ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    [​IMG]
    image from internet

    ข้อความสื่อสารประจำสัปดาห์จากท่าน Hilarion
    ประจำวันที่: 15-22 มีนาคม 2015
    ที่มา:HILARION 2015 - The Rainbow Scribe


    คุณคุณที่รัก....

    ในขณะที่คุณคุณได้ทำตามแรงบันดาลใจให้กับตนและผู้อื่น
    และกลับเข้าสู่ภายในบ่อยๆอยู่นั้น
    นั่นทำให้คุณเริ่มสุขอยู่กับการนั่งนิ่ง ๆ อยู่กับจิตวิญญาณของคุณ
    ซึ่งเป็นที่ที่เงียบสงบเกินกว่าที่จะเข้าใจได้
    เพราะที่นี่คือที่ที่พิเศษสำหรับคุณที่เป็นทั้งวิหารและโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์ของคุณ
    และยังเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะจัดหาทุกสิ่งทุกอย่าง
    ที่สำคัญและคู่ควรให้กับคุณในระหว่างทางที่คุณกำลังจะผ่าน

    และณ.ที่นั้น ก็มีโลกของความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุดตั้งอยู่
    ที่เหมือนสมบัติทองคำที่รอคอยให้ค้นพบ
    ทั้งตัวคุณก็จะจดจำได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยรู้และเคยได้สัมผัสภายในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นี้
    คุณจะกลับไปเชื่อมต่อได้อีกกับความจริงของคุณอีกครั้ง
    ด้วยตัวตนที่แท้จริงที่ใสบริสุทธิ์ และมีอิสระภาพของตนเอง
    ที่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในตัวคุณได้เรียกหาอยู่ในเวลานี้
    และก็มีหลายคนที่ได้ตอบรับการเรียกหานั้นแล้ว
    ซึ่งส่วนมากจะเป็นการค้นพบแบบใคร่ครวญ
    และได้หลวมรวมกันกับต้นกำเนิดที่แท้จริงที่เชื่อมต่อคุณกับพระเจ้า
    ซึ่งเมื่อใดที่การเชื่อมต่อกับพระเจ้าได้เกิดขึ้นแล้ว
    ก็จะไม่มีสิ่งใดที่จะมาหลอกล่อให้คุณกลับไปสู่เส้นทางเดิมได้อีกเลย
    ทุกสิ่งทุกอย่างจะชัดเจนยิ่งขึ้นและจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด

    ความสุขที่ล้นเหลือในการแสดงความขอบคุณ
    ได้กลับกลายเป็นบทเพลงประจำวันของคุณไปซะละ
    คุณจะไม่สามารถหยุดยิ้มในเวลาที่คุณได้พบเห็นสิ่งสวยงามรอบๆตัวคุณ
    และในทุกสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์และชีวิตประจำวัน
    กับพลังชีวิตที่ได้ไหลผ่านเส้นเลือดดำของคุณ
    ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งกับความความมีชีวิตชีวาในทุกๆขณะ
    และกับความสำนึกในบุญคุณที่คุณมีต่อพระเจ้าในสิ่งดีดีที่คุณได้รับในชีวิต
    และต่อผู้เป็นเทพที่อยู่ร่วมในชีวิตคุณ
    รวมถึงครอบครัวจิตวิญญาณผู้ที่รักคุณไม่มากก็น้อยด้วย

    สิ่งต่างๆที่อยู่บนโลกในเวลานี้ มันก็คือสวรรค์ที่โลกสมควรได้รับ
    ซึ่งคุณก็ได้เข้าใจโดยการรับรู้ของตัวคุณเองกับการเลื่อนขึ้นสู่ความรู้สึกของจิตสำนึกใหม่
    จากการเชื่อมโยงใหม่ และสภาวะใหม่ของชีวิต
    รวมถึงการสั่นสะเทือนที่เกิดแก่กายเนื้อคุณอย่างแท้จริง
    ว่าเกิดจากการไหลของพลังงานอย่างต่อเนื่อง
    ซึ่งนั่นก็เป็นสัญญาณว่าตอนนี้คุณได้มาถูกเส้นทางของแสงสว่างที่คุณได้เลือกในภพชาตินี้แล้ว


    ตอนนี้คุณเริ่มที่จะเข้าใจและชื่นชมกับการเดินทางที่นำคุณไปสู่จุดหมายนี้
    แต่หากคุณไม่มีประสบการณ์กับการทดสอบในความทุกข์ยากและความท้าทาย
    คุณก็จะไม่อาจชื่นชมกับความรู้สึกของประสบการณ์ที่คุณได้รับอยู่ในตอนนี้
    และกับความแตกต่างระหว่างสองขั้วที่เกิดขึ้นตอนนี้ว่าเป็นความรู้สึกที่ลุ่มลึก

    ....จงตบหลังตัวเองแล้วบอกว่า “ตนทำได้ดีแล้ว”
    แล้วให้รางวัลกับตนเองด้วยบางสิ่งที่ดี
    และพักสักนิดเพื่อชื่นชมกับรางวัลนั้น....
    ซึ่งก็แน่นอนว่างานที่ต้องทำนั้นมีมากขึ้น
    และต้องเดินหน้าไปกับความพยายาม
    ที่คุณเองก็รู้ดีว่านี่คือช่วงเวลาที่การเปิดเผยตน
    จะทำให้มีความหมายกับชีวิตยิ่งขึ้น
    และในขณะที่คุณได้มอบความศักดิ์สิทธิ์ของตัวคุณเองให้แก่กายเนื้อของคุณมากขึ้น
    หลากหลายการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นภายในที่ดูเหมือนปาฏิหารย์
    แม้กับผู้ที่มีความเชื่อในเรื่องความเป็นไปได้แล้วก็ตามที
    และหลักฐานทั้งหลายที่ปรากฏขึ้นนั้นก็จะไปขจัดข้อสงสัยทั้งมวลให้สิ้นไป


    และจากจุดนี้เป็นต้นไป
    ผู้นำทางส่วนตัวที่คุณได้เลือกให้อยู่กับคุณตั้งแต่แรก
    ที่คุณมีลมหายใจเมื่อมาเกิดบนโลกใบนี้
    กับผู้นำทางใหม่ที่คุณได้จัดเตรียมไว้เร็วๆนี้
    ก็จะนำทางคุณด้วยความลุ่มลึกยิ่งขึ้น
    เพื่อเพิ่มพลังอำนาจให้กับภาระกิจที่คุณได้เลือกไว้อย่างเต็มกำลัง
    ซึ่งภาระกิจนี้ไม่ใช่เป็นการทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จ
    แต่ภาระกิจที่สำคัญที่สุดของคุณคือการคอยจัดการ
    และปรับแนวทางให้เหมาะสมกับชีวิต
    รวมถึงสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตด้วย

    ซึ่งในเวลานี้ก็เป็นเวลาของความเบิกบานและความสุขกับการเดินหน้าไปกับสิ่งที่คุณทำ
    และด้วยการให้พรกับผู้คนรอบๆ ตัวและกับผู้ที่คุณมีปฏิสัมพันธ์ด้วย
    ทำให้พลังงานความเบิกบานและความสุขนี้ได้แพร่กระจาย
    ทั้งยกระดับเหมือนเป็นการต้อนรับกับการเยียวยาวิญญาณที่เหนื่อยล้า
    ที่มีความหวังอย่างแท้จริงกับการหาวิธีที่ดีกว่า และชีวิตที่ดีกว่ามานาน
    และแสงสว่างก็จะส่องสว่างด้วยแรงบันดาลใจภายในของคุณ
    ที่เป็นสภาวะเดียวกันกับภายในของผู้อื่น


    ขอให้เพิ่มพลังงานด้วยการโฟกัสแบบกลุ่ม
    เพราะนั่นคือการขยายตัวเป็นล้านๆครั้งของครอบครัวแสงสว่างของคุณ....


    จงตั้งความปรารถนาว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี และมันเป็น “เช่นนั้นเอง”.....


    Until next week…
    I AM Hilarion


     
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "Light Healing"

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    "การจินตนาการว่ามีแสงสว่างกำลังห่อหุ้มและแทรกซึมอยู่
    ภายในตัวเราเองและผู้อื่น และดาวเคราะห์โลกดวงนี้ด้วยนั้น
    คือวิธีการยกระดับ และการบำบัดรักษาที่ให้ผลได้อย่างมหัศจรรย์มาก"


    แมทธิว วาร์ด
    ...................................................................................
    ที่มา: บางส่วนของข้อความสื่อสารจาก แมทธิว เวอร์ด (Matthew Ward)
    วันที่: 10 ตุลาคม 2010, ผู้รับการสื่อสาร: นาง Suzanne Ward
    ที่มา:
    Messages from Matthew - Matthew Books

    ...................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • body-light.jpg
      body-light.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.3 KB
      เปิดดู:
      2,697
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "สาเหตุที่ข้อมูลสื่อสารทางจิตจากแต่ละแหล่งข้อมูล
    และจากแต่ละผู้รับสาส์นมีความแตกต่างกัน"


    [​IMG]
    (credit the picture from internet)

    สาเหตุที่ข้อมูลที่ได้รับจากการสื่อสารทางจิต (Channeled Information)
    จากแหล่งข้อมูล และจากผู้รับสาส์นแต่ละคนมีความแตกต่างกันเป็นเพราะว่า :

    1). สาเหตุแรกซึ่งเป็นสาเหตุที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ ผู้รับสาส์นบางคน
    ไม่รู้ว่าตนเองกำลังสื่อสารอยู่กับฝ่ายมืด เพราะว่าฝ่ายมืดหรือฝ่ายมารเหล่านี้
    มักจะอ้างตัวว่าเป็นรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาชั้นสูงแห่งแสงสว่าง
    รูปธรรมใดรูปธรรมหนึ่งที่มนุษย์รู้จักกันดี แล้วก็สื่อข้อมูลเท็จ
    ปนมากับข้อมูลจริงบ้าง หรือปนมากับข้อมูลที่อาจจะจริงบ้าง
    ดังนั้น จึงทำให้เห็นว่าข้อมูลสื่อสารจากรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่างทั้งหลายมีความแตกต่างกัน

    2). แต่ก็ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่มาจากความรู้ที่ไม่เท่ากันของรูปธรรมชีวิตชั้นสูงฝ่ายแสงสว่างเองด้วย
    เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นในโลกของจิตวิญญาณและในโลกที่มีรูปกายทางกายภาพก็ตาม
    พวกเขาแต่ละกลุ่ม หรือแต่ละรูปธรรมก็จะมีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆไม่เท่ากัน
    เช่นเดียวกันกับมนุษย์โลกเองนี่แหละ

    ดังนั้น ข้อมูลที่มาจากรูปธรรมหรือกลุ่มของรูปธรรมชีวิต
    ที่เป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ในด้านนั้นจริงๆ จึงมีรายละเอียดและความถูกต้องมากกว่า
    ข้อมูลเรื่องเดียวกันนี้ ที่มาจากรูปธรรมชีวิตที่เปรียบได้กับ “บุคคลทั่วไป”

    (และยังรวมถึง ถ้าผู้รับสาส์นเอง ไม่ใช่ผู้ที่มีความรู้-ความเชี่ยวชาญ
    ในเรื่องที่ตัวเองกำลังรับสาส์นอยู่นั้นด้วยหละก็ ก็อาจจะทำให้ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด
    และอย่างถูกต้องได้ และดังนั้นจึงอาจจะตีความหมายผิดไป
    และ/หรือถ่ายทอดสาส์นออกมาผิดเพี้ยนได้ - ผู้แปล)

    3). และนอกจากนี้ ข้อมูลที่มาจากรูปธรรมชีวิตที่กำลังมีส่วนร่วมอยู่ในปฏิบัติการ
    แห่ง “การยกระดับขึ้น” ของดาวเคราะห์โลกด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะนั้น
    ก็จะมีรายละเอียดและรู้รายละเอียดของสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงๆกับดาวเคราะห์โลก
    มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติการอยู่ในงานนั้นๆจริงๆ เช่น รูปธรรมชีวิตอื่นๆที่พอจะรู้เรื่องนั้นๆบ้าง
    หรือว่ารูปธรรมชีวิตอื่นๆที่ไม่ได้ร่วมปฏิบัติการอยู่ในภารกิจนี้เลย เป็นต้น

    4). ทัศนคติ, มุมมอง และความคิดเห็นของแต่ละรูปธรรมชีวิต
    ที่สื่อสารมาจากสถานีเดี๋ยวกัน ก็อาจจะมีความแตกต่างกันเองได้ด้วย
    ซึ่งก็เหมือนกับมนุษย์โลกนี่แหละ ที่ต่อให้เป็นสถานการณ์เดียวกัน
    หรือภารกิจเดียวกันก็ตาม ก็ยังอาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้เลย

    ดังนั้น ถ้าพวกเขาไม่นำเอาทุกๆประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ
    สนามพลังงานแห่งความเป็นไปได้ทั้งหมดของดาวเคราะห์โลก
    เช่น ตัวชี้วัดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด และสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งหมด
    และสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนทั้งหมด เป็นต้น ขึ้นมาพิจารณาแล้วหละก็
    ข้อสรุปของพวกเขาก็อาจจะไม่ถูกต้องได้

    5). ข้อมูลที่มาจากรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในระนาบหรือมิติที่ต่ำกว่า
    แม้ว่าจะเป็นฝ่ายแสงสว่างเองก็ตาม ก็อาจจะไม่ถูกต้องสมบูรณ์
    หรือน่าเชื่อถือเท่ากับข้อมูลที่มาจากรูปธรรมชีวิตชั้นสูง จากระนาบหรือจากมิติที่สูงๆกว่าได้
    ดังนั้นรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในระนาบที่ต่ำๆกว่าจึงอาจจะให้ข้อมูลที่ผิดๆมาโดยไม่ตั้งใจได้

    6). รูปธรรมชีวิตที่สื่อสารมาทั้งหลาย มักจะมีสไตล์ในการสื่อสารที่พิเศษเฉพาะไม่เหมือนใคร
    ดังนั้น จึงอาจทำให้ผู้รับสาส์นเกิดความเข้าใจผิดได้
    (เช่น อาจจะเรียกสิ่งๆเดียวกัน ด้วยคำศัพท์ที่แตกต่างกัน เป็นต้น)

    7). ข้อมูลบางอย่างที่พวกคุณอาจจะคิดไปเองว่ามันไม่สมเหตุสมผล
    แต่ว่าข้อมูลนั้นมันอาจจะเป็นความจริงก็ได้

    (อย่างที่ครายออนเรียกมันว่า "ตัวสกัดกั้น" และ "ตัวกรอง" ซึ่งหมายถึงข้อมูลข่าวสารเก่า หรือความเชื่อเก่า
    ที่มีอยู่แล้วในหัวของผู้รับสาส์นแต่ละคน ซึ่งมันไม่ตรงกับหรือแม้แต่ไปขัดแย้งกับข้อมูลใหม่ๆ
    ที่ถูกสื่อสารเข้ามาจากรูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลาย จึงทำให้ผู้รับสาส์นเหล่านั้น ปฏิเสธข้อมูลนั้นๆไป
    หรือกรองหรือตัดทิ้งข้อมูลนั้นๆไป เพราะว่ามันไม่ตรงกับความเชื่อเดิมของพวกเขา
    หรือพวกเขาก็อาจจะบิดเบือนข้อมูลนั้นๆไปเพื่อทำให้มันสอดคล้องหรือตรงกับความเชื่อเดิมของพวกเขาก็ได้ - ผู้แปล)

    8).แต่ว่าในทุกๆกรณี มันก็มีความเป็นไปได้อยู่ว่า ผู้อ่านเข้าใจข้อมูลไม่กระจ่างแจ้งเอง
    และดังนั้นจึงตีความหมายผิดไปเองด้วย

    (หมายเหตุ: อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากๆตามข้อมูลของครายออนก็คือ
    ข้อความสื่อสารจากต่างมิติทุกชนิด เป็นข้อความสื่อสารระดับจิตวิญญาณ
    ที่ไม่ได้เป็นการสื่อสารแบบเป็นเส้นตรง เพราะฉะนั้นแล้ว บางทีความสมเหตุสมผลของมันจึงอาจจะไม่มี
    เช่น ในความฝันของเราเป็นต้น ดังนั้น ถ้าผู้รับสาส์นเข้าใจไปว่ามันเป็นไปไม่ได้
    ก็อาจตัดข้อมูลส่วนนั้นทิ้งไปก็ได้

    และอีกประเด็นหนึ่งคือ ถ้าการสื่อสารนั้นๆ เป็นการสื่อสารในเรื่องที่
    ยากเกินกว่าที่ความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ทั่วๆไปจะสามารถหยั่งถึงได้หละก็
    หรือไม่ก็..อย่างที่ครายออนชอบพูดอยู่บ่อยๆว่า..ถ้ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
    ที่มนุษย์จะสามารถเข้าใจได้หละก็ (เช่น เรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า และนิพพาน
    และจิตวิญญาณของมนุษย์เอง เป็นต้น) เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในมิติที่ 3 ของมนุษย์

    และรวมถึง..บางครั้งอาจเป็นเพราะว่าความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ในยุคนั้นๆ
    ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจเรื่องนั้นๆได้หละก็..รูปธรรมชีวิตต่างมิติที่สื่อสารมาทั้งหลาย
    ก็อาจจะทำได้มากที่สุดแค่เพียงการเทียบเคียง หรืออุปมาอุปมัยให้พอเข้าใจได้
    หรือให้พอมองเห็นภาพได้ลางๆเท่านั้นเอง

    ดังนั้น ถ้าผู้รับสาส์นคนใด หรือผู้อ่านสาส์นคนใด ไปยึดถือเอาตามตัวอักษร
    หรือคำพูดเป๊ะๆทุกๆตัวอักษรหละก็ การแปลความหมายของข้อความนั้นๆ
    ก็ย่อมจะต้องผิดเพี้ยนไปเป็นธรรมดา อย่างแน่นอน

    เพราะว่าบางสิ่งบางอย่างที่มันไม่มีอยู่ในมิติที่ 3 นั้น มันก็ไม่มีคำศัพท์ใด
    ที่จะเอามาใช้เพื่ออธิบายให้ถูกต้องตามความเป็นจริงของมันได้

    ดังนั้น ไม่ว่าจะอธิบายยังไงมันก็ยังจะไม่ถูกต้องทั้ง 100% อยู่ดี
    แต่ในทางกลับกัน ไม่ว่าจะอธิบายยังไง มันก็มีส่วนถูกต้องอยู่ดี
    เช่น คำว่า นิพพาน, จิตเดิมแท้, พระเจ้า, เต๋า, ตถตา
    และอื่นๆที่เป็นสภาวะที่อยู่เหนือช่องว่างและกาลเวลา เป็นต้น
    ที่จนบัดนี้มนุษย์ที่คิดเป็นแต่แบบเป็นเส้นตรงทั้งหลาย ก็ยังคงถกเถียงกันอยู่เลย
    ว่าจริงๆแล้วสภาวะมันเป็นอย่างไรกันแน่ :)

    อีกประเด็นหนึ่งก็คือ ถ้าผู้รับสาส์นไม่มีความรู้เรื่องมิติคู่ขนานเลย
    ก็จะไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตนั้น มันมีความเป็นไปได้อยู่นับอนันต์เหตุการณ์
    และโอกาสที่เราจะไปรู้ไปเห็นพวกมัน ก็มีอยู่ซะด้วย ดังนั้น ถ้าเราไม่เลือกมองดู
    หรือมองหาเฉพาะเหตุการณ์ที่มันมีพลังงานมากที่สุด
    ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่มีความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นจริงมากที่สุดหละก็
    เราก็อาจจะพยากรณ์อนาคตผิดพลาดไปก็ได้ - ผู้แปล)

    เพราะเหตุนี้ พวกเราจึงได้แนะนำพวกคุณอยู่เสมอๆว่า
    หากมีข้อมูลจากแหล่งภายนอกใดๆ ที่พวกคุณยังเข้าใจไม่กระจ่างหละก็
    ให้พวกคุณถามหาคำตอบนั้น จาก “ภายใน” ของตัวพวกคุณเอง
    เพราะว่าจิตวิญญาณภายในของพวกคุณนั้น มีความรู้และมีความจริง
    ที่พวกคุณกำลังแสวงหาอยู่พร้อมหมดทุกอย่างอยู่แล้ว

    ซึ่งด้วยความรักโดยปราศจากเงื่อนไขของพวกเราที่มีต่อพวกคุณนี้
    พวกเราจึงอยากกระตุ้นให้พวกคุณรู้สึกถึงมันได้เอง
    ไม่ใช่แค่อยากกล่อมให้พวกคุณมองโลกในแง่ดีเท่านั้น
    เพราะว่าความจริงแล้ว เหตุการณ์ต่างๆมันกำลังเปิดเผยตัวมันเองออกมาอย่างรวดเร็วอยู่...

    ...จงรู้ไว้ว่าพวกเรากำลังเชียร์พวกคุณอยู่...

    Matthew Ward
    ……………………………….
    ที่มา: บางส่วนของข้อความสื่อสารจาก Matthew Ward
    เมื่อวันที่: 7 กุมภาพันธุ์ 2009
    เวปไซต์: February 7, 2009 - Matthew Books
    ..............................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2015
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "ร่างกายเนื้อของพวกคุณคือภาพฉายของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณเอง"

    [​IMG]
    (credit the picture from internet)


    "..ร่างกายเนื้อของพวกคุณถูกสร้างขึ้นมาจากจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณเอง
    และมันก็ถูกสร้างขึ้นมาและก็กำลังถูกสร้างอยู่ โดยสนามพลังงานแห่งความเป็นไปได้ทั้งมวลอันนี้
    (the field of all possibilities) ซึ่งส่วนหนึ่งของกระบวนการตื่นรู้ของพวกคุณ
    และส่วนหนึ่งของการนำเอาพลังอำนาจของตัวเองกลับคืนมา ก็คือการตระหนักรู้ถึงสัจธรรมในข้อนี้
    และก็คือการยอมรับเป็นเจ้าของสัจธรรมในข้อนี้ด้วย

    พลังงานและความสั่นสะเทือนของความคิด,
    อารมณ์ความรู้สึก, ความเชื่อ และความตั้งใจของพวกคุณ
    คือสิ่งที่จะไปบอกกับสนามพลังงานควอนตั้งอันนี้ว่าพวกคุณเป็นใคร
    ดังนั้น ร่างกายเนื้อของพวกคุณจึงคือผลงานการสร้างสรรค์ของ
    จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณเอง
    และคือสิ่งที่ถูกฉายออกมาจากจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณเอง

    ลองจินตนาการดูสิว่า..ถ้าสมมุติว่า พวกคุณแต่ละคนมีพลังอำนาจแบบนี้อยู่จริงๆแล้วหละก็
    นั่นก็หมายความว่า พวกคุณสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ
    ที่กำลังเกิดขึ้นกับร่างกายเนื้อของตัวเองอยู่ได้ทุกเมื่อเลยทีเดียว
    เพราะว่าพวกคุณต้องรู้ไว้ด้วยว่า ตัวเองถูกสร้างขึ้นมาจากอะตอมของพลังงาน
    ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่อย่างรวดเร็วด้วยความเร็วแสง จำนวนนับพันๆล้านอนุภาค
    ที่กำลังรอคอยที่จะตอบสนองต่อพฤติกรรมและความเชื่อของพวกคุณเองอยู่ตลอดเวลา.."

    "..ลองจินตนาการดูสิว่า DNA ของพวกคุณจะมีความอ่อนไหวต่อคำพูดและความคิดของพวกคุณอย่างมาก
    และพวกมันก็กำลังคอยรับฟังคำพูดและความคิดของพวกคุณอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
    แล้วก็แปลความหมายของความสั่นสะเทือนด้านอารมณ์ของพวกคุณออกมาเป็นข้อความ
    แล้วส่งไปให้เซลทุกๆเซลในร่างกายเนื้อของพวกคุณเอง

    ดังนั้น ลองถามตัวเองดูซิว่าตอนนี้พวกคุณกำลังส่งข้อความอะไรไปให้กับรหัสหลักในร่างกายเนื้อของตัวเองอยู่?

    จงรู้ไว้ด้วยว่าเซลทุกเซล และ DNA ทุก DNA ในร่างกายเนื้อของพวกคุณ
    ที่ทำหน้าที่เก็บบันทึกความทรงจำทุกๆความทรงจำ, และรูปแบบของพลังงานทุกๆรูปแบบ
    และรหัสทุกๆรหัสเอาไว้อยู่นั้น พวกมันจะมีการสร้างใหม่ขึ้นมาทดแทนของเดิมอยู่เรื่อยๆตลอดเวลา.."

    "..ดังนั้น พวกคุณจึงมีโอกาสที่จะตั้งโปรแกรมให้กับพวกมันใหม่ได้
    เพื่อให้พวกมันกลับไปเริ่มต้นมาจากความสดใหม่ทั้งหมด
    พวกคุณมีความสามารถที่จะเปิดประตูมิติแห่งความตระหนักรู้ของตนเองออกมา
    เพื่อทำให้ตัวเองสามารถเชื่อมประสานกับและติดต่อกับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของร่างกายเนื้อของตัวเองได้

    เซลทุกเซลในร่างกายเนื้อของพวกคุณมีจิตสำนึก/ความตระหนักรู้เป็นของมันเอง
    และพวกมันก็กำลังตอบสนองต่อรูปแบบของความสั่นสะเทือนที่กำลังเอิบอาบพวกมันอยู่ด้วย
    ดังนั้น ถ้าพวกคุณเปลี่ยนระดับความสั่นสะเทือนของตัวเองให้สูงขึ้น
    เซลในร่างกายของพวกคุณก็จะตอบสนองในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากเดิม

    จงจำไว้ว่าสิ่งที่สร้างร่างกายเนื้อของพวกคุณขึ้นมาให้มีข้อจำกัดอยู่เช่นนี้ตลอด
    ก็คือพิมพ์เขียวทางพลังงานของพวกคุณที่ถูกสืบทอดต่อๆกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่านั่นเอง
    ซึ่งพิมพ์เขียวทางพลังงานดังกล่าวนี้ก็จะมีแม่แบบและขอบเขตการทำงานของมันเองอยู่.."


    The Team
    .......................................................................
    บางส่วนของข้อความจาก The Team ประจำวันที่ 18/3/2015
    เวปไซต์: Morning Messages
    ......................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. anunton

    anunton เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +123
    [​IMG]
    image from internet
    The Power of Cosmic Activity
    ข้อความสื่อสารจาก Kara Schallock
    Monday, 9 March, 2015
    แปล:anunton

    ...ทุกครั้งที่มีกิจกรรมการเคลื่อนตัวในเอกภพ
    พวกเราก็ได้มียกระดับการสั่นสะเทือนและจิตสำนึกรู้เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
    อย่างที่คุณรู้ จิตสำนึกก็คือตัวรู้ในความศักดิ์สิทธิ์ของความเป็นคุณ
    เพื่อบ่งบอกว่าสิ่งนี้เป็นความจริงหรือไม่นั้น ก็ให้ดูที่ว่าชีวิตคุณดำเนินต่อไปอย่างไร
    ยิ่งไปกว่านั้น มันคือโอกาสซ้อนโอกาสที่จะค้นพบว่าจริงๆแล้ว ” คุณเป็นใคร ”
    หรือนี่คือการปลุกเรียกจิตวิญญาณของคุณ
    บางครั้งเสียงนี้อาจจะดังหรือนุ่มนวล ซึ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับคุณ
    แล้วคุณกำลังฟังเสียงที่ว่านี้อยู่หรือคุณต้องการเสียงปลุกเรียกอย่างรุนแรงล่ะ?

    เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา(วันที่7และ 8 เดือนมีค.)มีการระเบิดของพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่
    ซึ่งมีผลกระทบต่อการเกิดพายุสุริยะ( solar flares )อย่างมาก
    หรือนี่จะเป็นเสียงปลุกเรียกจาก SOURCE ?
    คุณคงสังเกตุได้ว่ามีการเคลื่อนไหวของพลังแสงอาทิตย์ในปริมาณมากในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา
    ซึ่งมันเป็นข้อความที่มาจากแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของพวกคุณเอง
    และความศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณจะช่วยให้คุณตื่นรู้มากขึ้น
    ยิ่งไปกว่านี้วิธีการมองของเหล่ามวลมนุษยชาติต่อสรรพสิ่ง
    คือการจดจ่อเพียงแค่เหตุการณ์ที่โผล่ขึ้นมาบนพื้นผิวเท่านั้น
    ลองเข้าไปภายใต้พื้นผิวที่เห็นแล้วถามว่า “ อะไรคือข้อความถึงฉันหรือ? ”

    เพราะในแต่ละเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นพายุสุริยะหรือเสียงแหวกผ่านอากาศของดาวหาง
    หรือปรากฏการณ์พระจันทร์เต็มดวงหรือจะเป็นการเกิดคราสก็ตาม
    พวกเรากำลังให้ความชัดเจนและความเป็นจริงของข้อความแห่งการรู้แจ้งนี้แก่พวกคุณ
    หากคนใดคนหนึ่งเปิดใจกว้างและพร้อมที่จะรับมัน
    สิ่งยุ่งยากที่รบกวนชีวิตพวกเขามากที่สุดก็จะแคล้วคลาดกันไป
    และเมื่อใดที่คุณทำชีวิตให้เรียบง่ายและชะลอตัวให้ช้าลง
    คุณจะได้รับข้อความที่ช่วยนำทางให้คุณ
    ตลอดเส้นทางการเลื่อนระดับของคุณอย่างไม่มีข้อสงสัย
    ทุกย่างก้าวจะไม่มีแม้เสียงระฆังหรือเสียงนกหวีดที่คุณต้องการ
    แต่มันจะเป็นไปอย่างค่อนข้างเรียบง่าย
    อย่างไรก็ตาม
    แต่ละย่างก้าวจะนำคุณเข้าใกล้สิ่งที่ระบุถึงความศักดิ์สิทธิ์ในตัวคุณมากขึ้น
    และกระแสการเคลื่อนของแสงสว่างนี้เกิดขึ้นคงที่ตลอดเวลา
    อยู่ที่คุณจะรับรู้มันได้หรือเปล่า
    หรือคุณยุ่งมากจนไม่มีเวลาใส่ใจกับมันเลย?

    แสงสว่างนี้ยังคงบอกข้อความกับคุณและผ่านตัวคุณไป
    ด้วยคำพูดที่เป็นภาษาของหัวใจ
    เพราะมันไม่ได้มาจากสมอง แต่มาจากความรู้สึก
    จึงเป็นคำตอบว่าทำไมในหลายๆปีที่ผ่านมา
    จึงมีการขับเคลื่อนเข้าไปภายในหัวใจมากกว่าที่จะให้มันออกมาจากสมอง
    และคุณจะไม่สามารถเลื่อนระดับขึ้นหรือก้าวไปข้างหน้าได้เลย
    เว้นเสียแต่คุณจะเข้าไปให้ถึงภายในของคุณ
    ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการอยู่ในอารมณ์ใดๆ
    เพราะอารมณ์จะพาคุณเคลื่อนออกจากความเป็นปัจจุบันขณะ
    ดังนั้นคุณจะต้องเข้าไปอยู่ในความรู้สึก หยั่งรู้ในทุกอย่างของชีวิต
    จากนั้นจึงสร้างทางเลือก
    ซึ่งเป็นการกระทำที่นำทางด้วยปัญญาเพื่อพาคุณก้าวเดินไปข้างหน้า

    แต่ก็มีหลายคนที่รับข้อความแล้วไม่ทำอะไรกับสิ่งนั้น
    มันจึงไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยให้คุณเกิดปัญญาได้เลย
    ดังนั้นการสลัดตัวตนออกไปจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
    และรู้ว่ามันหมายถึงอะไร ซึ่งต้องวิเคราะห์ลงไปในรายละเอียด
    และเมื่อใดที่คุณสามารถปลดปล่อยสิ่งที่คุณติดอยู่
    เพื่อให้รู้ว่า“ความจำเป็นจริงๆมันคืออะไร ทำไม ใคร ที่ไหนหรือสิ่งใด”
    เมื่อนั้นชีวิตคุณจะกลับกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายและหอมหวานยิ่งขึ้น


    เมื่อคุณทำชีวิตให้เรียบง่าย ทำให้ความยุ่งยากต่างๆตกร่วงไป
    คุณจะปลีกตัวออกมาจากสิ่งรบกวนในชีวิตของคุณได้มากขึ้น
    และสามารถดำเนินชีวิตไปได้เหมือนปาฏิหารย์
    อีกทั้งขยายขอบเขตการเคลื่อนตัวไปได้ในทุกๆเส้นทาง
    และเมื่อคุณรับรู้ได้ว่าคุณขยายไปไม่ได้แล้ว (หรือไม่มีอะไรเลย)
    คุณจะสร้างวิธีการที่หลากหลายเพื่อพิสูจน์ให้ผู้คนยอมรับในตัวคุณ
    และเมื่อคุณรู้ว่าคุณคือความศักดิ์สิทธิ์
    คุณก็จะมองเห็นว่าทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตคุณนั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย
    นั่นแหละที่คุณอยู่ในสภาวะของความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตนเอง (BEING I AM)

    คุณจะตระหนักได้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยภายนอกใดเพื่อทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น
    และคุณไม่จำเป็นต้องเข้าชั้นเรียนหรืออาศัยการเยียวยาอื่นในการกระตุ้นหรือแนะนำใดๆ
    เพราะคุณมีพร้อมทุกอย่างตามที่คุณต้องการแล้ว
    ในปัจจุบัน คุณเลือกที่จะทำบางอย่างที่แตกต่างจาก”ความจำเป็น”อย่างสิ้นเชิง
    เพราะความจำเป็น..เป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นว่าคุณยังไม่มีพร้อมในทุกอย่าง
    ดังนั้นทางเลือกจึงขึ้นอยู่กับพลังอำนาจของคุณ
    ว่าคุณจะสามารถดำรงมันไว้หรือทำให้มันเป็นไปได้หรือไม่?
    แล้วคุณรู้สึกสะดวกสบายในความเป็นอยู่ของคุณหรือเปล่าล่ะ?
    คุณจะยอมปล่อยทุกอย่างไปและฟังเพียงเสียงที่ออกมาจากหัวใจคุณ
    แล้วก้าวเดินไปตามทางที่ได้รับการแนะนำนั้นหรือไม่?
    จงทำสมาธิ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสติปัญญาและการรับฟัง/รับรู้ของคุณ

    อันที่จริงผู้นำทางได้ปรากฏอยู่ในทุกที่แล้ว
    คุณจะพบกับปรากฏการณ์ที่เหลือเชื่อและความตระหนักรู้อย่างน่าอัศจรรย์
    และแม้แต่ขณะที่คุณอยู่เพียงลำพังคนเดียว คุณก็ตระหนักดีว่าคุณไม่ได้โดดเดี่ยวแต่อย่างใด
    แต่ยังคงได้รับการแนะนำจากผู้นำทางอยู่เสมอ
    และข้อความต่างๆไม่ได้มาจากสติปัญญาของคุณเพียงอย่างเดียว
    แต่อาจมาในรูปของเพลง ภาพยนตร์ หนังสือ การสนทนา ธรรมชาติรอบตัวและจากทุกหนทุกแห่ง
    ในขณะที่ฉันก็ไม่ได้อ่านอะไรมากมายนัก
    แต่ฉันก็มักจะสุ่มเปิดหนังสือและมองหาข้อความที่มีมาให้ฉัน
    ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้รับข้อความเลย
    แต่พลังจากคำพูดก็สามารถเข้าไปได้ลึกถึงภายในของคุณ
    เพื่อปลุกให้คุณตื่นจากความหลับไหลได้
    เหมือนในขณะนี้ที่ฉันเลือกที่จะทำเช่นนี้
    และนี่คือสิ่งที่ฉันต้องการจะเปิดเผยล่ะ:
    “ขอให้คุณมองทุกอย่างด้วยสายตาที่เป็นอิสระจากความสับสน...
    ไม่ว่าคุณจะเผชิญกับปัญหาใดในขณะนั้น
    จงเผชิญกับมันด้วยแสงสว่างของจิตสำนึกแห่งพระคริสต์
    และอย่าปล่อยให้ความคิดของความกลัว
    หรือความไม่เข้าใจมาสกัดกั้นและบดบังคุณไว้...”
    (จาก The Way of the Sun by White Eagle.)

    ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้คือคุณกำลังเลื่อนระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องตามที่ได้กล่าวมาแล้ว
    ทุกอย่างที่มีก็เพื่อสนับสนุนคุณ...ทุกอย่างล้วนปรากฏให้คุณเห็นเส้นทางที่จะก้าวไป
    มันจะนำคุณไปสู่ทางเลือกที่อยู่บนพื้นฐานแห่งจิตสำนึกของคุณ
    และนำพาคุณให้ก้าวไปข้างหน้าในทุกการเปลี่ยนแปลงของคุณ
    โชคชะตาได้ลิขิตให้คุณเป็นแสงสว่างแห่งรักเพื่อส่องสว่างให้กับทุกสิ่งในชีวิตคุณ
    แสงสว่างที่ว่านี้ก็คือความรักนั่นเอง
    และทุกสิ่งที่สกัดกั้นไม่ให้แสงสว่างแห่งรักนี้ได้ปรากฏออกมา
    ก็เพื่อให้คุณได้ทบทวนและปลดปล่อย
    เพื่อให้แสงสว่างของคุณได้ส่องสว่างออกมามากขึ้น
    ใช่ล่ะ! พวกเราเป็นดั่งประภาคาร
    ที่ถูกกำหนดมาให้ช่วยคุณได้ส่องสว่างอย่างสดใสและเต็มที่


    และด้วยการเคลื่อนที่ของพลังแสงอาทิตย์ครั้งล่าสุดนี้
    พวกเราได้ค้นพบตัวเองในเฟสใหม่อีกเฟสหนึ่ง
    ในแต่ละเฟสเราจะปล่อยของเสียที่มีออกมาอย่างนุ่มนวล
    ดังนั้นเราจะยกระดับในความเป็นแสงสว่างได้มากขึ้น
    ในเฟสนี้คุณอาจพบว่าตัวเองกำลังมีปัญหาด้านสัมพันธภาพ
    มันอาจมีบางอย่างที่คุณคิดว่ามันเสร็จสิ้นไปแล้วได้หวนกลับมาใหม่
    บ้างก็เป็นเรื่องใหม่และเรื่องอื่นๆที่คุณเผชิญอยู่อาจเป็นปัญหาที่ซับซ้อน
    ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนมาจากความเชื่อของคุณเอง
    ไม่ว่าความเชื่อเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาหรือไม่
    มันก็ขึ้นอยู่กับการยอมรับในปัญหานั้นของคุณ
    ดังนั้นเฝ้าสังเกตดู หากพบว่ามีบางอารมณ์ที่รู้สึกอึดอัดล่ะก็
    จงพาตัวเองเข้าไปภายในให้ลึกยิ่งขึ้นเพื่อค้นหาจุดที่ก่อให้เกิดพลังงานแห่งความเชื่อเก่าๆนั้น
    แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นความตึงตัวหรือการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์แบบก็ได้
    ดังนั้นคุณสามารถมองผู้อื่นและตัวคุณเองด้วยมุมมองใหม่
    ไม่ว่าคุณจะค้นพบสิ่งใดก็ตาม จงรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ช่วยให้คุณเลื่อนระดับได้สูงยิ่งขึ้น

    จงปลดปล่อยในสิ่งที่ควรปลดปล่อย และเบิกบานในสิ่งที่ควรจะเบิกบาน
    โดยปราศจากการคาดหวังใดๆหรือการมองผู้อื่นด้วยมุมมองเก่าๆ
    ซึ่งสัมพันธภาพเหล่านี้จะเข้ามาในทุกรูปแบบ: ทั้งโรแมนติก ครอบครัว งานที่ทำ มิตรภาพหรือเพื่อนบ้าน
    และหากคุณไม่สามารถมองเห็นรูปแบบหรือความเชื่อที่ลุ่มลึกกว่านี้ได้
    ก็จงปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้นโดยปราศจากการโต้ตอบใดๆ

    และจงเป็นคุณในขณะนี้ มิใช่คุณในอดีตที่ผ่านมา

    ความตระหนักรู้ใหม่จะปรากฏแก่คุณโดยผ่านชีวิตคุณเองหรือผ่านคนอื่นๆมา
    และจงจำไว้ว่าทุกๆความคิด คำพูด ความรู้สึกและการกระทำ
    จะสร้างความเป็นปัจจุบันในก้าวต่อไปให้คุณ
    ดังนั้นจงเลือกในปัจจุบันขณะว่าคุณปรารถนาจะสร้างสรรค์สิ่งใด โดยไม่ต้องมีรูปแบบ
    แต่คุณต้องการที่จะมีความรู้สึกอย่างไรต่างหากล่ะ
    และรูปแบบนั้นสร้างมาจากความรู้สึก ซึ่งอาจจะไม่ใช่หนทางที่อยู่รอบๆตัวเราในขณะนี้
    ในแบบเดิมๆ เรามักจะสร้างสถานการณ์ขึ้นมาก่อนแล้วมีอารมณ์ที่คล้อยตาม
    แต่ในแบบใหม่เราจะสร้างสถานการณ์ให้ผ่านออกมาจากความรู้สึก
    คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้แผ่ขยายออกไปยังคนอื่นๆและแม้แต่ตัวคุณเอง
    ตลอดจนการรับรู้พลังงานที่เป็นความรู้สึกของคนอื่น
    เพราะนี่คือความเป็นหนึ่งเดียว..
    และอาจเป็นเพราะผู้คนอีกมากมายไม่ได้มีความเป็นอยู่ในแง่บวกเสมอ
    คุณจึงอาจโดนจู่โจมจากรูปแบบความคิดที่เป็นลบได้
    มันถึงเวลาที่จะต้องพิจารณาแล้วว่าใช่พลังงานที่เป็นของคุณจริงๆหรือไม่
    (มันเป็นสิ่งดีงามที่บ่งบอกถึงความตั้งใจว่า
    คุณจะรับเฉพาะพลังงานที่ช่วยนำพาคุณไปสู่ความรักที่สูงกว่า
    แม้ว่ามีแนวโน้มที่ต้องตัดสินว่าพลังงานนั้นจะ ”ดี” หรือ”แย่”ก็ตาม)


    ณ เวลานี้ พวกเรากำลังบูรณาการในสิ่งที่ใหม่กว่า...เพื่อจะเดินตามเส้นทางที่เราพูดถึง
    พวกเราเป็นผู้ทรงพลังอำนาจ คงความเป็นเราอย่างแท้จริง
    และความจริงนี้ก็คือความศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในตัวพวกเราซึ่งจะมีความเป็นอยู่อย่างสมบูรณ์แบบ
    ซื่อสัตย์และออกมาในรูปของคำพูด ความคิด การกระทำและความรู้สึก
    พวกเรายังคงชำระล้างความเป็นอยู่ของพวกเราให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ
    ดังนั้นพวกเราจะยกระดับความสั่นสะเทือนให้มากขึ้น
    เพื่อให้พวกเราสามารถส่องแสงสว่างออกมาได้โดยไม่มีการต่อต้าน
    และมันจะเป็นการสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆในอนาคตให้เกิดขึ้น

    หากคุณพบว่าตัวเองมีการต่อต้านเกิดขึ้นในขณะที่คุณเคลื่อนไปข้างหน้า
    กายเนื้อของคุณจะเป็นตัวบอกให้คุณรับรู้ได้
    โดยการเฝ้าดูความตึงตัวของกล้ามเนื้อ การขบฟันแน่น การกำหมัดแน่นหรืออื่นๆ
    ที่บ่งบอกว่าคุณกำลังมีการถดถอยกลับไป
    แต่คุณสามารถสอบถามจากผู้นำทางคุณได้นะ

    และหากคุณกำลังดาวน์โหลดหรือปรับแต่งเพื่อให้แสงสว่างเพิ่มขึ้น
    หรือแม้ขณะที่คุณกำลังต่อต้านบางอย่างในชีวิตคุณ
    โปรดระมัดระวังเป็นพิเศษในระหว่างการเกิดคราสในวันที่20 มีนาคมนี้
    ซึ่งจะปรากฏในตอนเช้าก่อนถึงอิควินอกซ์ในฤดูใบไม้ผลิ
    ด้วยความจริงที่ว่าพวกเขาจะปรากฏในวันเดียวกันที่ได้รับคำแนะนำว่า
    จะเกิดการก้าวกระโดดไปข้างหน้าครั้งยิ่งใหญ่
    (มันคือเกมส์ “ Mother May I?” ผุดขึ้นมาในหัวฉัน
    และพูดว่า”ใช่ล่ะ มันเป็นการก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่มากก้าวหนึ่ง”)
    น่าสนใจนะ! ฉันคิดว่าจะอยู่กับครอบครัวในช่วงเวลาที่ว่านี้
    อย่างไรก็ตามฉันได้ตั้งใจที่จะร่วมงานพิธีที่จะเลื่อนไหลไปกับพลังงานนี้
    ตลอดจนได้วางแผนที่จะไปอยู่ในมหาสมุทรที่ไหนสักแห่ง
    ขอได้โปรดลงมือทำในสิ่งที่ตัวในของคุณได้นำทางเพื่อนำคุณไปสู่พลังงานยุคใหม่นี้
    ซึ่งเป็นวิธีที่พวกเขาจะสร้างการรู้แจ้งและพลังอำนาจให้คุณตลอดเส้นทางเดินของคุณ


    จากผลกระทบของอิควิน๊อกซ์ในฤดูใบไม้ผลินี้( Vernal Equinox)
    ที่ได้รับพลังเสริมจากปรากฏการณ์สุริยุปราคา สิ่งที่หวังไว้ก็จะเร่งความเร็วขึ้น
    ซึ่งสามารถครอบงำบางสิ่งได้
    ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตัดสิ่งรบกวนออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    จงทำสมาธิ และตรึงตัวเองอยู่กับที่และเข้าสู่จุดศูนย์กลาง
    ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในเวลานั้น โดยเลือกที่มันไม่ยุ่งยากมากนัก
    แล้วเร่งลมหายใจให้เร็วขึ้น และจำไว้ว่าคุณคือสื่อนำไฟฟ้าตัวใหม่
    หรือจะพูดอีกอย่างก็คือแสงสว่างที่คุณได้รับการดาวน์โหลดมา
    จะทำการปรับเปลี่ยน DNAและเซลล์ของคุณ

    ดังนั้นพัฒนาการของคุณจะปรากฏออกมาได้เร็วกว่า
    และคุณก็จะประสบกับการรู้แจ้งได้เร็วขึ้นตลอดจนพบกับปรากฏการณ์ที่น่าเหลือเชื่อได้มากขึ้น
    ทั้งนี้แรงสั่นสะเทือนของโลกจะช่วยเพิ่มความเร็วให้มากกว่าที่พวกเขาเป็นอยู่ในปัจจุบัน
    และฉันก็รู้ว่ามีพวกคุณหลายคนที่กำลังได้รับประสบการณ์อย่างไร้ขีดจำกัดนี้
    ฉันได้ยินหลายคนพูดว่า
    “ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่ถึงเดือนมีนาคมแล้ว! ” “ มันคือ2015;จริงๆหรือนี่?!? ”
    หากคุณพบว่ากายเนื้อของคุณมีความร้อนเพิ่มขึ้น
    ขอให้รู้ไว้ว่า มันคือพลังงานใหม่ที่คุณสามารถรู้สึกได้
    และคุณอาจรู้สึกได้ถึงความรุ่มร้อนของอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับบางอย่างในชีวิต
    โปรดลงไปอยู่ใต้พื้นผิวและค้นหาต้นตอของความเชื่อ
    และปลดปล่อยมันออกไปหากมันไม่ใช่ความรัก ยอมรับมันและรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมัน


    เพราะคุณคือพลัง..คุณคือความรัก..
    คุณควรจะเลือกว่าชีวิตแบบไหนกันนะที่คุณต้องการ
    แล้วคุณก็จะเป็นที่รัก และได้รับเกียรติมากมายกว่าที่คุณเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้เสียอีก...



    เวปไซต์:spiritlibrary.com
     
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "เหตุผลที่ทำให้พวกคุณต้องแก่"

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    “...เหตุผลที่ทำให้พวกคุณต้องแก่ก็คือ พลังงานที่พวกคุณได้ประทับเอาไว้
    บนสนามพลังงานของดาวเคราะห์โลกเมื่อนานมาแล้วนั่นเอง
    เพราะว่ามันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับสนามพลังงานของดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    จนทำให้พิมพ์เขียวของสเต็มเซลของพวกคุณได้รับผลกระทบไปด้วยจริงๆ

    ฟังให้ดีนะ..ทุกๆครั้งที่เซลในร่างกายของพวกคุณกำลังจะแบ่งตัวเพื่อสร้างเซลใหม่ขึ้นมานั้น
    มันจะมีข้อสงสัย หรืออาจจะเรียกว่าคำถามก็ได้ อยู่คำถามหนึ่งทุกครั้งไป

    คือในระหว่างที่นิวเคลียสของเซลกำลังจะแบ่งตัวเองออกเป็นสองส่วนในกระบวนการแบ่งเซลนั้น
    และในระหว่างที่มันกำลังพร้อมที่จะสร้างเซลใหม่ขึ้นมาให้เหมือนกับมันเป๊ะๆอยู่นั้น
    ก่อนที่มันจะทำเช่นนั้นมันก็จะถามคำถามขึ้นมา ซึ่ง Innate ของพวกคุณก็จะเป็นผู้ที่ถามคำถามนั้น
    และก็จะเป็นผู้ที่ตอบคำถามนั้นเองด้วย..ว่า

    “ฉันจะต้องทำสำเนาตัวฉันเองขึ้นมา หรือว่าฉันจะต้องสร้างตามพิมพ์เขียวกันแน่?”

    และคำถามก็ได้รับการตอบกลับมาว่า “แล้วมันมีข้อมูลข่าวสารอะไรใหม่ๆเข้ามาไหม๊หละ?”
    แล้วถ้ามันตอบว่า “ไม่มี เพราะฉะนั้นแล้วก็จะต้องทำสำเนาตัวเองขึ้นมาตามเดิมนั่นแหละ”


    (หมายเหตุ: คำว่า “ทำสำเนาตัวเองขึ้นมา” หมายถึง ถ้าเซลๆนั้นกำลังมีข้อบกพร่องอะไรอยู่
    เซลใหม่ที่สร้างขึ้นมาได้ ก็จะมีข้อบกพร่องเช่นเดียวกันด้วย ทั้ง 100%
    แต่การ “สร้างตามพิมพ์เขียว” นั้นหมายความว่าสร้างตามแบบที่สมบูรณ์แบบที่ถูกออกแบบมาตั้งแต่แรกเริ่ม
    ก่อนที่จะมีข้อบกพร่องใดๆเกิดขึ้น – ผู้แปล)

    พวกคุณนึกออกไหมว่า ถ้าในเสี้ยววินาทีที่เซลกำลังจะแบ่งตัวนั้น ถ้าคำตอบมันตอบออกมาว่า

    “เดี๋ยวรอก่อนนะ เพราะมีข้อมูลใหม่ถูกส่งเข้ามา
    ดังนั้นฉันจึงอยากให้คุณสร้าง “เทโลเมียร์” (telomere) ของตัวเอง
    ให้ยาวขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อย ให้เข้าไปดูข้อมูล
    ในพิมพ์เขียวต้นฉบับที่อยู่ภายในสเต็มเซลเองเลย
    แล้วก็ไปดึงเอาข้อมูลในนั้นมาใช้ซะ”

    (หมายเหตุ: เทโลเมียร์ (telomere) เป็นกระเปาะหุ้มส่วนปลายของโครโมโซม
    ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับจุกปิดขวดน้ำที่ป้องกันไม่ให้น้ำออกนอกขวด
    เทโลเมียร์ก็เช่นเดียวกัน ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ข้อมูลรหัสพันธุกรรมถูกทำลายไประหว่างการแบ่งตัวของเซลล์
    หากไม่มีเทโลเมียร์ข้อมูลที่จำเป็นในการสร้างและการดำรงชีวิตอย่างปกติจะถูกทำลายลง

    ดังนั้นเทโลเมียร์จึงมีความสำคัญและเป็นตังบ่งชี้ว่าเราจะมีอายุยืนยาวเท่าใด
    โดยทั่วไปขณะคลอด เทโลเมียร์จะมีขนาดที่ยาวมากคือประมาณ 10,000 คู่เบส (base pair)
    และหดสั้นลงเรื่อยๆตามอายุ โดยเฉลี่ยปีละ 40-50 คู่เบสจนเหลือเพียง 4,000 คู่เบสเมื่ออายุ 100 ปี

    นอกจากนี้ยังพบว่าคนบางคนมีเทโลเมียร์สั้นมากทั้งๆที่อายุน้อย
    แต่เทโลเมียร์ยาวเท่ากับคนอายุ 80 ปี นั่นหมายถึงว่าคุณแก่เร็วเกินไป

    ที่มา: https://suay4ever.wordpress.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%8…/ )

    แล้วจากนั้นพวกคุณก็จะสร้างอะไรบางอย่างที่เป็นของสดใหม่ขึ้นมา ซึ่งดีกว่าของเดิม
    แล้วมนุษย์ผู้นั้นก็จะเปลี่ยนกระบวนการแก่ของตัวเองไป และมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้นกว่าเดิมอีกมาก
    เพราะว่าระบบภูมิคุ้มกันอาจจะแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม หรืออาจจะเป็นเพราะว่า
    มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดีมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ แต่สรุปว่ามันได้สร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาแล้ว
    ไม่ใช่ไปถ่ายสำเนามาจากของเดิมอีกต่อไปแล้ว

    แล้ว “ข้อมูลใหม่” ที่ว่านั้นหนะคืออะไรหละ?

    คำตอบก็คือ “จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของมนุษย์โลก
    ได้ทำให้โครงข่ายพลังงานคริสตัลไลน์ของโลกเปลี่ยนไปแล้ว"
    ซึ่งโครงโครงข่ายพลังงานคริสตัลไลน์ของโลกดังกล่าวนี้คือส่วนหนึ่งของค่าความสั่นสะเทือนของดาวเคราะห์โลก

    ดังนั้นเมื่อดาวเคราะห์โลกมีระดับความสั่นสะเทือนสูงมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
    ประสิทธิภาพการทำงานของ DNA ของมนุษย์โลกก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย นี่แหละคือ Gaia Effect หละ...”

    Kryon
    …………………………………………………………….
    ที่มา: บางส่วนของข้อความสื่อสารจากครายออน
    เรื่อง: “The Three Parts”
    วันที่: 26 กุมภาพันธุ์ 2011
    เวปไซต์: Free download - Memphis, TN - February 26, 2011
    ................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2015
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "ความเป็นจริงเกี่ยวกับทวยเทพ (The Truth About Angels)"

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    "..ไม่มีเทพองค์ไหนเลยที่มีร่างกายเนื้อ..
    เพราะว่าพวกเขาเป็นรูปธรรมชีวิตหลากมิติ
    ไม่ใช่ผู้ที่มีร่างกายเนื้อแบบมนุษย์นี้.."

    "...เมื่อพวกเขามาปรากฎตัวให้พวกคุณเห็นในตอนที่พวกคุณไม่ได้ตั้งตัว
    ในลักษณะของ “ลูกทรงกลมของพลังงาน” ที่ลอยเข้ามาหาคุณ
    บางครั้งพวกเขาก็ลอยทะลุกำแพงเข้ามาเลย !
    พวกเขาจะสะท้อนแสงเปลี่ยนสีไปมา บางครั้งก็มองดูคล้ายลูกไฟ
    และพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะทำให้มนุษย์โลกตกใจกลัวขึ้นมาได้ด้วย!

    ดังนั้น ในทุกๆรายงานที่กล่าวถึงการปรากฎตัวของทวยเทพในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
    จึงบอกกับพวกคุณว่า..เทพองค์นั้นสื่อสารมาทันทีว่า “โปรดอย่ากลัว!!” ยังไงหละ.."

    "..และคราวนี้ ก็มาถึงส่วนที่พวกคุณไม่ได้คาดคิดมาก่อนแล้วหละ
    คือ..พวกเขาอยู่กันแบบเป็นกลุ่มก้อน ไม่มีเทพองค์ไหนเลยที่อยู่แบบเดี่ยวๆเป็นเอกพจน์
    แต่พวกคุณอาจจะมองเห็นว่าพวกเขาเป็นเทพองค์ใดองค์หนึ่งเพียงองค์เดียวเท่านั้น
    เช่นเดียวกันกับที่พวกคุณมองเห็นว่าร่างกายเนื้อของตัวเองเป็นเอกพจน์นี่แหละ
    แต่ว่า..นั่นก้เป็นเพราะว่าพวกคุณไม่รู้จัก “น้ำซุปแห่งพลังอำนาจของทวยเทพ” เท่านั้นเอง

    เหล่าทวยเทพจะพูดด้วยเสียงหลายเสียง และพวกเขาจะพูดอยู่ในหัวของพวกคุณ
    ไม่ได้พูดผ่านอากาศออกมาในลักษณะของคลื่นความสั่นสะเทือนของเสียง
    และโดยปกติแล้วเหล่าทวยเทพจะไม่พูดกับฝูงชนทั้งหมู่
    แต่พวกเขาจะพูดกับมนุษย์คนใดคนหนึ่งเป็นการส่วนตัวเท่านั้น
    แต่มันก็เป็นเสียงที่มาจากพวกเขาทั้งกลุ่ม ซึ่งมีอยู่มากมายหลายรูปธรรม
    แต่พวกคุณจะได้ยิน และ รับรู้ได้ในลักษณะของเสียงจากเทพเพียงองค์เดียวเท่านั้น

    “แต่ว่าครายออน..แล้วท่านมหาเทพมิคาเอลหละ?
    ฉันรู้ว่ามีใครบางคนที่สามารถติดต่อสื่อสารทางจิต
    กับท่านเทพผู้งดงามองค์เดียวองค์นี้ได้ด้วยนะ แล้วตกลงว่ามันเป็นยังไงกันแน่?”

    ข้อความจากท่านมหาเทพมิคาเอล (Archangel Michael)
    ก็มาจากกลุ่มของทวยเทพกลุ่มหนึ่งเหมือนกัน
    ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทรงพลังอำนาจมาก แต่ให้คิดถึงมันในแง่ของ
    “กลุ่มของจิตสำนึกที่แสดงออกมาให้รับรู้
    ในลักษณะของรูปธรรมชีวิตเดี่ยวๆ”

    ครายออนก็ด้วยนะ เป็นกลุ่มของจิตสำนึก
    ที่แสดงออกมาให้รับรู้ในลักษณะของรูปธรรมชีวิตเดี่ยวๆเช่นเดียวกัน
    พวกเราทั้งหมดที่อยู่ที่ฟากฝั่งนี้ของม่านพราง
    มีลักษณะเดียวกันนี้ทั้งหมด คือพวกเราไม่มีร่างกายเนื้อหนัง
    และพวกเราก็ไม่ได้อยู่แบบเป็นรูปธรรมชีวิตเดี่ยวๆด้วย.."


    Kryon
    ...............................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Angel-1.jpg
      Angel-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.8 KB
      เปิดดู:
      2,275
  8. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    [​IMG]
    image from internet.

    The Current Eclipse Cycle: Endings and New Beginnings
    a message from Kara Schallock
    Thursday, 26 March, 2015
    เวปไซต์:spiritlibrary.com


    พวกเราได้อยู่ในวงโคจรของจันทรุปราคาที่มีพลังมหาศาล
    ซึ่งที่ผ่านมา....สุริยุปราคาก็ได้นำความเปลี่ยนแปลงมากมายมาให้ผู้คน
    ถึงแม้ว่าคุณรู้สึกไม่ค่อยชอบนักกับการเกิดขึ้นของมันก็ตาม
    แต่ก็อย่างที่ข้อความฉบับสุดท้ายของฉันที่ว่า
    มันมีความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องของปฏิสัมพันธ์
    ที่รวมถึงในรูปแบบเก่าๆที่ยังคงหลับลึกอยู่ในซอกหลืบของจิตใต้สำนึก
    ซึ่งปรากฏการณ์จันทรุปราคาในวันที่ 4 เมษายนนี้
    ก็จะทำให้คุณได้เข้าถึงในความเป็นคุณเอง
    กับการเลื่อนระดับของพลังงานเก่าๆ
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของวิธีการเชื่อมโยงกับผู้อื่น
    (รวมถึงตัวคุณเองด้วย)

    ซึ่งหนึ่งในวิธีการใหม่นี้ก็คือการปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น
    กับสิ่งที่คุณต้องการจะปิดฉากมัน
    ซึ่งนั่นจะทำให้ego ได้มีอิสระในการจัดการให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย
    และจัดทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นหมวดหมู่
    แล้วสิ่งต่าง ๆ ก็จะเลื่อนไหลไปกับ “สิ่งใหม่”(the New)
    และความผันผวนของพลังงานก็จะทำให้สิ่งที่คุณคิดไว้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น
    ต้องแสดงออกมาในรูปแบบที่แตกต่างออกไป....
    ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือการยอมให้สิ่งเหล่านั้นคงอยู่โดยอย่าปิดประตูใส่มัน
    เพื่อจะดูว่าประตูมันจะเปิดออกอีกครั้งเพื่อการขยายตัวที่สูงกว่า....หรือไม่
    แต่ไม่ว่ามันจะเป็นปรากฏการณ์ที่จะทำให้วิวัฒนาการสูงสุดของคุณเกิดขึ้นก็ตาม
    ก็ขอให้มันเป็นไปตามที่มันต้องเป็นโดยปราศจากความยึดมั่น....
    แต่ถึงอย่างไร คุณก็ต้องเจอกับจันทรุปราคาในรอบนี้อยู่ดี
    ซึ่งก็รู้ ว่าคุณจะได้รับความสั่นสะเทือนเพิ่มสูงขึ้นเป็นทวีคูณทั้งจิตและวิญญาณ
    แต่นี่เป็นเวลาที่แท้จริงในการเริ่มต้นของศักยภาพ
    ในการเข้าสู่สภาวะที่สูงกว่าของความเป็นคุณ
    และเป็นเวลาที่ทุกอย่างจะเกิดความชัดเจนมากที่สุด
    ทั้งเต็มไปด้วยความสุขที่ควบคู่ไปกับข้อสงสัย ความสับสน
    และความท้าทายที่เกิดขึ้นทั้งหลาย
    ซึ่งก็ขอให้คุณได้เลื่อนไหลไปกับมันทั้งหมดนั่นแหละ....
    และเมื่อเวลาที่คุณต้องสัมผัสกับความมืดนั้นมาถึง
    ก็จงดูสิ่งที่ต้องการจะปล่อยมันออกไป....

    เมื่อใดที่คุณมีความสุข คุณจะรู้สึกถึงความขอบคุณ
    และความกตัญญูรู้คุณของคุณก็จะไปขยายการวิวัฒนาการของคุณ
    ซึ่งหากคุณปล่อยให้เลื่อนไหลไปโดยไม่ยึดติดกับความคิดของคุณ
    ที่ต้องการให้สิ่งทั้งหลายเป็นไปตามที่คุณต้องการละก็
    นั่นแหละ ....การวิวัฒนาการในด้าน “ความรัก”ของคุณก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น


    แต่นี่ก็ยังไม่ใช่ศักยภาพสูงสุดของการเลื่อนระดับ
    (ซึ่งในการเลื่อนระดับแต่ละครั้งก็จะรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมาเสมอ)
    เพราะมันก็จะมี “สิ่งใหม่” มาแทน “สิ่งเก่า” อยู่ตลอด
    และก็ยังคงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมแสงสว่างและการสั่นสะเทือนต่อไป
    ซึ่งในระหว่างปรากฏการณ์จันทรุปราคาจึงมีความสำคัญที่จะต้องอยู่ใกล้ “น้ำ”
    หรือจะทำเป็นพิธีที่มีน้ำในภาชนะใดก็ได้
    ซึ่งในขณะที่คุณกำลังทำพิธี
    ก็ขอให้คุณนำรหัสของพลังพลังแสงอาทิตย์ใหม่และของพระจันทร์
    มาช่วยเหลือให้คุณได้รับ”สิ่งใหม่” ในหลายๆเส้นทางและวิธีการ
    ซึ่งระหัสเหล่านี้ล้วนมีผลต่อชีวิตคุณทั้งสิ้น
    โดยเฉพาะกับกายเนื้อที่ส่วนใหญ่เป็นน้ำ และนั่นก็คือ Gaia….

    ก้าวใหญ่ในการสร้างสวรรค์บนดินของพวกเราทั้งส่วนตัวและทั่วโลก
    จะเกิดขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นกับปรากฏการณ์ของจันทรุปราคาในครั้งนี้
    พวกเราจะทอดสมอมิติที่สูงกว่าให้กับตนเองและให้กับ Gaia
    ทั้งยังจะสามารถรับรู้ได้มากขึ้นในคำแนะนำและคำสอน
    ของแสงสว่างที่อยู่มิติที่สูงขึ้นไป.....ซึ่งก็แน่นอน....
    ที่ก็ต้องแล้วแต่คุณ ว่าจะบูรณาการคำสอนที่สูงกว่านี้ให้กับชีวิตคุณหรือไม่

    คุณจะได้รับคำแนะนำในวิธีการที่ละเอียดลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
    (ซึ่งบางทีก็ไม่ได้ลึกซึ้งมากนักหรอก)
    ดังนั้น....จงอยู่กับปัจจุบันขณะ....มีอิสระภาพจากความต้องการ
    แล้วคุณก็จะได้ยินเสียงและรู้สึกได้กับคำแนะนำของคุณเอง....

    ในขณะที่คุณได้รับการดาวน์โหลดแสงสว่างอยู่นี้
    (บ่อยครั้งที่จะเกิดในขณะที่คุณนอนหลับหรือนอนไม่หลับ)
    ขอให้คุณปล่อยให้มันไหลผ่านไปที่ Crown Chakra
    และให้แสงนั้นไหลขึ้นสู่ Pineal Chakra และเข้าไปสู่ KA Chanels ของคุณต่อไป
    ดังนั้น....จึงขอให้คุณตรึงอยู่กับศูนย์กลางของการบูรณาการในสิ่งที่คุณได้รับในแต่ละวัน....

    หมายเหตุ; (KA คือ " divine double"
    ซึ่งทำหน้าที่ในส่วนของการติดต่อระหว่างร่างกายมนุษย์
    กับตัวตนของ holograph ที่อยู่ในมิติที่สูงกว่า
    หรือก็คือวงจรไฟฟ้าของกายแห่งแสงสว่าง
    ที่มีอยู่เหมือนกันหมดและพร้อมกันหมด ในมิติที่ 3 ไปจนถึงมิติที่ 6
    และก็ทำหน้าที่อยู่ในทุกๆมิติเหล่านั้น เพื่อโอบอุ้มและตรึงเอา "แก่นแท้อันพิสุทธิ์" ของเรา
    ให้มาอยู่ในกายเนื้อให้ได้ ซึ่งมันทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมประสาน
    ระหว่างวิญญาณและมิติต่างๆและกายเนื้อของเรา
    และทำให้เราสามารถเคลื่อนไปในมิติต่างๆได้ด้วยกายเนื้อที่วิวัฒน์จนถึงขั้นสูงสุดแล้วของเราเอง.....
    ซึ่งเส้นวงจรเหล่านี้ก็คือ 16 เส้นหลักของจุดฝังเข็มที่สามารถผ่านออร่าของคุณ
    ด้วยพลังของ KA ที่ประกอบไปด้วยแสงและคลื่นสั่นสะเทือนของเสียงจากมิติที่ 9
    ส่งผ่าน KA ลงมาให้แก่มิติที่3 ของพวกเรา=ผู้แปล)

    และหากมีผู้คนรอบตัวคุณที่ยังไม่ตื่นรู้ได้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาละก็
    ก็ขอให้รู้ว่าพวกเขาก็กำลังได้รับการ downloads อยู่เหมือนกัน
    เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าผลมันจะเป็นอย่างไรเท่านั้น....
    ซึ่งจะเป็นการดีหากคุณสามารถอยู่ให้ห่างจากสถานะการณ์นั้นๆ....
    และหากตนได้รับแสงสว่างแล้วไม่รู้สึกว่ามีการตื่นรู้แต่อย่างใด
    ก็แสดงว่าแสงสว่างกำลังจัดการกับเรื่องราวเก่า ๆ ที่กำลังเกิดการขัดแย้งอยู่ภายใน
    ซึ่งคุณก็ควรให้พื้นที่สำหรับพวกเขาและมอบความเมตตา
    โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายหรือพยายามที่จะช่วย
    เพราะพวกเขาอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณได้แบ่งปันให้
    และก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้กับการสื่อสาร
    กับผู้ที่มีระดับสั่นสะเทือนที่ไม่ใช่ระดับเดียวกับคุณ
    ซึ่งก็ขอให้รู้ด้วยว่าช่วงเวลาของการเลื่อนระดับเหล่านี้
    มันได้ส่งผลกระทบต่อโลก ต่อสภาวะอากาศ อย่างที่เราได้เห็น ๆ อยู่นี้ด้วยเช่นกัน....

    แต่การปรับตัวของโลกก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป
    ดังนั้น....จงมอบความรักกับสิ่งทีกำลังเกิดขึ้น
    โดยปราศจากการแต่งเติมที่จะทำให้มีผลกับสถานะการณ์ที่ “ไม่ได้น่ากลัว” แต่อย่างใดนั้น....

    ส่วนเรื่องของ “น้ำ” ที่เกี่ยวกับจันทรุปราคานั้น
    ก็จะไปช่วยเพิ่มศักยภาพในความคิดสร้างสรรค์
    และทำให้ค้นพบวิธีการใหม่ ๆ ซึ่งรวมถึงในด้านปฏิสัมพันธ์ที่มีผลต่อชีวิตคุณ
    ส่วนผู้ที่มีความพร้อมแล้ว
    พวกเขาจะได้รับคำแนะนำโครงการและเส้นทางใหม่ๆ
    ที่อาจทำให้เห็นว่า มันก็มีหลายประตูเหมือนกันที่ยังปิดแน่น
    แต่หากคุณพบว่าตัวเอง”กำลังอยู่ในระหว่าง” เรื่องใดๆละก็
    ก็ขอให้อดทนและเชื่อมั่นว่านั่นคือช่วงเวลาของพระเจ้าที่จะให้คำแนะนำ
    จึงต้องขอให้คุณยอมให้ความเป็นหลากมิติของคุณได้รับการบูรณาการ
    ซึ่งก็หมายถึงคุณอาจต้องปลดปล่อยการรับรู้ในเรื่องของขาวกับดำ
    หรือคิดอะไรที่เป็นเส้นตรงออกไป....

    และในขณะที่คุณเลื่อนไหลไปกับความรักความเมตตา
    การบูรณาการของความหลากมิติและจิตสำนึกของคุณก็จะเพิ่มขึ้น
    เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์ชีวิตใหม่ให้แก่คุณ
    และแน่นอนที่ปรากฏการณ์จันทรุปราคาครั้งนี้
    มันจะมีศักยภาพที่จะทำให้เราเลื่อนระดับขึ้นสูงกว่าที่ผ่านมา
    ทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าชีวิตของเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมหัศจรรย์
    หากเราพร้อมและยินดีอย่างแท้จริงในการตอบรับกับเส้นทางใหม่ของชีวิตนั้น
    ซึ่งในความเป็นจริงนั้น การอยู่กับ”สิ่งใหม่”
    มันก็คือการอยู่กับปัจจุบันขณะที่เป็นอิสระกับอดีตและอนาคต
    นี่แหละคือ อิสระภาพ.....
    เพราะอดีตเป็นของเก่า....ส่วนอนาคตก็เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากปัจจุบัน
    ที่ปราศจากการรับรู้และมีแต่ความคาดหวัง
    ทั้งที่จริงๆแล้ว....ที่เดียวที่คุณจะสัมผัสกับอิสระภาพได้ก็ด้วยการอยู่กับ “ปัจจุบันขณะ” เท่านั้น....

    และในขณะที่มีหลายคนพูดว่า นี่จะเป็นโอกาสสุดท้าย
    กับการปลดปล่อยความเป็นคู่ของมิติที่ 3
    และจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่แท้จริงกับ “สิ่งใหม่”
    นี่ก็เป็นความคิดแบบเส้นตรงที่แน่นอนตายตัวมากเกินไป
    ทั้งกับคำว่า “กำลังจบลง กำลังเริ่มต้น และ ระยะเวลา “ นี้อีกด้วย
    เพราะพวกเราต่างคนต่างทำซึ่งจะช้าหรือเร็วนั้น
    มันก็ขึ้นอยู่กับกำลังของแต่ละคน
    ซึ่งก็จริงอยู่ ที่พวกเราก็ได้ปลดปล่อยไปมากพอควรแล้ว
    แต่มันก็ยังมีอีกหลายชั้นที่มันรอโอกาสที่จะโผล่ออกมา
    ดังนั้น....จึงเป็นที่แน่นอนว่า มันย่อมไม่มีความชัดเจนในตอนจบของมิติที่ 3
    และเริ่มต้นใหม่กับ “สิ่งใหม่” ต่อผู้ที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าในระดับอนุบาล
    ที่มีการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในบางครั้งแล้วก็ตาม
    ซึ่งก็ยังมีที่บางครั้งพวกเรารู้สึกว่ามันถอยหลังซะด้วยซ้ำไป
    ฉันก็จะขอบอกเลยนะว่า พวกเราไม่เคยก้าวถอยหลังเลย
    เพียงแต่พวกเราชอบที่จะอยู่ในที่ที่เงียบๆสงบ ๆ เท่านั้น
    ทั้งที่การอยู่ในที่สงบเช่นนั้นมันเป็นการท้าทายที่สุด
    กับการโฟกัสไปกับสิ่งที่เราต้องการจะสร้างซึ่งต้องใช้ความอดทนและศรัทธา
    ในขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนมันหยุดนิ่ง....

    แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่พวกเราอาจเศร้าเสียใจกับบางเรื่อง
    และกับใครที่ได้จากเราไป ซึ่งมันก็ดูสมบูรณ์แบบ
    กับการทำให้บางคนเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วและบางคนก็ต้องใช้เวลาบ้าง
    เพราะมันไม่มีกฏตายตัวหรือ “ความที่ควรจะเป็น” กับกระบวนการของพวกเรา
    เราอาจเสียใจกับการสูญเสียความเป็นอัตลักษณ์ของตนไป
    และกับการต่อสู้ในสิ่งที่ต้องปลดปล่อยมันไป
    ซึ่งนั่นก็เป็นการต่อต้านกับการเคลื่อนไปข้างหน้า....

    แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
    สิ่งที่พวกเขาได้ทำมันก็สมบูรณ์แบบสำหรับพวกเขา
    และเมื่อพวกเราได้ปลดปล่อยและปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นเอง
    ทั้งพร้อมเดินไปข้างหน้าโดยไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะเป็นอะไร....
    นั่นแหละคือ”สิ่งใหม่”....ที่เชื่อมั่นกับสิ่งที่ไม่รู้
    และเชื่อมั่นในคำแนะนำของเหล่าจิตวิญญาณทั้งหลาย....

    ฉันคิดว่าวันอิสเตอร์ของชาวคริสต์มันช่างน่าสนใจ
    ที่พวกเขาจัดขึ้นหลังจากปรากฏการณ์จันทรุปราคาในครั้งนี้
    ซึ่งเป็นจันทรุปราคาที่สมบูรณ์แบบ
    ฉันไม่เคยสัมผัสกับเทศกาลอีสเตอร์นี้หรอกนะ
    แต่มันก็เป็นสัญลักษณ์ที่ดีกับปรากฏการณ์ในรอบนี้
    กับสิ่งที่กำลังจบลง และสิ่งที่กำลังเริ่มต้นใหม่
    หรือพูดว่ามันเป็นโอกาสของการจากไปของสิ่งเก่าๆ
    และเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ในชีวิต
    ซึ่งเราสามารถที่จะนำสัญญลักษณ์นี้ไปใช้ในการเริ่มต้นใหม่
    ที่สามารถทำให้เราได้เห็นถึงการขยายตัวของแหล่งกำเนิดของพวกเราเอง
    รวมถึงจิตสำนึกกับช่วงเวลาที่จะได้เห็นเป็นอัศจรรย์
    ซึ่งความอัศจรรย์นี้มันเป็นศักยภาพที่ไม่ใช่เรื่องที่ให้มองไปในทางปาฏิหาริย์นะ
    แต่มันเป็นเรื่องธรรมดาๆ ของ “สิ่งใหม่”
    ที่พวกเราก็ได้สัมผัสความอัศจรรย์นี้อยู่ทุกวี่ทุกวันหากเราตื่นรู้อยู่ตลอดเวลา

    ดังนั้น....ขอให้พวกเราจงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราได้เตรียมไว้แล้วที่จะเป็น
    และให้เกียรติ์กับการที่ได้มาเกิดของพวกเรากับการเป็นที่รัก
    ในการเป็นหนึ่งเดียวกับทุกชีวิตด้วยญาณทัศนะที่แท้จริงของโลกและจักรวาล....


    ....พวกเราเป็นอะไรที่มากกว่าที่เราเชื่อว่าเราเป็นอยู่
    ซึ่งนั่นก็คือแก่นแท้ของความเป็นพระเจ้า....
    พวกเราคือพระเจ้า ;พวกเราคือผู้สร้างชีวิต;
    พวกเราเป็นอะไรทั้งหมดและมากกว่าที่เป็นอยู่
    พวกเราคือ “ความรัก”....

     
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "สิ่งใดๆจะไม่มีอยู่เลย ถ้าปราศจากผู้สังเกตการณ์"

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    "...พวกเราได้เคยบอกไปแล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง..แท้ที่จริงแล้วก็คือพลังงาน
    แต่เป็นพลังงานที่มีระดับโทนเสียงที่แตกต่างกัน
    หรือมีระดับความสั่นสะเทือนของรูปกายที่แตกต่างกัน
    หรือคือกลุ่มหมอกของแสงสว่างที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่
    และดูเหมือนกับว่าจะเป็นของแข็งในชั่วขณะหนึ่ง
    แล้วก็หายวับไปในอีกชั่วขณะหนึ่งถัดมา

    แต่อันที่จริงแล้ว ทั้งหมดนี้มันก็คือสิ่งเดียวกันทั้งหมด
    เพียงแต่ว่ามันถูกตั้งโปรแกรมมาให้แสดงพฤติกรรมแบบนั้น
    และให้ถูกรับรู้ได้ในลักษณะนั้นๆเท่านั้นเอง


    จงจำไว้ว่าสิ่งของใดๆจะไม่มีอยู่เลย
    ถ้าปราศจากผู้สังเกตการณ์
    ซึ่งนั่นแหละคือกฎพื้นฐานสำหรับเรื่องนี้หละ..."

    "...หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สรรพสิ่งทั้งปวงนี้
    จะมีการกระพริบเกิดขึ้นมา และจะส่องแสงระยิบระยับขึ้นมา
    และจะวิวัฒน์ขึ้นมา และจะปรับตัวขึ้นมาทันที
    ในทุกๆครั้งที่มีใครซักคนไป “มองดู” มันอย่างมีสติสัมปชัญญะเข้า
    และดังนั้น มันจึงเหมือนกับการไปเปิดสวิตช์ไฟฟ้าขึ้นมา
    เพื่อทำให้ “โลกแห่งความเป็นจริง” ทั้งชุด
    เริ่มแสดงบทบาทขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไปทำให้ควอนตั้มฟิสิกส์
    หรือโลกแห่งความเป็นจริงระดับควอนตั้ม
    เริ่มแสดงบทบาทขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    เพราะว่าพวกคุณกำลังอาศัยอยู่ในน้ำซุปแห่งควอนตั้มของพลังงานอยู่
    (quantum soup of energy) และดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณกำลังมองเห็นอยู่นี้
    จึงเป็นส่วนหนึ่งของน้ำซุปเดียวกันนี้ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
    ซึ่งโดยตัวมันเองแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในนี้
    ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกันทั้งสิ้น

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทุกๆองค์ประกอบของมัน ในระยะแรกเริ่ม
    จะเหมือนๆกันหมดทั้งสิ้น คือมันจะเหมือนกับอิฐก่อสร้าง
    ที่ทุกๆก้อนจะประกอบขึ้นมาจากวัสดุชนิดเดียวกันทั้งหมด
    แต่ในทันทีทันใดที่มีจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ เข้าไปในภาพๆนั้น
    มันก็จะไปสร้างให้เกิดภาพๆใหม่ขึ้นมาในทันที

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่มีอะไรเลยที่มีอยู่จริงๆ
    เพราะว่ามันเป็นแค่พลังงานที่อยู่ในรูปแบบของอนุภาคเท่านั้นเอง
    มันจะเหมือนกับกลุ่มหมอกของแสงสว่างที่กำลังส่องแสงระยิบระยับอยู่
    และพร้อมทุกเมื่อ ที่จะรวมตัวกันขึ้นมาเป็นรูปร่างและรูปทรงต่างๆ
    หรือเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ และดาวเคราะห์ต่างๆ
    หรือเป็นวัตถุต่างๆทั้งที่มีความเฉื่อยมากกว่าและที่มีชีวิตชีวามากกว่า

    แต่จงจำไว้ว่า ถึงแม้พวกเราจะใช้คำว่า “เฉื่อย” (inert) ก็ตาม
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะ “มีชีวิตชีวา” น้อยกว่า
    หรือมากกว่าสิ่งอื่นๆแต่อย่างใดเลย

    เพราะว่าถึงแม้ว่าก้อนหินจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ก็ตาม
    แต่มันก็ไม่ได้ “มีชีวิต” น้อยไปกว่ามนุษย์แต่อย่างใดเลย
    เพราะว่าทั้งพวกคุณและก้อนหินคือสิ่งเดียวกัน..."


    The constant companions
    .............................................................................
    ที่มา: บางส่วนของข้อความสื่อสารจาก ”The constant companions” เรื่อง: ประวัติศาสตร์แห่งการสรรสร้าง (A history of Creation) – part 2
    ผู้รับสาส์น: Aisha North,วันที่: 9 ตุลาคม 2013
    เวปไซต์:https://aishanorth.wordpress.com/…/a-history-of-creation-p…/

    ข้อความฉบับแปลภาษาไทย : https://www.facebook.com/notes/chay...story-of-creation-part2-ตอนที/803463049665570
    ..............................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2015
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จงแผ่ความรักและแสงสว่างออกไปสู่ทุกผู้ทุกนาม"

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    "ที่รักทั้งหลาย ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเข้าสู่เนื้อหาของข้อความสื่อสารชุดนี้กัน
    พวกเรามาหยุดพักกันสักครู่ ขอให้พวกคุณหลับตาลง และปล่อยให้การรับรู้เกี่ยวกับกาลเวลาของพวกคุณหมดไป

    แล้วจากนั้นก็ให้จินตนาการว่ามีกระแสพลังงานของความรักและแสงสว่าง
    แผ่กระจายออกมาจากบ่อน้ำพุที่อยู่ภายในศูนย์กลางหัวใจของพวกคุณเอง
    (ตรงจักระที่ 4 หรือก็คือตรงจุดศูนย์กลางทรวงอกระดับเดียวกับหัวใจ-ผู้แปล)
    แล้วแผ่กระจายออกไปเอิบอาบทุกผู้ทุกนามและทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้

    แล้วจากนั้นก็ให้จินตนาการต่อไปอีกว่า มีกระแสพลังงานแห่งแสงสว่างขนาดต่างๆกัน
    หลั่งไหลย้อนกลับมาจากทุกผู้ทุกนามและทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาหาพวกคุณ
    ซึ่งในขณะที่พวกคุณกำลังเชื่อมต่อกับแก่นแท้ของพี่ๆน้องๆของตัวเองจากทั่วโลกอยู่นี้
    ขอให้พวกคุณจงปลดปล่อยความกลัว, การตัดสินชี้ถูกผิด และความเชื่อที่แตกต่างกัน
    ของตัวเองออกไปให้หมดเสียด้วย

    มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนมีความพิเศษเฉพาะที่ไม่เหมือนใครด้วยกันทั้งสิ้น
    เพียงแต่ว่าสิ่งที่อยู่ลึกๆภายใน..ตรงใจกลางหัวใจของพวกคุณทุกคนนั้น
    ล้วนคือสิ่งเดียวกันทั้งสิ้น เพราะว่าสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกนึกคิดทุกๆชีวิต
    ล้วนประกอบขึ้นมาจากเนื้อแท้ที่เป็นสิ่งเดียวกันทั้งสิ้น
    ซึ่งก็เป็นเนื้อแท้เดียวกันกับเนื้อแท้ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ที่ป็นทั้งบิดาและมารดาของพวกเรา
    (our Father/Mother God) นั่นเอง และก็ยังเป็นเนื้อแท้เดียวกันกับ
    “แก่นแท้อันบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้สร้างสูงสุดเอง”
    (the pure Divine Essence of the Supreme Creator) อีกด้วย

    พวกคุณในฐานะที่เป็นประกายแสงหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าที่มาอยู่ในร่างกายทางกายภาพนี้
    ได้ถูกเข้ารหัสเอาไว้ตามแบบที่อยู่ในพิมพ์เขียวศักดิ์สิทธิ์ ให้มีรูปแบบของความสั่นสะเทือนรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
    และมีแสงสว่างจากพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นเนื้อแท้ของตัวเองอยู่อย่างเพียงพอ
    เพื่อให้สามารถบรรลุภาระกิจของตัวเองบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ได้

    แล้วจากนั้น ก็ปล่อยให้จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณถูกยกระดับขึ้นไป
    จนลอยขึ้นไปถึงทิพยสถานอันปราณีตแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ๆพวกคุณจะกลายเป็นรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่าง
    ที่กำลังล่องลอยและส่องแสงสว่างเจิดจ้าอยู่บนนั้น และกำลังเชื่อมต่ออยู่กับรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่างทุกๆรูปธรรม
    ที่ดำรงอยู่ภายในระบบสุริยะแห่งนี้ เพราะว่ามันจะไม่มีการแบ่งแยกใดๆเหลืออยู่เลย
    เพราะว่ามันไม่สามารถที่จะมีการแบ่งแยกอยู่ได้ ไม่ว่าพวกคุณจะท่องเที่ยวไป
    ห่างไกลจากจุดศูนย์กลางหัวใจของพระผู้สร้างมากซักแค่ไหนก็ตาม
    และไม่ว่าตลอดหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมานี้ พวกคุณจะรับอาสามาทำหน้าที่อะไรข้างล่างนี้
    และมาสวมใส่ร่างกายเนื้อแบบไหนบ้างแล้วก็ตาม

    และมันก็ไม่สำคัญเลยว่าพวกคุณจะเคยแบ่งภาค “รังสีแห่งจิตวิญญาณ” (Soul Ray)
    ของตัวเองออกมาเป็นส่วนเล็กส่วนน้อยยิบย่อยลงไปอีก มากแค่ไหนแล้วก็ตาม
    พวกคุณก็ยังจะมีการเชื่อมต่ออยู่กับ “อะตอมของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นต้นกำเนิดของตัวเอง”
    (your God-Seed Atom) และกับรากเหง้าอันศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง (your Divine I AM Presence)
    และไล่เรียงขึ้นไปจนถึงกับพระผู้สร้าง (the Creator) อยู่เสมอ

    และมันก็ยังมีสายธารแห่งแสงสว่างขนาดจิ๋วสายหนึ่งจากพระผู้สร้าง
    ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อพวกคุณทุกๆชีวิตเข้าไว้ด้วยกันอยู่
    ซึ่งการเชื่อมต่อดังกล่าวนี้ไม่เคยขาดหายไปเลย และก็จะไม่มีวันขาดหายไปอย่างเด็ดขาดอีกด้วย

    ให้หายใจเข้าลึกๆและช้าๆเพื่อสัมผัสรู้ถึงระลอกคลื่นแห่งแสงสว่างหลากสี
    ที่กำลังส่องแสงแวววาวระยิบระยับอยู่ และโอบล้อมพวกคุณอยู่
    ซึ่งระลอกคลื่นแห่งแสงสว่างดังกล่าวนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและแสงสว่าง
    รวมถึงคุณอันความประเสริฐทั้งหลายของ Father/Mother God ของพวกเรา

    ภายในสายธารแห่งแสงสว่างอันเป็นทิพย์เหล่านี้ จะมีพลังงานและทุกสิ่งทุกอย่าง
    เท่าที่พวกคุณจะปราถนาอยู่ เพื่อให้พวกคุณสามารถนำเอามาใช้
    ในการสร้างอาณาจักรในฝันของตัวเองขึ้นมาได้ เพื่อให้พวกคุณ
    สามารถสร้างรากฐานของตัวเองสำหรับโลกยุคใหม่ขึ้นมาได้
    เพื่อจะได้กลับคืนไปสู่ความเป็นผู้รู้ผู้ตื่นใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    จงรู้ไว้ว่ากำแพงที่กั้นระหว่างพวกเรา (ระหว่างทวยเทพกับมนุษย์โลก – ผู้แปล)
    มันไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว แม้ว่าจริงๆแล้วพวกเราจะไม่เคยพรากจากกันจริงๆเลยก็ตาม
    เพราะว่ากระบวนการทางวิวัฒนาการที่ถูกบัญชาลงมา และที่กำลังดำเนินไปอยู่นี้
    ในหลายปีมานี้ ทำให้พวกเราสามารถที่จะเชื่อมต่อกับพวกคุณแต่ละคนได้มากขึ้น
    และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆชั่วขณะ และทุกๆวัน.."


    มหาเทพมิคาเอล
    .................................................................
    บางส่วนของข้อความจากท่านมหาเทพมิคาเอล
    เรื่อง: Fine-tuning your spiritual awareness
    ประจำเดือน: เมษายน 2015 ผ่านทาง Ronna Herman
    ที่มา: Archangel Michael & Ronna Welcome You to Star*Quest
    ..................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จิตวิญญาณของมนุษย์ (The Human Soul)"

    [​IMG]
    (credit the picture from internet)

    "..ในระบบความเชื่อด้านจิตวิญญาณบางระบบ ก็เชื่อว่าจิตวิญญาณ
    จะมาอยู่บนโลกใบนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แล้วจากนั้นก็จะไม่มาอยู่อีกเลย
    ส่วนระบบความเชื่ออื่นๆ ก็จะเชื่อว่าจิตวิญญาณจะมาเกิดบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

    แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เหมือนๆกันของทุกๆระบบความเชื่อก็คือ
    จิตวิญญาณคือส่วนที่เป็นพลังงานของพระเจ้า (God) ที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์

    ในระบบความเชื่อหลักแบบดั้งเดิมทั้งหลาย จะเชื่อว่าจิตวิญญาณคือสิ่งที่เป็นเอกพจน์
    ที่อยู่ในมนุษย์คนที่มีใบหน้าอย่างที่ปรากฎอยู่ในกระจกเงาของพวกคุณแต่ละคนนั่นแหละ
    และเมื่อพวกคุณตายไปแล้ว จิตวิญญาณก็จะไปกับพวกคุณด้วย ไปอยู่ที่ไหนซักแห่งหนึ่ง
    ซึ่งในบางระบบความเชื่อก็จะเชื่อว่า แล้วหลังจากนั้นจิตวิญญาณก็จะกลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    ซึ่งมันก็แค่ง่ายๆ คือ..ไม่ถูกต้อง แต่มันก็ OK และก็ OK มากๆซะด้วย
    เพราะว่าถ้าฉันบอกกับพวกคุณว่า “พวกคุณจะต้องหัดเดินซะก่อน ก่อนที่จะหัดวิ่ง”
    พวกคุณก็จะเข้าใจตรรกะง่ายๆนี้ได้ไม่ยากนัก เพราะว่ามันเป็นกระบวนการเดียวกัน
    กับกระบวนการการเข้าใจสัจธรรมด้านจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ
    “กระบวนการวิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณของการรับรู้และเข้าใจ”
    (a spiritual evolutionary process of perception)
    มันไม่มีความจำเป็นที่พวกคุณจะต้องไปรู้ทุกๆรายละเอียดของอะไรบางอย่างก่อนหรอก
    ก่อนที่จะใช้งานมันได้ หรือ ก่อนที่จะรู้สึกถึงมันได้

    จิตวิญญาณของมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของ “พลังงานหลากมิติชนิดหนึ่ง”
    และมันก็ไม่ได้เป็นเอกพจน์ด้วย และมันก็ไม่ได้ยึดติดอยู่กับเฉพาะร่างใดร่างหนึ่งซะด้วย
    เพราะว่ามันสามารถที่จะแบ่งภาคตัวเองออกไป เพื่อไปอยู่ในหลายๆสถานที่ในเวลาเดียวกันได้ด้วย
    ซึ่งในระบบความเชื่อของปรัชญาลึกลับ ของยุคพลังงานใหม่นี้ พวกเขาเรียกจิตวิญญาณของมนุษย์ว่า
    “ตัวตนที่สูงกว่า” (Higher-Self) และมันก็คือพลังงานชนิดหนึ่งที่มีความเป็นควอนตั้มอย่างแท้จริงด้วย.."


    Kryon
    ......................................................
    บางส่วนของข้อความสื่อสารจากครายออน
    เรื่อง Demystifying The New Age - Part 3 (เปิดเผยความลึกลับของยุคพลังงานใหม่ - ตอนที่ 3)
    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll, วันที่รับสาส์น: 25 มกราคม 2014,
    เวปไซต์:http://spiritlibrary.com/…/…/demystifying-the-new-age-part-3
    .......................................................
    ที่มา: https://www.facebook.com/notes/chay...งงานใหม่-ตอนที่-3-โพสต์ที่-12/770156256329583
    ..........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Human body.jpg
      Human body.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.8 KB
      เปิดดู:
      2,026
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จิตวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่เป็นเอกพจน์"

    [​IMG]
    (credit the picture from internet)

    "เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับเชาว์ปัญญาของพวกคุณอย่างมาก!
    เพราะว่าจิตวิญญาณที่พวกคุณพูดกันว่ามันเป็นของพวกคุณนั้น มันไม่ได้เป็นเอกพจน์
    แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวมทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่พูดง่าย แต่เข้าใจยาก

    ดังนั้น เวลาที่พวกคุณมองเข้าไปในดวงตาของคนอื่น
    แล้วพูดว่า “Namaste” นั้น
    ก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังน้อมเอาความเป็นพระเจ้าที่อยู่ในตัวเอง
    ไปคาราวะความเป็นพระเจ้าที่อยู่ในตัวของผู้อื่นอยู่

    พวกคุณเคยคิดไหมว่าผู้คนเหล่านั้นพวกเขาอาจจะมีจิตวิญญาณดวงเดียวกันกับพวกคุณก็ได้?
    พวกเขาอาจจะเป็นพระเจ้าองค์เดียวกันกับพวกคุณก็ได้?
    เพราะฉะนั้นแล้วพวกเขาจึงมีจิตวิญญาณดวงเดียวกันกับพวกคุณด้วย!

    แต่ว่าพวกคุณไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย เพราะว่าพวกคุณจะคิดแต่ว่า
    พวกคุณก็มีจิตวิญญาณของพวกคุณเองอยู่ ส่วนพวกเขาก็มีจิตวิญญาณของพวกเขาเองอยู่
    นั่นแหละคือวิธีการคิดของพวกคุณหละ เพราะว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่พวกคุณจะสามารถทำได้
    เพราะว่าถ้าพวกคุณไปรวมเอาพวกเขาเข้ามาด้วยหละก็
    มันก็จะเกิดปัญหาด้านความสมเหตุสมผลกับสมองที่คิดเป็นแต่แบบที่เป็นเส้นตรงของพวกคุณทันที

    จิตใจที่คิดแบบเป็นเส้นตรงจะมองเห็นว่าจิตวิญญาณของพวกคุณก็เป็นของพวกคุณแต่เพียงคนเดียว
    ซึ่งวิธีการคิดแบบนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้พวกคุณไม่สามารถที่จะเข้าใจข้อความนี้ได้แล้ว
    ดังนั้นสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกพวกคุณก็คือ เมื่อไหร่ที่พวกคุณสามารถข้ามสะพานแห่งความเข้าใจของตัวเองมาได้แล้ว
    พวกคุณก็จะเห็นว่าเรื่องนี้มันไปช่วยขยายทัศนมิติของพวกคุณให้กว้างไกลมากขึ้นไปอีก
    มันไม่ได้ไปตัดทอนความยิ่งใหญ่อลังการของจิตวิญญาณของพวกคุณลงแต่อย่างใดเลย

    มันไม่มีจิตวิญญาณไหนเลยที่จะเป็นเอกพจน์
    เพราะว่ามันจะเชื่อมต่ออยู่กับส่วนรวมทั้งหมดอยู่ตลอดเวลา
    เพราะว่าน้ำซุปแห่งพลังงานที่ชื่อว่าพระเจ้านี้
    จะอยู่ในน้ำซุปเพียงถ้วยเดียวเสมอ ซึ่งพวกคุณอาจจะเรียกมันว่า
    “สนามพลังงานร่วม” ก็ได้ เพราะว่ามันไม่ได้แยกตัวเองออกมา
    จากส่วนรวมทั้งหมดเลย และชิ้นและส่วนต่างๆของมัน
    ถ้าพวกคุณอยากจะเรียกแบบนั้นหนะนะ
    ก็ดำรงอยู่ในจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของมนุษย์โลกแต่ละคน
    แล้วพวกคุณก็ไปชี้บ่งว่าส่วนต่างๆเหล่านั้นมันเป็นของตัวเอง
    แต่ว่าอันที่จริงแล้วพวกมันยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก

    ปีนี้หลักสูตรการสอนของคู่หูของฉัน (นาย Lee – ผู้แปล) จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ
    คุณสมบัติทั้ง 9 ประการของมนุษย์โลก ซึ่งคุณสมบัติ 3 อย่างในนั้นมาจากกลุ่มของจิตวิญญาณ
    และเขาก็จะพูดถึง “แก่นแท้” ด้วย

    ซึ่งแก่นแท้ที่ว่านี้ ก็คือสิ่งที่พวกคุณจะรู้สึกได้
    เวลาที่พวกคุณเข้าสมาธิในระดับลึก
    เพราะว่าตอนนั้นพวกคุณจะไปสัมผัสกับแก่นแท้ที่ว่านี้เข้า
    แล้วพวกคุณก็จะเข้าใจว่ามันคือพวกคุณเอง
    แต่ว่ามันไม่ใช่! เพราะว่ามันคือทุกๆคน!

    นั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกคุณถึงได้รู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่อลังการมากๆยังไงหละ
    แต่ว่า..ฉันก็ไม่อยากจะให้พวกคุณคิดไปว่าเจ้าสิ่งนี้มันคือสิ่งมีชีวิตแปลกปลอม
    ที่มาอาศัยอยู่ภายในร่างกายเนื้อของพวกคุณหรอกนะ
    เพราะว่ามันก็คือพวกคุณเองนั่นแหละ เพียงแต่ว่า
    มันคือ “พวกคุณที่อยู่ในเวอร์ชั่นที่ใหญ่โตกว่า” เท่านั้นเอง
    เพราะว่าพวกคุณคือพระเจ้า!"

    Kryon
    ...................................................................
    บางส่วนของข้อความสื่อสารจากครายออน
    เรื่อง: Soul Journeying, Part 1 ", วันที่ 22 มีนาคม 2014
    ที่มา:Auckland, New Zealand - March 22, 2014
    ...................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Namaste.jpg
      Namaste.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.7 KB
      เปิดดู:
      1,983
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "จิตวิญญาณของมนุษย์โลก"

    [​IMG]
    (credit the picture from internet)

    "..พวกเราขอทบทวนสิ่งที่พวกเราได้เคยพูดไปแล้วสักหน่อย
    เกี่ยวกับจิตวิญญาณของมนุษย์ ว่า..จิตวิญญาณไม่ใช่ส่วนหนึ่งของร่างกายเนื้อ
    แต่ว่ามันก็สถิตย์อยู่ภายในตัวของพวกคุณในระดับของร่างกายเนื้อนี้ด้วย
    ดังนั้นมันจึงไม่ใช่สารเคมีด้วย และมันก็ไม่ใช่กระแสประสาทอีกด้วย
    (ที่เกิดขึ้นจากการทำงานของสมอง) และมันก็ไม่ใช่ญาณหยั่งรู้อีกด้วย

    สรุปว่า ในบรรดาสิ่งต่างๆที่พวกคุณเคยศึกษามาทั้งหมดทั้งมวลนั้น
    มันไม่ใช่อะไรพวกนั้นเลย เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่พวกคุณ
    "ยังจะไม่สามารถเข้าใจได้ในขณะนี้" เพราะว่ามันไม่สามารถที่จะเข้ากันได้พอดี
    กับกรอบความคิดใดๆที่พวกคุณพากันสร้างขึ้นมา ภายในวิทยาศาสตร์ของมิติที่ 3 นี้เลย

    เพราะว่ามันเป็นชิ้นส่วนหนึ่งของพระผู้สร้าง (the Creator) ซึ่งก็คือ
    “แหล่งกำเนิดของการสร้างสรรค์” (the Creative Source) ทั้งมวล
    ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของ “ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นอยู่” (the all that is)

    เมื่อนานแสนนานมาแล้ว แหล่งกำเนิดแห่งการสร้างสรรค์ดังกล่าวนี้
    ได้สร้างระบบที่สวยสดงดงามและเต็มไปด้วยกุศลเจตนาขึ้นมาระบบหนึ่ง
    และมันก็ต้องการจักรวาลๆหนึ่งเพื่อมารองรับระบบนี้
    ดังนั้น ณ.จุดๆนี้พวกคุณก็เลยได้กาแล็กซี่ต่างๆ ได้ดาวเคราะห์ต่างๆ
    และได้สิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆขึ้นมา และทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ก็ถูกนำมาใส่ไว้ด้วยกัน
    จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป และก็ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
    หาใช่เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญแต่อย่างใดไม่

    และจนกระทั่งบัดนี้ แหล่งกำเนิดแห่งการสร้างสรรค์ดังกล่าวนี้ ก็ยังคงอยู่รอบๆตัวพวกคุณอยู่
    และกาแล็กซี่ที่พวกคุณกำลังอาศัยอยู่ในขณะนี้
    ก็ดำรงอยู่ภายในตัวของพวกคุณเองด้วย ในขณะเดียวกัน
    ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมันถูกเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้พวกคุณรู้
    และที่มันต้องถูกซ่อนเอาไว้ก็เพราะว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของ “การทดลอง”
    บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้นั่นเอง เพื่อให้พวกคุณได้ค้นหามัน
    โดยใช้ทางเลือกเสรีของพวกคุณเอง (โดยความสมัครใจ ไม่บังคับ – ผู้แปล)
    ว่ามีอะไรอยู่ที่นั่นไหม๊

    และเพื่อที่จะทำให้มันถูกเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิดมากขึ้นไปอีก
    มันจึงมีข้อมูลข่าวสารเพียงบางส่วน ซึ่งก็คือไม่กี่ % เท่านั้น
    ที่พวกคุณจะสามารถนำมาใช้ได้ ดังนั้น พวกคุณจึงไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า
    พวกคุณไม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่างหรอก พวกคุณไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการของมัน
    และก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ แต่พวกคุณก็รู้โดยสัญชาตญาณว่ามีมันอยู่
    เพราะว่าโดยสัญชาตญาณแล้วมนุษย์ทุกคนจะสามารถ “รู้สึก” ได้ว่า
    มันยังมีอะไรที่มากกว่านั้นอยู่อีก

    มนุษย์โลกที่รักทั้งหลาย ถ้าพวกคุณลองมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของตัวเอง
    ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้แล้วละก็ พวกคุณก็จะรู้ว่าตั้งแต่แรกเริ่ม
    ที่ลงมายังดาวเคราะห์โลกดวงนี้นั้น พวกคุณก็พากันเริ่มมองหาพระผู้สร้างกันแล้ว
    เพราะว่ามันเป็นสัญชาตญาณของพวกคุณ

    ซึ่งนั่นก็เพราะว่าก่อนหน้านั้นชาวกลุ่มดาวลูกไก่ได้พากันลงมา
    และได้มอบรหัส DNA ชุดใหม่ให้กับพวกคุณ และก็ได้มอบความรู้
    เกี่ยวกับความมืดและแสงสว่างให้กับพวกคุณด้วย
    และนี่แหละคือที่มาของ “ตำนานแห่งการสร้างโลก” ของพวกคุณหละ
    และความตระหนักรู้อันนี้นี่เอง ที่ได้ทำให้พวกคุณพากันค้นหา
    ต้นกำเนิดของสรรพสิ่งทั้งปวงอยู่นี่ยังไงหละ

    จิตวิญญาณของมนุษย์แทรกซึมอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง
    ที่เกี่ยวข้องกับพวกคุณ
    และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะมีตำแหน่งแห่งหนด้วย
    เพราะว่ามันเป็นพลังงานหลากมิติอันบริสุทธิ์ล้วนๆ
    มันคือพลังงานศักดิ์สิทธิ์ ที่ศักดิ์สิทธิ์ซะยิ่งกว่า
    ที่พวกคุณจะสามารถประเมิณค่าได้
    มันไม่ได้มีขนาดเท่ากับสิ่งใดๆที่พวกคุณเคยเห็นมาก่อนเลย
    และพวกคุณก็ไม่มีคำศัพท์คำไหน
    ที่จะสามารถนำมาใช้เรียกมันได้ด้วย
    พวกคุณไม่สามารถที่จะบอกได้ว่ามันเป็นสีอะไร
    เพราะว่ามันอยู่สูงเกินกว่าที่ประสาทสัมผัสใดๆของมนุษย์
    จะสามารถสัมผัสรู้ได้

    แต่ว่ามันก็คือส่วนที่เป็น “ความรัก” ที่พวกคุณสามารถรู้สึกและรับรู้ได้
    แต่พวกคุณก็ไม่สามารถที่จะอธิบายสิ่งนั้นได้เลย
    มันเป็นนามธรรมมากเกินกว่าที่พวกคุณจะคาดคิดซะอีก
    ดังนั้น พวกคุณจึงไม่สามารถที่จะอธิบายความหมาย
    ของจิตวิญญาณของตัวเองได้เลยโดยปริยาย
    และพวกคุณก็ไม่สามารถที่จะอธิบายความหมายของ
    “พระผู้สร้าง” (the Creator) ได้ด้วย แต่พวกคุณก็รู้ว่ามันมีอยู่

    จิตวิญญาณของพวกคุณไม่มีเพศ
    มันเป็นสิ่งที่เป็นกลางๆและสวยสดงดงาม
    และมันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเจิดจรัสและแวววาวอีกด้วย
    มันสถิตย์อยู่ภายในตัวของพวกคุณทุกๆคน
    ที่รักทั้งหลาย และมันก็สถิตย์อยู่ภายในตัวของฉันเองด้วย
    แม้ว่าฉันจะไม่ใช่มนุษย์ก็ตาม แต่ว่ามันก็อยู่ภายในตัวฉันด้วย!

    ฉันขอพูดกับพวกคุณด้วยความเคารพและด้วยความรู้สึกชื่นชมนะ
    ว่า..เพราะว่าฉันไม่เคยเกิดเป็นมนุษย์มาก่อน
    ดังนั้น บางครั้งฉันจึงไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกคุณต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
    และฉันก็รู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นพวกคุณพากันอาสาลงมาเกิดกัน!

    แต่ว่าจิตวิญญาณก็คือสิ่งที่มีความใหญ่โตมโหฬารมาก
    ยิ่งกว่าสิ่งใดๆที่พวกคุณจะสามารถจินตนาการได้ซะอีก
    และมันก็คือกลไกของความเมตตากรุณาสำหรับจักรวาลแห่งนี้.."

    Kryon
    ....................................................................
    ที่มา: บางส่วนของข้อความจากครายออน
    เรื่อง: THE HUMAN SOUL REVEALED"
    วันที่: 13 ธันวาคม 2014
    เวปไซต์: Kryon Channelling - San Rafael, California - December 13, 2014
    ..................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "บุพการีผู้มาช่วยบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์บนโลก"

    [​IMG]
    (credit the picture from internet)

    "..ตอนที่ฉันพูดถึงชาวกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadian) นั้น
    พวกคุณคิดถึงใคร? พวกคุณจินตนาการว่าพวกเขามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร?

    พวกคุณจินตนาการว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างหน้าตาแบบมนุษย์นี้ใช่ไหม๊
    เพียงแต่ว่าสูงกว่าพวกคุณ แล้วก็ฉลาดกว่าพวกคุณเท่านั้นเองใช่ไหม๊?

    พวกคุณคิดว่าพวกเขามาที่นี่โดยใช้ยานพาหนะอย่างใดอย่างหนึ่ง
    หรือว่าโดยการหายตัวแว๊บมาโผล่ที่นี่เลยในทันทีทันใด
    โดยที่ไม่ต้องอาศัยยานพาหนะใดๆเลยกันแน่?
    ซึ่งถ้าพวกเขาใช้วิธีการหายตัวแว๊บมาโผล่ที่นี่แบบทันทีทันใดเลยหละก็
    (ซึ่งนั่นแหละคือวิธีการที่พวกเขาใช้จริงๆหละ) เรื่องนี้มันบอกอะไรกับพวกคุณบ้าง
    เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขามี แต่พวกคุณไม่มี?.."

    "..ฉันขอวาดภาพบุพการีผู้มาบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ให้กับพวกคุณซักหน่อยเถอะนะ..
    ดาวลูกไก่ หรือกลุ่มดาวฤกษ์เจ็ดพี่น้องนั้น
    แท้ที่จริงๆแล้วมันประกอบด้วยดวงอาทิตย์ทั้งหมด 9 ดวง
    ซึ่งภายในระบบสุริยะของดวงอาทิตย์ทั้ง 9 ดวงนี้ มันมีดาวเคราะห์หลักๆ
    ที่สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้จำนวน 3 ดวง
    (ซึ่งทั้ง 3 ดวงนี้ชาวกลุ่มดาวลูกไก่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยหมดแล้ว)

    พวกเขาได้กลายมาเป็นสังคมมนุษย์ที่รู้แจ้งแล้ว มานานราว 2 ล้านปีแล้ว
    ลองคิดดูสิว่า พวกคุณเพิ่งเริ่มอุบัติขึ้นมาเมื่อราวๆ 2 แสนปีมานี้เท่านั้นเอง
    และพวกคุณก็เพิ่งถูกบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ลงไปอย่างเหมาะสมได้ราวๆ 1 แสนปีมานี้เอง
    และอาณาจักรเลมูเรียและอาณาจักรอื่นๆที่เกี่ยวข้องก็เพิ่งจะเริ่มมีมาจริงๆ
    ก็เมื่อราวๆ 5 หมื่นปีมานี้เอง แต่ว่าฉันเพิ่งบอกพวกคุณไปว่า
    ชาวกลุ่มดาวลูกไก่อยู่ที่นั่นมานานแล้วตั้งแต่เมื่อ 2 ล้านปีก่อน!.."

    “..ที่รักทั้งหลาย DNA ของพวกเขาก็มีโครงสร้างเหมือนกันกับของพวกคุณนี่แหละ
    เพียงแต่ว่าจำนวนสารเคมีที่อยู่ในนั้นแตกต่างกันเท่านั้นเอง ซึ่งบางทีพวกคุณอาจจะรู้แล้ว
    เพราะว่าพวกคุณจะเจอ DNA ลักษณะนี้ทั่วทั้งกาแล็กซี่นี้นั่นแหละ
    เพราะว่ามันใช้หลักการณ์ในการสร้างเหมือนกันหมดทั่วทั้งกาแล็กซี่นี้..”

    “..และเมื่ออารยธรรมของพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
    DNA ของพวกเขาก็ค่อยๆมีชีวิตชีวามากขึ้น
    และประสิทธิภาพการทำงานของ DNA ของพวกเขาก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น
    เป็น 44%, 54%, 55%, 66%, 77% และ 88% ตามลำดับ

    ฉันอยากจะบอกพวกคุณว่า จะเกิดอะไรขึ้น
    เมื่อ DNA สามารถทำงานได้ที่ 88% แล้ว
    ณ.จุดนั้นพวกคุณก็จะเริ่มผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
    กับจิตวิญญาณของตัวเอง เพราะว่าพวกคุณ
    ถูกออกแบบมาให้มาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    พวกคุณรู้เรื่องนี้มาก่อนไหม๊?

    ฉันอยากจะบอกอะไรพวกคุณซักอย่างว่า พวกคุณถูกออกแบบมาให้มีชีวิตอยู่ได้ชั่วนิรันดร์!
    เพราะว่าร่างกายเนื้อของพวกคุณถูกออกแบบมาให้สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ทั้ง 100%
    ดังนั้น ทุกๆเซลในร่างกายของพวกคุณจึงสามารถอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆเรื่อยๆ
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งความศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในตัวพวกคุณ

    ดังนั้นเมื่อใดที่ DNA ของพวกคุณเริ่มสามารถทำงานได้ด้วยศักยภาพที่สูงขึ้นกว่าเดิมแล้ว
    กระบวนการฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาใหม่ของเซลต่างๆในร่างกายของพวกคุณ
    ก็จะเป็นการสร้างเซลใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลเก่า โดยอาศัยข้อมูลข่าวสาร
    ที่อยู่ภายในพิมพ์เขียวต้นแบบที่อยู่ภายในสเต็มเซลโน่นเลยทีเดียว
    ไม่ใช่การไป copy เอามาจากเซลเก่า เหมือนอย่างที่มันกำลังทำอยู่นี้ อีกต่อไปแล้ว
    ดังนั้น โครงสร้างของเซลพวกนี้จึงจะไม่มีวันแก่เลยจริงๆ
    และเพราะฉะนั้นพวกคุณก็จะไม่มีวันแก่เลยเช่นเดียวกัน!..”

    “..ชาวกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadian) คือสิ่งมีชีวิต
    ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับ “ทวยเทพ” มากที่สุด
    เท่าที่พวกคุณจะสามารถพบได้
    และตอนนี้ DNA ของพวกเขาก็กำลังทำงาน
    อยู่ด้วยศักยภาพ 88% อยู่
    พวกเขาสามารถควบคุมกฎทางฟิสิกส์ต่างๆได้
    โดยใช้วิธีการตามธรรมชาติ
    ไม่มีการใช้เครื่องไม้เครื่องมือแต่อย่างใดเลย
    พวกเขาสามารถเอ็นแทงเกิ้ล (entangle) ตัวเอง
    เข้ากับอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการจะเอ็นแทงเกิ้ลด้วย
    (การเอ็นแทงเกิ้ล หรือ entanglement เป็นศัพท์ทางฟิสิกส์)
    .......................
    (หมายเหตุ:Quantum Entanglement หมายถึง
    การที่อนุภาคของแสงหลายๆอนุภาคสามารถมาอยู่ร่วมกัน, มามีพันธะต่อกัน
    และมาแบ่งปันข้อมูลข่าวสารแห่งแสงสว่างในระดับควอนตั้มด้วยกันได้

    ซึ่งในโลกของควอนตั้มแล้ว คุณลักษณะที่สำคัญอย่างหนึ่งของการแลกเปลี่ยน
    และการมีพันธะต่อกันดังกล่าวนี้ ก็คือเมื่อใดก็ตามที่อนุภาคแห่งแสงสว่างเหล่านี้
    ได้มาอยู่ในสภาวะที่มีการพัวพันกันแล้ว พวกมันก็จะแบ่งปันข้อมูลข่าวสารร่วมกันอยู่ตลอดเวลา
    ไม่ว่าพวกมันจะอยู่ห่างไกลกันสักแค่ไหนก็ตาม
    หรือไม่ว่าพวกมันจะอยู่ต่างกาลเวลากันสักแค่ไหนก็ตาม – คำอธิบายจาก The Team – ผู้แปล)
    .......................

    “จิตวิญญาณของมนุษย์” (the Human Soul) เป็นของศักดิ์สิทธิ์
    และก็เป็นฟิสิกส์โดยแก่นแท้ของตัวมันเองอยู่แล้ว
    และก็มีอำนาจควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างชาญฉลาดอีกด้วย
    และ “พระผู้สร้าง” (the Creator) ก็อยู่ภายในจิตวิญญาณของมนุษย์นี้ด้วย
    ซึ่งแหล่งกำเนิดแห่งการสร้างสรรค์ (หรือพระผู้สร้าง – ผู้แปล) ที่ว่านี้
    ก็คือปรมาจารย์ด้านฟิสิกส์ของจักรวาลแห่งนี้นั่นเอง

    ถ้า DNA ของพวกคุณสามารถปฏิบัติการ
    ด้วยศักยภาพ 88% ของมันได้แล้ว
    พวกคุณก็จะสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้
    นั่นแหละคือเมล็ดพันธุ์ที่พวกคุณมีอยู่ภายในตัวเองหละ
    เรื่องนี้มันฟังดูคุ้นๆไหม๊?

    สิ่งที่เหล่าคุรุผู้รู้แจ้งของโลกใบนี้บางคน ได้เคยทำเอาไว้
    และเป็นสิ่งที่พิเศษมากๆนั้นมันคืออะไร?
    ลองใช้สามัญสำนึกใตร่ตรองดูสิ..มันคือการใช้อำนาจจิตควบคุมวัตถุนั่นเอง!

    แล้วเจ้าความสามารถพิเศษแบบคุรุผู้รู้แจ้งที่ว่านี้ มันคือปาฏิหาริย์หรือเปล่า?
    หรือว่ามันเป็นแค่ผลพวงจากการทำงาน
    ด้วยศักยภาพ 88% ของ DNA ของพวกเขาเองเท่านั้นกันแน่?..”

    Kryon
    ....................................................................
    ที่มา: บางส่วนของข้อความจากครายออน
    เรื่อง: THE HUMAN SOUL REVEALED"
    วันที่: 13 ธันวาคม 2014
    เวปไซต์: Kryon Channelling - San Rafael, California - December 13, 2014
    .......................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    สัปดาห์นี้ คุณ Hill ได้โพสท์ข้อความของ
    วันที่ 27 เมษายน ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2014 ที่คุณชยุตได้แปลเอาไว้....
    ซึ่งเมื่ออ่านแล้วก็ดูยังเข้ากับเหตุการณ์ในปัจจุบันอยู่
    จึงนำมาให้อ่านกันใหม่อีกครั้ง....
    ....อจิตตะ....

    *************
    ข้อความสื่อสารจากท่าน Hilarion
    ประจำสัปดาห์ที่ 27 เมษายน ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2014

    ที่มา: HILARION 2014 - The Rainbow Scribe

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    ที่รักทั้งหลาย

    มนุษย์โลกทุกๆคนล้วนกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการเปลี่ยนรูปแบบในทุกๆระดับอยู่ ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
    ชีวิตมนุษย์ในแบบที่พวกเขาเคยรู้จัก กำลังเปลี่ยนไปแล้ว และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้
    ก็จะนำไปสู่วิถีการดำรงชีวิตแบบใหม่ ที่จะเป็นผลดีต่อทุกผู้ทุกนาม มากกว่าวิถีเดิมๆอย่างมาก

    แต่มันก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ง่ายดายเลยเมื่อกำลังอยู่ในกระบวนการนี้ และเพราะฉะนั้นแล้ว
    มันจึงจำเป็นจะต้องอาศัยความยึดมั่นในศรัทธาที่มีต่อโลกใหม่ที่ดีกว่าเดิม สำหรับทุกผู้ทุกนามด้วย
    และแน่นอนว่า ในช่วงเวลานี้ โลกภายนอกยังไม่ส่อวี่แววของทัศนวิสัยที่สูงกว่าที่ว่านี้ให้เห็นเลย
    เพราะว่ามันกำลังอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงต่างๆอยู่ แต่มันก็ได้กลายไปเป็นแม่แบบของชีวิต
    ในระนาบที่สูงกว่าไปเรียบร้อยแล้ว นี่แหละคือที่ๆการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายได้เริ่มต้นขึ้น
    และก็กำลังดำเนินอยู่บนวิถีทางของมันเองเพื่อเข้ามาสู่โลกทางกายภาพนี้อยู่

    มนุษยชาติมวลรวม ได้เลือกการเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้มาแล้ว
    ซึ่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็จะเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ
    ก็อาจจะเกิดขึ้นโดยใช้ระยะเวลายาวนาน

    ดังนั้น ความอดทนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
    สำหรับพวกคุณทุกคนที่ได้ทำงานนี้กันมานานหลายปีแล้ว

    สำหรับใครก็ตามที่กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการต่อประสานกับ “คุณลักษณะ” ที่สูงส่งกว่าของตัวเองอยู่
    ภารกิจของพวกคุณก็คือ การกลายไปเป็น “คุณลักษณะที่สูงส่งกว่า” ที่ว่านั้นให้ได้
    (aspects – หมายถึงความดี-ความชั่วทั้งหลาย ที่หลอมรวมกันขึ้นมาเป็นตัวตนของเรา
    แต่ในอีกนัยยะหนึ่ง มันก็หมายถึงตัวตนที่อยู่ในเวอร์ชั่นอื่นๆ หรือมิติอื่นๆ
    หรือโลกแห่งความเป็นจริงอื่นๆของเราเองก็ได้ด้วยนะครับ – ผู้แปล)
    ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ใช่สิ่งดีงามสูงสุดที่ว่านั้น ที่มีอยู่ในตัวของพวกคุณแต่ละคน
    ก็จะหาทางโผล่ขึ้นมาสู่ระดับพื้นผิวด้วยตัวของมันเอง เพื่อที่จะได้รับการยอมรับ,
    การเรียนรู้, การอวยพรให้ แล้วก็เพื่อที่จะถูกปลดปล่อยไป

    และเมื่อใดที่คนๆนั้นเป็นอิสระจาก “คุณลักษณะ” ต่างๆที่ซุกซ่อนอยู่ในทุกๆเซล
    ของคนๆนั้นเป็นเวลาช้านานมาแล้ว ได้แล้ว มันก็มีความจำเป็นอย่างมาก
    ที่จะต้องฝึก “ให้อภัย” ตัวเองด้วย และรวมถึงให้อภัยผู้อื่นทุกๆคน
    ที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์เกี่ยวข้องในชีวิตของพวกคุณ ในภพชาตินี้ และรวมถึงภพชาติอื่นๆด้วย
    ที่อาจจะโผล่ขึ้นมาในความทรงจำของพวกคุณ ในระหว่างกระบวนการนี้

    และหลังจากที่ได้ให้อภัยหรืออโหสิกรรมอย่างจริงใจไปแล้ว
    เซลในร่างกายของบุคคลผู้นั้น
    ก็จะถูกแสงสว่างเข้าไปเติมเต็มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

    และเพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งแสงสว่างดังกล่าวนี้
    บุคคลผู้นั้นก็จะต้องกลายเป็นคนที่อำนวยพร
    หรือแผ่เมตตาให้กับทุกผู้ทุกนาม
    และทุกๆสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อยู่เสมอ

    และด้วยการฝึกฝนดังกล่าวนี้ การเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งขึ้น
    กับคุณลักษณะที่สูงส่งกว่าทั้งหลาย
    ของบุคคลผู้นั้นก็จะบังเกิดขึ้นมาได้

    บนหนทางสู่ความเป็นผู้รู้ผู้ตื่นนี้ บุคคลพึงเรียนรู้และฝึกฝนตัวเอง
    ให้เป็นฑูตแห่งพระผู้สร้าง (the Creator) ให้ได้
    ในทุกๆความคิด, กิริยา และ การกระทำ

    บุคคลผู้นั้นจะต้องกลายเป็นผู้ที่มีความรักต่อทุกสรรพชีวิต
    ที่อยู่รอบๆตัวเอง อย่างปราศจากเงื่อนไข

    และมันจะต้องไม่มีอีกแล้ว ที่ว่างในใจของแต่ละคน ที่จะเหลือไว้ให้กับความคิดที่เป็นความลับใดๆ
    หรือการตัดสินชี้ถูกผิดใดๆใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวหรือพักอาศัยอยู่ได้
    ในขณะที่พวกเขามีปฏิสัมพันธ์ต่อกันและกัน เพราะว่าแต่ละคนจะต้องทำตัวเสมือนเป็น
    หนังสือที่เปิดกางแล้ว ให้ทุกๆคนสามารถอ่านได้ทันที อย่างตรงไปตรงมา และโปร่งใส
    ในทุกๆปฏิสัมพันธ์ที่บุคคลผู้นั้นมีต่อผู้อื่น

    นี่แหละคือความท้าทายที่ยากยิ่งอย่างหนึ่ง ในช่วงเวลานี้ ของพวกคุณแต่ละคน
    ซึ่งกำลังเดินอยู่บนเส้นทางสายนี้หละ ดังนั้น พวกคุณจึงจำเป็นจะต้องอาศัยภูมิปัญญา
    และวิจารณญาณอย่างมาก ในการติดต่อประสานงานกับผู้อื่น

    จงปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งไป เท่าที่พวกคุณจะทำได้
    และจงปล่อยให้วิจารณญาณเป็นผู้นำทางพวกคุณไป
    ในระหว่างช่วงเวลาแห่งการทดสอบนี้

    จงปล่อยให้ความรักและความเมตตา กลายมาเป็นคำสร้อย
    ที่ถูกกล่าวซ้ำๆอยู่ตลอดเวลา
    ในกระบวนการทางความคิดของพวกคุณเอง

    นี่แหละคือวิธีการที่พวกเรา ผู้ซึ่ง “เลื่อนระดับขึ้นไปแล้ว” เคยใช้เพื่อปลดปล่อยตัวเอง
    ให้หลุดพ้นจากอำนาจฝ่ายต่ำๆทั้งหลาย ที่ห้อมล้อมพวกเราอยู่ในเวลานั้นหละ

    และพวกเราก็ยังเคยใช้ชีวิตในแบบที่
    แยกตัวเองออกไปจากคนอื่นๆแล้วด้วยนะ
    (เช่นเป็นนักบวช เป็นต้น - ผู้แปล)
    เพื่อที่จะทำให้สามารถควบคุมตัวเองได้

    แต่สำหรับพวกคุณทั้งหลาย ผู้ที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่
    ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปเลือกทางเลือกนี้แต่อย่างใดเลย
    เพราะว่าพวกคุณส่วนใหญ่ได้บรรลุการเป็นนายเหนือตัวเองมาแล้ว
    จากที่อื่นๆ และจากภพชาติอื่นๆ

    ดังนั้น พวกคุณจึงมีสมรรถภาพพร้อมอยู่แล้วในตัวเอง
    ที่จะสามารถเดินไปบนเส้นทางสายต่างๆบนโลกใบนี้ได้
    โดยไม่ถูกมันครอบงำ

    แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ต้องอาศัยความระมัดระวังเอาใจใส่
    และการฝึกฝนปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอด้วย

    จงอย่ายอมแพ้ให้กับกระบวนการนี้ เพียงเพราะว่าผู้คนรอบข้างของพวกคุณ
    เลือกที่จะแสดงออกมาในวิถีทางที่ไม่ใช่วิถีทางของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
    แต่จงอวยพร อวยพร และอวยพรอยู่ในใจ ให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง
    และให้กับทุกๆคนที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณ เพราะนี่แหละคืองานของพวกคุณในปัจจุบันขณะนี้หละ
    และพวกคุณก็สามารถที่จะทำได้ด้วย เพราะว่าพวกคุณมีสมรรถภาพที่จะทำเช่นนี้ได้อยู่แล้ว

    จงหาเวลาเพื่อทำสิ่งดีๆให้กับตัวเอง เช่น การฟังเพลงที่ช่วยจรรโลงใจ,
    ให้ของหวานที่น่ารักกับตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว, ออกไปเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติบ้าง,
    เฉลิมฉลองให้กับทุกๆชัยชนะของตัวเอง แม้ว่าจะเป็นเพียงชัยชนะหรือความก้าวหน้าเล็กๆน้อยๆที่พวกคุณได้มา
    บนเส้นทางชีวิตของตัวเองก็ตาม

    มันมีสิ่งสวยงามอยู่มากมาย รอบๆตัวพวกคุณ ซึ่งถ้าในช่วงเวลาเหล่านี้
    พวกคุณสามารถจูนเข้าหาความสวยงามเหล่านี้ให้ได้แล้ว
    และสามารถรู้สึกถึงความเบิกบานอันละเอียดอ่อน และรู้สึกถึงความซาบซึ้งใจ
    และความประทับใจ ที่อยู่ภายในจิตใจ และภายในหัวใจของตัวเองได้แล้ว
    นั่นก็เท่ากับว่าพวกคุณได้ช่วยตรึงเอาความรู้สึกดีๆเหล่านี้ลงมาไว้ในดาวเคราะห์โลกดวงนี้แล้ว
    สิ่งเหล่านี้แหละคือธรรมชาติของงานของพวกคุณหละ มันยอดเยี่ยมมากใช่ไหมหละ?


    Until next week…

    I AM Hilarion

     
  16. yaya12

    yaya12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +182
    ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วกินใจลึกซึ้งสุดยอดค่ะ
     
  17. OSR

    OSR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +107
    " เรื่องใด สิ่งไหนที่เป็นของจริง สิ่งนั้นต้องทนทานต่อการพิสูจน์ "
    กระทู้นี้ได้ผ่านการทดสอบมาอย่างยาวนาน (ข้าฯน้อย ขอคารวะ)
    ผมไม่ได้รู้อะไรมาก ทำได้แค่ ให้กำลังใจทีมงานทุกๆคน
    ขอบคุณ..... คร้าาบบบ......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2015
  18. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    [​IMG]
    image from intetnet
    7 Reasons Knowing Your Unique Purpose Will Change Your Life
    7 ประการที่ทำให้คุณรู้ว่า เป้าหมายของความเป็นเอกลักษณ์ของคุณจะเปลี่ยนชีวิตคุณ
    By: Ashley Cebulka
    Original link: 7 Reasons Knowing Your Unique Purpose Will Change Your Life

    คุณได้ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกของกระแสไฟฟ้าที่พุ่งพล่านไปทั่วกายของคุณ
    ซึ่งคุณรู้ดีว่ามันเป็นวันที่ดีและดีที่สุดที่เกิดขึ้นจริง
    ทั้งไม่มีคำว่าผิดพลาดเกิดขึ้นกับคุณอีกต่อไป
    ด้วยพยายามที่จะเป็นไปตามสิ่งที่มันเกิดขึ้นบนเส้นทางของคุณ
    ที่จะนำความสมบูรณ์แบบในการงานหรือความสัมพันธ์มาสยบบนตักของคุณ
    ซึ่งคุณก็รู้ดีว่าคุณกำลังได้รับสิ่งนี้ และกำลังเดินหน้าไปกับเส้นทางนี้ด้วยความรู้สึกที่ดีสุดยอด
    ทั้งรู้อย่างชัดเจนว่าคุณมาอยู่ที่นี่ทำไม
    และอะไรที่คุณต้องทำต่อไปกับความยิ่งใหญ่ให้เกิดแก่ชีวิตคุณ
    ซึ่งนั่นก็เป็นผลพวงจากอัตลักษณ์ (unique) ของคุณที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้....

    “ความทรงจำ” มันสามารถเปลี่ยนทุกแง่มุมของชีวิตคุณได้
    และที่ฉันใช้คำว่า “ความทรงจำ” นี้ เพราะมันคือทั้งหมดที่พวกเราได้เรียนรู้ในวัยหนุ่มสาว
    ทั้งได้ยินได้ฟังความเห็นของคนอื่น
    และเรียนรู้เรื่องความกลัวมาเป็นปีปีที่เรามักจะลืมเสมอ ๆ
    ซึ่งประสบการณ์ในแต่ละช่วงของความทรงจำของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันไป
    บางครั้งมันก็พุ่งกระจายเหมือนดอกไม้ไฟ
    ที่ทำให้ทั้งชีวิตของพวกเขาต้องยกระดับขึ้นไปในทางบวกยังกับจรวด
    แต่บางครั้งมันก็เริ่มจากจุดๆหนึ่งจากภาพที่สวยงามที่คุณไม่เคยพบเห็นมาก่อน....
    ซึ่งก็ต้องให้เวลากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนั้น
    และรอให้สิ่งอื่นๆได้เติมความสวยงามและความสง่างาม
    รวมถึงได้ปรับเปลี่ยนภาพที่ได้สร้างสรรขึ้นเพื่อให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นนี้....
    ซึ่ง”ความจริง” มันเป็นเรื่องของกาลเวลาที่ไม่ใช่จะออกมาอวดทั้งหมดได้ในทีเดียว
    แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่ดึงดูดใจน่าดูเหมือนกันนะ....

    สิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจ คือฉันรู้ว่าเป้าหมายของคุณ
    จะช่วยให้คุณจดจำได้ว่า ”จริง ๆ แล้วคุณคือใคร”
    และต่อไปคุณก็จะหยุดทำอะไรต่อมิอะไร
    โดยเฉพาะการงานอาชีพที่คุณทำอยู่
    เพราะคุณได้สาระตะแล้วว่าคุณต้องทำอย่างนั้น
    ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนจะเปิดไฟเขียวดวงโต ๆ ให้กับพวกเขาเอง
    เพราะพวกเขาจะเข้าใจอย่างถ่องแท้
    และชื่นชมในพรสวรรค์ที่เป็นอัตลักษณ์ของพวกเขา
    พวกเขาจะใช้เวลาและพลังงานรวมทั้งเงินให้คุ้มค่ามากที่สุดในแต่ละวัน
    แต่หากที่ว่ามาทั้งหมดนี้มันยังเป็นเหตุผลที่ไม่เพียงพอละก็
    ต่อไปนี้ก็เป็นบางเหตุผลที่จะทำให้คุณรู้ว่า.....
    “อัตลักษณ์ของคุณจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตต้องเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง...”.

    7ประการที่ทำให้คุณรู้ว่า เป้าหมายของความเป็นเอกลักษณ์ของคุณจะเปลี่ยนชีวิตคุณ


    1."คุณจะได้สร้างอาชีพที่ไกลเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้เลยทีเดียว...."
    นี่เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความลุ่มลึกของความหมายในคำว่า “เป้าหมาย”
    และนี่ก็เป็นผลพวงที่คุณรู้ดีว่ามันมิใช่เป็นเรื่องอุบัติเหตุ (บังเอิญ= ผู้แปล)
    ที่พวกมันได้แสดงออกมาจากส่วนหนึ่งของระบบคำแนะนำของคุณ
    ซึ่งเมื่อคุณได้ใช้พวกมันในการช่วยเหลือผู้อื่น
    ก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการใช้เวลา ใช้พลังงานและการสร้างสรรค์ของคุณ....

    2." คุณจะเลิกสนใจกับเรื่องเล็ก ๆ...."
    แต่คุณจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ต้องทำในขณะที่คุณอยู่ที่นี่
    กับสิ่งใหม่ที่คุณเห็นภาพอย่างชัดเจน
    ที่จะทำให้แต่ละวันในชีวิตคุณมีความหมายยิ่งขึ้น


    3." คุณจะกลายเป็นผู้เห็นสัจธรรมมากขึ้น...."
    คุณจะเปิดไฟเขียวให้กับตัวเองอย่างไม่สะทกสะท้าน
    และตอนนี้คุณจะไม่หันหลังกลับไปอีก
    กับบุคคลิคลักษณะที่เป็นส่วนตัวของคุณ
    ที่คุณชอบคิดว่ามันเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ
    หรือที่ทำให้คุณลำบากใจกับมัน
    เพราะตอนนี้คุณได้รู้แล้วว่าทั้งหมดนั้นมันเป็นความประสงค์ของพระเจ้า
    ที่คุณต้องรับผิดชอบที่จะต้องให้ความจริงใจกับมัน
    และด้วยความตระหนักรู้ที่ทำให้คุณยินยอมให้แสงสว่างของคุณได้สาดส่องออกไป
    ซึ่งนั่นก็เท่ากับคุณก็ได้ส่งเสริมให้ผู้อื่นได้ทำด้วยเช่นกัน....

    4." “ความรู้สึกที่ดี” จะเป็นชื่อเกมส์ของคุณ...."
    ที่ผ่านมาคุณได้เล่นเกมส์ที่รู้สึกว่ามันผิดและต่อต้านมันมานานพอแล้ว
    แต่ตอนนี้คุณได้รู้แล้วว่าคุณเป็นใครและมาที่นี่ทำไม
    คุณจะเปิดใจและใคร่รู้ในสิ่งที่คุณต้องสร้างสรรค์ต่อไป ว่ามันคืออะไร
    และคุณจะสิ้นสงสัยกับการที่คุณอยู่ที่นี่ด้วย”ความรู้สึกที่ดี” นี้
    ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้น....คุณก็จะทำให้ทุกวันของคุณเป็นวันสำคัญ
    และนั่นก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อความสัมพันธ์ทั้งหลายของคุณ
    ให้เป็นไปในด้านที่ดีและมีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นในการเชื่อมโยงกัน
    และโบนัสที่ได้คือการสร้างปฏิกิริยาโดมิโนที่เป็นด้านบวก
    ในด้านของหลากอารมณ์และหลากประสบการณ์....

    5." คุณจะเริ่มเป็นผู้ฟังและเคารพในความคิดเห็นของผู้อื่น
    แต่ก็ไม่ได้คล้อยตามพวกเขาไปซะทั้งหมด...."
    เพราะพวกเขาต่างก็มีเป้าหมายในชีวิตประจำวันของพวกเขาเอง
    ความคิดเห็นของพวกเขาก็มาจากประสบการณ์ชีวิตของพวกเขาไม่ใช่ของคุณ
    ซึ่งตอนนี้คุณได้เชื่อในสัญชาติญาณของคุณและรู้ว่านั่นเป็นเครื่องนำทางของคุณ
    คุณจะฟังเสียงตัวเองและเชื่อใจในกระบวนการของคุณเองมากกว่า....

    6." การดูแลรักษาตนเองจะถูกจัดอันดับให้ความสำคัญสูงสุด...."
    คุณจะจริงจังกับการดูแลสุขภาพตนเอง
    ที่จะทำให้คุณสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกที่ดีได้ตลอดเวลา
    เหมือนมีเงินนับล้าน ๆ ที่พร้อมจะให้คุณไปละลายเล่นในแต่ละวัน....

    7." คุณจะใช้เวลาเพื่อการสงสัยน้อยลงและใช้เวลาไปกับความเชื่อมั่นมากขึ้น...."
    เพราะคุณรู้แล้วว่าคุณมาที่นี่ไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ
    และการใช้เวลาไปกับการทำในสิ่งที่คุณต้องมามีชีวิตอยู่นี้
    จะให้ผลมากกว่าที่คุณเคยได้รับเลยทีเดียว....

    และขอให้คุณได้รับรู้ไว้ว่า....“มีเพียงคุณเท่านั้นในโลกใบนี้ ที่พวกเราต้องการ "

    และขอได้โปรดโอบกอดความรู้สึกอันลึกซี้งของคุณ
    ด้วยการทำในสิ่งที่ทำให้คุณต้องมามีชีวิตอยู่นี้ด้วยเถอะนะ....
     
  19. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ฑูตแห่งพระผู้สร้าง..ประทับใจคำนี้มากกกกกกก:cool:
     
  20. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    การแสดงตนในความเป็น Starseed ของคุณ :

    [​IMG]
    Image from internet

    The Team via Peggy Black: Your Starseed Presence
    April 21, 2015

    พวกเรามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อเชื่อมต่อกับคุณผ่านพลังงานของคำพูดเหล่านี้
    ที่จะเป็นตัวนำพลังงานที่มีความหมายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
    ที่ขึ้นอยู่กับความเชื่อในโปรแกรมของคุณ
    เพราะพวกเราได้พบว่าคำพูดทั้งหลายของคุณนั้นมันมีจำกัด
    จึงทำให้ไม่สามารถตอบสนองกับการขยายความตระหนักรู้
    ของชีวิตหลากมิติที่แท้จริงที่คุณได้
    เพราะมันไม่มีคำพูดที่จะสามารถแสดงออก
    ทั้งในด้านแนวคิดหรือความจริงของความหลากมิติ
    ในความเป็นพระเจ้าในร่างมนุษย์ที่คุณเป็นอยู่นี้....
    แต่มันก็ยังคงเป็นเครื่องมือชนิดเดียว
    ที่จะสามารถนำพลังงานของพวกเรามาเชื้อเชิญให้คุณได้ขยายต่อไปอีกครั้ง….และอีกครั้ง....
    พวกเรารู้ดีว่า คุณได้ยินได้ฟัง คำว่า"คุณคือสิ่งมีชีวิตที่เป็นแสงสว่าง"
    มานับครั้งไม่ถ้วน
    แต่ก็ดูเหมือนมันยังคงเป็นแค่เพียงเสียงกระซิบที่แผ่วเบาจากที่ไกลแสนไกล....

    แต่ความจริงมันก็ย่อมเป็นความจริง
    อย่างที่เราได้เคยนำเสนอมาก่อนแล้วว่า
    ในทุกๆเซลล์และใน DNA ได้มีการปล่อย
    ไบโอโฟรตอน (biophotons) ของแสงออกมาอยู่ตลอดเวลา....
    คุณลองจินตนาการดูซิว่าทุกอณูของผิวคุณมันเป็นแผงโซล่าธรรมชาติ
    ที่ได้รับพลังงานและคลื่นความถี่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาว
    ที่ส่งพลังงานมาทำการชาร์ทชีวิตให้กับคุณอย่างต่อเนื่อง
    ซึ่งกับการปล่อยแม่เหล็กไฟฟ้าจากตัวคุณ
    มันก็สามารถวัดได้จากเครื่องมือที่ทันสมัยของคุณ

    พวกเรารู้ว่าคุณรู้ดีว่าตัวคุณเองเป็นสิ่งหนาทึบและมีกายภาพที่หนาแน่น
    แต่ก็มีสิ่งที่คุณควรรับรู้ไว้ด้วยว่า
    นั่นมันเป็นเพียงยานพาหนะในขณะที่คุณก็ยังคงเป็นดวงดาวอยู่
    คุณคือพลังงานแสงสว่างที่เกิดขึ้นจากการสั่นสะเทือนของคลื่นความถี่ต่ำ
    จึงทำให้คุณรู้สึกว่าร่างของคุณเป็นสิ่งหนาทึบ
    ทั้งที่สภาวะที่แท้จริงที่คุณดำรงอยู่นั่นมันคือพลังงานของแสง
    และการที่คุณมัวแต่ไปโฟกัสอยู่กับลักษณะทางกายภาพ
    คุณก็มักจะนำพลังงานของตนเองไปกำกับในทุกสิ่งที่คุณเผชิญอยู่....
    ขอให้คุณจำไว้....ว่าพลังงานที่คุณนำไปกำกับกับกายภาพของคุณนั้น
    มันเป็นอิทธิพลของประสบการณ์ทางความคิด ความเชื่อและจากสภาวะอารมณ์ของคุณ.....

    แต่เมื่อใดที่คุณได้ตระหนักรู้ว่าคุณเป็นอะไรที่มากกว่ากายภาพที่หนาทึบนี้
    และได้ใคร่ครวญถึงความเป็นจริงในความเป็นดวงดาวของคุณ
    ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวจักรวาล
    และยอมรับว่านี่มันเป็นเป็นไปได้จริง....
    ทั้งเริ่มเข้าใจว่าแท้ที่จริงคุณคือใคร
    เมื่อนั้นการขยายสู่การแสดงตนในความเป็น Starseed ของคุณก็จะเริ่มต้นขึ้น....


    และเมื่อคุณมีความตั้งมั่นที่จะปลดปล่อยความเชื่อ
    ที่จำกัดอยู่กับรูปแบบต่าง ๆ ที่คุณเคยได้รับ
    และเคลียร์สภาวะอารมณ์ของคุณได้
    ทั้งหยุดการกระทำที่ซ้ำๆซากๆกับเรื่องราวที่ไม่เป็นการสนับสนุนคุณแล้วละก็....
    นั่นแหละ....เท่ากับคุณได้เริ่มต้นยกระดับตนเองไปสู่มิติที่สูงกว่าแล้ว....
    คุณจะเริ่มต้นปรับแต่งพลังงานเพื่อใช้ในการกำกับสิ่งต่างๆของคุณ
    และความสั่นสะเทือนของคุณจะสูงกว่าในรูปแบบของความบริสุทธิ์ของแสงสเปคตั้ม
    คุณจะเริ่มแสดงความเป็นคุณออกมาด้วยตัวคุณเองดั่งพรายน้ำที่มีชีวิต
    ดั่งแสงสว่างที่เป็น Starseed ที่แท้จริง....
    และตราบที่คลื่นความถี่และความสั่นสะเทือนมันยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
    ความตระหนักรู้ของคุณที่มีต่อมิติอื่น ๆ ก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น ๆ....
    ซึ่งนี่ก็คือเป้าหมายมิใช่หรือ?

    โลกของคุณที่กำลังอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลง
    และเลื่อนระดับไปสู่มิติที่สูงกว่าได้ดีนั้น
    คุณเป็นผู้ที่มีส่วนในการเกิดขึ้นครั้งนี้ด้วย
    และหากคุณเดินหน้าต่อไปด้วยการรับรู้การสั่นสะเทือนของแสง
    ที่เกิดขึ้นภายในทุกๆเซลล์ในรูปแแบบของกายเนื้อคุณ
    - คุณเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจในการแสดงออก
    ไม่ว่าจะเป็นความคิด คำพูดและอารมณ์ที่คุณโฟกัส
    ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสนามของควันตั้ม....
    - คุณเป็นผู้ที่เชื่อมต่อกับสนามพลังงานในทุกๆขณะ
    - คุณเป็นผู้ที่สามารถนำพาความสั่นสะเทือนจากสนามพลังของความเป็นหนึ่งเดียวกันได้....

    ดังนั้น....เมื่อคุณเริ่มขยายแสงสว่างจากโควต้าที่คุณได้กำหนดไว้
    และมั่นคงอยู่กับการโฟกัสในสิ่งที่มาจากมิติที่สูงกว่า
    คุณก็จะเริ่มเชื่อมโยงกับความตระหนักรู้ของแสงสว่างในมิติที่ 4 และ 5 ….


    และที่คุณมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อนำความตระหนักรู้ของ Starseeed มาสู่โลกแห่งความจริงนี้
    ซึ่งเมื่อใดที่คุณเลิกโฟกัสกับสิ่งที่เป็นข้อจำกัดของมิติที่ 3เสีย
    เมื่อนั้นคุณก็จะเริ่มจำได้และสามารถเปิดกล่องความสามารถและพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ของคุณได้
    และทุกเรื่องทุกสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกก็จะได้รับการแก้ไข
    ด้วยวิธีการแก้ปัญหาที่มาจากอาณาจักรที่สูงกว่าของความจริง
    ซึ่งตลอดระยะเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ของคุณ
    ที่ได้เป็นผู้ไปสัมผัสกับอาณาจักรที่สูงกว่าเหล่านี้
    ด้วยการสร้างสรรค์เสียงดนตรีที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจ
    ศิลปะที่ยังคงสร้างสรรค์อารมณ์
    และสิ่งประดิษฐ์มากมายที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของคุณ....
    ดังนั้น....คุณย่อมรู้ดีอยู่ตลอดเวลาว่าคุณมีขีดความสามารถ
    และสามารถเข้าไปสัมผัสกับความตระหนักรู้ของอาณาจักรที่สูงกว่านี้ได้ด้วย
    ทั้งคุณก็ยังรู้ดีว่ามันจะเลื่อนไหลไปกับแรงบันดาลใจ
    และวิธีการแก้ปัญหาก็จะได้รับการดาวน์โหลดด้วย....
    ....ดังนั้น....จงพูดออกไปเถอะ....

    การมาเล่นกับความเป็นไปได้นี้ก็เท่ากับยอมให้จินตนาการของคุณ
    ได้ท่องไปในที่ที่มีคำตอบที่พร้อมจะเปิดเผย
    จึงขอให้เชื่อในกระบวนแห่งสัจจะด้วยการปฏิบัติและยินยอมให้มันได้เปิดเผยเถอะนะ....


    และหากคุณยินยอมให้ตัวคุณก้าวออกจากข้อจำกัดที่คุณกำหนดไว้
    และรับรู้ในความจริงแล้วละก็....
    นั่นเท่ากับคุณได้เปิดประตูให้กับสุดยอดของขีดสามารถที่ไม่จำกัดแล้วล่ะ
    และเมื่อคุณสามารถรับรู้ด้วยตัวคุณเอง
    ถึงขีดความสามารถของผู้สร้างในชีวิตจริงของคุณ
    คุณก็จะสามารถเริ่มต้นทำการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ
    ที่จำเป็นต่อการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประสบการณ์ชีวิตจริงของคุณมากที่สุด....

    พวกเราจึงขอเชื้อเชิญให้คุณมาคิดการใหญ่ กันเถอะ
    และขอเชิญชวนให้คุณมาเป็นเจ้าของพลัง
    ที่จะทำให้เกิดความแตกต่างของประสบการณ์ในโลกส่วนตัวของคุณ
    ตลอดจนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในโลกด้วย
    และคุณก็คือผู้ที่ได้รับเชิญเพื่อการเป็นเจ้าของสัจจะนี้....


    ขอให้คุณจงจำไว้ว่า....
    เมื่อคุณตั้งมั่นในการโฟกัสไปกับสิ่งใด....สิ่งนั้นจะปรากฏ
    ดังนั้น จงเริ่มโอบกอดตัวคุณไปพร้อมกับความเป็นผู้ร่วมสร้างของพระเจ้ากับความจริงนี้เถิด
    จงยกระดับและพัฒนาความคิดของคุณ
    และจงทิ้งไปให้หมดกับความเชื่อที่มีขีดจำกัด
    จงยินยอมให้คุณได้เล่นกับความเป็นไปได้....
    จินตนาการในสิ่งที่ไร้ขีดจำกัด และไร้ขีดจำกัด....

    แล้วอะไรกันนะที่คุณต้องการสร้างสรรค์
    กับความเป็นดวงดาวอันศักดิ์สิทธ์ของคุณนี้หนอ...?


    การโฟกัสในสิ่งที่คุณให้ความสนใจนั้นมันจะไม่กระทบต่อความจริงหรอกนะ
    ขอให้คุณจินตนาการว่าความสนใจที่คุณโฟกัสนั้น
    มันสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงทุกโครงสร้างของโมเลกุลในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
    ซึ่งมันจะเป็นคลื่นความถี่ที่สอดคล้องกับความตระหนักรู้ของแสงสว่างของคุณ
    ที่จะทำให้การโฟกัสของคุณนั้นมันมีพลังในการปรับเปลี่ยน....
    และนี่ก็เป็นการกระตุ้นความเป็นโลกส่วนตัว
    ที่จะเกิดขึ้นในหัวใจและในจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ที่จะมาปรับเปลี่ยนโลกใบนี้
    ทั้งให้รับรู้ถึงพลังความคิดที่จะทำให้สิ่งที่โฟกัสนั้นมันเกิดขึ้นจริง....
    และเมื่อคุณได้เริ่มพบกับคลื่นความถี่ที่สูงกว่า
    และยอมให้ตัวเองได้ดาวน์โหลดวิธีการแก้ปัญหากับสถานะการณ์ปัจจุบันละก็
    ความกระตือรือล้นที่จะรับรู้เพิ่มให้มากยิ่งขึ้นๆ
    กับจิตสำนึกในความตระหนักรู้ของแสงสว่างนี้ทั้งหมดก็จะเกิดขึ้นกับคุณ...

    พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นผู้มาย้ำเตือนในพลังที่แท้จริงที่คุณได้สร้าง
    และการเชื่อมโยงที่แท้จริงกับเหล่าดวงดาวทั้งหลาย....
    ทั้งขอแสดงความยินดีกับความตระหนักรู้ในความเป็น Starseed ของคุณด้วยการก้าวสู่สัจจะ….
    อีกทั้งขอขอบคุณกับการทำงานในโลกส่วนตัวของคุณ
    ในการร่วมมือกับพระเจ้าเพื่อให้ความช่วยเหลือมวลมนุษยชาติ
    จากการโฟกัสของคุณที่จะเกิดขึ้นในกาลข้างหน้าอีกด้วย….และ

    ""พวกเราก็พร้อมที่จะสนองความต้องการตามที่คุณร้องขอเสมอ…".

    The Team….
     

แชร์หน้านี้

Loading...