ความแตกต่างของสัมมาสมาธิกับฌานสมาบัติ ๘

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 13 เมษายน 2015.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    คุณลีลาวดีครับ กำลังสับสนเข้าใจอะไรผิดฝาผิดตัวหรือเปล่า

    ส่วนใหญ่แล้วปุถุชนคนกิเลสหนา ล้วนเป็นผู้รับจนเคยตัวกันไปหมด

    เช่นรู้อะไรแล้ว ไม่รับเป็นไม่มี จึงเป็นตัวเป็นตนเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา

    แค่รับในสิ่งที่ควรรับ ให้ในสิ่งที่ควรให้ พูดง่ายดี ทำยากเอาการอยู่

    ส่วนเรื่องที่คุณพูดว่า "จริงๆแล้วเรื่องพูด ผมพูดไม่ค่อยเก่ง ห้วนๆ กระทัดรัด"

    แน่ใจนะ เท่าที่รู้มา ไม่ใช่อย่างที่พยายามจะบอกให้รู้เลยนะ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ของแบบนี้อย่ามโนไปเองเลยครับ

    เมื่อยังเกาะองค์ภาวนาให้แนบแน่นไม่เป็น

    อย่าไปพูดถึงเรื่องปล่อยองค์ภาวนาเลย

    เรื่องที่ยังอีกไกลจากความจริงในปฏิบัติธรรมกรรมฐานภาวนา

    เมื่อเกาะองค์ภาวนาแนบแน่นจนชำนาญ

    บทจะปล่อยต้องให้เค้าของเค้าเอง

    จึงจะรู้เองเห็นเอง ที่เรียกว่า"รู้เห็นตามความเป็นจริง" ไม่ใชเดาเอา

    ใหม่ๆไม่กระโดไปไกลขนาดฌาน(ไม่ใช่ญาน)๓-๔หรอก

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    พระพุทธพจน์ชัดเจน เรื่อง"สัมมาสมาธิ" กับ "สมาธิ"ทั่วไป

    สัมมาสติ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    พิจารณาเห็นกายในกายอยู่มีความเพียร
    มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสียได้
    พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ฯลฯ
    พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ฯลฯ
    พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร
    มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้
    อันนี้เรียกว่า สัมมาสติ ฯ


    องค์ภาวนา เพื่อให้เกิดสัมมาสตินั้น ต้องเริ่มที่กายในกายเป็นในเท่านั้น
    เมื่อพูดถึงองค์ภาวนานั้น จะเป็นอานาปานสติ พุทโธ สัมมาอรหัง ฯลฯ
    ล้วนเป็นเรื่องของกายสังขาร ทำให้เห็นกายในกายเป็นภายในชัดเจนครับ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน

     
  4. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    เออ..ลุงครับ ความเป็นอริยมรรคของคุณ ยังมีเหน็บมีกัดอยู่หรือครับ ปล่อยวางบ้างก็ได้น๊า ชีวิตจะได้มีสุขยิ่งขึ้นกว่าเดิม

    จำได้ไหม ข้อความก่อน คุณเคยบอกว่าผมรู้ดีไปหมด

    แต่สิ่งที่คนอื่นรู้ ได้ยินได้ฟังมา ปากต่อปาก คำแต่งเติม คุณจะรู้อะไรดีมากผมล่ะครับ

    แม้คุณเองในอดีตยังเคยกินเหล้าสูบบุหรี่อย่างหนัก ปัจจุบันนี้ อย่าบอกนะว่ายังกินอยู่

    อดีตก็คืออดีตสิครัช จะฟื้นฝอยหามรรคเป็นไปได้รึ ปัจจุบันคุณเป็นอย่างไรล่ะครับ
     
  5. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,612
    ค่าพลัง:
    +3,015
    คุณธรรมภูติ ครับ
    คุณนี้เป็นบุรุษว่างเปล่าจริงๆ
    ไม่รู้ว่า อันไหนคือธรรม
    อันไหนคือ อธรรม
    เสียดายแทน คนที่เป็นอาจารย์ จังเลย

    งั้นผมขอให้คุณอยู่แบบว่างเปล่าต่อไปนะครับ
    สาธุ
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    มั่วจิง ไม่ไหวเพลีย...
     
  7. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    การที่จะเป็นพระธรรมถึกมันต้องรู้รอบหรือรอบรู้ และก็ย่อมไม่ปฏิเสธคำสอนของผู้ใดโดยทันที่ทันใด
    เห็นว่าคำสอนของผู้อื่นไม่ตรงกับความคิดของตน หรือที่ตนรู้มาว่าเป็นคำพูดที่ผิด
    ย่อมหยุดคิดแล้วพิจารณาสักนิดว่า ทำไมเขาถึงได้พูดผิดไปจากตน นี่เป็นหลักที่ใช้พิจารณาธรรม

    ดังที่ค้านนั้น ก็ขอให้ไปดูในคัมภีร์พระอภิธรรม ท่านจะพูดใน รูปฌาน ๕ คือ
    ปฐมฌาน,ทุติยฌาน,ตติยฌาน,จตุตถฌาน, ปัญจมฌาน, จริงหรือไม่?
    ในอรูปฌานท่านจะพูดไว้ ๔ คือ อากาสานัญจายตนฌาน, วิญญาณัญจายตนฌาน,
    อากิญจัญญายตนฌาน, เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน. เมื่อรวมกันก็จะนับได้ ๙ ใช่หรือไม่?
    ซึ่งก็ไม่ผิดกฏข้อกติกาใช่หรือไม่?


    หรือจะให้นับแบบที่ใช้กันทั่วๆไป ฌาน ๑-๒-๓-๔ มันก็ต้องต่อด้วย อรูปฌาน ๔ อีก
    มันก็จะนับได้ ๘ ใช่หรือไม่? แล้วทำไมจึงนับได้ ๙ ก็มีเหตุผลที่ว่าการเข้านิโรธสมาบัติอีก ๑
    แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ว่าปุถุชนแม้จะได้ฌานสมาบัติ ๘ ก็ไม่ได้หมายว่าจะสามารถที่เข้านิโรธสมาบัติได้
    การที่จะเข้านิโรธสมาบัติมีด้วยกันอยู่ ๒ ท่านคือ พระอนาคามี กับพระอรหันต์เท่านั้น


    ดังนั้นเมื่อไม่รู้จริงก็อย่าเพิ่งปฏิเสธอะไรๆให้มันขัดเคือง กับผู้ที่สนทนาด้วย
    มันจะเป็นทิฎฐิให้กับตนและผู้อื่นให้เขาหลงเชื่อตามตนไปด้วย เมื่อมันไม่ตรงกับคำเชื่อที่ตนรู้มา
    ก็ควรน้อมใจถามสักนิดว่าทำไมมันเป็นอย่างนั้นล่ะ เพื่อปรับความคิดให้ตรงกัน มันน่าจะดีกว่า
    มาทำเป็นอวดรู้แต่ผู้เดียว คนอื่นโง่หมด คิดว่าการถามคงก็ไม่น่าจะเกิดการเสียหายอะไรมากละมั้ง
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ุ^
    ^
    อ้าว เป็นซะงั้นไป

    ก็น่าจะชัดเจนนะ "เท่าที่รู้"มา เค้าว่าเป็นอย่างนั้น

    ไม่ได้รู้เองเห็นเองซะหน่อย(รู้ไปหมด)55+

    ถ้าไม่ใช่เฉยไปซะ ก็น่าจะดูดีกว่าสวนกลับ

    ความเป็นอริยมรรคไม่มี

    อริยมรรค คือทางเดินสู่ความเป็นอริยะ

    ความเป็นอริยะนั้น แต่งตั้งให้กันไม่ได้ ต้องได้เองครับ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    อย่าเสียดายแทนเลยครับ
    ความเป็นอาจารย์ ไม่ใช่จะต้องรู้ไปหมดซะทุกเรื่อง
    ขอเพียงให้รู้จริงในสิ่งที่รู้ที่สอนก็พอแล้ว

    เป็นบุคคลที่ว่างเปล่า น่าจะดีกว่า
    เป็นบุคคลที่วุ่นวายสับสนจนเลอะเทอะไปหมด
    การอยู่กับความว่าง ที่เรียกว่า"สูญญตวิหาร"นั้น
    ใครทำได้ "สุดยอด"เลยครับ

    มีพระพุทธพจน์รับรองไว้ว่า"เราอยู่โดยมากด้วยสูญญตวิหารธรรม"

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ลุงก็ว่าไปเรื่อยซะงั้น

    ลุงบอกเองชัดๆว่า มีรูปฌาน๔ อรูปฌานอีก๔ รวม๘ เรียกว่าฌานสมาบัติ

    อย่าคิดเองสิครับว่าผมปฏิเสธไปทันที่
    พระพุทธพจน์มากกว่าที่เป็นผู้ปฏิเสธไปทันที

    ลุงว่ามาเองชัดๆว่า บุคคลที่จะเข้า"นิโรธสมาบัติ"ได้นั้น
    ต้องท่านพระอนาคามี และท่านพระอรหันต์เท่านั้น
    เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ยังจะให้มีสมาบัติ๙เข้าไปอีกหรือ?
    ในเมื่อ"ฌานสมาบัติ๘"นั้น ไม่เป็นไปเพื่อ....

    ตลอดเวลาที่สนทนามา ได้พยายามพูดเสมอว่า
    การจะเชื่ออะไรนั้น อย่าเพิ่งเชื่อง่ายๆ โดยไม่ได้สมาทานเพื่อพิสูจน์
    ต้องนำสิ่งที่รู้ ได้ยิน ได้ฟังมาแล้ว
    มาตรวจสอบ สอบสวน เทียบเคียงให้ดีเสียก่อนใช่หรือไม่?

    เมื่อพระพุทธพจน์ชัดเจนแล้ว ยังจะสงสัยอีกหรือครับ?
    อย่าลืมว่า แม้อรรถกถาจารย์ ท่านก็ยังตักเตือนไว้ในสุตตะ๓ว่า
    "ในปกิณณกะเหล่านั้น สุตตะ ใครๆ คัดค้านไม่ได้
    เมื่อคัดค้านสุตตะนั้น ก็เท่ากับคัดค้านพระพุทธเจ้าด้วย."

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  11. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    เอ้..ทำม่ะปู๊ด หลักความเชื่อ คุณหายไปไหนหมด เค้าว่ามาก็เชื่อไปซะแล้ว

    แต่สิ่งที่ผมรู้ดังกล่าว ผมรู้มาจากการที่คุณพูดเองนะครับ

    ที่ไหน ก็ในยูทูบมือถือไมค์ที่คุณลงไว้นั่นไง

    อย่าบอกนะว่าคุณผ่านชีวิตมาจนถึงบัดนี้ ไม่เคยมีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นในชีวิตเลย

    ความเป็นอริยะแต่งตั้งให้กันไม่ได้ ต้องรู้ด้วยตนเอง นั้นถูกต้อง

    แต่ระวังนะ แถวๆเพชรบูรณ์ ที่เคยเป็นข่าวยังพลาดมาแล้ว

    ถึงขนาดบางกลุ่มคนเข้าใจว่าเป็นพระยาธรรม โน้นน่ะ บัดนี้เป็นไง

    เพราะหลงผิด รู้ด้วยตนเอง แล้วเข้าใจว่าตนเป็นอริยะนั่นแหละครับ

    นั่นก็แนวๆพุทธพจน์รับรองนั่นแหละครับ แต่พระพุทธพจน์เป็นสิ่งดีแน่นอน

    มัวแต่มาพิมพ์ตอบโต้ สู้เอาเวลาไปคัดกรองบทความ ตามแนวทางอริยมรรค

    ไว้มาตั้งกระทู้ในช่วงวันสำคัญๆ ไม่ดีกว่าหรือ

    หรือไม่งั้นก็ มิกซ์&ซาวด์ ลงยูทิว เสียงใสๆ

    ความเป็นกัลยาธรรม จะเกิดต่อตนเอง นะครัช ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 เมษายน 2015
  12. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ หรือ อนุปุพพวิหารสมาบัติ

    หากใครในนี้คิดว่าเข้าได้

    ก็ลองดูสิสัก 7 วัน 15 วัน ออกมาแล้วบอกด้วย จะเป็นอานิสงค์ใหญ่

    ลองดูสิว่ากำลังของสมาธิ เอาเป็นเครื่องอยู่

    และจะอยู่ในเรือนวิหารนั้นได้กี่วันกี่คืน

    ส่วน ผลสมาบัติ นี้อีกแบบ ใช่หรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 เมษายน 2015
  13. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    เรื่องวิสัยของผู้ได้ฌาณนี่มันเป็นเรื่องอจินไตยครับ
    อย่าทำท่าสนทนาแต่ใจจริงเอาอัตตาของตนมาทับถมกันเลยครับ
     
  14. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ในนี้อ่านดูก็รู้ใครทำได้หรือใครทำไม่ได้
     
  15. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    การสนทนาแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้เป็นการเยิ่นเย้อ ไม่ต้องอธิบายมากคือเป็นการสนทนากับผู้ที่เชี่ยวชาญอยู่แล้ว
    พอพูดถึงสมาบัติ ๙ ก็จะรู้ได้ทันที่ว่าใครบ้าง
    แต่สำหรับปุถุชนจะได้เพียงแค่สมาบัติ ๘ แล้วต่อด้วยอภิญญาก็สิ้นสุด
    มันจะไม่เป็นไป เพื่อเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ดับชรามรณะได้ มันจะไม่ทำให้ถึงเข้านิพพานในชาตินี้

    ไม่อยากจะพูดว่าคุณธรรมภูตยังต้องศึกษาอีกมาก ไม่ว่าทางปริยัติหรือปฏิบัติ
    เพราะตรงนี้ก็เป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างชัดเจน
    V
     
  16. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    เอ่ออภิญญาเค้าได้กันตั้งแต่อุปจารสมาธิแล้วครับ
    ประมาณฌาณ3-ฌาณ4ครับ
    ไม่ต้องถึง8ก็ได้แล้วครับ
     
  17. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    สมาบัติ9ไม่มีนะครับอย่ายืดออกไปเอง
    เพราะสัญญาเวธยิตนิโรธนั้นอยู่นอกเหนือไปจากฌาณทั้งหลาย
    คือสามารถเริ่มได้จากฌาณ4ก็ได้ครับสำหรับพระอรหันต์สุขวิปัสโก
     
  18. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    อุปจารสมาธิ เป็นสมาธิยังไม่ได้ฌาน เป็นเพียงสมาธิที่ใกล้ฌาน ผู้ที่จะทำอภิญญาจะต้องได้ฌาน ๘ หรือ ๙ จนเป็นวสีแล้วจะถอยมาที่ฌานที่ ๔ หรือฌาน ๕ ที่เป็นรูปฌาน
     
  19. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ลุงหมานไม่เคยปฏิบัติแหงเลย
    ที่ผมรู้เพราะสายที่ปฏิบัติจริงๆจะไม่มีคำว่าฌาณเลย
    มีแต่ขณิกสมาธิ อุปจาระสมาธิ อัปปนาสมาธิ
    เพราะอุปจารสมาธิและอัปปนาสมาธิจะไล้ได้ตั้งแต่ฌาณ3ไปจนถึงฌาณ8
    มันจะพัฒนาไปเรื่อยๆเองครับตามความเพียรของเรา
    ผมเลยบอกไงวิสัยของผู้ได้ฌาณเป็นอจินไตย
     
  20. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    งั้นก็แสดงคุณได้ฌานว่างั้นเถอะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...