คุณคิดว่า อะไรคือ สาเหตุของน้ำจำนวนมหาศาลในปี 2554?

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 14 ตุลาคม 2011.

  1. oon_dee

    oon_dee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +24
  2. pipatz

    pipatz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +199
    สภาพของภูมิอากาศที่แปรปรวน ปรากฎการณ์ลานินญ่า ผลพวงของเอลนินโญ่ รวมถึงสภาพใต้ผิวโลกที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ส่งผลให้ชั้นบรรยากาศมีปัญหา โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ทำให้เกิดฝนตกผิดฤดูกาล ผิดปกติ

    การทำลายป่าไม้ ทำให้ขาดสภาพของดินซึ่งอุ้มน้ำ การสร้างเขื่อนแต่บริหารจัดการน้ำไม่สอดคล้องกับสภาพของภูมิอากาศภูมิประเทศ การทำสิ่งปลูกสร้างกีดขวางทางน้ำไหลตามธรรมชาติ
     
  3. pongsakn

    pongsakn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +12
    เหตุมาจากคนทั้งนั้น ที่ไปเบียดเบียนไปทำลายธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ทั้ง ๆ ที่มีกฎหมายมากมายคุ้มครอง แต่ก็ยังมีคนที่อยู่เหนือกฎหมายเข้าไปทำลาย ใครที่อยู่เหนือกฎหมาย หากไม่ใช่นักการเมืองข้าราชการที่มีอำนาจที่มักละเมิดกฎหมายก็มีผู้มีอิทธิพลนายทุนนักธุรกิจที่ร่ำรวยใช้เงินให้นักการเมืองและข้าราชการทำลายธรรมชาติสิ่งแวดล้อมจนเสียดุลไป ธรรมชาติจึงต้องปรับความสมดุลให้โลกนี้อยู่ได้โดยเกิดเหตุเภทภัยต่าง ๆ มากมายที่มนุษย์ไม่สามารถต่อต้านได้ ครั้งนี้แค่ทดสอบ ของจริงคงมาเร็ว ๆ นี้แน่นอน
     
  4. runo

    runo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +1
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
     
  5. noobowza

    noobowza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +27
    ทำไมหลายท่านถึงบอกว่าเพราะกรรมรวมของการผิดศีลข้อกาเม ไว้เยอะหล่ะคะ...คือเกียวกันกับน้ำท่วมยังไงหรอคะ ข้ออื่นไม่มีผลหรือ...อยากทราบจริงๆค่ะ
     
  6. lekponnipa

    lekponnipa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    สงสัยว่าทำไมจากครั้งพายุนกเต็น มีการเก็นกักน้ำในเขื่อนเก็บไว้ไม่ได้ระบาย...หลังจากนั้นพายุหลายลูกตามต่อมาและต่อมา ครั้งแรกปลอดประสพบอกปล่อยให้น้ำล้นเขื่อนเหมือนฝายน้ำล้น ซึ่งเป็นตรรกะที่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะคิดได้...และในที่สุดเขื่อนจะแตกถ้ายังรองรับแรงดันน้ำที่เพิ่มขึ้นทุกวัน..จนในที่สุดทุกเขื่อนที่เต็มต้องปล่อยน้ำลงมาพร้อมกัน...และการจัดคันกั้นน้ำไว้ประเมินน้ำไว้ต่ำมาก และในที่สุดในพริบตาทั้งอำเถอที่เป็นทางผ่านถูกน้ำสูงสองถึงสามเมตรซัดจมเมือง..และคนเหล่านี้ยังไม่สามารถ ช่วยเหลือใดๆได้ จนร้อนถึงพระองค์ท่านที่ต้องมาคิดหาหนทางผันน้ำให้....อาเพศ ที่เกิดเพราะคนที่ไร้ศีล หมิ่นพ่อหลวง คิดจะมาทำลายพ่อของแผ่นดิน และความโลภของเขาทั้งหลายก็ได้ทำลายตัวเองเช่นกัน แต่คนชั่วเหล่านั้นก็ไม่ได้หยุดชั่วลงเลย
     
  7. ญานทิพย์

    ญานทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +404
    มนุษย์ผู้อ้างตัวว่าเป็นสัตว์ประเสริฐแต่กลับเป็นผู้ที่ทำลายเก่งที่สุดในโลก
     
  8. beersing59

    beersing59 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +25
    อุเบกขา เต็มเปี่ยม แต่อยากกด like 55 ตลกดี ขอแชร์นะครับ
     
  9. ชั

    ชั Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +48
    เกิดจากการพัฒนา ของบ้านเมืองเรา สร้างสิ่งต่างๆโดยไม่มีทางระบายน้ำ น้ำไม่มีทางออก มันไม่เกี่ยวกับ 2012 หรอกครับ ...เหตูผลง่าย แต่มนุษย์ทำมึน ทำงง..
     
  10. keroro2

    keroro2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +203
    ขอตอบ แบบ ไม่เอาวิชาการและเหตุอะไรทั้งนั้น เพราะ นายก
     
  11. ป้าเม้า

    ป้าเม้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +166
    ขอแชร์ด้วยคน ตลกดีค่ะ :cool:
     
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทำลายวิถีน้ำ เหมือนดังทำลายตน


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>[​IMG]</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>




    </TD><TD vAlign=middle align=left><SCRIPT src="https://ssl.gstatic.com/webclient/js/gc/24479126-6666cb8c/googleapis.client__plusone.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>

    <SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT>





    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย : ปิ่น บุตรี pinn109@hotmail.com


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>วิกฤติน้ำท่วมเมืองไทยปีนี้ หนักหนาสาหัสนัก เป็นวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ที่กินพื้นที่ครอบคลุมไปทั้งประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ใน กทม.เมืองหลวง

    สำหรับการเกิดน้ำท่วมครั้งมโหฬารถล่มทลาย จนประชาชนเดือดร้อนไปแทบทุกหย่อมหญ้าในปีนี้ ปัจจัยหลักมาจากฝนฟ้า พายุ มรสุม ที่โหมกระหน่ำเข้ามา ในเขตภูมิภาคอินโดจีน มากเป็นพิเศษ ผิดแปลกไปจากวิถีธรรมชาติปกติ

    ซึ่งเมื่อย้อนไปดูถึงต้นตอ มันก็มาจากการกระทำของมนุษย์นั่นเอง โดยเฉพาะการตัดไม้ทำลายป่า ที่เป็นต้นเหตุสำคัญ ของทั้งปัญหาน้ำท่วม และน้ำแล้ง

    ส่วนปัจจัยเสริม มาจากการบริหารงานที่ผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ และล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    นอกจากนี้ ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา เรายังทำลาย “วิถีแห่งเมืองน้ำ” ที่บรรพบุรุษของเรา ได้สั่งสมภูมิปัญญาการกินอยู่ อาศัย ใช้ชีวิต กับสภาพธรรมชาติ ที่อุดมไปด้วยน้ำ ในที่ราบลุ่มสุวรรณภูมิ มานับร้อยนับพันปี

    วิถีน้ำ วิถีไทย

    “น้ำ” นอกจากจะเป็นดังชีวิตของคนทั่วโลกแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสยามประเทศ รวมไปถึงผู้คนในภูมิภาคแถบนี้อีกด้วย

    น้ำ นอกจากจะไหลรี่จากที่สูงสู่ที่ต่ำเข้าสู่แม่น้ำ ลำธาร ห้วยหนอง คลองบึง แอ่งหนองต่างๆแล้ว วิถีแห่งน้ำ ยังแทรกซึมซอกซอนเข้าไปอยู่ในวิถีไทยเต็มไปหมด

    ไม่ว่าจะเป็น ขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรม เกษตรกรรม งานศิลปะ บทเพลง งานสถาปัตยกรรม คติความเชื่อ และอื่นๆอีกมากมาย

    ยกตัวอย่างล่าสุด สดๆ ร้อนๆ กับเทศกาลงานออกพรรษา ที่หลายพื้นที่ ล้วนต่างมีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น บั้งไฟพญานาค ไหลเรือไฟ ลอยผาสาด ลากพระ หรืองานประเพณีแข่งเรือที่นิยมทำกันในช่วงน้ำหลากเช่นนี้

    ขณะที่ 2 งานประเพณีชื่อดัง ระดับเวิลด์อีเวนต์ของไทย อย่าง สงกรานต์ และลอยกระทงนั้น ต่างก็มีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยทั้งสิ้น

    สุโขทัย - อยุธยา เมืองอิงน้ำ


    มีคำกล่าวกันมาช้านานแล้วว่า วิถีของคนไทยนั้นเป็นดังสายน้ำ คือสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และสภาพแวดล้อม ได้เป็นอย่างดี

    ในอดีต การสร้างบ้านสร้างเมืองของผู้คน ในสยามประเทศ และในสุวรรณภูมิ ล้วนต่างอิงลำน้ำเป็นหลัก

    ไล่ไปตั้งแต่ชุมชนเล็กๆ ไปจนถึงเมืองขนาดใหญ่ ที่ต้องอิงแม่น้ำลำธาร เป็นเส้นเลือดหลัก เพื่อเอาไว้สำหรับ กินดื่ม ประกอบอาหาร ทำความสะอาด อาบน้ำ ซักล้าง ทำการเกษตร และการสัญจรคมนาคม

    ผังเมืองสุโขทัยโบราณ ราชธานีแห่งแรกของไทยนั้น นอกจากจะอ้างอิงกับลำน้ำยมแล้ว ยังมีการประยุกต์ผังเมืองพระนครของขอม มาปรับใช้ มีการขุดบารายหรือสระขนาดใหญ่ตามคติจักรวาล

    และเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้สอย ทำการเกษตร เป็นสระรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใกล้ๆ กับเขตวัดพระพายหลวง ยาวไปตามแกนตะวันออก - ตะวันตก

    นอกจากนี้ ยังมีการทำ ทำนบ ทำคันกันดิน กั้นน้ำ เป็นเขื่อนโบราณ สำหรับกักเก็บน้ำ และผันน้ำตามธรรมชาติ จากลำคลองใหญ่น้อย เข้าเมืองอีกทางหนึ่ง

    นับเป็นภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ที่สามารถนำวิถีของสายน้ำตามธรรมชาติ มาใช้ประโยชน์ได้อย่างแยบยล

    มาถึงในสมัยอาณาจักรอยุธยา วิถีความเป็นเมืองน้ำ แห่งสยามประเทศ ปรากฏชัดเจนมาก เนื่องจาก ตำแหน่งของกรุงศรีอยุธยาเมืองหลวง ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลาง อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มาก ประมาณ 2 เมตร มีแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเส้นเลือดหลัก กับคูคลองใหญ่น้อย อีกมากมาย

    ที่ราบลุ่มภาคกลาง เป็นพื้นที่รับน้ำสำคัญ ทุกๆ ปี ในช่วงหน้าฝน น้ำเหนือจะไหลบ่าลงมาพร้อมกับตะกอนธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ท่วมพื้นที่ราบลุ่มแห่งนี้ อยู่เป็นเวลาหลายเดือน

    ประชาชน ต้องปรับตัว เปลี่ยนมาใช้วิถีชีวิตที่ผูกสัมพันธ์กับสายน้ำ การสัญจร หันมาใช้เรือเป็นหลัก

    ขณะที่ บ้านเรือนของชาวบ้านส่วนใหญ่ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะเป็นบ้านเรือนไทยใต้ถุนสูง

    ยามปกติ ใต้ถุนจะใช้เป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์ เก็บเกวียน พักผ่อน และประกอบกิจกรรมสารพัดสารพัน

    แต่พอฤดูน้ำหลากท่วม พวกเขาจะปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอย มาไว้สำหรับจอดเรือแทน

    ครั้นพอน้ำลด ชาวบ้านก็กลับมาใช้วิถีชีวิตบนบก ที่ยังอ้างอิงกับสายน้ำอีกครั้ง นับเป็นวิถีปกติของคนไทยโบราณ ในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง ที่ดำรงคงอยู่ผูกพันกับสายน้ำ

    สามารถปรับตัวตามธรรมชาติ ใช้ชีวิตยามน้ำท่วมน้ำหลาก ได้อย่างเป็นปกติสุข และน่ายกย่องในภูมิปัญญา

    กรุงศรีอยุธยา ภูมิปัญญาแห่งเมืองน้ำ


    ประสบการณ์และภูมิปัญญาแห่งน้ำ ที่คนไทยสั่งสมมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี ทั้งการเลือกวางผังเมือง ในพื้นที่ราบลุ่มน้ำ ที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมสำคัญ เป็นอู่ข้าวอู่น้ำแห่งภูมิภาค

    ทั้งการดำรงวิถีชีวิต ปรับตัวให้กลมกลืนกับวิถีแห่งสายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการสัญจร การสร้างบ้านเรือน ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น

    นอกจากนี้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ยังมีการขุดคูคลองลัดเชื่อมลำน้ำ จากลำน้ำสายเล็ก ไปสู่ลำน้ำสายใหญ่ เพื่อนำไปสู่ทางออกทะเล

    ทำให้กรุงศรีอยุธยา กลายเป็นชุมทาง การคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ สามารถเดินเรือไปยังปากอ่าวไทย แล้วแผ่ขยายอำนาจ ลงไปจนถึงแหลมมลายูได้

    ขณะเดียวกัน ก็สร้างท่าเรือเศรษฐกิจไว้ที่ป้อมเพชร ให้เรือเดินทะเลของชาวต่างชาติ แล่นเข้ามาเทียบท่า นำสินค้ามาค้าขาย แลกเปลี่ยน โดยนำลงใส่เรือเล็ก ลำเลียงผ่านประตูน้ำ เข้าไปขายในเมืองอีกที

    นั่นจึงทำให้ มีเรือสินสินค้า เรือเดินทะเลของชาวต่างชาติ แล่นเข้า - ออกมา ค้าขายสินค้ากันอย่างคึกคัก

    ส่งผลให้กรุงศรีอยุธยา มีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าขาย อย่างมาก จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเชีย ในสมัยนั้นเลยทีเดียว

    สำหรับภูมิปัญญาแห่งเมืองน้ำ อันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่ง ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ก็คือ การรู้จักใช้คุณประโยชน์จากน้ำ ตามสภาพธรรมชาติ ในการป้องกันข้าศึกศัตรู

    โดยมีการสร้างตัวเมือง สร้างกำแพงเมืองล้อมรอบไว้ นอกเขตพื้นที่น้ำหลาก เมื่อพม่ายกทัพมาล้อมเมือง ไม่สามารถตีบุกฝ่ากำแพงเมือง เข้าไปในเมืองได้ ก็ต้องล้อมอยู่ด้านนอก

    พอน้ำหลากมา ก็ท่วมข้าศึก ศัตรู ล้มตาย ทำให้ต้องยกทัพกลับไป ซึ่งมีบันทึกว่า พม่าได้ยกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ ถึง 6 ครั้งเลยทีเดียว

    อย่างไรก็ตาม แม้กรุงศรีอยุธยา จะรู้จักใช้ประโยชน์จากสภาพน้ำหลาก ให้เป็นประโยชน์ แต่เมื่อผู้ปกครองอ่อนแอ และมีคนไทยด้วยกันเอง ทรยศขายชาติ ไปเปิดประตูเมืองให้พม่า สุดท้าย ก็ทำให้ตัวเมืองกรุงศรีอยุธยา ถูกเจาะ ถูกตีแตก นำไปสู่การเสียกรุงในที่สุด

    วิถีเมืองน้ำพ่ายเมืองบก

    จากกรุงศรีอยุธยา ผ่านมาสู่ยุคกรุงธนบุรี และยุคกรุงรัตนโกสินทร์ คนไทย ยังยึดความเป็นเมืองแห่งน้ำ มาสร้างบ้านแปงเมือง เหมือนเดิม

    สมัยกรุงธนบุรี มีการเลือกทำเลเมือง “บางกอก” ตำบลเก่าแก่ ที่เจริญเติบโตมาในสมัยสุโขทัย ที่อยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา คลองลัดที่ขุดขึ้นมาใหม่ เป็นเมืองหลวง

    ต่อมา ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ย้ายเมืองหลวง มาอยู่ทางฝั่งซ้าย ของแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “กรุงเทพมหานคร”

    บางกอกใหม่ หรือกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยแม่น้ำลำคลอง ทั้งลำคลองธรรมชาติ และคลองขุดอีกมากมาย รวมแล้ว มีนับร้อยนับพันสาย ไหลเชื่อมโยงถึงกัน จนต่างชาติขนามนามให้เป็น “เวนิสตะวันออก” ที่โด่งดังไปทั่วโลก

    แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน วิถีเปลี่ยน

    สยามประเทศ ค่อยๆ เปลี่ยนจากเมืองน้ำ มาเป็นเมืองบก ตามแบบตะวันตก วิถีชีวิตเมืองน้ำในอดีต ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นวิถีเมืองบก

    ถนน มาแทนที่แม่น้ำลำคลอง ทำให้แม่น้ำลำคลอง ถูกทอดทิ้งเน่าเสีย ลำคลองจำนวนมาก ถูกถมสร้างเป็นถนน รองรับจำนวนรถยนต์ ที่นับวัน มีแต่จะเพิ่มปริมาณมากขึ้น

    สังคมเกษตรกรรม ที่คนไทยเป็นหนึ่ง มีการสั่งสมภูมิปัญญามายาวนาน เปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมอุตสาหกรรม แบบก้าวกระโดด

    ทั้งๆ ที่รากฐานเรายังไม่แน่น ภูมิปัญญายังไม่แกร่ง เป็นได้แค่เมืองผู้ผลิต ป้อนให้ต่างชาติเจ้าของภูมิปัญญา

    แต่ดูเหมือนว่า ภาครัฐกลับกระเหี้ยนกระหือรือ ต่อการเป็นนิคของไทย ภายใต้เงาที่ทาบทับ ของการคอรัปชั่น และผลประโยชน์ทับซ้อน

    พื้นที่รับน้ำทำการเกษตรกรรม ในที่ราบลุ่มภาคกลาง โดยเฉพาะที่อยุธยา ถูกปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม

    ถนนคอนกรีต บ้านจัดสรร สิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก ถูกสร้างขึ้นมาขวางทางน้ำ บล็อกทางน้ำ แม่น้ำลำคลองหลายสายถูกถม ถูกรุกล้ำ ป่าไม้ถูกโค่นทำลาย

    ภูมิปัญญาบรรพบุรุษ โดยเฉพาะ ภูมิปัญญาแห่งเมืองน้ำ ที่เคยเป็นเอกอุ แห่งสยามประเทศ ถูกละเลย ถูกหลงลืม และถูกทอดทิ้ง

    จากน้ำท่วม ที่เคยเป็นมิตรในอดีต ได้กลายเป็นวิกฤตแห่งยุคสมัย ซึ่งหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ที่เป็นดังฝันร้ายผ่านพ้น รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องมีวาระแห่งชาติในการรับมือกับน้ำ ในปีต่อๆ ไป

    โดยอย่ามุ่งมองไปที่เมกะโปรเจกต์ โครงการหมื่นล้าน แสนล้าน เพื่อที่จะหวังเงินใต้โต๊ะแต่อย่างเดียว

    แต่หากควรมองไปถึง ภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ว่า ที่ผ่านมาคนไทยเรา มีวิถีผูกพันกับสายน้ำ ใช้ชีวิตร่วมกับสายน้ำอย่างกลมกลืน และมีความสุขอย่างพอเพียง มาได้อย่างไร
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=center> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>









    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  13. เอ-นก

    เอ-นก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +3
    ง่ายๆเลยครับ ก็ฝนตกเยอะ น้ำก็เลยเยอะ มันก็เลยท่วมเยอะ ก็แค่นี้เอง. ไม่เกี่ยวกับนายกหญิง เสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อหลากสี ไม่มีสี เพราะเรามีความคิดอย่างนี้ จึงหวาดระแวงกันจนลืมการพัฒนาประเทศ....ไม่มีหน่วยงานใดบูรณาการเพราะการเมืองก็มีแต่พวกประท้วง ต่างม่งแต่จะเอาชนะกัน กลไกต่างๆของรัฐแทบจะหยุดลงหมด 5ปี+- ที่ผ่านมาประเทศเราบอบช้ำเหลือเกินครับ..ผมขับรถมาทุกจังหวัดของภาคกลาง มองเห็นแม่น้ำลำคลองตื้นเขิน บ้างก็ถมที่คลอง รุกล้ำมากมาย ยกตัวอย่างให้เห็นสักสองจังหวัด เช่นแม่น้ำลพบุรี มีแต่ผักตบชวา ไม่เคยขุดลอก บางช่วงก็แคบเพราะลุกล้ำ พอประตูน้ำบางโฉมศรีแตกมันจึงเป็นอย่างที่เห็น เพราะเมื่อหลายปีที่ผ่านมาประตูนี้ช่วยชาวลพบุรีมากมาย และที่บึงบรเพ็ด จ.นครสวรรค์ รุกล้ำจนบึงแห่งนี้เหลืออยู่ประมาณ2ใน4 น่าจะประมาณหนึ่งแสนไร่ คุณลองคิดดูนะครับ เมื่อไม่มีที่ให้พักน้ำ น้ำก็จะหาทางออกโดยการบีบตัวสูงขึ้นตามที่คนเราถมดินให้สูงและไหลลงหาพื้นที่ต่ำอย่างลวดเร็วและแรง ดูที่ อ.ท่าตะโกสิครับท่วมถาวรมาหลายปีแล้ว...ที่กล่าวมานี้เพราะเรามัวแต่ทะเลาะกัน กัดกัน เอาความเห็นที่ตัวเองชอบบอกว่าถูก ผมจำได้ว่าเมื่อ5ปีที่แล้ว มีอดีตนายกท่านหนึ่งบอกจะขุดคลองเพื่อระบายน้ำจากเจ้าพระยาไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่ภาคกลาง มีแต่คนคัดค้านบอกว่าน้ำไม่ท่วมเยอะ แล้ววันนี้เป็นไงครับ ถ้าวันนั้นขุดไม่แน่ว่าปีนี้อาจจะเสร็จทันใช้งาน
     
  14. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    มันเป็นกรรมของมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ และคิดแต่ประโยชน์ส่วนตน ทำลายธรรมชาติธรรมชาติลงโทษ เอากลับคืนบ้าง มนุษย์เลยต้องเศร้ารับกรรมคะ หรือ พญานาค ทวยเทพเทวดาทรงฤทธิ์ธานุภาพชำระล้างประเทศไทย คะ สีนั่นสีนี่ ว่ากันไปด่ากันมา โดนธรรมชาติลงโทษ ไม่รู้จะด่าสีอะไร ชดใช้กรรมกันไป รู้รักสามัคคี พระบารมีปกเกล้าปกหัวก็รอดพ้นน้ำไม่ท่วมบ้าน แต่ก็น่ากลัวแผ่นดินจะไหวจะสรุป ดูภัยธรรมชาติลงโทษ ต่อไป อยากรอดพ้นก็ควรรีบสวดมนต์ไหว้พระ ขอขมากรรมต่อพระองค์ท่าน บุญรักษาคะ
     
  15. DukeSonic

    DukeSonic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +831
    <object width="640" height="360"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/GtgIVFKGoNo&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/GtgIVFKGoNo&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></embed></object>
     
  16. PaPaMade

    PaPaMade สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +11
    ผลของปัจจุบัน เกิดจากเหตุที่ทับซ้อน มากมาย
    หลายท่านอาจจะสาวเหตุย้อนหลังไปได้ หลายๆเหตุ
    และ สาวลึกลงไปได้หลายมิติของเหตุ
    อีกหลายๆ ท่าน อาจจะได้มากกว่า หรือน้อยกว่านี้
    ทั้งเหตุที่ ทำกันมาแต่อดีต สร้างกันในปัจจุบัน วางแผนไว้สำหรับอนาคต
    เราๆท่านๆ ทั้งหลาย ล้วนมีส่วนร่วม ไม่มากก็น้อย ในผลของปัจจุบัน
    เราไม่สามารถปฎิเสธ ผลที่เกิดขึ้น เพราะเราเป็นหนึ่งในผู้สร้างเหตุ
    ความซับซ้อนซ่อนเงื่อนปมต่างๆ ไม่ใช้ใครคนเดียวที่จะช่วยเหลือได้
    แต่ละคนมีหน้าที่ ที่จะสร้างเหตุ และทำลายผลที่เกิดขึ้นนั้นๆ ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
    เมื่อรวบรวมเหตุ เล็กๆน้อยๆ หลายๆเหตุ ผลนั้นจะใหญ่ขึ้นตาม
    หรือจะทำให้น้อยลง และศูนย์หายไปได้ด้วยเฉกเช่นกัน
    กลัวแต่ว่่า จะมีผู้ไปกดปุ่มแดง เมื่อเวลาต่างๆสุกงอมเท่านั้น
     
  17. rawats_99

    rawats_99 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องมีปัจจัยให้เกิด...ครับน้ำท่วมคราวนีก็มีเช่นกัน..แต่เราไม่มีประโยชน์อะไรที่ไปกล่าวโทษใครคนใดคนหนึ่งเพราะสุดทายคนเราทุกคนก็ต้องตายไม่ช้าก็เร็ว....แต่ไม่ว่าปีนี้หรือปีหน้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะรุ่นแรงเรื่อย..ไม่ต้องห่วงไม่ว่าคนดีมีศีลธรรมก็ต่างได้รับความเดือดร้อนกันทั่วหน้าต่างกันที่คนดีที่ไม่ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท..จะหลับจะตื่นก็สุข..จะเจอเหตุการณ์เลวร้ายก็ไม่กระทบกระเทือนมาก..คนที่ทำร้ายประเทศนี้..มีส่วนร่วมทำร้ายก็จะได้รับสิ่งที่ตัวเองกระทำ...แต่อย่างไปกล่าวโทษคนอื่นให้เสียเวลา...โทษตัวเอง..
     
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    น่าลองเก็บข้อมูลโดยสุ่มจากผู้รับความเดือดร้อนตามจังหวัดต่างๆ ที่น้ำท่วมว่าเขาเหล่านั้นได้กระทำ(บาป)อะไรมาบ้าง จนมาเกิดเหตุการณ์ที่เขาต้องทุกข์ทรมาน(วิบาก)จากอุทกภัยครั้งนี้
    แล้วมาวิเคราะห์เหตุที่แท้นั้นคืออะไร? ถ้าเดา ๆ ก็คงต้องเดาไปจนตาย และไม่อาจทราบความจริงว่ามันเกิดจากอะไร
    เช่น โค่นป่า ด่าเจ้า เผาเมือง เป็นต้น อาจมีการกระทำสิ่งที่ก่อโทษที่ลึกซึ้งกว่านี้ก็ว่ากันไป ข้อมูลที่ได้มาจากคนที่รู้สำนึกจะเป็นประโยชน์มากที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  19. camrymax

    camrymax นายองครักษ์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +1,257
    ทุกข์ ก็เกิดจากเราทุกข์ ต้นเหตุแห่งความทุกข์ ก็คือเรา เราเองเป็นผู้ทำลาย สิ่งต่างๆเหล่า นี้เอง ละครับ....
     
  20. merumas

    merumas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +222
    แชร์ด้วยๆ ตั้งแต่อ่านมาอันนี้ฮาสุดละ คลายเครียดได้นิดนึง :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...