารย์เวียดนามท่านนี้แหละ เสียเงินเป็นล้าน เพราะสมัยก่อนเขาไม่เปิดกว้าง บอกแต่วิธีรักษา แต่ไม่บอกวิธีแก้กฎแห่งกรรม จบขั้นสูงสุดกลับมารักษาผู้ป่วยโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่ดันไปได้ผลวิบากกรรมเขามา เลยต้องพิการเป็นอัมพาธ ปากเปรียว เดินไม่ได้ หาหมอกี่หมอ ไปหาเจ้าตัวถึงที่แล้ว ก็ยังไม่หาย นี้นะหรือพลังจักรวาล พลังบริสุทธิ์เขาต้องสามารถชำระล้างสิ่งเหล่านี้ได้ นั่งหลอกลวงอยู่ได้พลังบ้าบอ

 

นี่เป็นข้อเสียอีกข้อของพลังจักรวาล
เรียนผูกแล้วต้องเรียนแก้

ไม่แน่ใจว่าผู้เรียพลังจักรวาลรดับสูงๆ ได้เรียนแก้ในเรื่องเหล่านี้หรือไม่
ผู้ที่เริ่มเรียนระดับต้นๆ ไม่มีโอกาสรู้เรื่องเหล่านี้เลย
แม้แต่วิธีป้องกันตนเอง

ยังดีที่ ที่มีข้อห้ามเรียกรับเงินทอง ทุกอย่างทำด้วยความเมตตา
นี่เป็นเกราะป้องกันได้ชั้นหนึ่ง
แต่ถ้าเจอเจ้ากรรมนายเวรที่เจ็บแค้นเอาเป็นเอาตาย
เกราะนี้ช่วยไม่ได้เลย

ทุกคนเรียนรู้เพิ่มเติมด้วย
การส่งพลังรักษาทางไกล เช่นรายที่กำลังทำอยู่
ยิ่งเปิดจุดอ่อนในตัวมากขึ้น
ใครที่ไม่พร้อมและเรียนมาไม่ถึง
โปรดวางตนในอุเบกขา

โดยฉพาะในรายนี้
มีความแปลกๆ และกำกวมในโรคภัย(ไร้รายละเอียด)
เหมือนส่งพลังไปใส่ขุนเขาและท้องทะเล

 

ไม่ว่ากรรมของใคร เราไม่สามารถไปลบล้างกรรมของเขาได้เพียงแต่ช่วยแนะนำให้เขาชำระล้างกรรมของเขาด้วยตัวเขาเอง สิ่งที่ท่านรู้มาใช่สิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ กรรมที่ท่านกล่าวถึงเป็นเพียงนามธรรมเท่านั้น หรือท่านสามารถรับรู้ถึงกรรมของผู้อื่นได้ ไยท่านไม่ใช่ผู้วิเศษกว่าผู้อื่นกว่าผู้อื่นแล้วหรือไร

 

นี่คือรายละเอียดที่ลึกซึ้ง ตามที่ท่าน suwi กล่าวถึงครับ ขอขอบคุณที่ช่วยอธิบายในรายละเอียด ทุกครั้งที่ผู้เรียนพลังจักรวาลในระดับสูงมักจะลืมสิ่งที่ท่านกล่าวถึง ส่วนใหญ่ในระดับต้นๆ จะไม่มีการอธิบายถึงรายละเอียด ผมจะแนะนำให้แก่ผู้ที่เรียนในระดับสูงขึ้นครับ ขอบคุณครับที่แนะนำ

 

คุณ triangle-w<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_890344", true); </SCRIPT> หากคุณเป็นนักปฏิบัติธรรมหรือครูพลังจิต คุณควรต้องเข้าใจด้วยปัญญาญาณจากการฝึกฝนด้วยตัวคุณนั่นแหละ เพราะพลังเหล่านี้ถูกแฝงมาด้วยพลังสิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ หากฝึกฝนร่วมกับกรรมฐานและวิปัสสนาให้เกิดบารมีแก่กล้าพอที่จะรักษาผู้อื่น ก็นับว่าจะประเสริฐยิ่ง เพราะอย่างน้อยที่สุดคุณก็สามารถตรวจสอบกรรมของเขาก่อนที่จะรักษา ว่าได้หรือไม่ได้ ตามวิถีกฎแห่งกรรม หากคุณไม่มีพระญาณยั่งรู้เรื่องนี้ ก็เลิกที่จะรักษาผู้อื่น แล้วหันมารักษาตัวเองแทนน่าจะดีนะครับ ผู้ป่วยเมื่อร้อนทุกข์เขาก็ต้องการที่จะหายกันทุกคนไป แต่เมื่อหายแล้วส่วนใหญ่ก็ไม่สนใจที่จะไปสร้างบุญสร้างกุศล ปล่อยไปตามยถากรรม คุณกล้าที่จะรักษาผู้ป่วยรายนี้ไหมละ เขาต้องทนทุกข์อันผลการรักษาผู้อื่นให้หายป่วยมาก็มากแล้ว แต่ต้องมารับผลกรรมเรื่องนี้ พึงเป็นอุทาหรณ์สำหรับครูผู้ฝึกพลังจิตด้วย อย่าอวดอุตริคิดว่าตนเป็นผู้วิเศษ เที่ยวรักษาคนแบบสุ่มสี่สุ่มห้า กล้ารักษาไหมละ

 

ผมว่ายังไงก็เป็นการช่วยด้วยจิตเมตตา การที่ผู้ป่วยมีบุญสัมพันธ์กับผู้รักษา ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ในกรรมด้วย การที่ผู้รักษาได้รับกรรมมาจากผู้ป่วยก็ถือเป็นการเกี่ยวข้องกันเนื่องจากกรรม ไม่ว่าจะเป็นกรรมในปัจจุบันหรืออดีต
หากผู้รักษาเป็นผู้ที่ดำเนินหนทางในธรรมะ และ สมาธิบำบัดแล้ว ย่อมต้องฝ่าฟันอุปสรรค และพัฒนาตนเองได้จากปัญหาต่างๆ และพร้อมรับสภาพในสิ่งที่ตนเองได้ทำการใดๆลงไป
ถ้าไปรักษาโดยได้รับกรรมกลับมา ก็ถือว่าเป็นเมตตาที่ไม่เหมาะสม ไม่ได้ดูกำลังหรือภาวะของความสามารถตัวเอง ก็เป็นกรรมในปัจจุบันไป
อีกอย่างการรักษาคนด้วยพลังจักรวาล ผมว่าเป็นการบำบัดแพทย์ทางเลือกทางหนึ่งเท่านั้น ต้องมีอุเบกขาด้วย ไม่งั้นแพทย์ที่รักษาคนป่วย ก็ได้รับกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรกันหมด
มีวิธีป้องกันตัวเองตอนรักษาอีกอย่างหนึ่งที่ผมใช้ คือการอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว กางพลังรูปปิรามิดสีทอง ไว้คลุมตัว ยามรักษา อีกอย่างหนึ่งคือ อยู่ในศีลธรรมและสวดมนต์เป็นเกราะป้องกันตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ผมว่านี่เป็นแนวทางของผู้ที่จะเป็นนักบำบัดที่ควรจะปฏิบัติและฝึกฝนเป็นประจำ( ผมว่าบางท่านที่ได้รับผลเสียมาก อาจไม่ได้ปฏิบัติสม่ำเสมอก็เป็นได้) ซึ่งทั้งหมดล้วน เป็นโจทย์ที่ดีอย่างหนึ่งของการฝึกจิตที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอนี่คือ สิ่งสำคัญ

 

ผมต้องบอกรายละเอียดของโรคที่คนป่วยประสบยังไงอะ
ผมบอกเท่าที่ผมรู้อะ

หมอบอกญาติว่า สายอาหารเริ่มตีกลับแล้ว
และตอนนี้ จิตของเธอมาอยู่ในร่างของน้องคนนึงคับ เป็นคนรู้จัก
มาหาผมสองวันแล้ว
เธอบอกว่า รู้สึกชาๆที่หัว มีมึนๆบ้าง กลางคืนจะเจ็บ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะท่านอาจารย์ทั้งหลายช่วยหรือเป็นเพราะฤทธิ์ยาชาที่คุณหมอให้กับคนป่วย
ขออมุโนทนาคับ...
ช่วยส่งพลังต่อไปด้วยนะคับ
ผมจะเล่าอาการต่อ

 

คุณคงคิดว่าสิ่งที่คุณกล่าวมานี้ถูกเสียทั้งหมด ผมก็ไม่สามารถจะไปทำในสิ่งที่คุณคิดว่าผิดให้ถูกได้ครับ กรณีที่คุณกล่าวถึงไม่ใช่ว่าจะไม่เคย เกิดขึ้น เพียงแต่ว่าคุณมั่นใจได้เต็ม 100 หรือไม่ว่าเกิดจากการที่เขาผู้นั้นไปเที่ยวรักษาผู้อื่นแล้วทำให้เขาต้องไปรับวิบากกรรมของผู้อื่นมาแทน ผมก็ไม่เคยเอ่ยอ้างว่าตนเป็นผู้วิเศษเหนือผู้อื่น สิ่งที่กระทำอยู่ขึ้นอยู่กับอะไรผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกคุณครับ ว่าผมทำไปเพื่ออะไร ผมจะรักษาคนป่วยหรือสร้างอะไรก็ตาม ผมก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาติใคร เพียงแต่ผู้ที่มาให้ผมรักษาหรือแนะนำทุกท่านย่อมมีบุญสัมพันธ์กันอยู่ครับ เขาเคยอธิษฐานบ้างหรือเปล่าครับ คนเราใจเพียงไม่ได้มีจิตคิดอกุศลก็คงเพียงพอแล้วหละครับ คุณคิดว่าคนเราเกิดมาชาตินี้ชาติเดียวหรือ ชาติที่แล้วเขาทำอะไรไว้คุณสามารถรู้แจ้งได้ว่าสิ่งที่เขากระทำเป็นเช่นไร แล้วผลกรรมที่ได้รับในปัจจุบันเกิดจากการทำกรรมในชาตินี้หรือชาติที่ผ่านๆมา เป็นเพียงนามธรรมเท่านั้นเอง ถ้าอยากรู้จริงลองไปหาแม่ชี ทศพร ดูซิครับ แล้วคุณจะเชื่อไหมเอ่ย ลองถามใจตัวเองดูก่อนว่า คุณปรารถนาสิ่งใดเมื่อคุณสิ้นชีพไปแล้ว กรรมเป็นตัวกำหนดครับมีเหตุก็ต้องมีผลตามมาด้วยครับ อย่าเพิ่งตัดสินอะไรโดยที่ตัวเองยังไม่เข้าใจในสิ่งนั้น

 

กล่าวได้ถูกต้องแล้วครับ

 

ถึงคุณ triangle-w และคุณ ongsoffer หมอรักษาผู้ป่วยยังต้องเรียนมาอย่างน้อย 6 ปี ต้องเทริน์อีกสองปี กว่าจะรักษาคนป่วยได้ ต้องใช้เครื่องมือชนิดต่างๆ ในการวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุของโรคภัยที่เบียดเบียนได้อย่างชำชอง การรักษาด้วยพลังจักรวาลก็เช่นกัน มันเป็นเรื่องของพลังจิตบำบัด คนละเรื่องกับแนวทางของหมอรักษาผู้ป่วย โปรดใช้ปัญญาแยกแยะหน่อย หลักสูตรที่คุณเรียนรู้เหมาะสมแล้วหรือยัง ใช่ว่าผมจะไม่เคยเรียนมาก่อน เรื่องราวต่อไปนี้ย่อมเป็นอุทาหรณ์สำหรับครูฝึกพลังจิต เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2544 ราว 5 ปีผ่านมา ครอบครัวของเพื่อนผมทั้งลูกสาว ลูกชาย พ่อและแม่ ต่างสนใจพลังจักรวาลสมัยที่ยังไม่เฟืองฟู จึงได้ตกลงใจที่จะร่ำเรียนกับอาจารย์ชาวเวียดนามท่านนี้ ที่ประเทศสเปน ครอบครัวนี้เรียนจนจบขั้นสูงกันทุกคน เธอก็เล่าให้ผมฟังว่า ครอบครัวตอนนี้ประสบเคราะห์กรรม ทนรับสภาพไม่ได้ที่แม่ต้องกลายเป็นอัมพาธ ปากเปรียว พูดไม่ได้ ความจำเสื่อม ฟังแผ่วเบา สาเหตุมาจากแม่ไปรับรักษาคนรู้จักแล้วหายจากโรคภัยด้วยพลังจักรวาล จึงบอกต่อๆ กันไป จนกระทั่งรักษาผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงธุรกิจและนักการเมืองหายไปหลายคน จนมีชื่อเสียงโด่งดังมากในขณะนั้น หลังจากนั้น 3 ปี อยู่ดีๆ แม่ก็ล้มป่วยกระทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งๆ ที่เป็นคนแข็งแรงและปกติดี ที่สำคัญแม่เป็นคนดีสร้างแต่กุศลกรรมและเป็นนักปฏิบัติธรรม เธอก็เล่าต่อว่าเธอเองก็เรียนพลังจักรวาลจนจบขั้นสูง แต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์มากนัก เพราะมัวแต่ยุ่งกับการเรียนโทและงานประจำ เลยปล่อยให้แม่รักษาไปเรื่อยๆ โดยไม่เฉลียวใจ ทั้งๆ ที่ตนเองมีทั้งพลังจักรวาลและวิชชาสาม ที่สามารถหยั่งรู้ยถากรรมเช่นเดียวกับแม่ชีทศพร ผมเองก็เรียนพลังจักรวาลจากเธอ ตอนที่พบกันก็มาเรียนพระกรรมฐานและวิปัสสนาด้วยกัน ที่วัดดังแห่งหนึ่ง เธอเป็นคนเก่งมากทีเดียวชนิดหาตัวจับอยาก เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะประสบเคราะห์กรรมกับครอบครัวเช่นนี้ ทุกคนร้อนใจไปหมด ไปหาพระเกจิอาจารย์ดังๆ หลายๆ คนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นเพราะไปตัดกรรมเขา แล้ววิบากกรรมก็ย้อนในจังหวะที่ตนเองดวงตกด้วย ซึ่งเธอเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ตอนเรียนกับอาจารย์ชาวเวียดนามท่านนี้ ท่านไม่ได้สอนให้วิธีแก้ไขเรื่องนี้ สอนให้รักษาโรคภัยได้ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็ติดต่อเพื่อให้ท่านช่วย แต่ก็สายเกินแก้ แม่ต้องต้องทุกข์ทรมานมานานสองปีแล้ว ส่วนอาจารย์ท่านนี้ก็มาเสียชีวิตเมื่อเร็วๆ นี้เอง เธอกำชับผมอยู่ตลอดเวลาให้ผมเรียนพลังจักรวาลกับเธอเพื่อรักษาตัวเอง อย่าได้ไปรักษาใคร เพราะว่าบางครั้งคนเราแม้จะมีสิ่งสิทธิ์ศักดิ์คุ้มครอง ต่อให้เกราะเพชรเจ็ดชั้น ปิรามิดทองร้อยแปดยอดก็เถอะ ก็ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงกรรมได้ เมื่อถึงคราวดวงชะตาตก เคราะห์กรรมก็มาเยือน ทุกวันนี้เธอเองก็สอนพลังจักรวาลที่วัดให้กับนักปฏิบัติธรรมที่สนใจเพื่อให้ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ หนทางเหล่านี้เป็นเพียงแค่โลกียะเท่านั้น ไม่ได้นำพาพระสัจธรรมเพื่อการหลุดพ้น ในเมื่อท่านเป็นครูฝึกแล้วรักษาผู้อื่นโดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้อย่างที่ท่านว่า ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไม่เกิดขึ้นกับตัวท่าน อย่างน้อยที่สุดผู้อ่านที่สนใจเรื่องพลังจักรวาล ได้รับรู้เรื่องราวเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจ ก็ขอให้ท่านจงอย่าทำตัวเป็นผู้วิเศษ เป็นเพียงแค่คนพิเศษก็เพียงพอแล้ว และที่สำคัญจงอย่าแสวงสิ่งนี้เพื่อลาภสักการะ ก็จะนับว่าประเสริฐยิ่ง ก็ขอให้ท่านเจริญในเส้นทางทำมาหากินของท่าน

 

ต้องถือว่าเป็นอุทาหรณ์ทีดีสำหรับทุกท่านด้วยครับ บางครั้งการรักษาด้วยพลังจักรวาลหรือไม่ว่าใช้วิชาใดก็ตามให้แก่ผู้อื่น จำเป็นต้องรู้จักตัวเองและความสามารถของตัวเองด้วยในระดับหนึ่ง การรักษาผู้อื่นเพื่อหวังใน ลาภสักการะทั้งหลายเพียงแค่ได้รับคำสรรเสริญเยินยอ ก็เป็นอีกประการหนึ่ง สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากตัวเราเป็นผู้กำหนด คงต้องขอกล่าวไว้เพียงเท่านี้ ไม่ว่าท่านใดก็ตามถ้ามีความรู้ความสามารถมากเพียงใดควรที่จะรู้จักเรียนผูกแล้วต้องรู้จักเรียนแก้ด้วย เพื่อเป็นประโยชน์ ใช่เพื่อเพียงตัวเองแต่เพื่อผู้อื่นด้วยครับ สิ่งทั้งหลายที่ผมได้กระทำอยู่นี้ ผมได้ทดสอบกับตัวเองและผู้อื่นแล้วจึงได้แนะนำให้แก่ผู้ที่สนใจ เพื่อเป็นวิทยาทาน มิใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน การที่คุณมีความสามารถที่จะช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว เพียงแต่เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวแล้วจะมีประโยชน์อันใด แม่ชี ทศพร รู้ถึงวาระกรรมของแต่ละท่าน และสามารถช่วยแนะนำให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงวิธีแก้ไข ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีหรอกหรือ ถ้าเป็นเช่นนี้ท่านไม่ใช่ตัดวิบากกรรมของผู้อื่นหรือกระไร ลองตรองดูก่อนเถิด
หมอที่จบมาสูงๆมีมากมาย แต่มีสักกี่ท่านที่รักษาให้กับผู้อื่นโดยที่ไม่คิดถึงเรื่องเกี่ยวกับเงินทองและชื่อเสียง บางท่านไม่มีจรรยาบรรณ เอาเสียเลย ถ้าเช่นนี้แสดงว่า ผู้ป่วยที่มีเงินทองมากมายจึงจะสามารถรักษากับหมอที่เก่งๆได้กระนั้นหรือ ไม่ว่าคุณจะนั่งสมาธิเก่งถึงระดับไหนจนจบถึง ฌาณ 8 หรือถึงขั้นถอดจิตได้ก็ตาม แต่ถ้าคุณมีจิตใจที่มีความเห็นแก่ตัวแล้ว จะมีประโยชน์อันใด จุดมุ่งหมายของแต่ละท่านนั้นต่างกันครับ

 

ผมเรียนวิชาพลังจักรวาล มาเป็นระยะเวลเ 9 -10 ปี ได้เรียนรู้ได้สัมผัส ถึงแม้จะยังไม่สามารถเข้าใจได้หมดทุกขั้นตอนของวิชา และความสามารถมีอยู่แค่ระดับหนึ่ง ยังมีพี่ๆอีกหลายท่านที่มีความสามารถมากกว่าผมมากนัก สำหรับผมก็แค่เป็นความรู้เล็กๆน้อยๆเท่านั้นเองครับ แต่ขอไม่เอ่ยชื่อท่านเหล่านั้นครับ และอีกประการมีผู้ที่เรียนวิชานี้เฉพาะเมืองไทยมีไม่น้อยกว่า 10,000 คน คงต้องขึ้นกับกรรมใครกรรมของคนนั้นครับ และเมื่อถึงจุดสุดท้ายของชีวิต คงต้องให้สิ่งนี้เป็นวิธีตัดสินว่าสิ่งใดถูกหรือผิดแล้วกระมัง อย่าใช้ความเป็นคนตัดสินเลย

 

เป็นกำลังใจให้นะ จ๊ะ

 

มีเรื่องอยากเล่าให้ฟัง
เมื่อประมาณ 8-9 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นเพิ่งเริ่มฝึกวิทยายุทธ์

เห็นท่านผู้เฒ่า รักษาโรคให้ผู้คน ในโรคแปลกๆ เห็นหายอย่างง่ายดาย
ในบางกรณี เห็นท่านต้องตั้งโต๊ะ เปิดศาล แบบเดียวกับท่านเปาฯ
มีการว่าความกันในการกระทำที่มีการล่วงละเมิด และความแค้น
มีทั้งความอาญา และความแพ่งที่ยอมความกันได้

พวกที่ทำความผิดกับคู่กรณี
บ้างกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ขอโทษขอโพย ชดใช้ในสินไหม
อาการเจ็บไข้ก็หาขาดในเวลาไม่นานนัก บ้างก็หายในเวลานั้น

แต่บางพวกกระทำผิดโดยจงใจ เป็นอาญาที่ยอมความกันไม่ได้
ท่านก็ขอต่อรอง ยืดวลา ให้สำนึกในความผิดที่กระทำ พร้อมชำระสินไหมทดแทน
บางกรณีในระหว่างยืดเวลา คู่กรณีเกิดเปลี่ยนใจ ร้องขอสนไหมทดแทนเพิ่มเติม
พวกนี้ก็รอดตัวไป (ความผิดยังมี แต่รอลงอาญา)

คีเวิร์ดของเรื่องคือ "เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร"
แต่ผู้ใดเล่าจักสามารถแสดงธรรมที่ลึกซึ้งนี้ ให้เป็นที่ยอมรับของคู่กรณี
ถ้าทำได้เรื่องก็จบโดยง่าย

ในการว่าความ ในความป่วยไข้ของผู้หลักผู้ใหญ่
เช่น ในเรื่องของผู้ยิ่งใหญ่คับแผ่นดิน มีการเบียดบังทรัพย์แผ่นดินไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนอย่างน่าเกียด
แต่ไม่อาจเอาผิดได้ นั่นเป็นเพราะ
แผ่นดินเป็นหนี้เขาอยู่ เขามาขอคืนส่วนที่เขาควรได้ (เขาเคยทำงานใหญ่ให้แผ่นดินด้วยชีวิต)

แต่บางท่านเบียดบังในส่วนที่ไม่ควรได้ มีผู้ฟ้องร้อง เมื่อต้องอาญาแผ่นดิน
คนพวกนี้ เมื่อถูกพิพากษาแล้วโดย สภาสยามเทวาธิราช
คนพวกนี้จะถูกประทับตราแผ่นดินที่กลางหน้าผาก
และได้รับพรพิเศษจาก พระสยามฯ

ให้เป็นผู้มีอายุยืนยาว นั่งกินนอนกิน
ไม่ต้องทำกิจใดๆแม้เรื่องส่วนตัว ล้วนมี ผู้ทำ/ผู้คิด แทนทั้งสิ้น
ความไข้ก็ไม่รู้หาย ความตายก็ไม่ปรากฏ ฯลฯ

คนพวกนี้ท่านผู้เฒ่าสั่งนักสั่งหนาว่า
ถ้ามาให้รักษา ถ้าเลี่ยงได้ให้เลี่ยงเสีย
ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้รักษาไปตามเรื่อง แล้ววางอุเบกขา อย่าได้ต่อความยาวสาวความยืด
อย่างไรคนพวกนี้ เมื่อรักษาอาการก็จะดีขึ้น(เหมือนจะหาย) แล้วทรงอยู่ แล้วทรุดหนัก แล้วก็จะกลับดีขึ้นอีก เมื่อมีผู้มารักษา เป็นวัฏจักร

ความเจ็บไข้นี้มีผู้รักษาควบคุมให้เป็นไปตามโองการ
เราผู้ไม่เกี่ยวของ แต่ใช้อำนาจของพลังฝีมือที่ฝึกได้
เข้ารักษาแบบเอาจริงเอาจัง
ระวังจะต้องอาญาไปด้วย ด้วยข้อหาขัดอาญาแผ่นดิน
ได้แบ่งเบาโทษ ได้นั่งกินนอนกินไปด้วย

ไม่คุ้มเลย

 

Happy New Year ค่ะ ที่เป็นโรคให้หายจากโรคค่ะ ที่โศกขอให้หยุดโศก มีความสุขตลอดปี 2008 ค่ะ ขอให้ทุกคนรักกันค่ะ รักทุกคนค่ะ จุ๊บ ๆ

 

ใช่เลยครับเห็นด้วยอย่างยิ่ง ปีใหม่แล้วเราต้องทำตัวใหม่เป็นคนใหม่
"ให้รู้รักสามัคคี" ตามคำสอนของพ่อนะครับ อย่าทะเลาะกันนะเด้อ!!!

รักกันไว้เถิดเราเกิดร่วมแดนไทย จะเกิดภาคไหนๆ ก็ไทยด้วยกัน...

ปีใหม่นี้ขออวยพรให้ทุกท่านจงร่ำรวย ๆ กันทุกคน
หายทุขก์ หายโศก หายโรคหายภัย เสนียดจัญไรไปไกลๆ ชิว ชิว

 

​

พระโพธิสัตว์​

ไม่จำเป็นต้องเป็นนักบวชหรือนักพรต
หรือเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง
เป็นใครที่ไหนก็ได้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและต่อเนื่อง
ก็ย่อมได้ชื่อว่า พระโพธิสัตว์​

เป้าหมายสูงสุดคือ
การได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพุทธะ​

เพียงแต่ตั้งใจอธิษฐาน
หรือตั้งปฏิญาณ (ปณิธาน)
ต่อสิ่งที่ตนเชื่อมั่น
หรือต่อจิตใจของตนเองว่า
ปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์
โดยไม่เลือกว่าเป็นใคร
ที่ไหน
และเวลาใด​

แล้วมีความจริงใจจริงจัง
ด้วยความมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายเต็มเปี่ยม
ไม่ย่อท้อ ไม่หย่อนยาน
ด้วยความมั่นคง ไม่หวั่นไหว ไม่โยกคลอน
ดังคำคมที่ว่า​

"ภูผาสิงขรไม่สั่นไหวด้วยแรงลมฉันใดแล้ว
จิตเมตตาแห่งปณิธานโพธิสัตว์
ย่อมไม่สั่นไหวด้วยความสงสัยลังเลฉันนั้น"​

(จาก http://www.tewaracha.com/ceremonial-who-potisut.shtml)​

..........................................
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๑​

ขอบุญญาภินิหารแห่งพระโพธิสัตว์
ดลบันดาลให้ทุกคนมีจิตที่งดงาม
เยี่ยงจิตพระโพธิสัตว์​

บุญรักษา-ธรรมะคุ้มครอง
ทุกคนจ้า​

สาธุ...สาธุ...สาธุ...
..........................................​

อ่านต่อที่นี่ http://sweetjiab.multiply.com/photos/album/33​

 

สวัสดีปีใหม่

ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญ​

คิดสิ่งใดสมดั่งความปรารถนา​

ในปี พ.ศ 2551​

​

อาจารย์ ด๋าง ท่านอยู่ก้บเราเสมอ​