ความแตกต่างของสัมมาสมาธิกับฌานสมาบัติ ๘

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 13 เมษายน 2015.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    อย่ายัดเยียดกันเลยนะครับ
    ทุกครั้งที่ยืนยันก็เป็นการเอาพระพุทธพจน์มายืนยันทั้งนั้น ไม่ได้ยืนยันเอง
    ถ้าไม่เชื่อพระพุทธพจน์ อย่างอรรถกถาจารย์ท่านแนะนำไว้แล้ว
    จะให้เชื่อใครก็ไม่รู้ ที่เรียนนิดเรียนหน่อย จำๆมาพูดเท่านั้นหรือ?

    ใครบอกว่า"ปฏิเสธอภิธรรม"โดยเด็ดขาด
    พูดเสมอว่า เอาไว้เรื่องกัน ที่ดีก็เยอะ ที่เลอะเทอะก็มากเช่นกัน

    อย่าเก่งเกินองค์ศาสดาสิครับ ว่าทรงสอนกลับหัวกลับหาง
    เอาแบบเข้าใจง่ายๆว่า ทำไมต้องจิตสงบตั้งมั่นก่อน จึงจะเห็นชอบได้

    คนที่มีจิตใจสับสนฟุ้งซ่านวุ่นวายอยู่ จะมีความเห็นที่ดี ที่ถูกต้องได้หรือ?
    แค่ตรรกะพื้นๆเท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่า ต้องยังสมาธิให้เกิดขึ้นก่อน
    ผู้ที่มีจิตตั้งมั่น จึงจะรู้เห็นตามความเป็นจริง(พระพุทธพจน์)

    ถ้าพระนิพพานไม่มีรู้(จิต)อยู่ ถามตรงๆเถอะแล้วกล้าพูดได้ยังไงว่า "บรรลุพระนิพพานแล้ว"
    อย่าบอกนะว่า ศาสนาพุทธคือการคาดเดาเอา เพราะไม่รู้อะไรเลย คิดแล้วเดาๆเอาเอง

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  2. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ของผมนะ
    จะผีหรือ กุมาร หรือปิสาจ หรือจิต
    ก็ช่วยกันท่องตำราทั้งสองฝั่ง
    ทั้งที่เสพอยู่และ ไม่ได้เสพอยู่

    ผมสังเกตว่าหลายเดือนมานี่เกือบปี
    ผีพวกนี้ เก่งขึ้นมากมาย
    น่าจะไปๆจากผมได้แล้ว

    ตำราหนะไปถ่ายเอกสารเอาก็ได้
    ใจหนะอยากจะเอาไปคืนเจ้าของตำราให้หมด
    แต่ก็มีข้อจำกัดหนะ

    ตอนนี่เหลือแต่แย่งคำภีร์กันแล้ว
    เนื้อความในคำภีร์ เปิด แบ่งกันไปเกือยหมดแล้ว
    จำกันได้เกือบ ทุกผี แล้ว
     
  3. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    มีผีหลายตัว
    ชอบที่ผมแย่งคำภีร์กะผี
    มันบันเทิงดี

    เป็ฯขี้ข้าเค้าแล้ว ก็ต้องกัด กระชาก แย่งกัน
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ก่อนอื่นต้องรู้จักฌานในอริยมรรค คือหนทางที่ดำเนินไปสู่ความเป็นอริยบุคคล
    มีแค่ฌาน๔เท่านั้น ส่วนที่เพิ่มเติมเสริมแต่งในภายหลังนั้น แค่เอาไว้เรียนกัน

    1.ใช่ครับ ณ.ที่ฌาน๔นั้น สัญญาดับ เวทนาดับ ไม่มีสูงกว่าไปนี้แล้วครับ
    เพียงแต่ต้องฝึกฝนจนชำนาญ ทั้งขณะลืมตาและหลับตา
    พอกระทบหรือผัสสะอารมณ์ที่เป็นสัญญา เวทนาเข้ามา ก็สามารถร่อนออกได้ที่เรียกว่า"สลัดออก"

    2.ต้องศึกษาปฏิจจสมุปบาทให้ดีๆครับ เพราะมีทั้งฝ่ายเกิดและฝ่ายดับ ดับได้อย่างไร?
    ต้องมารู้จักกับอวิชชาก่อน อวิชชาคือไม่รู้จักอริยสัจ๔ หรือการรู้ผิดไปจากความเป็นจริง
    รู้อย่างไรที่เรียกว่ารู้ผิดไปจากความจริง คือรู้อะไรเป็นยึดมั่นถือมั่นไปหมดไม่ว่าดีชั่ว

    แต่การปฏิบัติธรรมสัมมาสมาธินั้น เป็นฝึกฝนอบรมตนเองให้มีกำลังสติในการปล่อยวางสิ่งที่ถูกรู้ทั้งหลายครับ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  5. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    นิพพานจะมีรู้อะไรอีกล่ะครับ มีรู้ คือ ญาน
    นั่นความเป็นมรรค และความเป็นผล
    แต่นิพพานพ้นแล้วจากมรรคและผล (อรหันตผล)
    นิพพานหนึ่ง(นวโลกุตรธรรม9) เหนือเหตุปัจจัย
    แม้จิตก็เป็นสมมุติ

    จิตไม่ใช่ขันธ์แน่นอน
    แต่จิตที่ไม่เคยตาย คือจิตของผู้ยังไม่ถึงพระนิพพาน
    ยังเวียนในวัฏฏะ
     
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    คุณ ลีลาวดีครับ

    คิดจะมั่วอะไร ควรเนียนกว่านี้หน่อย

    อย่าทำให้พระพุทธพจน์เสียหายไปกล่าวนี้เลย

    ทั้งที่อรรถกถาจารย์กล่าวโทษ ผู้ที่ไม่เชื่อสุตตะ๓ไว้รุนแรงพอควรนะ

    แปลเข้าไปได้ว่า มีรู้=ญาณ เอาอะไรมาคิด

    ไม่ว่าคนโง่หรือคนฉลาด ล้วน"มีรู้"ใช่หรือไม่? อย่าปฏิเสธแบบดันทุ..อีกหละ

    ญาน=ปัญญ คืออะไร? คือความรู้ ต้องเป็นความรู้ถูกเพียงอย่างเดียว(คนฉลาด)

    พวกคนโง่ๆ โง่แล้วโง่เล่า คนโง่มีรู้เหมือนกัน แต่เป็นความ"รู้ผิด"

    ญาณหรือปัญญา คือความถูกต้อง ที่จิตได้เข้าไปรู้ใช่หรือไม่?

    ตัวรู้(จิต) ไม่ใช่ความถูกต้อง(ญาณ)ความถูกต้องก็ไม่ใช่ตัวรู้(จิต) อย่ามั่วสิครับ

    คุณลีลาวดีพูดเองนะว่า "จิตไม่เคยตาย"

    แล้วทำไมเมื่อถึงพระนิพพานแล้วจิตต้องตายด้วยล่ะ ในเมื่อไม่เคยตาย

    เหมือนคนโง่ที่มีความรู้ผิด ย่อมทำผิดวนเวียนติดคุกอยู่

    เมื่อได้เรียนรู้ปฏิบัติตนเองจนฉลาด ย่อมไม่ต้องเวียนวนติดคุกอีกแล้วใช่หรือไม่?

    ทำไม เมื่อฉลาดขึ้นไม่ต้องวนเวียนติดคุกแล้ว ไม่เรียกว่า"คน"อีกแล้วใช่มัย?

    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของเหตุผลตามความเป็นจริง

    อย่าต้องทำให้ศาสนาพุทธเป็นเรื่องคาดเดาแบบมั่วๆหาเหตุผลไม่ได้

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  7. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    แล้วแต่ คุณเล็ก นะครับ

    ยอมรับว่า งง กับสิ่งที่คุณพิมพ์ตอบมา ดูเหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งที่ผมโพสไว้

    เพราะคุณเองก็ยังไม่ถึงพระนิพพาน

    ย่อมกล่าวได้ว่า คุณเอง ก็ย่อมต้องคาดเดาแบบมั่วๆ

    หาเหตุผลมาเข้าข้างสนับสนุนตนเอง ย่อมยังไม่พ้นคุก เช่นกัน ใช่หรือไม่

    ทีนี้ ลองมาดูสิ่งที่ คุณเล็ก โพสไว้ใน@24

    หากไปเปิดดูในพระสูตร จะต่างกันเลยกับสิ่งที่คุณเล็กพิมพ์ไว้

    "จูฬเวทัลลสูตร" ว่าด้วยสมาธิและสังขาร

    กล่าวตอนท้ายไว้ว่า (อย่าบอกนะว่าพระสูตรนี้ใช้ไม่ได้)

    กายสังขาร จิตสังขาร ดับฌานไหน
    ����ûԮ�������� �� - ����ص�ѹ��Ԯ�������� �
     
  8. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    อริยสัจจ์

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
    อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

    อภิญญาวรรคที่ ๖
    [๒๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ

    ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกำหนดรู้ไว้ก็มี
    ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงละเสียก็มี
    ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงให้เจริญก็มี
    ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกระทำให้แจ้งก็มี

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย

    ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกำหนดรู้เป็นไฉน อุปาทานขันธ์ ๕ นี้
    เราเรียกว่า ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกำหนดรู้ไว้

    ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงละเสียเป็นไฉน คือ อวิชชาและภวตัณหา นี้
    เราเรียกว่า ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงละเสีย

    ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงให้เจริญเป็นไฉน คือ สมถะและวิปัสสนา นี้
    เราเรียกว่า ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงให้เจริญ

    ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกระทำให้แจ้งเป็นไฉน คือ วิชชาและวิมุตติ นี้
    เราเรียกว่า ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกระทำให้แจ้ง

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้แล ฯ
    ______________________________________________________

    เพียงต้องการแสดง ว่า วิปัสสนา ที่เป็น พุทธพจน์ โดยตรง มีอยู่

    มีสูตรหนึ่ง ชื่อ อากังเขยยสูตร พุทธะท่าน ท่านตรัส ให้ภิกษุจงเลื่อมใสในพระปาฏิโมกข์
    ให้ภิกษุมีความพยายามกระทำให้บริบูรณ์ในพระปาฏิโมกข์ ซึงจะเป็น บาทฐาน
    ให้การเจริญสมถะและวิปัสสนา ทำแล้วให้เข้าถึงประโยชน์ ๑๗ ประการ
    เฉพาะอากังเขยยสูตร สูตรเดียวตรัสคำว่าวิปัสสนาถึง ๑๗ หน
    และยังมีสูตรอื่นมากมายหลายสูตร ที่มี "วิปัสสนา" เป็นพุทธพจน์

    _____________________________________________________

    ส่วนในสูตร ที่ยกมานี้ เป็น อภิญญาวรรคที่ ๖
    พุทธะแสดง อริยสัจจ์๔ ในอีกปริยายหนึ่ง
    พุทธะท่านยกสมถะและวิปัสนา ขึันแทน อริยมรรค มีองค์๘ ในส่วน ของ มรรค

    ขอเสนอความเห็นหน่อยหนึ่งว่า พุทธะท่านเตือนผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ เสมอว่า องค์ประกอบสำคัญ ในการบำเพ็ญสมาธิภาวนา คือ

    ๑.ความเห็นที่ตรง คือ สัมมาทิฐิ
    ๒.ความบริบูรณ์ในพระปาฏิโมกข์ คือ ศีลบริบูรณ์

    และโดยเฉพาะ "ความเห็นที่ตรง" ที่ทำให้ พุทธะท่านต่างจาก อาจารย์ของท่านทั้งสอง
    เมื่อท่านตรัสรู้ใหม่ๆ มีพุทธปริวิตกกถา ถึง อาฬารดาบสและอุทกดาบส ว่า เป็นผู้มีความเสื่อมใหญ่เสียแล้ว

    ฌานสมาบัติ หากใช้โดยปราศจากความเห็นที่ถูกตรง ก็เกิดโทษมหันต์
    _____________________________________________________

    ช่วงนี้ ผมมีความรู้สึก สลด-สังเวช ค่อนข้างมาก
    บางทีอาจจะ ไม่ค่อยได้เข้ามา แสดงความเห็นกับเพื่อนๆ
    ขอไปเพ่งธรรมด้วยตนเอง ซักระยะหนึ่ง ครับ
    ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2015
  9. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123

    ขอให้ได้อริยมรรค อริยผล ละได้ในอุปทานขันธ์ ถึงความดับสู่นิโรธ
    น่าสลดสังเวธเช่นกันครับ

    คุณ มังคละมุนี ลองศึกษาพระสูตรนี้ เอาไปเพ่งธรรมครับ

    ฌานสูตร
    ����ûԮ�������� �� - ����ص�ѹ��Ԯ�������� ��
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    คุณลีลาวดี กำลังจะบอกว่าที่ผมเอาพระพุทธพจน์มายืนยัน
    เป็นการคาดเดาเอาเองแบบมั่วๆใช่มั้ยครับ

    คุณไม่รู้สึกละอายแก่ใจกับการกระทำที่กระทำลงไปหรือ
    ถ้าที่ผมสรุปไปเป็นการคาดเดาแบบมั่วๆ
    ก็แสดงว่าคุณกำลังกล่าวตู่ลบหลู่พระพุทธพจน์ว่าคาดเดาเอาแบบมั่วๆนะครับ

    แล้วเวลายกพระสูตรมาแย้ง กรุณาแสดงข้อธรรมที่ขัดแย้งด้วย
    อย่าใช้วิธีเดิมด้วยยัดเยียดที่ทำอยู่เป็นปรกตินิสัยถาวร

    ต่างกันตรงไหนยกมาตรวจสอบ สอบสวน เทียบเคียงแบบชัดๆ
    จิตสังขารคือจิตสังขาร
    มีตรงไหนที่ธรรมภูตบอกว่า เวทนา สัญญา ไม่ใช่จิตตสังขาร

    บอกแล้วจะมั่วเพื่อยัดเยียมอะไรขอให้เนียนกว่านี้หน่อยนะ

    ที่ธรรมภูตกล่าวไว้
    ณ.ที่ฌาน๔นั้น สัญญาดับ เวทนาดับ ไม่มีสูงกว่าไปนี้แล้วครับ
    ผิดตรงไหนเมื่อเทียบกับสัมมาสมาธิฌาน๔ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงกล่าวไว้
    บรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่


    ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ เวทนาดับใช่หรือไม่?ตอบชัดนะลีลาวดี
    ดับโสมนัสโทมนัสแต่เก่าก่อนได้ สัญญาดับใช่หรือไม่?ตอบชัดนะลีลาวดี
    แล้วอย่าแอบอ้างพระสูตรแบบมั่วๆเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น จำเอาไว้นะ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน

    ปล.สงสัยจริงๆว่า ทำไมเวลาตอบไม่ได้หมดทางไป
    ชอบอ้างว่า "เพราะคุณเองก็ยังไม่ถึงพระนิพพาน"
    รู้ได้ยังว่า ใครเคยหรือยังไม่เคยมาก่อน อย่ามโนเองสิ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2015
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ลีลาวดี ถามตรงๆเถอะ ไม่รู้จักคำว่า "จิตตสังขาร"

    ไม่รู้จริงๆหรือแกล้ง...เอาตัวรอดซะงั้น

    อย่าลืมตอบที่ถามไปแบบชัดๆด้วย แล้วมาว่าต่อ กายสังขาร จิตตสังขาร

    ทั้งๆที่บทความเขียนไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า

    กายสังขารดับตอนไหน? จิตตสังขารดับตอนไหน?

    เจริญธรรมทุกๆท่าน
     
  12. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    โอเคๆ ผมอ่านผ่านๆ ที่คุณพิมพ์ตอบมานะ ขี้เกียจอ่านสนทนาด้วยล่ะ

    ว่าแต่จะเดี่ยวไมโครโฟนอีกเมื่อไหร่

    อ่ะเห้อ แล้วอุเบกขา มันใช่เวทนาไหมล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 เมษายน 2015
  13. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    ดูๆแล้วคุณธรรมภูต เชื่อมั่นในตนเองสูง จากที่เคยฟังดูในยูทูป ที่คุณได้ลงไว้
    เห็นบอกว่าอดข้าวเย็นมาร่วมเป็น 10 ปี หรือไม่แน่ว่าคุณเชื่อมั่นในคุณธรรมที่ตนเองถึง

    แต่สิ่งที่คุณเคยเข้าหาครูบาอาจารย์พระท่านหนึ่งแถวราชรี
    ท่านเองก็กล่าวไว้อยู่บ่อยในเทศนา นิพพานไม่มีจิต ก็ไม่เห็นจะน้อมรับสิ่งนั้นจากท่าน
     
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    อย่าลืมนะครับ อุเบกขามีสองอุเบกขา

    เฉยโง่ นั่นเป็นอุเบกขาเวทนา

    ส่วนวางเวทนาทั้งหลายลงได้ เป็นอุเบกขาสติปาริสุทธิง

    เฉยแบบละสุข ละทุกข์ ละโสมนัส ละโทมนัสได้

    เรียกว่า "เฉยจริงๆ" ไม่ใช่แกล้งเฉย(เฉยโง่)

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ไม่เคยคิดประมาท ที่ว่ามั่นใจตนเองนั้น
    เป็นความมั่นใจในพระพุทธพจน์ต่างหาก
    ไม่เคยต้องอด เพียงแต่รู้สึกว่ามื้อเย็นนั้นเป็นภาระยิ่ง
    ระยะเวลาที่ว่ามานั้นต้องคูณสองเข้าไป

    ส่วนท่านพระอาจารย์ที่ราชบุรีนั้น
    เป็นเรื่องที่ท่านต้องหาบริบทมารองรับเองครับ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  16. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    หากรู้สึกว่ามื้อเย็นเป็นภาระยิ่ง

    แต่ทำไม ไม่รู้สึกว่า ชีวิตการครองเรือน เป็นภาระยิ่งกว่าล่ะครับ

    เพื่อความมั่นใจยิ่งในพุทธพจน์ เมื่อรู้สึกภัยในวัฏฏะยิ่ง

    เพื่อปลงในขันธภาระโดยสิ้น เพื่อถึงฉฬังคุเบกขาอันยิ่ง

    และเพื่อว่า

    (เคนะ เล็กๆไม่)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 เมษายน 2015
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    รู้ดีไปหมดเลยนะลีลาวดีว่า ธรรมภูตมีชีวิตครองเรือน

    เท่าที่ธรรมภูตเช็คดูแล้ว เรือนทั้งหมดที่มี๕หลัง

    ธรรมภูตไม่มีชื่อว่าได้ครองเลยสักหลัง

    ทุกวันนี้ขออาศัยเค้าอยู่ เค้าก็เมตตาให้ห้องเล็กๆพอดิ้นตายเท่านั้น

    มีที่นอนยางพาราเล็กๆหนาสักนิ้วได้มั๊ง ตู้เสื้อผ้ามือสอง พร้อมหิ้งพระมือหนึ่ง

    ภาษาพูดจะพูดให้หรูดูดี เช่นภาษาธรรมที่จำมาหนะ "พูดง่าย"

    แต่ความจริงก็คือความจริง ที่ไม่ต้องเพิ่มเติมเสริมแต่ง ก็เรียบง่ายได้

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  18. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    บางสิ่งบางอย่าง การจะเป็นผู้ให้ แต่ไม่รู้จักความเป็นผู้รับ
    ย่อมจะไม่เกิดประโยชน์กับผู้อื่น บางครั้งต้องยอมโง่ คนละเรื่อง!!
    จริงๆแล้วเรื่องพูด ผมพูดไม่ค่อยเก่ง ห้วนๆ กระทัดรัด
    แต่การพิมพ์ก็พอประมาณ

    เล็กๆไม่ เคนะ
     
  19. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,612
    ค่าพลัง:
    +3,015





    ตอนท้ายนี่ ฉลาดในการปฏิบัติมากครับ
    เน้นที่การไม่เที่ยงของลม
    ก็จะเกิดเป็น อานาปานสติ
    ใน กายานุปัสสนา
    ของ สติปัฏฐานสี่ ทันที


    การเพ่งลม ต้องเพ่งจนเห็นว่า
    ลมมันเกิด แล้วก็ดับ
    ดับแล้วก็เกิด อยู่ตลอดเวลา
    อันนี้จะได้ญานพิจารณการเกิดดับ


    แต่ส่วนมากที่นักเพ่งลมจะติดอยู่
    ก็คือ เมื่อเพ่งไปแล้วไม่ยอมปล่อยคำภาวนา
    พยายามจะภาวนา พุทโธ ให้ได้ตลอด
    มันก็จะติดๆขัดๆ อยู่อย่างนั้น
    เมื่อหลุดจากพุทโธ ก็เข้าญานสาม
    หรือ ญานสี่เลย ซึ่งเป็นญานที่ลึกไป
    ทำวิปัสสนาไม่ได้
    พอออกจากญานสี่ ก็ภาวนา พุทโธ ต่อเลย
    ทำให้ไม่สามารถทำวิปัสสนาได้อีก
    ผลสุดท้ายได้แต่สมาธิ
    แต่ไม่เกิดปัญญาซักที


    นักวิปัสสนาที่ดี
    ต้องรู้จักนำ ไตรลักษณ์ ข้อใดข้อหนึ่ง
    มาจับกับอะไรสักอย่าง
    ที่มันเป็นความจริง เป็นปัจจุบัน
    ให้ได้ แล้วฝึกมองตามนั้น
    ให้จิตเห็นจริงตามนั้น
    จนจิิตของเรา เชื่ออย่างนั้นจริงๆ
    เชื่อว่า สิ่งนี้มันไม่เที่ยง
    เชื่อว่า สิ่งนี้มันก่อทุกข์
    เชื่อว่า สิ่งนี้มันคือสิ่งสมมุติ

     
  20. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ความแตกต่างของสัมมาสมาธิกับสมบัติคือคนที่ยังไม่เข้าใจอริยสัจจริงๆจะได้สูงสุดแค่สมาบัติแปดเท่านั้น. เพราะการปฎิบัติสมาธินั้นสติไม่ได้ระลึกตรงลักษณะความเป็นจริงพวกนี้ยังไม่มีปัญญา. เข้าไม่ถึงอริยสัจ. จะสังเกตุบุคคลเหล่านี้จะติดพวกฤทธิ์ต่างๆ.ทำได้ถึงความสงบ. แต่เก็บอารมณ์ไม่ได้. มีแต่เรื่องเล่าแปลกๆฟังแล้ว งง ชวนคนให้สงสัย. ไม่ไขความสว่างทางปัญญา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...