ความแตกต่างของสัมมาสมาธิกับฌานสมาบัติ ๘

ผมไปไกลแล้วครับ

 

คำพูดแบบนี้ทิฏฐิมานะไม่ลดลงเลยนะ
มันไม่ใช่วิสัยของผู้ได้ฌานเลย

 

เรื่องฌานลุงหมานไม่สนใจ
ได้มาก็ไม่ได้ดับกิเลสได้จริง จึงใช้แนวทางสติปัฏฐาน ๔ อย่างเดียว อภิญญาก็ไม่อยากได้เพราะโลกโซเชียลก้าวทันหมดแล้ว

 

555555
ทิฐฐิมานะเลยเหรอ แค่ไม่บอกว่าปฏิบัติถึงขั้นไหน
เรื่องนี้มันอจินไตยนะครับลุงหมาน
ผมบอกไปลุงหมานก็ไม่เชื่อหรอกว่าผมไปถึงไหน
แต่นักปฏิบัติที่เค้าปฏิบัติกันจริงจังเนี่ยฟังสำเนียงผมก็คงจะพอจับใจความได้ว่าผมไม่ใช่พวกขี้คุยแน่

 

อีกอย่างเรื่องทางโลกอะยังไม่ได้แม้แต่เปลือกของพระพุทธศาสนาอันประเสริฐนี้เลย

 

บุรุษว่างเปล่า ที่ผมกล่าวถึง
หมายถึง พวกที่ธรรมมาก
แต่ไม่อาจเข้าใจในธรรมที่ตนมีอยู่ได้
ใช้ออกก็ไม่เป็น สอนใครก็ไม่ถูก
อีกทั้ง ยังค้านธรรมะของคนอื่นอยู่ร่ำไป
คิดว่า ของตนเองถูกอยู่ผู้เดียว
อันนี้น่าเสียดาย
มหาส่วนใหญ่ ก็เป็นประมาณเนี้ย

 

ไม่ต้องบอกหรอกรู้เข้าใจได้ดี อาหารมันคนละจาน ทานกันคนละอย่าง รู้นะว่าไม่ใช่คนขี้คุยแต่ที่พูดมานั่นแหละตัวโตๆเลยหละ

 

5555
ครับยังไงก็ได้ครับลุงหมาน

 

คำตรงนี้แหละเชื่อ

 

^
^
คนอะไร กินปูนร้อนท้องซะแล้ว

ก็บอกว่า "เท่าที่รู้มา" ยังไม่เคยบอกไว้ตรงไหนว่า

เชื่อในสิ่งที่รู้มาแล้ว เมื่อเห็นอาการดิ้น ชักเริ่มสงสัยแล้วนะ(จะบอกให้)

ต้องขอบใจที่ เป็นห่วงแบบห่างๆ ว่าจะหลงทางได้

สบายใจได้ครับ

เมื่อมีพระพุทธพจน์ค่อยตรวจสอบ สอบสวน เทียบเคียง

โอกาศหลงนั้น น้อยกว่าน้อย

ส่วนถึงไหนนั้น เป็นเรื่องที่เจ้าตัวรู้ดี

แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอกให้ใครมาเชื่อตาม

เพราะความเชื่อคือความเชื่อ ความจริงคือความจริง(ต้องพิสูจน์)

จะโม้ให้ตายไปต่อหน้าต่อตา ก็ไร้ประโยชน์อะไรขึ้นมาใช่หรือไม่?

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

^
^
ที่พูดไว้ ชัดเจนนะลุง

"ขอเพียงให้รู้จริงในสิ่งที่รู้ที่สอนก็พอแล้ว"

ส่วนใครจะเรียนจะเชื่อนั้น เป็นเรื่องของคนๆนั้น

ความจริงก็คือความจริง

ถ้าเป็นสัมมา ก็ไม่เสียเวลา

ส่วนสัมมนาตามตำรา นั่นเรื่องเสียเวลา

เอาไว้เรียนกันเท่านั้น

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

^
^
ก็เล่นพูดเองเออเองสรุปเองเข้าไปนั่น

ธรรมมากไม่ดีตรงไหน

อย่างท่านพระอาจารย์สารีบุตร ท่านนั้น"มีธรรมมาก"

ส่วนที่บอกว่า ไม่เข้าใจธรรมที่มีอยู่มากนั้น

สงสัยคุณกำลังสับสนอะไรอยู่มั๊ง

ถ้ามีธรรมอยู่มากแล้วบอกว่า ไม่เข้าใจธรรมที่มีอยู่มากนั้น

แบบนี้เค้า เรียกว่า มีสัญญาอยู่มาก ที่ได้มาจากตำรา

ถ้าอ่านของธรรมภูต ไม่เข้าใจตรงไหน ถามได้ครับ

แต่เอามาอธิบายเองแบบมั่วๆคิดเองเออเองนั้น ไม่ถูกต้อง

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

^
^
อ้าวลุงออกทะเลไปแล้ว

สงสัยไว้ไม่ผิดจริง มีการป้องกันตัวเองด้วยนะ

ที่ถามไปไม่คิดตอบ คิดแต่จะเหน็บแนมอย่างเดียว

แสดงว่า เป็นสหธรรมมิกกับเอกวีร์แน่ๆเลย

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

โทรศัพท์ตัวอักษรมันเล็ก ผิดกระทู้ได้ลบไปแล้ว อโหสิแระกัน

 

<IMG src='http://palungjit.org/attachments/a.3421309/' width=250>

 

วาทะ นักบวชคึกฤทธิ์ กล่าว ตำหนิพระสารีบุตร ---> ขอผิดนิดเดียวเท่านั้นแหละ จบเลย !!! - Pantip

 

รู้เรื่องอะไรบ้างป่าวนี่. ว่าท่านกล่าวอย่างไร. เพื่ออะไร

 

[๓๙๕] ครั้งนั้น พระสารีบุตรพระโมคคัลลานะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถวายบังคมนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง เมื่อท่านพระสารีบุตรนั่งเรียบร้อยแล้ว
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
พระพุทธเจ้าข้า ขอประทานพระวโรกาส ภิกษุทั้งหลาย
ผู้ประพฤติตามภิกษุผู้ทำลาย พึงอุปสมบทใหม่
พ. อย่าเลย สารีบุตร เธออย่าพอใจการอุปสมบทใหม่ของพวกภิกษุ
ผู้ประพฤติตามภิกษุผู้ทำลายเลย
ดูกรสารีบุตร ถ้าเช่นนั้น เธอจงให้พวกภิกษุผู้ประพฤติตามภิกษุผู้ทำลายแสดงอาบัติถุลลัจจัย ก็เทวทัตปฏิบัติแก่เธออย่างไร
ส. พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถา
ให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ตลอดราตรีเป็นอันมาก
แล้วได้รับสั่งกะข้าพระพุทธเจ้าว่า
ดูกรสารีบุตร ภิกษุสงฆ์ปราศจากถีนมิทธะแล้ว
ธรรมีกถาของภิกษุทั้งหลายจงแจ่มแจ้งแก่เธอ เราเมื่อยหลัง ดังนี้ ฉันใด
พระเทวทัต ก็ได้ปฏิบัติฉันนั้นเหมือนกัน พระพุทธเจ้าข้า ฯ

�����ûԮ�������� � - ����Թ�»Ԯ�������� �

*******************************
^
^
สาธุฯครับคุณสับสน ที่ทำลิ้งให้ได้อ่าน

นี่แหละ"พระพุทธพจน์กิเลสอ้าง"

จากพระสูตรชัดๆ โดยไม่ต้องตีความใดๆเลย

พระพุทธองค์มิได้ทรงตำหนิท่านพระอาจารย์สารีบุตรตรงไหนเลย

เพียงแนะว่า "อย่าพอใจกับการอุปสมใหม่ของพวกภิกษุผู้ประพฤติตามภิกษุผู้ทำลายเลย"

เพราะอะไร? เพราะท่านพระอาจารย์เสรีบุตรเล่งเห็นไปว่า

"ภิกษุเหล่านั้น ขาดอาจหาญ ร่าเริง เนื่องจากหลงผิดไป จึงเสนอทางออกให้"

พระพุทธองค์ได้ทรงเล่งเห็นด้วยพระสัพพัญญูญาณของพระองค์ว่า

"เพียงแค่ให้ภิกษุเหล่านั้น แสดงอาบัติถุลลัจจัยออกมาก็พอแล้ว"

แค่นั้นจริงๆ และไม่ต้องให้ภิกษุเหล่านั้นอุปสมบทใหม่ก็ได้

"ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ตลอดราตรีเป็นอันมาก"

ไม่ใช่ข้อผิดพลาดอะไรสักเล็กน้อยของท่านพระอาจารย์สารีบุตรเลย.

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

คุณนี่..ยังโพสต์โป้ปด เท็จเป็นจริง ไม่อ่านให้ชัดอีก นิสสัยคุณนี่เน่าในรึปล่าว ไม่คิดจะแก้ไขเอาแต่แก้ตัว :boo:

 

^
^
มีพระพุทธพจน์รับรองไว้ชัดเจนเข่นกันครับ

"ดูกรมหานาม
อริยสาวกนั้นอาศัยจตุตถฌาน(สัมมาสมาธิ)
มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์
ไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่านี้อย่างเดียว
ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้
เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่
ข้อนี้เป็นความแตกฉานแห่งญาณข้อที่สาม (อาสวักขยญาณ)
ของอริยสาวกนั้น"

เจริญในธรรมทุกๆท่าน