ความจริงเรื่องรูปหลวงปู่เทพโลกอุดร

ปัจจุบันนี้เป็นโลกของข้อมูลข่าวสาร หมดยุคของความงมงายอีกต่อไป ศาสนาพุทธ พระแท้ ครูบาอาจารย์แท้จริง ไม่สอนให้คนงมงายแล้วครับ เรื่องเหนือโลกถึงเวลายุติแล้ว

 

ยุคนี้เป็นยุคของโลกไซเบอร์ ข่าวสารของจริงมีคนไปพิสูจน์ มาจากพื้นที่จริง โดยนักเขียนอาวุโส ไม่ใช่ไอ้พวกที่มีปมด้อย แล้วอยากออกหนังสือ เขียนเชียร์ของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ภาษาไทยยังไม่กระดิก ข้อมูลเชิงลึกมีมาขนาดนี้ หากยังไม่เชื่อ ยังหลงงมงายกับของปลอม ก็คงต้องปล่อยไปครับ

 

เดิมเป็นรูปของหลวงปู่พรหมจริง แต่ได้มีการแต่งภาพใหม่เพื่อใช้แทนรูปเคารพของหลวงปู่ใหญ่ ภาพต้นฉบับเดิมก็ยังอยู่ เนื่องจากหลวงปู่ใหญ่เป็นพระสมัยไหนไม่มีใครทราบ นอกจากผู้ได้เจอท่านรู้จักท่านได้คุยกับท่านจริงคือบรรดาลูกศิษย์ของท่านนั่นเอง เนื่องจากไม่มีรูปเคารพ เพราะท่านเป็นพระโบราณจึงไม่มีการถ่ายรูปไว้ และมีลูกศิษย์อยากทราบว่าท่านหน้าตาเป็นอย่างไร ปู่จึงบอกไปเอารูปหลวงปู่พรหมมา บอกว่าท่านเหมือนหลวงปู่ใหญ่มากที่สุด ลูกศิษย์เมื่อได้รูปมาแล้วได้ระบายรูปใหม่ เพราะจะได้ต่างจากหลวงปู่พรหมบ้าง จะเห็นได้ว่ารูปของหลวงปู่พรหมใบหน้าจะกลม แต่ของหลวงปู่ใหญ่จะต่อบลงเล็กน้อย เพราะนำรูปหลวงพ่อพรหมมาระบายใหม่

ส่วนที่มีคนบอกว่าไปถ่ายรูปนี้จากถ้ำวัวแดงนั้นผมไม่ทราบความ

ยังมีพระที่เหมือนหลวงปู่ใหญ่อยู่อีกองค์ คือหลวงพ่อจิตติ อุตมจโร วัดวังปลาหมู ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ปัจจุบันมรณะภาพแล้ว และได้เก็บสรีระของท่านไว้ในโลงแก้วนำไปเก็บไว้บนถ้ำ

ที่ผมออกมาอธิบายเพราะอยากให้ทราบเจตตนาเดิมที่นำรูปนี้มาใช้ มีคนทราบเรื่อง และยืนยันเรื่องนี้ได้ไม่กี่คน เพราะเมื่อก่อนมีคนสนใจเรื่องหลวงปู่ใหญ่น้อยมาก จึงไม่มีใครสนใจ และบอกต่อกันมาว่าเป็นรูปหลวงปู่ใหญ่

ประเด็นเกิดขึ้นเมื่อหนังสือพิมพ์ข่าวสด พาดหัวข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ และกล่าวหาปู่ว่าเป็นคนลวงโลก สมัยนั้นปู่ยังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้สนใจใส่ใจอะไร เรื่องก็เงียบไป

ผมสรุปว่า รูปถ่ายเป็นรูปของหลวงปู่พรหม
ส่วนรูประบายใหม่ใช้แทนรูปหลวงปู่ใหญ่
ขอบคุณมากครับ

 

หลวงปู่บอกตอนไหน ตั้งแต่ติดตามข่าวของหลวงปู่ในโลกทิพย์ตั้งแต่ปีแรก ๆ ไม่เห็นมีข้อความไหนที่บอกว่าหลวงปู่ให้ไปเอารูปหลวงพ่อพรหมมาใช้แทนรูปของท่าน มีแต่บอกว่าเป็นรูปของท่านถ่ายได้จากถ้ำวัวแดงทั้งนั้น แม้แต่หลวงพ่อวัยก็บอกว่าใช่ หลวงพ่อพลก็บอกว่าใช่ ปู่โทนก็บอกว่าใช่

แล้วทำไมถึงมาบอกทีหลังว่าหลวงปู่ให้ใช้รูปหลวงพ่อพรหมแทน แปลกดี พวกที่รู้เรื่องการเอารูปมาดัดแปลงปิดบังอำพรางไว้ทำไม ทำไมไม่บอกไปตั้งแต่แรก ๆ เลยว่า หลวงปู่มีเค้าหน้าคล้ายคลึงกับหลวงพ่อพรหม แสดงว่ามีเจตนาไม่สุจริต และจะบอกว่ามีคนสนใจหลวงปู่น้อยคนก็ไม่จริง เมื่อโลกทิพย์นำเรื่องราวของท่านมาลงใหม่ ๆ กระแสหลวงปู่เทพฯฟรีเวอร์มาก ถึงขนาดจัดทริปจัดทัวร์ตระเวณหาถ้ำวัวแดง กราบศิษย์สายหลวงปู่เทพฯทั้งสายบัาน สายในดง สะพัดไปหมด โลกทิพย์นำมาลงต่อเนื่องกันเป็นปี ไม่เห็นมีใครพูดสักคนว่ารูปที่เอามาให้บูชาเป็นรูปหลวงพ่อพรหมดัดแปลง มีแต่ยืนยันทั้งนั้นว่าใช่หลวงปู่เทพ


ใช่ก็บอกว่าใช่ ไม่ใช่ก็บอกว่าไม่ใช่ แค่นี้ก็จบ ไม่เห็นจะต้องยักย้ายดัดแปลงไปทางอื่นให้มีพิรุจมีเงื่อนงำอีก สำคัญคนที่รู้เรื่องรูปแล้วแต่ไม่ยอมออกมาพูดแต่แรก ๆ แต่พอหลักฐานปรากฏจึงค่อยมาพูดอ่อย ๆ ว่าไปเอารูปมาดัดแปลงนี่ไม่เข้าใจเจตนาจริง ๆ ว่าแก้ข่าวหรือจำนนด้วยหลักฐานกันแน่

 

ผมชอบประโยคนี้มากเลยครับ

" ผมสรุปว่า รูปถ่ายเป็นรูปของหลวงปู่พรหม
ส่วนรูประบายใหม่ใช้แทนรูปหลวงปู่ใหญ่"

โดนใจผมจริงๆ

อ่านให้ดีๆ แล้วจะเข้าใจที่คุณ คนไม่สำคัญ พยายามอธิบายให้ฟัง

ว่าจริงๆเรื่องจบอยู่แล้ว ไม่เข้าใจกันเองนี่น่า "เอารูปมาเป็นแบบ" อะ

เฮ้อ.........

" ปู่จึงบอกไปเอารูปหลวงปู่พรหมมา " ปู่ที่ว่านั้นหมายถึงครูโทน

ไม่ใช่หลวงปู่ซะหน่อย

 

มีด้วยหรือครับเอารูปมาเป็นแบบ แล้วปู่รู้ืจักหลวงพ่อพรหมตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ อย่างที่ อ.ศนิวาร บอกไว้นั่นแหละครับ ทำไมไม่ออกมาบอกตั้งแต่ทีแรกว่ารูปแต่งเติมมา จนมาความจริงเรื่องรูปนี้ปรากฎแล้ว ทำไมถึงเพิ่งจะมาบอก

 

สมมุตินะว่าเวลาเราจะบรรยายหน้าตาเพื่อนเราให้คนอื่นฟัง เราก็เอาหน้าตา

ของคนที่รู้จักมาเป็นไกค์ไลน์ เช่นว่าเพื่อนคนนี้หน้าตาเหมือนเคน ธรีเดช

หรือคนอื่นก็แล้วแต่ แต่แตกต่างกันตรงนี้นะ จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจง่ายกว่า

ไหม กรณีนี้ก็เหมือนกัน การจะอธิบายให้คนวาดเข้าใจง่ายสุด ก็คือหาบุคคล

ที่หน้าตาคล้ายกันแล้วแก้ไขในจุดแตกต่าง ง่ายสุดๆแล้วครับ

ส่วนในกรณีที่ไม่บอกตั้งแต่แรก ง่ายๆคาดว่าคงไม่มีใครถามมั่งครับ เลยไม่รู้จะ

บอกเพื่ออะไร

และการที่จะเชื่ออย่างไงก็แล้วแต่ แต่การบอกว่านักเขียนอาวุโสแล้วเชื่อถือได้

ทั้งหมด ผมไม่เห็นด้วยเลย เพราะสิ่งที่นักเขียนอาวุโสรู้ ก็ใช่ว่ารู้ทุกสิ่ง และที่

รู้ก็ใช่ถูกทั้งหมด แล้วผมก็เคยเจอนักเขียนรุ่นเก่าหลายคนที่ก็เป็นเหมือนเราๆ

ท่านๆนั้น ยังเปี่ยมด้วยกิเลสตัณหา กินเหล้าเคล้านารี อยากมีอยากได้ บุคคล

เหล่านี้ผมคิดว่าไม่สามารถเชื่อได้สนิทใจหรอก ถ้าไม่มีวาสนาได้เจอด้วยตัว

เอง แล้วจะเลือกเชื่อในบุคคล หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ.สิงค์บุรี

น่าเชื่อกว่าไหม ก็เคยได้ยินมาว่าท่านก็เคยเจอหลวงปู่ใหญ่ และท่านยังมีชีวิต

อยู่ อยากรู้จริงๆ ทำไมไม่ลองไปถามท่านละ ดีกว่ามาเถียงกันไม่แบบนี้ แต่

ถ้าคิดว่าหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ยังไม่น่าเชื่อถือ อันนี้ก็จนใจครับ

 

นักเขียนอาวุโสอย่างที่คุณว่ามีใครบ้างล่ะครับ ผมไม่รู้จัก คนทุกคนมีกิเลสกันทั้งนั้น แล้วไอ้พวกที่แต่งนิยายขายพระ เอารูปมาหลอกขายเป็นปี ๆ มันต่างจากนักเขียนที่คุณว่ามาตรงไหน แต่นักเขียนอาวุโส คนที่เขียนนี้ผมว่าเป็นคนน่าเชื่อถือไว้ใจได้ ถึงกับลงไปหาข้อมูลหลักฐานในพื้นที่จริง ไม่ใช่มานั่งเทียนเขียน เพ้อพก แถมคนเชื่อก็ยิ่งงมงาย แบบไม่มีสติดั่งที่เห็น ๆ กันอยู่ คุณอย่าเอาเรื่องนี้ไปเปรียบกับครูบาอาจารย์อย่างหลวงพ่อจรัญ อีกอย่างท่านก็ไม่ได้บอกว่ารูปนี้ปู่ให้มาเป็นแบบ ไม่เคยได้ยินท่านพูด ผมก็เป็นลูกศิษย์ท่านเหมือนกัน และผมก็ไม่เคยคิดว่าท่านไม่น่าเชื่อถือ แต่คุณลืมเรื่องหัวข้อนี้หรือเปล่าครับว่า "ความจริงเรื่องรูปของหลวงปู่โลกอุดร" หลวงพ่อจรัญท่านก็บอกว่าหลวงปู่โลกอุดรมีจริง ซึ่งผมก็ไม่เถียงว่าจะมีจริงหรือไม่ ผมไม่เก่งขนาดจะรู้ได้ว่ามีจริงหรือไม่จริงเพียงแต่มันน่าสงสัยตรงที่บอกว่า "ปู่บอกให้ไปเอารูปหลวงพ่อพรหมมา" ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับ เมื่อก่อนทำไมไม่เห็นมีคำพูดอย่างนี้ออกมา อย่างนี้ไม่เรียกว่า "แถ" แล้วจะเรียกว่าอะไร

 

นานาจิตตัง การที่มีคนเอาหลวงปู่ใหญ่ไปหากิน แล้วเป็นเอามาเป็นโทษหลวงปู่ใหญ่ ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ อือ ก็แล้วแต่ ส่วนเรื่องไกค์ไลน์ในการวาดภาพ อธิบายแล้วไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้จะพูดยังไง แล้วเรื่อง แถ ผมจะแถทำไม เงินสักบาทก็ไม่ได้ ผลประโยชน์สักเรื่องก็ไม่มี. ยิ่งผมเป็นคนไม่ชอบเถียงในหน้ากระดานแบบนี้ด้วย มันไม่เห็นหน้าเห็นตาอะ เอาเป็นว่าถ้าอยากคุยกับผม มาหาผมได้นะ อธิบายง่ายกว่าเยอะเลย

 

แล้วใครไปโทษหลวงปู่ใหญ่ล่ะครับ ผมเองก็ไม่ได้กล่าวว่าหลวงปู่โลกอุดร ผมเองก็ไม่ชอบเถียงชอบเหตุผลมากกว่า ว่าแต่พี่สะดวกจะให้ผมไปหาที่ไหนดีล่ะ หรือจะมาหาผมที่นครปฐมนี่ก็ได้ ผมยินดีคุยกับพี่เหมือนกัน

 

มหิดล ศาลายา ไม่น่าไกลกัน จะมานัดล่วงหน้าก่อนนะ ผมเข้าร้านไม่เป็นเวลา

 

โอ เค ครับพี่ นัดหลังไมค์แล้วครับ

 

อ้าวพี่ๆ นัดกัน ไม่ชวนผมเลย ผมขอดูพระอย่างเีดียวนะพี่ แหะๆ

 

ผมว่าในกรณีนี้ หลวงปู่เทพฯท่านเป็นนามธรรม อย่างเช่น หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ แต่หลวงปู่ทวด ท่านก็มาตรงๆ คือ เอาภาพมาจากนิมิตร ขึ้นมาใหม่เลย ไม่ต้องแอบอ้างอะไร ไม่ต้องreference พระรูปใด ก็มีคนศรัทธา ทั่วประเทศ ผมก็หนึ่งในนั้น

แตุ่พอเรื่องภาพหลวงปู่เทพฯ ท่านถูกตีแผ่ ความจริง กลับมีการบอกมาว่าเห็นว่าคล้าย ซึ่งตอนแรก บอกว่า นี่คือรูปท่าน เห็นที่ไหนก็คือ หลวงปู่เทพฯ แทนที่จะเป็นหลวงพ่อพรหม แล้วทำไม ไม่ทำออกมาแบบหลวงปู่ทวด ก็จบแล้วตั้งแต่แรกๆ เจตนาไม่ชัดเจน น่ากลัวจะหลอกลวง เชื่อไม่ได้หรอกครับ

ถามว่ามีหรือป่าว ผมถามพระสายวัดป่า ท่านก็บอกว่ามี แต่หน้าตาท่านออกไปทางแขกๆ หน่อย ไม่เห็นจะตรงกันกับหลวงพ่อพรหม ซึ่ง ไม่ออกแขกๆเลย เชื้อสายแห่งการมาจากอินเดีย ตั้งแต่พุทธกาล ก็ต่างแล้ว สรุปคือ มั่ว

 

55 55 เอาเถอะครับ สุดแล้วแต่เชื่อ

 

คิดเหมือนกันเลย ทำไมหลวงพ่อทวดท่านยังบอกในนิมิตรได้ ไม่ต้องนำไปเปรียบเทียบกับพระรูปใหน...........

 

ถือว่าแชร์ข้อมูลกันนะครับ ผมก็รับฟังเขามา จะประสบพบเจอบ้างก็เล็กน้อย คนระบายรูปก็เสียชีวิตแล้วปี2549 หนังสือไปสัมภาษณ์ปู่ประมาณ ปี 2530 ประมาณนี้ เรื่องมาดังตอนข่าวสดมาลงปี2538 รูปหลวงปู่ใหญ่เริ่มแจกจ่ายให้บรรดาลูกศิษย์ประมาณปี 2520 กว่า ๆ ปู่บอกว่าไม่ได้บอกอะไรโลกทิพย์มากนัก เขาเอาไปแต่งเพิื่่มเติมกันเอาเอง ท่านรู้จักหลวงปู่ใหญ่เมื่อไร และท่านรู้จักพระใบฎีกาพรหมกันตอนไหน สมัยก่อนรูปถ่ายมันน้อย ไม่ค่อยมีคนรู้จัก จึงได้นำมาระบายเพื่อใช้เป็นรูปเคารพ แจกจ่ายกันในบรรดาลูกศิษย์ ใครมาก็ถามว่าหลวงปู่ใหญ่หน้าตาเป็นอย่างไร พอได้รูปมาปู่ก็บอกว่านั่นคือหลวงปู่ใหญ่ ส่วนใครจะนำไปหากินนั้นผมไม่ทราบได้
ผู้คนมาหาปู่ ๆ ก็สอนให้นั่งสมาธิทำบุญทำทาน ทำยาหม้อ ดูหมอ(ยกเมฆ) เรียกของ ปัดเป่าคุณไสร ตามที่ท่านช่วยได้ ไม่เคยให้ร้ายใคร
ถามว่าปู่รู้จักหลวงปู่พรหมหรือ พระใบฎีกาพรหม หรอ
ปู่รู้จัก หลวงปู่สี หลวงปู่เทศ หลวงพ่อพรหม หลวงพ่อเดิม ไปถามอาจารย์แบงค์ วัดกกกร้าว ปู่รู้จักหลวงพ่อเงิน ปู่เคยไปช่วยครูบาศรีวิชัยทำถนนขึ้นดอยสุเทพ พระสุปัญโณที่รู้จักครูโทน หล่ำแพร เยอะมาก แม้แต่หลวงพ่อคูณก็รู้จักปู่ดี ไปถามท่านได้
รูปถ่ายเดิม ๆ แล้วคือพระใบฎีกาพรหม แน่นอนถูกต้อง

แต่รู้ที่ระบายใหม่เราใช้แทนรูปเคารพหลวงปู่ใหญ่ ถูกต้องแน่นอน
ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ ก็คิดว่าผมเล่านิทานให้ท่านอ่านก็แล้วกัน

 

มีรูปที่เหมือนหลวงปู่ใหญ่มากขนาดนี้แล้ว จะต้องไปนิมิตรอะไรละครับ หลวงปู่เย็นเจอและเรียนวิชาตัว พ. กับหลวงปู่ใหญ่ ที่วัดระฆัง กทม. พอมีลูกศิษย์นำรูปนี้ไปให้ท่านดู ท่านก็บอกว่า นี่แหละอาจารย์ที่มาสอนวิชาตัว พ.ให้ฉัน หลวงปู่เย็นท่านก็อยู่ สิงห์บุรีนะครับ