คำตรัสของ พระศรีอริยเมตไตย

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย 12punna, 16 ตุลาคม 2006.

  1. rasananda

    rasananda สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +4
    A GRAY SCHIST STANDING FIGURE OF MAITREYA BODHISTTVA GANDHARA STYLE

    งานปั้นพระศรีอริยะเมตไตรย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    คห.นี้ชัดเจน ถ้าจะถกเถียงควรนำอรรถคถามาด้วยเช่นนี้ ว่าเล่มไหน

    ---------------------

    เห็นด้วยเต็มๆ โลก 1 ใบ จะไม่มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้มากกว่า 1 องค์
     
  3. LEEBIG

    LEEBIG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +186
    rabbit_run_away

    นิยาย นิทาน ทั้งนั้น เรื่องราวพิศดารเกินกว่าจะเป็นไปได้
    เป็นเรื่องที่แต่งกันมา คนก็นำมาจองกันเป็นพระศรีอาริย์กันมากมาย
     
  4. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215
    รออ่านต่อไป...
     
  5. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ตอนแรกผมก้อเคยคิดแบบนี้ล่ะครับ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามโนมยิทธิน่ะมีจริง แต่กว่าจะไปถึงจุดตรงนั้นๆได้น่ะยากเหมือนกันถ้าไม่มีบุญเก่ามาเยอะ
    มโนมยิทธิมันมีหลักการเหมือนกับกสิณน่ะล่ะครับ หลักการคือใช้ความลวงค้นหาความจริง
    ซึ่งมันใช้ได้ผลจริงๆนะครับ และเป็นความจริงด้วย แต่มันก้อยังมีอีกหลายคนที่ยังยึดติดอยู่กับความลวง ซึ่งจริงๆมันต้องปล่อยวางด้วย อย่าไปยึดติดมันแม้ว่าจะเป็นความจริงก้อเถอะ แล้วท่านจะได้มโนมยิทธิของจริงเอง
     
  6. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    ศาสนาพระศรีอริยะเมตไตย

    ประกาศเตือน : 2554<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    โลกกำลังวุ่นวาย จงอยู่กันอยากสงบ<o:p></o:p>
    รักษาศีล 5 ให้มั่น แล้วรอวันฟ้าใส<o:p></o:p>
    เราจะพาพวกเจ้าข้ามกาลียุคและมหันตภัย<o:p></o:p>
    เข้าสู่อารยะธรรมใหม่ในโลกของ...ศรีอารย์ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อันตัวพ่อ ชื่อว่า พระยาตาก
    ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา
    ถวายแผ่นดิน ให้เป็น พุทธบูชา
    แด่พระศาสดา สมณะ พระพุทธโคดม
    ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี
    สมณะพราหมณ์ ปฏิบัติ ให้พอสม
    เจริญสมถะ วิปัสนา พ่อชื่นชม
    ถวายบังคม รอยพระบาท พระศาสดา
    คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า
    ชาติของเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา
    พุทธศาสนา อยู่ยง คู่องค์กษัตรา
    พระศาสดา ฝากไว้ ให้คู่กัน.

    มหาสมุทรกั้นแผ่นดินสองฝั่งไว้ <o:p></o:p>

    คลื่นลมเซาะแผ่นดินให้แผ่นน้ำกว้างใหญ่เพียงได<o:p></o:p>
    สัจธรรมที่แผ่ไปไกลของ....บัณฑิต <o:p></o:p>
    ห่างจากคนพาล...ไกลกันเกินกว่านั้น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การทำชั่วนั้นมันเป็น...ทุกข์<o:p></o:p>
    หากเราไม่ทำความชั่วก็ไม่เป็น...ทุกข์<o:p></o:p>
    เขาเรียกกันว่า...การละทุกข์<o:p></o:p>
    การทำทานคือการเสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว<o:p></o:p>
    เพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น<o:p></o:p>
    เขาเรียกกันว่า...การละสุข<o:p></o:p>
    ถ้าละสองสิ่งนี้ได้จะพบ... ความสุขอันเป็นนิรันด์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    “ทำความดีอย่ายึดติดผลของความดี ภูมิที่ดีก็ไม่มี<o:p></o:p>
    ให้ไปเกิด (หมายถึง ชั้นเทวดาและชั้นพรหม)<o:p></o:p>
    ไม่ทำความชั่วก็ไม่ตกลงสู่...อบายภูมิ<o:p></o:p>
    หนทางนี้แล จะนำพาพวกท่าน..ดับขันธ์นิพพาน”<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    *คิดดี พูดดี ทำดี = ฐานที่ตัว<o:p></o:p>
    *มองโลกในแง่ดี = ฐานที่ใจ<o:p></o:p>
    *ถ้าทำเช่นนี้ได้ รับรอง...ทุกข์ไม่มี<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การกลับมาของข้า.เอหิภิกขุอุปสัมปทา<o:p></o:p>
    พุทธะ....เรียกข้าว่า........อริยะเมตไตย<o:p></o:p>
    ( นารายณ์......ผู้รักษา )<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ติดต่อขอรับหนังสือ พุทธศาสนา ( ยุคพระศรีอริยะเมตไตย )<o:p></o:p>
    เพื่อใช้เป็นหลักปฎิบัติธรรม ตั่งแต่ ๑ ม.ค. ๒๕๕๔ ได้ที่...<o:p></o:p>
    โทร 089 – 076 – 2433 เวลา 12.00 – 22.00 ทุกวัน<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    “อยากเจอเรา จงอย่าตามหาเรา<o:p></o:p>
    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่าเห็นเรา”<o:p></o:p>
    ศรีอารย์
     
  7. kongsin

    kongsin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +71
    มาแรงจริง....
    ผมลืมตาสมาธิครับ เห็นตัวกิเลส เดินใส่สายเดียวมา เห็นอสรพิษมา ผมก็หลบได้ครับ เพราะผมไม่ได้หรับตาไง
    ตามพุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะไม่เกิดทับซ้อนกัน ถ้าจะเกิดแผ่นดินจะยกขึ้นมาเพื่อรองรับการกลับมา เมื่อเสด็จไปก็จะยุบลง เช่นเดียวกับ สามเหลี่ยม.....อะไรนี่แหละ ผู้รู้ทั้งหลายรู้ไหมว่าเป็นแผ่นดินของพระพุทธเจ้าองค์ใด
    รู้ไหมใครเป็นผู้ประกาศพระพุทธศาสนา ใครคือผู้ประกาศ นะ ประกาศ โม เมื่อนะโมยังอยู่ พระพุทธเจ้าสมณโคดมท่านก็ยังอยู่ เมื่อไม่มี นะ ไม่มี โม คงไม่ต้องพูดดอกนะ
    พระยาธรรม จะลงมาโปรด บุคคลใดได้ศึกษา มหาคัมภีร์ศักดานุภาพ จบ ก็ได้เป็นพระยาธรรม แล้ว มหาคัมภีร์ศักดานุภาพอยู่ไหน คงต้องย้อนไปเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน โนน ว่าพระองค์ท่านทรงรอพุทธสาวดองค์ใด และรอเพื่ออะไร ทำไมต้องรอ แล้วพระองค์ให้อะไรมา เอามาไว้ไหน ตอนนี้ไปอยู่กะใคร ใครได้ศึกษาบ้างแล้ว
    ผู้มีอภิญญาทั้งหลายจงไปเรียนเหอะ จะได้มาช่วยชาวประชา แล้วกลับมาสอนผมด้วย
    ทางเข้า มีรางพระอาจารย์ท่าน 1 ทับอยู่ ตรงโขงตก ลึกลง ประมาณ 3 กม
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. ceolenterata

    ceolenterata สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +3
    ดิฉันยึดหลัก.... กาลามสูตร
     
  9. suphattra

    suphattra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +19
    ใครเชื่อก็ชัง ใครไม่เชื่อก็ชัง:cool:
     
  10. ทานาทอส

    ทานาทอส สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +2
    คุณ12punna ทำสมาธินานเท่าไรถึงจะได้ไปพบพระศรี
     
  11. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี ไปสู่สถานที่ดี(มรดกธรรม หลวงพ่อปัญญา)
     
  12. ชอบสงสัย

    ชอบสงสัย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    :cool:บางคนชอบพูดว่าสามารถจิตได้
    เลยอยากรู้ว่าสามารถถอดจิตได้อย่างไร
     
  13. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    อยากรู้ว่าเป็นศรีอารย์จริงไหม ต้องถามว่า นิพพานไปอย่างไร...

    วันนี้เอาธรรมมะ เบา ๆ ไปพิจารณาให้เกิดปัญญาก่อนน่ะ


    โลกุตระธรรม ทั้ง ๙ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    นิพพาน นั้นคืออะไร<O:p></O:p>
    ผู้ใดกล่าวว่านิพพานนั้นมีอยู่ ผู้นั้นย่อมไปได้ไม่ถึงนิพพาน<O:p></O:p>
    แต่หากผู้ใดกล่าวว่านิพพานนั้นไม่มีอยู่ ก็จะหาหนทางเข้าสู่นิพพานไม่ได้<O:p></O:p>
    นิพพานนั้นไม่มี เราสมมุติชื่อมันว่า นิพพาน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    นิพพาน นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร<O:p></O:p>
    ธรรมทาน อามิสทาน อภัยทาน<O:p></O:p>
    ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ<O:p></O:p>
    พรหมโลก เทวโลก มนุษย์ อบายภูมิ<O:p></O:p>
    ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ คือ ร่างกายเรา<O:p></O:p>
    อากาศธาตุ คือ อากาศรอบตัวเรา<O:p></O:p>
    วิญญาณธาตุ คือ ธาตุรู้<O:p></O:p>
    ธรรมทาน นั้นมีอานิสงส์สูงสุด เวลาตัวเราแสดงธรรม (ตัวเรา หมายถึง ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ)<O:p></O:p>
    ธาตุที่ออกจากกายเรานั้นคือ ธาตุลม เมื่อธาตุลม ออกมาจากร่าง ก็สลายตัวออกไปกับอากาศธาตุ ธรรมนั้นก็กลายเป็นอนัตตา นั้นหมายความว่า สภาวะโลกกับสภาวธรรมนั้นย่อมไปในทางเดียวกัน ท้าวเวชสุวรรณมีสมุดบันทึกบัญชีอยู่เล่มหนึ่ง ด้านหนึ่งบันทึกความดี อีกด้านหนึ่งบันทึกความชั่วของคนๆ หนึ่งไว้ เมื่อธรรมกลายเป็นอนัตตา หรือสลายตัวไปในบรรยากาศโลก วิญญาณที่เป็นตัวรู้ก็ไม่สามารถส่งสัญญาณไปยังสมุดบันทึกบัญชีของท้าวเวชสุวรรณได้ เมื่อตัวเราตายไป ก็สลายตัวกลับสู่สภาวะโลก (คือการสลายตัว ของธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ) เมื่อวิญญาณไม่มีธาตุตัวรู้ที่จะไปเกิดยังภพภูมิต่างๆ วิญญาณนั้นก็ดับลง เมื่อวิญญาณดับลง จิตก็ดับตาม นี่คือวิธีการที่พระพุทธเจ้าใช้ในการเข้าสู่นิพพาน คือ การใช้จิตที่บริสุทธิ์และวิธีการสั่งสอนคนเพื่อให้เป็นคนดีนั่นเอง เป็นการส่งต่อระหว่างขันธ์ต่อขันธ์ เพราะสุดท้ายทุกคนย่อมตายเหมือนกัน<O:p></O:p>
    นี่คือวิธีการที่ลบรูปลบนาม ดับสนิทไม่มีส่วนเหลืออย่างแท้จริง<O:p></O:p>
    สุดท้ายก็กลายเป็นการหลับสนิท ไม่ตื่นขึ้นมาพบกับความทุกข์อีก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    (อย่าไปดูว่ามันถูกตรงไหน ให้หาดูซิว่ามันผิดตรงไหน)

    ถ้าหาข้อผิดไม่ได้ ให้หันไป กราบไหว้ พ่อแม่ หนึ่งครั้ง จะได้รู้จักความกตัญญูกตเวที
    คุณธรรมของคนดี ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2011
  14. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    นิพพาน

    สุข กุศลธรรม บุญ(ดี) สวรรค์
    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> นิพพาน (หลุดพ้น)
    ทุกข์ อกุศลธรรม บาป(ชั่ว) นรก

    หลักมัชฌิมาปฏิปทา (ทางสายกลาง)

    ทำความดีอย่ายึดติดผลของความดี(ทำสิ่งใดไม่หวังผลตอบแทน)
    ภูมิที่ดีก็ไม่มีให้ไปเกิด หมายถึง... ชั้นเทวดา และชั้นพรหม
    ไม่ทำความชั่วก็ไม่ตกลงสู่.....อบายภูมิ
    หนทางนี้แล จะนำพาพวกท่าน..ดับขันธ์...นิพพาน

    ความชั่ว..ไม่มี ความดี...ไม่ปรากฏ อยู่จบ...สงบจริง

    (นิพพานัง ปรมัง สุขัง) นิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง

    โลกธรรม ๘ ประการ

    ลาภ ยศ สรรรเสริญ สุข
    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> (นิพพาน)
    เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์

    ศรีอารย์...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. oJOEo

    oJOEo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +136
    ไหม งง อย่างนี้

    ทำความดีอย่ายึดติดผลของความดี(ทำสิ่งใดไม่หวังผลตอบแทน)
    ภูมิที่ดีก็ไม่มีให้ไปเกิด หมายถึง... ชั้นเทวดา และชั้นพรหม
    ไม่ทำความชั่วก็ไม่ตกลงสู่.....อบายภูมิ
    หนทางนี้แล จะนำพาพวกท่าน..ดับขันธ์...นิพพาน

    ไม่เข้าใจ หรือมั่วอ่ะครับ ผม ละง๊ง งง มีผู้รู้ตอบหน่อยครับ
    ผู้แตกฉานช่วยอธิบายที
    แต่ผมว่ามันเพี้ยนๆๆ อยู่นะ
     
  16. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    ตอบ...ojoeo

    จริง ๆ ก็เขียนตรง ๆ น่ะ ไม่น่างง
    หรือแกล้งงง

    ชีวิต...หัดคิดจะทำอะไรเพื่อผู้อื่นบ้างน่ะ อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัวเองมากนัก...
    เหมือนคุณมีเงินซัก100 กินไปซัก 90 บาท แล้วที่เหลือช่วยเหลือผู้อื่นไปหมด คุณจะเหลืออะไรหล่ะ...?
    เขาเรียกการฝึกจิต ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นต่อสิ่งใด แม้ความดีที่เราได้ทำไปแล้ว..ก็อย่าหวังผลตอบแทนน่ะ
    คนเป็นพัน เป็นหมื่นเขาเข้าใจ แต่คุณหารู้ไม่ ต้องไปคิดเอาเอง ojoeo....

    แต่ก็ไม่ใช่เรื่อง...แปลก
    เพราะ ธรรมของบัณฑิต...บัณฑิตเท่านั้นที่รู้..คนพาลหารู้ไม่

    ผู้ใด ละบุญและละบาปเสียได้แล้ว
    ประพฤติพรหมจรรย์ ด้วยการพิจารณา
    ผู้นั้น ชื่อว่าเป็นภิกษุ
    โยธ ปุฌฺญเจ ปาปญฺจ ปวาเหตุวา พรหมจริยํ
    สงฺขาย โลเก จรติ ส เว ภิกฺขุติ วุจฺจติ
    พุทธพจน์ พระไตรปิฏก (ภิกขกสูตร เล่มที่ ๒๕ หน้าที่ ๒๕๔)


    และกรุณาอย่าใช้คำว่ามั่วกับเพี้ยน (ภาษาธรรม เขาเรียกพูดส่อเสียดน่ะ)
    คนที่ยังพูดส่อเสียดผู้อื่นอยู่...ยังเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้..น่ะ
    และต้องระวังคำพูดหน่อย ... เพราะเดี๋ยวจะย้อนกลับเข้าตัวน่ะ
    ข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นในที่สาธารณะน่ะ (ติดคุกฟรี ๆ น่ะ)
    แต่บอกไว้เฉย ๆ (เพราะผมไม่เคยโกรธใครหลอก แต่คุณอย่าลืมว่าคนอื่นยังมี)
    รู้จักไหมปลาหมอตกตายเพราะปากน่ะ...
    ถ้าผมแสดงธรรมที่ถูก และคุณบอกว่าผิด จะต้องมีคนหนึ่งไปสวรรค์หรือเข้าสู่นิพพาน
    อีกคนต้อง ลงนรก..อเวจี มีเพียงทางให้เลือกแค่นี้..พร้อมจะรับกับมันหรือยัง...ojoeo
    และไม่ต้องดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยว...ไปลงนรกคนเดียวก็พอ..

    ใครทำกรรมใด จะต้องได้รับผลของกรรมนั้น...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2011
  17. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    สังโยชน์ ๑๐ ประการ ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ๑. สักกายทิฐิ หมายถึง ความยึดมั่นถือมัน อันประกอบด้วย<O:p></O:p>
    - ยึดมั่นว่าชีวิตจะเป็นอมตะ (อัตตา) ไม่เชื่อในขบวนการเวียนว่ายตายเกิด (อนัตตา)<O:p></O:p>
    - ยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตน (มิจฉาทิฐิ) ไม่ยอมรับฟังความเห็นของผู้อื่น คือเอาความรู้สึกตัวเองเป็นใหญ่ <O:p></O:p>
    สรุป ความเป็นจริงในขบวนการเวียนว่ายตายเกิด ( วัฏฏะสงสาร ) ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อสมัยเราเป็นมนุษย์ เราสะสมความดีไว้ พอตายไปก็ไปใช้ ร่างเทวดา ร่างพรหม หากเราทำความชั่ว เราตาบไปก็อาจไปเกิดเป็นเปรต หรือเป็นสุนัข เพราะฉะนั้นสรุปว่า คน ๆ นี้ หรือสุนัขตัวนั้น ร่างไหนเป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา เป็นเพียงร่างที่เราอาศัยร่างนั้นตามผลของกรรม ( ผลของการกระทำ ) เกิดขึ้น ตั่งอยู่ และก็ดับไป จะยุติขบวนการของการเกิดดับได้ ก็คือเข้าสู่นิพพาน<O:p></O:p>
    ๒. วิจิกิจฉา หมายถึง ความลังเล สงสัย ไม่เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า (ความหลุดพ้น)<O:p></O:p>
    ๓. สีลัพพตปรามาส หมายถึง ยึดมั่นในข้อวัตรปฏิบัติเท่านั้น ไม่เชื่อในเรื่อง ศีล สมาธิและปัญญา เช่น ถือเอาข้อวัตรปฏิบัติของตน เป็นเหตุให้ยกตนเหนือผู้อื่น เช่นพวกพราหมณ์ที่ใช้วิธีการทรมานตนเอง หรือใช้วิธีการอดอาหารเพื่อที่จะหาความหลุดพ้น เพราะจริง ๆ แล้วความหลุดพ้นต้องเกิดจากการใช้ ศีล สมาธิทำให้เกิดปัญญา ในการที่จะพิจารณาเห็นไตรลักษณ์ (ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ) เท่านั้น จึงจะพบวิธีการสู่ความหลุดพ้น (ปัญญาวิมุติ)<O:p></O:p>
    ๔. กามราคะ หมายถึง ยึดมั่นใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราไปทานอาหาร เราชอบทานแกงไก่ แต่เขาไม่มี เราก็รู้สึกไม่พอใจ นั่นแหล่ะที่เขาเรียกว่าติดใจในรสชาติ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือว่า มีอย่างนี้ จะกินอย่างนั้น คือเป็นคนเรื่องมาก<O:p></O:p>
    ๕. ปฏิฆะ หมายถึง พอใครทำอะไรให้เราไม่พอใจก็รู้สึกหงุดหงิด ควรเปิดใจให้กว้าง รู้จักเหตุและผล เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าเอาแต่ใจตัวเอง และไม่เป็นคนเห็นแก่ตัว<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ๖. รูปราคะ หมายถึง การยึดมั่นในรูป (รวมถึง รูปแบบ รูปลักษณ์ ) เพราะมนุษย์ หรือสิ่งต่างๆสามารถ สร้างภาพพจน์ได้ (สังขาร คือการปรุงแต่ง เกินความเป็นจริง) เพราะฉะนั้นเราอย่าไปเชื่อในสิ่งที่เราเห็น (เห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน) จนกว่าเราจะได้เข้าไปพิสูจน์<O:p></O:p>
    จะรู้ว่าเป็นคนรักษาศีลหรือไม่ ต้องอยู่ร่วมกันนาน ๆ<O:p></O:p>
    จะรู้ว่าเป็นคนสะอาดหรือไม่ ให้ดูที่การทำงาน<O:p></O:p>
    จะรู้ว่าเป็นคนกล้าหาญหรือไม่ ต้องดูยามมีภัยมา<O:p></O:p>
    จะรู้ว่าเป็นคนมีปัญญาหรือไม่ ต้องดูที่การแก้ปัญหา<O:p></O:p>
    ๗. อรูปราคะ หมายถึง การยึดมั่นใน ( เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ) เช่นเราเคยเห็นว่าเขาเป็นคนดี แล้วยึดมั่นว่าเขาจะดีตลอดไป ( รู้สักแต่ว่ารู้ )เพราะ มันเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คนดีกลับกลายเป็นคนเลวได้ เช่นเดียวกันคนเลวก็กลับเป็นคนดีได้ ให้ดูอยู่ที่ปัจจุบันธรรมว่าในขณะนี้ เวลานี้การกระทำเขาเป็นอย่างไร (สิ่งเป็นอดีตก็ผ่านมาแล้ว สิ่งเป็นอนาคตก็ยังไม่มา) อย่าไปยึดมั่นว่าความดีหรือความชั่วนั่นเป็นตัวตนของเขา เกิดขึ้น ตั่งอยู่ ดับไป ตามสิ่งที่มากระทบกับจิตใจ เช่นคนดี คนหนึ่งมีภรรยาอยู่แล้ว เป็นสามีที่ดี พอภรรยาแก่ลง พอเห็นหญิงสาวและรู้สึกพอใจ (ตาไปกะทบรูป) ก็ไปมีภรรยาใหม่อีก เพราะฉะนั้นคนดีคนนั้นก็หายไป กลายเป็นคนทุศีลคนใหม่มาแทน <O:p></O:p>
    ๘. มานะ หมายถึง มานะ ๙ เช่น เราดีกว่าเขา เราถือตัวว่าเสมอเขา หรือ เลวกว่าเขา หรือเราเลวกว่าเขา ถือตัวว่าดีกว่าเขา หรือเสมอเขา อีกประการหนึ่ง ความเห็นเราดีกว่าเขา เราถือตัวว่าความเห็นเราเสมอเขา หรือความเห็นเราเลวกว่าเขา คือว่าต้องทำตัวให้เหมาะสม ตามสภาวธรรมตามความเป็นจริง<O:p></O:p>
    ๙. เกิดความฟุ้งซ่านและรำคาญใจ หมายถึง อาการอย่างหนึ่ง คือไม่มีบทสรุปในความคิด เป็นคนไม่มีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจ ขาดอุดมคติ หรืออุดมการณ์ <O:p></O:p>
    ๑๐. อวิชชา คือ ความหลงไม่รู้จริง ไม่รู้แจ้งตามอริยสัจจ์ ๔ <O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2011
  18. oJOEo

    oJOEo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +136
    และกรุณาอย่าใช้คำว่ามั่วกับเพี้ยน (ภาษาธรรม เขาเรียกพูดส่อเสียดน่ะ)
    คนที่ยังพูดส่อเสียดผู้อื่นอยู่...ยังเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้..น่ะ
    และต้องระวังคำพูดหน่อย ... เพราะเดี๋ยวจะย้อนกลับเข้าตัวน่ะ
    ข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นในที่สาธารณะน่ะ (ติดคุกฟรี ๆ น่ะ)
    แต่บอกไว้เฉย ๆ (เพราะผมไม่เคยโกรธใครหลอก แต่คุณอย่าลืมว่าคนอื่นยังมี)
    รู้จักไหมปลาหมอตกตายเพราะปากน่ะ...
    ถ้าผมแสดงธรรมที่ถูก และคุณบอกว่าผิด จะต้องมีคนหนึ่งไปสวรรค์หรือเข้าสู่นิพพาน
    อีกคนต้อง ลงนรก..อเวจี มีเพียงทางให้เลือกแค่นี้..พร้อมจะรับกับมันหรือยัง...ojoeo
    และไม่ต้องดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยว...ไปลงนรกคนเดียวก็พอ..

    ใครทำกรรมใด จะต้องได้รับผลของกรรมนั้น...<!-- google_ad_section_end -->

    ขอบคุณครับสำหรับคำเตือนหรือคำติชม หรือตำหนิ หรืออาจ มีอารมณ์แอบแฝง หรืออาจมีเจตนาดี ขอบคุณครับผม แต่ก็ยังไงๆ อยู่นะ ถ้าอ่านด้วย ใจที่ว่างๆ จะรู้สึกอะไรอยู่

    แต่ก็ต้องขอบคุณจริงๆ เพราะผมยังไม่ใช่คนดี อย่างที่คุณบอกแหละ
    ส่วนตัวยังคิดว่า ต้องไปอบายอยู่ดี เพราะยังไม่มีเหตุที่ทำให้ไปดีเลย

    ส่วนธรรมของบัณฑิต...บัณฑิตเท่านั้นที่รู้..คนพาลหารู้ไม่

    ผมไม่รู้จริงๆ เพราะผมคงเป็นคนพาลตามที่ท่านว่ากระมัง เลย ไม่เข้าใจ

    แต่ผมก็บอกตรงๆๆ แล้ว ว่างงๆๆ และไม่เข้าใจ หรือว่ามั่ว ถ้าท่านมีเจตนาดีกับผมน่าจะอธิบายให้กระจ่าง หรือขยายความ ให้คนมีปัญญาน้อยได้ มีโอกาศที่ดีขึ้น แต่ท่านก็ไม่กระทำ
    ก็ไม่เป็นไรครับ ผมคงต้องเป็นคนพาลต่อไป และยังไม่พ้น อบายอยู่ดีครับผม
    ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยตอบกระทู้ต่อมาทำให้ทราบว่า ความเมตตาของท่านมีเพียง ใด
     
  19. oJOEo

    oJOEo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +136
    อ้อ แล้วผมคงไม่ตอบกระทู้ต่อ อีกแล้วนะครับ ขอบคุณครับเพราะ ผมแค่ต้องการ ความเข้าใจ ในสิ่งที่ไม่เข้าใจ แล้วผมก็ได้คำตอบจากคุณ sriaran (อ่านว่าอย่างไรครับ) แล้วครับผม
     
  20. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    ตอบ ojoeo

    ก็ตรง ๆ น่ะ Ojoeo srearan ใช้แทน ตัวผมแค่นั้น แต่ชื่อผมคงไม่ต้องบอกเพราะก๋น่ารู้อยู่แล้ว

    ojoe การที่คุณเป็นคนที่มีความสงสัยเป็นเรื่องดี และเป็นตัวอย่างที่ดี ความสงสัยเป็นตัวตัวจะชนวนที่ก่อให้เกิดความเข้าใจ
    แต่ควรใช้คำถามให้ถูกเช่น ผมมีข้อสงสัย...ช่วยอธิบายเพิ่มเติมที ลองกลับไปพิจารณาจิตคุณเวลาตั้งคำถาม ว่าถามด้วยความอยากรู้
    หรือถามแบบดูถูกความเห็น นำไปคิดเอาเอง ...และยังย้ำอีกน่ะ ..(แต่ท่านไม่ทำ) ก็แสดงว่ายังไม่เลิก..ที่จะ ตั่งและตอบแบบเดิม
    และที่คุณบอกว่าถ้าอ่านแบบว่าง ๆ จะไม่คิดอะไร...

    ถ้ามันปล่อยว่าง...จนไม่รู้อะไรดี...อะไรชั่ว...วัวควายก็ทำได้ ไม่ต้องเกิดเป็นคนหรอก คนเราต้องรู้จักอะไรถูกอะไรผิด และส่งเสริมสิ่งที่ถูกแก้ไขสิ่งที่ผิด

    ศาสนาถึงจุดเสื่อมโทรมลงไปมาก ความพยายามที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ การให้คนทำความเข้าใจหลักธรรมที่ถูกต้อง ไม่แปลกหรอกที่บางทีที่หลายคนอาจจะทำความเข้าใม่ได้ในตอนแรก ธรรมที่ผมเขียน อาจจะไม่คุ้นเคยกับพวกคุณเท่าไหร่นัก
    แต่นั่นแหล่ะเขาเรียกว่า ผู้รู้ ถ้ามีคนรู้แล้วคงไม่ต้องมี ผู้รู้ และเป้าหมายสูงสุดในการทำงานครั้งนี้ คือการรวมศาสนาให้เป็นหนึ่งเดียว
    หากมีข้อสงสัยในหลักปฎิบัติ ก็ตั้งคำถามมาได้ Jooeo และยินดีที่ได้รู้จักคุณ joeoe และหวังว่าเราคงเป็นสหายที่ดีต่อกัน สมกับคำว่า
    เมตไตย ที่แปลว่ามิตรแท้

    ศรีอารย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...