คาถาเพื่อการยกระดับทางด้านจิตใจและจิตวิญญาณ_2

ภาวนาอะไรอยู่ครับ และขอให้วางคำว่าอยาก หรือไม่อยากในการรับประทานเนื้อ ขอให้เราสำนึกบุญคุณเนื้อสัตว์เหล่านั้น และไหว้ขอบคุณเขาเมื่อเรากินเสร็จ เราอยู่ด้วยการเกื้อกูลกันครับ ไม่ผิดถ้ากินเนื้อเขา แต่อย่าไปฆ่าเขาก้อพอครับ

 

อ้าว... ไม่เห็นบอกเลยว่าต้องทำไรต่อน่ะค่ะ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ อยากจะทำให้เต็มที่ ที่สุดน่ะค่ะ ช่วยแนะนำต่อด้วยค่ะ ระหว่างรอก็ยังภาวนา คำเดิมอยู่ค่ะ

 

ภาวนา ปะ ริ ปุณ ณัง เม ชีวิตตัง อุปัชชะติ อยู่ค่ะ

 

นี่คือครั้งก่อนค่ะ ขอโทษค่ะที่ม่ได้แนบมาแต่แรก

 

ส่งการบ้านครับ
ภวนา สุขิ ตายัง ธัมมัง ปะชานาติ สามวัน
วันแรก กับวันที่สองไม่ค่อยมีอะไร เปลี่ยนแปลงครับ ยังคอยตามอารมณ์อยู่
รู้ว่าไม่พอใจ รู้อารมณ์ แต่ก็แค่รู้ครับ มองได้เฉยๆ
ส่วนเมื่อวาน จิตหมองๆ เศร้าๆ ทั้งวัน ทุกข์ทั้งวัน
สาเหตุหลักๆที่พอรู้คือ จิตตามอารมณ์ทัน รู้ขณะมีความรู้สึก รู้ว่าทุกข์
รู้ว่าคิดเป็นทุกข์ แล้วมาทุกข์ต่อ ว่า จะทำยังไงถึงจะไม่มีทุกข์
พยายามมองอย่างเดียวก็เห็นว่ายังทุกข์อยู่
จิตตกทั้งวันเลยครับ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่
หาทางวางไม่ลง จะไปต่อยังไงดีครับ

 

เรื่องเล่า จิตหลุด by zerozodiac

เมื่อคืนนี้ กระผมก็ได้นอนประมาณเวลา 01.00 แต่ผมไม่หลับ เพราะผมจะทำสมาธิก่อนนอนเสมอ ในระหว่างที่ผมทำสมาธินั้น ผมก็รู้สึกสึกถึงพลังบางอย่าง และตอนนั้นเอง แฟนผมเขาก็ขยับตัวไม่ได้ (เป็นประจำ) และพอผ่านไปได้ไม่นาน ผมเริ่มเห็นแสง และแฟนผมขยับตัวไม่ได้เช่มเดิม มันทำให้ผมคิดว่า ถ้ามาคำนวณเป็นวิชาสถิติ แฟนผมจะมีอาการขยับตัวไม่ได้ทุกครั้งเวลาที่ผมรู้สึกถึงพลัง หรือเห็นแสง จากนั้นผมก็เลยเปิดไฟนอน แล้วพิจารณาว่า วันนี้วันพระหรือวันโกณ เพราะ 2 วันนี้ทีไร มาเต็มทุกที

แฟนผม zerenazodiac เขาบอกว่า เขาขยับตัวไม่ได้ และเหมือนมีพลังอะไรมาพลักเขาออก และจะเข้ามาสิงร่าง ไม่ใช่จิตจะออกจากร่าง ไม่ใช่ได้รับพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมก็บอกว่าลองแผ่เมตตาดูสิ ครับ! จากนั้นเขาก็หลับสนิท แต่เรื่องยังไม่จบ เพราะมาโดนผมต่อ

ของผมรู้สึกว่าจิตจะออกจากร่างจริงๆ จำได้แม่นเลยว่า ไม่ได้ฝัน รู้สึกทุกขณะ ก่อนจิตจะหลุดนั้น ผมเห็นห้อง ทั้งๆที่ผมหลับตาอยู่ แต่จำไม่ได้ว่าเปิดไฟหรือปิดไฟ มันเห็นมัวๆ ได้เรื่องเลยครับ รู้ว่าเหมือนหัวตัวเองจะยุบลงไปในหมอน ใต้เตียง จากนั้นก็ลอยขึ้น ลอยขึ้น ผมก็ตั้งจิตไปที่จักรวาล(ทั้งๆที่ผมยังไม่เคยไป) จ๊าบมากครับ คราวนี้จิตผมมันพุ่งออกด้านข้าง ผมยังจำได้เลยว่า มันเหมือนในละครหรือการ์ตูน ที่แบบว่าเวลาจะทะลุมิติ มันจะมีแบบเป็นวงกลมๆ ไหลตลอด เอาละสิ กลัวก็กลัว มันส์ก็มันส์ ก็เลยตัดสินใจลืมตามา โอ้โล่ง! นี่ตรูยังอยู่ในห้อง แต่เดี๋ยวนะ ตรูขยับแขนขาไม่ได้ ตอนนี้วิตกแล้วครับ ขยับจนสุดแรงก็ไม่เห็นแขนตัวเองขยับได้เลย แต่สิ่งเดียวที่สัมพัสได้คือลมหายใจ ก็เลยสูดเข้าไป1ฟอดใหญ่ ประมาณว่าลมหายใจหยาบอะครับ ตื่นเลย กลับเข้าร่างเลย อืม...............


ปล.วันนี้ที่ร้านเบิกบาน ร่าเริงเป็นพิเศษ สงสัยผมเข้าร้านไวมั้ง เขาเลยดีใจ ฮ่าๆๆ

 

รายงานตัวค่ะ ระหว่างวันก็อารมณ์ปกติ เรื่อยๆ เมื่อมีคนมาทำให้โกรธ จะเกิดโทสะแล้วสักพักก็หายค่ะ ท่องคาถาชินปโร 3 จบก่อนนั่งสมาธิ ตั้งใจมากไปแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยก้าวหน้า ช่วงนี้ใจร้อน อยากรีบทำสิ่งนี้ให้จบแล้วทำอย่างอื่นต่อ นอนได้นานขึ้นไม่ตื่นกลางดึก แต่ยังฝันบ่อยค่ะ ไม่รู้โดนทดสอบด้วยป่าว ช่วยแนะนำต่อด้วยค่ะ โมทนา

 

จากทีได้คุย ต้องขอกราบขออภัยนะครับ เนื่องจากมีธุระต่างจังหวัด เลยต้องใช้มือถือตอบ จึงตอบเฉพาะบางคนที่เร่งด่วน ส่วนคนไหนที่ปฎบัติ ดีอยู่แล้วจึงไม่ตอบ เพราะจะดูว่าเวลาเปิดกระทู้ขึ้นมาแล้วเจอความผิดหวังที่ไม่ได้ตอบให้อย่างที่เคย จะเป็นอย่างไรครับ

ขอให้ภาวนาตัวเดิมต่อไปอีก 3 วัน เน้นเรื่องการภวนาแล้วแผ่ออก ให้ยิ้มน้อยๆ เหมือนพระพุทะรูป แล้วรู้สึกเบิกบานใจก่อนแล้วค่อยภวนา ระหว่างที่ภวนา ให้รู้สึกว่าได้ยินเสียงคำภวนา ก้องกังวานออกนอกตัวครับ

 

อนุโมทนาครับ
ภาวนา 5 วันนะครับแล้วมาส่งการบ้านครับ
ตอนนี้รู้สึกว่ารู้ชายจิตใจเย็นขึ้นนะครับ

 

แวะมาทักทายท่านเจ้าของบ้านและเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกๆท่านครับ

 

ยิ้มน้อยๆเหมือนรอยยิ้มพระพุทธรูป แล้วภาวนาตัวเดิม
วางความคิด ความเชื่อ ความรู้สึกต่างๆที่เข้ามา เปลี่ยนเป็นความรู้ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆเรา
ภาวนา ต่อๆ ไปอีก 3 วัน แล้วมาเล่าให้ฟัง ถ้าไม่ไหวจริงๆก้อๆโทรมานะคร้บ 082-1433013

 

ภาวนา พุทโธ เมตตา ปะชานาติ 5 วันแล้วมาส่งอารมใหม่นะครับ

 

สวัสดีครับท่านพี่ ตอนนี้รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่อยู่รอบตัว โดยเฉาะแขนซ้าย มาเต็ม (หรือเป็นตะคิว 555)

 

(ฉบับปรับปรุง ใครอยากรวยเอาไว้ขอพรนะครับ และพรนี้จะให้เฉพาะคนที่ทำงานนะครับ)
ฉันเกิดมาเพื่อประสบความสำเร็จ ความเป็นไปได้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดจะปรากฎในตัวฉันอย่างที่ฉันต้องการ สันติสุข ความรักอันไม่มีที่สิ้นสุดจากจักรวาลทำให้จิตใจ และ จิตวิญญาณของฉันเต็มเปี่ยมตลอดเวลา ปัญญา ความฉลาด ความคิดสร้างสรรค์ พลังแห่งการก่อกำเนิดสิ่งใหม่ ได้นำทางฉันในวิถีทางทั้งหมด ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ ความร่ำรวยในทุกๆสิ่งจากจักรวาลได้หลั่งไหลมายังฉันอย่างเป็นอิสระ ฉันกำลังก้าวหน้า เคลื่อนที่ไปข้างหน้า พร้อมทั้งเติบโตทางด้านจิตใจ จิตวิญญาณ ทางด้านการเงินและในวิถีทางอื่นทั้งหมด ฉันรู้ว่าความจริงเหล่านี้กำลังจมลงสู่จิตสำนึกของฉันและเติบโตไปตามวิถีทาง ของมัน
สันติภาพและความอุดมสมบูรณ์ของจักรวาลได้เติมเต็มจิตใจ และจิตวิญญาณของฉัน ความรักของจิตจักรวาลใหญ่ หรือจิตหนึ่งที่เป็นองค์รวมของความรักจากทุกสรรพสิ่งหล่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ตัวตนและจิตวิญญาณของฉันสมบูรณ์เต็มเปี่ยม ฉันเป็นหนึ่งเดียวกับจิตหนึ่งและจิตหนึ่งได้ชี้นำทาง สร้างความรุ่งเรือง สร้างความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์เพื่อประโยชน์แก่ทุกสรรพสิ่ง และให้แรงบันดาลใจในแก่ฉัน และนำความรัก ความเบิกบาน ความเมตตากรุณา ความเกื้อกูล ความปราถนาดี สุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ปราศจากโรคภัยใดๆ มายังตัวฉัน ไปยังทั่วทุก cell ในร่างกายฉัน และได้หลั่งไหลผ่านตัวฉัน ไปยังทุกๆสรรพสิ่งทั้งหมดรอบๆตัวฉัน ทุกๆขณะทุกๆเวลา ทุกๆสถานที่ ที่ฉันปรากฎ รวมถึงทุกๆที่ทั่วทุกจักรวาล ทุกมิติ ทุกๆสรรพสิ่งได้รับพรนี้ ได้รับความปราถนาดี ความเกื้อกูล ได้รับความอุดมสมบูรณ์ ความสำเร็จ และได้รับแรงบันดาลใจนี้อยู่เสมอทุกๆขณะเวลา
นี่คือวันที่จักรวาลได้สร้างขึ้น ฉันมีความยินดีและขอขอบคุณจักรวาลสำหรับคำอวยพรอันนับไม่ถ้วนที่มายังทุกๆสรรพสิ่ง ทุกๆคน รอบๆตัวฉันและมายังตัวฉัน

 

ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำ
วันนี้ก็ดีขึ้นครับ โปร่ง ขึ้นเยอะ แต่ก็ยังหมองๆอยู่
แบกของมาหนักไปหน่อย วันนี้พอได้วางลงบ้าง ก็เลยดีขึ้นครับ
เริ่มเข้าใจ ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด
พอจะเห็นทาง รำไรๆ
บางที แค่ วาง คำเดียว ก็ตอบอะไรได้เยอะเหมือนกันนะครับ
ความรู้ ที่คิดว่ารู้ ที่คิดว่าเก่ง ก็ไม่ช่วยอะไรเลย
เรียนถามคุณจิตอิสระ นะครับ
เมื่อเราสงสัยในคำบอกของครู อาจารย์ ที่เห็นไม่ตรงกัน
เราควรทำอย่างไร ครับ
ควรวางตัวสงสัย หรือ ควร หาคำตอบ
ขอบคุณครับ

 

แบบนี้มันต้อง print ซะแว้วววววว

 

ผมชอบคำถามนี้แห๊ะ แต่ผมชอบท่านพี่ตอบมากกว่า อิอิ

 

ยิ่งหา ยิ่งไม่เจอครับ เพราะการที่เราค้นหา มันจะหาไม่จบ ทำไหม ทำไหม ทำไหม ไปเรื่อย . เมื่อดับเหตุ ผลจะดับไปด้วย ดังนั้นขอตอบว่าเมื่อสงสัย ควรเปลี่ยนความสงสัยให้เป็นความรู้ อย่างหนึ่ง อย่าไปตัดสินใจว่าควรจะหาคำตอบหรือไม่ เพราะผมเคยสงสัยและเยอะกว่าคุณ jitnoon 1,000 เท่า สงสัยครูอาจารย์ สงสัยว่าเราจะเดินไปสู่ทิศทางไหน สงสัยว่าเราจะเดินทางถูกไหม สงสัยว่าเราเกิดจากไหน สงสัยว่าเราตายแล้วจะไปไหน สงสัยว่า นรก สวรรค์ จะมีไหม สงสัยว่าทำไหมปลาวาลถึงตาย สงสัยแม้กระทั่งทำไหมเราต้องกินข้าวและถ่ายออกมา เยอะแยะไปหมด เมื่อต้องการหาคำตอบมันก้อไม่จบ เมื่อจะวางตัวสงสัย ก้อไม่รู้จะวางอย่างไร ก้อคนมันสงสัย สุดท้าย
นิ่ง แล้วรู้ความสงสัย เปลี่ยนความสงสัยเป็นความรู้อย่างหนึ่ง เห็นอารมความสงสัยว่าเป็นความอยากรู้ และไม่ใส่ใจมัน รับรู้ว่าความสงสัยไม่ใช่เรา และไม่ใช่ของๆเรา เมื่อทำบ่อยๆเขา มันก้อหายไปเอง
สรุปว่า ควรเปลี่ยนความสงสัยเป็นความรู้อย่างหนึ่ง นิ้งและรู้อารมความสงสัย แต่ไม่ต้องไปตีความว่าสงสัยเรื่องอะไร ให้จบที่เห็นความสงสัยและการอยากรู้คำตอบ
***************************************************************************
อีกเรื่องหนึ่งเรื่องคำสอนของครูอาจารย์ ถ้าเป็นคำสอนที่ใช้ จะต้องเป็นคำสอนเพื่อปล่อยวาง เพื่อการจางคลาย เพื่อคลายความยึดมั่นถือมั่น ถ้าเป็นคำสอนอย่างนี้ ทุกอาจารย์สอนได้ตรงหมดครับ แต่ระยะเวลาอาจจะแตกต่างกันตามวิธี เหมือนกรุงเทพจะไปเชี่ยงใหม่ จะไปโดยรถไฟ รถยนต์ เครื้องบิน ถ้าขึ่นขบวนถูก ทุกสายย่อมถึงที่หมาย แต่ระยะเวลาแตกต่างกัน เราก้อเลือกเอาเองครับ และคนที่จะรู้ว่าอย่างไหนสั้น จะต้องมีประสบการก่อน หรือมีคนบอกเล่าถึงจะรู้ว่าเป็นสายที่ใช่ หรือสั้นหรือไม่ อย่างแนวทางในกระทู้นี้ที่ใช้เรื่อคำบริกรรมก้อเป็นอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อไปสู่จุดหมายเดียวกัน คือการรู้เท่าทันอารม วางอัตตา ตัวตน เป็นหนึ่งเดียวกันธรรมชาติ แต่เน้นที่การแก้สภาวะอารมของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกัน จะวัดผลจะต้องวัดกันในชีวิตประจำวัน ว่า แบบไหนที่เราวางอารม และมีสติรู้เท่าทันอารมในชีวิตประจำวันได้
*****************************************************************************
หวังว่าคงจะตอบคำถามครบตามที่ถามมานะครับ

 

การพัฒนาจิตในชีวิตประจำวัน ฟังจากท่านอาจารย์แล้วมาสรุบให้สหายธรรมฟัง
1 รู้ : เราจะต้องรู้ว่าสภาวะจิตของเราในปัจจุบันเป็นอย่างไร เนื่องจากจิตเดิมแท้ของพวกเราทุกคนมีสภาวะเป็นผู้รู้อยู่แล้ว
2 แก้ : เมื่อเราเรียนรู้ว่า นิสัยไหนที่เป็นสิ่งที่ไม่ดี ต้องมีทิฐฐิ หรือความเห็นว่านิสัยนี้จะต้องเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไข
3 ดัด : ขั้นตอนนี้ต้องใช้ขันติ หรือความอดทนในการดัดสิ่งที่ไม่ดีที่ทำเป็นประจำให้ตรง คือ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ตรงทาง ดัดนั้น คือ เป็นไม้ที่ดัดให้ตรงเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
4 ปรับ : ต่อไปเป็นขั้นตอนการปรับ พฤติกรรมต่างๆ ที่เคยทำเป็นประจำและไม่ดี ให้ดียิ่งขึ้น นิสัยหรือพฤติกรรมไหนที่ดีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ดีที่สุด ทำการปรับให้ดีขึ้น
5 เปลี่ยน : พฤติกรรมไหน หรือนิสัยไหนที่ไม่ดีเลย ให้ทำการเปลี่ยนเสีย
6 ปรุง : สภาวะธรรมที่เป็นกุศลตัวไหนที่ไม่เกิดขึ้นในจิตให้ภวนาให้เกิดขึ้นในจิต เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน